Dungeon Defense (WN) 365 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (6)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 365 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (6) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 365 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (6)

 

 

 

 

ทหารของฝ่ายเราทำลายกำลังใจโดยไม่ปรานี

 

เบื้องหลังม้าศึกของพวกเรามีแต่เลือด ฝุ่นและเสียงกรีดร้อง

 

“อึก อ๊ากกกกกก!”

 

“ยะ-อย่าถอยกลับมา ! ถ้าเราถอยตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้น !”

 

แม้จะโดนซุ่มโจมตีเต็มกำลัง แต่กองทัพองค์รักษ์ของซาร์ดิเนียก็ยังปลุกกำลังใจตัวเอง

 

แต่อย่างไรก็ดี ฉากนรกมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเองน่า 

 

พอแนวแรกของเราเข้าชาร์จสำเร็จ ต่อมาก็ตามด้วยแนวที่สอง ที่สาม ที่สี่ตามมาอย่างหนัก

 

– วู่วววววววว

 

เสียงแตรลั่นทั่วรอบทิศทาง

 

ทหารม้าที่ชาร์จไปแล้วในแนวแรกก็วกกลับมาใหม่

 

พวกศัตรูก็เริ่มเตลิดหนีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด

พอนั้นดูเหมือนจะยังทนต่อการพุ่งชาร์จรอบสองไหว

 

แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่อาจทนสู้กับการชาร์จรอบที่สามได้

 

และพอถึงชาร์จรอบที่สี่ ทหารศัตรูก็แตกฮือหนีเอาชีวิตรอด

 

ชัยชนะน่ะมันถูกตัดสินกันตั้งแต่ต้นแล้ว

 

 

“อย่าหนีสิวะ ไอ้พวกขี้ขลาดเอ๊ย !”

 

เสียงดังไล่หลังทหารศัตรูในทันที

 

“ถ้าแกหนีไปใครจะป้องปกครอบครัวและเพื่อนบ้านพวกแกวะ !? 

จงปกป้องพาเวีย ! จงปกป้องผู้คน

พิสูจน์ให้โลกเห็นว่า แกไม่ใช่คนขี้ขลาดที่ทอดทิ้งสหายศึก !”

 

 

เสียงนั้นเป็นของชายวัยกลางคน เขาตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด

มีแต่เพียงระดับผู้บัญชาการเท่านั้นแหละที่จะใช้เวทย์ขยายเสียงระหว่างการสู้รบ

 

เรื่องอาติแฟคพวกนั้นราคาแพงไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้ไม่ค่อยใช้กันหลายอัน เหตุเป็นเพราะมันทำให้ผู้คนต่างสับสน ถ้าหากต่างคนต่างตะโกนขึ้นมาพร้อมๆกัน

 

ดังนั้นแล้วเจ้าของเสียงนั่นย่อมเป็นเอิร์ลพาเวีย หรือไม่ก็เป็นลูกน้องสายตรงของเขา

 

“กล้าหาญเหลือเกิน ”

 

“แต่มันเปล่าประโยชน์เหลือเกิน ”

 

ลอร่ายิ้มเยาะเมื่อได้ยินคำชมเชยของผม

 

 

 

“พวกเขาปล่อยให้ตัวเองโดนซุ่มโจมตีกลางดึกได้

แม้แต่พี่บาร์บาทอสก็ยังไม่ทำอะไรแบบนี้เลย

มีแต่คนบ้าบิ่นแบบโง่ๆนั่นแหละ นอกจากนี้การทำแบบนั้นยังเปิดเผยด้วยว่า ผู้บัญชาการอยู่ที่ไหน ”

 

ลอร่าจ้องมาที่ผม

ผมตอบรับด้วยการพยักหน้าให้และมอบคำสั่งใหม่

 

 

“แนวที่ห้า ชาร์จใส่ผู้บัญชาการศัตรู !”

 

แนวที่ห้าของฝ่ายเราเตรียมตัวอยู่เสมอตั้งแต่ที่ฝ่ายเดียวกันพุ่งเข้าไป

หากไม่นับรวมทหารม้าเกราะเบาฝ่ายเราแล้ว นี่ก็เป็นทหารชุดสุดท้ายของพวกเราที่เหลืออยู่แล้ว

ลอร่าจัดวางตำแหน่งทหารชั้นเลิศไว้แถวแรก กับแถวห้าเพื่อสถานการณ์แบบนี้โดยเฉพาะ

 

เป็นไปได้เหมือนกันว่า เอิร์ลพาเวียเองคงได้ยินคำสั่งของผม

 

“สู้กลับไป ! แทนที่จะมีชีวิตอย่างคนขี้ขลาด ก็สู้ยอมตายอย่างมีเกียรตในสนามรบยังดีเสียกว่า !”

 

เสียงคำรามของเขาไม่ต่างจากสัตว์ร้าย

 

“เทพีอาร์เทมิสจะจดค่ำคืนนี้ไว้ ! เลือดแด่องค์เทพี!”

 

“เลือดแด่องค์เทพี !”

 

ยังคงมีทหารจำนวนหนึ่งอยู่ข้างกายเอิร์ลพาเวีย

พวกนั้นคงเป็นภาคีอัศวินจากพาเวียหรือมิลาโน่ แต่อัศวินที่เปล่งเสียงร้องออกมาก็มีไม่ถึง ห้าสิบนาย

 

ผู้บัญชาการออกคำสั่งแล้วอัศวินพวกนั้นก็ตอบรับ

 

“ความรุ่งโรจน์แด่ชาวเมืองเรา !  ความตายแด่ศัตรู !”

 

“ฮูเร่ !”

 

“องค์ราชาจงเจริญ !”

 

พวกอัศวินต่างเอ่ยพระนามสรรเสริญราชาตนก่อนพุ่งเข้าใส่พวกเรา

การพุ่งเข้ามาของพวกเขานั้นดุจดั่งฮีโร่ผู้กล้า

 

 

อย่างไรก็ดีในแง่จำนวนพวกนั้นเสียเปรียบอย่างมาก

 

แนวที่ห้าของพวกเรามีอย่างต่ำก็พันคน

แถมพวกนั้นก็ไม่ได้ติดอาวุธแบบทหารม้าเบา

พวกเขาเป็นทหารม้าผู้ชำนาญศึกที่รบบนหลังม้ามาเกือบสิบปี

ทหารม้าเกราะหนักเข้าปะทะกับอัศวินห้าสิบนาย

 

“แด่องค์ราชา !”

 

“แด่ที่ราบแห่งซาร์ดิเนีย !”

 

พวกอัศวินเนี่ย แข็งแกร่งอย่างที่คิด

 

แม้ระยะการพุ่งชาร์จจะสั้นกว่าพวกเรามาก แต่พวกนั้นก็สามารถฆ่าทหารลงได้ร้อยถึงร้อยนายที่อยู่ในระยะได้ทันที

 

ไม่นานนัก ก็เหลือทหารไม่เกินโหลที่อยู่ใกล้กับเอิร์ล 

ธงรบของพวกเราร่วงหล่นลงสู่พื้นดินไปนานแล้ว

 

“น่าประทับใจ  เป็นภาพที่ตราตรึงใจนัก ……!”

 

ผมถึงกับซาบซึ้งประทับใจอย่างสุดๆ

 

ก่อนหน้านี้ผมป่วยหนักมานาน เป็นโรคกลัวอัศวิน

นับตั้งแต่ที่ผมพ่ายแพ้ให้กับเฮนริเอตต้าที่ที่ราบนักบุญเดนิส

 

มันทำให้ผมถึงจุดสุดยอดทุกครั้งที่ผมเห็นพวกอัศวินตายอนาถน่าสังเวช

ผมไม่ได้โม้นะ มันรู้สึกดียิ่งกว่าตอนถึงจุดสุดยอดตอนร่วมเพศเสียอีก

มันคงจะเป็นอะไรที่เลิศมากหากอัศวินทุกนายบนโลกนี้ตายห่ากันให้หมด

ผมพูดจริงนะ

 

 

“ฮุฮ่าฮ่าฮ่า แค่นี้ก็คุ้มเกินเงินที่จ้างพวกนี้มาแล้ว

ฆ่ามันให้มากกว่านี้อีก ! 

บดขยี้หมวกหรูหราราคาแพงนั่น

ทำลายเกราะ แล้วเอาเนื้อมันให้หมาแดก ”

 

“……ท่านรู้สึกแบบนั้นตอนที่เห็นพวกเขาพุ่งชาร์จใส่หรือ?”

 

ลอร่าดูประหลาดใจและสายตาก็เหมือนมองขยะเปียกอยู่

 

“โอ้ แหมแหม การพุ่งเข้าใส่แบบนั้นสมกับความเป็นชนชั้นสูงและผู้กล้านัก แต่ามันก็เท่านั้นแหละ!

ยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งควรค่าแก่การถูกขยี้มากขึ้นไปอีก !

เหมือนกับการย้อมกระดาษขาวสะอาดให้เลอะเปรอะด้วยหมึก

 

ฆ่าล้างพวกมันอีก นักรบแห่งเฮลเวติก้าเอ๋ย !

พิสูจน์ให้ไอ้พวกอัศวินนั้นเห็นว่า อัศวินน่ะแม่งก็แค่นักรบชั้นสามที่มีดีแค่เกราะแวววาวเท่านั้น !”

 

“นี่ฉันไปตกหลุมรักผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย……?”

 

ลอร่าถอนใจออกมา

 

ภาคีอัศวินฝ่ายศัตรูกำลังโดนฆ่าล้างกันในขณะที่ผมกับลอร่า ที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายเรากำลังคุยเล่นขำขันกันอยู่

 

ม้าศึกของพวกอัศวินยังตะเกียตะกายดิ้นรนจนวาระสุดท้ายก่อนจะล้มครืนลงเพราะหอกที่ระดมปา ส่วนอัศวินเองก็ลุกขึ้นมาไม่ไหวท่ามกลางห่าฝนธนู

 

“ท่านครับ พวกเราจับเป็นผู้บัญชาการฝ่ายศัตรูมาได้แล้ว ! นี่เป็นชัยชนะยิ่งใหญ่เลยครับ !”

 

หัวหน้าหน่วยก็เข้ามากันทีละคน

สีหน้าของพวกเขาสดใส

 

พวกเรานอกจากจะได้เปรียบเรื่องจำนวนแล้วเรายังสามารถทำการถอนรากถอนโคนกองทัพศัตรูที่ประกอบด้วยทหารม้าห้าพันนายรวมถึงเหล่าอัศวินได้

ในขณะที่สูญเสียไปเพียงเล้กน้อย

นี่ย่อมเรียกได้ว่า เป็นชัยชนะขั้นเด็ดขาดจริงๆ

 

“ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของท่านด้วยครับ ท่านครับ !”

 

“ด้วยความกล้าหาญชาญชัย และแผนการของท่าน ที่สูงส่งราวกับเทพีเอเธน่า !”

 

ลอร่าโค้งให้อย่างอ่อนน้อม

 

“เจ้าสู้กันได้ดี แล้วใครเป็นผู้จับเป็นผู้บัญชาการของข้าศึกได้ล่ะ?”

 

“นายสิบ จิเซลล่า ของหน่วยข้าพเจ้าเองครับ (Sergeant Gisella)”

 

คนแคระผู้หนึ่งเดินออกมาข้างหน้า

เขามีท่าทางที่มั่นใจในตนเอง แต่ก็รู้จักสำรวมระวังเมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้บัญการสูงสุด

หรือบางทีเขาอาจถูกหัวหน้าหน่วยรอบๆแอบขู่ก็ได้

 

“นายสิบจิเซลล่า !”

 

“ครับ ท่านครับ!”

 

“เจ้าได้แสดงความองอาจในฐานะนักรบแห่งเฮลเวติก้า คืนนี้

การสู้รบในคืนนี้ ย่อมตั้งชื่อตามแม่น้ำสายที่ไหลผ่านดินแดนนี้

 

ดังนั้นแล้วที่นี่คือ สมรภูมิทิชินัส(Battle of Ticinus) และเจ้า นายสิบจิเซลล่า เป็นฮีโร่แห่งสมรภูมิแห่งนี้ ! นามของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ !”

 

คนแคระผู้นั้นรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมา อย่างไม่อาจปิดบัง

 

“ข้าขอมอบรางวัลเล็กน้อยให้แก่เจ้าเป็นเงิน  5,000 ไลบร้า ”

 

“ปะ-เป็นเกียรติอย่างสูง!”

 

นายสิบคนนั้นตั้งใจที่ตอบรับแบบแข็งขันที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่เขาทำได้แค่แค่นน้ำเสียงออกมา เพราะเขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะพูดอย่างไร เสียงลมหายใจหอบดังขึ้นรอบๆ

 

 

5,000 โกลด์ !

 

มันเป็นเงินจำนวนปรกติที่ทหารรับจ้างจะได้รับหากอยู่ในสนามรบติดต่อกันเกือบสิบปี

 

แต่อย่างไรก็ดี ครึ่งหนึ่งของเงินก้อนนั้นก็จะต้องไปใช้จ่ายกับค่าอาหารและหนึ่งในสี่ไปกับการดูแลรักษาอุปกรณ์

ดังนั้นทหารรับจ้างจึงต้องใช้ชีวิตอย่างจำกัดจำเขี่ย ไปเกือบสามสิบปีกว่าจะหาเงินได้ถึง   5,000 โกลด์

 

แล้วทหารรับจ้างที่ไหนจะไปใช้เงินประหยัดแบบนั้นเล่า ในเมื่อเขาสามารถสิ้นลมหายใจได้ทุกขณะ ? 

จึงเป็นเรื่องปรกติที่พวกเขามักจะสาดเงินไปกับเบียร์คุณภาพกลางๆ และโสเภณีหน้าตาพอดูได้

เงิน 5,000  โกลด์เป็นปริมาณเงินที่พวกนั้นแทบไม่เคยจับมาก่อน

 

ทั้งนายสิบคนนั้นรวมถึงหัวหน้าหน่วยทั้งหลาย ต่างพูดไม่ออกเมื่อเห็นรางวัลก้อนใหญ่ที่ท่านดยุคมอบให้อย่างบ้าบอ

 

“ส่วนเจ้าก็เป็นหัวหน้าหน่วยของนายสิบ จิเซลล่าด้วยใช่ไหม ?”

 

“ชะ-ใช่ขอรับ ท่านครับ ข้าไปพร้อมกับท่านหัวหน้าพาลมิน ”

 

หัวหน้าหน่วยที่เป็นคนแคระเหมือนกันพูดตะกุกตะกักขณะตอบ 

เขาคือ คนที่แนะนำตัวนายสิบก่อนหน้านั้นเอง

 

“เข้าใจแล้ว ข้าขอมอบ 5,000 โกลด์ให้กับหัวหน้าพาลม่าด้วยเช่นกัน ”

 

“…….”

 

หัวหน้าพาลม่าถึงกับสะอึก

 

ลอร่าไม่สนใจความเงียบงันอันเกิดจากการตกตะลึงของเหล่าหัวหน้าหน่วยทั้งหลาย เธอพูดเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยินกันถ้วนทั่ว

 

“จงฟังข้าให้ดี !

หัวหน้าพาลมินเองสามารถแย่งผลงานลูกน้องมาเป็นของตัวเองได้ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้นย 

หัวหน้าพาลมิได้แสดงให้พวกเราเห็นแล้วว่า  อะไรคือเกียรติศักดิ์ศรีที่นักรบพึงมี รวมถึงคุณธรรมของหัวหน้าผู้มีฐานะสูงกว่า

 

ชายคนนี้เป็นชายที่ยอดเยี่ยมมาก !”

 

ลอร่าแตะบ่าของหัวหน้าพาลมินที่ตอนนี้แข็งทื่อเป็นรูปปั้นไปแล้ว

 

 

“โลกใบนี้จะประณามเจ้าว่าเป็นพวกสัมภเวสีหิวเงิน

พวกนั้นจะเรียกเจ้าว่า เป็นวิญญาณต่ำช้า เป็นฆาตกรที่ฆ่าผู้อื่นเพื่อหวังเงินตรา …….”

 

“…….”

 

“ซึ่งอันที่จริง พวกเราก็ฆ่าคนกันจริงๆนั่นแหละ พวกเราทำด้วยความตั้งใจของตนเอง แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็มีศักดิ์ศรีของพวกเรา

พวกเราจักไม่ขโมยผลงานของลูกน้อง 

พวกเราจะไม่ขายมิตรค้าสหาย

พวกเราจะไม่หนียามที่ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้

…….นี่คือ ความภาคภูมิใจของพวกเรา 

นี่คือ สาเหตุที่พวกเจ้าเป็นชาวเฮลเวติก้า !”

 

เหล่าทหารทั้งหลายต่างชูมือขึ้นและตะโกนโห่ร้อง

 

เฮลเวติก้าน่ะเป็นประเทศที่ก่อตั้งขึ้นด้วยซับสปีชี่ย์ทั้งหลายที่ไม่ใช่มนุษย์

ดังนั้นจึงมักโดนดูถูกเหยียดหยามจากประเทศชาติอื่น

พวกเขาอาจมีชีวิตอยู่ด้วยการยังชีพเป็นทหารรับจาก แต่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยหลงลืมจากผู้อื่นในวันวานได้อย่างไร ?

 

 

ลอร่าจุดประกายเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วทุบทำลายเรื่องนั้นจะแตกเป็นผง

 

 

“ด้วยเหตุนี้เอง ชัยชนะในค่ำคืนนี้ข้าใช่ของฉันไม่ ! 

ไม่ใช่ของจักรวรรดิด้วยเช่นกัน !

มันเป็นชัยชนะของพวกเจ้า ชัยชนะของชาวเฮลเวติก้า ! 

ในคืนนี้ องค์เทพีได้อวยพรพวกเรา

พระองค์สาบานว่า จะทำให้ทั่วทั้งทวีปจดจำชาวเฮลเวติก้า !

 

ใครก็ตามบนทวีปต้องหวาดกลัวนามของ เฮลเวติก้าไปตลอดชั่วกาลนาน !”

 

เสียงเชียร์ดังกระหึ่มลั่นทั่วผืนฟ้า

 

“ความรุ่งโรจน์มีแด่ท่านดยุค !”, “เฮลเวติก้าจงยิ่งใหญ่ !”, เหล่าทหารโห่ร้องกันไม่จบไม่สิ้น

 

แต่อย่างไรก็ดี ผมกลับปลื้มปริ่มด้วยเหตุผลอื่น

 

มันหมดจดยิ่งนัก

 

 

เธอนั้นช่างเปี่ยมด้วยความสามารถในการจี้ใจดำของชาวเฮลเวติก้าที่ตกเป็นเหยื่อมาตลอด รวมถึง กระตุ้นความภาคภูมิใจในอาชีพตนของทหารรับจ้าง

พอถึงจุดหนึ่ง ลอร่าก็พูดคำว่า “พวกเรา” ออกมาได้โดยรวมตัวเองให้อยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างด้วย

 

จิตใจของมวลชนนั้นประกอบด้วยจิตใจของผู้ตกเป็นเหยื่อถูกกระทำ,ความภาคภูมิใจส่วนตัว รวมถึง ความเป็นชุมชนเดียวกัน

สิ่งนี้ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่ประกอบเข้ากันขึ้นมาเป็นตัวตนบุคคลหนึ่งๆ

 

และลอร่าก็กระตุ้นแก่นตรงนั้น

 

การพูดประชุมชนเองก็เป็นเทคนิคหนึ่งในการบงการ และกระตุ้นความคิดทัศนคติของผู้อื่น

 

เมื่อเป็นอย่างนี้ถือว่า ลอร่าสอบผ่าน

ผมเองก็ไม่รู้เลยแฮะว่า ใครเป็นคนดูแลเธอเรื่องนี้ แต่เรื่องทักษะความสามารถนี่ช่างหมดจดเสียจริงๆ

ผมแน่ใจเลยล่ะ ว่า เธอต้องมีอาจารย์ที่ฉลาดที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแน่ๆ …….

 

(TTL : ไม่ค่อยอวยตัวเองเลยนะะะะะะะ พรี่ดัน)

 

ลอร่าเดิมไปท่ามกลางทหารที่ส่งเสียงเชียร์

 

เอิร์ลพาเวียโดนมัดแน่นอยู่ตรงหน้าเธอ

มีธนูปักอยู่ทั้งที่แขนและน่อง

เห็นได้ชัดว่าเขานั้นขัดขืนสุดกำลัง

 

“แกกล้าดียังไง

เป็นแค่อีตัวชั้นต่ำยังจะมาใช้อุบายต่ำทรามแบบนี้ ……!”

 

สีหน้าของเอิร์ลพาเวียนั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะ

 

เขาเป็นชายวัยกลางคน ตามมารยาทพื้นฐานสุภาพบุรุษที่เข้มงวดหนวดของเขาย่อมต้องเล็มเป็นอย่างดี

การแสดงออกของเขาแน่ชัดแล้วว่า แม้จะถูกมัดไว้แต่จิตวิญญาณนักสู้ยังคงอยู่

เขาตะโกนด่าออกมาอย่างหาญกล้า

 

“มันก็สมแล้วกับนังกะหรี่ที่ล่อลวงจักรพรรดิด้วยลีลาบนเตียง ! 

ใช่แล้ว นังคนขายตัวอย่างแกจะทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากแหกขาให้ปีศาจกัน? 

นังคนทรยศโสโครก ขอให้แกโดนคำตัดสินพิพากษาข้อหาเอามือคู่นั้นไปฆ่าฟันมนุษย์ ! 

แม้แต่หลุมศพพ่อของแก —”

 

ต่อจากนั้นเอิร์ลพาเวียก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป

 

ลอร่าชักดาบออกมาแทงเข้าไปที่ลำคอของเอิร์ลในครั้งเดียว

ปลายดาบเสือกเข้าไปอย่างแม่นยำตรงพื้นที่ใต้คาง

 

เอิร์ลจับคอตัวเองก่อนจะล้มลงไป

เขาไอสำลักเลือก พ่นเลือดออกมาจนฟังดูคล้ายเสียงสัตว์

 

ริมฝีปากลอร่ายกขึ้นขณะที่มองต่ำไปยังที่เอิร์ล

 

 

“เพราะเป็นมนุษย์ไง ถึงได้เกลียดมนุษย์ ”

 

หัวหน้าทหารที่ยืนข้างๆก็ยกขวานขึ้นแล้วฟาดลงไปที่คอของเอิร์ล

เพียงสองถึงสามฉับ คอของเอิร์ลก็หลุดออกจากร่าง

ลอร่าคว้าหัวเอิร์ลขึ้นมาแล้วชูขึ้นสูง

 

 

 

“พวกเราเปลี่ยนซาร์ดิเนียให้เป็นทะเลเพลิงกันเถอะ !”

เหล่าทหารทั้งหลายต่างตอบรับด้วยเสียงอันดังลั่นในค่ำคืนนั้น

 

 

 

ปฏิทินผืนทวีป : วันที่ 5 เดือน 6  ปี 1512

 

นั่นเป็นการสู้รบครั้งแรกของสงครามเบญจมาศครั้งที่ 2 

การสู้รบที่ทิชินัส ลอร่าเดอ ฟาร์นาเซ่ ฆ่าทหารม้าจากซาร์ดิเนียไป 5,000 นาย ด้วยกองทหารม้า 6,000 นายของเธอเอง

และเธอยังได้หัวของผู้บัญชาการฝ่ายศัตรูอย่างเอิร์ลพาเวียมาด้วย

 

 

การสู้รบครั้งนั้นจบลงที่ชัยชนะของฝ่ายกองทัพจักรวรรดิ

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด