Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 39 การถูกโจมตี (4)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 39 การถูกโจมตี (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 39 การถูกโจมตี (4)

ว้าก! ย้าก!

เมื่อหน้าผาเริ่มทรุดตัวและถล่มลงไป เหล่าสมาชิกของอัศินเงาก็เริ่มล่วงหายไปทีละคน

“อั้ก!”

“อ้า.. ช่วยข้าด้วย!”

พวกเขาพยายามดิ้นรนอย่างมากที่จะไม่ตกลงไป อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะกรณีของกิกันท์

เนื่องจากมันมีน้ำหนักมาก พวกเขาจึงตกจากหน้าผาที่ขรุขระเร็วกว่าอัศวินเงาและได้รับความเสียหายมากกว่าอย่างมาก

“ออร์คนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะโดนโคบอลกากๆแบบนี้เล่นงานนะ”

ลุคมองลงไปและยิ้ม

เขาตรวจสอบสภาพของพื้นก่อนที่จะเรียกโกเลมของเขา

มันดูเหมือนจะยากสักหน่อย แต่ด้วยแรงที่พอเหมาะของโกเลม มันก็ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะทำลายมันได้

นอกจากนี้พวกมือสังหารยังวิ่งและกระโดดไปมาอย่างโง่เขลาใกล้ๆกับกิกันท์ นั่นจึงเป็นผลให้พวกมันยิ่งตกไปเร็วขึ้น

ธรรมชาติคือการฆ่าที่ขาวสะอาด

“ถึงแม้พวกมันจะพยายามหาที่จับยังไง แต่จากความสูงระดับนี้ก็ไม่มีทางรอดไปได้หรอก…”

ทันใดนั้นเองลุคก็รู้สึกประหลาดใจกับพลังอันแหลมคมที่เคลื่อนไหวในความมืดซึ่งทำให้เขาหยุดพูด

ขณะที่เขาขยับร่างกาย กริชที่มาจากด้านล่างก็ผ่านร่างของเขาไป

“อึก!”

“ไอ้เหี้ยนี่!”

ทิเกลกรีดร้องขณะที่เขากำลังปีนขึ้นไปบนหน้าผา

ไม่เพียงแค่นั้น มันยังมีอีกสี่คนที่รอดชีวิตมาได้

แม้ว่าเหล่าพ่อมดจะเคลื่อนที่อย่างลุกลี้ลุกลนและไม่สามารถใช้เวทมนตร์บินได้ แต่พวกเขาก็ยังรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ด้วยการใช้ดาบยึดไว้กับหน้าผา

พวกเขาในตอนนี้ดูเหมือนกับปีศาจที่คลานมาจากส่วนลึกของนรก

“กูจะไม่ฆ่ามึง กูจะทรมาณมึงไปเรื่อยๆจนกว่ามึงจะร้องขอให้กูฆ่ามึง!”

“ชิ โจมตีมัน!”

ลุคสั่งให้โกเลม

อย่างไรก็ตามมือสังหารทั้ง 5 คนที่รอดชีวิตจากหน้าผาถล่มก็สามารถหลบหมัดของโกเลมได้

หลังจากหลบการโจมตีของโกเลมได้แล้ว พวกเขาก็วิ่งเข้าหาลุค

“วายุทมิ…อ๊ะ!”

ขณะที่ลุคพยายามจะเป่ามือสังหารด้วยเวทย์พายุ เขาก็ต้องหยุดไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในทรวงอกของเขา

เมื่อการร่ายเวทมนตร์ล้มเหลว ดาบของมือสังหารก็พุ่งเข้ามาหาเขาโดยไม่ลังเล

“กั๊ก!”

ดาบของทิเกลเฉือนผ่านแก้มของลุคไปเล็กน้อย

มือสังหารทั้งสี่พยายามเจาะแขนซ้าย,มือขวาและต้นขาและน่องของลุค แม้จะหลีกเลี่ยงบาดแผลฉกรรจ์ได้ แต่ลุคก็ไม่โชคดีพอที่จะหลีกเลี่ยงการโจมดีได้ทั้งหมด

เช่นเดียวกับที่ทิเกล ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เขาจงใจหลีกเลี่ยงการโจมจีจุดสำคัญเอาไว้

ทิเกลพุ่งเข้าหาลุคและเสียบดาบของเขาเอาไว้ใกล้ไหล่ของลุค เขาค่อยๆแทงมันอย่างช้าๆ

“คราวนี้กูจะควักเนื้อของมึงออกมาให้เห็นถึงกระดูกแล้ว…”

ทันใดนั้นทิเกลก็หยุดพูดไป

ลุคกำลังใช้มนต์ดำแม้ว่าเขาจะทุกข์ทรมาน

“อ้ากก! เถาวัลย์แห่งความมืด”

ถุย! ฮิ้วว!

เถาวัลย์สีดำออกมาจากพื้นดินและในขณะนั้นเองมันก็จับร่างของมือสังหารไว้

“นี่มันอะไรกัน!”

ทิเกลพยายามดึงเถาวัลย์ที่มัดร่างกายของเขาออก แต่มันก็พันล้อมรอบเขาอย่างยุ่งเหยิง

นั่นคือเหตุผลที่เขาดึงดาบออกมาเพื่อตัดมันออก

แต่ตลอดเวลานั้นออร่าของเขาถูกดูดโดยเถาวัลย์สีดำ

ยิ่งเขาโจมตีพวกมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดูดซับออร่าของเขามากขึ้นเท่านั้น

‘นี่นี่!’

ไทเกลมองไปที่ลุคด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าออร่าในร่างกายของเขากำลังถูกดูดออกไป     เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผลมาจากเวทมนตร์แปลกประหลาดนี่เองที่ดึงพลังของเขาไป…

“โอ้ เวทมนตร์แห่งความมืด…!”

ทายาทแห่งรากันต์ใช้เวทมนตตร์แห่งความมืดอย่างนั้นหรอ?

“แคร็ก!”

ทิเกลพยายามจะพูดมากขึ้น แต่ลุคก็ไม่เปิดโอกาส เขาสั่งเถาวัลย์แห่งความมืดให้เคลื่อนไหวเร็วขึ้นและร่างกายของทิเกลก็เริ่มบิดงอ

รัศมีและความมีชีวิตชีวาของทิเกลเริ่มถูกดูดซับมาที่ลุค

บาดแผลของลุคเริ่มหายเป็นปกติ อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลง

“ความจริงแล้วมันเป็นเทคนิคที่ใช้ในการดูดซับพลังของปีศาจ แต่ตอนนี้ข้ากำลังใช้มันกับมนุษย์!”

ในอดีตเขาเคยเรียนรู้เวทมนตร์แห่งความมืดและสาบานว่าจะไม่ใช้มันกับมนุษย์

แต่ตอนนี้ คำสัญญาได้พังทลายลงไปแล้ว

มันช่วยไม่ได้ ที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เพื่อเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตามหัวใจของเขาตอนนี้กำลังหนักอึ้งเพราะความรู้สึกผิดที่เขาได้ฝ่าฝืนคำปฏิญาณที่เขาให้ไว้ในอดีต

ลุคหันไปหามือสังหารทั้งสี่ที่ยังมีชีวิตอยู่

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกเถาวัลย์ล้อมรอบ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถขยับไปได้ได้ พวกเขาทำได้แค่มองไปที่ฉากที่กัปตันของพวกเขาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเสียชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์

พวกเขานั้นเพิ่งได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความน่ากลัวของอำนาจมืด พวกเขาเคยได้ยินแต่ในเรื่องราวเก่าๆเท่านั้น มันไม่เคยเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขามาก่อน

“อื้อ! ชะ ช่วยข้าด้วย…”

“เจ้าจะพูดได้ก็เฉพาะในตอนที่ขาสั่งให้เจ้าพูด ทีนี้พูดมา ใครเป็นคนสั่งให้พวกเจ้ามาฆ่าข้า”

“โกท มันคือโกท”

“โกท? มันเป็นใครกัน?”

*“โกท? มันเป็นใครและทำอะไรที่ไหนแบบไหนอย่างไร?”

“มันคือเลขานุการและที่ปรึกษาของเคานต์โมนาร์ช”

“นั่นสินะ…”

ใบหน้าของลุคบิดเบี้ยว

เพราะสิ่งที่เขาทำในเวทีสนามประลองกิกันท์ เคานต์โมนาร์ชจึงต้องการฆ่าที่จะฆ่าเขา

ลุคไม่เพียงแค่ช่วยเจ้าหญิงเรย์น่าเท่านั้นแต่เขายังได้รับรางวัลอีกมากมายจากที่เขาเดิมพันไปด้วย

เมื่อพิจารณาว่ามีการพยายามลอบสังหารก่อนหน้านั้นก็สามารถวางไว้ได้

แน่นอนว่าการพยายามลอบสังหารครั้งอื่นอาจไม่ใช่การกระทำของเคานต์โมนาร์ชแต่สัมผัสที่หกของลุคก็กำลังพูดเป็นอย่างอื่น

“ทำไมเคานต์โมนาร์ชถึงพยายามจะฆ่าข้า? มันเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเวทีสนามประลองกิกันท์งั้นหรอ?”

“ข้า ข้าไม่รู้อะไรเลย…เอ่อ! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”

ร่างของนักฆ่าคนหนึ่งถูกดูดลงไปที่พื้น

มือสังหารคนอื่นๆต่างหวาดกลัวและเรื่มร้องขอชีวิตของพวกเขา แต่ลุคก็ไม่สนใจ

“ข้าจะไว้ชีวิตใครก็ตามที่สามารถบอิกได้ว่าทำไมเคานต์โมนาร์ชถึงพยายามฆ่าข้า””

“ข้าไม่รู้จริงๆ!”

“พวกเราแค่รับคำสั่งมาจากโกท…. อ้า!”

มือสังหารเหล่านี้เพยงแค่ทำตามคำสั่งนาย เอ้ย คำสั่งของเตานต์โมนาร์ชเท่านั้น

ในท้ายที่สุดพวกมันทั้งหมดก็ถูกดูดลงไปในพื้น

หลังจากจัดระเบียบเรียบร้อยแล้วลุคก็กัดฟันนึกถึงพ่อบ้านของเคานต์โมนาร์ช

“เคานต์โมนาร์ช…หึๆ ถ้าเขาอยู่ใกล้ๆข้า ข้าจะฆ่าเขาแบบไม่ลังเลแน่นอน”

เขานั้นค่อนข้างคล้ายกับดยุกบาล็อคแม้ว่าเขาจะไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม

“ข้าละอยากจะไปที่นั่นแล้วฆ่าเขาทันทีจริงๆ แต่ข้าจะต้องปล่อยให้เรื่องต่างๆดำเนินไปตั้งแต่ตอนนี้เพราะข้าได้ชื่อเจ้ามาเพราะความพยายามลอบสังหารครั้งนี้’

ในขณะที่ลุคครุ่นคิดอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงของโรเจอร์สและฟิลิปจากด้านหลัง

“นายน้อย! ท่านอยู่ที่ไหน?”

“นายท่าน!”

ลุครีบส่งโกเลมกลับเข้าไปในพื้นที่ซับสเปสด้วยความช่วยเหลือของกำไล จากนั้นเขาก็ตรวจสอบอย่างรอบคอบว่ามีร่องรอยเมไจหลงเหลืออยู่หรือไม่

หลังจากตรวจสอบเสร็จ ทั้งสองก็มาถึง

ดูเหมือนพวกเขาจะหมดแรงและได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด

“ท่านปลอดภัยสินะ!”

“อ่านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

ขณะที่พวกเขากำลังดีใจ พวกเขาเปลี่ยนมาตกใจแทนเมื่อเห็นว่ามันมีร่องรอยหน้าผาถล่มลงมา

“นีมันเกิดอะไรขึ้น?”

“ตอนนั้นข้ากำลังวิ่งหนีมาทางนี้ แล้วจู่ๆพวกมันก็มาโผล่ที่นี่และขวางทางข้า แถมพวกมันยังพากิกันท์มาด้วย พวกมันพยายามดึงข้าไป แต่แล้วพื้นดินก็พังทลายลง”

“ห๊ะนั่น…”

โรเจอร์สรู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุคเล่า แต่เขาก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก เพราะเขาคิดว่ามันเพียงพอแล้ว

“ท่านโชคดีจริงๆ”

“ใช่แล้ว แม้แต่รากันต์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถมองข้ามท่านไปได้แน่นอน”

เมื่อได้รับคำชมจากฟิลิปเกี่ยวกับรากันต์ ใบหน้าของลุคแข็งกร้าวขึ้นมาทันที

สิ่งที่ฟิลิปพูดมานั้นห่างไกลจากคำอวยพรหลายขุม เพราะคำสาปของตระกูลรากันต์นั้นเกือบจะทำให้เขาตายไปแล้ว

“ความเจ็บปวดที่ข้ารู้สึกก่อนหน้านี้มันได้หยุดวงเวทย์ในหัวใจของข้าไป”

คำสาปนั้นกำเริบในสถานการณ์ที่อันตรายจริงๆ

ถ้ามันเกิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ลุค พวกเขาก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว

“ไอ้บ้าเอ้ย! ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าใครมันเป็นคนสาปกันแน่”

ในขณะที่ลุคกำลังคิดอยู่ โรเจอร์สก็ถามขึ้นมาว่า

“อาจมีพวกมันมาไล่ล่าเรามากกว่านี้ ดังนั้นข้าว่าเราต้องรีบไปที่ลาเมอร์แล้ว”

“ไม่ เราจะไม่ไปที่ลาเมอร์”

“เอ่อ… ท่านหมายความว่ายังไงกัน”

มันเป็นแผนเดิมของพวกเขาที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองลาเมอร์และซื้อกิกันท์ แต่โรเจอร์สก็รู้ดีว่ามันต้องมีเหตุผลแน่นอนที่ทำให้ลุคเปลี่ยนแผนกะทันหัน

ลุคไม่สามารถพูดได้ว่าเขาใช้เวทมนตร์แห่งความมืดเพื่อจัดการมือสังหาร

“ข้าได้ยินเสียงของหนึ่งในพวกมัน และเมื่อข้าคิดดูดีๆ มันก็เหมือนกับเสียงของคนที่ข้าเคยเจอตอนไปยังเมืองลากมอร์ครั้งก่อน”

“จริงหรอ?”

“ใช่แล้ว เจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าจะสื่อใช่ไหม?  ตอนที่ข้าไปที่ห้องซ่อมบำรุงของตระกูลลิปปี้? ใช่ มันคือหนึ่งในอัศวินของเคานต์โมนาร์ช”

นั่นทำให้การแสดงสีหน้าของโรเจอร์สดูแข็งกร้าว

“ถ้าอย่างนั้น…มันอาจเป็นเคานต์โมนาร์ชที่ส่งมือสังหารมา”

“นั่นอาจเป็นได้ แต่เรายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ก็ไม่เสียหายอะไรที่จะระวังไว้ก่อน”

“งั้นเราไปที่แบรนดอนกันเถอะ มันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของจักรวรรดิและมีหอคอยเวทมนตร์ขนาดเล็กอยู่ที่นั่นด้วย”

“เอาล่ะงั้นไปที่แบรนดอนกัน”

ลุคพยักหน้าตามแผนการที่ฟิลิปเสนอ

เมืองแบรนดอนอยู่ห่างไกลออกไป แต่ควรหลีกเลี่ยงอันตรายให้มากที่สุด และเนื่องจากมีหอคอยเวทย์มนตร์มากมายมันจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้ศึกษาและเรียนรู้จากที่นั่น

ทั้งสามคนพักผ่อนจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นแล้วจึงค่อยลงมาจากภูเขาในตอนเช้า

….

“นั่นใช่รถพ่วงรึเปล่า”

“ใช่ บางทีอาจเป็นของพวกมือสังหารที่ใช้ในการขนส่งกิกันท์ ดูเหมือนพวกเขาจะทิ้งมันไว้ตอนที่ไล่ล่าเรา”

“ถ้าอย่างนั้น เราก็ใช้มันกันเถอะ”

“แต่เรายังต้องการตัวช่วยเพื่อใช้ในการควบคุมมัน…โอ้ใช่ ท่านรู้จักเวทมนตร์ใช่ไหม”

“ใช่ แต่ข้ายังเป็นแค่มือใหม่…”

ในตอนแรกลุครู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานการจัดการรถพ่วงก็ดูเหมือนจะง่ายกว่าที่เขาคิดไว้มาก

มันเริ่มต้นด้วยการใส่มานาบางส่วนลงไปในลูกบอลคริสตัลซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องจักรไอน้ำ

แน่นอนว่าการใช้เวทมนตร์โดยไม่ให้ถูกจับได้นั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่ลุคก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี

จากนั้นเขาก็ดึงคันโยกไปข้างหน้าและรถพ่วงก็เริ่มเคลื่อนที่อย่างช้าๆ มันสามารถควบคุมทิศทางของรถพ่วงได้โดยใช้แท่งควบคุมครึ่งวงกลมซึ่งเรียกว่าพวงมาลัยเพื่อปรับทิศทางล้อ

หลังจากผ่านการทดสอบไปสองสามครั้ง ลุคก็เรียนรู้วิธีที่จะเลี้ยวและตีโค้ง

หลังจากเรียนรู้ทุกอย่างเสร็จพวกเขาทั้งสามคนก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังแบรนดอน โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันจะมีอะไรหรือใครที่รอพวกเขาอยู่ที่นั่น….

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 39 การถูกโจมตี (4)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 39 การถูกโจมตี (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 39 การถูกโจมตี (4)

ว้าก! ย้าก!

เมื่อหน้าผาเริ่มทรุดตัวและถล่มลงไป เหล่าสมาชิกของอัศินเงาก็เริ่มล่วงหายไปทีละคน

“อั้ก!”

“อ้า.. ช่วยข้าด้วย!”

พวกเขาพยายามดิ้นรนอย่างมากที่จะไม่ตกลงไป อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะกรณีของกิกันท์

เนื่องจากมันมีน้ำหนักมาก พวกเขาจึงตกจากหน้าผาที่ขรุขระเร็วกว่าอัศวินเงาและได้รับความเสียหายมากกว่าอย่างมาก

“ออร์คนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะโดนโคบอลกากๆแบบนี้เล่นงานนะ”

ลุคมองลงไปและยิ้ม

เขาตรวจสอบสภาพของพื้นก่อนที่จะเรียกโกเลมของเขา

มันดูเหมือนจะยากสักหน่อย แต่ด้วยแรงที่พอเหมาะของโกเลม มันก็ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะทำลายมันได้

นอกจากนี้พวกมือสังหารยังวิ่งและกระโดดไปมาอย่างโง่เขลาใกล้ๆกับกิกันท์ นั่นจึงเป็นผลให้พวกมันยิ่งตกไปเร็วขึ้น

ธรรมชาติคือการฆ่าที่ขาวสะอาด

“ถึงแม้พวกมันจะพยายามหาที่จับยังไง แต่จากความสูงระดับนี้ก็ไม่มีทางรอดไปได้หรอก…”

ทันใดนั้นเองลุคก็รู้สึกประหลาดใจกับพลังอันแหลมคมที่เคลื่อนไหวในความมืดซึ่งทำให้เขาหยุดพูด

ขณะที่เขาขยับร่างกาย กริชที่มาจากด้านล่างก็ผ่านร่างของเขาไป

“อึก!”

“ไอ้เหี้ยนี่!”

ทิเกลกรีดร้องขณะที่เขากำลังปีนขึ้นไปบนหน้าผา

ไม่เพียงแค่นั้น มันยังมีอีกสี่คนที่รอดชีวิตมาได้

แม้ว่าเหล่าพ่อมดจะเคลื่อนที่อย่างลุกลี้ลุกลนและไม่สามารถใช้เวทมนตร์บินได้ แต่พวกเขาก็ยังรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ด้วยการใช้ดาบยึดไว้กับหน้าผา

พวกเขาในตอนนี้ดูเหมือนกับปีศาจที่คลานมาจากส่วนลึกของนรก

“กูจะไม่ฆ่ามึง กูจะทรมาณมึงไปเรื่อยๆจนกว่ามึงจะร้องขอให้กูฆ่ามึง!”

“ชิ โจมตีมัน!”

ลุคสั่งให้โกเลม

อย่างไรก็ตามมือสังหารทั้ง 5 คนที่รอดชีวิตจากหน้าผาถล่มก็สามารถหลบหมัดของโกเลมได้

หลังจากหลบการโจมตีของโกเลมได้แล้ว พวกเขาก็วิ่งเข้าหาลุค

“วายุทมิ…อ๊ะ!”

ขณะที่ลุคพยายามจะเป่ามือสังหารด้วยเวทย์พายุ เขาก็ต้องหยุดไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในทรวงอกของเขา

เมื่อการร่ายเวทมนตร์ล้มเหลว ดาบของมือสังหารก็พุ่งเข้ามาหาเขาโดยไม่ลังเล

“กั๊ก!”

ดาบของทิเกลเฉือนผ่านแก้มของลุคไปเล็กน้อย

มือสังหารทั้งสี่พยายามเจาะแขนซ้าย,มือขวาและต้นขาและน่องของลุค แม้จะหลีกเลี่ยงบาดแผลฉกรรจ์ได้ แต่ลุคก็ไม่โชคดีพอที่จะหลีกเลี่ยงการโจมดีได้ทั้งหมด

เช่นเดียวกับที่ทิเกล ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เขาจงใจหลีกเลี่ยงการโจมจีจุดสำคัญเอาไว้

ทิเกลพุ่งเข้าหาลุคและเสียบดาบของเขาเอาไว้ใกล้ไหล่ของลุค เขาค่อยๆแทงมันอย่างช้าๆ

“คราวนี้กูจะควักเนื้อของมึงออกมาให้เห็นถึงกระดูกแล้ว…”

ทันใดนั้นทิเกลก็หยุดพูดไป

ลุคกำลังใช้มนต์ดำแม้ว่าเขาจะทุกข์ทรมาน

“อ้ากก! เถาวัลย์แห่งความมืด”

ถุย! ฮิ้วว!

เถาวัลย์สีดำออกมาจากพื้นดินและในขณะนั้นเองมันก็จับร่างของมือสังหารไว้

“นี่มันอะไรกัน!”

ทิเกลพยายามดึงเถาวัลย์ที่มัดร่างกายของเขาออก แต่มันก็พันล้อมรอบเขาอย่างยุ่งเหยิง

นั่นคือเหตุผลที่เขาดึงดาบออกมาเพื่อตัดมันออก

แต่ตลอดเวลานั้นออร่าของเขาถูกดูดโดยเถาวัลย์สีดำ

ยิ่งเขาโจมตีพวกมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดูดซับออร่าของเขามากขึ้นเท่านั้น

‘นี่นี่!’

ไทเกลมองไปที่ลุคด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าออร่าในร่างกายของเขากำลังถูกดูดออกไป     เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผลมาจากเวทมนตร์แปลกประหลาดนี่เองที่ดึงพลังของเขาไป…

“โอ้ เวทมนตร์แห่งความมืด…!”

ทายาทแห่งรากันต์ใช้เวทมนตตร์แห่งความมืดอย่างนั้นหรอ?

“แคร็ก!”

ทิเกลพยายามจะพูดมากขึ้น แต่ลุคก็ไม่เปิดโอกาส เขาสั่งเถาวัลย์แห่งความมืดให้เคลื่อนไหวเร็วขึ้นและร่างกายของทิเกลก็เริ่มบิดงอ

รัศมีและความมีชีวิตชีวาของทิเกลเริ่มถูกดูดซับมาที่ลุค

บาดแผลของลุคเริ่มหายเป็นปกติ อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลง

“ความจริงแล้วมันเป็นเทคนิคที่ใช้ในการดูดซับพลังของปีศาจ แต่ตอนนี้ข้ากำลังใช้มันกับมนุษย์!”

ในอดีตเขาเคยเรียนรู้เวทมนตร์แห่งความมืดและสาบานว่าจะไม่ใช้มันกับมนุษย์

แต่ตอนนี้ คำสัญญาได้พังทลายลงไปแล้ว

มันช่วยไม่ได้ ที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เพื่อเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตามหัวใจของเขาตอนนี้กำลังหนักอึ้งเพราะความรู้สึกผิดที่เขาได้ฝ่าฝืนคำปฏิญาณที่เขาให้ไว้ในอดีต

ลุคหันไปหามือสังหารทั้งสี่ที่ยังมีชีวิตอยู่

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกเถาวัลย์ล้อมรอบ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถขยับไปได้ได้ พวกเขาทำได้แค่มองไปที่ฉากที่กัปตันของพวกเขาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเสียชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์

พวกเขานั้นเพิ่งได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความน่ากลัวของอำนาจมืด พวกเขาเคยได้ยินแต่ในเรื่องราวเก่าๆเท่านั้น มันไม่เคยเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขามาก่อน

“อื้อ! ชะ ช่วยข้าด้วย…”

“เจ้าจะพูดได้ก็เฉพาะในตอนที่ขาสั่งให้เจ้าพูด ทีนี้พูดมา ใครเป็นคนสั่งให้พวกเจ้ามาฆ่าข้า”

“โกท มันคือโกท”

“โกท? มันเป็นใครกัน?”

*“โกท? มันเป็นใครและทำอะไรที่ไหนแบบไหนอย่างไร?”

“มันคือเลขานุการและที่ปรึกษาของเคานต์โมนาร์ช”

“นั่นสินะ…”

ใบหน้าของลุคบิดเบี้ยว

เพราะสิ่งที่เขาทำในเวทีสนามประลองกิกันท์ เคานต์โมนาร์ชจึงต้องการฆ่าที่จะฆ่าเขา

ลุคไม่เพียงแค่ช่วยเจ้าหญิงเรย์น่าเท่านั้นแต่เขายังได้รับรางวัลอีกมากมายจากที่เขาเดิมพันไปด้วย

เมื่อพิจารณาว่ามีการพยายามลอบสังหารก่อนหน้านั้นก็สามารถวางไว้ได้

แน่นอนว่าการพยายามลอบสังหารครั้งอื่นอาจไม่ใช่การกระทำของเคานต์โมนาร์ชแต่สัมผัสที่หกของลุคก็กำลังพูดเป็นอย่างอื่น

“ทำไมเคานต์โมนาร์ชถึงพยายามจะฆ่าข้า? มันเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเวทีสนามประลองกิกันท์งั้นหรอ?”

“ข้า ข้าไม่รู้อะไรเลย…เอ่อ! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”

ร่างของนักฆ่าคนหนึ่งถูกดูดลงไปที่พื้น

มือสังหารคนอื่นๆต่างหวาดกลัวและเรื่มร้องขอชีวิตของพวกเขา แต่ลุคก็ไม่สนใจ

“ข้าจะไว้ชีวิตใครก็ตามที่สามารถบอิกได้ว่าทำไมเคานต์โมนาร์ชถึงพยายามฆ่าข้า””

“ข้าไม่รู้จริงๆ!”

“พวกเราแค่รับคำสั่งมาจากโกท…. อ้า!”

มือสังหารเหล่านี้เพยงแค่ทำตามคำสั่งนาย เอ้ย คำสั่งของเตานต์โมนาร์ชเท่านั้น

ในท้ายที่สุดพวกมันทั้งหมดก็ถูกดูดลงไปในพื้น

หลังจากจัดระเบียบเรียบร้อยแล้วลุคก็กัดฟันนึกถึงพ่อบ้านของเคานต์โมนาร์ช

“เคานต์โมนาร์ช…หึๆ ถ้าเขาอยู่ใกล้ๆข้า ข้าจะฆ่าเขาแบบไม่ลังเลแน่นอน”

เขานั้นค่อนข้างคล้ายกับดยุกบาล็อคแม้ว่าเขาจะไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม

“ข้าละอยากจะไปที่นั่นแล้วฆ่าเขาทันทีจริงๆ แต่ข้าจะต้องปล่อยให้เรื่องต่างๆดำเนินไปตั้งแต่ตอนนี้เพราะข้าได้ชื่อเจ้ามาเพราะความพยายามลอบสังหารครั้งนี้’

ในขณะที่ลุคครุ่นคิดอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงของโรเจอร์สและฟิลิปจากด้านหลัง

“นายน้อย! ท่านอยู่ที่ไหน?”

“นายท่าน!”

ลุครีบส่งโกเลมกลับเข้าไปในพื้นที่ซับสเปสด้วยความช่วยเหลือของกำไล จากนั้นเขาก็ตรวจสอบอย่างรอบคอบว่ามีร่องรอยเมไจหลงเหลืออยู่หรือไม่

หลังจากตรวจสอบเสร็จ ทั้งสองก็มาถึง

ดูเหมือนพวกเขาจะหมดแรงและได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด

“ท่านปลอดภัยสินะ!”

“อ่านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

ขณะที่พวกเขากำลังดีใจ พวกเขาเปลี่ยนมาตกใจแทนเมื่อเห็นว่ามันมีร่องรอยหน้าผาถล่มลงมา

“นีมันเกิดอะไรขึ้น?”

“ตอนนั้นข้ากำลังวิ่งหนีมาทางนี้ แล้วจู่ๆพวกมันก็มาโผล่ที่นี่และขวางทางข้า แถมพวกมันยังพากิกันท์มาด้วย พวกมันพยายามดึงข้าไป แต่แล้วพื้นดินก็พังทลายลง”

“ห๊ะนั่น…”

โรเจอร์สรู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุคเล่า แต่เขาก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก เพราะเขาคิดว่ามันเพียงพอแล้ว

“ท่านโชคดีจริงๆ”

“ใช่แล้ว แม้แต่รากันต์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถมองข้ามท่านไปได้แน่นอน”

เมื่อได้รับคำชมจากฟิลิปเกี่ยวกับรากันต์ ใบหน้าของลุคแข็งกร้าวขึ้นมาทันที

สิ่งที่ฟิลิปพูดมานั้นห่างไกลจากคำอวยพรหลายขุม เพราะคำสาปของตระกูลรากันต์นั้นเกือบจะทำให้เขาตายไปแล้ว

“ความเจ็บปวดที่ข้ารู้สึกก่อนหน้านี้มันได้หยุดวงเวทย์ในหัวใจของข้าไป”

คำสาปนั้นกำเริบในสถานการณ์ที่อันตรายจริงๆ

ถ้ามันเกิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ลุค พวกเขาก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว

“ไอ้บ้าเอ้ย! ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าใครมันเป็นคนสาปกันแน่”

ในขณะที่ลุคกำลังคิดอยู่ โรเจอร์สก็ถามขึ้นมาว่า

“อาจมีพวกมันมาไล่ล่าเรามากกว่านี้ ดังนั้นข้าว่าเราต้องรีบไปที่ลาเมอร์แล้ว”

“ไม่ เราจะไม่ไปที่ลาเมอร์”

“เอ่อ… ท่านหมายความว่ายังไงกัน”

มันเป็นแผนเดิมของพวกเขาที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองลาเมอร์และซื้อกิกันท์ แต่โรเจอร์สก็รู้ดีว่ามันต้องมีเหตุผลแน่นอนที่ทำให้ลุคเปลี่ยนแผนกะทันหัน

ลุคไม่สามารถพูดได้ว่าเขาใช้เวทมนตร์แห่งความมืดเพื่อจัดการมือสังหาร

“ข้าได้ยินเสียงของหนึ่งในพวกมัน และเมื่อข้าคิดดูดีๆ มันก็เหมือนกับเสียงของคนที่ข้าเคยเจอตอนไปยังเมืองลากมอร์ครั้งก่อน”

“จริงหรอ?”

“ใช่แล้ว เจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าจะสื่อใช่ไหม?  ตอนที่ข้าไปที่ห้องซ่อมบำรุงของตระกูลลิปปี้? ใช่ มันคือหนึ่งในอัศวินของเคานต์โมนาร์ช”

นั่นทำให้การแสดงสีหน้าของโรเจอร์สดูแข็งกร้าว

“ถ้าอย่างนั้น…มันอาจเป็นเคานต์โมนาร์ชที่ส่งมือสังหารมา”

“นั่นอาจเป็นได้ แต่เรายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ก็ไม่เสียหายอะไรที่จะระวังไว้ก่อน”

“งั้นเราไปที่แบรนดอนกันเถอะ มันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของจักรวรรดิและมีหอคอยเวทมนตร์ขนาดเล็กอยู่ที่นั่นด้วย”

“เอาล่ะงั้นไปที่แบรนดอนกัน”

ลุคพยักหน้าตามแผนการที่ฟิลิปเสนอ

เมืองแบรนดอนอยู่ห่างไกลออกไป แต่ควรหลีกเลี่ยงอันตรายให้มากที่สุด และเนื่องจากมีหอคอยเวทย์มนตร์มากมายมันจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้ศึกษาและเรียนรู้จากที่นั่น

ทั้งสามคนพักผ่อนจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นแล้วจึงค่อยลงมาจากภูเขาในตอนเช้า

….

“นั่นใช่รถพ่วงรึเปล่า”

“ใช่ บางทีอาจเป็นของพวกมือสังหารที่ใช้ในการขนส่งกิกันท์ ดูเหมือนพวกเขาจะทิ้งมันไว้ตอนที่ไล่ล่าเรา”

“ถ้าอย่างนั้น เราก็ใช้มันกันเถอะ”

“แต่เรายังต้องการตัวช่วยเพื่อใช้ในการควบคุมมัน…โอ้ใช่ ท่านรู้จักเวทมนตร์ใช่ไหม”

“ใช่ แต่ข้ายังเป็นแค่มือใหม่…”

ในตอนแรกลุครู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานการจัดการรถพ่วงก็ดูเหมือนจะง่ายกว่าที่เขาคิดไว้มาก

มันเริ่มต้นด้วยการใส่มานาบางส่วนลงไปในลูกบอลคริสตัลซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องจักรไอน้ำ

แน่นอนว่าการใช้เวทมนตร์โดยไม่ให้ถูกจับได้นั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่ลุคก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี

จากนั้นเขาก็ดึงคันโยกไปข้างหน้าและรถพ่วงก็เริ่มเคลื่อนที่อย่างช้าๆ มันสามารถควบคุมทิศทางของรถพ่วงได้โดยใช้แท่งควบคุมครึ่งวงกลมซึ่งเรียกว่าพวงมาลัยเพื่อปรับทิศทางล้อ

หลังจากผ่านการทดสอบไปสองสามครั้ง ลุคก็เรียนรู้วิธีที่จะเลี้ยวและตีโค้ง

หลังจากเรียนรู้ทุกอย่างเสร็จพวกเขาทั้งสามคนก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังแบรนดอน โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันจะมีอะไรหรือใครที่รอพวกเขาอยู่ที่นั่น….

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+