Dungeon Defense (WN) 362 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (3)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 362 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 362 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (3)

Ο
Ο

 

 

 

เสียงของแตรเดี่ยวดังหนวกหูไปทั่วทั้งค่ายศัตรู

พวกนั้นคงคาดไม่ถึงว่า พวกเราจะข้ามแม่น้ำมาจึงไม่ได้มีการเตรียมการณ์ใดๆไว้ก่อนเลย 

พวกนั้นจึงตั้งใจจะรออยู่เฉยๆ แล้วเฝ้าสังเกตการณ์พวกเรา

 

อย่างไรก็ดี ลอร่าพร้อมกับหัวหน้าทหารรับจ้างทั้งสิบสอง ต่างรุกไล่เข้ามาพร้อมกับทหารม้าสามร้อยนายจากด้านหลังพวกเขา

 

ผมยิ้มชั่วร้ายออกมา

 

“ไม่มีอะไรหยุดแม่สาวคนนั้นได้แล้วล่ะ ดูสิ ข้าจะตามพวกนั้นทันได้อย่างไรกัน ?”

 

ผมดึงสายจูงม้าของตัวเอง ม้าผมพ่นลมออกจมูกครั้งหนึ่งก่อนขยับไปข้างหน้า

เจ้าตัวนี้เป็นม้าที่มีแผงคอสีดำสนิทที่บาร์บาทอสมอบเป็นของขวัญให้ผม

 

การที่เจ้าม้าสามารถข้ามแม่น้ำสายตื้นๆได้สบายๆราวกับเดินอยู่บนถนนดินจึงไม่ได้ขึ้นกับทักษะการควบขี่ม้าของผมเลยแม้แต่น้อย 

 

ทหารม้าหลายร้อยนายก็ข้ามแม่น้ำไปพร้อมๆกัน ช่างเป็นภาพที่น่าดูเชียวล่ะ

 

หยดน้ำกระสานซ่านเซ็นไปทุกทิศทาง ราวกับเป็นซิมโฟนี่แห่งคลื่นกระจายไปรอบๆ

แถมเหนือผิวน้ำนั้นก็มีแสงสีทองของพระอาทิตย์ฉาดฉายลงมาจากเทือกเขาแอลป์  , เบื้องหน้ากลายเป็นม่านแสงสีสวย หยดน้ำที่สะท้อนแสงร่ายระบำใต้แสงอาทิตย์ เป็นความงดงามจับตาชั่วขณะ

 

“ท่านดยุคครับ มันอันตรายนะครับ! กรุณาถอยกลับมาด้วยครับ !”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างคนแคระตามไล่จนทันลอร่า

 

“ฉันไม่คิดจะหลบอยู่หลังทหารอย่างคนขี้ขลาดแล้วเอาแต่ออกคำสั่ง !”

 

“ความกล้าของทหารคนเดียวเทียบไม่ได้กับการเอาชีวิตท่านนายพลไปเสี่ยงนะครับ!

ท่านครับ กรุณาทบทวนใหม่ด้วยเถิด !”

 

“ถ้าในกรณีนั้น พวกเจ้าทุกคนก็แค่ตามข้ามา ”

 

ลอร่าหัวเราะร่วน

ผมที่ตามหลังมาจึงได้ยินเสียงของพวกนั้นคุยกันไม่ถนัดนักเพราะเสียงของน้ำกระเซ็น แต่ผมก็พอสรุปใจความได้ว่า กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่

 

 

“ในเมื่อฉันอยู่หน้าพวกเจ้า พวกเจ้าก็แค่แซงกลับมาอยู่หน้าฉันให้ได้ แก้ไม่ยากเลยใช่ไหม !”

 

เหล่าทหารรับจ้างถึงกับพูดไม่ออก

 

 

 

“นี่คือคำสั่งใหม่

ใครไปถึงค่ายศัตรูทีหลังข้า ถือว่า ผิดวินัยทหาร !

แถมใครไปช้ากว่าก็ไม่ถือว่า เป็นชาวเฮลเวติก้าอีกด่อไป !”

 

ผมสีทองของลอร่าโบกสะพัดยามเมื่อเธอเร่งความเร็ว

 

เหล่าทหารรับจ้างได้แต่อึ้ง แต่พวกเขาจะทำอย่างไรได้ ?

พวกเขาไม่อาจปล่อยให้ผู้บัญชาการกองทัพทำตัวเยี่ยงทหารแนวหน้าได้อยู่แล้ว

 

“ให้ตายเหอะ! ตามบัญชา !”

 

“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาทำงานใต้ผู้บัญชาการแบบนี้ !”

 

เหล่าหัวหน้าทหารรับจ้างรีบควบม้าตามหลังลอร่า โดยไม่สนใจเหตุผลใดๆ

 

และเมื่อหัวหน้านำหน้าทหารทั้งหลายก็ต้องเร่งควบม้าตามไป

ทหารม้านับร้อยนายก็ข้ามแม่น้ำในทันที

 

กองทัพศัตรูก็ยังไม่จัดตั้งรูปขบวน

พวกเขายังคงระดมยิงธนูใส่

ลูกธนูแค่ดอกสองดอกไม่อาจทำอะไรได้กับทหารม้านับร้อยนายที่ยังเดินทัพต่อไปไม่หยุด

 

ทหารม้าของฝ่ายเราก็สามารถกระโดดข้ามรั้วได้อย่างง่ายดายเนื่องจากไม่มีใครคอยป้องกัน

 

ทหารฝ่ายศัตรูไม่ต่างจากไก่ไร้หัวที่ได้แต่ปล่อยให้ทหารม้าฝ่ายเราผ่านแนวรับเข้าไป

 

พวกเขาพยายามแล้วที่จะสร้างตำแหน่งเพื่อรับมือ แต่มันก็เป็นแค่แนวตั้งรับ ที่สร้างขึ้นโดยคนยี่สิบคน

 

ดังนั้นจุดในการป้องกันก็เลยไม่แข็งแกร่งนัก

 

“อย่าโจมตีในจุดที่พวกนั้นตั้งรับ !”

 

ลอร่าตะโกนลั่นยามเมื่อเธอมาตามหลังหัวหน้าทหารรับจ้าง

 

“รวบรวมศัตรูให้มาอยู่ที่เดียวกัน ! นี่คือการล่า !”

 

พวกทหารรับจ้างที่มีประสบกาณ์เข้าใจทันทีว่า ลอร่าสั่งให้พวกเขาทำอะไร

 

ทหารฝ่ายเราพยายามจะเลี่ยงศัตรูที่อยู่ในตำแหน่งตั้งรับแล้วไปจัดการกับทหารเดินเท้าที่ยังไม่ได้เกาะกลุ่มกัน

 

พวกทหารศัตรูร่วงกราวราวกับฟางข้าวตกจากหลังม้าหลังจากโดนการกวัดแกว่งคมดาบจากฝ่ายเราเข้าไป

ผลลัพธ์ชัดเจนเมื่อทหารม้าฝ่ายเราสามารถทะลวงก่อนอีกฝ่ายจะตั้งแนวรับได้

 

 

“อ๊ากกก !”

 

“ถะ-ถอยยยย! ถอยเร็ววว!”

 

 

การต่อสู้เข้าสู่บทสรุปอย่างรวดเร็ว

 

ทหารเกือบ 200 นาย พ่ายแพ้ก่อนที่จะได้ขยับตัวทำอะไรเสียด้วยซ้ำ

หากไม่นับพวกที่หนีไปทันทีตั้งแต่ตอนที่พวกเราข้ามแม่น้ำมาแล้ว เจ้าพวกนั้นมันนกรู้อยู่เป็น รู้ว่าจะเอาตัวรอดในโลกใบนี้ได้อย่างไร

ก็ถือว่า ทุกคนก็โดนกำจัดทิ้งหมด 

 

ทหารฝ่ายศัตรูที่พยายามตั้งจุด สร้างพื้นที่ป้องกันก็โดนธนูและหอกขว้างระดมอัดใส่ พวกนั้นคงจะรู้สึกสิ้นหวังมากที่ได้แต่เฝ้าดูสหายที่อยู่รอบข้างโดนฆ่าไป

พวกเขาจึงรีบยอมจำนนทันทีหลังเห็นพวกเดียวกันโดนธนูเสียบตายไปหกคน

 

 

พวกเราเลยเอาทหารฝ่ายศัตรูราวห้าสิบคน

 

พวกเขาโดนล้อมไว้ด้วยคนแคระและเอลฟ์ที่รุมจ้องด้วยเจตนาร้าย

ลอร่าจึงถามพวกเชลยศึกที่กำลังหวาดผวา

 

“ผู้บัญชาการของพวกเจ้าคือใคร ?”

 

คนที่สบตากับลอร่านั้นถึงกับชะงักไป

เขาคงลังเลที่้ต้องมาขายเพื่อน

ลอร่าเองก็เลยตวัดดาบเมื่อเห็นเขาลังเลขึ้นมา

คมดาบของเธอเชือดคอของนักโทษคนนั้น

 

“คึ-อั่กกก…….”

 

เสียงเหมือนเขากำลังสำลักน้ำ นักโทษคนนั้นร้องครางอย่างน่าสังเวชและพยายามหายใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มลงทับหญ้าอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

“หืมมม ”

 

ลอร่าสะบัดเลือดที่เลอะดาบออก

เธอหันหน้าไปยังนักโทษคนต่อไป นักโทษคนนั้นถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

 

“ใครเป็นผู้บัญชาการของเจ้า ?”

 

 

“ดยุค สฟอซ่าครับ ท่านครับ !”

 

นักโทษคนนั้นร้องเสียงหลง

 

ลูโดวิโก้ เดอ สฟอร์ซ่า(Ludovico de Sforza.) นั่นเป็นชื่อของเจ้าผู้ปกครองเมืองขนาดใหญ่อย่างมิลาโน่

เขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลฟาร์นาเซมาตั้งแต่สมัยสงครามดอกเบญจมาศ และตอนนี้เขาก็เป็นผู้สนับสนุนราชวงศ์  

มิลาโน่นั้นเป็นผู้กุมอำนาจในพื้นที่หน้าด่านของทางฟากฝั่งเหนือของดินแดนซาร์ดิเนีย

และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้สฟอร์ซ่ากลายเป็นบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการสูงสุด

 

“สฟอร์ซ่า …… ดยุคแห่งมิลาโน่อย่างนั้นหรือ ? เป็นตัวเลือกที่พอใช้ได้”

 

ลอร่าพยักหน้ากับตัวเอง

 

“แล้วเอิร์ลพาเวีย อยู่ใต้ดยุคสฟอร์ซ่าหรือเปล่า ?”

 

“ผะ-ผมขอโทษ ผมไม่รู้เรื่องนั้นเลย …….”

 

คงเป็นการยากที่จะให้ทหารธรรมดาๆคนหนึ่งล่วงรู้สถานการณ์ของผู้มีตำแหน่งสูงกว่า แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่ใช่ทหารทุกคนที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไร

 

ลอร่าก็พบข้อมูลที่ว่า เอิร์ลพาเวียนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองทหารนี้ด้วย แถมเธอยังรู้ด้วยว่า ศูนย์บัญชาการหลักของศัตรูตั้งอยู่ที่เมืองโนวาร่า(Novara)

 

 

กองทัพที่เหลือจึงค่อยๆเดินทัพข้ามแม่น้ำไปสบายๆขณะที่ลอร่ากำลังสอบสวนเชลยศึกและมองดูที่แผนที่

แม้จะไม่ใช่การรบครั้งใหญ่ แต่ก็ถือว่า พวกเราได้รับชัยมาในศึกแรกทำให้สีหน้าของทหารพวกนั้นผ่อนคลายลง

 

“ตั้งใจจะทำอะไรต่อหรือ ท่านดยุค ?”

 

ผมถามลอร่า

 

แม้ผมจะลงสู่สนามรบพร้อมกันกับลอร่าแต่ผมไม่คิดจะลงไปสู้รบด้วยหรอก ผมก็แค่ยิงหน้าไม้ที่ผมเหน็บไว้ที่หลังบ้างเป็นครั้งคราว

เผอิญผมมันพวกนักสู้เพื่อสันติภาพน่ะ ดังนั้นกฏประจำตัวผมจึงมอบการสู้รบนองเลือดให้กับผู้หญิงที่น่ากลัวไปแทน

 

 

“อืมมม เมื่อศัตรูเลือกที่จะใช้เมืองเป็นฐานปฏิบัติการแทนที่จะมาตั้งค่ายหลักอยู่แนวหน้า ”

 

 

ลอร่าชี้ไปที่แผนที่ หัวหน้าทหารรับจ้างทั้งหลายต่างตั้งใจฟัง

 

“มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาไม่ละทิ้งเมืองไป

นั่นก็คือ กองกำลังของพวกเขายังรวมตัวกันไม่ครบ ”

ฝ่ายจักรวรรดิตั้งใจจะออกรบตั้งแต่แรกแล้ว ในขณะที่ฝ่ายซาร์ดิเนียพยายามจบเรื่องนี้ด้วยการทูตเพียงอย่างเดียว

ย่อมเป็นธรรมดาที่ซาร์ดิเนียจะลังเล และยังเตรียมตัวไม่พร้อมนักสำหรับการศึกการสงคราม

 

 

และมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายซาร์ดิเนียลงมือได้ไม่เต็มที่นั่นก็เพราะพวกเราซื้อตัวทหารรับจ้างเฮลเวติก้ามาเป็นของตัวเองแล้ว

จากมุมมองฝ่ายซาร์ดิเนีย พวกเฮลเวติก้าน่ะเป็นทหารรับจ้างที่หาซื้อหาจ้างมาได้ง่ายและไวที่สุดแล้ว แต่กลับโดนพวกเราชิงซื้อไปก่อน …….

 

ไม่ว่าฝ่ายซาร์ดิเนียจะพยายามสุดกำลังในการรวบรวมทหารแค่ไหน ถึงอย่างไรเสียก็ช้าอยู่ดี พวกเราแซงหน้าพวกนั้นไปหลายช่วงตัว

 

“ซาร์ดิเนียน่าจะอยู่ในช่วงระหว่างกำลังเกณฑ์พล หากำลังรบในประเทศ

พวกนั้นจึงวางแผนที่จะใช้เมืองเป็นฐานทัพเพื่อป้องกัน รอจนกว่ากองทหารอื่นจะมาถึง ”

 

 

“ท่านครับ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า มีทหารปกป้องเมืองอยู่ไม่มากใช่ไหมครับ ?”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างเอลฟ์ถามขึ้น

 

 

“ในเมื่อศัตรูยังไม่รู้ว่า พวกเรามาถึงแล้ว 

หากพวกเราบุกเข้าไปตอนนี้เราก็ปิดล้อมมิลาโน่ได้ในทันทีเลยสิ ”

 

“ทำแบบนั้นไม่ฉลาดสักเท่าไหร่ ”

 

ลอร่าส่ายหน้า

 

“ถึงพวกนั้นจะไม่มีทหารรับจ้างแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะไม่มีทหารพื้นที่

ชาวเมืองจะสู้ตายแลกชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา

แถมเมืองมิลาโน่นั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ ไม่ง่ายเลยที่จะพิชิตเมืองนั้นได้”

 

ซาร์ดิเนียนั้นมีแต่ผู้คนที่รักบ้านเกิดถิ่นฐานยามที่ต้องเข้าร่วมการป้องกันเมือง

จริงอยู่ที่ชาวเมืองนั้นไม่ได้เก่งเหมือนทหารรับจ้าง

 

แต่ยามที่ต้องปกป้องบ้านเมืองตัวเอง พวกเขาก็สามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เนื่องจากหากเมืองแตกไป ทั้งพ่อแม่ ครอบครัวลูกหลานของพวกเขาก็จะถูกฆ่าล้าง จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการสู้รบสุดกำลังกับผู้รุกราน

 

“ยิ่งไปกว่านั้น หากจะมองจากสถานที่ตั้งของฐานทัพในโนวาร่าแล้ว”

 

ลอร่าชี้ไปที่แผนที่

 

“มันอยู่ทางขวาของมิลาโน่ ”

 

“ถูกต้อง มันเป็นตำแหน่งที่สะดวกต่อการส่งกำลังเสริมหากเราเลือกที่จะบุกมิลาโน่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มีโอกาสสูงมากที่เราจะถูกตรึงกำลังจากทหารชาวบ้านในเมืองมิลาโน่ และจากทหารจำนวนหนึ่งที่พวกนั้นมีในเมืองโนวาร่า ”

 

“อ่า นั่นสิครับ…….”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างพยักหน้า เคร่งเครียด

ลอร่ากลับเสริมกำลังด้วยการยืนยันให้หัวหน้าทหารรับจ้างมั่นใจ

 

“ตั้งใจฟังให้ดีนะ แก่นแท้ของกลศึกศัตรูอยู่ตรงที่ใช้ทหารชาวเมือง กับ ใช้ทหารรับจ้างเป็นกำลังเสริม

 

พวกนั้นตั้งใจจะป้องกันเมืองมิลาโน่ด้วยทหารชาวเมืองโดยตบตาพวกเรา จากนั้นก็ส่งทหารรับจ้างจำนวนหนึ่งมาเป็นหน่วยก่อการร้าย

เป้าหมายของพวกนั้นคือ การถ่วงหน่วงเวลา จนกว่าพวกนั้นจะสามารถระดมกำลังเสริมมาจากด้านหลังได้ทัน ”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

 

บางคนถึงกับซาบซึ้งขึ้นมา แน่นอน ผมก็ด้วยคนหนึ่งล่ะ

 

หากเป็นเรื่อง กลศึกการศึกผมก็นับว่าเป็นมือใหม่คนหนึ่ง แต่ก็สามารถบอกได้ว่า ลอร่านั้นสุดยอดขนาดไหนฃ

 

การอ่านเจตนาของอีกฝ่ายได้เสมอนั่นคือ จุดแข็งของลอร่า

 

เธอสามารถที่จะประกอบชิ้นส่วนข้อมูลเข้าด้วยกันแล้วอ่านถึงแผนการอีกฝ่ายได้ หากพูดให้ง่ายๆก็อย่างกรณีนี้ลอร่านั้นได้ชิ้นส่วนข้อมูลส่วนอย่างมาจากนักโทษเชลยศึก ในเรื่องที่ว่า ผู้บัญชาการสูงสุดของอีกฝ่ายคือ ดยุคมิลาโน่ และฐานบัญชาการหลักคือ โนวาร่า

 

แค่เพียงเท่านี้ เธอก็ล่วงรู้ได้ถึงแผนการทั้งหมดของศัตรู มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาดาดๆอย่างผมไม่มีทางทำได้

ย่อมไม่น่าแปลกใจที่คนเก่งอย่างหัวหน้าทหารรับจ้างจะรู้ได้ว่า ผู้บัญชาการฝ่ายตนนั้นเก่งแค่ไหน

แม้พวกที่เหลือเกินกว่าครึ่งจะลังเลสงสัยอยู่บ้างก็ตาม

 

ลอร่าจึงพูดขึ้น

 

“หากพวกเราโจมตีมิลาโน่ตอนนี้ พวกเราจะอยู่ในเงื้อมือของอีกฝ่าย ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้โจมตีมิลาโน่ ”

 

“ท่านครับ แล้วพวกเราควรที่จะปล้นชิงพื้นที่รอบมิลาโน่ไหม ?”

 

ทหารรับจ้างที่เป็นคนแคระเสนอ เขาเป็นคนที่ลอร่าจูบเท้า

 

“หากพวกเราปล้นชิงรอบเมือง แม้แต่ดยุคมิลาโน่ก็น่าจะทนอยู่เฉยไม่ไหว ”

 

“การทำแบบนั้นมันแลกด้วยชื่อในทางลบของจักรวรรดิ ”

ลอร่าส่ายหน้าอีกครั้ง

“การทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในสงครามที่เดิมพันด้วยเกียรติยศศักดิ์ศรีระหว่างชนชั้นสูงนั้นไม่สมควร ข้าขอสั่งห้ามเรื่องนั้นด้วย”

 

“แต่การปล้นชิงในสงครามไม่ใช่เรื่องชั่วช้านี่ครับท่าน ”

 

“เพราะตัวสงครามเองนั่นแหละ เป็นความชั่วช้าในตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่เราจะไปทำให้ผู้คนทั้งหลายสมัครใจไปเข้าร่วมกับศัตรู ”

 

เหล่าหัวหน้าต่างเอียงคอสงสัย

 

“หากพวกเราไม่ทำการปิดล้อม แล้วก็ไม่ปล้นชิงด้วย อย่างนี้พวกเราก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยน่ะสิ”

 

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะเข้าใจฉันผิดไป ฉันบอกว่า พวกเราจะไม่บุกมิลาโน่ ”

 

ลอร่าชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่

 

“ตรงนี้ ไม่ใช่มิลาโน่ 

ตราบใดที่มันเป็นสถานที่ที่จักรวรรดิของเรามีสิทธิ์ชอบธรรมในการรุกรานแล้ว ก็ไม่เป็นไร ”

 

พาเวีย

 

จุดที่ลอร่าชี้ไปนั่น มีชื่อเขียนกำกับไว้

 

“พวกเราจะไมุ่บกมิลาโน่หรือโนวาร่า

พวกเราจะผ่านระหว่างสองเมืองนั้นแล้วมุ่งหน้าไปยังพาเวีย

นั่นเป็นสถานที่ที่ข้าถูกขายเป็นทาส

แถมเอิร์ลพาเวียเองก็เป็นผู้กล่าวคำหยาบพูดจาว่าร้ายองค์จักรพรรดิอีกด้วย ”

 

เธอยิ้มออกมา

“หากที่นั่นจะถูกพวกเราปล้นชิงเผาฆ่า ก็ไม่อาจปริปากบ่นได้ 

เอาล่ะทหารทุกนาย พวกเรามาเปลี่ยนพาเวียให้กลายเป็นแดนนรกกันเถอะ ”

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด