Dungeon Defense (WN) 371 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (12)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 371 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (12) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 371 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (12)

 

 

* * *

 

 

“ดันมันถอยไป! ดึงพลังทั้งหมดที่มีตั้งแต่พวกแกยังอุแว้ๆเลยสิวะ,ห่าเอ๊ย !”

 

“ทนไว้ ! อย่าเอาโล่มาบังสายตาตัวเอง !”

 

การสู้ระยะประชิดรุนแรงเสียจนเลือดสาดกระเซ็นปรากฏตรงหน้าทหารเดินเท้า

 

 

หอกแทงพุ่งทะลุทรวงอก ดาบฟาดเข้าที่กระดูกไหปลาร้า บั่นสะพายแล่งตั้งแต่ช่วงระหว่างไหล่

เสียงเกร้งกระทบกันของเหล็ก เช่นเดียวกับที่โล่ดันกันเองให้ถอยไป

 

ทหารเลวต่างตะแบงเสียงก่นด่าใส่ทหารที่ดันออกนอกกระบวนทัพ

 

 

 

ผ่านไปสิบห้าถึงสามสิบนาทีก็ปรากฏว่า ฝ่ายหนึ่งโดนดันถอยไปชัดๆฃ

 

และฝ่ายนั้นคือ ฝ่ายทัพจักรวรรดิ

ทหารเดินเท้าของซาร์ดิเนียค่อยๆดันทัพจักรวรรดิถอยหลัง

 

 

“ท่านครับ ฝ่ายเรากำลังได้เปรียบ !”

 

“ยอดเยี่ยม!”

 

แกรนดยุคฟลอเรนซ์กำหมัดแน่น

 

“ศัตรูน่ะมีทหารเดินเท้าน้อยกว่าพวกเรา

ดันมันให้ถอยไป ! 

รักษากระแสนี้ไว้ !”

 

 

ความตื่นเต้นของผู้บัญชาการสูงสุดส่งผลต่อทหารผู้ช่วยทั้งหลาย

ในทีแรกนั้น เหล่าผู้บัญชาการฝ่ายซาร์ดิเนียนั้นลังเลที่จะข้ามแม่น้ำ 

พวกนั้นสงสัยว่า เหตุใดกัน ทำไมทหารฝ่ายจักรวรรดิถึงได้ออกจากเมืองพาเวีย แล้วเดินทางมาไกลขนาดนี้

พวกจักรวรรดิตั้งใจจะโจมตีตอนที่พวกเขาข้ามแม่น้ำอย่างนั้นหรือ ?

หรือพวกเขานั้นต้องใจจะเปิดเขื่อนที่ไหนสักแห่งที่ต้นธารน้ำ ……?

 

 

แต่ผู้บัญชาการสูงสุดอย่าง คอสซิโม่ เดอ เมเดชี่ คิดต่างออกไป

 

“เราจะข้ามแม่น้ำทันที ”

 

“ครับท่าน !”

 

เหล่าผู้บัญชาการทั้งหลายต่างแสดงความตกใจบนใบหน้า

 

“ในขณะที่น้ำยังตื้นอยู่ พวกเราก็ไม่ควรประมาท

ข้ากลัวว่า เจ้าพวกนั้นมันอาจฉวยโอกาสตอนที่พวกเรากำลังลุยย่ำข้ามน้ำอยู่”

 

“จากที่ข้าได้ยินมา ทหารจักรวรรดิมีทหารประมาณ  30,000 นาย ”

 

แกรนดยุคพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็น

 

“แล้วดูตอนนี้สิ พวกเขามีจำนวนเกิน 20,000 นายเพียงเล็กน้อย

แล้วเจ้าคิดว่า ทหารส่วนที่เหลือไปอยู่ที่ไหนกัน ?”

 

“…….”

 

“ทั้งยังมีชาวเมืองอีกเกือบ  10,000 คน ที่พวกนั้นจับเป็นนักโทษอยู่ที่พาเวีย

พวกนั้นน่าจะให้ทหารอย่างน้อยๆก็หลายพันนายคอยดูแลนักโทษพวกนั้น ”

 

“……! ท่านครับ , หมายความเช่นนั้นเองหรือครับ ?!”

 

แกรนดยุคพยักหน้า

 

 

“ถูกแล้ว สุดท้ายแล้ว นังกะหรี่นั่นก็เลือกที่จะกำจัดชาวเมืองทิ้ง

เหตุผลที่เจ้าพวกนั้นมันมาไกลขนาดนี้ก็เพื่อซื้อเวลาให้นานพอที่จะกำจัดพวกนั้นได้หมด

หากเราเดินทัพช้ากว่านี้เพราะมัวแต่กลัวระหว่างข้ามแม่น้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นในพาเวียก็มีแต่หายนะที่รออยู่ ”

 

เหล่าผู้บัญชาการคำรามออกมา

 

“โอ้ องค์เทพี …….”

 

“ไอ้พวกทหารจักรวรรดิระยำนั่น ! มันไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรืออย่างไร !?”

มีทั้งบุคคลที่โมโหโมหันกับความโหดเหี้ยมของศัตรูและบุคคลที่ดูหมิ่นยามเมื่อจินตนาการถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพาเวียในตอนนี้

 

แกรนดยุคฟลอเรนตอนนี้โกรธจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่เขาก็ต้องทนข่มมันไว้

 

“ทีนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม ? เจ้าพวกนั้นอยู่ที่นี่โดยไม่ได้หวังชัยชนะ

พวกนั้นพยายามยื้อซื้อเวลาเพื่อที่จะได้จัดการกับทุกอย่างที่อยู่ในแนวหลังของทัพ และจะได้หนีได้สะดวกขึ้น …….”

 

สายตาของแกรนดยุคนั้นคมกริบ

 

พลธนูบนหลังม้าของจักรวรรดินั้นระดมยิงธนูเพื่อคุกคามถี่ๆ

นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อีกฝ่ายตั้งใจจะกวนใจพวกเขา

ไม่ว่าใครก็บอกได้เลยว่า ศัตรูตั้งใจจะอ่อยเหยื่อเพื่อล่อเข้าไป

 

แล้วพวกนั้นตั้งใจที่จะหลอกล่อพวกเขาจริงไหม ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เจตนามันชัดแจ้งเกินไป

แกรนดยุคหรี่ตาลง

 

‘การซ่อนกลหลังแผนการที่เปิดเผยให้เห็นชัดกระจ่างอย่างนี้

เราจะยืนยันมันได้อย่างไรกัน ?’

 

แกรนดยุคได้ส่งทหารม้าพลธนูออกไป 

จำนวนประมาณหนึ่งพันนาย

 

 

เขาตั้งใจจะส่งไปในจำนวนเท่าๆกันกับศัตรู

 

 

การคิดคำนวนของแกรนดยุคนั้นตรงไปตรงมา

หากพวกศัตรูตั้งใจที่จะล่อพวกเขาเข้าไปจริงๆ เจ้าพวกนั้นก็ย่อมต้องส่งพลทหารม้าธนูออกมาจู่โจมพวกเขาแน่ฃ

และเมื่อพวกนั้นทำเช่นนั้น เขาก็จะทำอย่างเดียวกัน

 

 

‘หรือพูดอีกนัยหนึ่ง หากเจ้าพวกนั้นแกล้งทำเป็นล่อพวกเราเข้าไปจริงๆ ’

 

แกรนดยุคครุ่นคิดกับตัวเอง

 

‘พวกทหารจักรวรรดิเองก็ย่อมต้องพยายามที่จะเข้าตีฝั่งนั้นด้วยทหารจำนวนพันนาย 

หากเป็นอย่างนั้น เป้าหมายแท้จริงของศัตรู เป็นการสร้างข้อกังขาในใจเรา 

ศัตรูน่ะแกล้งทำเป็นจะข้ามแม่น้ำอย่างรีบเร่งนั่นก็เป็นแผนเหมือนกัน…….’

 

แกรนดยุคมองสมรภูมิด้วยแววตาที่เย็นชา

 

ทหารม้าพลธนูของจักรวรรดิกำลังข้ามแม่หนีจากทหารม้าพลธนูของราชอาณาจักร

 

แล้วพอตามไปไกลพอแล้ว ทหารม้าพลูธนูของราชอาณาจักรก็เลิกตาม ทางฝ่ายจักรวรรดิก็หันกลับมาโจมตีอีกรอบ

 

มุมปากของแกรนดยุคนั้นขยับยกขึ้นทันทีที่เห็นอย่างนั้น

 

 

“อย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ มันเป็นการบลัฟกัน ”

 

หลังจากสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของทหารม้าฝ่ายศัตรู แกรนดยุคก็ได้ข้อสรุปสามอย่าง

 

อย่างแรก 

เป้าหมายของศัตรูนั้นมิใช่การล่อให้พวกเขาเข้าไปลึก

เป้าหมายจริงของพวกนั้นคือ การประวิงเวลา ด้วยการแสร้งแกล้งทำเป็นล่อพวกเราเข้าไป ,พวกนั้นพยายามทำให้เราระแวงว่านั่นอาจเป็นกับดัก

 

 

อย่างที่สอง พวกนั้นมิได้ต้องการ สู้รบแตกหัก

พวกนั้นน่าจะแตกตื่น เมื่อพวกเรารู้แล้วว่า ปาเวียย่อยยับ

พวกนั้นน่ะอยากจะแอบหนีไปเงียบๆ แต่ก็เห็นกันอยู่ว่าการที่เรายังคงตามไล่จี้พวกนั้น ก็แปลว่า ข้อมูลที่ว่ารั่วไหลแล้ว

 

และข้อสาม 

ณ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาไม่อยากที่จะรู้รบปรบมือที่สุด

 

“สั่งการไปให้คนของพวกเราเดินทัพ !”

 

แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์นั้นไม่รั้งรออีกต่อไป

 

การเสี่ยงบุกโจมตีขณะข้ามแม่น้ำนั้นเกิดขึ้นทันที แม้แม่น้ำเทรบเบียจะตื้นก็ตาม

 

 

อันที่จริง ทหารม้าพลธนูของจักรวรรดิเองก็ข้ามไปข้ามมาอยู่แล้วราวกับเป็นสวนหลังบ้านตัวเอง

 

แกรนดยุคนั้นบอกกับเจ้าหน้าที่สั่งการที่ยังลังเลเรื่องการข้ามแม่น้ำอยู่

 

“อย่าได้กลัว พวกทหารจักรวรรดิไม่ได้คิดจะสู้กับเราหรอก พวกน้ันก็แค่ฝังรากความกลัวนั่นให้กับเรา

 

การกระทำของเจ้าพวกนั้นเป็นการย้ำชัดด้วยตัวเองแล้วว่า การข้ามแม่น้ำของฝ่ายเรานั้นราบรื่น

 

เจ้าพวกทำให้แผนการสะดุดด้วยตัวเอง ”

 

หัวเราะคำเล็กๆปรากฏขึ้นที่ปากของแกรนดยุค

 

เจ้าหน้าที่สั่งการต่างพยักหน้ารับ พวกเราเชื่อตามนั้น

การที่ทหารม้าพลธนูของจักรวรรดิข้ามไปข้ามมาได้นั้นเป็นหลักฐานยืนยันเป็นอย่างดีว่า การข้ามแม่น้ำเทรบเบียนั้นปลอดภัย

 

ระดับน้ำสูงแค่สะโพกของพลเดินเท้าเท่านั้น

 

 

“ครับ ท่านครับ! พวกเราจะถ่ายทอดคำสั่งลงไปถึงทหารทุกนาย ”

 

เสียงแตรเขาดังลั่นทั่วผืนทุ่ง

 

อัศวินเรียงขบวนอยู่แนวหน้า กองทัพทหารของราชอาณาจักร ราว 30,000 นายกำลังเดินทัพ

 

 

ไม่นานต่อจากนั้น ทหารทัพม้าทั้งสองปีกต่างข้ามแม่น้ำมาก่อน

เมื่อเห็นดังนั้นฝ่ายศัตรูก็ขยับทหารม้าฝ่ายตน

 

ยามที่ทหารม้าเข้าปะทะกันในการต่อสู้ พวกทหารเดินเท้าก็พยายามกระเสือกระสนสุดแรงที่จะข้ามแม่น้ำที่สูงระดับสะโพก

 

“…….”

 

“…….”

 

กลุ่มผู้บัญชาการนั้นเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ

ช่วงนี้เป็นห้วงเวลาที่อันตรายที่สุดในการข้ามแม่น้าไป

 

พวกเขาได้ส่งอัศวินและทหารม้าทั้งหลายนำไปก่อน โดยให้ที่เหลือข้ามตามมาทีหลัง

อัศวินและทหารม้า แยกกันไปก่อนก็เพื่อป้องกันฝ่ายศัตรูมารบกวน ระหว่างนั้น…….

 

กองทัพของจักรวรรดินั้นมีทหารม้ามากกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้

 

 

ประมาณการด้วยสายตาแล้วก็เห็นได้ชัดว่า เจ้าพวกนั้นมีจำนวนที่มากกว่ากองกำลังของแกรนดยุคเกือบสองเท่า

ไม่ได้เป็นทหารม้าเกราะเบา หากแต่เป็นทหารม้าเกราะหนักพร้อมด้วยยุโธปกรณ์ที่ไม่ต่างจากอัศวินด้วยซ็ำ

คำถามก็คือ พวกทหารม้านั้นจะอยู่ได้เป็นคนสุดท้ายไหม …….

 

 

‘โอ้ เหล่าทวยเทพ , ได้โปรดอย่าประทานความเมตตาแด่เจ้าพวกฆาตกรนั่นเลย !’

 

แกรนดยุคสวดภาวนา

เขาควบม้าข้ามแม่น้ำไปพร้อมกับกลุ่มผู้บัญชาการ ในหัวใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความกังวลมากกว่าใครทั้งปวง

 

‘ได้โปรดอย่าได้ทรงอภัยให้กับนังกะหรี่ที่ยอมขายเรือนร่างให้กับเหล่าปีศาจ และโปรดอวยพรให้ข้ามีพละกำลังมากพอที่จะแก้แค้นให้กับชาวบ้านผู้ไร้ความผิดที่ต้องตายตกไป !’

 

เหล่าทหารเดินเท้าต่างข้ามแม่น้ำอย่างว่องไว

 

และเมื่อม้าของเขาออกจากผืนน้ำ เหยียบย่างเข้าสู่ผืนดิน 

แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์นั้นก็รู้สึกถึงชัยชนะอันแน่นอนของพวกเขา

 

ราบรื่น ไร้ปัญหาใด

เหล่าทหารม้าของพวกเขาสามารถสู้รบกับทหารม้าอีกฝ่ายแม้จะมีจำนวนน้อยกว่าสองเท่า !

 

 

“ทหารทุกนาย  ! รอดูก่อน !”

 

 

แกรนดยุคเปี่ยมไปด้วยความยินดีปีดาและตะโกนขึ้น

 

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เผยความยินดีออกมาทางสีหน้า

 

แกรนดยุคพยายามที่จะควบคุมสีหน้าท่าทางน้ำเสียงตัวเองให้ดูดี

 

 

เขารู้ดีว่า การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์แม้เพียงเสี้ยวเล็กน้อย  ย่อมส่งผลทางลบต่อทั้งกองทัพ

 

“พวกนั้นคาดไม่ถึงหรอกว่า จะเราจะพุ่งใส่พวกนั้นในทันที

พวกเราสำเร็จในการข้ามแม่น้ำโดยไม่มีการขัดขวางใด ตอนนี้เราบุกศัตรูเข้าไปโดยไม่ให้พวกมันรู้ตัว !”

 

“ความเห็นของท่านช่างเป็นที่ประจักษ์ ครับท่าน !”

 

เหล่าทหารบัญชาการต่างตอบรับด้วยเสียงดัง ส่วนแกรนดยุคเองก็พยักหน้ารับ

 

“ถึงเวลาที่พวกเจ้าลงแรงเองแล้ว

อย่าสิ้นเปลืองทหารเดินเท้ามากไปนักล่ะ กำจัดพวกมันให้สิ้นซาก !”

 

“ครับ , ท่านครับ ! ทหารทุกนาย, บุก !”

 

หลังจากข้ามแม่น้ำมาได้อย่างปลอดภัย ทหารของราชอาณาจักรก็เดินทัพด้วยความมั่นใจ

 

แกรนดยุคมองกลับหลังด้วยความภูมิอกภูมิใจ

ทหารส่วนมากข้ามแม่น้ำมาเกือบหมดแล้ว

 

มีเพียงบางหน่วยบางกองเท่านั้นที่กำลังข้ามริมฝั่งแม่น้ำมา

 

มีทหารบางนายที่โชคไม่ดีนัก ติดหล่มจนโคลนเลอะถึงน่อง

 

‘นี่อาจจะแย่ก็ได้ ’

 

แกรนดยุคขมวดคิ้ว

 

‘ถึงสวรรค์จะอวยพรเรา แต่สิ่งนี้ก็อาจกลายเป็นหายนะได้ในทันทีหายพวกเราโดนบุกโจมตี ’

 

หากทหารของจักรวรรดิเตรียมตัวมาพร้อมสำหรับการรบเต็มรูปแบบ หรือมีความเข้าใจในพื้นที่ภูมิประเทศแห่งนี้ดี แน่ใจได้เลยว่า พวกเขาจะต้องยกทัพบุกเข้ามาใส่กองกำลังราชอาณาจักรขณะที่อยู่ในบึง

 

มีหวังพวกเราได้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเป็นแน่ …….

 

 

“อ่าาา”

 

เมื่อรู้ว่า พวกตัวเองก้าวผ่านพ้นหายนะครั้งหนึ่งมาได้ 

แกรนดยุคก็โล่งใจ

 

 

แถมแกรนดยุคเองก็ยังปลุกเตือนพวกเขาด้วยว่า ทหารจักรวรรดิน่ะไมไ่ด้เตรียมตัวพร้อมรับมือกับการโต้กลับด้วยฃ

เห็นได้ชัดเลยว่า ฝ่ายนั้นไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมบริเวณดังกล่าว

 

เขาจึงยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง

 

การสั่งบุกกองทัพจักรวรรดิ ณ ชั่วขณะนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

 

แน่นอนว่า กองทัพทหารเดินทัพที่เข้าบดขยี้ แทบจะไม่ต้องรอเวลานานเกินชั่วโมงก็เห็นผลกันแล้ว

 

 

“ท่านครับ ท่านครับ , ฝ่ายเราได้ชัยครับ !”

 

พลสื่อสารรายงานข่าวด้วยความตื่นเต้น

สิบเมตร นับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ กองทัพของราชอาณาจักรดันกองทัพจักรวรรดิถอยนหลังไปได้สิบเมตร

 

 

เพียงสามสิบนาที ก็สามารถดันให้ถอยร่นไปได้ถึงสิบเมตร

กองทัพจักรวรรดิพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด

 

แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์นั้นเผลอกำหมัดแน่น

 

 

“ดีมาก ! กองทัพของศัตรูมีทหารเดินเท้าน้อยกว่าพวกเราแล้ว ! 

ดันพวกมันถอยร่นไป ! ดันต่อไป !”

 

แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข่าวดี

 

ราวกับแลกกันกับข่าวดีก่อนหน้า พลส่งข่าวที่ตามมาทีหลังรายงานข่าวร้าย

 

 

“ทหารม้าปีกขวาของฝั่งเรากำลังแพ้ครับ!”

 

“อะไรกัน ……? บารอนเวอริทาเมอร์มัวทำอะไรกันอยู่ !?”

 

ทหารหัวหน้ารอบตัวแกรนดยุคต่างสบถก่อนที่ท่านแกรนดยุคจะได้พูดอะไร

 

“ชายผู้นั้นพอเห็นว่า ท่าไม่ดีก็หนีไปก่อนใครเลยครับ! ท่านครับ! 

เราต้องจัดการบารอนคนนั้นด้วยกฏกองทัพ ”

 

“อืมม ไว้ข้าจะจัดการเรื่องนั้นหลังจบการศึกครั้งนี้ ทั้งโทษทัณฑ์และคุณงามความดี”

 

แกรนดยุคพยักหน้า

 

เขาตั้งใจที่จะไม่ตำหนิทหารม้าที่อยู่ทางปีกขวา

 

 

พวกเขานั้นแสดงผลงานอย่างดีที่สุดแล้ว ที่เผชิญหน้ากับกองทัพที่มีขนาดมากกว่าสองเท่า 

แต่อย่างไรก็ดี หากเขาอภัยโทษให้กับทหารที่หนีทัพ ก็ย่อมต้องเกิดทหารหนีทัพเพิ่มมากขึ้น

 

 

“ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าอัศวินลัวโน่เองก็ยังยืนหยัดไว้อยู่ เขาไม่ถอยเลยแม้แต่น้อย ”

 

“แม้ปีกขวาของพวกเราจะพังไปแล้ว แต่ปีกซ้ายก็ยังแข็งแกร่งอยู่

ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลครับ ”

 

 

ณ ตอนนี้ กองทัพราชอาณาจักรกำลังได้เปรียบในสนามรบ

 

จุดสำคัญคือ การที่จำนวนทหารเดินทัพเท้าที่ยืนอยู่ศูนย์กลางทัพ 

 

ของจักรวรรดินั้นมีอยู่ประมาณ  15,000 นาย ในขณะที่ของราชอาณาจักรมีทหารมากมายจนน่าเกรงขามถึงเกือบ 30,000 นาย

 

ฝ่ายกองทัพจักรวรรดิได้เปรียบในแง่ทหารม้า แต่มันก็ไม่มากพอที่จะพลิกกระแสการสู้รบได้

 

 

จริงอยู่ที่กองทัพทหารม้าของราชอาณาจักรอาจหนีไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ แต่ภาคีอัศวินแห่งฟลอเร้นซ์นั้นยังคงสู้อย่างห้าวหาญในฝั่งซ้าย

 

จะพูดว่าฝ่ายของราชอาณาจักรนั้นชนะท่วมท้นก็เพียงแต่ฉิวเฉียดไปเท่านั้น

อย่างไรเสียตราบใดที่เขายังคงได้เปรียบอยู่ กองทัพจักรวรรดิก็ย่อมต้องละลายไปตามเวลาอย่างมิต้องสงสัย

 

 

 

‘นี่จะเป็นศึกยืดเยื้อ ’

แกรนดยุคคิดกับตัวเอง

 

ถ้าให้นานที่สุดก็คงราวหกชั่วโมง

ถ้าให้สั้นที่สุดก็คงสองชั่วโมง …….การสู้รบก็มักเป็นประมาณนั้น

 

ถึงจะเป็นที่รู้กันว่า ทหารรับจ้างเฮลเวติก้าจะไร้เทียมทานเพียงใด พวกเขาก็แก้ทางด้วยการลากยาวการต่อสู้ให้นานถึงห้าชั่วโมง

เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ผลสรุปของชัยชนะครั้งนี้ก็ชัดเจนตั้งแต่เริ่มว่า เป็นชัยชนะของพวกเขา

 

‘ปัญหาจริงๆก็คือ พวกเราน่ะไม่มีทหารม้าเหลือพอที่จะไล่ตามพวกมันน่ะสิ ’

 

แกรนดยุครู้สึกขมในปาก

 

‘แม้เราจะคว้าชัยมาได้ในการสู้ครั้งนี้ แต่ศัตรูก็ย่อมต้องรักษากำลังรบตัวเองไว้ได้อย่างน้อยก็เกือบเจ็บสิบเปอร์เซ็น

 

ถึงจะเป็นชัยชนะแต่ก็ไม่ใช่ชัยชนะใหญ่อะไร

แถมมันยังไม่มีทางเลยที่จะจบศึกครั้งนี้ได้ด้วยการรบรวบรัดเพียงครั้งเดียวไม่ใช่หรือ ? 

 

……ไม่เลย 

ณ ตอนนี้ข้าต้องบอกกับตัวเองว่า เราน่ะสามารถปกป้องพาเวียไว้ได้แล้ว

ข้าสามารถทำในสิ่งที่ดยุคมิลาโน่ไม่อาจทำสำเร็จได้แล้ว!

ความสำเร็จเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว …….’

 

 

และในตอนนั้นเอง ขณะที่แกรนดยุคกำลังจะสั่งการให้ปีกขวารักษากำลังพลไว้

 

“ทะ-ท่านครับ มีรายงานมาจากหัวหน้าอัศวินลัวโน่ !”

 

แกรนดยุคฟลอเร้นซ์ดึงสติคืนกลับมา และหันหา

 

ใบหน้าของนักเวทย์ในลูกแก้วสื่อสารนั้นซีดเผือด

 

“เกิดอะไรขึ้น ? พูดมาสิ ”

 

“มีลอบโจมตีครับ ด้านฝั่งซ้ายของพวกเรา ! 

รองหัวหน้าอัศวิน เกแทนเน่ตายระหว่างการสู้แล้วครับ !”

 

“……!”

 

ใบหน้าของทหารบัญชาการทุกคนรวมถึงแกรนดยุคเองถึงกับนิ่งสนิท

 

“การลอบโจมตี !

 มีกองทหารของจักรวรรดิโผล่มาซุ่มโจมตีภาคีอัศวินครับ !”

 

 

“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า ? พวกนั้นมันจะออกมาจากที่ไหนกัน …….”

 

“ทหารม้าปีกซ้ายของพวกเราโดนโจมตี

ภาคีอัศวินเสียไปสามสิบ 

…… ไม่สิ เกือบห้าสิบเปอร์เซ็นของทหารแล้ว ! 

หัวหน้าอัศวินต้องการคำสั่งด่วนเลยครับ  ,ท่านครับ !”

 

สีหน้าของคอสซิโม เดอ เมดีชี บิดเบี้ยว

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด