Dungeon Defense (WN) 63 สองแผนร้าย(4)
* * *
“……ขึ้นมา”
“……ตื่นขึ้นมาค่ะ…….”
เสียงบ่นแทงทะลุเข้ามาสู่จิตสำนึกที่ห่างไกลออกไป มันเป็นเศษเสี้ยวของเสียงที่ยังคงเคาะกระโหลกของผม
ผมทำหน้าแบบฝืนลืมตาขึ้นมา รู้สึกหนักตามเนื้อตัว
“ตื่นขึ้นมาได้แล้วค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน”
“อื้อออ ลาพิส?”
พอผมหันหัวกลับมาก็เห็นเด็กสาวลูกครึ่งซัคคิวบัสในชุดสูท ลาพิสนั่นเอง ผมเปียข้างสีชมพูของเธอห้อยลงมาขณะที่โค้งให้
ผมพูดทั้งที่ยังหาวอยู่
“หาววว มีอะไรเหรอ?”
“มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องรายงานให้ท่านทราบค่ะ มันไม่ค่อยสะดวกที่จะบอกท่านที่นี่”
ลาพิสนั้นไม่ใช่คนประเภทที่จะรายงานเรื่องอะไรที่มันเล็กน้อยไร้สาระ เธอจัดการปัญหาส่วนมากด้วยตนเองเพียงแค่มาบอกขออนุญาตและถามถึงเจตนาของผมเท่านั้น ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผมเชื่้อมั่นในความสามารถของเธอ
“ให้ตายสิ นี่มันต้องเป็นเรื่องร้ายแรงแน่ๆ”
ลาพิสนั้นไม่เคยพูดเกินจริงหรือทำให้สถานการณ์ดูยิ่งใหญ่จนเกินไป แม้เธอจะพูดอย่างสงบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ แต่หากเธอพูดว่าสิ่งนั้นเร่งด่วน แสดงว่ามันต้องเร่งด่วนมาก
สักพักหนึ่งแล้วหลังจากที่ผมจัดการกับนักผจญภัยแร๊ง E พวกนั้น
ตอนที่ผมกำลังเริ่มหงุดหงิด เธอก็ลดเสียงลงและพูดออกมา
“แม้มีเรื่องเร่งด่วนที่ดิฉันต้องการจะบอกท่าน แต่ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงเท่าสถานการณ์ของท่านในปัจจุบันนะคะ”
“หืม? เธอหมายความว่ายังไงน่ะ?”
“กรุณาใส่เสื้อผ้าก่อนค่ะ ท่านควรรักษาเกียรติของจอมมารนะคะ”
อ่าา
ตอนนั้นเองที่ผมพึ่งมารู้ตัวว่า กำลังอยู่ในสภาพเปลือยในน้ำ แถมลอร่าก็ยังอยู่ในน้ำกับผมด้วย เธอหลับอยู่ในอ้อมแขน ชัดเจนแล้วถึงสิ่งที่พวกเราได้ทำลงไป
ผมเปิดปากร้องออกมา
“กรี๊ด…….”
“กรี๊ด?”
ลาพิสเอียงคอด้วยความสงสัยทั้งที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
“กรี๊ดดดดดดด!”
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทั้งสระน้ำใต้ดิน
ลาพิสพึมพัมออกมาให้ได้ยินว่า
‘……ไม่ใช่บทบาททางเพศมันสลับกันหรอกเหรอคะ?’
* * *
ลาพิสกับผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะในห้องจอมมาร พร้อมกับแผนที่เสร็จสมบูรณ์ที่ทำขึ้นโดยช่างฝีมือคนแคระ กางออกตรงหน้าเรา
พวกเราพูดคุยเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันกันอยู่ ลอร่าหลับไหลอยู่บนเตียงที่อยู่ห่างออกไปจากเรา
ผมเกรงใจเธอหน่อยๆเพราะเธอคงเหนื่อยมากหลังจากครั้งแรกของเธอ
“อะแฮ่มๆ ขอให้ลืมสิ่งที่เห็นก่อนหน้าด้วยล่ะ”
“ดิฉันลืมไปแล้วค่ะ มันไม่ได้มีค่าให้จดจำ”
“…….”
พูดได้ว่า เธอนั้นไม่ได้สนใจในร่างกายผม ผมรู้สึกอย่างนั้นอยู่แล้วแต่ลาพิสช่างใจร้ายจริงๆ…….
ผมตัดสินใจเช็คสเตตัสของเธอเผื่อว่าเธอจะผิดหวังกับพฤติกรรมของผม
‘สเตตัส’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Name: Lapis Lazuli
Race: Half-Succubus Faction: Keuncuska Firm
Attribute: Neutral(-10)
Level: 24 Fame: 134
Job: Merchant(A-), Witch(B), Swordsman(D)
Leadership: 59 Might: 32 Intelligence: 55
Politics: 74 Charm: 50 Technique: 2
Affection: 50
ความคิดตอนนี้: ‘……เจ้าโง่นี่.’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
‘ยะ-อย่างที่คิดเลย เธอคิดว่าผมมันเป็นไอ้โง่!’
ผมบ่นกับตัวเอง แน่นอนว่าคงเป็นเรื่องที่ผมเล่นกับเด็กสาวจนยันฟ้าสาง นับเป็นโชคดีที่ค่าความชอบของเธอไม่ลดลง ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปลอบใจตัวเอง ต่อจากนี้ผมจะพยายามทำตัวให้เป็นจอมมารที่ดี เป็นแบบอย่างต่อหน้าลาพิส ไม่แสดงด้านที่เป็นเพลย์บอยออกมา
ถึงอย่างนั้นพวกเราก็หยุดประเด็นที่ไม่สำคัญโดยมุ่งไปที่ประเด็นหลัก
ลาพิสได้รายงานผมว่า เธอพบหลักฐานบนตัวริฟและได้เตือนผมให้รู้ว่า ผมต้องเผชิญหน้ากับจอมมารอันดับสูงในอนาคต
“ระดับของจอมมารนั้นไม่ใช่สิ่งที่สัมบูรณ์ตายตัว มีโอกาสที่ระดับ60จะสามารถเอาชนะระดับ50 และระดับ40 จะชนะระดับ30 ตัวอย่างเช่น”
ลาพิสชี้นิ้วเรียวๆไปยังกระดาษหนัง บนเอกสารที่เธอเตรียมมา มันมีสัญลักษณ์ของจอมมารทั้ง72 เขียนอยู่บนนั้น
“จอมมารลำดับ 29 แอสทารอธ(Astaroth) ได้ไปทำสงครามกับจอมมารลำดับที่ 23 เอม(Aym)เมื่อ 150ปีที่แล้ว และสามารถทำให้เธอยอมแพ้ได้ เมื่อ70ปีที่แล้ว ลำดับที่ 32 แอสโมดีอุส(Asmodeus)เอาชนะลำดับที่ 30 เฟอร์เนียส(Forneus) เหตุผลว่าทำไมที่จอมมารทั้งสองสู้กันแล้ว ผู้แพ้ในสงครามปกติแต่กลับได้ชัยครั้งใหญ่ก็เพราะ”
“การต่อสู้ระหว่างกองกำลัง”
“…….”
ดวงตาของลาพิสกว้างขึ้นเล็กน้อย
“……ถูกต้องแล้วค่ะ ด้วยการยืมความแข็งแกร่งของฝ่ายพวกเขา พวกเขาจึงได้เผชิญหน้ากับจอมมารตนอื่นด้วยความช่วยเหลือของจอมมารที่แข็งแกร่งพวกเขา”
“เรื่องนั้นเข้าใจชัดตอนราตรีวัลเพอกีส มันมีความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างจอมมารไพมอนที่ถูกข้าเยาะเย้ยใส่ที่เป็นเหมือนกับหัวหน้ากองกำลัง แถมยิ่งไปกว่านั้น”
ผมชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผ่นหนัง จอมมารลำดับ 68 เบเลี่ยล(Belial)
สัญลักษณ์ที่พบบนศพของริฟ
“เบเลี่ยลผู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่นำโดยไพมอน”
“ฝ่าบาทกล่าวถูกต้องแล้ว”
ลาพิสนั้นประหลาดใจ สำหรับคนอื่นคงดูเหมือนว่าสีหน้าเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่ผมสามารถอ่านอารมณ์เธอได้
“ท่านทราบได้อย่างไรคะ?”
“มันสมเหตุสมผลดี ถ้าเป็นเขา”
“สมเหตุสมผลอย่างนั้นหรือคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
ผมพยักหน้า
“เธอเข้าใจถูกต้องตั้งแต่แรกแหละ ลาพิส ลองคิดดูตอนนี้มันก็ประหลาด เจ้าริฟที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากนักผจญภัยแร๊งต่ำๆจะจัดหาอาวุธหนักพวกนั้นมาได้อย่างไรกัน?
มันไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลสำคัญ ไม่มีเอกสารหลักฐานใดที่ว่า ริฟได้กู้ยืมเงินหรือได้รับการสนับสนุนจากใครด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นตราสัญลักษณ์ของจอมมารลำดับที่ 68 เบเลี่ยลกลับปรากฏบนศพของเขา⎯⎯”
ไม่ว่าใครก็ต้องพบว่านี่มันเรื่องผิดปกติอยู่แล้ว
พวกเขาคงคิดว่า เบเลี่ยลน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการให้การสนับสนุนริฟจากเงามืด
“แล้วทำไมเบเลี่ยลถึงสนับสนุนริฟล่ะ? คำถามนี้ก็ตอบได้ง่ายๆ เบเลี่ยลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังไพมอน และไพมอนเองก็ถูกจอมมารดาดๆลำดับเจ็ดสิบหยามเกียรติ
เบเลี่ยลก็โจมตีผม ดันทาเลี่ยน เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับหัวหน้าฝ่ายที่ถูกดูหมิ่น มันไม่มีอะไรแปลกเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนี่”
“ดิฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ”
ลาพิสผงกหัว
“เบเลี่ยลนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ติดตามที่กระตือรือร้นของฝ่าบาทไพม่อน ทั่วทั้งโลกปีศาจต่างก็รู้ว่า เขานั้นหลงรักฝ่าบาทไพมอน ทั้งอุปนิสัย อุดมคติและความงดงาม มันชัดเจนในตัวแล้วค่ะที่เขาจะต้องปองร้ายฝ่าบาท”
“หืมม”
ผมแย้มยิ้ม
“นี่มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?”
“อะไรนะคะ?”
“ลองคิดในมุมมองของคนร้ายดูสิ ริฟนั้นอยู่ในฐานะผู้นำเสมอดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะตายได้ทุกเวลา แล้วใครมันจะไปทิ้งหลักฐานชี้นำว่า ตัวเองเป็นผู้เกี่ยวข้องบนศพเจ้าคนนั้นด้วยล่ะ?
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเราอาจไม่พบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่า เรากลับหาเจอว่าใครเป็นคนร้าย”
ลาพิสนั้นยกมือขึ้นแตะคางตัวเอง แล้วเธอก็เริ่มครุ่นคิด ตาของเธอหรี่เล็กลง
“……หรือนี่จะเป็นกลลวง”
ผมแสยะยิ้มและส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อ
“มันเป็นแผนร้ายที่จะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจอมมารผู้ทรงเกียรติ คนร้ายตัวจริงนั้นไม่ใช่จอมมาร”
“เธอพูดถูกเรื่องแผนร้ายนั่นนะ แต่ถึงอย่างนั้น เธอผิดเรื่องที่ว่าคนร้ายไม่ใช่จอมมารด้วยกัน”
“……ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นคะ?”
“มันง่ายมากเลย เพราะมีแค่กลุ่มบุคคลเล็กๆที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในราตรีวัลเพอกีส บุคคลที่รู้เวลาคร่าวๆที่ริฟจะบุกดันเจี้ยน มีแต่จอมมารที่เข้าร่วมในงานคืนนั้นเท่านั้น
แต่เดิมแล้วนั้น ไพมอนต้องขอโทษต่อหน้าสาธารณะชนในข้อหาที่ใส่ร้ายป้ายสีผม
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมปรานีต่อไพมอนเนื่องจากผมไม่อยากทำลายบรรยากาศ แน่นอนว่า จุดประสงค์แท้จริงของผมคือ การได้รับมุมมองดีๆจากจอมมารที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ จอมมารลำดับ 5 มาร์บาส ต่างหาก
ดังนั้นเลยจบลงแค่ไพมอนขอโทษผมครั้งเดียวในห้องบอลรูม
แล้วปาร์ตี้ของริฟนั้นอยู่ๆก็บุกเข้ามาทันทีหลังเกิดเหตุการณ์นั้น
มันใช้เวลาประมาณ 2 วันเป็นอย่างน้อยกว่าข่าวที่ว่า ‘ไพมอนถูกหยามเกียรติโดยดันทาเลี่ยน’ จะแพร่กระจายออกไปในหมู่จอมมารอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมกับราตรีวัลเพอกีส
ผมอยู่ที่เนฟเฮมต่ออีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากการพิจารณาคดีจบลง และก็ได้รับการแจ้งเตือนเรื่อง ปาร์ตี้ของริฟ 2 วันหลังจากกลับมาถึงดันเจี้ยน
จากจุดนั้นริฟได้สร้างพันธมิตรกับทหารอาสา พูดง่ายๆคือ อย่างช้าที่สุด ริฟได้รวบรวมกองกำลังพันธมิตรทันทีนับตั้งแต่จบการพิจารณาคดี
คนนอกที่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นในราตรีวัลเพอกีสนั้นแล้วจะมาวางแผนร้ายแบบนั้นได้ภายในเวลาไม่เกิน 3 หรือ 4 วันอย่างนั้นหรือ? อย่าว่าแต่จะสร้างแผนร้ายเลย แต่พวกเขานั้นได้ทำการสนับสนุนปาร์ตี้ของริฟแล้วด้วย
ผมมั่นใจ
“ไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะมันเป็นไปไม่ได้เลย”
ผมประกาศออกไปราวกับเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่มีพลังพิเศษที่ทำให้เกิดเหตุฆาตกรรมในทุกที่ทุกเวลา
(TTL : นักสืบหนุ่ม ม.ปลาย ชาวญี่ปุ่น นามย่อ ค. ด้วยใช่ไหม?)
“คนร้ายน่ะ อยู่ในหมู่จอมมารทั้ง 30 คนที่เข้าร่วมการพิจารณาคดีในค่ำคืนวัลเพอกีสนั่นแหละ”
“ดิฉันประหลาดใจมากค่ะ”
ลาพิสดูอึ้งไปจริงๆ
“หากมันเป็นไปตามที่ฝ่าบาทพูด”
“ใช่แล้วล่ะ นั่นก็หมายถึง แม้แต่หัวหน้าบริษัทของเธอ อิวาร์ ล็อดบรอค เองก็เป็นหนึ่งในรายชื่อ ผู้ต้องสงสัยด้วย…….”
อิวาร์ บุคคลที่ภายนอกดูเหมือนชายแก่แต่ความจริงแล้วเป็นโลลิแวมไพร์ ถูกผมกุมจุดอ่อนสำคัญไว้ ผมได้ขู่เธอเรื่องร่างจริงของเธอ
แต่ก็อย่างที่พอเดากันได้ว่า จากการที่เธอมีร่างโคลนจำนวนมาก เธอนั้นเป็นบุคคลที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก โอกาสที่จะมาทำแผนห่ามๆสุดหุนหันอย่างนี้หลังจากได้รับประสบการณ์อันขมขื่นระหว่างการพิจารณาคดีนั้นเป็นไปได้ยากมาก ผมจึงตัดเธอออกไปจากรายชื่อผู้ร้าย
“เรามาลดจำนวนผู้ต้องสงสัยลงดีกว่า ลาพิส เธอน่ะรู้แน่ชัดอยู่แล้วว่า จอมมารตนไหนในคืนนั้นมีใครบ้าง? และอยู่ฝ่ายไหนด้วยใช่ไหม?
ลาพิสหญิงปากกาขนนกออกมา แล้วระบุฝ่ายลงบนรายชื่อโดยไม่ลังเล
‘สมกับเป็นลาพิส’
ผมรู้สึกพอใจ ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้ไหม แต่ผมก็แค่อยากทดสอบเธอ มันเป็นเรื่องปรกติสำหรับพ่อค้าที่จะต้องจำให้ได้ว่ามาร่วมงานวัลเพอกีสบ้าง และพวกเขาอยู่ฝ่ายไหน?
และการที่ลาพิสสามารถระบุฝ่ายลงในใบรายชื่อได้อย่างเป็นธรรมชาติ นั่นหมายถึงเธอได้มีการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมและฝ่ายก่อนมาหาผมแล้ว
โดยตอบรับต่อคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของผมได้ในทันที นี่ไม่นับว่าเป็นการเตรียมการที่สุดยอดหรือไง?
ถ้าลาพิสเป็นพวกไร้ความสามารถ เธอคงไม่มานั่งเตรียมงานยุ่งยากอย่างการเอารายชื่อเหล่าจอมมารมาด้วย ไม่นั่งจดจำว่าใครร่วมงานคืนนั้น ไม่รู้แม้แต่ความสัมพันธ์ของแต่ละฝ่าย เธอก็คงจะวิ่งแจ้นมาหาผมง่ายๆ หลังพบแผนการร้าย แต่ลาพิสนั้นต่างจากเจ้าพวกโง่น่าเบื่อพวกนั้น
‘เธอนั้นเป็นสุดยอด ของสุดยอดเลขาเสมอ’
บุคคลที่มีความสามารถในการเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามทุกอย่างที่คนๆนั้นอาจจะถามได้ นี่แหละ ลาพิส ลาซูลิ
ทั้งลอร่าและผมเราต่างมีความสามารถในการคิดอนุมานสิ่งต่างๆจากข้อมูลที่พวกเรามีอยู่ในมือ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราเองก็มีข้อจำกัดในการได้ข้อมูลนั้นมาเหมือนกัน
แม้ในตอนนี้เธอจะถูกผูกอยู่กับบริษัทเคียนคุสก้า แต่ผมก็ตั้งใจว่าสักวันหนึ่งผมจะจ้างเธอมาอยู่ในกองกำลังของผมอย่างเป็นทางการ
“เขียนเสร็จแล้วค่ะ”
เธอทำสิ่งที่ผมไปเสร็จใน 2 นาที ลาพิสพูดเปิดเผยราวกับได้ทำงานใหญ่เสร็จ การแสดงออกแบบนั้นทำให้ผมยิ่งอยากได้เธอมากขึ้นไปอีก
อ้ะ เดี๋ยวก่อนสิ ผมจะทำให้เธอเป็นหัวหน้าผู้ดูแลในทันทีที่มาอยู่ฝ่ายผม แล้วสถานที่ทำงานของเราก็จะน่าอยู่ยิ่งกว่าบริษัทเคียนคุสก้าเสียอีก
รายชื่อทั้งหลายคร่าวๆก็มีตามนี้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
อันดับ 5 มาร์บาส(Marbas) · · · (เป็นกลาง)
อันดับ 8 บาร์บาทอส(Barbatos) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 9 ไพมอน(Paimon) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 10 บูเอ้อ(Buer) · · · ( – )
อันดับ 12 ซิตริ(Sitri) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 14 เลราเจ(Leraje) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 16 เซปาร์(Zepar) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 20 เพอร์สัน(Purson) · · · (เป็นกลาง)
อันดับ 21 มาแรค(Marax) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 22 อิพอส(Ipos) · · · ( – )
อันดับ 27 เรโนเว่(Renove) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 31 โฟราส(Foras) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 33 กาพ(Gaap) · · · (ฝ่ายภูเขา)
·
·
·
อันดับ 50 เฟอคาส(Furcas) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 55 โอโรบาส(Orobas) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 57 โอเซ่(Ose) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 62 วาลัก(Valac) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 68 เบเรี่ยล(Belial) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 70 ซีเร่(Seere) · · · ( – )
อันดับ 71 ดันทาเลี่ยน(Dantalian) · · · ( – )
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ผมตั้งสมมุติฐานว่า ‘เป็นกลาง’ ที่เขียนไว้ข้างๆนั้นเป็น ชื่อของฝ่ายด้วย
“ทั้งหมดคือ รายนามของจอมมารทั้ง 32 ตนที่เข้าร่วมกับราตรีวัลเพอกีสค่ะ”
ผมพยักหน้า
“เอาล่ะ อธิบายมาคร่าวๆเกี่ยวกับแต่ละฝ่ายหน่อย”
“รับทราบค่ะ เริ่มจาก จอมมารนั้นแบ่งออกเป็นสามฝ่ายใหญ่ๆ
ฝ่ายแรก ฝ่ายที่ราบที่มาจากผู้นำของพวกเขา จอมมารลำดับ 8 ฝ่าบาทบาร์บาทอสที่มีปราสาทที่ตั้งอยู่ ณ ที่ราบ ”
บาร์บาทอสนั้นเป็นจอมมารที่ต้องการที่จะพิชิตโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นผู้รวมกองกำลังเหล่าจอมมารทั้งหลายที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง พวกนี้จะดูหมิ่นเหยียดหยาม ต้องการกำจัดมนุษย์และปรารถนาที่จะพิชิตโลกมนุษย์
“ในความเป็นจริงแล้ว การที่ปราสาทส่วนมากของฝ่ายจอมมารฝั่งที่ราบนั้นอยู่ในทุ่งราบที่เป็นสถานที่ที่มนุษย์มักอาศัยอยู่ จึงไม่สามารถเลี่ยงความขัดแย้งต่อเหล่ามนุษย์ได้ค่ะ”
“พวกเขานั้นมีความแค้นเก่าต่อเหล่ามนุษย์สินะ เข้าใจแล้ว”
ไม่น่าแปลกเลยที่ ผู้คนในกลุ่มนั้นจะชื่นชอบผม ผมบดขยี้ไพมอน ศัตรูตัวฉกาจของบาร์บาทอส แม้ผมจะยังไม่ได้เลือกเข้าฝ่ายไหนชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่า จอมมารในกลุ่มนั้นก็มองเห็นผมเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของกองกำลังที่ราบ
จอมมารทั้งหลายต่างไม่มีทางเชื่อหรอกว่าจอมมารลำดับ 71อันดับต่ำๆแบบนั้น สามารถเอาชนะ จอมมารลำดับ 9 ไพมอนด้วยตัวเองได้ พวกเขาก็คงคิดแล้วว่า บาร์บาทอสนั้นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าความเข้าใจผิดนั้นจะดีต่อผมไม่ว่าผมจะเลือกตัดสินใจเลือกเส้นทางไหนก็ตาม
“ต่อไปเป็นฝ่ายภูเขา ซึ่งนำโดยฝ่าบาทไพมอน
จากจอมมารทั้งหมด 72 ตน มี 35 ตนอยู่ฝ่ายภูเขา นับได้ว่าเป็นฝ่ายที่ใหญ่ที่สุด”
และพวกเขาก็กลายเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายที่ราบ
“จอมมารส่วนใหญ่ในฝ่ายภูเขาจะมีเขตปกครองตั้งอยู่ในช่องแคบหุบเขา พื้นที่ที่ถูกจับจองโดยมอนสเตอร์ จะมีภายนอกนั้นที่ติดต่อกับประเทศของมนุษย์ ดังนั้นพวกที่อยู่ในฝ่ายภูเขาจึงมักไม่มีเหตุผลที่จะต้องออกไปปะทะต่อสู้กับพวกมนุษย์”
พูดอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาเป็นประเภทที่ไม่ชอบและไม่สนเรื่องสงครามเพราะที่อยู่นั้นปลอดภัยสะดวกสบายดีอยู่แล้ว นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำไมบาร์บาทอสถึงเรียกเจ้าพวกนั้นว่า เป็นขยะที่สุขสบายเกินไป
“มันไม่สำคัญว่า ภูมิภาคที่จอมมารอยู่นั้นมีมอนสเตอร์อยู่ด้วยหรือไม่ กองกำลังฝ่ายภูเขานั้นก็ยังคงเป็นกลุ่มกองที่ใหญ่ที่สุดอยู่ดี การกระทำของฝ่าบาทที่ทำให้ฝ่ายภูเขานั้นกลายเป็นศัตรูนั้นไม่ฉลาดเลย แม้จะเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม……. แต่ถึงอย่างนั้น”
ลาพิสมองผ่านๆรายชื่อด้วยแววตาเย็นชา
“การที่ฝ่ายกองกำลังของพวกเขาใหญ่ไม่ได้ทำให้พวกเขาเข้มแข้งที่สุด มีหนทางที่ฝ่าบาทจะหาทางออกจากมันได้”
ดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกายด้วยแสงวูบที่หม่น
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Comments
Dungeon Defense (WN) 63 สองแผนร้าย(4)
* * *
“……ขึ้นมา”
“……ตื่นขึ้นมาค่ะ…….”
เสียงบ่นแทงทะลุเข้ามาสู่จิตสำนึกที่ห่างไกลออกไป มันเป็นเศษเสี้ยวของเสียงที่ยังคงเคาะกระโหลกของผม
ผมทำหน้าแบบฝืนลืมตาขึ้นมา รู้สึกหนักตามเนื้อตัว
“ตื่นขึ้นมาได้แล้วค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน”
“อื้อออ ลาพิส?”
พอผมหันหัวกลับมาก็เห็นเด็กสาวลูกครึ่งซัคคิวบัสในชุดสูท ลาพิสนั่นเอง ผมเปียข้างสีชมพูของเธอห้อยลงมาขณะที่โค้งให้
ผมพูดทั้งที่ยังหาวอยู่
“หาววว มีอะไรเหรอ?”
“มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องรายงานให้ท่านทราบค่ะ มันไม่ค่อยสะดวกที่จะบอกท่านที่นี่”
ลาพิสนั้นไม่ใช่คนประเภทที่จะรายงานเรื่องอะไรที่มันเล็กน้อยไร้สาระ เธอจัดการปัญหาส่วนมากด้วยตนเองเพียงแค่มาบอกขออนุญาตและถามถึงเจตนาของผมเท่านั้น ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผมเชื่้อมั่นในความสามารถของเธอ
“ให้ตายสิ นี่มันต้องเป็นเรื่องร้ายแรงแน่ๆ”
ลาพิสนั้นไม่เคยพูดเกินจริงหรือทำให้สถานการณ์ดูยิ่งใหญ่จนเกินไป แม้เธอจะพูดอย่างสงบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ แต่หากเธอพูดว่าสิ่งนั้นเร่งด่วน แสดงว่ามันต้องเร่งด่วนมาก
สักพักหนึ่งแล้วหลังจากที่ผมจัดการกับนักผจญภัยแร๊ง E พวกนั้น
ตอนที่ผมกำลังเริ่มหงุดหงิด เธอก็ลดเสียงลงและพูดออกมา
“แม้มีเรื่องเร่งด่วนที่ดิฉันต้องการจะบอกท่าน แต่ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงเท่าสถานการณ์ของท่านในปัจจุบันนะคะ”
“หืม? เธอหมายความว่ายังไงน่ะ?”
“กรุณาใส่เสื้อผ้าก่อนค่ะ ท่านควรรักษาเกียรติของจอมมารนะคะ”
อ่าา
ตอนนั้นเองที่ผมพึ่งมารู้ตัวว่า กำลังอยู่ในสภาพเปลือยในน้ำ แถมลอร่าก็ยังอยู่ในน้ำกับผมด้วย เธอหลับอยู่ในอ้อมแขน ชัดเจนแล้วถึงสิ่งที่พวกเราได้ทำลงไป
ผมเปิดปากร้องออกมา
“กรี๊ด…….”
“กรี๊ด?”
ลาพิสเอียงคอด้วยความสงสัยทั้งที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
“กรี๊ดดดดดดด!”
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทั้งสระน้ำใต้ดิน
ลาพิสพึมพัมออกมาให้ได้ยินว่า
‘……ไม่ใช่บทบาททางเพศมันสลับกันหรอกเหรอคะ?’
* * *
ลาพิสกับผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะในห้องจอมมาร พร้อมกับแผนที่เสร็จสมบูรณ์ที่ทำขึ้นโดยช่างฝีมือคนแคระ กางออกตรงหน้าเรา
พวกเราพูดคุยเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันกันอยู่ ลอร่าหลับไหลอยู่บนเตียงที่อยู่ห่างออกไปจากเรา
ผมเกรงใจเธอหน่อยๆเพราะเธอคงเหนื่อยมากหลังจากครั้งแรกของเธอ
“อะแฮ่มๆ ขอให้ลืมสิ่งที่เห็นก่อนหน้าด้วยล่ะ”
“ดิฉันลืมไปแล้วค่ะ มันไม่ได้มีค่าให้จดจำ”
“…….”
พูดได้ว่า เธอนั้นไม่ได้สนใจในร่างกายผม ผมรู้สึกอย่างนั้นอยู่แล้วแต่ลาพิสช่างใจร้ายจริงๆ…….
ผมตัดสินใจเช็คสเตตัสของเธอเผื่อว่าเธอจะผิดหวังกับพฤติกรรมของผม
‘สเตตัส’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Name: Lapis Lazuli
Race: Half-Succubus Faction: Keuncuska Firm
Attribute: Neutral(-10)
Level: 24 Fame: 134
Job: Merchant(A-), Witch(B), Swordsman(D)
Leadership: 59 Might: 32 Intelligence: 55
Politics: 74 Charm: 50 Technique: 2
Affection: 50
ความคิดตอนนี้: ‘……เจ้าโง่นี่.’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
‘ยะ-อย่างที่คิดเลย เธอคิดว่าผมมันเป็นไอ้โง่!’
ผมบ่นกับตัวเอง แน่นอนว่าคงเป็นเรื่องที่ผมเล่นกับเด็กสาวจนยันฟ้าสาง นับเป็นโชคดีที่ค่าความชอบของเธอไม่ลดลง ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปลอบใจตัวเอง ต่อจากนี้ผมจะพยายามทำตัวให้เป็นจอมมารที่ดี เป็นแบบอย่างต่อหน้าลาพิส ไม่แสดงด้านที่เป็นเพลย์บอยออกมา
ถึงอย่างนั้นพวกเราก็หยุดประเด็นที่ไม่สำคัญโดยมุ่งไปที่ประเด็นหลัก
ลาพิสได้รายงานผมว่า เธอพบหลักฐานบนตัวริฟและได้เตือนผมให้รู้ว่า ผมต้องเผชิญหน้ากับจอมมารอันดับสูงในอนาคต
“ระดับของจอมมารนั้นไม่ใช่สิ่งที่สัมบูรณ์ตายตัว มีโอกาสที่ระดับ60จะสามารถเอาชนะระดับ50 และระดับ40 จะชนะระดับ30 ตัวอย่างเช่น”
ลาพิสชี้นิ้วเรียวๆไปยังกระดาษหนัง บนเอกสารที่เธอเตรียมมา มันมีสัญลักษณ์ของจอมมารทั้ง72 เขียนอยู่บนนั้น
“จอมมารลำดับ 29 แอสทารอธ(Astaroth) ได้ไปทำสงครามกับจอมมารลำดับที่ 23 เอม(Aym)เมื่อ 150ปีที่แล้ว และสามารถทำให้เธอยอมแพ้ได้ เมื่อ70ปีที่แล้ว ลำดับที่ 32 แอสโมดีอุส(Asmodeus)เอาชนะลำดับที่ 30 เฟอร์เนียส(Forneus) เหตุผลว่าทำไมที่จอมมารทั้งสองสู้กันแล้ว ผู้แพ้ในสงครามปกติแต่กลับได้ชัยครั้งใหญ่ก็เพราะ”
“การต่อสู้ระหว่างกองกำลัง”
“…….”
ดวงตาของลาพิสกว้างขึ้นเล็กน้อย
“……ถูกต้องแล้วค่ะ ด้วยการยืมความแข็งแกร่งของฝ่ายพวกเขา พวกเขาจึงได้เผชิญหน้ากับจอมมารตนอื่นด้วยความช่วยเหลือของจอมมารที่แข็งแกร่งพวกเขา”
“เรื่องนั้นเข้าใจชัดตอนราตรีวัลเพอกีส มันมีความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างจอมมารไพมอนที่ถูกข้าเยาะเย้ยใส่ที่เป็นเหมือนกับหัวหน้ากองกำลัง แถมยิ่งไปกว่านั้น”
ผมชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผ่นหนัง จอมมารลำดับ 68 เบเลี่ยล(Belial)
สัญลักษณ์ที่พบบนศพของริฟ
“เบเลี่ยลผู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่นำโดยไพมอน”
“ฝ่าบาทกล่าวถูกต้องแล้ว”
ลาพิสนั้นประหลาดใจ สำหรับคนอื่นคงดูเหมือนว่าสีหน้าเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่ผมสามารถอ่านอารมณ์เธอได้
“ท่านทราบได้อย่างไรคะ?”
“มันสมเหตุสมผลดี ถ้าเป็นเขา”
“สมเหตุสมผลอย่างนั้นหรือคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
ผมพยักหน้า
“เธอเข้าใจถูกต้องตั้งแต่แรกแหละ ลาพิส ลองคิดดูตอนนี้มันก็ประหลาด เจ้าริฟที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากนักผจญภัยแร๊งต่ำๆจะจัดหาอาวุธหนักพวกนั้นมาได้อย่างไรกัน?
มันไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลสำคัญ ไม่มีเอกสารหลักฐานใดที่ว่า ริฟได้กู้ยืมเงินหรือได้รับการสนับสนุนจากใครด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นตราสัญลักษณ์ของจอมมารลำดับที่ 68 เบเลี่ยลกลับปรากฏบนศพของเขา⎯⎯”
ไม่ว่าใครก็ต้องพบว่านี่มันเรื่องผิดปกติอยู่แล้ว
พวกเขาคงคิดว่า เบเลี่ยลน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการให้การสนับสนุนริฟจากเงามืด
“แล้วทำไมเบเลี่ยลถึงสนับสนุนริฟล่ะ? คำถามนี้ก็ตอบได้ง่ายๆ เบเลี่ยลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังไพมอน และไพมอนเองก็ถูกจอมมารดาดๆลำดับเจ็ดสิบหยามเกียรติ
เบเลี่ยลก็โจมตีผม ดันทาเลี่ยน เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับหัวหน้าฝ่ายที่ถูกดูหมิ่น มันไม่มีอะไรแปลกเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนี่”
“ดิฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ”
ลาพิสผงกหัว
“เบเลี่ยลนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ติดตามที่กระตือรือร้นของฝ่าบาทไพม่อน ทั่วทั้งโลกปีศาจต่างก็รู้ว่า เขานั้นหลงรักฝ่าบาทไพมอน ทั้งอุปนิสัย อุดมคติและความงดงาม มันชัดเจนในตัวแล้วค่ะที่เขาจะต้องปองร้ายฝ่าบาท”
“หืมม”
ผมแย้มยิ้ม
“นี่มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?”
“อะไรนะคะ?”
“ลองคิดในมุมมองของคนร้ายดูสิ ริฟนั้นอยู่ในฐานะผู้นำเสมอดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะตายได้ทุกเวลา แล้วใครมันจะไปทิ้งหลักฐานชี้นำว่า ตัวเองเป็นผู้เกี่ยวข้องบนศพเจ้าคนนั้นด้วยล่ะ?
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเราอาจไม่พบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่า เรากลับหาเจอว่าใครเป็นคนร้าย”
ลาพิสนั้นยกมือขึ้นแตะคางตัวเอง แล้วเธอก็เริ่มครุ่นคิด ตาของเธอหรี่เล็กลง
“……หรือนี่จะเป็นกลลวง”
ผมแสยะยิ้มและส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อ
“มันเป็นแผนร้ายที่จะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจอมมารผู้ทรงเกียรติ คนร้ายตัวจริงนั้นไม่ใช่จอมมาร”
“เธอพูดถูกเรื่องแผนร้ายนั่นนะ แต่ถึงอย่างนั้น เธอผิดเรื่องที่ว่าคนร้ายไม่ใช่จอมมารด้วยกัน”
“……ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นคะ?”
“มันง่ายมากเลย เพราะมีแค่กลุ่มบุคคลเล็กๆที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในราตรีวัลเพอกีส บุคคลที่รู้เวลาคร่าวๆที่ริฟจะบุกดันเจี้ยน มีแต่จอมมารที่เข้าร่วมในงานคืนนั้นเท่านั้น
แต่เดิมแล้วนั้น ไพมอนต้องขอโทษต่อหน้าสาธารณะชนในข้อหาที่ใส่ร้ายป้ายสีผม
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมปรานีต่อไพมอนเนื่องจากผมไม่อยากทำลายบรรยากาศ แน่นอนว่า จุดประสงค์แท้จริงของผมคือ การได้รับมุมมองดีๆจากจอมมารที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ จอมมารลำดับ 5 มาร์บาส ต่างหาก
ดังนั้นเลยจบลงแค่ไพมอนขอโทษผมครั้งเดียวในห้องบอลรูม
แล้วปาร์ตี้ของริฟนั้นอยู่ๆก็บุกเข้ามาทันทีหลังเกิดเหตุการณ์นั้น
มันใช้เวลาประมาณ 2 วันเป็นอย่างน้อยกว่าข่าวที่ว่า ‘ไพมอนถูกหยามเกียรติโดยดันทาเลี่ยน’ จะแพร่กระจายออกไปในหมู่จอมมารอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมกับราตรีวัลเพอกีส
ผมอยู่ที่เนฟเฮมต่ออีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากการพิจารณาคดีจบลง และก็ได้รับการแจ้งเตือนเรื่อง ปาร์ตี้ของริฟ 2 วันหลังจากกลับมาถึงดันเจี้ยน
จากจุดนั้นริฟได้สร้างพันธมิตรกับทหารอาสา พูดง่ายๆคือ อย่างช้าที่สุด ริฟได้รวบรวมกองกำลังพันธมิตรทันทีนับตั้งแต่จบการพิจารณาคดี
คนนอกที่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นในราตรีวัลเพอกีสนั้นแล้วจะมาวางแผนร้ายแบบนั้นได้ภายในเวลาไม่เกิน 3 หรือ 4 วันอย่างนั้นหรือ? อย่าว่าแต่จะสร้างแผนร้ายเลย แต่พวกเขานั้นได้ทำการสนับสนุนปาร์ตี้ของริฟแล้วด้วย
ผมมั่นใจ
“ไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะมันเป็นไปไม่ได้เลย”
ผมประกาศออกไปราวกับเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่มีพลังพิเศษที่ทำให้เกิดเหตุฆาตกรรมในทุกที่ทุกเวลา
(TTL : นักสืบหนุ่ม ม.ปลาย ชาวญี่ปุ่น นามย่อ ค. ด้วยใช่ไหม?)
“คนร้ายน่ะ อยู่ในหมู่จอมมารทั้ง 30 คนที่เข้าร่วมการพิจารณาคดีในค่ำคืนวัลเพอกีสนั่นแหละ”
“ดิฉันประหลาดใจมากค่ะ”
ลาพิสดูอึ้งไปจริงๆ
“หากมันเป็นไปตามที่ฝ่าบาทพูด”
“ใช่แล้วล่ะ นั่นก็หมายถึง แม้แต่หัวหน้าบริษัทของเธอ อิวาร์ ล็อดบรอค เองก็เป็นหนึ่งในรายชื่อ ผู้ต้องสงสัยด้วย…….”
อิวาร์ บุคคลที่ภายนอกดูเหมือนชายแก่แต่ความจริงแล้วเป็นโลลิแวมไพร์ ถูกผมกุมจุดอ่อนสำคัญไว้ ผมได้ขู่เธอเรื่องร่างจริงของเธอ
แต่ก็อย่างที่พอเดากันได้ว่า จากการที่เธอมีร่างโคลนจำนวนมาก เธอนั้นเป็นบุคคลที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก โอกาสที่จะมาทำแผนห่ามๆสุดหุนหันอย่างนี้หลังจากได้รับประสบการณ์อันขมขื่นระหว่างการพิจารณาคดีนั้นเป็นไปได้ยากมาก ผมจึงตัดเธอออกไปจากรายชื่อผู้ร้าย
“เรามาลดจำนวนผู้ต้องสงสัยลงดีกว่า ลาพิส เธอน่ะรู้แน่ชัดอยู่แล้วว่า จอมมารตนไหนในคืนนั้นมีใครบ้าง? และอยู่ฝ่ายไหนด้วยใช่ไหม?
ลาพิสหญิงปากกาขนนกออกมา แล้วระบุฝ่ายลงบนรายชื่อโดยไม่ลังเล
‘สมกับเป็นลาพิส’
ผมรู้สึกพอใจ ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้ไหม แต่ผมก็แค่อยากทดสอบเธอ มันเป็นเรื่องปรกติสำหรับพ่อค้าที่จะต้องจำให้ได้ว่ามาร่วมงานวัลเพอกีสบ้าง และพวกเขาอยู่ฝ่ายไหน?
และการที่ลาพิสสามารถระบุฝ่ายลงในใบรายชื่อได้อย่างเป็นธรรมชาติ นั่นหมายถึงเธอได้มีการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมและฝ่ายก่อนมาหาผมแล้ว
โดยตอบรับต่อคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของผมได้ในทันที นี่ไม่นับว่าเป็นการเตรียมการที่สุดยอดหรือไง?
ถ้าลาพิสเป็นพวกไร้ความสามารถ เธอคงไม่มานั่งเตรียมงานยุ่งยากอย่างการเอารายชื่อเหล่าจอมมารมาด้วย ไม่นั่งจดจำว่าใครร่วมงานคืนนั้น ไม่รู้แม้แต่ความสัมพันธ์ของแต่ละฝ่าย เธอก็คงจะวิ่งแจ้นมาหาผมง่ายๆ หลังพบแผนการร้าย แต่ลาพิสนั้นต่างจากเจ้าพวกโง่น่าเบื่อพวกนั้น
‘เธอนั้นเป็นสุดยอด ของสุดยอดเลขาเสมอ’
บุคคลที่มีความสามารถในการเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามทุกอย่างที่คนๆนั้นอาจจะถามได้ นี่แหละ ลาพิส ลาซูลิ
ทั้งลอร่าและผมเราต่างมีความสามารถในการคิดอนุมานสิ่งต่างๆจากข้อมูลที่พวกเรามีอยู่ในมือ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราเองก็มีข้อจำกัดในการได้ข้อมูลนั้นมาเหมือนกัน
แม้ในตอนนี้เธอจะถูกผูกอยู่กับบริษัทเคียนคุสก้า แต่ผมก็ตั้งใจว่าสักวันหนึ่งผมจะจ้างเธอมาอยู่ในกองกำลังของผมอย่างเป็นทางการ
“เขียนเสร็จแล้วค่ะ”
เธอทำสิ่งที่ผมไปเสร็จใน 2 นาที ลาพิสพูดเปิดเผยราวกับได้ทำงานใหญ่เสร็จ การแสดงออกแบบนั้นทำให้ผมยิ่งอยากได้เธอมากขึ้นไปอีก
อ้ะ เดี๋ยวก่อนสิ ผมจะทำให้เธอเป็นหัวหน้าผู้ดูแลในทันทีที่มาอยู่ฝ่ายผม แล้วสถานที่ทำงานของเราก็จะน่าอยู่ยิ่งกว่าบริษัทเคียนคุสก้าเสียอีก
รายชื่อทั้งหลายคร่าวๆก็มีตามนี้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
อันดับ 5 มาร์บาส(Marbas) · · · (เป็นกลาง)
อันดับ 8 บาร์บาทอส(Barbatos) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 9 ไพมอน(Paimon) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 10 บูเอ้อ(Buer) · · · ( – )
อันดับ 12 ซิตริ(Sitri) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 14 เลราเจ(Leraje) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 16 เซปาร์(Zepar) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 20 เพอร์สัน(Purson) · · · (เป็นกลาง)
อันดับ 21 มาแรค(Marax) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 22 อิพอส(Ipos) · · · ( – )
อันดับ 27 เรโนเว่(Renove) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 31 โฟราส(Foras) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 33 กาพ(Gaap) · · · (ฝ่ายภูเขา)
·
·
·
อันดับ 50 เฟอคาส(Furcas) · · · (ฝ่ายที่ราบ)
อันดับ 55 โอโรบาส(Orobas) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 57 โอเซ่(Ose) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 62 วาลัก(Valac) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 68 เบเรี่ยล(Belial) · · · (ฝ่ายภูเขา)
อันดับ 70 ซีเร่(Seere) · · · ( – )
อันดับ 71 ดันทาเลี่ยน(Dantalian) · · · ( – )
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ผมตั้งสมมุติฐานว่า ‘เป็นกลาง’ ที่เขียนไว้ข้างๆนั้นเป็น ชื่อของฝ่ายด้วย
“ทั้งหมดคือ รายนามของจอมมารทั้ง 32 ตนที่เข้าร่วมกับราตรีวัลเพอกีสค่ะ”
ผมพยักหน้า
“เอาล่ะ อธิบายมาคร่าวๆเกี่ยวกับแต่ละฝ่ายหน่อย”
“รับทราบค่ะ เริ่มจาก จอมมารนั้นแบ่งออกเป็นสามฝ่ายใหญ่ๆ
ฝ่ายแรก ฝ่ายที่ราบที่มาจากผู้นำของพวกเขา จอมมารลำดับ 8 ฝ่าบาทบาร์บาทอสที่มีปราสาทที่ตั้งอยู่ ณ ที่ราบ ”
บาร์บาทอสนั้นเป็นจอมมารที่ต้องการที่จะพิชิตโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นผู้รวมกองกำลังเหล่าจอมมารทั้งหลายที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง พวกนี้จะดูหมิ่นเหยียดหยาม ต้องการกำจัดมนุษย์และปรารถนาที่จะพิชิตโลกมนุษย์
“ในความเป็นจริงแล้ว การที่ปราสาทส่วนมากของฝ่ายจอมมารฝั่งที่ราบนั้นอยู่ในทุ่งราบที่เป็นสถานที่ที่มนุษย์มักอาศัยอยู่ จึงไม่สามารถเลี่ยงความขัดแย้งต่อเหล่ามนุษย์ได้ค่ะ”
“พวกเขานั้นมีความแค้นเก่าต่อเหล่ามนุษย์สินะ เข้าใจแล้ว”
ไม่น่าแปลกเลยที่ ผู้คนในกลุ่มนั้นจะชื่นชอบผม ผมบดขยี้ไพมอน ศัตรูตัวฉกาจของบาร์บาทอส แม้ผมจะยังไม่ได้เลือกเข้าฝ่ายไหนชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่า จอมมารในกลุ่มนั้นก็มองเห็นผมเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของกองกำลังที่ราบ
จอมมารทั้งหลายต่างไม่มีทางเชื่อหรอกว่าจอมมารลำดับ 71อันดับต่ำๆแบบนั้น สามารถเอาชนะ จอมมารลำดับ 9 ไพมอนด้วยตัวเองได้ พวกเขาก็คงคิดแล้วว่า บาร์บาทอสนั้นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าความเข้าใจผิดนั้นจะดีต่อผมไม่ว่าผมจะเลือกตัดสินใจเลือกเส้นทางไหนก็ตาม
“ต่อไปเป็นฝ่ายภูเขา ซึ่งนำโดยฝ่าบาทไพมอน
จากจอมมารทั้งหมด 72 ตน มี 35 ตนอยู่ฝ่ายภูเขา นับได้ว่าเป็นฝ่ายที่ใหญ่ที่สุด”
และพวกเขาก็กลายเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายที่ราบ
“จอมมารส่วนใหญ่ในฝ่ายภูเขาจะมีเขตปกครองตั้งอยู่ในช่องแคบหุบเขา พื้นที่ที่ถูกจับจองโดยมอนสเตอร์ จะมีภายนอกนั้นที่ติดต่อกับประเทศของมนุษย์ ดังนั้นพวกที่อยู่ในฝ่ายภูเขาจึงมักไม่มีเหตุผลที่จะต้องออกไปปะทะต่อสู้กับพวกมนุษย์”
พูดอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาเป็นประเภทที่ไม่ชอบและไม่สนเรื่องสงครามเพราะที่อยู่นั้นปลอดภัยสะดวกสบายดีอยู่แล้ว นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำไมบาร์บาทอสถึงเรียกเจ้าพวกนั้นว่า เป็นขยะที่สุขสบายเกินไป
“มันไม่สำคัญว่า ภูมิภาคที่จอมมารอยู่นั้นมีมอนสเตอร์อยู่ด้วยหรือไม่ กองกำลังฝ่ายภูเขานั้นก็ยังคงเป็นกลุ่มกองที่ใหญ่ที่สุดอยู่ดี การกระทำของฝ่าบาทที่ทำให้ฝ่ายภูเขานั้นกลายเป็นศัตรูนั้นไม่ฉลาดเลย แม้จะเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม……. แต่ถึงอย่างนั้น”
ลาพิสมองผ่านๆรายชื่อด้วยแววตาเย็นชา
“การที่ฝ่ายกองกำลังของพวกเขาใหญ่ไม่ได้ทำให้พวกเขาเข้มแข้งที่สุด มีหนทางที่ฝ่าบาทจะหาทางออกจากมันได้”
ดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกายด้วยแสงวูบที่หม่น
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Comments