Dungeon Defense (WN) 328 ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (16)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 328 ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (16) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 328 – ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (16)

 

 

 

หากไม่อยากจะให้เป็นภัยต่อไป ก็แค่ฆ่าผม ลงมือเลย นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดจริงๆ

 

การฆ่าผมนั้นจะไม่จบแค่เพียงการตายของบุคคลคนหนึ่ง หากแต่เป็นการตัดทำลายสะพานเชื่อมระหว่างฝ่ายที่ราบ,ฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง

 

นั่นเป็นความตายของผู้เจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างฝ่ายปีศาจและฝ่ายมนุษย์

เธอจะได้ทำลายตัวตนเดียวที่คอยกดดันจอมมารไม่สังกัดฝักฝ่ายใด ด้วยการฆ่าคนรักของกามิกินทิ้ง

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกมากมายหลายชีวิตที่สูญเสียไปเพื่อการกระทำเช่นนี้

 

นับห้าหมื่นชีวิตที่ร่วงหล่นไปในสมรภูมิออสเตอร์ลิทซ์ และบรูโน่เองก็เช่นกัน

การตายของทหารสองพันนาย ณ ภูเขาดำ และการตายของทั้งบาอัลและอกาเรสด้วย

 

 

เอาจริงๆแล้ว น้ำหนักของชีวิตผู้บริสุทธิ์นับหมื่นนายที่ผมแบกไว้บนบ่า ผมได้ทำการฆ่าล้างด้วยเจตนาและความมุ่งหมายที่ชัดเจน

ผมเป็นผู้ประจักษ์ต่อความรับผิดชอบของตนเอง ไม่มีคำว่า ‘ถ้าหากว่า’  , ‘และหรือ’ หรือแม้แต่คำว่า ‘แต่’ ในเรื่องนั้น

 

 

พวกเรามามาสู่จุดที่ไม่มีข้ออ้างอะไรอีกต่อไป 

นี่คือ ดินแดนรกชัฏที่ไม่อาจบ่มเพาะเมล็ดที่เรียกว่า ข้อแก้ตัว เพื่อมาเก็บเกี่ยวในภายหลังได้

 

มันเป็นสุสานของพวกสัมภเวสีที่เต็มไปด้วยศีรษะเรียงราย ดินแดนที่แห้งแล้งกันดารมีแต่น้ำแข็ง ไม่อาจมีสิ่งใดเจริญเติบโตขึ้นได้

 

บุคคลที่ปรารถนาสิ่งนี้ต้องมีข้อแก้ตัวที่ยิ่งใหญ่พอ

 

เธอจะเป็นเหมือนอย่างอลิซาเบธก็ได้ ประกาศสิ่งที่ยิ่งกว่าสำหรับมวลมนุษยชาติ และชาติใดชาติหนึ่ง มันไม่สำคัญเลยว่า คำแก้ตัวนั่นจะเป็นอะไร สิ่งสำคัญอยู่ที่รู้จักแยกแยะมันได้ แม้ในยามที่ทำตัวกลับกลอกต่อคำพูดตัวเองก็ตาม

 

ไพมอนย่อมต้องเข้าใจความจริงข้อนี้ดีอยู่แล้ว

 

“ไม่มีทางที่……ข้าจะฆ่านายได้หรอก…….”

ไพมอนเค้นเสียงออกมาราวกับเป็นสัตว์บาดเจ็บ

 

 

“บุคคลคนเดียวที่เข้าใจ…… ยอมรับ, และให้อภัยข้า”

 

เปลือกของเธอนั้นแตกออก ก้อนกรวดหนักๆที่ฝังอยู่ในอกของเธอปรากฏมาบนใบหน้า

สีหน้าของเธอนั้นไม่ใช่แสดงออกแต่อารมณ์ผิวเผิน หากแต่เป็นอารมณ์จากก้นบึ้งหัวใจ 

 

ถูกแล้วล่ะ เธอต่างจากผม เธอนั้นเป็นคนที่มีอารมณ์ล้ำลึก

 

 

“บุคคลแรกที่ข้าชอบ……!”

ไพมอนร้องออกมา

 

“ไม่มีทางที่ข้าจะฆ่าคนแบบนั้นได้หรอก!”

 

เธอพูดแล้วนะ,ไพมอน

 

เธอยอมรับแล้วว่า เธอน่ะฆ่าผมไม่ได้

 

ณ ชั่วขณะนั้นเอง ราวกับกลีบดอกลิลลี่ที่ร่วงหล่นลงมา อุดมคติอันแสนงดงามที่ปรารถนาจะถนอมชีวิตมนุษย์ไม่กี่คนบนโลกใบนี้กลับร่วงหล่นลงสู่พื้นเงียบๆ

 

ไพมอนเป็นผู้หญิงที่ยอมสละสิ่งที่ทำมานับร้อยปีเพื่ออุดมการณ์ของตัวเอง

ทองคำทั่วทั้งทวีปก็ยังไม่มีค่ามากพอจะเทียบกับความพยายามของเธอ

 

แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่อยากฆ่าผม ไม่สิ เธอฆ่าผมไม่ได้

อุดมการณ์ของเธอนั้นโดนปฏิเสธด้วยความจริงอย่างสุดขั้วและอารมณ์ที่รุนแรง

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เรามาทำสัญญากันเถอะ

ผมปาดเช็ดน้ำตาไพมอนด้วยมือ

 

 

“มอบความเชื่อมั่นอันไม่สั่นคลอนนั่นให้ข้าเถอะ”

 

สัญญาที่ไม่มีวันถูกทำลายได้ไปตลอดกาล

พันธสัญญาเลือด

 

 

“ไพมอน, สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถฆ่าข้าได้  ,ไม่สามารถฆ่าคนๆหนึ่งได้

แม้เธอจะบอกว่า จะยอมสละชีวิตนับหมื่นเพื่อแนวคิดสาธารณรัฐได้ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ทำอะไร เธอมาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วล่ะ

 

แต่กับข้าน่ะ มันไม่ใช่”

 

“ดันทาเลี่ยน……?”

 

เพราะไพมอนร้องไห้มากเกินไปอย่างนั้นหรือ? ดวงตาไพมอนถึงได้ดูพร่ามัวเสียเหลือเกิน

 

 

ไพมอนเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

ผมคุกเข่าลงเพื่อให้สายตาของเราอยู่ในระดับเดียวกัน

 

“ความจริงที่เธอรู้อยู่แล้วก็คือ เธอไม่อาจฆ่าคนนับหมื่นเพื่อแนวคิดสาธารณรัฐได้

 

แค่ความเชื่ออย่างเดียวน่ะ ไม่มีอำนาจมากพอที่จะประหัตประหารชีวิตมากมายได้หรอก

 

แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็รู้เช่นกันว่า ความเชื่อที่เปี่ยมไปด้วยความถูกต้องชอบธรรมมากขนาดนั้นเองก็ไม่มีอยู่จริงเช่นกัน”

 

เธอไม่สามารถยอมรับการฆ่าล้างนั้นได้ตราบใดที่เธอยังเป็น ‘คนดี’ ขนาดนั้น

พวกนักอุดมคติทั้งหลายไม่รู้เรื่องนี้กันนักหรอก

หรือต่อให้เจ้าพวกนั้นรับรู้ มันก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ

 

การที่ไพมอนไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องนั้นก็เห็นได้ชัดว่า เธอนั้นยึดติดกับอุดมคติในรูปแบบที่งดงามที่สุด 

ตอนนี้ผมกำลังจะดึงความงดงามนั่นใส่กระดาษสีขาวแล้วเก็บใส่พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำของผมตลอดไป

 

 

 

“แต่ มันเป็นไปได้สำหรับบุคคลชั่วร้ายที่เข่นฆ่าคนนับหมื่น”

 

สีหน้าของไพมอนกลับแสดงออกถึงความตกใจ

 

“ดันทาเลี่ยน…… นายกำลังพูดถึงอะไร……?”

 

“ข้าบอกไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่รึ ? ข้าจะเป็นตัวแทนความปรารถนาของเธอเอง”

ผมยิ้มออกมา

 

 

ผมยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนนุ่มนวลที่สุดเพื่อเธอจะได้หวังพึ่งพาผมโดยไม่ทันได้รู้ตัว

 

 

“ข้าจะฆ่าในสิ่งที่เธอไม่อาจฆ่าได้เอง

ข้าจะทำการสังเวยขนาดที่เธอไม่อาจอภัยให้ได้

เธอจะได้วางภาระที่แบกอยู่บนบ่าของเธอลงได้เสียที

 

จริงๆภาระแบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเธอสมควรจะแบกรับไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”

 

“นั่นมันบ้าเกินไปแล้ว!”

ไพมอนตะโกนออกมา

“ข้า-ข้าน่ะไม่ได้ต้องการแบบนั้น…… ข้าไม่เคยจะ……!”

 

“นั่นมันคำโกหก เธอคงต้องการอย่างน้อยๆก็สักครั้งหนึ่งแหละ

ไม่สิ เธอคงต้องการแบบนั้นสักพักสักหมื่นครั้งด้วยซ้ำ”

 

ผมมองเข้าไปในดวงตาของไพมอนที่เป็นสีแดงราวกับอัญมณีอย่างแน่แน่ว

 

“วันหนึ่งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบโลกที่ต่างออกไป เป็นโลกที่ปีศาจและมนุษย์อยู่ด้วยกันอย่างไม่แบ่งแยก

…….จะดีแค่ไหนกันหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นมาได้จริงๆ? 

ข้าแน่ใจว่า เธอต้องโหยหาถึงสิ่งนี้เสียจนอย่างจะคร่ำครวญออกมาเลย ข้าพูดถูกไหม?”

 

 

“อ่าา, อาาาาา…….”

 

เสียงที่เล็ดไหลออกมาไม่เป็นภาษาดังมาจากริมฝีปากที่อ้าขึ้นแล้วหุบลง

 

 

“นี่เป็นสัญญา นับจากนี้เป็นต้นไป เธอจะทิ้งอุดมคติทั้งหมดของเธอ

 

เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงอุดมคติแบบนั้นอีกตราบใดที่เธอยังฆ่าข้ายังไม่ได้ด้วยซ้ำ…….ไพมอน, ได้โปรดเถอะ ยอมลดตัวลงเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเถอะ”

 

เธอน่ะสามารถอุทิศชีวิตให้กับอะไรสักอย่างได้ตราบที่เธอยังคิดว่า สิ่งนั้นเป็นความถูกต้อง

 

แต่ถึงอย่างนั้น หากเธอฆ่าคนเพื่อสิ่งนั้นแล้ว สิ่งนั้นก็จะไม่ใช่ความถูกต้องอีกต่อไป 

 

นี่คือ โฉมหน้าปริทรรศน์(ความย้อนแย้ง)ของพวกนักอุดมคติ

แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากมีคนเลว เป็นเหตุให้เกิดการฆ่าล้างขึ้นมาตั้งแต่แรกล่ะ?

 

จะเกิดอะไรขึ้น หากมีการฆ่าล้างกันอยู่แล้ว ทำให้ผู้คนมากมายต้องล้มตาย แล้วผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างนั่นไม่พยายามแม้แต่จะหาข้ออ้างใดๆเลย ? 

กว่าที่เธอจะได้ทันรู้ตัว แนวคิดสาธารณรัฐก็ย่อมเผยอแพร่ไปทั่วทั้งทวีป แล้วด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้เองหากมีคนๆหนึ่งรับผิดชอบกับการฆ่าล้างได้อย่างชัดเจน แนวคิดสาธารณรัฐย่อมประสบความสำเร็จขึ้นได้

 

หากผู้ก่อการเบื้องหลังไม่ได้พูดว่า การฆ่าล้างทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อแนวคิดสาธารณรัฐ เช่นนั้นแล้ว การเป็นสาธารณรัฐก็จะไม่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับอาชญากรรมความรุนแรง และยังคงรักษาความสะอาดบริสุทธิ์ไว้ได้

 

 

ไม่ต้องมีฮีโร่หรือการเสียสละใดบนโลกใบนี้ 

มีเพียงตัวตนที่ชั่วร้ายที่เห็นกันได้อย่างแจ่มชัด

ผู้คนทั้งหลายจะสามารถสังเกตเห็นความงดงามที่ว่าได้โดยไร้ซึ่งข้อสงสัยหรือความกังขา

 

 

“แต่, แล้ว…… แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับนายกันล่ะ !?”

 

“อย่าประเมินข้าต่ำไปนักซี่ ข้าฆ่ามาแล้วนับหมื่นคน 

เพิ่มของเธอเข้าไปอีกสักหน่อยก็ไม่ต่างกันหรอก”

 

ผมหัวเราะอย่างสบายๆ แขนขาผมร่ำร้องออกมา เนื่องจากร่างกายของผมยังไม่อาจฟื้นฟูสมบูรณ์ดี ; แต่ถึงอย่างนั้นผมเองก็ต้องหัวเราะออกมา โดยอดทนต่อความเจ็บปวดนั้นไว้

 

 

คนดีที่ไม่มีความสามารถ กับ คนชั่วที่มีความสามารถ 

ด้วยเหตุผลบ้าๆบางประการ โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ

 

หากเธอยังมีอารมณ์ขันอยู่ ก็สมควรหัวเราะออกมาบ้าง

 

 

 

“ข้าดีใจกับความเข้าอกเข้าใจของนาย แต่กรุณาเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย

ถึงนายจะคิดจะช่วยข้า แต่โยนมันทิ้งไปดีกว่า ข้าไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลย”

 

 

“ข้าไม่ปรารถนาที่จะโยนทั้งหมดให้เป็นภาระที่นายต้องแบกรับ !”

 

ผมยิ้มสดใสออกมา

 

“โทษทีนะ , แต่เรื่องแบบนั้นน่ะ มันไม่สำคัญต่อไปแล้ว ”

 

นี่เธอยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ผมน่ะไม่ได้ขออนุญาตอีกฝ่าย

เพราะการขอคำอนุญาตจะกลายเป็นทำให้อีกฝ่ายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

 

คนจริงน่ะ เขาไม่ต้องการการขออนุญาตกันหรอก

มันจบตั้งแต่ ชั่วขณะที่เธอยอมรับว่า เธอน่ะฆ่าผมไม่ได้แล้ว

 

 

ทั้งหมดที่ต้องการตอนนี้คือ คำโกหกเพียงคำเดียว

เป็นสิ่งที่เพิ่มเข้าไปเพื่อให้มากเพียงพอที่จะขโมยหัวจิตหัวใจของสาวน้อย ผู้ต้องร้องไห้ไม่หยุดไม่หย่อนต่อหน้าผม

 

ผมจะแสดงให้เธอเห็น ณ บัดนี้แหละ

 

“ข้ารักเธอนะ, ไพมอน ”

 

“เอ๋……?”

 

ผมเดินไปข้างหน้าครึ่งก้าว  ช่วงชิงริมฝีปากของเธอก่อนที่เธอจะได้ทันตั้งตัว

ดวงตาของไพมอนเบิกกว้าง แม้จะมีท่าทีต่อต้านบ้างเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจจะผลักผมออกไปได้

 

ผมใช้ประโยชน์จากอาการบาดเจ็บเพื่อสู้กับเธอ ผมขมวดคิ้วราวกับร่างกายเจ็บปวดขึ้นมาทันทียามที่ไพมอนขยับ 

ไพมอนจึงหยุดขัดขืนพอเธอรู้อย่างนั้นเข้า 

เธออาจพึ่งนึกออกก็ได้ว่าจริงๆแล้ว ผมกำลังบาดเจ็บหนักอยู่

 

ผมฉวยโอกาสในเรื่องนั้นแหละ

 

ไพมอนยอมโอนอ่อนผ่อนลง ดังนั้นแล้วผมจึงยิ่งจูบให้หนักขึ้น

เธอค่อยๆสัมผัสร่างกายของผมอย่างระวังก่อนที่จะดันผมออกไป แต่การต่อต้านที่อ่อนแอแบบนั้นกลับยิ่งทำให้ร่างกายของเราใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

ความพยายามดังกล่าวค่อยๆลดน้อยถอยลง

 

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ระหว่างเราก็คือ อ้อมกอดของกันและกัน

 

“……, …, …….”

 

ไพมอนหลับตาลงอย่างช้าๆ

บ่อน้ำตาที่ไหลรูดลงมาเป็นสายยาวข้างแก้มของเธอ

 

ณ เวลานั้นเองเสียงซาวน์เอฟเฟคที่ฟังดูมืดหม่นสำหรับผมก็ดังขึ้น

 

 

「ความลึกอันลึกซึ้ง! อีกฝ่ายต้องพึ่งพาคุณจริงๆ  มอบฉายาใหม่ให้กับอีกฝ่ายเนื่องจากความสัมพันธ์นี้ 」

 

ค่าความชอบ 50 หน่วย ค่าความชอบแรกปลดล็อคแล้ว 

 

ขั้นตอนแรกในการจีบไพมอนนั้นไม่มีวิธีการอื่นเลยนอกจากทำให้เธอละทิ้งอุดมคติของเธอ

มันช่างเป็นตลกร้ายจริงๆ

 

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

 

แต้มค่าความชอบ 50 หน่วย ไม่ใช่แต้มที่ใส่มาส่งๆมั่วๆ หากแต่มีความหมายเฉพาะอยู่เบื้องหลังมัน

 

ค่านี้เป็นค่าที่คอยรักษาตัวตนของบุคคลนั้นกับความรักที่มีให้กับคนรักไปพร้อมๆกัน

 

เป็นสมดุลอันน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

 

หากค่าความชอบต่ำกว่า 50 พวกเขาก็จะเลือกความเชื่อตัวเองเหนือคนรัก หากต้องตัดสินใจ

 

แต่หากสูงกว่านั้น พวกเขาก็จะเลือกคนรัก ในขณะที่ 50 นั้นหมายถึง พวกเขาไม่อาจจะเลือกฝ่ายไหนได้เลย …….

 

สำหรับเรื่องนั้น การจีบเธอได้ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นัก

ก่อนที่จะมาพบกับผม ไพมอนเป็นบุคคลที่สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว เธอไม่ต้องการใครทั้งนั้น แต่หลังจากพบกับผม เธอกลับได้รับบางสิ่งที่มีค่าเทียมเท่ากันกับความเชื่อของเธอ

 

ความเชื่อคนๆหนึ่งก็หมายถึง ตัวตนทั้งหมดของบุคคลคนนั้น

ดังนั้นแล้วการจีบใครสักคนได้ก็หมายถึง การได้ทำลายตัวตนของคนๆนั้นไปถึงแก่นราก

 

ลอร่าละทิ้งมุมมองที่เคยมีต่อโลกแล้วเลือกที่จะมาอยู่ข้างกายผม

กามิกินกลายเป็นผู้หญิงที่ยึดติดในความรัก

อิวาร์สูญเสียตัวตนที่ก่อร่างสร้างมานับพันปี แล้วลดตัวมาเป็นสาวใช้ส่วนตัวของผม

 

ใช่แล้วล่ะ ลดตัวลงมา ไม่ว่าใครจะคิดอะไรอย่างไร ผมคิดว่า นี่คือ การตกต่ำ

 

 

 

“อ่าาา, อืมมม…… ฮ่าห์”

 

ผมจูบไพมอนอย่างอ่อนโยน

 

ตอนนี้เธอไม่แสดงแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งการต่อต้านออกมาแล้ว เธอยอมรับผมทั้งตัวและหัวใจ ไพมอนตกต่ำแล้ว

 

 

หากจะมีอะไรที่นับว่าเป็นเรื่องไม่ดีก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่า ตอนนี้ผมเริ่มเจ็บร่างกายขึ้นมาจริงๆ

หากร่างกายผมดีกว่านี้สักหน่อย ผมคงลากไพมอนไปที่เตียงแล้วทำให้เธอยับเยินแล้ว 

 

ผมกลับรู้สึกว่า การจูบอย่างเดียวมันชักไม่พอ

 

 

เอาล่ะ ถ้าไม่มีฟันก็ใช้เหงือกตะบันเอาแทนก็ได้

 

ผมคิดเรื่องพรรคืนั้นระหว่างที่จูบหญิงสาวที่ผมสารภาพรักไปด้วย

ผมนี่มันช่างเป็นบุคคลที่บ้าบอเสียจริงนะ

ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องใหม่ก็เถอะ …….

 

 

นับแต่นี้ไพมอนจะเชื่อฟังคำสั่งของผม

อาจมีเศษเสี้ยวของอุดมคติของเธอทำให้เธอทำอะไรโดยพลการอยู่บ้าง แต่ผมก็แค่ป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งนั้นขึ้นด้วยการตั้งใจจี้ถามเธอ

นี่คือ จุดจบทั่วไปของนางเอกในเกมที่ถูกพิชิตแล้ว

 

 

ตอนนี้กองทัพจอมมารทั้งหมดอยู่ใต้การควบคุมของผมแล้ว

 

บาร์บาทอสรับฟังคำแนะนำของผม,ไพมอนและกามิกินโดนผมครอบงำ แถมมาร์บาสเองก็ไม่แสดงสัญญาณว่า อยากแสดงความเคลื่อนไหวใดๆ

นี่เป็นบทสรุปอันยอดเยี่ยม

 

ผมอาจจะโดนลาพิสดุก็ได้หากเล่าเรื่องนี้ให้เธอ ฟังแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมรู้ดีว่า การคิดถึงผู้หญิงคนอื่นขณะที่จูบกับผู้หญิงคนหนึ่งมันเป็นเรื่องหยาบคายเหลือเกิน

 

จะว่าไปแล้ว ผมนี่มีมารยาท คุณสมบัติของสุภาพบุรุษเหมือนกัน

 

 

จะเรียกว่า ผมนั้นเป็นดั่งศูนย์รวมทางกายภาพแห่งมารยาทก็ได้นะ

ดังนั้นผมสมควรที่จะมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่รสสัมผัสริมฝีปากไพมอน

 

คืนนี้ช่างเป็นคืนที่เงียบสงัดดีเหลือเกิน

 

(TTL : เรือ ดัน x ไพมอน ถึงฝั่ง เข้าเทียบท่าแล้วววว! )

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด