Dungeon Defense (WN) 36 ราตรีวัลเพอกีส(1)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 36 ราตรีวัลเพอกีส(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“ตัวเราสงสัยเหลือเกินว่า เหตุผลสุดท้ายของเขาคืออะไร”

 

อิวาร์บ่นกับตนเอง เขาเดินไปเดินมาในห้องส่วนตัว มันเป็นนิสัยของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อกำลังพินิจพิเคราะห์บางอย่าง การครุ่นคิดอย่างเพลิดเพลินเช่นนั้น

 

เมื่อใดก็ตามที่เขาตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดที่ไม่น่าพึงใจ เขาจะนั่งลงแล้วมองผ่านหน้าต่าง เป็นเช่นนั้นอยู่นานจนกระทั่งสมองของอิวาร์ถูกกระตุ้น ซึ่งมาบัดนี้เขาตื่นตัวแล้ว

 

เขานึกถึงคำพูดของดันทาเลี่ยนที่พูดอย่างยั่วยุ

-ข้าจะเป็นผู้บอกเจ้าเองก็แล้วกัน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว-

อิวาร์หัวเราะหึขึ้น

 

‘กล้าดีอย่างไรถึงคิดมาคุกคามบริษัทเคียนคุสก้า’

อยู่ๆเขากลับรู้ถึงความหมายเบื้องหลังของดันทาเลี่ยนที่พูดว่า ‘ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด’ แล้ว 

 

ถึงอีวาร์จะแกล้งทำเป็นเด็กหนุ่มไม่ประสีประสา แต่เขาก็ไม่อาจตอบรับไปอย่างครึ่งๆกลางๆได้ แม้เขาจะตะโกนใส่ดันทาเลี่ยนด้วยความตระหนกตกใจ แต่ในหัวของอิวาร์ก็ได้ประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว เขาได้ข้อสรุปไปแล้วว่า สิ่งนี้เป็นยิ่งกว่าหลักฐานการแบลคเมล์พวกเรา

 

พนักงานบริษัทที่ยืนดูแล้วไม่ทำอะไรเลยทั้งที่สามารถช่วยจอมมารได้? ทั้งที่พนักงานบริษัทเคียนคุสก้านั้นมีชื่อเสียงว่า สามารถต้อนรับจอมมารได้เป็นอย่างดี จริงอยู่ที่ว่าบริษัทเคียนคุสก้านั้นเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในทวีปปีศาจแต่ทว่าก็มีบริษัทอื่นมากมายที่พร้อมจะเข้าแทนที่ 

 

หากความน่าเชื่อถือของบริษัทเคียนคุสก้าลดต่ำลง เมื่อนั้นเหล่าจอมมารก็จะเปลี่ยนคู่ค้าไปเป็นบริษัทอื่นทันที ใครจะไปแลกเปลี่ยนทำการค้ากับบริษัทที่พร้อมจะฆ่าพวกเขาล่ะ?

 

สำหรับพ่อค้านั้น ความเชื่อใจมีค่ายิ่งกว่าชีวิต 

ตราบเท่าที่ วูฟโฟเอต ไม่สิ อิวาร์ยังตระหนักว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตของบริษัทอยู่ในกำมือ เหงื่อเย็นก็ไหล่จนถึงหลัง ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นจอมมารที่ไม่สามารถเผชิญหน้าได้ด้วยวิธีปรกติ แถมเขายังระบุอีกว่า นั่นเป็นแค่เรื่องตลก ล้อเล่น

 

 

‘ดังนั้น ข้อสรุปที่ได้คือ ไม่ใช่การข่มขู่คุกคาม……จอมมารดันทาเลี่ยนนั้นต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกเราต่างหาก’

 

อิวาร์นั้นแปลความหมายคำพูดของดันทาเลี่ยนว่า 

‘ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นความผิดพลาดนี่ แต่ถึงอย่างนั้นจงแสดงความจริงใจตอบแทนข้า’

 

อิวาร์ตระหนักถึงสิ่งนั้นได้เช่นเดียวกัน จอมมารดันทาเลี่ยนไม่ได้บอกกับ วูฟโฟเอต ตัวตนปลอมของเขา แต่เขาบอกกับบริษัทถึงเจตนาคุกคาม 

แล้วคำพูดที่ฟังดูคลุมเครือนั้นหมายความว่าอย่างไร?

 

‘เขาเพียงต้องการทดสอบศักยภาพของบริษัทพวกเรา’

 

ดันทาเลี่ยนเพียงต้องการทดสอบ……ผ่านการข่มขู่แทนการส่งคำเตือน เพื่อจะได้ประเมินว่า พนักงานบริษัทมีความสามารถเพียงพอไหม จากนั้นเขาก็ทำเป็นไม่สนใจ หัวเราะและพูดว่า มันเป็นแค่เรื่องตลก

 

แล้วทำไมกันล่ะ? ในเมื่อเขาสามารถข่มขู่บริษัทได้โดยง่ายอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงต้องทำให้ยากขนาดนั้นล่ะ? จอมมารนั้นมีพลังอำนาจที่จะควบคุมบัญชาปีศาจ เขาสามารถใช้พลังอำนาจนั่นเอาเปรียบเลยก็ได้ แต่เขากลับเลือกวิธีที่ยุ่งยากกว่า

 

แวมไพร์ผู้อยู่มานานกว่า  2,000 ปี สามารถระบุจุดมุ่งหมายที่แท้เบื้องหลังการกระทำของดันทาเลี่ยน

 

‘หากพวกเราทำไม่ได้ตามความคาดหวังของเขา เขาก็จะไปทำการค้ากับบริษัทอื่นแทนที่จะเป็นเคียนคุสก้า…….’

อิวาร์ยิ้ม มันเป็นยิ้มแห่งความแข็งกร้าว ซึ่งอิวาร์มักจะยิ้มแบบนี้เพื่อแสดงความมั่นใจยามที่ถูกท้าทาย

เห็นได้ชัดเลยว่า ข้อมูลที่ว่า บริษัทเคียนคุสก้านั้นจงใจยืนเฉยปล่อยจอมมารตายนั้น เป็นข้อมูลที่ขายได้ราคาสูง

 

บริษัทคู่แข่งพร้อมที่จะแย่งชิงในดูแลดันทาเลี่ยนไปเป็นลูกค้าของตน ต่างจากที่เขาได้รับการปฏิบัติในฐานะลูกค้าปกติของเคียนคุสก้า เขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างลูกค้าVIP ที่บริษัทคู่แข่ง

 

‘นี่สินะ เหตุผลข้อที่สามของจอมมาร’

 

มันออกจะซับซ้อน และเป็นสิ่งที่น่าสนใจเกินกว่าที่ผู้อื่นจะสามารถเข้าใจความซับซ้อนนี้ได้  อย่างที่ดันทาเลี่ยนพูดไว้ว่า การคิดทำร้ายบริษัทเคียนคุสก้านั้นไม่ใช่เหตุผลแรกหรือเหตุผลที่สอง มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเหตุผลข้อสุดท้าย ซึ่งนั่นหมายถึง เขาคิดคุกคามเราเพื่อกระตุ้น

 

เขารักษาอำนาจของตนด้วยการแก้แค้นบุคคลที่ยั่วโมโห

เขาได้รับชื่อเสียง เกียรติยศจากการกำจัดผู้ที่ชอบก่อเรื่องในเมือง

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับผลประโยชน์จากการคุกคามคู่ค้าที่ทำผิดพลาดด้วย

 

 

“ฟุฟุ”

อิวาร์หัวเราะ เขาไม่สามารถที่จะเอนหลังหัวเราะได้ เขาสัมผัสได้ถึงความสูงส่งราวกับกำลังเฝ้ามองดูภาพวาดของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่

 

การเดินหมากเพียงตาเดียว ด้วยการฆ่าอันโดรมาลิอุส เขาได้รับอำนาจ ชื่อเสียง รวมถึงกำไร จอมมารดันทาเลี่ยนคำนวนทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้น

 

ยอดเยี่ยมมาก ถ้าอย่างนั้น อันตัวเราก็ยินดีจะรับการคุกคามจากท่านอย่างเต็มใจ

 

อิวาร์ฉีกยิ้ม ความจริงที่ว่า จอมมารผู้นั้นมิได้ใช้พลังอำนาจตนโดยตรง แต่กลับใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายแท้ๆเพื่อล่อลวงเขาแทน จอมมารที่ไม่เหมือนกับจอมมารตนอื่น

 

 

“ครั้งที่แล้วก็โรคระบาดที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และมาคราวนี้…….”

อิวาร์พูดกับตัวเองขณะที่มองไปเบื้องหน้า ห้องนั้นมืด สำหรับแวมไพร์เช่นเขา ความมืดคือความสบายใจอย่างยิ่ง 

 

แต่ด้วยเหตุผลบางประการเขากลับไม่รู้สึกถึงความสบายใจเลยในวันนี้ แต่มีความรู้สึกขมุกขมัวของความหวังแทน แน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของเขา จินตนาการอันน่าพึงพอใจ

 

“ด้วยเหตุผลกลใดหนอ เขาถึงต้องการการสนับสนุนของเราเช่นนี้ เราสงสัยนัก”

แม้เขาจะไม่ได้รับคำตอบ แต่อิวาร์เองก็ยังพยักหน้าวราวกับได้รับคำตอบจากการคิดเองด้วยวิธีการต่างๆที่จะทำให้ดันทาเลี่ยนกลายเป็นพันธมิตรของบริษัทโดยสมบูรณ์

 

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ณ ที่พักของดันทาเลี่ยน⎯⎯

 

“ทำไมถึงไปฆ่าจอมมารคะ? ท่านเสียสติไปแล้วหรือยังไง?”

 

“มะ-ไม่ใช่นะ ลาพิส! อย่างที่ผมบอกไง คืองี้นะ ฟังผมนะ”

 

“จอมมารจะต้องเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุด มันชวนงงเหลือเกินนะคะสำหรับดิฉัน ที่ท่านกลับเป็นผู้ทำลายกฏที่ควรละเมิดนั่นด้วยตัวเอง นี่ท่านเป็นไอ้โรคจิคที่มีความสุขจากการได้รับความเจ็บปวดเหรอคะ? เป็นเช่นนั้นเองหรือคะ? หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็น่ารังเกียจมาก ดิฉันผิดหวังค่ะ ท่านนี่ช่างน่าสิ้นหวังเหลือเกิน”

 

“อุ่ก……ผมขอโทษษษ…….”

 

หากอิวาร์รู้ว่า ดันทาเลี่ยนในตอนนี้นั้นกำลังโดนลาพิสดุอยู่ เขาอาจจะส่ายหัวแทนที่จะพยักหน้าอยู่ก็ได้

 

* * *

 

ผมเที่ยวเล่นจนเต็มอิ่มตามใจปรารถนาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม

 

 

แม้เนฟเฮมจะเทียบไม่ได้กับโยฮันเนสเบิร์กบนโลกที่มีอาชญากรรมและความรุนแรงถี่จนแทบจะทุกเสี้ยววินาที แต่จอมมารก็จะไม่ได้รับการคุกคามใดๆ การมีชื่อจอมมารเป็นเหมือนบัตรผ่านฟรีตลอด เพื่อที่จะเข้าสวนสนุกเลือดเดือดที่ชื่อว่า เนฟเฮม

 

ยิ่งไปกว่านั้น พลเมืองของเนฟเฮมเอง ตั้งแต่พ่อค้าแม่ขายไปจนถึงนักเลง ต่างใจดีกับผม ข่าวการตายของอันโดรมาลิอุสที่แพร่ออกไปราวกับใยแมงมุมนั้นไปทั่วยันขอบมุมเมืองที่ไกลที่สุด

 

ไอ้สารเลวอันโดรมาลิอุสนั้นสะสมความเกลียดโกรธชิงชังจากคนทั้งเมืองจนทำให้แม้แต่ปีศาจที่ผ่านไปผ่านมาก็ขอบคุณผม

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของผม ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะได้รับ คำขอบคุณจากพวกนักเลง ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนจะเป็นระดับหัวหน้าแก๊งเสียด้วย

ผมมีความสุขมากกับการทำตัวเป็นผู้ให้การอุปถัมภ์ดูแลคาสิโน

 

ในโลกปีศาจที่ร้อนระอุจนผิวพุพองจากลมฤดูร้อน แต่อากาศในคาสิโนนั้นเย็นชื่นใจเสมอ ผมได้ยินว่า คาสิโนได้ว่าจ้างนักเวทย์มามาทำงานโดยสลับกันร่ายเวทย์น้ำแข็ง ถึงส่วนตัวผมจะคิดอยุ๋ว่า มันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเสียเงินเสียทองไปกับเรื่องแบบนั้น ว่าแต่ ใครจะไปสนล่ะ? วู้ววว การที่ผมหนีลมร้อนนั่นได้ก็ต้องขอบคุณอยู่ดี

 

“บริกร”

 

“ครับ ฝ่าบาท”

 

“ขอเบียร์เย็นๆสดชื่นๆซักแก้วซิ”

 

“ตามที่ท่านปรารถนา, ฝ่าบาท”

 

เด็กเสิร์ฟก็อบลินที่ดูสะอาดสะอ้านโค้งงามๆอย่างเคารพนับถือให้ผม เอาจริงนะ ในคาสิโนเนี่ย เครื่องดื่มก็ฟรีด้วย ผมไม่ต้องเที่ยวเดินออกไปหยิบมาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ ที่ต้องทำก็แค่ เรียกบริกรที่กำลังเดินวนรอบคาสิโนแล้วก็พูดว่า ‘เบียร์แก้วนึง’ ด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ 

จุดสำคัญ คือ ต้องใช้สายตามองอีกฝ่าย ซึ่งก็คงจะเป็นก็อบลินนั่นแหละ มันก็ช่วยไม่ได้น้า ที่พวกเขาจะหลงเสน่ห์ทันทีที่ผมยิ้มหวานให้น่ะ

 

“ได้แล้วครับ ฝ่าบาท”

ผมรับเบียร์แก้วใหญ่ลายสวย เบียร์ข้าวสาลีแสนอร่อยรินไหลจากปากสู่ลำคอ ผมแทบจะถอนใจดังๆออกมาด้วยความสดชื่น แต่โชคไม่ดีที่ ผมถูกดวงตาหลายคู่จับจ้องมองอยู่ ผมจึงต้องวางตัวให้สูงส่ง แม้จะเล็กน้อยก็ยังดี

 

นี่มันสุดแสนจะยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่หรือไง ผมจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ได้ แถมยังได้หาตังด้วย

 

หรือว่าที่นี่จะเป็น……สรวงสวรรค์?

 

ในโลกก่อนนี่ ทำไมผมถึงทำตัวเป็นคนดี๊คนดีแล้วปิดกั้นใจตัวเองจากคาสิโนด้วยนะ? 

 

“เฮะ”

ผมหัวเราะคิกให้กับตัวตนก่อนหน้าที่แสนโง่เง่า แม้แต่ความเครียดอย่างหนักที่ผมได้รับมาจากการเป็นจอมมารยังหายเป็นปลิดทิ้งเลย

 

ผมบอกได้เลยว่า ชีวิตที่ผ่านมานี่ไม่เคยได้รับความสุขสมอารมณ์หมายได้เท่าที่มีตอนนี้มาก่อนเลย 

 

ฮัลโหล ตัวผมในอดีต 

ฮัลโหล ชีวิตดันเจี้ยนเฮงซวย 

และยินดีต้อนรับวันคืนดั่งสวรรค์ของโผมมม

 

 

“ดูท่าฝ่าบาท ใกล้จะหมดท่าเสียแล้วล่ะมั้ง”

มนุษย์กิ้งก่าที่นั่งตรงกันข้ามของโต๊ะกลับหัวเราะเยาะขึ้น เขาวางไพ่สองใบคว่ำไว้บนโต๊ะ และอวดลูกเล่นการควงเหรียญชิพอย่างชำนาญระหว่างนิ้วด้วยมือขวาข้างเดียว

 

วิธีการที่เขาเล่นกับชิพนั้นมันไม่ต่างจากเพื่อนเด็กประถมที่ชอบแข่งกันควงปากโชว์

ผมมอบรอยยิ้มสบายๆแทนคำตอบ

 

“สงสัยจังเลยน้า ข้าอาจจะหมดท่าหรือข้าอาจจะ(เท)หมดหน้า(ตัก)ก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ทูแพร์* เป็นสิ่งเดียวที่เจ้ามีตอนนี้”

 

“เร็วเกินไปที่จะคิดสู้นะ”

 

“หืมอย่างนั้นรึ ข้าคิดว่า เจ้าเล็งจะทำ เสตรท**อยู่ไม่ใช่หรือ?”

 

ผิวของกิ้งก่าเปลี่ยนไปชั่วขณะ มุมตาซ้ายของเขากระตุกเล็กๆ ใครก็ได้บอกชายคนนี้ถึงนิสัยที่ว่านี้ทีเถอะ

 

“ข้าพูดถูกไหม? หรือข้าควรแนะนำให้เจ้า อย่าลองพยายามที่จะเอาชนะข้าด้วยคำพูด น่าจะดีกว่านะ”

 

“ฮี่ฮี่ ไม่เห็นเข้าใจเลยว่า ท่านพูดอะไร ฝ่าบาท”

มนุษย์กิ้งก่ายิ้มอย่างคนกลับกลอก อย่างที่ผมคิดจริงๆนั่นแหละ ผมโดนหมายหัวไว้ ดังนั้นผมจึงโยนไพ่ทิ้งกลางโต๊ะ

 

 

“เอ้า ข้าหมอบ”

 

“ฟัคคคคค!”

มนุษย์กิ้งก่าลุกขึ้นในทันที

 

“เสตรท! ห่าเอ้ย กว่าจะได้สเตรทมาแทบลากเลือด แต่ได้แค่ 5 โกลด์! แค่ 5 โกลด์เองเนี่ยนะ! นานเลยนะเว้ยกว่าจะได้เนี่ย!”

มนุษย์กิ้งก่าโวยวายขึ้นมา ผู้เล่นคนอื่นต่างหัวเราะคิก ในฐานะที่พวกเราต่างเป็นลูกค้าประจำ ผู้ให้การสนับสนุนคาสิโน เราทั้งผองก็เหมือนเพื่อนพ้องเก่ากัน

 

แม้จะไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ทั้งยังมีช่วงวัยที่ห่างกันตั้งแต่เด็กยันปู่ แต่สิ่งที่พวกเราทุกตนสัมผัสได้คือ พวกเราต่างเป็นนักพนัน

 

“ยอมแพ้ซะเถอะ แกตบตาฝ่าบาทไม่ได้หรอก”

 

“ใช่เลยว่ะ นี่ถ้าฝ่าบาทไม่ใช่จอมมาร ป่านนี้ท่านอาจจะไปเกิดเป็นนักต้มตุ๋นแทนแล้วก็ได้”

 

เร็วๆนี้ผมเล่นโปกเกอร์กับพวกนี้แหละ แต่ความจริงแล้ว ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโปเกอร์ในคาสิโน เพราะนอกจากเกมนี้จะพึ่งพาดวงแล้ว โปกเกอร์ยังพึ่งพาทักษะเฉพาะตัวอีกด้วย 

 

แม้จะพูดว่าอย่างนั้น แต่มันก็เป็นการพนัน ขึ้นชื่อว่าการพนันไม่ว่ายังไงก็ขึ้นกับโชค

 

ส่วนผมมันข้อยกเว้นว่ะ

 

“อ่าาา ฝ่าบาท ที่ท่านแน่ใจนะว่า ท่านไม่ได้อ่านจิตคนอื่นหรือมีพลังอะไรแบบั้น? แล้วท่านล่วงรู้ผู้อื่นได้อย่างไรกัน?”

 

 

“อย่ากล่าวหาผู้บริสุทธิ์เลยน่า”

ผมยิ้มออกมาเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนระหว่างที่พูด

“ไอ้เรื่องอย่าง อ่านใจ อะไรพวกนั้น มันเรื่องงมงาย”

 

“ท่านก็พูดถูก แต่ ……ฮึ่ย! มันแปลกเกินไปแล้ว”

มนุษย์กิ้งก่าบ่นขณะที่นั่งลง ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือรู้สึกผิดอะไรหรอกนะ ผมอ่านใจพวกเขาจริงๆ

 

ก็มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนตรงหน้าผมนี่ไง

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ชื่อ: ริคเกอร์

เผ่า: มนุษย์กิ้งก่า   ฝ่าย: –

สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-15)

เลเวล: 31    ชื่อเสียงในทางลบ: 72

อาชีพ: นักพนัน(B+)

ความเป็นผู้นำ: 7  อำนาจ: 25   ความฉลาด: 24

ไหวพริบ: 11  เสน่ห์: 10  เทคนิค: 47

ค่าความชอบ: 32

ความคิดตอนนี้: ‘แม่งเอ้ย, วันนี้กูจบวัน แบบติดลบเหรอวะเนี่ย!’

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

 การกำจัดอันโดรมาลิอุสนั้นส่งผลกระทบทำให้ผู้คนทั้งหลายที่นี่มองผมไปในทางบวกอย่างมาก รวมถึงเหล่านักพนันด้วย

ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ หมอนั่นดันไปก่อเรื่องวุ่นวายเป็นร้อยครั้ง พอแพ้การพนัน ก็ใช้พลังในฐานะจอมมารบังคับขู่เข็ญเอาเงินมา

 

ถึงหลุมนักพนันจะเป็นแห่งรวมตัวของพวกขยะเข้าด้วยกัน แต่การทำแบบนั้นแม่งยิ่งกว่าขยะ พูดง่ายๆว่า มันเป็นอภิมหาขยะนั่นเอง

 

แต่ก็ขอบใจเรื่องนั้น ผมจึงได้เพิ่มค่าความชอบขึ้นมาถึงระดับ 20 โดยง่าย ผมควรจะเรียกว่า มันเป็นโดมิโน่เอฟเฟ็คดีไหมนะ? 

พอผมสามารถรักษากติกามารยาทในการเล่นโป๊กเกอร์ได้ ค่าความชอบของทุกคนก็เพิ่มขึ้นมากมาย

 

มันก็คงเท่าๆกับภาพลักษณ์ในทางลบของเจ้าอันโดรมาลิอุสที่เคยมี แต่เป็นในทางตรงข้ามกันนั่นแหละ พวกเขา

พวกเขาไม่มีทางรู้หรอกว่าทำไมพวกเขาถึงได้แพ้ วะฮ่าฮ่าฮ่า

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ รอบถัดไป! มาๆ รอบถัดไปๆ!”

 

“พยายามจะบลัฟข้าทั้งที่เจ้าไม่มีอะไรอย่างนั้นหรือ ฮึฮึ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมเจ้าถึงไม่มีโชคนะ”

 

“ฉันว่า เขากำลังจะหมอบทันทีหลังจากได้ใบสำคัญของตัวเองแล้วนะ”

 

“แหมบังเอิญเหลือเกิน ข้าก็คิดแบบเดียวกัน”

 

“ไอ้พวกสารเลวเอ๊ยยย!”

 

เสียงหัวเราะหมู่ใหญ่ระเบิดขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงโต๊ะเราเท่านั้น หากแต่ยังผู้คนโต๊ะรอบๆที่ร่วมกันหัวเราะเช่นกัน แวมไพร์ที่เป็นผู้แจกไพ่ก็พยายามอย่างมากที่จะกลั้นหัวเราะไว้ตอนที่แจกไพ่ในวงพวกเรา ผมยังคงเล่นต่อไปเพื่อรักษามารยาทของผู้ใหญ่และอารมณ์ขันไว้

 

ถ้าให้เทียบแล้ว ตอนนี้ความนึกคิดจิตใจผมนั้นแสนบริสุทธิ์และสงบนิ่งดั่งทะเลสาบ มันสื่อให้เห็นว่า ผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด คนพวกนี้ไม่มีวันชนะผมได้ แม้ในท้ายที่สุด พวกเขาอาจจะท้าทายด้วยความคิด ด้วยทุกแผน ที่พวกเขาคิดว่ามีโอกาส แต่พวกเขาก็ยังคงเดิมพันด้วยสถานะแบบนั้น ผลก็เหมือนเดิมนั่นแหละ

 

ในตอนนั้นเองที่ดีลเลอร์แจกไพ่ได้พลิกไพ่เปิด

 

“ตอนนี้,ใบแรกคือ…….”

 

“ฝ่าบาท! พวกเขามาแล้ว! ‘คนนั้น’ อยู่ที่นี่อีกแล้ว!”

 

บริกรก็อบลินมาที่โต๊ะของพวกเราและพูดด้วยน้ำเสียงประหม่า จิตใจของผมกรีดร้องขึ้นมาทันที ผมต้องออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมพยายามรักษาความสงบภายนอกไว้ก่อนจะค่อยๆลุกยืนขึ้น

 

ผู้เล่นคนอื่นต่างมองผมด้วยแววตาที่เสียใจและดีใจเล็กๆ

พวกเขาเสียใจที่เวลาสนุกของพวกเราหมดลง แต่ก็ดีใจที่คู่แข่งสุดไร้เทียมทานนั้นต้องไปแล้ว

 

“ข้าต้องขออภัยด้วย ที่ข้าต้องไปแล้ว ถือว่า เกมนี้ข้าพ่ายแพ้ก็แล้วกัน”

 

“โอ้ ไม่มีอะไรให้ท่านต้องขอโทษ!”

มนุษย์กิ้งก่ากลับยิ้มอย่างสดใส

แหม อารมณ์ของเอ็งมันชัดจนแทบจะเขียนไว้บนหน้า ไม่ต้องเปิดดูสเตตัสยังรู้เลย เหมือนผมจะเริ่มรู้วิธีการอ่านใจคนขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

“ยินดีต้อนรับท่านกลับมาทุกเมื่อเลยครับ ฝ่าบาท พวกเราก็จะเล่นที่นี่กันทุกวันแหละ ยกเว้นวันศุกร์”

 

“ลาก่อน!”

 

“คราวหน้าเลี้ยงพวกเรารอบวงก็พอแล้ว”

ผมพยักหน้าอย่างเร็วๆก่อนจะวิ่งตามบริกรไป

 

พวกเราผ่านประตูไปจนถึงมุมด้านในของคาสิโน ทางแคบๆที่มีสายลมไหลผ่านหน้าเรา ฝีเท้าของบริกรผู้นั้นเร่งรีบ แต่น้ำเสียงของเขายังคงเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น

 

“ทางนี้เป็นทางออกฉุกเฉิน มีเพียงลูกจ้างคาสิโนเท่านั้นที่จะรู้ทางนี้”

 

“โฮ่ เช่นนั้นก็สบายใจ”

 

“แม้แต่ผู้นั้นก็ไม่มีทางรู้สถานที่นี้หรอก มาตอนนี้พวกเราใกล้จะถึงแล้ว พอพ้นหัวโค้งข้างหน้านี่ ทางออกก็…….”

 

แล้วพวกเราก็กรีดร้องขึ้นสุดเสียง

 

เท้าของพวกเราหยุดตรงกึ่งกลางทางเท้าลาดเอียง ผมสัมผัสได้ว่า บริกรก็อบลินนั้นช็อค แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ควรกังวลกับอารมณ์ของเจ้านั่นอีกแล้ว ในเมื่อมีพายุอารมณ์มหาศาลเข้ามาใกล้ผมจากข้างหน้า

 

(TTL : ชิบผาย บ้านแตก!แม่มา!)

 

 

เบื้องหน้าของพวกเรา ที่ยืนอยู่คือ ลาพิสที่สวมชุดสูทดำเหมือนเคย

 

“สวัสดีค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน”

ลาพิสโค้งหัวให้อย่างเคารพ มันน่ากลัวสุดๆเพราะไอ้อย่างเคารพเนี่ยแหละ เนื่องจากผมรู้สถานะทางอารมณ์ของเธอในตอนนี้ดี มันประกอบด้วยความอลหม่านที่ไม่อาจเข้าใจหรือตีความได้อยู่ในอกของลาพิส

 

มีทั้ง ชิงชัง,โกรธ,เกลียด,ดูถูก,ผิดหวัง,เสียใจ และอารมณ์ทางลบอื่นๆอยู่อีกเพียบ

แต่ถึงอย่างนั้น ลาพิสก็ดูจะเฉยชาไร้อารมณ์

แทบจะดูเหมือนเฉยชาโดยสิ้นเชิง ซึ่งความไร้อารมณ์นั่น กลับย้ำเตือนให้ผมนึกถึงรูปปั้นหินอ่อน

 

แม่งโคตรน่ากลัวเลยเว้ย

 

ผมไม่อาจปกปิดน้ำเสียงที่สั่นไหว โปกเกอร์เฟซที่พยายามทำมาก่อนหน้านั้นสลายหายไปในทันที

 

 

“อะ-อ้า ลาพิส ทำงานดีไหม?”

 

“ค่ะ ดิฉันทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ดิฉันสงสัยเหลือเกินว่า ใครกันเป็นเหตุผลที่ดิฉันต้องทำงานมากถึงเพียงนี้”

แม้ลาพิสจะมองมาอย่างไม่สนใจใยดี แต่ไหล่ของบริกรก็สั่นไม่หยุดชั่วขณะที่สบตากับเธอ

 

“ฝะ-ฝ่าบาท ผมไปตามทางของผมดีกว่า…….”

 

“ไม่โว้ย! นี่เอ็งพยายามทิ้งข้าแล้วหนีเอาตัวรอดสินะ!?”

 

ลาพิสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียยบเย็นในทันที่ที่ผมพยายามจะรั้งตัวบริกรไว้

“หนีหรือคะ? มีอะไรที่ทำให้ท่านต้องหนีหรือคะ, ท่านดันทาเลี่ยน?”

 

“เอ๋? อ่า เอ่อ ข้า ข้าหมายถึง…….”

 

“ดิฉันเชื่อว่า ท่านคงไม่คิดว่าเป็นไปได้ใช่ไหมคะ เรื่องที่ว่าจะหนีดิฉันพ้น”

 

“แน่นอน! อยู่แล้วล่ะ! มันก็เห็นกันอยู่ชัดๆแล้วใช่ไหม? ฮ่าฮ่า!”

ตอนที่ผมถูกลาพิสซัก บริกรคนนั้นก็ใช้โอกาสนั้นไหลหนีไปก่อน โอ้ย ไอ้ตีนผีเอ้ย มันได้ทิปจากผมไปเป็นภูเขาแท้ๆ!

 

สุดท้ายก็เหลือแค่ลาพิสกับผมเหลืออยู่ในทางเดินแคบๆนั่น

 

“ฮ่าฮ่า อุฮ่าฮ่า”

 

“…….”

 

“ฮาฮา…….”

 

“…….”

 

ทุกอย่างหยุดนิ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดไม่ต่างจากตอนที่แม่จับได้ว่า คุณเสียเงินทั้งหมดไปกับการพนัน ทั้งที่เงินก้อนนั้นพ่อแม่เตรียมไว้เพื่อให้คุณเอาไปจ่ายค่าเทอม ผมไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดแบบนั้นได้สุดท้ายผมจึงก้มหัวให้

 

“ผมขอโทษ…….”

 

“เฮ่ออออออ”

 

เสียงถอนใจที่ยาวสุดๆผ่านเข้ามาในหูของผม ความรู้สึกผิดจมลึกลงไปในร่างของผม ซึ่งเสียงนั้นมันฟังดูเหมือนเสียงถอนใจของแม่

 

 

—————-

 

*ทูแพร์ : ไพ่แต้มเดียวกัน สองคู่ เรียกว่า ทูแพร์ โดยไม่สนดอกหรือสีบนไพ่

**สเตรท : ไพ่เรียง ครบ 5 ใบ โดยไม่สนดอกหรือสีบนไพ่

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 36 ราตรีวัลเพอกีส(1)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 36 ราตรีวัลเพอกีส(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“ตัวเราสงสัยเหลือเกินว่า เหตุผลสุดท้ายของเขาคืออะไร”

 

อิวาร์บ่นกับตนเอง เขาเดินไปเดินมาในห้องส่วนตัว มันเป็นนิสัยของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อกำลังพินิจพิเคราะห์บางอย่าง การครุ่นคิดอย่างเพลิดเพลินเช่นนั้น

 

เมื่อใดก็ตามที่เขาตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดที่ไม่น่าพึงใจ เขาจะนั่งลงแล้วมองผ่านหน้าต่าง เป็นเช่นนั้นอยู่นานจนกระทั่งสมองของอิวาร์ถูกกระตุ้น ซึ่งมาบัดนี้เขาตื่นตัวแล้ว

 

เขานึกถึงคำพูดของดันทาเลี่ยนที่พูดอย่างยั่วยุ

-ข้าจะเป็นผู้บอกเจ้าเองก็แล้วกัน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว-

อิวาร์หัวเราะหึขึ้น

 

‘กล้าดีอย่างไรถึงคิดมาคุกคามบริษัทเคียนคุสก้า’

อยู่ๆเขากลับรู้ถึงความหมายเบื้องหลังของดันทาเลี่ยนที่พูดว่า ‘ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด’ แล้ว 

 

ถึงอีวาร์จะแกล้งทำเป็นเด็กหนุ่มไม่ประสีประสา แต่เขาก็ไม่อาจตอบรับไปอย่างครึ่งๆกลางๆได้ แม้เขาจะตะโกนใส่ดันทาเลี่ยนด้วยความตระหนกตกใจ แต่ในหัวของอิวาร์ก็ได้ประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว เขาได้ข้อสรุปไปแล้วว่า สิ่งนี้เป็นยิ่งกว่าหลักฐานการแบลคเมล์พวกเรา

 

พนักงานบริษัทที่ยืนดูแล้วไม่ทำอะไรเลยทั้งที่สามารถช่วยจอมมารได้? ทั้งที่พนักงานบริษัทเคียนคุสก้านั้นมีชื่อเสียงว่า สามารถต้อนรับจอมมารได้เป็นอย่างดี จริงอยู่ที่ว่าบริษัทเคียนคุสก้านั้นเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในทวีปปีศาจแต่ทว่าก็มีบริษัทอื่นมากมายที่พร้อมจะเข้าแทนที่ 

 

หากความน่าเชื่อถือของบริษัทเคียนคุสก้าลดต่ำลง เมื่อนั้นเหล่าจอมมารก็จะเปลี่ยนคู่ค้าไปเป็นบริษัทอื่นทันที ใครจะไปแลกเปลี่ยนทำการค้ากับบริษัทที่พร้อมจะฆ่าพวกเขาล่ะ?

 

สำหรับพ่อค้านั้น ความเชื่อใจมีค่ายิ่งกว่าชีวิต 

ตราบเท่าที่ วูฟโฟเอต ไม่สิ อิวาร์ยังตระหนักว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตของบริษัทอยู่ในกำมือ เหงื่อเย็นก็ไหล่จนถึงหลัง ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นจอมมารที่ไม่สามารถเผชิญหน้าได้ด้วยวิธีปรกติ แถมเขายังระบุอีกว่า นั่นเป็นแค่เรื่องตลก ล้อเล่น

 

 

‘ดังนั้น ข้อสรุปที่ได้คือ ไม่ใช่การข่มขู่คุกคาม……จอมมารดันทาเลี่ยนนั้นต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกเราต่างหาก’

 

อิวาร์นั้นแปลความหมายคำพูดของดันทาเลี่ยนว่า 

‘ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นความผิดพลาดนี่ แต่ถึงอย่างนั้นจงแสดงความจริงใจตอบแทนข้า’

 

อิวาร์ตระหนักถึงสิ่งนั้นได้เช่นเดียวกัน จอมมารดันทาเลี่ยนไม่ได้บอกกับ วูฟโฟเอต ตัวตนปลอมของเขา แต่เขาบอกกับบริษัทถึงเจตนาคุกคาม 

แล้วคำพูดที่ฟังดูคลุมเครือนั้นหมายความว่าอย่างไร?

 

‘เขาเพียงต้องการทดสอบศักยภาพของบริษัทพวกเรา’

 

ดันทาเลี่ยนเพียงต้องการทดสอบ……ผ่านการข่มขู่แทนการส่งคำเตือน เพื่อจะได้ประเมินว่า พนักงานบริษัทมีความสามารถเพียงพอไหม จากนั้นเขาก็ทำเป็นไม่สนใจ หัวเราะและพูดว่า มันเป็นแค่เรื่องตลก

 

แล้วทำไมกันล่ะ? ในเมื่อเขาสามารถข่มขู่บริษัทได้โดยง่ายอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงต้องทำให้ยากขนาดนั้นล่ะ? จอมมารนั้นมีพลังอำนาจที่จะควบคุมบัญชาปีศาจ เขาสามารถใช้พลังอำนาจนั่นเอาเปรียบเลยก็ได้ แต่เขากลับเลือกวิธีที่ยุ่งยากกว่า

 

แวมไพร์ผู้อยู่มานานกว่า  2,000 ปี สามารถระบุจุดมุ่งหมายที่แท้เบื้องหลังการกระทำของดันทาเลี่ยน

 

‘หากพวกเราทำไม่ได้ตามความคาดหวังของเขา เขาก็จะไปทำการค้ากับบริษัทอื่นแทนที่จะเป็นเคียนคุสก้า…….’

อิวาร์ยิ้ม มันเป็นยิ้มแห่งความแข็งกร้าว ซึ่งอิวาร์มักจะยิ้มแบบนี้เพื่อแสดงความมั่นใจยามที่ถูกท้าทาย

เห็นได้ชัดเลยว่า ข้อมูลที่ว่า บริษัทเคียนคุสก้านั้นจงใจยืนเฉยปล่อยจอมมารตายนั้น เป็นข้อมูลที่ขายได้ราคาสูง

 

บริษัทคู่แข่งพร้อมที่จะแย่งชิงในดูแลดันทาเลี่ยนไปเป็นลูกค้าของตน ต่างจากที่เขาได้รับการปฏิบัติในฐานะลูกค้าปกติของเคียนคุสก้า เขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างลูกค้าVIP ที่บริษัทคู่แข่ง

 

‘นี่สินะ เหตุผลข้อที่สามของจอมมาร’

 

มันออกจะซับซ้อน และเป็นสิ่งที่น่าสนใจเกินกว่าที่ผู้อื่นจะสามารถเข้าใจความซับซ้อนนี้ได้  อย่างที่ดันทาเลี่ยนพูดไว้ว่า การคิดทำร้ายบริษัทเคียนคุสก้านั้นไม่ใช่เหตุผลแรกหรือเหตุผลที่สอง มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเหตุผลข้อสุดท้าย ซึ่งนั่นหมายถึง เขาคิดคุกคามเราเพื่อกระตุ้น

 

เขารักษาอำนาจของตนด้วยการแก้แค้นบุคคลที่ยั่วโมโห

เขาได้รับชื่อเสียง เกียรติยศจากการกำจัดผู้ที่ชอบก่อเรื่องในเมือง

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับผลประโยชน์จากการคุกคามคู่ค้าที่ทำผิดพลาดด้วย

 

 

“ฟุฟุ”

อิวาร์หัวเราะ เขาไม่สามารถที่จะเอนหลังหัวเราะได้ เขาสัมผัสได้ถึงความสูงส่งราวกับกำลังเฝ้ามองดูภาพวาดของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่

 

การเดินหมากเพียงตาเดียว ด้วยการฆ่าอันโดรมาลิอุส เขาได้รับอำนาจ ชื่อเสียง รวมถึงกำไร จอมมารดันทาเลี่ยนคำนวนทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้น

 

ยอดเยี่ยมมาก ถ้าอย่างนั้น อันตัวเราก็ยินดีจะรับการคุกคามจากท่านอย่างเต็มใจ

 

อิวาร์ฉีกยิ้ม ความจริงที่ว่า จอมมารผู้นั้นมิได้ใช้พลังอำนาจตนโดยตรง แต่กลับใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายแท้ๆเพื่อล่อลวงเขาแทน จอมมารที่ไม่เหมือนกับจอมมารตนอื่น

 

 

“ครั้งที่แล้วก็โรคระบาดที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และมาคราวนี้…….”

อิวาร์พูดกับตัวเองขณะที่มองไปเบื้องหน้า ห้องนั้นมืด สำหรับแวมไพร์เช่นเขา ความมืดคือความสบายใจอย่างยิ่ง 

 

แต่ด้วยเหตุผลบางประการเขากลับไม่รู้สึกถึงความสบายใจเลยในวันนี้ แต่มีความรู้สึกขมุกขมัวของความหวังแทน แน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของเขา จินตนาการอันน่าพึงพอใจ

 

“ด้วยเหตุผลกลใดหนอ เขาถึงต้องการการสนับสนุนของเราเช่นนี้ เราสงสัยนัก”

แม้เขาจะไม่ได้รับคำตอบ แต่อิวาร์เองก็ยังพยักหน้าวราวกับได้รับคำตอบจากการคิดเองด้วยวิธีการต่างๆที่จะทำให้ดันทาเลี่ยนกลายเป็นพันธมิตรของบริษัทโดยสมบูรณ์

 

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ณ ที่พักของดันทาเลี่ยน⎯⎯

 

“ทำไมถึงไปฆ่าจอมมารคะ? ท่านเสียสติไปแล้วหรือยังไง?”

 

“มะ-ไม่ใช่นะ ลาพิส! อย่างที่ผมบอกไง คืองี้นะ ฟังผมนะ”

 

“จอมมารจะต้องเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุด มันชวนงงเหลือเกินนะคะสำหรับดิฉัน ที่ท่านกลับเป็นผู้ทำลายกฏที่ควรละเมิดนั่นด้วยตัวเอง นี่ท่านเป็นไอ้โรคจิคที่มีความสุขจากการได้รับความเจ็บปวดเหรอคะ? เป็นเช่นนั้นเองหรือคะ? หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็น่ารังเกียจมาก ดิฉันผิดหวังค่ะ ท่านนี่ช่างน่าสิ้นหวังเหลือเกิน”

 

“อุ่ก……ผมขอโทษษษ…….”

 

หากอิวาร์รู้ว่า ดันทาเลี่ยนในตอนนี้นั้นกำลังโดนลาพิสดุอยู่ เขาอาจจะส่ายหัวแทนที่จะพยักหน้าอยู่ก็ได้

 

* * *

 

ผมเที่ยวเล่นจนเต็มอิ่มตามใจปรารถนาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม

 

 

แม้เนฟเฮมจะเทียบไม่ได้กับโยฮันเนสเบิร์กบนโลกที่มีอาชญากรรมและความรุนแรงถี่จนแทบจะทุกเสี้ยววินาที แต่จอมมารก็จะไม่ได้รับการคุกคามใดๆ การมีชื่อจอมมารเป็นเหมือนบัตรผ่านฟรีตลอด เพื่อที่จะเข้าสวนสนุกเลือดเดือดที่ชื่อว่า เนฟเฮม

 

ยิ่งไปกว่านั้น พลเมืองของเนฟเฮมเอง ตั้งแต่พ่อค้าแม่ขายไปจนถึงนักเลง ต่างใจดีกับผม ข่าวการตายของอันโดรมาลิอุสที่แพร่ออกไปราวกับใยแมงมุมนั้นไปทั่วยันขอบมุมเมืองที่ไกลที่สุด

 

ไอ้สารเลวอันโดรมาลิอุสนั้นสะสมความเกลียดโกรธชิงชังจากคนทั้งเมืองจนทำให้แม้แต่ปีศาจที่ผ่านไปผ่านมาก็ขอบคุณผม

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของผม ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะได้รับ คำขอบคุณจากพวกนักเลง ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนจะเป็นระดับหัวหน้าแก๊งเสียด้วย

ผมมีความสุขมากกับการทำตัวเป็นผู้ให้การอุปถัมภ์ดูแลคาสิโน

 

ในโลกปีศาจที่ร้อนระอุจนผิวพุพองจากลมฤดูร้อน แต่อากาศในคาสิโนนั้นเย็นชื่นใจเสมอ ผมได้ยินว่า คาสิโนได้ว่าจ้างนักเวทย์มามาทำงานโดยสลับกันร่ายเวทย์น้ำแข็ง ถึงส่วนตัวผมจะคิดอยุ๋ว่า มันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเสียเงินเสียทองไปกับเรื่องแบบนั้น ว่าแต่ ใครจะไปสนล่ะ? วู้ววว การที่ผมหนีลมร้อนนั่นได้ก็ต้องขอบคุณอยู่ดี

 

“บริกร”

 

“ครับ ฝ่าบาท”

 

“ขอเบียร์เย็นๆสดชื่นๆซักแก้วซิ”

 

“ตามที่ท่านปรารถนา, ฝ่าบาท”

 

เด็กเสิร์ฟก็อบลินที่ดูสะอาดสะอ้านโค้งงามๆอย่างเคารพนับถือให้ผม เอาจริงนะ ในคาสิโนเนี่ย เครื่องดื่มก็ฟรีด้วย ผมไม่ต้องเที่ยวเดินออกไปหยิบมาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ ที่ต้องทำก็แค่ เรียกบริกรที่กำลังเดินวนรอบคาสิโนแล้วก็พูดว่า ‘เบียร์แก้วนึง’ ด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ 

จุดสำคัญ คือ ต้องใช้สายตามองอีกฝ่าย ซึ่งก็คงจะเป็นก็อบลินนั่นแหละ มันก็ช่วยไม่ได้น้า ที่พวกเขาจะหลงเสน่ห์ทันทีที่ผมยิ้มหวานให้น่ะ

 

“ได้แล้วครับ ฝ่าบาท”

ผมรับเบียร์แก้วใหญ่ลายสวย เบียร์ข้าวสาลีแสนอร่อยรินไหลจากปากสู่ลำคอ ผมแทบจะถอนใจดังๆออกมาด้วยความสดชื่น แต่โชคไม่ดีที่ ผมถูกดวงตาหลายคู่จับจ้องมองอยู่ ผมจึงต้องวางตัวให้สูงส่ง แม้จะเล็กน้อยก็ยังดี

 

นี่มันสุดแสนจะยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่หรือไง ผมจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ได้ แถมยังได้หาตังด้วย

 

หรือว่าที่นี่จะเป็น……สรวงสวรรค์?

 

ในโลกก่อนนี่ ทำไมผมถึงทำตัวเป็นคนดี๊คนดีแล้วปิดกั้นใจตัวเองจากคาสิโนด้วยนะ? 

 

“เฮะ”

ผมหัวเราะคิกให้กับตัวตนก่อนหน้าที่แสนโง่เง่า แม้แต่ความเครียดอย่างหนักที่ผมได้รับมาจากการเป็นจอมมารยังหายเป็นปลิดทิ้งเลย

 

ผมบอกได้เลยว่า ชีวิตที่ผ่านมานี่ไม่เคยได้รับความสุขสมอารมณ์หมายได้เท่าที่มีตอนนี้มาก่อนเลย 

 

ฮัลโหล ตัวผมในอดีต 

ฮัลโหล ชีวิตดันเจี้ยนเฮงซวย 

และยินดีต้อนรับวันคืนดั่งสวรรค์ของโผมมม

 

 

“ดูท่าฝ่าบาท ใกล้จะหมดท่าเสียแล้วล่ะมั้ง”

มนุษย์กิ้งก่าที่นั่งตรงกันข้ามของโต๊ะกลับหัวเราะเยาะขึ้น เขาวางไพ่สองใบคว่ำไว้บนโต๊ะ และอวดลูกเล่นการควงเหรียญชิพอย่างชำนาญระหว่างนิ้วด้วยมือขวาข้างเดียว

 

วิธีการที่เขาเล่นกับชิพนั้นมันไม่ต่างจากเพื่อนเด็กประถมที่ชอบแข่งกันควงปากโชว์

ผมมอบรอยยิ้มสบายๆแทนคำตอบ

 

“สงสัยจังเลยน้า ข้าอาจจะหมดท่าหรือข้าอาจจะ(เท)หมดหน้า(ตัก)ก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ทูแพร์* เป็นสิ่งเดียวที่เจ้ามีตอนนี้”

 

“เร็วเกินไปที่จะคิดสู้นะ”

 

“หืมอย่างนั้นรึ ข้าคิดว่า เจ้าเล็งจะทำ เสตรท**อยู่ไม่ใช่หรือ?”

 

ผิวของกิ้งก่าเปลี่ยนไปชั่วขณะ มุมตาซ้ายของเขากระตุกเล็กๆ ใครก็ได้บอกชายคนนี้ถึงนิสัยที่ว่านี้ทีเถอะ

 

“ข้าพูดถูกไหม? หรือข้าควรแนะนำให้เจ้า อย่าลองพยายามที่จะเอาชนะข้าด้วยคำพูด น่าจะดีกว่านะ”

 

“ฮี่ฮี่ ไม่เห็นเข้าใจเลยว่า ท่านพูดอะไร ฝ่าบาท”

มนุษย์กิ้งก่ายิ้มอย่างคนกลับกลอก อย่างที่ผมคิดจริงๆนั่นแหละ ผมโดนหมายหัวไว้ ดังนั้นผมจึงโยนไพ่ทิ้งกลางโต๊ะ

 

 

“เอ้า ข้าหมอบ”

 

“ฟัคคคคค!”

มนุษย์กิ้งก่าลุกขึ้นในทันที

 

“เสตรท! ห่าเอ้ย กว่าจะได้สเตรทมาแทบลากเลือด แต่ได้แค่ 5 โกลด์! แค่ 5 โกลด์เองเนี่ยนะ! นานเลยนะเว้ยกว่าจะได้เนี่ย!”

มนุษย์กิ้งก่าโวยวายขึ้นมา ผู้เล่นคนอื่นต่างหัวเราะคิก ในฐานะที่พวกเราต่างเป็นลูกค้าประจำ ผู้ให้การสนับสนุนคาสิโน เราทั้งผองก็เหมือนเพื่อนพ้องเก่ากัน

 

แม้จะไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ทั้งยังมีช่วงวัยที่ห่างกันตั้งแต่เด็กยันปู่ แต่สิ่งที่พวกเราทุกตนสัมผัสได้คือ พวกเราต่างเป็นนักพนัน

 

“ยอมแพ้ซะเถอะ แกตบตาฝ่าบาทไม่ได้หรอก”

 

“ใช่เลยว่ะ นี่ถ้าฝ่าบาทไม่ใช่จอมมาร ป่านนี้ท่านอาจจะไปเกิดเป็นนักต้มตุ๋นแทนแล้วก็ได้”

 

เร็วๆนี้ผมเล่นโปกเกอร์กับพวกนี้แหละ แต่ความจริงแล้ว ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโปเกอร์ในคาสิโน เพราะนอกจากเกมนี้จะพึ่งพาดวงแล้ว โปกเกอร์ยังพึ่งพาทักษะเฉพาะตัวอีกด้วย 

 

แม้จะพูดว่าอย่างนั้น แต่มันก็เป็นการพนัน ขึ้นชื่อว่าการพนันไม่ว่ายังไงก็ขึ้นกับโชค

 

ส่วนผมมันข้อยกเว้นว่ะ

 

“อ่าาา ฝ่าบาท ที่ท่านแน่ใจนะว่า ท่านไม่ได้อ่านจิตคนอื่นหรือมีพลังอะไรแบบั้น? แล้วท่านล่วงรู้ผู้อื่นได้อย่างไรกัน?”

 

 

“อย่ากล่าวหาผู้บริสุทธิ์เลยน่า”

ผมยิ้มออกมาเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนระหว่างที่พูด

“ไอ้เรื่องอย่าง อ่านใจ อะไรพวกนั้น มันเรื่องงมงาย”

 

“ท่านก็พูดถูก แต่ ……ฮึ่ย! มันแปลกเกินไปแล้ว”

มนุษย์กิ้งก่าบ่นขณะที่นั่งลง ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือรู้สึกผิดอะไรหรอกนะ ผมอ่านใจพวกเขาจริงๆ

 

ก็มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนตรงหน้าผมนี่ไง

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ชื่อ: ริคเกอร์

เผ่า: มนุษย์กิ้งก่า   ฝ่าย: –

สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-15)

เลเวล: 31    ชื่อเสียงในทางลบ: 72

อาชีพ: นักพนัน(B+)

ความเป็นผู้นำ: 7  อำนาจ: 25   ความฉลาด: 24

ไหวพริบ: 11  เสน่ห์: 10  เทคนิค: 47

ค่าความชอบ: 32

ความคิดตอนนี้: ‘แม่งเอ้ย, วันนี้กูจบวัน แบบติดลบเหรอวะเนี่ย!’

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

 การกำจัดอันโดรมาลิอุสนั้นส่งผลกระทบทำให้ผู้คนทั้งหลายที่นี่มองผมไปในทางบวกอย่างมาก รวมถึงเหล่านักพนันด้วย

ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ หมอนั่นดันไปก่อเรื่องวุ่นวายเป็นร้อยครั้ง พอแพ้การพนัน ก็ใช้พลังในฐานะจอมมารบังคับขู่เข็ญเอาเงินมา

 

ถึงหลุมนักพนันจะเป็นแห่งรวมตัวของพวกขยะเข้าด้วยกัน แต่การทำแบบนั้นแม่งยิ่งกว่าขยะ พูดง่ายๆว่า มันเป็นอภิมหาขยะนั่นเอง

 

แต่ก็ขอบใจเรื่องนั้น ผมจึงได้เพิ่มค่าความชอบขึ้นมาถึงระดับ 20 โดยง่าย ผมควรจะเรียกว่า มันเป็นโดมิโน่เอฟเฟ็คดีไหมนะ? 

พอผมสามารถรักษากติกามารยาทในการเล่นโป๊กเกอร์ได้ ค่าความชอบของทุกคนก็เพิ่มขึ้นมากมาย

 

มันก็คงเท่าๆกับภาพลักษณ์ในทางลบของเจ้าอันโดรมาลิอุสที่เคยมี แต่เป็นในทางตรงข้ามกันนั่นแหละ พวกเขา

พวกเขาไม่มีทางรู้หรอกว่าทำไมพวกเขาถึงได้แพ้ วะฮ่าฮ่าฮ่า

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ รอบถัดไป! มาๆ รอบถัดไปๆ!”

 

“พยายามจะบลัฟข้าทั้งที่เจ้าไม่มีอะไรอย่างนั้นหรือ ฮึฮึ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมเจ้าถึงไม่มีโชคนะ”

 

“ฉันว่า เขากำลังจะหมอบทันทีหลังจากได้ใบสำคัญของตัวเองแล้วนะ”

 

“แหมบังเอิญเหลือเกิน ข้าก็คิดแบบเดียวกัน”

 

“ไอ้พวกสารเลวเอ๊ยยย!”

 

เสียงหัวเราะหมู่ใหญ่ระเบิดขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงโต๊ะเราเท่านั้น หากแต่ยังผู้คนโต๊ะรอบๆที่ร่วมกันหัวเราะเช่นกัน แวมไพร์ที่เป็นผู้แจกไพ่ก็พยายามอย่างมากที่จะกลั้นหัวเราะไว้ตอนที่แจกไพ่ในวงพวกเรา ผมยังคงเล่นต่อไปเพื่อรักษามารยาทของผู้ใหญ่และอารมณ์ขันไว้

 

ถ้าให้เทียบแล้ว ตอนนี้ความนึกคิดจิตใจผมนั้นแสนบริสุทธิ์และสงบนิ่งดั่งทะเลสาบ มันสื่อให้เห็นว่า ผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด คนพวกนี้ไม่มีวันชนะผมได้ แม้ในท้ายที่สุด พวกเขาอาจจะท้าทายด้วยความคิด ด้วยทุกแผน ที่พวกเขาคิดว่ามีโอกาส แต่พวกเขาก็ยังคงเดิมพันด้วยสถานะแบบนั้น ผลก็เหมือนเดิมนั่นแหละ

 

ในตอนนั้นเองที่ดีลเลอร์แจกไพ่ได้พลิกไพ่เปิด

 

“ตอนนี้,ใบแรกคือ…….”

 

“ฝ่าบาท! พวกเขามาแล้ว! ‘คนนั้น’ อยู่ที่นี่อีกแล้ว!”

 

บริกรก็อบลินมาที่โต๊ะของพวกเราและพูดด้วยน้ำเสียงประหม่า จิตใจของผมกรีดร้องขึ้นมาทันที ผมต้องออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมพยายามรักษาความสงบภายนอกไว้ก่อนจะค่อยๆลุกยืนขึ้น

 

ผู้เล่นคนอื่นต่างมองผมด้วยแววตาที่เสียใจและดีใจเล็กๆ

พวกเขาเสียใจที่เวลาสนุกของพวกเราหมดลง แต่ก็ดีใจที่คู่แข่งสุดไร้เทียมทานนั้นต้องไปแล้ว

 

“ข้าต้องขออภัยด้วย ที่ข้าต้องไปแล้ว ถือว่า เกมนี้ข้าพ่ายแพ้ก็แล้วกัน”

 

“โอ้ ไม่มีอะไรให้ท่านต้องขอโทษ!”

มนุษย์กิ้งก่ากลับยิ้มอย่างสดใส

แหม อารมณ์ของเอ็งมันชัดจนแทบจะเขียนไว้บนหน้า ไม่ต้องเปิดดูสเตตัสยังรู้เลย เหมือนผมจะเริ่มรู้วิธีการอ่านใจคนขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

“ยินดีต้อนรับท่านกลับมาทุกเมื่อเลยครับ ฝ่าบาท พวกเราก็จะเล่นที่นี่กันทุกวันแหละ ยกเว้นวันศุกร์”

 

“ลาก่อน!”

 

“คราวหน้าเลี้ยงพวกเรารอบวงก็พอแล้ว”

ผมพยักหน้าอย่างเร็วๆก่อนจะวิ่งตามบริกรไป

 

พวกเราผ่านประตูไปจนถึงมุมด้านในของคาสิโน ทางแคบๆที่มีสายลมไหลผ่านหน้าเรา ฝีเท้าของบริกรผู้นั้นเร่งรีบ แต่น้ำเสียงของเขายังคงเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น

 

“ทางนี้เป็นทางออกฉุกเฉิน มีเพียงลูกจ้างคาสิโนเท่านั้นที่จะรู้ทางนี้”

 

“โฮ่ เช่นนั้นก็สบายใจ”

 

“แม้แต่ผู้นั้นก็ไม่มีทางรู้สถานที่นี้หรอก มาตอนนี้พวกเราใกล้จะถึงแล้ว พอพ้นหัวโค้งข้างหน้านี่ ทางออกก็…….”

 

แล้วพวกเราก็กรีดร้องขึ้นสุดเสียง

 

เท้าของพวกเราหยุดตรงกึ่งกลางทางเท้าลาดเอียง ผมสัมผัสได้ว่า บริกรก็อบลินนั้นช็อค แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ควรกังวลกับอารมณ์ของเจ้านั่นอีกแล้ว ในเมื่อมีพายุอารมณ์มหาศาลเข้ามาใกล้ผมจากข้างหน้า

 

(TTL : ชิบผาย บ้านแตก!แม่มา!)

 

 

เบื้องหน้าของพวกเรา ที่ยืนอยู่คือ ลาพิสที่สวมชุดสูทดำเหมือนเคย

 

“สวัสดีค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน”

ลาพิสโค้งหัวให้อย่างเคารพ มันน่ากลัวสุดๆเพราะไอ้อย่างเคารพเนี่ยแหละ เนื่องจากผมรู้สถานะทางอารมณ์ของเธอในตอนนี้ดี มันประกอบด้วยความอลหม่านที่ไม่อาจเข้าใจหรือตีความได้อยู่ในอกของลาพิส

 

มีทั้ง ชิงชัง,โกรธ,เกลียด,ดูถูก,ผิดหวัง,เสียใจ และอารมณ์ทางลบอื่นๆอยู่อีกเพียบ

แต่ถึงอย่างนั้น ลาพิสก็ดูจะเฉยชาไร้อารมณ์

แทบจะดูเหมือนเฉยชาโดยสิ้นเชิง ซึ่งความไร้อารมณ์นั่น กลับย้ำเตือนให้ผมนึกถึงรูปปั้นหินอ่อน

 

แม่งโคตรน่ากลัวเลยเว้ย

 

ผมไม่อาจปกปิดน้ำเสียงที่สั่นไหว โปกเกอร์เฟซที่พยายามทำมาก่อนหน้านั้นสลายหายไปในทันที

 

 

“อะ-อ้า ลาพิส ทำงานดีไหม?”

 

“ค่ะ ดิฉันทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ดิฉันสงสัยเหลือเกินว่า ใครกันเป็นเหตุผลที่ดิฉันต้องทำงานมากถึงเพียงนี้”

แม้ลาพิสจะมองมาอย่างไม่สนใจใยดี แต่ไหล่ของบริกรก็สั่นไม่หยุดชั่วขณะที่สบตากับเธอ

 

“ฝะ-ฝ่าบาท ผมไปตามทางของผมดีกว่า…….”

 

“ไม่โว้ย! นี่เอ็งพยายามทิ้งข้าแล้วหนีเอาตัวรอดสินะ!?”

 

ลาพิสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียยบเย็นในทันที่ที่ผมพยายามจะรั้งตัวบริกรไว้

“หนีหรือคะ? มีอะไรที่ทำให้ท่านต้องหนีหรือคะ, ท่านดันทาเลี่ยน?”

 

“เอ๋? อ่า เอ่อ ข้า ข้าหมายถึง…….”

 

“ดิฉันเชื่อว่า ท่านคงไม่คิดว่าเป็นไปได้ใช่ไหมคะ เรื่องที่ว่าจะหนีดิฉันพ้น”

 

“แน่นอน! อยู่แล้วล่ะ! มันก็เห็นกันอยู่ชัดๆแล้วใช่ไหม? ฮ่าฮ่า!”

ตอนที่ผมถูกลาพิสซัก บริกรคนนั้นก็ใช้โอกาสนั้นไหลหนีไปก่อน โอ้ย ไอ้ตีนผีเอ้ย มันได้ทิปจากผมไปเป็นภูเขาแท้ๆ!

 

สุดท้ายก็เหลือแค่ลาพิสกับผมเหลืออยู่ในทางเดินแคบๆนั่น

 

“ฮ่าฮ่า อุฮ่าฮ่า”

 

“…….”

 

“ฮาฮา…….”

 

“…….”

 

ทุกอย่างหยุดนิ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดไม่ต่างจากตอนที่แม่จับได้ว่า คุณเสียเงินทั้งหมดไปกับการพนัน ทั้งที่เงินก้อนนั้นพ่อแม่เตรียมไว้เพื่อให้คุณเอาไปจ่ายค่าเทอม ผมไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดแบบนั้นได้สุดท้ายผมจึงก้มหัวให้

 

“ผมขอโทษ…….”

 

“เฮ่ออออออ”

 

เสียงถอนใจที่ยาวสุดๆผ่านเข้ามาในหูของผม ความรู้สึกผิดจมลึกลงไปในร่างของผม ซึ่งเสียงนั้นมันฟังดูเหมือนเสียงถอนใจของแม่

 

 

—————-

 

*ทูแพร์ : ไพ่แต้มเดียวกัน สองคู่ เรียกว่า ทูแพร์ โดยไม่สนดอกหรือสีบนไพ่

**สเตรท : ไพ่เรียง ครบ 5 ใบ โดยไม่สนดอกหรือสีบนไพ่

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+