Dungeon Defense (WN) 72 การเตะถ่วงในสภาสูง(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 72 การเตะถ่วงในสภาสูง(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

การประชุมจบลง

เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ อลิซาเบธปล่อยผมแล้วเดินกลับสำนักงาน เธอแทบจะทิ้งตัวลงกองกับพื้น

 

“ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!”

 

“ดะ-ได้โปรดสงบลงด้วย องค์หญิง”

 

“ให้ข้าสงบงั้นเหรอ? แล้วข้าดูเหมือนจะสงบลงได้ไหมเล่า? ความโรแมนติกทางเพศ? ไอ้พวกห่าพันธุ์ทางเอ๊ย ถ้าข้าเคี้ยวพวกมันได้ ข้าก็ยินดีจะกลายเป็นเป็นพวกกินมนุษย์เลยล่ะ”

 

(TTL : ดร.ฮันนาบาล เล็กเตอร์ ถูกใจสิ่งนี้!)

 

เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิทนเก็บความโกรธไม่ไหวจึงต่อยกำแพงระบายออกมา

 

ปัง!

 

จุดที่เธอต่อยลงไปเกิดรูขึ้น 

เมื่อเธอกลายเป็นนักดาบผู้สามารถควบคุมออร่าได้ดังใจ กำแพงก็ไม่สามารถทนต่อพละกำลังมหาศาลได้อีก 

 

ชาร์ล ผู้เป็นอัศวินหลับตาลงด้วยความสั่นสะท้าน หากเธออาละวาดขึ้นมา ต่อให้จักรพรรดิจะมาเองก็คงไม่สามารถหยุดเธอได้แน่

 

 

“ผู้คนของจักรวรรดิเรายังคงล้มตายไปมากมายต่อเนื่องเพราะกาฬโรค! การเงินของเราก็ชิบหายวายป่วงในขณะที่พวกมันยังคงจัดงานเลี้ยงฉลองกัน ส่วนทางการทหารของเราก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำงานตามหน้าที่ได้อย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้พวกหมาโง่นั่น”

 

“กรุณาอย่าให้คำน่ารังเกียจเช่นนั้นออกจากปากอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์หญิงเลยครับ…….”

 

“ไอ้ลูกกะหรี่นั่นมันรวมหัวกันวันนี้แล้วแกล้งทำเป็นทะเลาะเตะถ่วง! พวกมันไม่ทำห่าอะไรกันเลย! พวกมันยกหน้าที่บริหารจัดการให้กับตัวแทนในดินแดนของพวกมันแล้วมานั่งเล่นนั่งเสเพลกันอยู่ในวังแห่งนี้!”

 

องค์หญิงโกรธจนควันออกหู

 

“จักรวรรดินั้นมันหมดหวังแล้วล่ะ แทบไม่ต่างจากท่อระบายน้ำด้วยซ้ำ”

 

“อะ-องค์หญิงครับ”

 

อัศวินข้างกายมีเหงื่อไหลซึมออกมา

ไม่ใช่แค่ผู้คนในจักรวรรดิเท่านั้นที่เห็นสัญญาณของอนาคตที่เสื่อมถอยลงของจักรวรรดิฮัมบวร์ก คนทั้งทวีปต่างก็ล่วงรู้เรื่องนี้ดี แต่ถึงอย่างนั้น ที่นี่มันคือ วังหลวง หัวใจของจักรวรรดิ

 

ใครจะไปล่วงรู้กันได้เล่า จะถูกข้อหาอะไรหากพูดจาใส่ร้ายประเทศชาติ เจ้าหญิงยังคงตะโกนด่าต่อไปแม้อัศวินข้างๆจะพยายามให้เธอสงบลง

 

“พวกมันคงคิดว่า การมีอยู่ของข้านั้นน่ารังเกียจสินะ!?”

 

เธอรู้เรื่องนั้นดี ชนชั้นสูงทั้งหลายนั้นไร้น้ำยา แต่ก็กลับมีเล่ห์เหลี่ยมเหลือร้ายทันทีกับเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ตนเอง เหตุผลเดียวที่พวกมันคงพูดคุยเรื่องไร้แก่นสารอย่างรสนิยมทางเพศนั้นก็เพราะพวกเขาอยากขับไล่เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิออกไป

 

นานมากแล้วนับแต่ครั้งสุดท้ายที่เจ้าชายลำดับหนึ่งและลำดับสองเลิกเข้าร่วมการประชุมสภาสูง พวกเขาเอาแต่วนเล่นไล่จับกับสาวใช้ด้วยมือทั้งสองข้าง เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินั้นได้เข้าร่วมสภาแทนพวกเขาทั้งสอง ฝั่งชนชั้นสูงที่เข้าร่วมทั้งฝ่ายเจ้าชายลำดับหนึ่งและสองต่างอึดอัดใจกับเรื่องนี้

 

พวกเขากลัวว่า วาระการประชุมนั้นอาจเป็นประโยชน์เอื้อให้กับฝ่ายเจ้าหญิงหากเขาทำผิดพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียว

 

นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมถึงพยายามลากประเด็นลามกและเกี่ยวข้องกับการร่วมสายเลือด เพราะพวกเขารู้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นความน่าอับอายของหญิงสาวผู้ทรงคุณธรรม

 

เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า ผลกระทบทางการเมืองจะเป็นอย่างไร 

หากข่าวที่ว่า “ดูเหมือนเจ้าหญิงจะสนใจเรื่องรักร่วมเพศและการร่วมรักในสายเลือด”นั้นได้แพร่ออกไป……. 

 

เจ้าหญิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรออยู่อย่างเงียบๆจนกระทั่งจบวาระนั้นลง

เหล่าชนชั้นสูงต่างต่อต้านอลิซาเบธ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ อย่างลับๆ

 

⎯ พวกเรานั้นไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรีอยู่แล้วต่อให้ทำตัวเหมือนคนโง่เง่าก็ตามที

 

⎯แต่ถึงอย่างนั้น แล้วองค์หญิงเองล่ะ ท่านน่ะมีสิ่งที่ไม่อยากเสียไปอยู่ใช่ไหม?

 

 

⎯ ที่แห่งนี้น่ะเป็นห้องที่มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่เข้าร่วมได้ ออกไปแต่โดยดีเพื่อถนอมหูอันมีค่าของท่านไว้เถอะ แล้วมติการประชุมระดับชาติพวกเราจะจัดการกันเอง

 

พวกเขาพยายามผลักไสเจ้าหญิงออกอย่างสุภาพ แม้แต่ฝ่ายเจ้าหญิงด้วยกันเองก็ยังเห็นด้วยกับพวกเขา โดยอ้างว่า เธอควรจะปล่อยให้พวกเขาที่เป็นลูกน้องจัดการกันเองอย่างสบายใจ

 

แต่มีหรือที่เจ้าหญิงจะไม่ตระหนักถึงเจตนาที่แท้จริงของพวกเขา? พวกเขานั้นก็แค่ไม่ต้องการให้อำนาจการตัดสินใจของตนถูกขัด

 

สุดท้ายแล้วเวลาก็ผ่านไป และการประชุมก็ลงมติว่า ขอเลื่อนวาระไปก่อน เหล่าชนชั้นสูงทั้งหลายต่างแยกย้ายไปโดยไม่มีการผ่านร่างใดๆทั้งนั้น แต่ไม่จบเพียงเท่านั้น

 

ไม่ถึงชั่วโมงหลังการประชุมจบลงก็มีข่าวแพร่กระจายไปว่า มีชนชั้นสูงสองคนถูกเจ้าหญิงสั่งลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม ข่าวนั้นแพร่ไปไกลจนถึงสาวใช้

 

เจ้าหญิงตระหนักชัดแล้วว่า พวกกลุ่มผลประโยชน์นั่นทำตัวไร้ศักดิ์ศรีและน่าเบื่อหน่ายเพียงไร

 

 

“โอ้ ที่รัก แรงสะเทือนจากลูกเตะขององค์หญิงไปไกลถึงอีกฝั่งของวังเลย”

 

ประตูเปิดออกและมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสำนักงาน เขาแสดงรอยยิ้มอันสดใสอบู่บนใบหน้า เขานั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของฝ่ายเจ้าหญิงแห่งจักรววรดิและดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมการต่างประเทศ 

 

เจ้าหญิงมองชายตรงหน้าก่อนถอนใจออกมาดังๆ

 

 

 

“เซอร์ ไฮเดลเบิร์ก(Sir Heidelburg) ข้าทำอย่างนั้นเพื่อให้พวกเขารู้ทั่วกันนั่นแหละ” 

 

“แต่ชนชั้นสูงเหล่านั้นก็ไม่ได้ใยดี องค์หญิงเองก็เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วกันว่า เป็นบุคคลที่ดื้อดึงที่สุดในทวีป”

 

“ข้ากำลังโมโหน่ะ”

 

เธอเอนกายลงกับโซฟาสุดหรู ความโกรธของเธอสุดท้ายก็ทุเลาลงหลังได้ระบายออกมาบ้าง ในตอนนี้เธอคำรามออกมา

 

“ข้าน่ะ อายุแค่ 16 ปี เท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนจะมีผมหงอกก่อนวัยอันควร

……. พนันกันไหมว่า ถ้าข้าไม่ตายห่าไปก่อน ข้าก็คงจะป่วยเป็นโรคประสาทอันเนื่องจากเก็บกดความโกรธและความเครียดไว้มากเกินไป และจะเห็นผลกันใน 10ปีนี้นี่แหละ”

 

“เส้นผมขององค์หญิงไม่ใช่สีเงินหรอกหรือ? ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกขอรับ หากผมของท่าจะเริ่มกลายเป็นเทา”

 

“นี่พยายามจะพูดตลกให้ข้าขำตอนนี้สินะ?”

 

มุมปากของเจ้าหญิงบิดเบี้ยว เจ้ากรมการต่างประเทศหัวเราะออกมา

 

จากนั้นก็หุบยิ้มแล้วทำหน้าจริงจังในทันที

 

“ผู้ส่งข่าวมาถึงแล้ว กองกำลังพันธมิตรบริททานี่-บัทตาเวีย(Brittany-Batavia)

บุกเข้าปราบปรามปราสาทจอมมารลำดับ 48 โครเค่ลแล้ว

 

พวกเขานำทัพราว 3,000 นา รวมถึงฝ่ายพันธมิตร แล้วก็บอกด้วยว่า ในปราสาทจอมมารมีทรัพย์สินมีค่ามากมาย แจกเป็นรายหัวก็ตกหัวละ 10 โกลด์ ดังนั้นสิ่งที่ได้ยินมามันไม่ได้เกินความจริงเลย”

 

สีหน้าของเจ้าหญิงนั้นกลายเป็นตึงเคร่งในทันที

 

“นี่นายคิดที่จะระบายความแค้นใจของคนในชาติลงกับจอมมารรึ? นี่ออกจะน่ารังเกียจเกินไปหน่อย”

 

“เรื่องที่หนึ่งในจอมมารนั้นเป็นผู้แพร่กระจายกาฬโรคออกไป อาจจะเป็นความด้วยซ้ำ  เหล่าราชวงศ์จึงต้องการจะจัดการพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าโทษพวกราชวงศ์เลย……. ผมต้องขออภัยนะ องค์หญิง พวกเราไม่ได้มีทางเลือกมากนักหรอก”

 

“แล้วเหล่าทหารระดับสูงของพวกเราว่ายังไงบ้าง?”

 

 

“พวกเขาบอกว่า พร้อมจะปฏิบัติตามรับสั่งทันทีที่องค์หญิงบัญชา”

 

เจ้าหญิงกลับถอนใจ

 

 

“เซอร์ ไฮเดลเบิร์ก”

 

“ครับ องค์หญิง”

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชาติอันเน่าเฟะของเรานี้มันดำรงอยู่ได้อย่างไร?”

ึคิ้วของเจ้ากรมการต่างประเทศกลับขมวดขึ้น ก่อนจะพูดออกมาโดยไม่ลังเล

 

 

“เพราะการกระทำอันเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมขององค์จักรพรรดิและเพราะพวกเราได้รับการอวยพรจากพระเจ้า…….”

 

“เลิกพ่นคำสรรเสริญเหม็นๆออกมาได้แล้ว มันมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ เพราะการทหารของเรานั้นทรงประสิทธิภาพอย่างมาก”

 

เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธนั้นเดินตรงไปคว้าเอาขวดไวน์ที่อยู่บนโต๊ะมาดื่ม มันเป็นพฤติกรรมที่ราชนุกูลไม่ควรแสดงให้ใครเห็น แต่ทั้งไฮเดลเบิร์ก เจ้ากรมการต่างประเทศและ ชาร์ล อัศวินองค์รักษ์ ไม่อาจพูดคำใดเพื่อหยุดเธอได้ เธอดื่มไวน์ครึ่งขวดทีเหลือหมดในทันใด

 

 

“ฮ่าาาช์ ความโกรธแค้นที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในประเทศนี้ ทั้งความยากแค้นจากการเก็บเกี่ยว เศรษฐกิจที่พังทลาย ปัญหาการเมืองภายใน รวมถึงโรคระบาดใหญ่ในปีนี้อีก

 

แม้ทุกอย่างมันจะสั่งสม แต่จักรวรรดิฮับบวร์กอันยิ่งใหญ่ก็ยังยกทัพไปบุกที่ไหนสักแห่งอยู่ดี แล้วพวกเราก็ได้ชัยชนะมา คนของเราก็ดื่มเมากับชัยชนะพวกนั้น แต่ก็ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพื่อหลงลืมความเจ็บปวดจากความเป็นจริง

 

……. ความเป็นจริงที่ว่า พวกเราปกปิดความล้มเหลวระดับชาติด้วยความสำเร็จทางการทหาร

 

อาจจะต้องขอบคุณโชคดีที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ที่เหล่านายพลทั้งหลายผู้ยิ่งใหญ่ต่างมาเกิดในจักรวรรดิฮับบวร์ก ในช่วงเวลานับร้อยปี จำนวนสงครามที่อาณาจักรฮับบวร์กพ่ายแพ้นั้นนับได้ด้วยมือข้างเดียว แถมยังไม่ใช่การแพ้ครั้งใหญ่เสียด้วย ผู้คนต่างภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของจักรวรรดิและปลอบใจตัวเองเสมอว่า แม้นชีวิตจะยากแค้นแต่ก็ยังดีกว่าประเทศอื่น

 

มันเป็นระบบที่เน่าเฟะเละเทะเกินไป ชนชั้นสูงในวังต่างเชื่อว่า การทหารจะจัดการทุกอย่างแทนพวกเขาได้

สามัญชนก็เชื่ออย่างนั้นด้วย แทนที่จะพยายามแก้ปัญหาบางอย่างทางการเมือง แต่พวกเขาก็เลือกที่จะสั่งสมกองกำลังเพิ่มขึ้น

 

…….พอกลายเป็นกองทหารของพวกเราแล้ว จักรวรรดิก็ไม่ได้สนใจจะแยกอีกแล้วว่า เป็นขุนนางหรือสามัญชน”

 

“กองกำลังของพวกเรานั้นได้รับพรอันยิ่งใหญ่”

 

“เรื่องนั้น ข้ารู้ดี!”

เธอทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ

 

“แต่ในทางกลับกัน ความสามารถทั้งหลายก็เริ่มห่างหายไปจากจักรวรรดิ แม้แต่หัวหน้าผู้ติดตามเองก็ไม่ยอมทำอะไรเพียงเพราะเชื่อว่า สามารถปกปิดความด้อยความสามารถของตนด้วยสงครามได้!? 

 

มันเกิดมาอย่างนั้นซ้ำๆตลอด ไม่มีใครเอะใจฉุกคิด พวกเขาต่างแนะนำให้ ปลดปล่อยความโกรธแค้นชิงชังเรื่องกาฬโรคไปสู่สงครามกับจอมมาร!”

 

“องค์หญิงครับ”

 

“มันเกิดอะไรขึ้นกับความรับผิดชอบต่อการที่ไม่สามารถจัดการกักกันโรคะบาดได้ทันท่วงทีล่ะ? 

มันเกิดอะไรขึ้นกับการที่กระจายสมุนไพรดำได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการล่ะ……? 

ข้าเบื่อเรื่องพวกนี้เต็มทนแล้ว พวกมันไม่มี พวกมันไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย”

 

ความเงียบครอบงำบรรยากาศในห้อง เจ้ากรมและอัศวินก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ตอนนั้นเองที่เจ้าหญิงตระหนักได้ว่า ถึงระบายโทสะออกมาก็เปล่าประโยชน์ เธอจึงเอ่ยปากขอโทษขึ้น

 

“ข้าขอโทษ ข้าให้เจ้าทั้งสองเห็นสิ่งที่ไม่สมควรแล้ว”

 

“อย่าใส่ใจเรื่องนั้นเลยองค์หญิง พวกเรารู้ดีว่าพระองค์นั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของประเทศชาติมากยิ่งกว่าใครทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม พวกเราปรารถนาว่า องค์หญิงจะเห็นด้วยและเข้าร่วมในการกวาดล้างปราสาทจอมมารด้วยเช่นกัน”

 

เจ้ากรมการต่างประเทศพูดขึ้นมาด้วยเสียงเริงร่า

 

“ข้าเคยได้เล็งปราสาทจอมมารที่เหมาะๆไว้แล้ว ว่าแต่องค์หญิง เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับบริษัทเคียนคุสก้าไหมครับ?”

 

“บริษัทเคียนคุสก้า?”

 

เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิจมอยู่ในห้วงนึก แม้เธอจะรู้จักกับกลุ่มพ่อค้าเกือบ 300 กลุ่มแต่ ชื่อบริษัทเคียนคุสก้านั้นเธอไม่รู้จักเลย จึงส่ายหัวแทนคำตอบ

 

 

“เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินชื่อของมัน”

 

“มันเป็นบริษัทที่มีน้อยคนนักที่จะรู้จัก นั่นเป็นเพราะพวกเขาทำงานอยู่ในโลกปีศาจ พวกเขาสามารถจัดหาสิ่งของที่มนุษย์ต้องการมาอยู่ในมือได้ แต่ก็มีแค่พวกชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถใช้บริการกับพวกเขา”

 

“อ้อ อย่างนี้เอง”

 

ความอ่อนล้าในดวงตาของเจ้าหญิงพลันหายไปในทันใด กลุ่มพ่อค้าที่ทำงานอยุ่ในโลกปีศาจนั้นเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก เจ้ากรมเห็นว่าอารมณ์ขององค์หญิงดีขึ้น

 

เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและเป็นกันเอง แล้วก็บอกเล่าให้เธอฟังเรื่องความรู้ที่กว้างขวางเกี่ยวกับโลกปีศาจ

 

ขุนนางที่ผงาดขึ้นในช่วงวัยยี่สิบปี ชายหนุ่มที่มีทั้งพรสวรรค์และแรงปรารถนา เมื่อเขาตระหนักได้ว่าอนาคตจักรวรรดินั้นอยู่กับเจ้าหญิง เธอก็สาบานตนจงรักภักดีกับเธอ

 

เธอมีนิสัยที่จะเปลี่ยนการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงเพื่อให้เจ้านายของตนมีความสุข เจ้าหญิงรู้อย่างนั้นจึงผ่อนคลายลง

 

‘ในโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่บ้าง ยังมีบุคคลมีความสามารถในหมู่ชนชั้นสูงหนุ่มสาว’

 

แม้หัวหน้าผู้ติดตามจะเป็นผู้คุมจักรวรรดิด้วยความละโมบโลภมาก;แต่ถึงอย่างนั้นผู้สืบทอดของพวกเขากลับแตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่มีเกียรติจนไม่น่าเชื่อว่า มีสายเลือดเดียวกันแล้ว ยังมีพรสวรรค์ผิดกันอีกด้วย 

 

หลังจากนี้ไปอีกทศวรรษ(10ปี) พวกเขาจะได้รับฉายาชนชั้นสูงต่อจากพ่อ แล้วจักรวรรดิก็จะพลิกโฉมใหม่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง…….”

 

‘สิ่งที่จักวรรดิต้องการคือเวลา10ปี’

 

รอยยิ้มของเจ้าหญิงได้กลับคืนมา เธอได้อดทนผ่านวันและเวลาด้วยความหวังถึงในอนาคต

เธอหัวเราะคิกกับทักษะการพูดของเขา และจู่ๆเธอก็เกิดคำถามขึ้นมา

 

‘……เจ้าคนห่วยพวกนั้นมีบุตรหลายที่เปี่ยมด้วยความสามารถอย่างนี้ได้อย่างไรกันนะ?’

เธอไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็เลิกสนใจมัน

 

แม้แต่ตัวเธอเองก็เป็นบุตรีของจักรพรรดิผู้บ้าตัณหา ดูเหมือนว่าคำกล่าวอ้างที่บอกว่า ลูกเหมือนพ่อแม่นั้นเป็นดั่งคำโกหก

 

ช่องว่างของรุ่นปัจจุบันที่ไร้ความสามารถและ รุ่นต่อไปที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยม ราวกับมีใครบางคนตั้งใจทำให้คนทั้งสองรุ่นแยกออกจากกัน

 

‘ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า’

 

เธอตำหนิตนเองที่คิดอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไรเสีย มันก็ยังมีหวังอยู่

 

ในเวลาเพียง 10 ปี การไร้ความรับผิดชอบ,ความละโมบ,ความไร้ความสามารถในปัจจุบันที่ปกคลุมทั้งจักรวรรดิอยู่จะมลายหายไป

 

การปกปิดความชั่วช้าทางการเมืองด้วยสงคราม⎯⎯นั้นเป็นการแก้ปัญหาเพียงลวกๆ มันจะจบลงอย่างง่ายดายในอีก 10ปีนี้

 

 

“มีข้อมูลลับที่ผมได้รับมาจากบริษัทเคียนคุสก้าครับ  ปราสาทจอมมาร ลำดับ 68 เบเลี่ยลนั้นมีทองอยู่ในปริมาณมาก”

 

“ลำดับ 68 รึ ? อันดับมันไม่ต่ำไปหน่อยหรืออย่างไร? อันที่จริงแล้วยิ่งอันดับสูงเท่าไหร่ สินค้าที่ให้ปล้นในปราสาทจอมมารก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น”

 

“ข้าก็เป็นห่วงเรื่องนั้น แต่คนจากบริษัทพูดว่า…….”

 

เพียงชั่วระยะเวลาการหารือกันสั้นๆ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรด์ได้ประทับตายืนยันให้ทหารเดินทัพ โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายนัก

 

เมื่อเทียบกับผู้ติดตามในวังแล้ว ทหารหลวงของจักรวรรดิฮัมบวร์กนั้นมีศักยภาพเหนือกว่ามาก ทหารหลวงเพียงพันนายก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับ จอมมารดาดๆลำดับ 68 

 

สำหรับเจ้าหญิง จอมมารนั้นมิได้เป็นอะไรมากไปกว่าพวกโง่เขลา พวกมันไม่เคยจะผนึกกำลังกัน ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานับพันปีพิสูจน์เรื่องนั้นแล้ว

อลิซาเบธ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ มั่นใจว่า แนวคิดของพวกมันไม่มีทางจะอยู่ๆมาเปลี่ยนไปเพียงเพราะปราสาทแห่งหนึ่งถูกพิชิตลง

 

จากความเห็นชอบของเธอ กองทัพก็ได้รับอนุญาตให้เดินทางได้ในทันที หลังการประชุมของชนชั้นสูงในรุ่งเช้า

 

แม้แต่เหล่าขุนนางก็ยังยินดีที่จะส่งทหารไประบายความโกรธแค้นเรื่องกาฬโรคใส่จอมมารด้วยเช่นกัน ทหารของจักรวรรดิจึงเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางทันทีหลังได้รับคำสั่ง

 

แต่มีสองสิ่งที่ อลิซาเบธ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ และ จักรวรรดิฮัมบวร์กมองข้ามไป

 

อย่างแรก ไม่ใช่เพียงจักรวรรดิฮัมบวร์ก ชาติเดียวเท่านั้นในทวีปมนุษย์ที่ระดมกำลังทหารมุ่งหน้าสู่ปราสาทจอมมาร 

ดังนั้น ปราสาทจอมมารถึง 12 แห่งจึงถูกกลืนกินเข้าไปด้วยเปลวเพลิงแห่งสงคราม

 

และอย่างที่สองข้อมูลจากบริษัทเคียนคุสก้านั้นถูกบิดเบือน

 

 

 

“แล้วพวกมันก็บอกข้าว่า อาหารในโลกปีศาจนั้นปกติแล้วจะเผ็ดมาก! เอาจริงนะ ข้าน่ะคิดว่า ลิ้นข้าแทบจะทะลุแล้วซะอีก!”

 

“ฮุฮุ”

 

เจ้าหญิงผู้อ่อนเยาว์หัวเราะอย่างเบาๆเนื่องจากท่าทางเกินจริงของเจ้ากรม

 

สุดท้ายแล้ว เธอไม่รู้เลยว่า ทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่จอมมารตนหนึ่งวางไว้ ไม่ใช่แค่เธอ แต่ผู้นำทัพทั้ง 12 ชาติที่อยู่ในทวีปต่างไม่รู้เรื่องนั้นเช่นกัน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dungeon Defense (WN) 72 การเตะถ่วงในสภาสูง(2)

Now you are reading Dungeon Defense (WN) Chapter 72 การเตะถ่วงในสภาสูง(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

การประชุมจบลง

เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ อลิซาเบธปล่อยผมแล้วเดินกลับสำนักงาน เธอแทบจะทิ้งตัวลงกองกับพื้น

 

“ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!”

 

“ดะ-ได้โปรดสงบลงด้วย องค์หญิง”

 

“ให้ข้าสงบงั้นเหรอ? แล้วข้าดูเหมือนจะสงบลงได้ไหมเล่า? ความโรแมนติกทางเพศ? ไอ้พวกห่าพันธุ์ทางเอ๊ย ถ้าข้าเคี้ยวพวกมันได้ ข้าก็ยินดีจะกลายเป็นเป็นพวกกินมนุษย์เลยล่ะ”

 

(TTL : ดร.ฮันนาบาล เล็กเตอร์ ถูกใจสิ่งนี้!)

 

เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิทนเก็บความโกรธไม่ไหวจึงต่อยกำแพงระบายออกมา

 

ปัง!

 

จุดที่เธอต่อยลงไปเกิดรูขึ้น 

เมื่อเธอกลายเป็นนักดาบผู้สามารถควบคุมออร่าได้ดังใจ กำแพงก็ไม่สามารถทนต่อพละกำลังมหาศาลได้อีก 

 

ชาร์ล ผู้เป็นอัศวินหลับตาลงด้วยความสั่นสะท้าน หากเธออาละวาดขึ้นมา ต่อให้จักรพรรดิจะมาเองก็คงไม่สามารถหยุดเธอได้แน่

 

 

“ผู้คนของจักรวรรดิเรายังคงล้มตายไปมากมายต่อเนื่องเพราะกาฬโรค! การเงินของเราก็ชิบหายวายป่วงในขณะที่พวกมันยังคงจัดงานเลี้ยงฉลองกัน ส่วนทางการทหารของเราก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำงานตามหน้าที่ได้อย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้พวกหมาโง่นั่น”

 

“กรุณาอย่าให้คำน่ารังเกียจเช่นนั้นออกจากปากอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์หญิงเลยครับ…….”

 

“ไอ้ลูกกะหรี่นั่นมันรวมหัวกันวันนี้แล้วแกล้งทำเป็นทะเลาะเตะถ่วง! พวกมันไม่ทำห่าอะไรกันเลย! พวกมันยกหน้าที่บริหารจัดการให้กับตัวแทนในดินแดนของพวกมันแล้วมานั่งเล่นนั่งเสเพลกันอยู่ในวังแห่งนี้!”

 

องค์หญิงโกรธจนควันออกหู

 

“จักรวรรดินั้นมันหมดหวังแล้วล่ะ แทบไม่ต่างจากท่อระบายน้ำด้วยซ้ำ”

 

“อะ-องค์หญิงครับ”

 

อัศวินข้างกายมีเหงื่อไหลซึมออกมา

ไม่ใช่แค่ผู้คนในจักรวรรดิเท่านั้นที่เห็นสัญญาณของอนาคตที่เสื่อมถอยลงของจักรวรรดิฮัมบวร์ก คนทั้งทวีปต่างก็ล่วงรู้เรื่องนี้ดี แต่ถึงอย่างนั้น ที่นี่มันคือ วังหลวง หัวใจของจักรวรรดิ

 

ใครจะไปล่วงรู้กันได้เล่า จะถูกข้อหาอะไรหากพูดจาใส่ร้ายประเทศชาติ เจ้าหญิงยังคงตะโกนด่าต่อไปแม้อัศวินข้างๆจะพยายามให้เธอสงบลง

 

“พวกมันคงคิดว่า การมีอยู่ของข้านั้นน่ารังเกียจสินะ!?”

 

เธอรู้เรื่องนั้นดี ชนชั้นสูงทั้งหลายนั้นไร้น้ำยา แต่ก็กลับมีเล่ห์เหลี่ยมเหลือร้ายทันทีกับเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ตนเอง เหตุผลเดียวที่พวกมันคงพูดคุยเรื่องไร้แก่นสารอย่างรสนิยมทางเพศนั้นก็เพราะพวกเขาอยากขับไล่เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิออกไป

 

นานมากแล้วนับแต่ครั้งสุดท้ายที่เจ้าชายลำดับหนึ่งและลำดับสองเลิกเข้าร่วมการประชุมสภาสูง พวกเขาเอาแต่วนเล่นไล่จับกับสาวใช้ด้วยมือทั้งสองข้าง เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินั้นได้เข้าร่วมสภาแทนพวกเขาทั้งสอง ฝั่งชนชั้นสูงที่เข้าร่วมทั้งฝ่ายเจ้าชายลำดับหนึ่งและสองต่างอึดอัดใจกับเรื่องนี้

 

พวกเขากลัวว่า วาระการประชุมนั้นอาจเป็นประโยชน์เอื้อให้กับฝ่ายเจ้าหญิงหากเขาทำผิดพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียว

 

นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมถึงพยายามลากประเด็นลามกและเกี่ยวข้องกับการร่วมสายเลือด เพราะพวกเขารู้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นความน่าอับอายของหญิงสาวผู้ทรงคุณธรรม

 

เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า ผลกระทบทางการเมืองจะเป็นอย่างไร 

หากข่าวที่ว่า “ดูเหมือนเจ้าหญิงจะสนใจเรื่องรักร่วมเพศและการร่วมรักในสายเลือด”นั้นได้แพร่ออกไป……. 

 

เจ้าหญิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรออยู่อย่างเงียบๆจนกระทั่งจบวาระนั้นลง

เหล่าชนชั้นสูงต่างต่อต้านอลิซาเบธ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ อย่างลับๆ

 

⎯ พวกเรานั้นไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรีอยู่แล้วต่อให้ทำตัวเหมือนคนโง่เง่าก็ตามที

 

⎯แต่ถึงอย่างนั้น แล้วองค์หญิงเองล่ะ ท่านน่ะมีสิ่งที่ไม่อยากเสียไปอยู่ใช่ไหม?

 

 

⎯ ที่แห่งนี้น่ะเป็นห้องที่มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่เข้าร่วมได้ ออกไปแต่โดยดีเพื่อถนอมหูอันมีค่าของท่านไว้เถอะ แล้วมติการประชุมระดับชาติพวกเราจะจัดการกันเอง

 

พวกเขาพยายามผลักไสเจ้าหญิงออกอย่างสุภาพ แม้แต่ฝ่ายเจ้าหญิงด้วยกันเองก็ยังเห็นด้วยกับพวกเขา โดยอ้างว่า เธอควรจะปล่อยให้พวกเขาที่เป็นลูกน้องจัดการกันเองอย่างสบายใจ

 

แต่มีหรือที่เจ้าหญิงจะไม่ตระหนักถึงเจตนาที่แท้จริงของพวกเขา? พวกเขานั้นก็แค่ไม่ต้องการให้อำนาจการตัดสินใจของตนถูกขัด

 

สุดท้ายแล้วเวลาก็ผ่านไป และการประชุมก็ลงมติว่า ขอเลื่อนวาระไปก่อน เหล่าชนชั้นสูงทั้งหลายต่างแยกย้ายไปโดยไม่มีการผ่านร่างใดๆทั้งนั้น แต่ไม่จบเพียงเท่านั้น

 

ไม่ถึงชั่วโมงหลังการประชุมจบลงก็มีข่าวแพร่กระจายไปว่า มีชนชั้นสูงสองคนถูกเจ้าหญิงสั่งลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม ข่าวนั้นแพร่ไปไกลจนถึงสาวใช้

 

เจ้าหญิงตระหนักชัดแล้วว่า พวกกลุ่มผลประโยชน์นั่นทำตัวไร้ศักดิ์ศรีและน่าเบื่อหน่ายเพียงไร

 

 

“โอ้ ที่รัก แรงสะเทือนจากลูกเตะขององค์หญิงไปไกลถึงอีกฝั่งของวังเลย”

 

ประตูเปิดออกและมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสำนักงาน เขาแสดงรอยยิ้มอันสดใสอบู่บนใบหน้า เขานั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของฝ่ายเจ้าหญิงแห่งจักรววรดิและดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมการต่างประเทศ 

 

เจ้าหญิงมองชายตรงหน้าก่อนถอนใจออกมาดังๆ

 

 

 

“เซอร์ ไฮเดลเบิร์ก(Sir Heidelburg) ข้าทำอย่างนั้นเพื่อให้พวกเขารู้ทั่วกันนั่นแหละ” 

 

“แต่ชนชั้นสูงเหล่านั้นก็ไม่ได้ใยดี องค์หญิงเองก็เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วกันว่า เป็นบุคคลที่ดื้อดึงที่สุดในทวีป”

 

“ข้ากำลังโมโหน่ะ”

 

เธอเอนกายลงกับโซฟาสุดหรู ความโกรธของเธอสุดท้ายก็ทุเลาลงหลังได้ระบายออกมาบ้าง ในตอนนี้เธอคำรามออกมา

 

“ข้าน่ะ อายุแค่ 16 ปี เท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนจะมีผมหงอกก่อนวัยอันควร

……. พนันกันไหมว่า ถ้าข้าไม่ตายห่าไปก่อน ข้าก็คงจะป่วยเป็นโรคประสาทอันเนื่องจากเก็บกดความโกรธและความเครียดไว้มากเกินไป และจะเห็นผลกันใน 10ปีนี้นี่แหละ”

 

“เส้นผมขององค์หญิงไม่ใช่สีเงินหรอกหรือ? ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกขอรับ หากผมของท่าจะเริ่มกลายเป็นเทา”

 

“นี่พยายามจะพูดตลกให้ข้าขำตอนนี้สินะ?”

 

มุมปากของเจ้าหญิงบิดเบี้ยว เจ้ากรมการต่างประเทศหัวเราะออกมา

 

จากนั้นก็หุบยิ้มแล้วทำหน้าจริงจังในทันที

 

“ผู้ส่งข่าวมาถึงแล้ว กองกำลังพันธมิตรบริททานี่-บัทตาเวีย(Brittany-Batavia)

บุกเข้าปราบปรามปราสาทจอมมารลำดับ 48 โครเค่ลแล้ว

 

พวกเขานำทัพราว 3,000 นา รวมถึงฝ่ายพันธมิตร แล้วก็บอกด้วยว่า ในปราสาทจอมมารมีทรัพย์สินมีค่ามากมาย แจกเป็นรายหัวก็ตกหัวละ 10 โกลด์ ดังนั้นสิ่งที่ได้ยินมามันไม่ได้เกินความจริงเลย”

 

สีหน้าของเจ้าหญิงนั้นกลายเป็นตึงเคร่งในทันที

 

“นี่นายคิดที่จะระบายความแค้นใจของคนในชาติลงกับจอมมารรึ? นี่ออกจะน่ารังเกียจเกินไปหน่อย”

 

“เรื่องที่หนึ่งในจอมมารนั้นเป็นผู้แพร่กระจายกาฬโรคออกไป อาจจะเป็นความด้วยซ้ำ  เหล่าราชวงศ์จึงต้องการจะจัดการพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าโทษพวกราชวงศ์เลย……. ผมต้องขออภัยนะ องค์หญิง พวกเราไม่ได้มีทางเลือกมากนักหรอก”

 

“แล้วเหล่าทหารระดับสูงของพวกเราว่ายังไงบ้าง?”

 

 

“พวกเขาบอกว่า พร้อมจะปฏิบัติตามรับสั่งทันทีที่องค์หญิงบัญชา”

 

เจ้าหญิงกลับถอนใจ

 

 

“เซอร์ ไฮเดลเบิร์ก”

 

“ครับ องค์หญิง”

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชาติอันเน่าเฟะของเรานี้มันดำรงอยู่ได้อย่างไร?”

ึคิ้วของเจ้ากรมการต่างประเทศกลับขมวดขึ้น ก่อนจะพูดออกมาโดยไม่ลังเล

 

 

“เพราะการกระทำอันเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมขององค์จักรพรรดิและเพราะพวกเราได้รับการอวยพรจากพระเจ้า…….”

 

“เลิกพ่นคำสรรเสริญเหม็นๆออกมาได้แล้ว มันมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ เพราะการทหารของเรานั้นทรงประสิทธิภาพอย่างมาก”

 

เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธนั้นเดินตรงไปคว้าเอาขวดไวน์ที่อยู่บนโต๊ะมาดื่ม มันเป็นพฤติกรรมที่ราชนุกูลไม่ควรแสดงให้ใครเห็น แต่ทั้งไฮเดลเบิร์ก เจ้ากรมการต่างประเทศและ ชาร์ล อัศวินองค์รักษ์ ไม่อาจพูดคำใดเพื่อหยุดเธอได้ เธอดื่มไวน์ครึ่งขวดทีเหลือหมดในทันใด

 

 

“ฮ่าาาช์ ความโกรธแค้นที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในประเทศนี้ ทั้งความยากแค้นจากการเก็บเกี่ยว เศรษฐกิจที่พังทลาย ปัญหาการเมืองภายใน รวมถึงโรคระบาดใหญ่ในปีนี้อีก

 

แม้ทุกอย่างมันจะสั่งสม แต่จักรวรรดิฮับบวร์กอันยิ่งใหญ่ก็ยังยกทัพไปบุกที่ไหนสักแห่งอยู่ดี แล้วพวกเราก็ได้ชัยชนะมา คนของเราก็ดื่มเมากับชัยชนะพวกนั้น แต่ก็ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพื่อหลงลืมความเจ็บปวดจากความเป็นจริง

 

……. ความเป็นจริงที่ว่า พวกเราปกปิดความล้มเหลวระดับชาติด้วยความสำเร็จทางการทหาร

 

อาจจะต้องขอบคุณโชคดีที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ที่เหล่านายพลทั้งหลายผู้ยิ่งใหญ่ต่างมาเกิดในจักรวรรดิฮับบวร์ก ในช่วงเวลานับร้อยปี จำนวนสงครามที่อาณาจักรฮับบวร์กพ่ายแพ้นั้นนับได้ด้วยมือข้างเดียว แถมยังไม่ใช่การแพ้ครั้งใหญ่เสียด้วย ผู้คนต่างภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของจักรวรรดิและปลอบใจตัวเองเสมอว่า แม้นชีวิตจะยากแค้นแต่ก็ยังดีกว่าประเทศอื่น

 

มันเป็นระบบที่เน่าเฟะเละเทะเกินไป ชนชั้นสูงในวังต่างเชื่อว่า การทหารจะจัดการทุกอย่างแทนพวกเขาได้

สามัญชนก็เชื่ออย่างนั้นด้วย แทนที่จะพยายามแก้ปัญหาบางอย่างทางการเมือง แต่พวกเขาก็เลือกที่จะสั่งสมกองกำลังเพิ่มขึ้น

 

…….พอกลายเป็นกองทหารของพวกเราแล้ว จักรวรรดิก็ไม่ได้สนใจจะแยกอีกแล้วว่า เป็นขุนนางหรือสามัญชน”

 

“กองกำลังของพวกเรานั้นได้รับพรอันยิ่งใหญ่”

 

“เรื่องนั้น ข้ารู้ดี!”

เธอทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ

 

“แต่ในทางกลับกัน ความสามารถทั้งหลายก็เริ่มห่างหายไปจากจักรวรรดิ แม้แต่หัวหน้าผู้ติดตามเองก็ไม่ยอมทำอะไรเพียงเพราะเชื่อว่า สามารถปกปิดความด้อยความสามารถของตนด้วยสงครามได้!? 

 

มันเกิดมาอย่างนั้นซ้ำๆตลอด ไม่มีใครเอะใจฉุกคิด พวกเขาต่างแนะนำให้ ปลดปล่อยความโกรธแค้นชิงชังเรื่องกาฬโรคไปสู่สงครามกับจอมมาร!”

 

“องค์หญิงครับ”

 

“มันเกิดอะไรขึ้นกับความรับผิดชอบต่อการที่ไม่สามารถจัดการกักกันโรคะบาดได้ทันท่วงทีล่ะ? 

มันเกิดอะไรขึ้นกับการที่กระจายสมุนไพรดำได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการล่ะ……? 

ข้าเบื่อเรื่องพวกนี้เต็มทนแล้ว พวกมันไม่มี พวกมันไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย”

 

ความเงียบครอบงำบรรยากาศในห้อง เจ้ากรมและอัศวินก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ตอนนั้นเองที่เจ้าหญิงตระหนักได้ว่า ถึงระบายโทสะออกมาก็เปล่าประโยชน์ เธอจึงเอ่ยปากขอโทษขึ้น

 

“ข้าขอโทษ ข้าให้เจ้าทั้งสองเห็นสิ่งที่ไม่สมควรแล้ว”

 

“อย่าใส่ใจเรื่องนั้นเลยองค์หญิง พวกเรารู้ดีว่าพระองค์นั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของประเทศชาติมากยิ่งกว่าใครทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม พวกเราปรารถนาว่า องค์หญิงจะเห็นด้วยและเข้าร่วมในการกวาดล้างปราสาทจอมมารด้วยเช่นกัน”

 

เจ้ากรมการต่างประเทศพูดขึ้นมาด้วยเสียงเริงร่า

 

“ข้าเคยได้เล็งปราสาทจอมมารที่เหมาะๆไว้แล้ว ว่าแต่องค์หญิง เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับบริษัทเคียนคุสก้าไหมครับ?”

 

“บริษัทเคียนคุสก้า?”

 

เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิจมอยู่ในห้วงนึก แม้เธอจะรู้จักกับกลุ่มพ่อค้าเกือบ 300 กลุ่มแต่ ชื่อบริษัทเคียนคุสก้านั้นเธอไม่รู้จักเลย จึงส่ายหัวแทนคำตอบ

 

 

“เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินชื่อของมัน”

 

“มันเป็นบริษัทที่มีน้อยคนนักที่จะรู้จัก นั่นเป็นเพราะพวกเขาทำงานอยู่ในโลกปีศาจ พวกเขาสามารถจัดหาสิ่งของที่มนุษย์ต้องการมาอยู่ในมือได้ แต่ก็มีแค่พวกชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถใช้บริการกับพวกเขา”

 

“อ้อ อย่างนี้เอง”

 

ความอ่อนล้าในดวงตาของเจ้าหญิงพลันหายไปในทันใด กลุ่มพ่อค้าที่ทำงานอยุ่ในโลกปีศาจนั้นเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก เจ้ากรมเห็นว่าอารมณ์ขององค์หญิงดีขึ้น

 

เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและเป็นกันเอง แล้วก็บอกเล่าให้เธอฟังเรื่องความรู้ที่กว้างขวางเกี่ยวกับโลกปีศาจ

 

ขุนนางที่ผงาดขึ้นในช่วงวัยยี่สิบปี ชายหนุ่มที่มีทั้งพรสวรรค์และแรงปรารถนา เมื่อเขาตระหนักได้ว่าอนาคตจักรวรรดินั้นอยู่กับเจ้าหญิง เธอก็สาบานตนจงรักภักดีกับเธอ

 

เธอมีนิสัยที่จะเปลี่ยนการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงเพื่อให้เจ้านายของตนมีความสุข เจ้าหญิงรู้อย่างนั้นจึงผ่อนคลายลง

 

‘ในโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่บ้าง ยังมีบุคคลมีความสามารถในหมู่ชนชั้นสูงหนุ่มสาว’

 

แม้หัวหน้าผู้ติดตามจะเป็นผู้คุมจักรวรรดิด้วยความละโมบโลภมาก;แต่ถึงอย่างนั้นผู้สืบทอดของพวกเขากลับแตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่มีเกียรติจนไม่น่าเชื่อว่า มีสายเลือดเดียวกันแล้ว ยังมีพรสวรรค์ผิดกันอีกด้วย 

 

หลังจากนี้ไปอีกทศวรรษ(10ปี) พวกเขาจะได้รับฉายาชนชั้นสูงต่อจากพ่อ แล้วจักรวรรดิก็จะพลิกโฉมใหม่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง…….”

 

‘สิ่งที่จักวรรดิต้องการคือเวลา10ปี’

 

รอยยิ้มของเจ้าหญิงได้กลับคืนมา เธอได้อดทนผ่านวันและเวลาด้วยความหวังถึงในอนาคต

เธอหัวเราะคิกกับทักษะการพูดของเขา และจู่ๆเธอก็เกิดคำถามขึ้นมา

 

‘……เจ้าคนห่วยพวกนั้นมีบุตรหลายที่เปี่ยมด้วยความสามารถอย่างนี้ได้อย่างไรกันนะ?’

เธอไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็เลิกสนใจมัน

 

แม้แต่ตัวเธอเองก็เป็นบุตรีของจักรพรรดิผู้บ้าตัณหา ดูเหมือนว่าคำกล่าวอ้างที่บอกว่า ลูกเหมือนพ่อแม่นั้นเป็นดั่งคำโกหก

 

ช่องว่างของรุ่นปัจจุบันที่ไร้ความสามารถและ รุ่นต่อไปที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยม ราวกับมีใครบางคนตั้งใจทำให้คนทั้งสองรุ่นแยกออกจากกัน

 

‘ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า’

 

เธอตำหนิตนเองที่คิดอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไรเสีย มันก็ยังมีหวังอยู่

 

ในเวลาเพียง 10 ปี การไร้ความรับผิดชอบ,ความละโมบ,ความไร้ความสามารถในปัจจุบันที่ปกคลุมทั้งจักรวรรดิอยู่จะมลายหายไป

 

การปกปิดความชั่วช้าทางการเมืองด้วยสงคราม⎯⎯นั้นเป็นการแก้ปัญหาเพียงลวกๆ มันจะจบลงอย่างง่ายดายในอีก 10ปีนี้

 

 

“มีข้อมูลลับที่ผมได้รับมาจากบริษัทเคียนคุสก้าครับ  ปราสาทจอมมาร ลำดับ 68 เบเลี่ยลนั้นมีทองอยู่ในปริมาณมาก”

 

“ลำดับ 68 รึ ? อันดับมันไม่ต่ำไปหน่อยหรืออย่างไร? อันที่จริงแล้วยิ่งอันดับสูงเท่าไหร่ สินค้าที่ให้ปล้นในปราสาทจอมมารก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น”

 

“ข้าก็เป็นห่วงเรื่องนั้น แต่คนจากบริษัทพูดว่า…….”

 

เพียงชั่วระยะเวลาการหารือกันสั้นๆ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรด์ได้ประทับตายืนยันให้ทหารเดินทัพ โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายนัก

 

เมื่อเทียบกับผู้ติดตามในวังแล้ว ทหารหลวงของจักรวรรดิฮัมบวร์กนั้นมีศักยภาพเหนือกว่ามาก ทหารหลวงเพียงพันนายก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับ จอมมารดาดๆลำดับ 68 

 

สำหรับเจ้าหญิง จอมมารนั้นมิได้เป็นอะไรมากไปกว่าพวกโง่เขลา พวกมันไม่เคยจะผนึกกำลังกัน ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานับพันปีพิสูจน์เรื่องนั้นแล้ว

อลิซาเบธ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ มั่นใจว่า แนวคิดของพวกมันไม่มีทางจะอยู่ๆมาเปลี่ยนไปเพียงเพราะปราสาทแห่งหนึ่งถูกพิชิตลง

 

จากความเห็นชอบของเธอ กองทัพก็ได้รับอนุญาตให้เดินทางได้ในทันที หลังการประชุมของชนชั้นสูงในรุ่งเช้า

 

แม้แต่เหล่าขุนนางก็ยังยินดีที่จะส่งทหารไประบายความโกรธแค้นเรื่องกาฬโรคใส่จอมมารด้วยเช่นกัน ทหารของจักรวรรดิจึงเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางทันทีหลังได้รับคำสั่ง

 

แต่มีสองสิ่งที่ อลิซาเบธ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ และ จักรวรรดิฮัมบวร์กมองข้ามไป

 

อย่างแรก ไม่ใช่เพียงจักรวรรดิฮัมบวร์ก ชาติเดียวเท่านั้นในทวีปมนุษย์ที่ระดมกำลังทหารมุ่งหน้าสู่ปราสาทจอมมาร 

ดังนั้น ปราสาทจอมมารถึง 12 แห่งจึงถูกกลืนกินเข้าไปด้วยเปลวเพลิงแห่งสงคราม

 

และอย่างที่สองข้อมูลจากบริษัทเคียนคุสก้านั้นถูกบิดเบือน

 

 

 

“แล้วพวกมันก็บอกข้าว่า อาหารในโลกปีศาจนั้นปกติแล้วจะเผ็ดมาก! เอาจริงนะ ข้าน่ะคิดว่า ลิ้นข้าแทบจะทะลุแล้วซะอีก!”

 

“ฮุฮุ”

 

เจ้าหญิงผู้อ่อนเยาว์หัวเราะอย่างเบาๆเนื่องจากท่าทางเกินจริงของเจ้ากรม

 

สุดท้ายแล้ว เธอไม่รู้เลยว่า ทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่จอมมารตนหนึ่งวางไว้ ไม่ใช่แค่เธอ แต่ผู้นำทัพทั้ง 12 ชาติที่อยู่ในทวีปต่างไม่รู้เรื่องนั้นเช่นกัน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+