Dungeon Defense (WN) 372 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (13)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 372 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (13) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 372 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (13)

 

 

 

 

 

“ทะ-ท่านครับ …….”

 

ผู้ส่งสารหันมองแกรนดยุคด้วยความตกประหม่า

ดวงตาเหล่านั้นดึงให้แกรนดยุคคืนสติกลับมา

เหตุการณ์จะเลวร้ายขั้นสุดในทันทีหากเขาแสดงท่าทีตกอกตกใจออกมา

 

“เซอร์เดอเรส ! ส่งนักเวทย์ของท่านไปช่วยปีกซ้ายเดี๋ยวนี้ !”

 

 

“แต่ท่านครับ , ข้าเกรงว่า นักเวทย์ฝ่ายนั้นจะซุ่มโจมตีหลังจากที่เราย้ายนักเวทย์ออกไปจากตำแหน่งนั้นนะครับ ”

 

นักเวทย์แก่พูดด้วยน้ำเสียงกังวล  

แกรนดยุคเองก็ทราบดีว่า ความกังวลของหัวหน้านักเวทย์นั้นสมเหตุสมผล แต่เขาไม่อาจกลับคำได้อีกแล้ว

 

คำสั่งจากผู้บัญชาทหารสูงสุดนั้นหนักดั่งแท่นเหล็ก

 

 

“ทหารเดินเท้าของพวกนั้นไม่มีทางเดินทางมาทันหรอกหากเราส่งพวกเขาไปตอนนี้

หากปีกซ้ายเราพัง พวกเราก็จะเป็นรายต่อไป!

 

ภารกิจของเจ้าคือ การช่วยสนับสนุนหัวหน้าอัศวินและไล่ตามทหารม้าฝ่ายศัตรูไปให้พ้น โดยเสียหายให้น้อย

เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”

 

“ตามคำบัญชาของท่าน ”

 

นักเวทย์สิบห้านาย ร่ายเวทย์เทเลพอร์ทในทันทีเพื่อไปยังปีกซ้าย

 

เหลือนักเวทย์เพียงสามคนเท่านั้นที่ยังอยู่กลางทัพ

พวกเขาเป็นนักเวทย์ที่ได้รับคำสั่งให้กลับมาจากแนวหน้าเพื่อทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองแกรนดยุค

 

แต่แค่นั้นมันไม่เพียงพอต่อการป้องกันการโจมตีของนักเวทย์ศัตรู หากพวกนั้นตั้งใจที่จะลอบโจมตีขึ้นมาจริงๆ

 

 

“ส่วนพวกเจ้าที่เหลือจงสู้อย่างหาญกล้า !”

 

แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์ตะโกนขึ้น

 

หลังจากที่ทุกคนเห็นแล้วว่า แกรนดยุคได้ถ่ายทอดคำสั่งให้กับนักเวทย์หลวง ผู้บัญชาการคนอื่นๆก็เข้าประจำที่

 

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว

หลังได้สร้างความน่าประทับใจให้แก่พวกเขา

ทำให้ความแตกตื่นในดวงตาของทุกคนหายไป

 

 

“นำทหาร  5,000  จากทัพกลาง ย้ายตำแหน่งพวกเขาไปประจำที่ปีกซ้าย พวกเราจะใช้กลุ่มดังกล่าวเป็นกำลังหนุน ”

 

“รับทราบ !”

 

 

“แล้วก็ส่ง ทหาร 2,000 นายไปที่ปีกขวา เราไม่มีทางรู้ได้ว่า หัวหน้าอัศวินจะทนได้นานแค่ไหน  

เราต้องเผื่อไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดด้วย !”

 

ทหารที่ประจำการรออยู่นั้นหดหายลงไปถึง  7,000 นายในชั่วพริบตา

 

 

“…….”

 

แกรนดยุคเดาะลิ้นในใจ

เหล่าทหารถ่ายทอดคำสั่งลงไป แต่ความวิตกของเขานั้นยังคงอยู่

 

ตอนนี้พวกเขาได้วางสมดุลใหม่ระหว่าง ทัพหลักกับปีกทัพทั้งสองให้สมดุล

 

ทหารจักรวรรดิเองมีทหารเดินเท้าราว   15,000 นาย ในขณะที่ทหารราชอาณาจักรมีทหาร  18,000 นาย

 

แกรนดยุคเองไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดของทหารฝ่ายศัตรูแต่เขาก็บอกได้ว่า พวกเขานั้นมีจำนวนมีมากกว่า อย่างน้อยๆก็ราว หนึ่งพันถึงห้าพันนาย

 

‘ความแตกต่างในแง่จำนวนประมาณสี่พัน …….เท่านั้นไม่พอ ’

 

ศัตรูของพวกเขานั้นเป็นกองทัพจัดตั้งใหม่ของทหารรับจ้างแห่งเฮลเวติก้า

การที่มีจำนวนแตกต่างกันเพียงสี่พันนั้นไม่ได้มีนัยยะอะไรนัก

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น

กลุ่มผู้ใช้เวทย์ของทางราชอาณาจักรนั้นยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับกองกำลังจักรวรรดิ หากไม่นับรวมนักเวทย์ฝึกหัด กองทัพของแกรนดยุคนั้นมีนักเวทย์ธรรมดา 17 คน

 

ส่วนอีกฝ่ายนั้น พูดอวดไว้ว่า มีหน่วยนักเวทย์ผู้ช่ำชองมากเกินกว่ายี่สิบคน

จนถึงตอนนี้กลยุทธหลักของพวกเขาจึงเป็นการตั้งรับการจู่โจมด้วยเวทย์มนตร์ของฝ่ายศัตรู

แม้จำนวนนักเวทย์จะมีน้อยกว่าก็ตามที เขาจึงต้องพยายามให้นักเวทย์ที่มีเน้นไปที่เวทย์ป้องกันอย่างเดียว

 

เนื่องจากเมื่อเกิดการสู้รบด้วยเวทย์มนตร์กัน ฝ่ายตั้งรับนั้นจะได้เปรียบกว่าฝ่ายโจมตี

ลูกบอลไฟนั้นสามารถหักล้างได้โดยง่ายจากเวทย์น้ำหากยิงถูกจังหวะ จึงทำให้นักเวทย์ของแกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์สามารถเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้ แม้จะเสียเปรียบในแง่จำนวน

 

อย่างไรก็ดีไม่ได้แปลว่า เรื่องแบบนั้นมันจะดำเนินต่อไปได้นาน

 

 

เพียงไม่นานนักฃ

 

“……อย่างที่คิดไว้จริงๆ เจ้าพวกนั้นมันรู้ ”

 

กองทัพศัตรูระดมยิงห่าฝนเวทย์มนตร์ไม่หยุด

ก้อนกลุ่มดวงไฟร่วงลงมาจากผืนฟ้าไม่ขาดสาย

 

 

นักเวทย์ของราชอาณาจักรพยายามสุดกำลังเพื่อที่จะโต้กลับการโจมตีระลอกใหญ่แต่ก็เห็นได้ชัด เพียงเวลาไม่นานว่า มันเกินมือของพวกเขาไปแล้ว

นักเวทย์สองคนที่รับใช้แกรนดยุคนั้นเหงื่อท่วม ขณะที่สู้ยิบตา แต่ความมุ่งมั่นที่จะรับมือก็มลายหายไปพร้อมกับมานาที่หมดลง

 

ในขณะเดียวกันฝ่ายจักรวรรดิเองก็ยังคงส่งนักเวทย์อีกสิบคนมาประจำตำแหน่งที่ศูนย์กลางทัพ …….

 

 

ฝ่ายศัตรูมีนักเวทย์ประมาณยี่สิบ

หากที่กลางทัพมีประจำการณ์เพียงสิบแปลว่า ที่เหลือถูกส่งไปยังที่ไหนสักแห่งแล้ว

 

แกรนดยุครู้ในทันทีว่า พวกนั้นถูกส่งไปที่ไหน

 

 

“ท่านครับ , มีรายงานมาจากเซอร์ดูเรส ”

 

“ใช่เรื่องที่ทหารจักรวรรดิเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนักเวทย์หรือเปล่า ?”

 

“……ใช่ครับ รายงานบอกว่า ทหารจักรวรรดินั้นส่งหน่วยนักเวทย์สิบเอ็ดนายมายังที่ปีกซ้ายของฝ่ายเราครับ ”

 

แกรนดยุคพยักหน้าช้าๆ

 

“เคลื่อนพลเดินทัพเท้า   2,000 นายจากทัพกลางไปยังปีกซ้าย ”

 

เขาไม่รู็ตัวเลยว่า กำลังพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์อยู่

 

“แต่ท่านครับ …… หากเราทำเช่นนั้น จะไม่มีทหารสำรองเหลือเลยนะครับ ”

 

“มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ณ ตอนนี้ต่างหากคือ ช่วงเวลาที่เราต้องใช้ทหารสำรองทั้งหมด ”

 

แกรนดยุคใช้สัญชาตญาณในการสั่งการครั้งนี้

ปีกซ้ายของพวกเขากำลังจะพังทลายลง

การลอบจู่โจมของอีกฝ่ายนั้นยังผลให้รองหัวหน้าอัศวินตายในทันที

 

 

หัวหน้าอัศวินที่รอดมาได้ยังคงสั่งการทหาร แต่นั่นก็เพียงการชั่วคราวเท่านั้น

แกรนดยุคนั้นพยายามที่จะส่งนักเวทย์ออกไปเพื่อสกัดฝ่ายศัตรูไม่ให้รับมือได้ทัน

 

ทหารจักรวรรดิตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะถอย

พวกเขากำลังเตรียมตัวโอบล้อมและกวาดล้างทหารของฝ่ายราชอาณาจักร …….

 

 

‘เจ้าพวกนั้นมันปกปิดว่าตัวเองคิดจะซุ่มโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ……? 

เดี๋ยวก่อน , หรือจะเป็นตั้งแต่ตอนที่พวกนั้นไล่ล่าผู้หลบหนีจากพาเวียอย่างนั้นหรือ?’

 

ความเย็นวาบไหลขึ้นมาถึงอกของแกรนดยุค

 

‘เจ้าพวกนั้นมันถล่มพาเวีย เพื่อล่อให้เราเข้ามาติดกับอย่างนั้นรึ ? 

การที่ตั้งใจปล่อยให้ชาวเมืองหนีออกมา แล้วเดินทัพไปยังปิเอเซนซ่า … 

นี่ทุกความเคลื่อนไหว นั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของมันอย่างนั้นรึ !?’

 

แกรนดยุคมองตรงไปเบื้องหน้า

 

ใต้ม่านคลุมแห่งความมืด มีธงไฮเดรนเยียภูเขาสีครามโบกสะบัดไปกับกระแสลม

ตระกูลที่สูญสิ้นตระกูลหนึ่ง ที่เชื่อว่าเลือนหายไปเมื่อแปดปีก่อนแล้ว ณ ตอนนี้กลับแสดงตราประจำตระกูลสง่าขึ้นมาอีกครั้ง

 

ราวกับกำลังจำนวนภาพเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อน แต่คราวนี้ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม

 

 

แกรนดยุคขบริมฝีปาก

 

เสียงคำรามดังออกมาจากปากของเขาที่มีเลือดออก

 

“ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ……!”

 

 

* * *

 

 

“กองทัพปีกขวาของศัตรูเริ่มถอยหนีแล้ว ”

 

“ภาคีเหยี่ยวดำแห่งฟลอเร้นพ่ายแพ้แล้ว บารอนเนส เดอ บลังค์ กำจัดหัวหน้าอัศวินได้แล้ว! ”

 

“ทหารม้าปีกซ้ายทางฝ่ายเราเริ่มพุ่งชาร์เข้าไปแล้วครับ !”

 

รายงานหลั่งไหลเข้ามานับไม่ถ้วน

 

โดยมากเป็นรายงานเรื่องชัยชนะ

 

เหล่าผู้บัญชาการระดับสูงฝ่ายเรามีสีหน้าสีตาที่สดใส

ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่อารมณ์ดี 

ตอนนี้ทหารจักรวรรดิของพวกเรานั้นกำลังทำการปิดล้อมตามทฤษฏีในตำราพิชัยสงครามเป๊ะ

 

 

การซุ่มโจมตีประสบผลสำเร็จครั้งใหญ่

 

พวกภาคีอัศวินพวกนั้นรับการพุ่งกระแทกของฝ่ายเราเข้าไปอย่างจัง

 

เจ้าอัศวินนั่นต้องสู้กับหน่วยที่มีจำนวนมากกว่าถึงสองเท่า และก็จบลงตรงที่โดนซุ่มโจมตีขณะที่กำลังเสียเปรียบอยู่

 

จากรายงานที่ได้รับมานั้น พวกภาคีอัศวินเกือบครึ่งถ้าไม่ตายก็ตกม้า

 

แม้แต่ปู่ของอลิซาเบธเองก็ไม่มีทางเอาชนะวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้หรอก

ถึงจะบอกกันว่า ปู่ของอลิซาเบธจะไม่ใช่จักรพรรดิที่เก่งกาจเท่าไหร่นักก็เถอะ …….

“บารอนเนส เดอ บลัง แสดงผลงานอย่างเป็นที่น่าพอใจ

แล้วยิ่งเธอจัดการหัวหน้าอัศวินได้แบบนั้น เธอก็สามารถรับผลงานการอวยยศครั้งใหญ่ได้เลย”

 

“อืมมม ยอดเยี่ยม ”

 

ลอร่าพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผม

 

 

ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังการสู้รบตรงหน้า

เธอไม่เคยเสียสมาธิหันไปทางอื่นนอกจากสนามรบนับตั้งแต่เข้าปะทะกัน

 

 

 

“ ถ่ายทอดคำสั่งไปถึง บารอนเนส เดอ บลัง

พอปีกขวาปลอดภัยดีแล้ว ก็ส่งหน่วยจู่โจมด้านหลังศัตรูทันที

 

แต่ก็ปล่อยให้มีช่องไว้ ล่อพวกพวกศัตรูเข้ามาในพื้นที่ชายเลน”

 

“ครับ ท่าน!”

 

เหล่าผู้ช่วยโค้งคำนับแข็งขัน

 

ทุกคนต่างมองลอร่าด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความนับถือ

จนดูไม่มีคำว่า ‘พ่ายแพ้’ ในพจนานุกรมของเธอเลย

 

เธอนั้นสามารถบังคับบัญชาสมรภูมิได้ด้วยตาเปล่า เห็นทะลุทะลวงศัตรูไม่ต่างจากส่องแก้ว

พวกเจ้าหน้าที่ในศูนย์บัญชาการต่างมองเธอด้วยความรู้สึกกึ่งประหลาดใจกึ่งหวาดกลัว พลางกระซิบต่อกัน

 

 

‘ท่านผู้บัญชาการสูงสุดอาจเป็นเทพีเอเธน่ากลับมาเกิดใหม่ก็เป็นได้นะ ’

 

คำพูดพวกนั้นเกือบจะเป็นคำพูดดูหมิ่นเทพีเสียด้วยซ้ำ

แต่ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็เชื่อเช่นนั้นจากใจจริง

ทั้งเรื่องความงามที่ราวกับองค์เทพีของลอร่า

ผมเข้าใจเลยล่ะว่าทำไมพวกเขาถึงนับถือบูชาเธอ

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างนั้นรับคำสั่งอย่างดีมีมารยาทแม้ว่าลอร่าจะสั่งให้พวกเขาไปทำเบียร์มาจากองุ่นก็ตาม

 

ผมยิ้มสบายๆขณะพูด

 

“เราส่งนักเวทย์ออกไปให้หมดเลยดีไหม,ท่านดยุค ?

ตอนนี้ศัตรูก็ไม่มีแรงจะขัดขืนแล้ว ”

 

“แบบนั้นก็ดี สั่งการนักเวทย์ทั้งหลายไป ว่าไม่ต้องกั้กมานาไว้อีกแล้ว ”

 

คำสั่งดั่งกล่าวส่งถึงนักเวทยทุกคน ไม่นานนัก ก็เกิดการปะทุระเบิดจำนวนมากขึ้นในสนามรล

 

ทหารฝ่ายเรามีนักเวทย์ชำนาญการศึก 27 คน

พวกนั้นไม่ได้มาจากเฮลเวติก้า

 

พวกนี้เป็นกลุ่มคนที่ผมทำสัญญาด้วยเป็นการส่วนตัว

ดินแดนที่ผมปกครองอยู่น่ะเต็มไปด้วยนักเวทย์หอคอย ดังนั้นผมจึงจ้างพวกนักเวทย์ได้ง่ายมากตราบใดที่ผมยังเสนอในสิ่งที่พอเหมาะพอสม

 

แม้จะมีประโยคที่บอกว่า พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ทำการทดลองผิดมนุษยธรรมกับนักโทษ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขด้วยก็เถอะนะ …….

 

เอาล่ะ พวกเราได้มอบชาวเมืองที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติที่พาเวียเมื่อคืนให้เป็นของขวัญกับพวกนักเวทย์เหล่านั้น

ชะตากรรมที่รออยู่สำหรับพวกนักปฏิวัติน่ะ ก็มีแค่โดนมัดขึงไว้บนโต๊ะ เพื่อรอดูสีเลือดและเครื่องในอยู่เท่านั้นแหละ

ส่วนชะตากรรมของชาวเมืองที่เหลือก็แน่นอนแล้วเหมือนกัน

 

หน่วยทหารรับจ้างเฮลเวติก้าสนใจที่จะขายพวกนั้นเป็นทาสเพื่อทำเงิน

ภูเขาที่อยู่ของพวกเฮลเวติก้านั้นอุดมไปด้วยเหมืองหินแร่ ดังนั้นเจ้าพวกทาสก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่นอยู่ในเหมืองสุดอันตรายนั่น

 

 

“ท่านครับ ปีกขวาจัดการเรียบร้อยดีแล้ว

บารอนเนส เลอ บลัง รายงานว่า กำลังจะดำเนินการสู่ปฏิบัติการณ์ต่อไปแล้วครับ ”

 

กองทหารอีกสองพันนายที่นำโดยบารอนเนสนั้นพุ่งไปยังแนวหลังศัตรู

 

และนั่นเป็นชั่วขณะที่การปิดล้อมครบทั้งสี่ด้าน

 

ไม่จำเป็นต้องปิดแนวให้สมบูรณ์แบบก็ได้

แค่พยายามกดดันจากด้านหลังก็พอแล้ว

การทำให้กองทัพศัตรูห่วงหน้าพะวงหลัง

ความหนาแน่นของกองกำลังย่อมต้องลดลงอย่างไม่อาจเลี่ยง

 

 

พวกนักเวทย์ก็ปล่อยเวทย์ห่าใหญ่ใส่รูปขบวนที่กระจายตัวออกของศัตรู

แต่ละเวทย์ที่กระแทกนั้นดังสนั่นลั่นไปทั่วผืนปฐพี ทั้งยังเกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่

 

กองทัพของราชอาณาจักรซาร์ดิเนียที่โดนปิดล้อมอยู่ก็ถูกถล่มด้วยเวทย์นับไม่ถ้วน ทำให้พวกเขาต้องตกนรกทั้งเป็น

 

 

สามสิบนาทีต่อมา , มุมหนึ่งของศูนย์กลางกองทัพศัตรูพังไม่มีชิ้นดี

 

 

“ทหารศัตรูเริ่มหนีแล้ว !”

 

“แนวรบพวกราชอาณาจักรพังทีละแนว 

ท่านครับ! แนวรบของพวกมันถล่มแล้ว !”

 

เสียงโห่ฮาด้วยความเริงร่าดังขึ้นในกลุ่มผู้บัญชาการ

ตอนนี้จบลงแล้วล่ะ

 

พอมีแนวรบแนวใดสักแนวหนึ่งถล่มลงมา ก็จะเกิดโดมิโน่เอฟเฟคกันอย่างต่อเนื่อง

คุณต้องใช้ทหารเพื่ออุดป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

 

แนวทัพที่กำลังจะพังต้องมีทหารสำรองเข้าไปอุดคืนโดยเร็วที่สุด

 

แต่ตอนนี้ทหารของราชอาณาจักรซาร์ดิเนียไม่มีทหารสำรองแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่รอพวกเขาในวันนี้คือ จุดจบของสายเลือดมีดิชีแห่ง ฟลอเร้นซ์ …….

 

“หน่วยแพะครามขออนุญาตไล่ตามศัตรู!”

 

“บารอนเนส เดอ บลัง ขออนุญาตตามไล่พวกมัน!”

 

ผมยิ้มชั่วร้าย 

แหม ไม่รู้จักอดใจรอเสียเลยนะ

 

 

หลายต่อหลายหน่วยส่งคนมาขออนุญาตให้ไล่ตามศัตรู

จริงๆในการจะไล่ล่าศัตรูที่หนีหางจุก มันก็ง่ายกว่าสู้กับอีกฝ่ายที่พร้อมสวนคืนนั่นแหละ การทำแบบนั้นมันทำให้พวกเขาได้ชื่อเสียงได้ง่ายด้วย

 

 

 

แต่อย่างไรก็ดี มันเร็วเกินไปหน่อย

 

แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์ยังคงจะหาทางโต้คืนอยู่

ไม่ต้องรีบสั่งให้พวกเขาไล่ไปตอนนี้ก็ได้

ไล่ต้อนทีหลังก็ไม่สายเท่าไหร่หรอก

 

“ข้าอนุญาต ”

 

“……ดยุค ?”

 

คำตอบที่ไม่คาดฝันออกมาจากปากของลอร่า

ความงุนงงออกมาพร้อมกับสิ่งที่ผมพูด

 

 

“หากไปไล่ตอนนี้ กองทัพราชอาณาจักรเองจะโต้กลับอย่างหนักหน่วง ”

 

“ฉันรู้ ”

 

“แล้วถ้าอย่างนั้นไม่ดีกว่าหรือ หากจะปล่อยให้เจ้าพวกนั้นไปก่อน ? 

หากเธอปล่อยให้คนของเราไปไล่กวดตอนนี้ ก็เหมือนกับเธอบีบให้ศัตรูเชื่อว่า พวกนั้นจะโดนฆ่าหมดแน่หากเอาแต่หนี

และก็จะเกิดการต่อต้านสุดกำลัง ”

 

ลอร่ายิ้มบางๆ

 

“ฉันตระหนักถึงเรื่องนั้นดี ”

 

“ถ้าเช่นนั้นทำไมถึง……?”

 

“เค้าท์พาลาทีน ”

 

ลอร่าหันหน้ามาหาผมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่การสัปประยุทธเริ่มขึ้น

 

ดวงตาที่งดงามราวกับแซฟไฟร์ของเธอจ้องมาที่ใบหน้าของผม

 

“ในอดีตอาจารย์ของฉันสอนอย่างหนึ่ง

:ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบนั้น เป็นอันตรายพอๆกับความพ่ายแพ้ที่สมบูรณ์แบบ ”

 

 

“…….”

 

นั่นเป็นคำพูดที่ผมเคยพูดกับลอร่า

 

“แต่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการจับตัวแกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์ ”

 

“นี่ไม่ใช่เวลาจัดการกับแกรนดยุค ท่านเค้าท์พาลาทีน ,

ขอให้ท่านเชื่อใจฉันเถอะ ”

 

ผมไม่เข้าใจหรอก แต่ผมก็ยอมค้อมหัวให้

 

ผมเคารพในคำสั่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุด

 

 

ทหารม้าฝ่ายเราทำการไล่ล่าฝ่ายศัตรู

 

ชะตากรรมของทหารม้าที่หันหลังให้กับทหารม้าอีกฝ่ายนี่หายนะชัดๆ

พวกเขาจะโดนอาวุธทะลวงบนหลังม้าก่อนจะไปถึงแม่น้ำด้วยซ้ำ

 

หลังเห็นภาพดังกล่าว มันก็ทำให้ศัตรูเริ่มรวมตัวกันและทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้

 

ทหารฝ่ายศัตรูนั้นขัดขืนดิ้นรนต่อสู้สุดกำลังเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดจากการปิดล้อมของทัพฝ่ายเรา

 

พอฝ่ายเราเริ่มจะสูญเสียมากขึ้น ลอร่ากลับมอบคำสั่งแปลกๆออกมา

 

“ปล่อยให้กองทัพฝ่ายศัตรูฝ่าวงล้อมฝ่ายเรา ”

 

เธอบอกให้ทหารรฝ่ายเราแหวกข้างออกมา และเลี่ยงการปะทะ

 

ถึงแม้ผู้บัญชาการทั้งหลายต่างงงไม่ต่างจากผม แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงผู้บัญชาการสูงสุด นับตั้งแต่ที่เธอเคยแสดงให้ทุกคนเห็นถึงชัยชนะหมดจด

 

แกรนดยุค แห่งฟลอเร้นซ์ประสบความสำเร็จในการฝ่าวงล้อมของพวกเราออกมาได้

 

 

หลังจากนั้น แกรนดยุคก็หนีเตลิดโดยไม่หันหลังกลับมา

 มันไม่ใช่การที่อยากหนีก็หนี แต่เป็นการหนีที่คิดไตร่ตรองมาแล้ว

เขาสามารถพลิกกระดานได้ทันที หากเราไล่ตามไปแบบไม่ยั้งคิด

 

ท้ายที่สุดแล้ว ทหารนับหมื่นของราชอาณาจักรก็สามารถหลบหนีไปพร้อมแกรนดยุค

 

“ยินดีกับชัยชนะด้วยครับ ,ท่านครับ !”

 

“ท่านครับ , ท่านสมควรประทับยืนอยู่ ณ จุดเดียวกับเทพีเอเธน่าเลยครับท่าน !”

 

ผู้บังคับบัญชาหน่วยกองต่างคุกเข่าข้างหนึ่งให้

 

ทหารทั้งสามหมื่น เราจัดการไปเกือบสองหมื่นนาย

หากไม่นับ ทหารเดินเท้าอีกหมื่นนายแล้วถือว่า กองทัพราชอาณาจักรแทบจะมลายสิ้น

 

 

พระอาทิตย์ตกในวันที่ 28 เดือนหก ปี 1512 ตามปฏิทินทวีป

 

 

ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง

 

ตอนนี้ชาวซาร์ดิเนียคงตระหนักรู้แล้ว

 

ว่า ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซนั้นเป็นหายนะที่แท้จริง

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด