Dungeon Defense (WN) 354 ชาติที่เป็นกลาง (7)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 354 ชาติที่เป็นกลาง (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 354 – ชาติที่เป็นกลาง (7)

 

กองทหารเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ

 

หน่วยกองทัพจอมมารวางตำแหน่งไม่ห่างไกลนักเพื่อง่ายต่อการรับคำสั่ง

เมืองหลวงทั้งเมืองก็โดนจัดการในทันที

ไม่ถึงชั่วโมงก็ลากคออาร์คดยุคทั้ง 26 คนออกมาทันที สมแล้วที่เป็นทหารมีความสามารถ

 

 

“นี่หมายความว่ายังไงกัน ?!”

 

“ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้,ฝ่าบาท !”

 

พวกอาร์คดยุคพักอยู่ในเมืองไม่กี่วันที่ผ่านมา

สุดท้ายก็โดนลากเข้ามาหลังจากที่เลื่อนการประชุมครั้งใหญ่

มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะการประชุมครั้งนี้มิได้เป็นอื่นใดนอกไปจากการเรียกตัวมาประหาร

 

“เราได้รับหลักฐานที่ยืนยันว่า พวกเจ้าที่เป็นอาร์คดยุคทั้งหลายมีส่วนเกี่ยวข้องในการพยายามลอบสังหาร ”

 

“……!”

 

สีหน้าของพวกนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

 

กลุ่มเป้าหมายที่ผมเล็งไว้ในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่จอมมารไม่สังกัดฝ่ายใด แต่เป็นอาร์คดยุคต่างหาก

 

เหล่าอาร์คดยุคที่ปกครองตามใจฉันในโลกปีศาจ ในขณะที่จอมมารทั้งหลายไม่อยู่นี่ต่างหากที่เป็นหอกข้างแคร่ของผม

 

ผมไม่สนด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไรเพื่อกำจัดคนพวกนี้ทิ้ง

 

“เราได้หลักฐานที่เชิงประจักษ์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจ จากแหล่งข้อมูลยืนยันว่า พวกเจ้าเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลังการล้มเหลวในการระดมพลกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา

และบุคคลที่ร่วมก่อการจะต้องถูกประหารทุกคน ”

 

“พะ-พวกเราโดนใส่ความ ……. ไม่มีทางที่จะมีคนทรยศอยู่ในหมู่พวกเราอยู่แล้ว ”

 

“มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเป็นผู้ตัดสินใจ ณ ตอนนี้”

 

เหล่าอาร์คดยุคมองผมด้วยแววตาที่สั่นเครือ

 

“ละ-แล้วใครเป็นผู้ตัดสินเรื่องนั้น ?”

 

“ข้าว่า เจ้ายังคงเข้าใจผิดอยู่ ”

 

ผมยกริมฝีปากขึ้น

 

“ข้าแค่บอกว่า สิ่งนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเป็นผู้ตัดสินใจได้ในตอนนี้น่ะ ”

 

ในคืนนั้น อาร์คดยุคโดนทรมานกันอย่างหนักหน่วง

สุดท้ายพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงถูกนัดให้มารวมตัวกัน

 

 

— เพื่อการนองเลือดนั่นเอง

 

ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่า การที่กองทัพจอมมารล้มเหลวก็เพราะเหตุผลความขัดแย้งภายใน 

แต่ในเมื่อผมจุดเชื้อให้เกิดไฟขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วทำไมผมจะไม่ให้มันลุกลามต่ออีกล่ะ

พวกเราจะต้องการอาร์คดยุคไปทำไมกันอีก ? ไม่มีพวกเขามันไม่ดีกว่าหรือยังไง ?

 

แค่จอมมารผู้เดียวก็พอแล้วสำหรับการปกครองน่ะ

มันจะไม่ดีกว่าหรือไง ที่จะกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายอื่นน่ะ

 

ก็จริงอยู่ที่ไม่มีหลักฐานใดหรอกที่บ่งชี้ว่า อาร์คดยุคน่ะเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร

ถ้าไม่มีก็ทำขึ้นมาซะสิ

 

ถึงอย่างไรเสียคำให้การของจอมมารก็มีน้ำหนักมากอยู่แล้ว

จอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดจึงเป็นเหยื่อล่ออาร์คดยุค …….

 

ผมเองก็ใช้วิธีเดียวกับที่ใช้กับพวกนั้นกับพวกอาร์คดยุค

 

“อาร์คดยุคอย่างพวกแก มีส่วนเกี่ยวข้องในการระดมพลของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราด้วย ข้าพูดถูกไหม ?”

 

“มันเผยออกมาแล้วล่ะ ว่าในช่วงกองทัพพันธมิตรครั้งที่สอง พวกเจ้าแอบไปพูดคุยเป็นการลับกับผู้ทรยศบาอัล เพื่อตัดเสบียงของพวกเรา ยอมรับมาซะ ”

 

อาร์คดยุคพวกนั้นทนได้ไม่ถึงสี่วันก่อนที่จะสารภาพผิด

 

ในบรรดาอาร์คดยุคทั้ง 26 คน 11 คนถูกตัดสินว่ามีความผิด

 

เจ้าพวกนั้นเป็น คนพิเศษที่มีความคิดคุกคามต่อจอมมาร ในขณะที่เหลืออีก 15 คนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์

ครึ่งหนึ่งในอาร์คดยุคเหล่านั้นคือ บุคคลที่มอบสินบนให้ผมหนึ่งพันโกลด์ในอดีต …….

 

หากเจ้าปรารถนาจะอยู่รอดปลอดภัย ก็จงร่วมมือกับพวกเรา นี่คือ สิ่งผมพวกเราบอกพวกเขาอย่างนั้น

 

 

เธอคงคิดว่า มันแปลกดีใช่ไหมที่ผมยอมปล่อยให้อาร์คดยุคบางส่วนรอดไปได้ ?

 

บาร์บาทอส,คนสนิทของผม ก็บ่นออกมา

 

“อะไรวะ? ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ฆ่าล้างมันให้เกลี้ยงไปเลย?”

 

“ในการกวาดล้างนั้น เธอไม่จำเป็นต้องฆ่าทุกคนเสมอไปหรอก ”

 

ผมตอบเธอขณะที่จิบไวน์

 

“หากเราฆ่าพวกเขาทุกคน พวกเราจะกลายเป็นทรราชย์มิใช่นักปกครองอีกต่อไป ”

 

“หืมมมม แล้วมันต่างกันตรงไหน ? ข้าก็รู้สึกว่า พวกเราน่ะเป็นทรราชย์ไปแล้วนี่”

 

“ต่างกันอย่างมากเลยล่ะ มันวัดกันตรงที่ต้องทำเพื่อความอยู่รอด ”

 

การเมืองและสนามรบมีหลายอย่างเหมือนๆกัน

 

หากถามผมว่า มันเหมือนกันที่สุดตรงไหนน่ะหรือระหว่างสองอย่างนั้น ผมก็จะตอบให้ฟังโดยไม่ลังเลเลยว่า

 

“ทั้งคู่น่ะ มันไม่มีชัยชนะที่เด็ดขาด”

 

ต่อให้ใครสักคนหนึ่งฆ่าล้างศัตรูจนหมดโดยไม่เสียทหารไปเลยแม้แต่คนเดียว แต่การทำแบบนั้นก็ยังไม่ถือเป็นชัยชนะเด็ดขาดสมบูรณ์แบบอยู่ดี

 

ใครบางคนอาจจะอิจฉาคุณในความสำเร็จนั้น แล้วเริ่มวางแผนต่อต้านคุณขึ้นมา

ผู้คนในชาติศัตรูก็จะปฏิบัติกับคุณเหมือนไอ้ฆาตกรฆ่าล้างบาง และดูถูกคุณและสายเลือดคุณชั่วลูกชั่วหลาน

ความเคียดแค้นและความเกลียดชังจะนำคุณไปสู่ความพ่ายแพ้ในอนาคตข้างหน้า…….

 

“ผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเรา จะถูกตัดสินว่า มีความผิด

อาร์คดยุคที่เป็นมิตรกับพวกเราจะถูกตัดสินว่า เป็นผู้บริสุทธิ์

พวกเราน่ะไม่ได้จะฆ่าทุกคน

พวกเราทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า เราจะฆ่าเฉพาะคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ ”

 

พูดอีกอย่างก็คือ พวกเราให้แนวทางในการเอาชีวิตรอดไว้ให้แล้ว

 

ผมเอียงแก้วไวน์

 

“และไม่มีเหตุผลสำหรับเราที่จะไปฝืนฆ่าอาร์คดยุคที่ให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน

พวกนั้นจะกลายเป็นสุนัขล่าเนื้อที่ซื่อสัตย์เนื่องจากได้รับประสบการณ์ที่ชวนผวามาแล้วครั้งหนึ่ง …….

คราวนี้หากเราโยนขนมขบเคี้ยวตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง พวกนั้นก็มีแต่จะกระดิกหาพร้อมต้อนรับเราด้วยความแข็งขัน ”

 

“คึ ปฏิบัติกับพวกอาร์คดยุคเหมือนฝูงหมางั้นเรอะ ?”

 

บาร์บาทอสหัวเราะคิกๆ

 

พอผมร่วมหัวเราะกับเธอด้วย บาร์บาทอสก็ดึงผมเข้าไปจูบ มันไม่ใช่การจูบเบาๆที่แสดงความชื่นชอบหากแต่เป็นการจูบแบบแลกลิ้น

 

เอาล่ะ การแสดงอารมณ์ของบาร์บาทอสมักเป็นไปอย่างหนักหน่วงเสมอเลยล่ะ…….

 

“อู่ววว……ฮาาา,อืนนน…….”

 

เพิ่มเติมนะ ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องนอนของจักรพรรดิรูดอล์ฟ

 

พวกเราอ้างว่า เรามาส่งรายงานผลการสอบสวน

 

แต่ก็อย่างที่รู้กันอยู่นั่นแหละ ไม่มีทางหรอกที่จักรพรรดิรูดอล์ฟจะมีลมหายใจหรือขยับเขยื้อนมารับรายงานได้ เขาก็ได้แต่นั่งจุ่มปุกอยู่ในมุมห้องไม่ต่างจากตุ๊กตาแล้วเฝ้าดูเราสองเร่าร้อนใส่กัน

 

ลมหายใจของผมกับบาร์บาทอสหอบหนักหลังจากเพิ่งจูบกัน

 

ผมค่อยๆปลีกตัวออกมาแต่ก็ยิ้มให้เธอแกมหยอก

 

 

“ท่านผู้รักษาการณ์แทนครับ ข้าทราบดีว่า ท่านนั้นเงี่ยนอยู่ตลอดทั้งปี แต่ข้าไม่คิดว่า สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่เหมาะสมในการมีอะไรกันอย่างลับๆ

ตอนนี้พวกเราอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดินะครับ ”

 

 

“แกรู้อะไรไหม? ทั่วร่างแกนี่ส่งกลิ่นคาวเลือดมาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ”

 

บาร์บาทอสกรุ้มกริ่มขณะที่กดร่างตัวเองทับผม

 

“และด้วยอะไรก็ตามแต่ พอแกทำตัวเป็นไอ้ลูกกะหรี่แบบนั้น มันทำให้ข้าชอบเหลือเกิน ”

 

“นั่นเพราะเธอเป็นนังโรคจิตยังไงล่ะ ”

 

“เคะเคะ นี่แกเรียกใครเป็นนังโรคจิตวะ ?”

 

บาร์บาทอสนั่งบนตักผม ส่วนผมก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดังนั้นพวกเราเลยไปจบลงตรงที่นั่งเก้าอี้ตัวเดียวกัน ก่อนจะจูบกันต่อ

 

 

“อืมมม……อึนนน…….”

 

ในฐานะรักษาการณ์ของประเทศ ชุดเสื้อผ้าของบาร์บาทอสนั้นสีสันหรูหราและดูเทอะทะอย่างไม่น่าเชื่อ

ผมค่อยบรรจงถอดเสื้อผ้าเธอออกทีละชั้นๆ

 

ไม่มีเหตุผลให้ต้องรีบอยู่แล้ว ช่วงเวลานั้นนิ้วผมก็ค่อยๆปลดท่อนบนของเธอออกค่อย ส่วนชิ้นอื่นๆเธอก็ปลดชุดชั้นในออกด้วยตัวเอง

เสื้อผ้าแต่ละชั้นที่ร่วงลงบนพื้นรอบเก้าอี้ราวกับกองเนินหิมะ

 

 

 

จนกระทั่งผิวขาวบริสุทธิ์ของบาร์บาทอสเผยออกมาให้เห็น

 

 

ในห้องนอนจักรพรรดิ สถานที่ที่ลับที่สุดในจักรวรรดิ

 

“ฟู่ว, ฮ่าาา…….นี่ ,ดันทาเลี่ยน ”

 

“หืมม?”

 

“ว่ากันตามตรงนะ ข้าไม่ชอบเลยตอนนี้แกไปป้วนเปี้ยนกับกามิกิน ”

 

ผมยินดีให้เธอไปเล่นสนุกกับผู้หญิงอื่นได้ และบาร์บาทอสเองก็ยินดีให้ผมไปเล่นสนุกกับผู้หญิงอื่นได้เช่นกัน

แม้สำหรับคนภายนอกพวกเราจะดูเหมือนคู่รักเอาแต่ใจก็ตาม

 

 

“แล้วเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะ เจ้าหญิงตัวน้อย ?”

 

ผมหัวเราะเอิ้กอ้าก

 

 

“หรือเราควรฆ่ากามิกินทิ้งดีล่ะ ?”

 

“ ที่แกไปเล่นสนุกกับแม่นั่นก็โอเคอยู่หรอก แต่ดูเหมือนนางจะคิดว่า นายเป็นของของนาง

นังปลวกที่ไม่มีใครเอา …… เหอะ ”

 

 

ผมแลบลิ้นเบาๆวนบริเวณหน้าอกบาร์บาทอส

 

แม้จะเป็นหน้าอกที่เล็ก แต่ก็รับสัมผัสอ่อนไหวได้ดี พอผมทำให้มันเชิดขึ้นมาได้ผมก็ขบเบาๆ

 

แต่แทนที่จะใช้การกัดเรียกว่า ผมใช้การบดเบาๆระหว่างฟันแทน

 

“เฮ้ย เดี๋ยวดิไอ้ลูกกะหรี่นี่ เลิกทำตัวเป็นหมาติดสัดสักวินาทีนึงได้ไหมวะ ……อู่ว!” (หมาติดสัด)

 

“ผิดตรงไหนล่ะ ? ข้ากำลังถึงช่วงที่ดีสุดๆแล้วนะ”

 

ผมซุกหน้าตัวเองลงที่อกของเธอ ก่อนจะหันมายักคิ้วถาม

 

นี่ เธอมาขัดอารมณ์ได้ยังไงกันทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเปิดก่อนแท้ๆเนี่ย ? 

จะทำแบบนั้นมันก็ควรเลือกสถานที่บ้างไม่ใช่รึไงกัน

 

บาร์บาทอสยิ้มชั่วร้าย

 

 

“นี่ข้ามีไอเดียดีๆด้วยแหละ ดูนี่สิ”

 

บาร์บาทอสสะบัดมือขวาเบาๆ

พอเธอทำเช่นนั้นแล้ว มงกุฏของจักรพรรดิรูดอล์ฟก็ลอยมาอยู่ในมือเธอราวกับเดินทางผ่านเส้นที่มองไม่เห็น

 

เธอสวมมงกุฏบนหัวตัวเองแล้วร้องออกมาว่า

“ถ่า ด้าาาา!”

ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ท้าวสะโพกตัวเองไว้

 

 

“แล้วนี่? เป็นไงดูเหมาะกับข้าดีไหม ?”

 

“…… ดูเหมือนจะมีคนอยากโดนข้อหาร้ายแรงที่สุดในประเทศเลยนะ ”

 

ผมเอนหลังแล้วได้แต่ขำออกมา

 

ท่าทางของบาร์บาทอสที่ไม่สนใจอะไรกลับกลายเป็นความน่ารักไปเสียได้

 

 

“ตอนนี้ข้าสวมมงกุฏจักรพรรดิอยู่ ”

 

“ใช่ และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จอมมารได้สวมมงกุฏทองคำ ”

 

เธอโอบรอบคอผมแล้วเอาหน้ามาแนบชิด เราใกล้กันเสียจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

 

 

“แล้วนี่แกไม่อยากจะตั้มใครที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งแบบจักรพรรดิดูสักครั้งอย่างงั้นเหรอ ?”

 

“…….”

 

เด็กสาวที่ไม่สวมอะไรเลยนอกจากมงกุฏทองคำบนหัว ช่างเป็นภาพที่ผิดศีลธรรมอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางที่ผมจะไม่ตื่นเต้นกับสิ่งนี้ได้หรอก

 

(TTL : เหม็นกลิ่นคู่รักไม่พอ เหม็นกลิ่นคนหื่นโลลิบาบะ(โลลิอายุรุ่นย่า)อีกต่างหาก! )

 

“แต่สัญญากับข้าอย่างหนึ่งก่อน ”

 

“ข้าสัญญา”

 

ก็เห็นกันอยู่ว่า เธอจะขอให้ผมสัญญาอะไรโดยไม่ต้องพูดออกมา

 

ทำไมอยู่ๆเธอถึงพูดถึงกามิกินขึ้นมาล่ะ ?

เธอกำลังพยายามบอกผมว่า อย่าไขว้เขวนะ

 

 

“ถึงอย่างไรเธอก็ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับข้านะ ,บาร์บาทอส ”

 

“……แกนี่มันเข้าใจอะไรเร็วเกินจำเป็นซะจริง ”

 

 

หลังจากนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว ผมบรรจงจรดริมฝีปากลงกับของเธอ

 

ในวันนั้นเอง ผมทำให้บาร์บาทอสยับเยินในห้องนอนจักรพรรดิ ทำเธอสลบไปสองครั้ง

 

 

* * *

 

 

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังเหตุการณ์การลอบสังหาร

 

อาร์คดยุค 11 คน ถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรง สามกระทง

 

กระทงแรก การวางแผนร่วมกันกับผู้ทรยศบาอัลหลายต่อหลายครั้ง จนเป็นเหตุให้กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง

 

กระทงที่สอง ความผิดฐานที่แอบลอบส่งกองทหารไปปล้นฆ่าล้างหมู่บ้านทางตอนใต้ของฟรานเคียในช่วงครึ่งหลังของสงครามหุ่นเชิด

นั่นเป็นชนวนเหตุทำลายความเชื่อมั่นกองทัพจอมมาร

 

กระทงที่สาม ความผิดฐานการก่อกบฏกับกองทัพจอมมารศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังวางแผนที่จะลอบสังหารตัวผม ท่านเค้าท์พาลาทีน

 

พูดอีกอย่างก็คือ พวกเราจัดฉากโยนความผิดใส่เจ้าพวกนั้นในทุกๆคดีที่พวกเรามีมาจนถึงบัดนี้

 

 

ความผิดทั้งสามกระทงนี้ได้รับการยืนยันจากจอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและอาร์คดยุคหลายๆคน

 

หลักฐานเองก็เป็นของที่ทำขึ้นมาทั้งนั้น แต่มีไม่กี่คนหรอกที่รู้เรื่องนั้น

อาร์คดยุค 11 คน และจอมมารทั้ง 3 ตน โดนประหารในทันที

 

 

การประหารจะจัดขึ้นที่ลานสาธารณะ อนุญาตให้ปีศาจและมนุษย์ทั้งหลายมารับชมการประหารจอมมาร ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากยิ่ง

 

“สวรรค์สาปเหอะ! ดันทาเลี่ยน ไอ้ลูกกะหรี่! ข้าขอสาปแช่งเจ้า !”

 

คำพูดสุดท้ายของเจ้าพวกนั้นมักเป็นถ้อยคำที่ส่งมาถึงผมก่อนจะโดนประหาร

 

พี่เบเลธเองก็ได้รับเกียรติให้เป็นมือประหารในวันนี้ และก็เป็นบุคคลสมกับความคาดหวัง แกว่งเพียงฉับเดียว คอจอมมารและอาร์คดยุคก็ร่วงหลุดลงมา

 

ทักษะของเขาช่างน่าประทับใจนัก

 

วาเลฟอร์ที่เป็นรายสุดท้าย

 

“อาชญากร วาเลฟอร์  ,มีคำสั่งเสียอะไรไหม ?”

 

“…….”

 

วาเลฟอร์หันหน้ามาหาผมก่อนจะพูดแบบไร้ความรู้สึก

 

“ตอนที่บาอัลตาย ข้าคิดว่า มันเป็นเพราะเวลามันล่วงเลยมานานแล้ว

ตอนที่อกาเรสตายตาม ข้าคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้

…… พอข้ามาดูรอบตัวตอนนี้ ไม่เหลือใครสักคนเลยที่สามารถคุ้มครองข้าได้ ”

 

วาเลฟอร์ถอนใจ

 

“ข้าเมินเฉยต่อการตายผิดธรรมชาติพวกนั้น ดังนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าต้องชดใช้ในเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน

 

การที่มาสำนักเสียใจเอาป่านนี้นับเป็นความโง่เขลาอย่างที่สุดของข้า ……. ปล่อยข้าไว้อย่างนั้นเถอะ ”

 

พี่เบเลธพยักหน้า

 

ขวานขนาดใหญ่ยักษ์ของเขาตัดฉับแหวกอากาศ ส่งเสียงดัง  “ตั่บ!” ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างหล่นลงมาบนพื้น

คนดูที่เฝ้าชมอยู่ต่างส่งเสียงโห่ฮา พร้อมกับปรบมือให้กับความตายของจอมมาร

 

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ความขัดแย้งภายในกลุ่มที่มีโอกาสที่จะเป็นภัยคุกคามผมโดนกำจัดออกจนสิ้น …….

 

มีอยู่เหมือนกันกลุ่มคนที่เชื่อว่า เลือดจอมมารนั้นสร้างปาฏิหารย์บางอย่างได้ ทำให้มีเด็กๆเอาขนมปังไปจุ่มในเลือดสดๆ

เจ้าเด็กพวกนั้นแหวกผ่านผู้ใหญ่

 

“เราควรหยุดพวกนั้นไหมครับ ?”

 

ทหารองค์รักษ์ถามผม ผมส่ายหัว

 

 

“เจ้าได้ยินคำพูดเขาแล้วนี่ ? ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นเถอะ ”

 

“รับทราบครับ ”

 

เด็กๆต่างวิ่งเล่นพร้อมกับขนมปังชุ่มด้วยสีแดงเลือด

ใบหน้าของพวกเขานั้นสดใสเปล่งประกายด้วยจากการที่ทำได้สำเร็จตามที่พ่อแม่ของพวกเขาบอกให้ทำ

 

 

ฉากสุดท้ายที่ทิ้งไว้เบื้องหลังคือ บุคคลทั้งสิบสี่คนที่มีทั้งจอมมารและอาร์คดยุค

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด