Dungeon Defense (WN) 37 ราตรีวัลเพอกีส(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 37 ราตรีวัลเพอกีส(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“ดิฉันทราบว่า ฝ่าบาทมาพักร้อนที่นี่เพื่อผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ แต่ขอความกรุณาทำแต่พอดีเถอะค่ะ”

 

“แต่ดูนี่สิ ผมทำเงินได้ตั้งเท่านี้…….”

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรโอ้อวดเลยนะคะ”

ลาพิสมองมาที่ผม ผมมองกลับไปโดยไม่ตั้งใจ

 

 

“จอมมารจะสมควรมาอยู่กับพวกนักพนันแล้วเอาเงินเขาหรือคะ? การทำแบบนั้นมีแต่จะก่อปัญหาให้เกิดขึ้นกับชื่อเสียงฝ่าบาท ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า”

ผมไม่มีข้อแก้ตัวเลย ลาพิสไม่ได้วิจารณ์ในบริบทที่ว่า การเล่นพนันนั้นไม่ดี แต่เธอกลับเตือนให้ผมระวังชื่อเสียงในทางลบแทน 

เธอพูดถูกต้อง

 

“เราลองมาสมมุติเหตุการณ์ว่า ท่านดันทาเลี่ยนจบลงอย่างเลวร้ายในอนาคต ตอนนั้นผู้คนก็จะนินทาว่า ฝ่าบาทนั้นพูดอ้างแบบนั้นเพียงเพราะเสพติดการพนัน และสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกันเมื่อท่านทำสิ่งใดประสบความสำเร็จ ผู้คนก็ยังคงจะดูหมิ่นว่าท่านก็แค่ได้รับโชคน้อยๆจากการพนัน”

 

“อั่ก”

เธอพูดถูกแล้ว

 

 

 

“ท่านทำเงินได้เท่าไหร่คะ?”

 

“คร่าวๆก็พันโกลด์”

 

“……เห ชนะมาได้เยอะเลยนี่คะ”

ลาพิสแสดงท่าทางเอือมระอา

 

เธอเคยแนะนำให้ผม บริจาคเงิน 3,000 โกลด์ให้ผู้คน แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ? ผมรับฟังและโยนเงิน 3,000 โกลด์ให้กับเด็กกำพร้า 

แต่น่าแปลก ผมกลับไม่มีความเต็มใจจะบริจาคเลย หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมได้รู้สึกต่ำต้อยที่ได้ใช้หน้าต่างสเตตัสเอาเงินมาจากนักพนันพวกนั้นล่ะมั้ง

ทั้งที่ผู้คนในเนฟเฮมมาชื่นชอบผมเพราะการบริจาคเงินครั้งนั้นแท้ๆ

 

หลังจากหนีออกมาจากคาสิโน ผมเริ่มเดินสำรวจเนฟเฮมอีกครั้ง คราวนี้ผ่านย่านไฟแดงที่วูฟโฟเอตเคยพาผมมาคราวที่แล้ว

 

มีโสเภณีมากมายหลายเผ่าพันธุ์มายืนตรงระเบียงแล้วโบกมือทักทายคนที่ผ่านไปผ่านมา แม้แต่โสเภณีก็อบลินเองก็ยังพูด ‘อ้าว ฝ่าบาทจอมมาร! มาแล้วพักที่นี่ก่อนสิคะ!’ ด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม

 

……ผมจะไม่อธิบายนะ คือ ผมรู้ว่า มีจอมมารโรคจิตบางตนที่สามารถเสพสมกับร่างกายได้ทุกเผ่า ตัวอย่างก็เช่น ลำดับ 12 จอมมาร สิตริ (Rank 12 Demon Lord Sitri) ที่ขึ้นชื่อเรื่องมีรสนิยมทางเพศที่เฉพาะตัวและพร้อมจะเล่นเซ็กส์กับหลายๆเผ่าหลายหน้าหลายตาพร้อมๆกัน

 

เวลาพักของผมก็ลดลงไป เวลาที่เหล่าจอมมารจะต้องมาเจอกันก็มาถึง

 

 

“ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับวันนี้นะคะ ท่านต้องสวมเสื้อผ้าเหล่านี้”

 

“ไม่! ไม่เอา ให้สวมเสื้อผ้าพรรค์นี้เนี่ยนะ? ขอกัดลิ้นตายไปเลยยังดีกว่า”

 

“สีนี้เป็นที่นิยมอย่างมากนะคะในโลกปีศาจ หากจะพูดกันตามตรงแล้ว การแต่งตัวของท่านดันทาเลี่ยนนั้นเชยมาก จริงอยู่ที่ไม่ควรจะยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอกจนเกินไปแต่ควรที่จะรู้กาละเทศ และมารยาทพื้นฐานไว้ด้วย”

ลาพิสและผมอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าที่มีชุดมากมายโชว์หราต่อหน้าพวกเรา ชุดทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าตอนนี้ ลาพิสได้เลือกโค้ทยาวสีงาช้าง และยังบอกให้ผมใส่เสื้อเวสสีชมพูอยู่ข้างในด้วย

 

เสื้อโค้ทสีงาช้าง เสื้อเวสสีชมพูแปร๋น! 

ใครก็ได้ช่วยเช็คให้ที รสนิยมความงามของลาพิสยังอยู่ดีหรือเปล่า มันไม่มีทางที่การแต่งกายแบบนี้จะนิยมในยุคสมัยนี้หรอกน่า เครื่องแต่งกายบ้าอะไรฉูดฉาดอย่างกับขุนนางนอกรีต อย่างกับยุคศิลปะโรโกโก้ สมัยพระเจ้าหลุยที่ 14

 

“ผมอยากจะใส่ชุดสูทเรียบๆแบบเธอแฮะ”

 

“สูทดำนั้นสำหรับพวกสามัญชน ไม่ใช่สิ่งที่จอมมารสมควรใส่ค่ะ”

เธอพูดอย่างเคร่งขรึมนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอดื้อได้ถึงขนาดนี้ แม้ผมจะเห็นพวกแต่งตัวแบบฮิปปี้ในโลกเดิมมาก่อน แต่ผมล่ะโคตรจะเกลียดเสื้อผ้าหลากสีสันที่ดูแฟนซีแบบไร้จุดหมาย แค่เห็นก็อยากจะอ้วกแล้ว

 

 

“ว่ากันตามตรงนะคะ รสนิยมเรื่องเสื้อผ้าของท่านดันทาเลี่ยนนั้นเลวร้ายมาก”

 

“…….”

ไม่ว้อย! ผมไม่ได้เซ้นส์ห่วย ยุคนี้ต่างหากเล่าที่เซ้นส์แฟชั่นเฮงซวย!

 

“ไม่ว่ายังไง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉัน ก่อนอื่นดิฉันจะเริ่มหยิบสีเสื้อผ้าที่ท่านใส่แล้วส่งไปให้หญิงสาวที่จะเป็นคู่ครองของท่านในเย็นนี้ ตามปรกติแล้ว ชุดของผู้ชายจะต้องเข้าคู่กับผู้หญิงด้วย เพียงแต่กรณีจอมมารเป็นข้อยกเว้น”

 

“ห้ะ? อะไรนะ คู่ครอง?”

 

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันแรกแห่งการพบเจอกัน ดังนั้นตามปรกติฝ่าบาทต้อง

ไปกับหญิงสาวหนึ่งคนค่ะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องนี้

 

 

“เดี๋ยวๆ ผมน่ะเต้นรำแย่มากเลยนะ แล้วหมายความว่ายังไงคู่ครอง? แล้วผมจะไปหามาได้ยังไงล่ะ?”

 

“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นค่ะ งานเลี้ยงไม่เป็นอะไรมากไปกว่า งานเป็นทางการที่คล้ายงานเลี้ยงต้อนรับ การเต้นรำนั้นขึ้นกับความสมัครใจค่ะ เรื่องคู่ครองไม่ต้องห่วงนะคะ บริษัทเคียนคุสก้านั้นได้ตระเตรียมเลดี้ที่เหมาะสมกับฐานะของฝ่าบาทไว้แล้ว”

ลาพิสดึงกระดาษมวนยาวออกมา มีรายชื่อผู้หญิงมากมายเขียนอยู่ในนั้น เธอไล่ชื่อมายาวเหยียดและให้คำอธิบายคร่าวๆแต่ละคน

 

 

“ส่วนตัวแล้วดิฉันแนะนำคนนี้นะคะ เธอเป็นลูกสาวอาร์คดยุคแห่งนรกพิษ(Venom Hell) แม้ท่านดันทาเลี่ยนอาจขาดคุณสมบัติในการเป็นคู่ครองที่น่าภาคภูมิสำหรับลูกสาวท่านอาร์คดยุคสักหน่อย แต่หัวหน้างานของดิฉันที่เคียนคุสก้าสามารถทำให้ได้เป็นคู่หมั้นกันด้วยวิธีบางประการ นี่เป็นโอกาสที่จะได้รับเครือข่ายความสัมพันธ์ส่วนตัวค่ะ”

 

“อ่าฮะ”

 

“คนๆนี้ก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ เป็นลูกสาวของเอิร์ลผู้ที่เป็นลูกน้องของอาร์คดยุคแห่งนรกดับสูญ(Void Hell)ไม่เพียงแต่งดงามจนน่าจดจำเท่านั้น เธอยังมีอิทธิพลต่อสังคมชั้นสูง ดิฉันรับรองท่านได้ว่า การเลือกให้เลดี้ท่านนี้เป็นเมียน้อย จะได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมากในอนาคต”

ผมผงะไปทันที

 

 

“ห้ะ อะไรนะ? เมียน้อย?”

 

“ไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะสำหรับจอมมารที่จะมีเมียน้อยหลายคน ถ้าไม่มีอะไรจะไปยังคนต่อไปนะคะ ที่มีศักดิ์ศรี…….”

คำแนะนำจนล้นเกินของเหล่าผู้หญิงถาโถมใส่ผม ผมตะลึงงันโดยสมบูรณ์มันเป็นลูกตรงที่พุ่งกระแทกหน้ากะทันหันเรื่องที่ผมมีเส้นสายเป็นศูนย์เนี่ย อ้า 

 

ยิ่งไปกว่านั้นผมจะต้องเป็นคู่ครองกับผู้หญิงที่ไม่เคยเจอมาก่อนแล้วออกไปเที่ยวกับเธอทั้งวันเนี่ยนะ? เมียน้อย? นี่มันอะไรกันเนี่ย?

 

 

“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! ลาพิส หยุดพูดแปปนึง ตอนนี้ผมตามไม่ทันแล้ว วางเรื่องเมียน้อยไว้ข้างๆก่อน แค่บอกว่า ผมจะต้องไปงานราตรีนี้ ผมเข้าใจเหตุผลนะว่าทำไมถึงต้องเลือกคู่ครอง แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมถึงต้องเป็นเคียนคุสก้าที่เลือกคู่ให้ผม?”

 

ลาพิสนั้นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมโบกมือตัดบททันที ผมพอเดาได้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร

ระดับหัวหน้าของเคียนคุสก้าคงจะได้รับแจ้งว่า ผมนั้นพยายามใช้เรื่องอันโดรมาลิอุสมาคุกคามพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเลยอยากให้ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนั้นโดยการจับคู่ผมเข้ากับคนที่มีอิทธพลแทน

 

มันอาจจะดูแปลกสำหรับคนอื่น แต่โชคไม่ดีที่ ผมไม่แฮปปี้กับเรื่องนี้ มันเห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่า พวกลูกสาวคนมีชื่อเสียงนั่นก็เป็นเพื่อนสนิทกันกับฝั่งบริษัทเคียนคุสก้า พวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ให้ผมเป็นศัตรูกับพวกเขาด้วยการส่งสาวๆมาเป็นเมียน้อยให้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ มันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าแอปเปิ้ลพิษที่ดูดีแต่เพียงภายนอก

 

“……แต่ท่านดันทาเลี่ยนคะ”

เมื่อฟังการอนุมานของผม ลาพิสก็ยังคงยืนยันว่า ผมต้องเลือกคู่ครอง

 

 

“มันอาจจริงดังท่านว่า แต่ท่านก็ไม่ได้เพียงแต่เลือกบุคคลที่มีอิทธิพลมาอยู่ข้างท่านเท่านั้น แต่ท่านยังได้บริษัทเคียนคุสก้าทั้งบริษัทมาอยู่ข้างท่านด้วย แม้ท่านดันทาเลี่ยนจะสามารถทำเงินได้มากมายจากสมุนไพรดำ แต่กองกำลังฝ่ายของท่านนั้นยังคงอ่อนแอ หากท่านสามารถได้การปกป้องจากผู้มีอิทธิพลได้อย่างแนบเนียนแล้ว ก็จะไม่มีใครสามารถดูถูกดูแคลนท่านได้ค่ะ”

 

“หืมมม”

คำแนะนำของเธอนั้นฟังดูเข้าท่า ผมคิดให้ลึกลงไปอีกขั้น

 

เป้าหมายแรกและเป้าหมายที่สำคัญที่สุด คือ การเอาชีวิตรอด 

เป้าหมายที่สองคือ ‘เคลียร์’โลกใบนี้……หากผมเชื่อตามที่ VenusPantiesได้บอกไว้อ้อมๆ ผมต้องพิชิตโลกใบนี้ ถึงผมจะมีสองเป้าหมาย แต่การได้รับการคุ้มครองจากใครบางคนนั้นนับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด

 

ด้วยการได้เมียน้อยเป็นลูกสาวของผู้มีอิทธิพล ผมสามารถใช้งานเธอ และหักหลังเธอได้อย่างเต็มที่เพื่อการขยายกองกำลังฝ่าย……มันก็ไม่ใช่ไอเดียที่แย่หรอก พวกเขาก็คงบ่นไม่ได้กับความสัมพันธ์ที่เราต่างช่วงใช้กันและกัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น 

(TTL : Daga Koto waru! 

)

 

 

“ลาพิส ขอให้ผมได้บอกเธอถึงความรู้สึกตอนนี้อย่างจริงใจ”

 

“ดิฉันกำลังฟังอยู่ค่ะ”

 

“ผมไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างนั้นได้”

ลาพิสเอียงคอ

 

“ว่าอย่างไรนะคะ?”

 

“เธอเป็นคนที่เฝ้ามองผมมานานยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เธอก็รู้อยู่แล้วว่า เดิมผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย ผมไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยๆ เจ้าสิ่งที่เธอเรียกว่า อาการจอมมาร(Demon lord Syndrome)? นั่นใช่ไหม 

ที่ผมเป็นอยู่นั้นเพราะผมสามารถที่จะรับรู้อารมณ์คนอื่นในฐานะจอมมาร 

ความโกรธของตัวผมเองและความสุขของคนอื่นต่างเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกันในตัวผม มันเลยก็ตีกันยุ่ง”

สีหน้าของลาพิสหม่นหมองลง

 

“แต่……ท่านก็สามารถหาจุดที่ทำให้มันมั่นคงขึ้นได้หลังจากที่มาเนฟเฮมมิใช่หรือคะ?”

 

“มันก็แค่ชั่วคราว แต่จากที่บอกได้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าจุดเริ่มต้นของอาการคลุ้มคลั่งไบโพลาร์(manic depression) ใครจะไปรู้ว่า ผมจะคงสติได้แค่ไหนท่ามกลางอารมณ์ที่สับสนอลหม่านแบบนั้น”

 

ผมสารภาพด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป ความรู้สึกเป็นห่วงของลาพิสไหลเข้ามาหาผมเช่นเดียวกัน ผมจึงแยกไม่ค่อยออกนักระหว่างความต่างที่ผสมกันของความเป็นห่วงกับความกังวล 

สองอารมณ์นั้นช่างใกล้เคียงกันมากจนแทบจะเหมือนกัน ไม่ใช่แค่นั้นมันยังยากจะแยกแยะด้วยว่า นี่มันเป็นอารมณ์ตอนนี้ของผมหรือของลาพิส

 

 

“ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไป ดังนั้นการที่รักษาความสมดุลนี้เป็นเรื่องจำเป็น”

 

“สมดุล เหรอคะ?”

 

“ผมต้องการช่วงเวลาพัก ข้างนอกนั่นผมสามารถแยกแยะ ผมสามารถต่อสู้ห้ำหั่นกับผู้อื่นได้ด้วยการอ่านอารมณ์ นั่นเป็นจุดที่เยี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องการช่วงเวลาที่พักผ่อนอย่างสงบสุขในห้องจอมมารของผม และไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องอารมณ์ของผู้อื่น สถานที่สำหรับการพักผ่อนจิตใจอ่อนล้าได้อย่างเต็มที่”

 

ในกรณีนั้น คาสิโนสุดยอดมาก เมื่อใดก็ตามที่ผมชนะ ผมจะมีความสุข ส่วนคนอื่นก็เศร้าเสียใจ มันจัดเจนเลยว่า ขอบเขตทางอารมณ์ที่ชัดเจนระหว่างผลลัพธ์ของชัยชนะและพ่ายแพ้ ผมไม่ต้องติดขัดกับการแยกขอบเขตทางความรู้สึกระหว่างตัวเองกับคนอื่น แน่นอนว่า ในห้องพักของผมมันดีที่สุด แต่มันก็สุดแสนจะน่าเบื่อเหลือเกิน

 

 

“แล้วหากผมมีใครบางคนที่ไม่รู้จักแล้วตั้งใจมาเป็นเมียน้อยผมล่ะ? 

ผมไม่มีทางที่จะรู้เลยว่า การที่เธอทำแบบนั้นเนี่ยเพื่อตระกูลหรือเคียนคุสก้า เมื่อเป็นอย่างนั้นผมก็ต้องเทความใส่ใจทั้งหมดกังวลกับอารมณ์ของคนๆนั้น”

 

“ท่านดันทาเลี่ยนคะ”

ลาพิสหยุดผมในทันที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก

 

 

“หือ?”

 

“ตอนที่ท่านอยู่กับดิฉัน……ท่านรู้สึกอย่างนั้นอยู่เหรอคะ?”

กังวลใจ 

นั่นเป็นความรู้สึกที่ผมรับรู้ได้จากอารมณ์ของเธอ

 

ผมได้ค้นพบมานานมากแล้วว่า ลาพิสนั้นมีอารมณ์มากมายซ่อนอยู่ใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย แม้เธอจะใช้เวลาส่วนมากไปกับการเป็นหญิงที่เย็นชา แต่เธอก็มักแสดงด้านที่เปี่ยมไปด้วยมนุษยธรรม

 

มันสบายใจที่อยู่ใกล้ๆเธอเพราะเธอมักสงบอยู่เสมอ นานๆครั้งอารมณ์ถึงจะไหลมาหาผม ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ได้ทื่อทึมไร้อารมณ์เหมือนตุ๊กตา บางครั้งเราต่างเข้าอกเข้าใจกัน เธอจึงรักษาระยะห่างกับผมได้พอดิบพอดี

 

ผมขำออกมาเบาๆ

 

“ไม่เลย โปรดอยู่ข้างกายผมต่อไปเถอะ”

 

“รับทราบค่ะ”

ลาพิสตอบรับอย่างสงบ 

 

อืม ผมแน่ใจว่า เธอรู้สึกโล่งอกอยู่ข้างใน แต่ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องจี้จุดนั้นเพื่อให้เธอต้องอับอาย จากมุมมองผมแล้ว ผมน่ะค่อนข้างเห็นใจคนอื่นอยู่บ้างนะ แม้คนอื่นจะไม่เห็นว่าผมเป็นแบบนั้นก็เถอะ

 

เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเจอปัญหา

 

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็คงยากที่จะเลือกคู่ไปงานเลี้ยง”

 

“ถูกต้อง มันอาจจะเป็นปัญหา……อื้ม แต่แล้วไงล่ะ? เธอมาเป็นคู่ของผมก็ได้นี่ ลาพิส”

 

“…….”

มันเป็นชั่วขณะแห่งความเงียบงัน

 

“อะไรนะคะ……?”

 

“ผมตัดสินใจไปแล้วน่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นทุกอย่างก็ลงตัว”

ผมคิดไอเดียนี้ออกเมื่อวินาทีก่อนนี้เอง แต่มันก็เป็นวิธีแก้ที่เหมาะสม ต่อให้ผมคิดให้รอบคอบยังไงก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรบริษัทเคียนคุสก้าก็ต้องการให้ผมเป็นพันธมิตรกับพวกเขาอยู่ดี

 

การปฏิเสธตัวเลือกทั้งหมดไปเลยไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด แต่การที่ทำให้ลาพิส พนักงานของบริษัท เป็นคู่ของผม ผมก็สามารถส่งข้อความบอกกับพวกเขาได้แล้วว่า ‘ข้ามิได้ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับพวกเจ้า’

 

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นการแสดงความจริงที่ว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะออกนอกแผนของพวกเขา มันดีเพราะบริษัทเคียนคุสก้านั้นจะรู้เจตนาว่าผมอยากจะร่วมมือกับพวกเขา โดยที่ไม่ทำร้ายจุดยืนตัวเอง และสภาวะทางจิตที่จะยังอยู่ดีมีสุข โดยไม่ต้องไปโน่นไปนี่กับคนที่ไม่คุ้นเคย 

 

สมบูรณ์แบบทีเดียว

 

 

“เธอบอกว่า เสื้อผ้าผู้ชายน่ะจะต้องเข้าคู่ได้ดีกับเครื่องแต่งกายของผู้หญิงใช่ไหม? มาๆ รีบมาเลือกเสื้อผ้ากันเถอะ ผมน่ะเจอเสื้อผ้าสวยๆที่เหมาะทั้งกับผมและเธอด้วยนะ”

 

 

“ฝ่าบาทคะ ดิฉันเป็นลูกครึ่งซัคคิวบัส แม้คุณจะมาเป็นคู่รักกับซัคคิวบัสสายเลือดผสม แต่ผลกระทบชื่อเสียงที่ท่านจะได้รับในฐานะจอมมารก็ยังน่าเป็นห่วง แล้วการที่ท่านเลือกคนอย่างดิฉัน…….”

 

“แหม ที่รัก นี่เธอจะยังวกกลับมาเรื่องเลือดบริสุทธิ์เลือดผสมอีกแล้ว ผมว่าเคยบอกไปแล้วนะว่าผมเบื่อประเด็นนี้เต็มกลืนแล้ว ผมมีแผนในหัวอยู่แล้วน่า แค่ทำตามที่ผมสั่งอย่างเชื่อฟังก็พอ”

 

ผมเดินไปมาในร้านเสื้อผ้าแล้วหาชุดที่เหมาะกับลาพิส ลาพิสตามผมมาด้วยความแตกตื่น เธอยังคงพูดเรื่อง ความสูงศักดิ์ของจอมมารหรืออะไรสักอย่างแต่ผมไม่สนใจเธอ

 

“ชุดนี้ว่ายังไงล่ะ? เดรสสีขาวบริสุทธิ์ ดูหรูหราและสูงศักดิ์ เพอเฟ็คมาก”

 

“……มันเกินหน้าเกินตางานไปค่ะ ไม่สิ สำคัญกว่านั้น ท่านดันทาเลี่ยนคะ ดิฉันยังไม่ได้ยอมรับเรื่องนี้นะคะ”

 

“ถ้าอย่างนั้น เดรสสีดำสนิทล่ะว่ายังไง? ดูการประดับประดาที่ทั้งแจ่มจรัส และสูงส่งนี่สิ มันเหมาะสมกับการเป็นคู่ของจอมมารมากเลย”

 

 

“ฝ่าบาทคะ”

น้ำเสียงลาพิสค่อนข้างจะร้อนใจ ผมยังเล่นลิ้นต่อไป

 

หลังผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง ลาพิสจึงยอมยกธงขาว ครั้งหนึ่งพอผมขู่ว่าจะทำร้ายคู่ที่ทางบริษัทส่งมาถ้าเธอยังดื้อดึง เธอจึงได้ยอม 

 

ในท้ายที่สุดหลังจากที่ฝืนใจลาพิสให้เลือกชุดดำ ผมก็สวมชุดโค้ทยาวสีดำเรียบๆและเสื้อเวสด้วยข้ออ้างที่ว่า จะได้เข้ากับเครื่องแต่งกายของคู่รัก

 

“อ่าาา……การพบเจอกันครั้งสำคัญ กลับกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว…….”

ลาพิสถอนใจเฮือกใหญ่แล้วบ่นอุบ แต่ถึงอย่างนั้นผมล่ะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับการที่ผมไม่ต้องแต่งชุดขุนนางนอกรีตบ้าๆบอๆนั่นอีกต่อไป

 

การไม่ทำลายอารมณ์ลูกค้าน่ะ ก็เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ที่สำคัญของพ่อค้าไม่ใช่เหรอ ถูกไหม?

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 37 ราตรีวัลเพอกีส(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 37 ราตรีวัลเพอกีส(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

“ดิฉันทราบว่า ฝ่าบาทมาพักร้อนที่นี่เพื่อผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ แต่ขอความกรุณาทำแต่พอดีเถอะค่ะ”

 

“แต่ดูนี่สิ ผมทำเงินได้ตั้งเท่านี้…….”

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรโอ้อวดเลยนะคะ”

ลาพิสมองมาที่ผม ผมมองกลับไปโดยไม่ตั้งใจ

 

 

“จอมมารจะสมควรมาอยู่กับพวกนักพนันแล้วเอาเงินเขาหรือคะ? การทำแบบนั้นมีแต่จะก่อปัญหาให้เกิดขึ้นกับชื่อเสียงฝ่าบาท ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า”

ผมไม่มีข้อแก้ตัวเลย ลาพิสไม่ได้วิจารณ์ในบริบทที่ว่า การเล่นพนันนั้นไม่ดี แต่เธอกลับเตือนให้ผมระวังชื่อเสียงในทางลบแทน 

เธอพูดถูกต้อง

 

“เราลองมาสมมุติเหตุการณ์ว่า ท่านดันทาเลี่ยนจบลงอย่างเลวร้ายในอนาคต ตอนนั้นผู้คนก็จะนินทาว่า ฝ่าบาทนั้นพูดอ้างแบบนั้นเพียงเพราะเสพติดการพนัน และสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกันเมื่อท่านทำสิ่งใดประสบความสำเร็จ ผู้คนก็ยังคงจะดูหมิ่นว่าท่านก็แค่ได้รับโชคน้อยๆจากการพนัน”

 

“อั่ก”

เธอพูดถูกแล้ว

 

 

 

“ท่านทำเงินได้เท่าไหร่คะ?”

 

“คร่าวๆก็พันโกลด์”

 

“……เห ชนะมาได้เยอะเลยนี่คะ”

ลาพิสแสดงท่าทางเอือมระอา

 

เธอเคยแนะนำให้ผม บริจาคเงิน 3,000 โกลด์ให้ผู้คน แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ? ผมรับฟังและโยนเงิน 3,000 โกลด์ให้กับเด็กกำพร้า 

แต่น่าแปลก ผมกลับไม่มีความเต็มใจจะบริจาคเลย หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมได้รู้สึกต่ำต้อยที่ได้ใช้หน้าต่างสเตตัสเอาเงินมาจากนักพนันพวกนั้นล่ะมั้ง

ทั้งที่ผู้คนในเนฟเฮมมาชื่นชอบผมเพราะการบริจาคเงินครั้งนั้นแท้ๆ

 

หลังจากหนีออกมาจากคาสิโน ผมเริ่มเดินสำรวจเนฟเฮมอีกครั้ง คราวนี้ผ่านย่านไฟแดงที่วูฟโฟเอตเคยพาผมมาคราวที่แล้ว

 

มีโสเภณีมากมายหลายเผ่าพันธุ์มายืนตรงระเบียงแล้วโบกมือทักทายคนที่ผ่านไปผ่านมา แม้แต่โสเภณีก็อบลินเองก็ยังพูด ‘อ้าว ฝ่าบาทจอมมาร! มาแล้วพักที่นี่ก่อนสิคะ!’ ด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม

 

……ผมจะไม่อธิบายนะ คือ ผมรู้ว่า มีจอมมารโรคจิตบางตนที่สามารถเสพสมกับร่างกายได้ทุกเผ่า ตัวอย่างก็เช่น ลำดับ 12 จอมมาร สิตริ (Rank 12 Demon Lord Sitri) ที่ขึ้นชื่อเรื่องมีรสนิยมทางเพศที่เฉพาะตัวและพร้อมจะเล่นเซ็กส์กับหลายๆเผ่าหลายหน้าหลายตาพร้อมๆกัน

 

เวลาพักของผมก็ลดลงไป เวลาที่เหล่าจอมมารจะต้องมาเจอกันก็มาถึง

 

 

“ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับวันนี้นะคะ ท่านต้องสวมเสื้อผ้าเหล่านี้”

 

“ไม่! ไม่เอา ให้สวมเสื้อผ้าพรรค์นี้เนี่ยนะ? ขอกัดลิ้นตายไปเลยยังดีกว่า”

 

“สีนี้เป็นที่นิยมอย่างมากนะคะในโลกปีศาจ หากจะพูดกันตามตรงแล้ว การแต่งตัวของท่านดันทาเลี่ยนนั้นเชยมาก จริงอยู่ที่ไม่ควรจะยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอกจนเกินไปแต่ควรที่จะรู้กาละเทศ และมารยาทพื้นฐานไว้ด้วย”

ลาพิสและผมอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าที่มีชุดมากมายโชว์หราต่อหน้าพวกเรา ชุดทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าตอนนี้ ลาพิสได้เลือกโค้ทยาวสีงาช้าง และยังบอกให้ผมใส่เสื้อเวสสีชมพูอยู่ข้างในด้วย

 

เสื้อโค้ทสีงาช้าง เสื้อเวสสีชมพูแปร๋น! 

ใครก็ได้ช่วยเช็คให้ที รสนิยมความงามของลาพิสยังอยู่ดีหรือเปล่า มันไม่มีทางที่การแต่งกายแบบนี้จะนิยมในยุคสมัยนี้หรอกน่า เครื่องแต่งกายบ้าอะไรฉูดฉาดอย่างกับขุนนางนอกรีต อย่างกับยุคศิลปะโรโกโก้ สมัยพระเจ้าหลุยที่ 14

 

“ผมอยากจะใส่ชุดสูทเรียบๆแบบเธอแฮะ”

 

“สูทดำนั้นสำหรับพวกสามัญชน ไม่ใช่สิ่งที่จอมมารสมควรใส่ค่ะ”

เธอพูดอย่างเคร่งขรึมนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอดื้อได้ถึงขนาดนี้ แม้ผมจะเห็นพวกแต่งตัวแบบฮิปปี้ในโลกเดิมมาก่อน แต่ผมล่ะโคตรจะเกลียดเสื้อผ้าหลากสีสันที่ดูแฟนซีแบบไร้จุดหมาย แค่เห็นก็อยากจะอ้วกแล้ว

 

 

“ว่ากันตามตรงนะคะ รสนิยมเรื่องเสื้อผ้าของท่านดันทาเลี่ยนนั้นเลวร้ายมาก”

 

“…….”

ไม่ว้อย! ผมไม่ได้เซ้นส์ห่วย ยุคนี้ต่างหากเล่าที่เซ้นส์แฟชั่นเฮงซวย!

 

“ไม่ว่ายังไง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉัน ก่อนอื่นดิฉันจะเริ่มหยิบสีเสื้อผ้าที่ท่านใส่แล้วส่งไปให้หญิงสาวที่จะเป็นคู่ครองของท่านในเย็นนี้ ตามปรกติแล้ว ชุดของผู้ชายจะต้องเข้าคู่กับผู้หญิงด้วย เพียงแต่กรณีจอมมารเป็นข้อยกเว้น”

 

“ห้ะ? อะไรนะ คู่ครอง?”

 

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันแรกแห่งการพบเจอกัน ดังนั้นตามปรกติฝ่าบาทต้อง

ไปกับหญิงสาวหนึ่งคนค่ะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องนี้

 

 

“เดี๋ยวๆ ผมน่ะเต้นรำแย่มากเลยนะ แล้วหมายความว่ายังไงคู่ครอง? แล้วผมจะไปหามาได้ยังไงล่ะ?”

 

“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นค่ะ งานเลี้ยงไม่เป็นอะไรมากไปกว่า งานเป็นทางการที่คล้ายงานเลี้ยงต้อนรับ การเต้นรำนั้นขึ้นกับความสมัครใจค่ะ เรื่องคู่ครองไม่ต้องห่วงนะคะ บริษัทเคียนคุสก้านั้นได้ตระเตรียมเลดี้ที่เหมาะสมกับฐานะของฝ่าบาทไว้แล้ว”

ลาพิสดึงกระดาษมวนยาวออกมา มีรายชื่อผู้หญิงมากมายเขียนอยู่ในนั้น เธอไล่ชื่อมายาวเหยียดและให้คำอธิบายคร่าวๆแต่ละคน

 

 

“ส่วนตัวแล้วดิฉันแนะนำคนนี้นะคะ เธอเป็นลูกสาวอาร์คดยุคแห่งนรกพิษ(Venom Hell) แม้ท่านดันทาเลี่ยนอาจขาดคุณสมบัติในการเป็นคู่ครองที่น่าภาคภูมิสำหรับลูกสาวท่านอาร์คดยุคสักหน่อย แต่หัวหน้างานของดิฉันที่เคียนคุสก้าสามารถทำให้ได้เป็นคู่หมั้นกันด้วยวิธีบางประการ นี่เป็นโอกาสที่จะได้รับเครือข่ายความสัมพันธ์ส่วนตัวค่ะ”

 

“อ่าฮะ”

 

“คนๆนี้ก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ เป็นลูกสาวของเอิร์ลผู้ที่เป็นลูกน้องของอาร์คดยุคแห่งนรกดับสูญ(Void Hell)ไม่เพียงแต่งดงามจนน่าจดจำเท่านั้น เธอยังมีอิทธิพลต่อสังคมชั้นสูง ดิฉันรับรองท่านได้ว่า การเลือกให้เลดี้ท่านนี้เป็นเมียน้อย จะได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมากในอนาคต”

ผมผงะไปทันที

 

 

“ห้ะ อะไรนะ? เมียน้อย?”

 

“ไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะสำหรับจอมมารที่จะมีเมียน้อยหลายคน ถ้าไม่มีอะไรจะไปยังคนต่อไปนะคะ ที่มีศักดิ์ศรี…….”

คำแนะนำจนล้นเกินของเหล่าผู้หญิงถาโถมใส่ผม ผมตะลึงงันโดยสมบูรณ์มันเป็นลูกตรงที่พุ่งกระแทกหน้ากะทันหันเรื่องที่ผมมีเส้นสายเป็นศูนย์เนี่ย อ้า 

 

ยิ่งไปกว่านั้นผมจะต้องเป็นคู่ครองกับผู้หญิงที่ไม่เคยเจอมาก่อนแล้วออกไปเที่ยวกับเธอทั้งวันเนี่ยนะ? เมียน้อย? นี่มันอะไรกันเนี่ย?

 

 

“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! ลาพิส หยุดพูดแปปนึง ตอนนี้ผมตามไม่ทันแล้ว วางเรื่องเมียน้อยไว้ข้างๆก่อน แค่บอกว่า ผมจะต้องไปงานราตรีนี้ ผมเข้าใจเหตุผลนะว่าทำไมถึงต้องเลือกคู่ครอง แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมถึงต้องเป็นเคียนคุสก้าที่เลือกคู่ให้ผม?”

 

ลาพิสนั้นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมโบกมือตัดบททันที ผมพอเดาได้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร

ระดับหัวหน้าของเคียนคุสก้าคงจะได้รับแจ้งว่า ผมนั้นพยายามใช้เรื่องอันโดรมาลิอุสมาคุกคามพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเลยอยากให้ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนั้นโดยการจับคู่ผมเข้ากับคนที่มีอิทธพลแทน

 

มันอาจจะดูแปลกสำหรับคนอื่น แต่โชคไม่ดีที่ ผมไม่แฮปปี้กับเรื่องนี้ มันเห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่า พวกลูกสาวคนมีชื่อเสียงนั่นก็เป็นเพื่อนสนิทกันกับฝั่งบริษัทเคียนคุสก้า พวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ให้ผมเป็นศัตรูกับพวกเขาด้วยการส่งสาวๆมาเป็นเมียน้อยให้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ มันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าแอปเปิ้ลพิษที่ดูดีแต่เพียงภายนอก

 

“……แต่ท่านดันทาเลี่ยนคะ”

เมื่อฟังการอนุมานของผม ลาพิสก็ยังคงยืนยันว่า ผมต้องเลือกคู่ครอง

 

 

“มันอาจจริงดังท่านว่า แต่ท่านก็ไม่ได้เพียงแต่เลือกบุคคลที่มีอิทธิพลมาอยู่ข้างท่านเท่านั้น แต่ท่านยังได้บริษัทเคียนคุสก้าทั้งบริษัทมาอยู่ข้างท่านด้วย แม้ท่านดันทาเลี่ยนจะสามารถทำเงินได้มากมายจากสมุนไพรดำ แต่กองกำลังฝ่ายของท่านนั้นยังคงอ่อนแอ หากท่านสามารถได้การปกป้องจากผู้มีอิทธิพลได้อย่างแนบเนียนแล้ว ก็จะไม่มีใครสามารถดูถูกดูแคลนท่านได้ค่ะ”

 

“หืมมม”

คำแนะนำของเธอนั้นฟังดูเข้าท่า ผมคิดให้ลึกลงไปอีกขั้น

 

เป้าหมายแรกและเป้าหมายที่สำคัญที่สุด คือ การเอาชีวิตรอด 

เป้าหมายที่สองคือ ‘เคลียร์’โลกใบนี้……หากผมเชื่อตามที่ VenusPantiesได้บอกไว้อ้อมๆ ผมต้องพิชิตโลกใบนี้ ถึงผมจะมีสองเป้าหมาย แต่การได้รับการคุ้มครองจากใครบางคนนั้นนับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด

 

ด้วยการได้เมียน้อยเป็นลูกสาวของผู้มีอิทธิพล ผมสามารถใช้งานเธอ และหักหลังเธอได้อย่างเต็มที่เพื่อการขยายกองกำลังฝ่าย……มันก็ไม่ใช่ไอเดียที่แย่หรอก พวกเขาก็คงบ่นไม่ได้กับความสัมพันธ์ที่เราต่างช่วงใช้กันและกัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น 

(TTL : Daga Koto waru! 

)

 

 

“ลาพิส ขอให้ผมได้บอกเธอถึงความรู้สึกตอนนี้อย่างจริงใจ”

 

“ดิฉันกำลังฟังอยู่ค่ะ”

 

“ผมไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างนั้นได้”

ลาพิสเอียงคอ

 

“ว่าอย่างไรนะคะ?”

 

“เธอเป็นคนที่เฝ้ามองผมมานานยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เธอก็รู้อยู่แล้วว่า เดิมผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย ผมไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยๆ เจ้าสิ่งที่เธอเรียกว่า อาการจอมมาร(Demon lord Syndrome)? นั่นใช่ไหม 

ที่ผมเป็นอยู่นั้นเพราะผมสามารถที่จะรับรู้อารมณ์คนอื่นในฐานะจอมมาร 

ความโกรธของตัวผมเองและความสุขของคนอื่นต่างเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกันในตัวผม มันเลยก็ตีกันยุ่ง”

สีหน้าของลาพิสหม่นหมองลง

 

“แต่……ท่านก็สามารถหาจุดที่ทำให้มันมั่นคงขึ้นได้หลังจากที่มาเนฟเฮมมิใช่หรือคะ?”

 

“มันก็แค่ชั่วคราว แต่จากที่บอกได้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าจุดเริ่มต้นของอาการคลุ้มคลั่งไบโพลาร์(manic depression) ใครจะไปรู้ว่า ผมจะคงสติได้แค่ไหนท่ามกลางอารมณ์ที่สับสนอลหม่านแบบนั้น”

 

ผมสารภาพด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป ความรู้สึกเป็นห่วงของลาพิสไหลเข้ามาหาผมเช่นเดียวกัน ผมจึงแยกไม่ค่อยออกนักระหว่างความต่างที่ผสมกันของความเป็นห่วงกับความกังวล 

สองอารมณ์นั้นช่างใกล้เคียงกันมากจนแทบจะเหมือนกัน ไม่ใช่แค่นั้นมันยังยากจะแยกแยะด้วยว่า นี่มันเป็นอารมณ์ตอนนี้ของผมหรือของลาพิส

 

 

“ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไป ดังนั้นการที่รักษาความสมดุลนี้เป็นเรื่องจำเป็น”

 

“สมดุล เหรอคะ?”

 

“ผมต้องการช่วงเวลาพัก ข้างนอกนั่นผมสามารถแยกแยะ ผมสามารถต่อสู้ห้ำหั่นกับผู้อื่นได้ด้วยการอ่านอารมณ์ นั่นเป็นจุดที่เยี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องการช่วงเวลาที่พักผ่อนอย่างสงบสุขในห้องจอมมารของผม และไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องอารมณ์ของผู้อื่น สถานที่สำหรับการพักผ่อนจิตใจอ่อนล้าได้อย่างเต็มที่”

 

ในกรณีนั้น คาสิโนสุดยอดมาก เมื่อใดก็ตามที่ผมชนะ ผมจะมีความสุข ส่วนคนอื่นก็เศร้าเสียใจ มันจัดเจนเลยว่า ขอบเขตทางอารมณ์ที่ชัดเจนระหว่างผลลัพธ์ของชัยชนะและพ่ายแพ้ ผมไม่ต้องติดขัดกับการแยกขอบเขตทางความรู้สึกระหว่างตัวเองกับคนอื่น แน่นอนว่า ในห้องพักของผมมันดีที่สุด แต่มันก็สุดแสนจะน่าเบื่อเหลือเกิน

 

 

“แล้วหากผมมีใครบางคนที่ไม่รู้จักแล้วตั้งใจมาเป็นเมียน้อยผมล่ะ? 

ผมไม่มีทางที่จะรู้เลยว่า การที่เธอทำแบบนั้นเนี่ยเพื่อตระกูลหรือเคียนคุสก้า เมื่อเป็นอย่างนั้นผมก็ต้องเทความใส่ใจทั้งหมดกังวลกับอารมณ์ของคนๆนั้น”

 

“ท่านดันทาเลี่ยนคะ”

ลาพิสหยุดผมในทันที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก

 

 

“หือ?”

 

“ตอนที่ท่านอยู่กับดิฉัน……ท่านรู้สึกอย่างนั้นอยู่เหรอคะ?”

กังวลใจ 

นั่นเป็นความรู้สึกที่ผมรับรู้ได้จากอารมณ์ของเธอ

 

ผมได้ค้นพบมานานมากแล้วว่า ลาพิสนั้นมีอารมณ์มากมายซ่อนอยู่ใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย แม้เธอจะใช้เวลาส่วนมากไปกับการเป็นหญิงที่เย็นชา แต่เธอก็มักแสดงด้านที่เปี่ยมไปด้วยมนุษยธรรม

 

มันสบายใจที่อยู่ใกล้ๆเธอเพราะเธอมักสงบอยู่เสมอ นานๆครั้งอารมณ์ถึงจะไหลมาหาผม ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ได้ทื่อทึมไร้อารมณ์เหมือนตุ๊กตา บางครั้งเราต่างเข้าอกเข้าใจกัน เธอจึงรักษาระยะห่างกับผมได้พอดิบพอดี

 

ผมขำออกมาเบาๆ

 

“ไม่เลย โปรดอยู่ข้างกายผมต่อไปเถอะ”

 

“รับทราบค่ะ”

ลาพิสตอบรับอย่างสงบ 

 

อืม ผมแน่ใจว่า เธอรู้สึกโล่งอกอยู่ข้างใน แต่ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องจี้จุดนั้นเพื่อให้เธอต้องอับอาย จากมุมมองผมแล้ว ผมน่ะค่อนข้างเห็นใจคนอื่นอยู่บ้างนะ แม้คนอื่นจะไม่เห็นว่าผมเป็นแบบนั้นก็เถอะ

 

เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเจอปัญหา

 

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็คงยากที่จะเลือกคู่ไปงานเลี้ยง”

 

“ถูกต้อง มันอาจจะเป็นปัญหา……อื้ม แต่แล้วไงล่ะ? เธอมาเป็นคู่ของผมก็ได้นี่ ลาพิส”

 

“…….”

มันเป็นชั่วขณะแห่งความเงียบงัน

 

“อะไรนะคะ……?”

 

“ผมตัดสินใจไปแล้วน่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นทุกอย่างก็ลงตัว”

ผมคิดไอเดียนี้ออกเมื่อวินาทีก่อนนี้เอง แต่มันก็เป็นวิธีแก้ที่เหมาะสม ต่อให้ผมคิดให้รอบคอบยังไงก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรบริษัทเคียนคุสก้าก็ต้องการให้ผมเป็นพันธมิตรกับพวกเขาอยู่ดี

 

การปฏิเสธตัวเลือกทั้งหมดไปเลยไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด แต่การที่ทำให้ลาพิส พนักงานของบริษัท เป็นคู่ของผม ผมก็สามารถส่งข้อความบอกกับพวกเขาได้แล้วว่า ‘ข้ามิได้ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับพวกเจ้า’

 

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นการแสดงความจริงที่ว่า ผมไม่มีเจตนาที่จะออกนอกแผนของพวกเขา มันดีเพราะบริษัทเคียนคุสก้านั้นจะรู้เจตนาว่าผมอยากจะร่วมมือกับพวกเขา โดยที่ไม่ทำร้ายจุดยืนตัวเอง และสภาวะทางจิตที่จะยังอยู่ดีมีสุข โดยไม่ต้องไปโน่นไปนี่กับคนที่ไม่คุ้นเคย 

 

สมบูรณ์แบบทีเดียว

 

 

“เธอบอกว่า เสื้อผ้าผู้ชายน่ะจะต้องเข้าคู่ได้ดีกับเครื่องแต่งกายของผู้หญิงใช่ไหม? มาๆ รีบมาเลือกเสื้อผ้ากันเถอะ ผมน่ะเจอเสื้อผ้าสวยๆที่เหมาะทั้งกับผมและเธอด้วยนะ”

 

 

“ฝ่าบาทคะ ดิฉันเป็นลูกครึ่งซัคคิวบัส แม้คุณจะมาเป็นคู่รักกับซัคคิวบัสสายเลือดผสม แต่ผลกระทบชื่อเสียงที่ท่านจะได้รับในฐานะจอมมารก็ยังน่าเป็นห่วง แล้วการที่ท่านเลือกคนอย่างดิฉัน…….”

 

“แหม ที่รัก นี่เธอจะยังวกกลับมาเรื่องเลือดบริสุทธิ์เลือดผสมอีกแล้ว ผมว่าเคยบอกไปแล้วนะว่าผมเบื่อประเด็นนี้เต็มกลืนแล้ว ผมมีแผนในหัวอยู่แล้วน่า แค่ทำตามที่ผมสั่งอย่างเชื่อฟังก็พอ”

 

ผมเดินไปมาในร้านเสื้อผ้าแล้วหาชุดที่เหมาะกับลาพิส ลาพิสตามผมมาด้วยความแตกตื่น เธอยังคงพูดเรื่อง ความสูงศักดิ์ของจอมมารหรืออะไรสักอย่างแต่ผมไม่สนใจเธอ

 

“ชุดนี้ว่ายังไงล่ะ? เดรสสีขาวบริสุทธิ์ ดูหรูหราและสูงศักดิ์ เพอเฟ็คมาก”

 

“……มันเกินหน้าเกินตางานไปค่ะ ไม่สิ สำคัญกว่านั้น ท่านดันทาเลี่ยนคะ ดิฉันยังไม่ได้ยอมรับเรื่องนี้นะคะ”

 

“ถ้าอย่างนั้น เดรสสีดำสนิทล่ะว่ายังไง? ดูการประดับประดาที่ทั้งแจ่มจรัส และสูงส่งนี่สิ มันเหมาะสมกับการเป็นคู่ของจอมมารมากเลย”

 

 

“ฝ่าบาทคะ”

น้ำเสียงลาพิสค่อนข้างจะร้อนใจ ผมยังเล่นลิ้นต่อไป

 

หลังผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง ลาพิสจึงยอมยกธงขาว ครั้งหนึ่งพอผมขู่ว่าจะทำร้ายคู่ที่ทางบริษัทส่งมาถ้าเธอยังดื้อดึง เธอจึงได้ยอม 

 

ในท้ายที่สุดหลังจากที่ฝืนใจลาพิสให้เลือกชุดดำ ผมก็สวมชุดโค้ทยาวสีดำเรียบๆและเสื้อเวสด้วยข้ออ้างที่ว่า จะได้เข้ากับเครื่องแต่งกายของคู่รัก

 

“อ่าาา……การพบเจอกันครั้งสำคัญ กลับกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว…….”

ลาพิสถอนใจเฮือกใหญ่แล้วบ่นอุบ แต่ถึงอย่างนั้นผมล่ะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับการที่ผมไม่ต้องแต่งชุดขุนนางนอกรีตบ้าๆบอๆนั่นอีกต่อไป

 

การไม่ทำลายอารมณ์ลูกค้าน่ะ ก็เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ที่สำคัญของพ่อค้าไม่ใช่เหรอ ถูกไหม?

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+