Dungeon Defense (WN) 330 ฉากจบ หมายเลข 03

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 330 ฉากจบ หมายเลข 03 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

จากผู้เขียน : ตอนนี้เป็นตอน ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้า’ เป็นตอนเสริมของเนื้อเรื่อง สำหรับคนที่ไม่ชอบBad Ending แนะนำให้ข้ามตอนนี้ไป

 

 

 

 

 

เงื่อนไขการจบ 

1. ค่าความชอบของจอมมารไพมอนต่ำกว่า 50 
2. ค่าทักษะของลาพิส ลาซูลิที่เกี่ยวกับเวทย์มนตร์ไม่มีค่าไหนอยู่ในระดับแร๊งค์ A 
3. ค่าชื่อเสียของดันทาเลี่ยนสูงกว่า  100,000

 

 

 

.
.
.

 

มันมีช่วงเวลาที่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากจะทำ

 

 

ลาพิส ลาซูลิกำลังอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น  เธออยู่หน้าพระราชวังฮับบวร์กโดยมีข่าวด่วนที่ต้องส่งถึงรักษาการณ์แทนแห่งจักรวรรดิฮับบวร์ก 

เพียงไม่นาน หลังจากบาร์าทอสเสร็จงานเอกสารก็มายังห้องรับรอง

 

 

“โอ้? นี่ นายกรัฐมนตรีประจำตัวของดันทาเลี่ยนไม่ใช่หรือไงกัน ลมอะไรพัดมาเนี่ย ?”

 

ลาพิสเป็นแขกที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตานักสำหรับบาร์บาทอส ทำให้เธอมองลาพิสด้วยความสนใจ

 

 

“ฝ่าบาท ”

 

ลาพิสนั้นมีหัวจิตหัวใจที่เข้มแข็ง โดยแยกเรื่องอารมณ์ส่วนตัวออกจากการงานได้ แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากเธอ

เธอขยับปากเล็กน้อย ควรจะบอกอีกฝ่ายอย่างไรดี ? มันดูราวกับว่า เธอพูดไม่เป็นเสียแล้ว

 

บาร์บาทอสเอียงคอด้วยความสงสัยบ

 

 

“ให้เดานะ ดันทาเลี่ยนคงส่งเจ้ามาล่ะสิ อะไรกัน มีปัญหาอีกแล้วงั้นเหรอ ? นอติดเตียงอยู่ก็สมควรอยู่เฉยๆไปนั่นแหละ เฮ่อ ”

 

“ฝ่าบาทคะ ”

 

“นั่นแหละๆ , อย่าเอาแต่ประหม่า มีอะไรก็พูดๆมา ”

 

บาร์บาทอสหัวเราะคิก ลาพิสรู้ดีว่า เธอเป็นคนที่รู้จักใส่ใจผู้อื่น 

บาร์บาทอสนั้นสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดที่สวยหรู

ลาพิสตระหนักถึงเรื่องนี้ดี หลังจากสังเกตมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และนั่นทำให้เธอยิ่งต้องทุกข์ทรมานใจ

 

เธอพึมพัมหลายต่อหลายครั้งกับตัวเอง ก่อนจะยอมเปล่งเสียงพูดออกมาในที่สุด

 

“ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน …… จากไปแล้วค่ะ ”

 

ราวกับห้วงกาลเวลาหยุดนิ่ง

 

ใบหน้าของบาร์บาทอสที่มีรอยยิ้มกลับแข็งทื่อในพริบตา สิ่งที่แสดงการเลื่อนไหลของเวลาคือ กล้ามเนื้อใบหน้าที่ค่อยๆขยับตัวอย่างเชื่องช้า

 

“……อะไรนะ ?”

 

ลาพิสกลับยิ่งเศร้าเมื่อได้ยินคำถามนั้น

 

มันเป็นปฏิกริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติ บาร์บาทอสไม่ได้ถามเพราะเธอได้ยินไม่ชัด หากแต่เป็นการปฏิเสธสิ่งที่เธอได้ยินได้ฟังไป 

 

“เมื่อเช้าวันนี้ ราวๆ ตี 4 ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน จากไปอย่างกะทันหัน ”

 

ลาพิสรู้สึกราวกับว่า เศษเสี้ยวในจิตใจบางส่วนหล่นหายไปในขณะที่พยายามพูดตามปรกติ นั่นเป็นสิ่งที่ลาพิสพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว 

 

“สาเหตุการตายไม่แน่ชัด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ดิฉันเชื่อว่า เป็นไปได้สูงมากที่ ท่านดันทาเลี่ยนถูกลอบสังหาร ”

 

“หา……?”

 

สีหน้าของบาร์บาทอสนั้นกลับแสดงออกอย่างสับสน

 

“เฮ้ยนี่ , อันนี้เป็นโจ๊กขำๆกันใช่ไหม? หลอกกันเล่นอยู่, ใช่ป่ะ ?”

 

“…….”

 

“ไม่มีทางหรอกที่ดันทาเลี่ยนจะตายได้น่ะ ไอ้หมอนั่นอึดอย่างกับแมลงสาบ ต่อให้ข้าพยายามจะฆ่ามันก็ไม่ยอมตายง่ายๆ …….”

 

บาร์บาทอสพยายามยกมุมปากขึ้นราวกับต้องการประคองสีหน้าที่พังยับลงไปแล้ว

 

เธอพยายามที่จะฝืนยิ้มอยู่อย่างนั้นหรือ ? การดิ้นรนนั้นเปล่าประโยชน์ ริมฝีปากของเธอสั่นระรัวราวกับหลุดจากการควบคุม

 

อ่าาาา , บาร์บาทอสส่งเสียงนั้นออกมาขณะที่เบิกตากว้าง ราวกับนึกบางอย่างออก

 

“อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว นี่เป็นอีกมุกตลกหนึ่งของดันทาเลี่ยนสินะ  อยากเห็นว่า ข้าจะแสดงหน้าแสดงตายังไง เลยให้คนมาบอกข่าวนี้สินะ, ใช่ไหม ใช่ไหมล่ะ ? 

เฮ่อออ เจ้าหมอนี่มันแย่เสียจริงๆ ไอ้เรื่องแบบนี้ถึงจะเป็นโจ๊กเป็นมุกตลกยังไง มันก็ไม่ควรเล่น …….”

 

“ฝ่าบาทบาร์บาทอสคะ”

 

ลาพิสไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป เธอจึงเร่งเสียงขึ้น

มันเป็นเรื่องที่แสดงถึงการไม่เคารพที่ปีศาจระดับล่างไม่สมควรปฏิบัติต่อจอมมาร ,แต่เธอไม่อาจทนดูสีหน้าตอนนี้ของบาร์บาทอสได้อีกต่อไปแล้ว

“ดิฉันเชื่่อว่า สมควรรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทเป็นคนแรก 

สำหรับเขา…… สำหรับท่านดันทาเลี่ยนแล้วนั้น , ท่านเป็นบุคคลที่เขารักจากใจจริง  ”

 

บาร์บาทอสปิดปากเงียบ

มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน

 

 

“อ่าาา อาาา…….”

 

น้ำตาหยดแหมะลงโดยไร้เสียงพูด

ลาพิสคร่ำครวญอยู่ลึกสุดภายในหัวใจ

 

 

ทุกคนทำหน้าตาแบบเดียวกัน ยามที่เธอรายงานข่าวการตายของนายท่าน ไม่ว่าจะเป็น ลอร่า หรืออิวาร์ ทุกคนต่างแสดงออกมาอย่างเดียวกัน

 

พวกเธอต่างล้มตัวลงนอนข้างเตียงดันทาเลี่ยนและร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด พวกเธอร้องไห้คร่ำครวญหนักเหมือนคนที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้

 

ลาพิสจึงเป็นบุคคลเดียวที่สามารถรายงานข่าวดังกล่าวนี้ให้กับคนอื่นได้ และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงเป็นผู้เดียวที่มาหาบาร์บาทอส

 

 

“อ่าา, อาาาา…… ฮือออ…….”

 

บาร์บาทอสใช้มือทั้งสองป้องปิดใบหน้าตัวเอง

 

มือน้อยๆคู่นั้นไม่อาจระงับยับยั้งน้ำตาที่ไหลลงมาได้ น้ำตาที่ไหลหลั่งออกมาลอดเล็ดผ่านร่องนิ้ว

 

 

ความจริงแล้ว บาร์บาทอสรู้ดี จอมมารนั้นสามารถรับรู้อารมณ์ของปีศาจตนอื่นได้ ความรู้สึกแย่ๆที่เข้ามาโอบล้อมรอบตัวเธอนับตั้งแต่ชั่ววินาทีที่เธอพบกับลาพิสในห้องรับแขก

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงแกล้งทำเป็นเริงร่า

 

 

ใช่แล้ว เธอรู้ เธอรู้ดี

ว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีส่วนตัวของดันทาเลี่ยนต้องมาหาเธออย่างเร่งด่วนเช่นนี้

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ลาพิสกลับสิ้นหวังในชั่วขณะที่เห็นบาร์บาทอส

เธอรู้ รู้เรื่องทั้งหมดแต่แรก

 

 

 

— ชายคนแรกที่เธอตกหลุมรักกลับต้องตายไป

 

 

“ฮืออ, อ่าาาา…….”

 

และเธอร้องครางออกมา

 

 

บาร์บาทอสเป็นประจักษ์พยานต่อความตายมานับไม่ถ้วน เธอเองก็เป็นผู้เก็บเกี่ยวความตายนับครั้งถ้วนเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนั้น บาร์บาทอสก็ไม่คุ้ยเคยกับความตายอยู่ดี เธอนั้นทั้งรังเกียจและหวาดกลัวความตายเป็นที่สุดซึ่งนั่นย้อนแย้งกับความสามารถในการเป็นเนโครแมนเซอร์

 

เธอคิดอยู่เสมอว่า เขาไม่มีทางตาย

เขาเป็นจอมมารเชียวนะ เธอเชื่อว่า เขาจะต้องอยู่ข้างกายเธอไปตลอด

เธอบอกย้ำซ้ำตัวเองว่า ความตายกับตัวเขานั้นเป็นอะไรที่ห่างไกลกัน

 

 

“มี ……คำสั่งเสียไหม ?”

 

“ท่านจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำค่ะ”

 

ลาพิสล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ามันเป็นม้วนคัมภีร์ เธอส่งมอบมันให้กับบาร์บาทอสด้วยความเคารพ

 

 

“แต่ถึงอย่างนั้นท่าน ดันทาเลี่ยนมักพกสิ่งนี้ไว้กับตัวเสมอ ”

 

“ข้าไม่รู้เรื่องนี้เลย …….”

 

“เขาได้สั่งผู้น้อย ……ให้นำสิ่งนี้ส่งถึงฝ่าบาท หากเกิดอะไรขึ้น ”

 

บาร์บาทอสหุบปากสนิท 

ดันทาเลี่ยนเลือกเธอให้เป็นผู้แบกรับความตายของเขา 

มือบาร์บาทอสกลับรู้สึกชาหน่วงด้วยน้ำหนักของม้วนคัมภีร์

 

 

นั่นคือ สิ่งที่ชายคนนั้นฝากไว้ให้ในวาระสุดท้าย

บาร์บาทอสปากน้ำตาตนเองด้วยหลังมือ

มันไร้ประโยชน์ที่จะยังคงให้น้ำตาไหลต่อไปไม่หยุด เธอพยายามอย่างมากที่จะเช็ดมันออกให้หมด 

 

เธอไม่อยากอ่านคำพูดสุดท้ายของดันทาเลี่ยนด้วยทัศนวิสัยที่เบลอเพราะน้ำตา

พอคลี่ม้วนกระดาษออกมา ก็ปรากฏลายมือขยุกขยิก

 

 

「การที่ข้อความนี้ได้ถูกอ่าน ก็แสดงว่า ข้าได้พบกับความตายที่ไม่คาดคิด

 

ข้าไม่มีข้อแก้ตัวใดๆต่อชีวิตของข้า

 

ถึงอย่างนั้นชีวิตนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าเศร้าใจนัก เนื่องจากมันมิใช่เวทีการแสดงเดี่ยวของชายผู้หนึ่ง หากแต่ยังมีบุคคลมากมายที่ขึ้นมาเป็นแขกบนเวทีอันต่ำต้อย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม 

 

ความเป็นห่วงกังวลเพียงอย่างเดียวของข้าก็คือ การที่ข้าไม่อาจบอกลาพวกเขาได้ก่อนที่จะจากไป

 

ดังนี้แล้ว, ข้าจะขอใช้โอกาสนี้ในการบอกลา 」

 

 

มีชื่อเรียงกันดังต่อไปนี้ ลาพิส ลาซูลิ,ลอร่า เดอฟาร์นาเซ ,เดซี่ ,เจเรมิ ,การ์มิกิน,ไพมอน,สิตริ …….

 

ชื่อของบาร์บาทอสนั้นโผล่หลังสุด 

Ο

「บาร์บาทอสนั้นเป็นดั่งเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของข้า

 

ข้าขออุทิศความรักและมิตรภาพทั้งหมดที่มีในชีวิตของข้าให้แก่เธอ

 

บาร์บาทอส , ข้าเป็นห่วงเธอเหลือเกินเพราะเธอยังมีด้านที่อ่อนโยนอยู่

 

ข้าแน่ใจเลยว่า เมื่อข้าตายไปแล้ว เธอคงพยายามที่จะทำเป็นสงบ ทั้งที่ตะโกนกรีดร้องอยู่ข้างในด้วยความเจ็บปวด

 

ต่อจากจะเป็นการระบุถึงถึงความเจ็บปวดของเธอ ข้าจึงขอให้เธอทำตามข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด

 

อย่างแรก 

อย่าโกรธโทษตัวเองเลยว่า ที่ผ่านมายังให้สิ่งต่างๆกับข้าไม่พอเพียงพอ

ข้าขอยืนยันหนักแน่นว่า เธอน่ะไม่อาจแสดงความรักและความเข้าใจแก่ข้าได้มากเกินไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

 

 

อย่างที่สอง 

เลิกคิดย้อนกลับไปว่า จะหาทางหยุดความตายของข้าได้อย่างไร

ชีวิตของเธอเป็นของเธอเพียงแต่ผู้เดียว

ความตายของข้าก็เป็นของข้าแต่ผู้เดียวเช่นกัน 

ให้ความเคารพต่อสิ่งนั้นด้วย 

ข้าเชื่อว่า เธอคงเข้าใจสิ่งที่ข้าอยากจะบอก 

 

และอย่างที่สาม

นี่เป็นการเตือนไว้ก่อน อย่าหักดิบ ฝืนใจเลิกเหล้ายาในทันที 

 

การทำแบบนั้นมีแต่จะเป็นการโยนภาระว่าเป็นความผิดในการตายของข้า

หากข้ามีชีวิตอยู่ข้าจะต่อต้านเรื่องนั้นอย่างสุดกำลัง 

 

เคารพผู้ตายด้วย」

 

 

มันจบลงตรงนั้น

 

 

ไม่มีสักบรรทัดเดียวที่จะเขาจะเขียนแสดงความรัก หรือบอกให้เธอพยายามอย่างเต็มที่ 

แถมยังปากเสียใส่ด้วยซ้ำ

แต่บาร์บาทอสก็เข้าใจดีว่า ทำไมดันทาเลี่ยนถึงทิ้งข้อความพวกนั้นไว้

 

 

“ไอ้ห่าเอ้ย……ไอ้ระยำนี่ …….”

 

การปาดน้ำตากลับเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์เมื่อเธอกลับมาร้องไห้อีกระลอก

เธอกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นขณะที่เงยหน้าขึ้น

 

“แต่ข้าก็มีสิทธิ์ที่จะเสียใจเหมือนกันนะเว้ย ไม่รู้รึไงวะ?”

 

 

วันนั้นฝนตกหนัก

 

* * *

 

 

ลาพิสต้องอดทนในวันที่เลวร้ายในแต่ละวัน

 

 

บาร์บาทอสเป็นเจ้าภาพงานศพ แต่งานส่วนมากก็เป็นภาระหน้าที่ของลาพิส ซึ่งเป็นสิ่งที่ลาพิสต้องการอยู่แล้ว เธอไม่ปรารถนาจะให้ใครดูแลงานศพ เจ้านายของเธอ 

 

 

งานศพ……เป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในห้วงคิดคำนึงของลาพิสมาก่อน

ลาพิสจดจำเหตุการณ์นั้นได้แค่เพียงบางเสี้ยวส่วนเท่านั้น ผู้คนมากมายต่างมาเข้าร่วมในงานศพที่จัดขึ้นที่พระราชวังฮับบวร์กเพื่อเป็นการแสดงความนับถือต่อองค์พระจักรพรรดิ

 

ราวกับผู้คนจำนวนมากที่คลาคร่ำนั้นรบกวนความทรงจำของเธอ

 

 

ช่วงเวลาที่เลวร้ายหนักที่สุดคือ ตอนที่จอมมารกามิกินกอดโลงไว้

 

“อ๋าาาาอาา! อ๊าาาา, อาาาาาา! ฮือออออ—!”

 

กามิกินร่ำร้องออกมาด้วยความเศร้าสลดขณะที่ประคองโลงของดันทาเลี่ยน

เวทย์ขยายเสียงของเธอดังลั่นไปทั่วทั้งวัง อาจจะทั่วทั้งเมือง

 

 

“ข้าจะฆ่าแก ! ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมด ! ข้าไม่มีวันอภัยให้พวกแก ! ไม่มีวัน……!”

 

อะไรกันแน่ที่กามิกินจะไม่มีวันอภัยให้ ? 

ไม่มีใครสามารถหยุดจอมมารได้อยู่แล้ว กามิกินยังคงร้องไห้ต่อไปเป็นชั่วโมงก่อนจะเหนื่อยหมดแรง มันเป็นเสียงร้องคร่ำครวญที่ทรมานทุกคน…….

 

 

ทุกอย่างพังทลายลงในวันนั้น

 

 

ลอร่าประหารเดซี่ในคืนจัดงานศพ เธออ้างว่า เดซี่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของนายท่าน

ลาพิสไม่มีโอกาสแม้จะได้ห้ามลอร่าด้วยซ้ำ ในตอนที่ดาบของลอร่าเชือดคอเดซี่

 

 

“สถานที่แห่งนี้ไร้ความหมาย หากปราศจากนายท่าน ”

 

“แล้วเธอจะไปไหน , ลอร่า ?”

 

“ก็รู้กันอยู่แล้วนี่?”

 

ลอร่าเผยยิ้มน่าหวาดผวาขณะที่เช็ดคราบเลือดจากดาบของเธอ

 

 

“ไปหาฝ่าบาทไง

แต่ถึงอย่างนั้นหากไปมือเปล่าก็คงดูไม่ดี ”

 

ลอร่าพามอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ในปราสาทจอมมารออกไปพร้อมกัน

 

 

“…….”

 

ลาพิสไม่เหลือแรงกายแรงใจที่จะหยุดยั้งลอร่าได้

 

หลังจากนั้น ลอร่าอุทิศตัวเองรับใช้กามิกิน ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่า ทั้งคู่คุยอะไรกันไว้ก่อนแล้ว 

 

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าใดนักสำหรับบุคคลทั้งสองที่ต้องการจะแก้แค้นให้กับดันทาเลี่ยน มากที่สุดในโลกนี้ …….

 

 

กามิกินประกาศชัดที่จะก่อสงครามต่อ ‘สาธารณรัฐบัทตาเวียที่ให้การช่วยเหลือการลอบสังหารครั้งนี้ ’ 

 

 

มาร์บาแห่งฝ่ายเป็นกลางกลับต่อต้านเรื่องนี้อย่างรุนแรง แต่มันก็เท่านั้น การ์มิกินยกทัพไปด้วยตัวเอง

 

 

 

อิวาร์ ล็อดบรอค เป็นผู้ให้การสนับสนุนจากเบื้องหลัง อิวาร์ใช้เงินของบริษัททั้งหมดที่มีให้การช่วยเหลือกามิกิน

 

ทหารรับจ้างที่ดีที่สุดต่างมารวมตัวกันโดยไม่สนใจเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ เพิ่มจำนวนขึ้นจนมีมากกว่า ห้าหมื่น

 

 

ลาพิสยังคงอยู่ในดินแดนของดันทาเลี่ยนและจัดการกิจธุระต่างๆ ต้องมีใครสักคนทำตามความปรารถนาของนายท่านต่อไป …….

 

มันไม่ใช่งานง่ายเลย หลังจากดันทาเลี่ยนตาย ปราสาทจอมมารก็เสียพลังเวทย์ไป นั่นเป็นเหตุให้หอคอยจอมเวทย์ถอนตัวในทันที

บริษัทของพวกพ่อค้าเองก็ถอนตัวตามหลัง

การล่มสลายลงของดินแดนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

 

แต่ถึงอย่างนั้น ลาพิสก็ไม่ยอมแพ้ เธอมีความทรงจำมากมายที่นี่กับนายท่านของเธอ

 

นี่เป็นตัวแทนเครื่องระลึกถึงนายท่านของเธอ เธอจึงไม่อาจทอดทิ้งมันได้ …….

 

“ท่านนายกครับ !”

 

ประตูออฟฟิศเปิดออก ขณะที่พาร์ซิเดินเข้ามา หน้าผากของเขานั้นชุ่มโชกด้วยเหงื่อ ดูเหมือนเขาจะรีบร้อน

 

พาร์ซิเองก็ยังคงเรียก เธอว่าเป็น นายกรัฐมนตรีอยู่ แม้กองกำลังจอมมารดันทาเลี่ยนจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม 

แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกไม่ต่างจากหมี หากแต่เขาเป็นมนุษย์ผู้ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ลาพิสคิดเช่นนั้น

 

“มีอะไรหรือ ?”

 

“อะ-เอ่อคือ……สายรายงานว่า กองทัพของมิสฟาร์นาเซพ่ายแพ้แล้ว ”

 

ปากกาขนนกของลาพิสหยุดกึก

 

 

“ผมไม่แน่ใจในรายละเอียด ……แต่ดูเหมือน จะถูกกองทัพใต้การบัญชาของคอลซูลซุ่มโจมตี …….”

 

“แล้วท่านนายพลปลอดภัยไหม ?”

 

“……ยังไม่มีข่าวเรื่องนั้นครับ ”

 

การที่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับลอร่าผู้เป็นผู้บัญชาการทหาร

 

เป็นการยืนยันเลยว่า เธอตายแล้ว

 

“……เข้าใจแล้ว ดิฉันจะตรวจสอบเรื่องนั้นอีกที”

 

 

ยามที่เธอลุกขึ้น ลางสังหรณ์บางอย่างก็บอกกับเธอว่า

 

 

วันที่เธอจะได้ไปอยู่เคียงข้างท่านดันทาเลี่ยนคงอีกไม่นานนี้แล้ว

 

 

 

(TTL : นี่ไม่ใช่ Bad Ending นี่มัน Sad Ending ชัดๆ …) 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด