Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1)

 

หลังจากวางแผนเรื่องการย้ายถิ่นฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับพรรคพวกของเรย์น่าแล้ว ลุคก็กลับไปที่คฤหาสน์

 

ทันทีที่เขากลับมาถึงดินแดนของเขา เขาก็ได้มอบเงิน 30,000 เปโซให้กับฟิลิป

 

ฟิลิปออกเดินทางไปหาลาเมอร์ทันที

 

มันเป็นเพราะพวกเขาตัดสินใจที่จะไปพบเจ้าหญิงที่นั่น

 

หลังจากส่งฟิลิปไปแล้วเขาก็มุ่งหน้าไปที่ห้องทํางานใต้ดิน ในปราสาทราชาปีศาจของเขา

 

เมื่อมาถึง เขาก็สงสัยว่าแร่ธาตุต่างๆถูกรวบรวมมาได้อย่าง

 

ดวงตาของเขาเปล่งประกายเมื่อเห็นแร่ธาตุที่กองอยู่เหมือนเนินเขาลูกเล็กๆในเวิร์คช็อปของเขา

 

มันเป็นเพราะโกเลมและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นยังคงขุดแร่ ในเหมืองทั้งสามแห่งอย่างต่อเนื่องและทุกครั้งที่วงเวทย์เทเลพอร์ตกระพริบ แร่ธาตุต่างๆก็จะเข้ามา

 

พวกเขาจะทํางานหนักที่เดียว”

 

ลุคตัดสินใจที่จะให้อาหารมากมายแก่มอนสเตอร์เมื่อเขาพบพวกมัน

 

“ข้าควรเริ่มด้วยทองหรือแร่เงินดีนะ? ต้องใช้เงินจํานวนมากในการรับผู้ลี้ภัยและพัฒนาที่ดิน”

 

ลุคเรียกโกเลมและสั่งให้พวกมันเก็บแร่ธาตุจากเวิร์คช็อปลงไปในเตาหลอม

 

เตาหลอมถูกสลักด้วยวงเวทย์ที่จะทําให้เกิดเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูง

 

และด้วยมานาที่เพียงพอ มันจึงเป็นไปได้แล้วที่จะหลอมหรือถลุงแร่ธาตุต่างๆโดยไม่ต้องใช้พวกถ่านหิน

 

“มาดูกันว่าอุณหภูมิในการหลอมเงินจะสูงหรือต่ํากว่าทองคํากัน”

 

ลุคลองใช้อุณหภูมิหลอมละลายของโลหะและกระตุ้นวงเวทย์บนเตาหลอม

 

ฮวาร์!

 

ทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกโชนอย่างยิ่งใหญ่ภายในเตาหลอม และหลังจากนั้นไม่นานแร่เงินก็กลายเป็นของเหลวและไหลเข้าไปในรูด้านล่าง

 

แร่เงินไหลออกมาและเย็นลงในกรอบสี่เหลี่ยมและต่อมาก็เปลี่ยนเป็นแท่งเงิน

 

“เอาล่ะคราวนี้มาลองหลอมทองกัน”

 

ลุคเริ่มหลอมแร่ทองคําโดยเพิ่มอุณหภูมิของเตาขึ้นเล็กน้อย

 

เมื่อเวลาผ่านไปแท่งทองและแท่งเงินก็กองอยู่ตรงหน้าลุคในรูปแบบของปิรามิด

 

ลุคยิ้มกริ่มขณะถือแท่งทองคําในมือ

 

“หุหุหุ อัตราการผลิตที่รวดเร็วขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะพอสําหรับเป็นเงินทุนในการอพยพของผู้ลี้ภัยเท่านั้น แต่มันยังพอที่จะครอบครุมกองทุนเพื่อการพัฒนาที่ดินด้วยจะไม่เป็นปัญหา”

 

อย่างไรก็ตามลุคก็เริ่มสับสน

 

“แล้วข้าควรจะใช้มันอย่างไรดี”

 

ทองคําและเงินในปัจจุบันจะมีมูลค่าหลายพันเปโซ

 

สิ่งเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สําหรับเจ้าหญิงและตัวอย่าง แต่ปัญหาคือเขาไม่สามารถเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินได้

 

ที่นี่ไม่มีอะไรที่จะทําให้คนอื่นเชื่อได้เลย…”

 

ลุคครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาต้องทํา ทันใดนั้นเขาก็ปรบมือเมื่อมีความคิดที่ดี

 

“ใช่แล้ว! ข้าต้องทําได้แน่!”

 

เขาเดินไปที่ห้องทดลองใต้ดินด้วยท่าทางที่สดใส และเริ่มค้นหากล่องเก็บตัวอย่างที่มีขนาดเหมาะสม..

 

หลังจากเหล่าคนรับใช้ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในแบรนดอนจาก ปากของโรเจอรส์ พวกเขาก็แทบคลัง

 

“ข้าไม่เข้าใจ ทํานายท่านถึงคิดแบบนั้น!”

 

“อาจเป็นเพราะอายุของเขา ลอร์ดหนุ่มจึงมีความคิดที่แกว่งไปแกว่งมา แต่ถึงอย่างนั้นเซอร์โรเจอร์สก็ไม่น่าจะไขว้เขวตามนะ!”

 

“นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ เคานต์โมนาร์ชจะไม่มีทางอยู่เฉยๆแน่นอน แล้วทีนี้พวกเราจะทํายังไงกันดีล่ะ?”

 

“ไม่ต้องทําห่าอะไรแล้ว! ตอนนี้เราจบแล้ว!”

 

สักพักห้องประชุมก็เต็มไปด้วยความคิดของทุกคน

 

เมื่อความวุ่นวายสงบลง ดิกสันซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินก็ได้ถามฮานส์ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ดูแล

 

ฮานส์นั้นรับฟังความคิดของคนอื่นด้วยใบหน้าที่แน่วแน่

 

“ท่านหัวหน้าพ่อบ้าน ท่านคิดอย่างไรกับการกระทําของนายท่านบ้าง”

 

“ไม่มีอะไร”

 

ดิกสันดูงงงวยเมื่อได้ยินคําตอบที่ไม่คาดคิดของฮานส์

 

“ท่านคิดว่าคฤหาสน์รากันต์แห่งนี้จะลุกเป็นไฟเพราะการกระทําของนายน้อยหรือเปล่า?

 

“ยังไงซะสักวันเราก็ต้องสู้กับเคานต์โมนาร์ชอยู่ดี ที่สําคัญ ข้าคิดว่าเคานต์โมนาร์ขอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของนายน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อนด้วย”

 

ฮานส์ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากเขาไม่มีเงื่อนงําที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตามเขาเชื่อ 99% ว่าเคานต์โมนาร์ชนั้นเป็นคนที่มีอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

 

ที่ดินของรากันต์นั้นเกือบจะเผป็นเอกเทศจากจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีเคานต์โมนาร์ชที่ดูเหมือนจะมีปัญหากับพวกเขาอยู่เรื่อยๆ

 

นอกจากนี้ จากข้อมูลล่าสุดที่เขารวบรวม มันได้ชี้ให้เห็นว่าเคานตีโมนาร์ชต้องการที่จะครอบครองดินของรากันต์แห่งนี้

 

ฮานส์เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากฝั่งตะวันตกของจักรวรรดิ เมื่อเขาเอาไปเล่าให้คนรับใช้ทุกคนฟัง พวกเขาก็ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างมาก

 

“ไม่มีทาง เป็นจริงหรือ”

 

“ไอ้หมูตอนนั่น!”

 

ความโกรธของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นราวกับภูเขาไฟที่กําลังจะปะทุ และมันพุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินสิ่งที่โรเจอร์สพูด

 

“ในตอนแรกข้าก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้ ดังนั้นข้าจึงพยายามที่จะไม่พูดมัน แต่คราวนี้เราได้พบกับกลุ่มคนที่พยายามจะลอบสังหารพวกเรา ระหว่างที่กําลังเดินทางไปซื้อกิกันท์”

 

” พระเจ้า!?”

 

“ความจริงที่ว่าพวกเขามีกิกันท์และมือสังหารบางคนที่เป็นอัศวินก็ทําให้มันมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาเป็นของเคานต์โมนาร์ช และแน่นอนว่าเขากําลังหมายตาดินแดนแห่งนี้

.

 

“เห้ย! ไอ้เหี้ยนั่น!”

 

ในวินาทีนั้น ไม่มีใครตําหนิลุคอีกต่อไปเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา

 

เช่นเดียวกับฮานส์ เขาพยายามจะรับมือกับสถานการณ์อย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทําได้

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็มีเป็นไปได้สูงมาก ที่เคานต์ทโมนาร์ชจะแว้งกลับมากัดนายน้อยของเราอีกครั้ง”

 

“เขาพึ่งล้มเหลวในการลอบสังหารครั้งเดียว แต่ครั้งต่อไปอาจเป็นสงครามแย่งชิงดินแดน”

 

แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถทําสงครามอาณาเขตได้ตลอดเวลา

 

ในการประกาศสงครามต้องมีเหตุผลและได้รับอนุญาตจากสภาจักรพรรดิ

 

อย่างไรก็ตาม หากเป็นขุนนางใหญ่เช่นเคานต์โมนาร์ชที่มีรายชื่อติดต่อ ยิ่งผนวกกับความจริงที่เขาเป็นเชื้อราชวงศ์ด้วย พวกเขาก็อาจจะสามารถทําเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ได้

 

“ในเมื่อสงครามนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเราก็ไม่ควรที่จะรับผู้ลี้ภัยเพิ่มอีก”

 

ดิกสันพยักหน้าให้กับคําพูดของคนรับใช้คนหนึ่ง

 

“ข้าเห็นด้วย เราต้องใช้เงินเป็นจํานวนมากเพื่อเลี้ยงพวกเขาหลายพันตน แล้วเราจะสามารถใช้จ่ายเงินกับพวกเขาได้ยังไงกัน ในเมื่อเราก็ต้องเตรียมตัวสําหรับทําสงคราม?”

 

เป็นความจริงที่ว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการผู้คนมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่เมื่อเผชิญกับวิกฤตจะมีปัญหาร้ายแรงได้หากพวกเขารับผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนในเวลาที่พวกเขาไม่มีเงินทุนรองรับ

 

“ผู้ลี้ภัยจะกลายเป็นฝูงชนหากไม่ได้รับการแก้ไขความต้องการขั้นพื้นฐาน เราอาจจะล้มละลายก่อนที่จะได้ทําสงครามกับเคานต์โมนาร์ชอีก”

 

เมื่อทุกคนได้ยินคําพูดของดิกสันที่ดูเหมือนจะถูกต้อง ความวิตกกังวลก็เริ่มพุ่งออกมจากใบหน้าของเหล่าคนรับใช้อีกครั้ง

 

“ท่านจะไม่คัดค้านการรับผู้ลี้ภัยหากปัญหาเรื่องเงินได้รับการแก้ไขใช่ไหม”

 

“ แน่นอนว่าเนื่องจากเราต้องการประชากรจํานวนมากขึ้นเพื่อให้ที่ดินอยู่รอด อย่างไรก็ตามเรามีเพียงพอที่จะผ่าน…”

 

ครั้งหนึ่งพวกเขาได้ยินว่าลอร์ดหนุ่มของพวกเขาครอบครองมากกว่า 100,000 เปโซ

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาพวกเขาได้รับแจ้งว่าเงินเหล่านี้ถูกนําไปใช้ในการเตรียมการสร้างหอคอยเวทมนตร์และเงินส่วนที่เหลือถูกนําไปใช้เพื่อซื้อกิกันท์ตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว

 

“ข้าหวังว่าเงินที่ถูกใช้ไป จะสามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเราได้”

 

“ได้สิ ข้าจะให้ความปรารถนานั้นแก่เจ้าเอง!”

 

ลุคเปิดประตูห้องและเดินเข้าไปราวกับว่าเขากําลังรอให้ดิกสันพูดจบ

 

เขาเดินไปตรงกลางห้อง และก็แกล้งทําของตกตรงหน้าพวกเขา

 

“นั่น…นั่น !”

 

“นั่นมันทองคําไม่ใช่เหรอ”

 

วัตถุทรงสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะส่องแสงเป็นประกาย

 

คนรับใช้ทุกคนต่างมองไปที่วัตถุชิ้นนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

แม้ว่าขนาดของทองคําจะไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะหนักประมาณ 10 กิโลกรัม

 

“ทั้งหมดนี้มาจากไหนกัน”

 

ดิกสันกล่าวพร้อมกัยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

เป็นความรู้ทั่วไปว่าทองคําแท่งขนาดใหญ่นั้นจะพบได้เฉพาะในธนาคารของจักรวรรดิและในห้องใต้ดินของราชวงศ์

 

“มันมาจากไหนไม่สําคัญ ที่สําคัญคือเจ้าสามารถทําตามที่เจ้าพูดไว้ได้จริงหรือเปล่า”

 

“ใช่แน่นอน”

 

“พวกเจ้าก็ด้วยเหรอ”

 

“ใช่แล้ว”

 

คนรับใช้ทั้งหมดพยักหน้า และลุคก็พาพวกเขาไปที่ปราสาทราชาปีศาจ

 

“ นายท่าน ทําไมท่านถึงพาเรามาที่นี่กัน?”

 

“พวกเจ้าจําตอนที่ข้าซื้อวัสดุก่อสร้างจากบริษัทการค้า ฮาเดสเมื่อวันก่อนได้หรือไม่”

 

“ใช่ ท่านคิดว่าปราสาทราชาปีศาจนั้นเก่าเกินไปและคิดจะซ่อมมัน”

 

“ถูกแล้ว ข้ามองไปรอบๆเพื่อดูว่าต้องซ่อมอะไรบ้าง และแล้วข้าก็พบเข้ากับกล่องที่ตกลงมาจากเพดานของปราสาท”

 

” กล่อง?”

 

“ใช่ ข้าก็ไม่รู้ว่าทําไม แต่ข้าเปิดกล่องออกมา ข้าก็พบเข้ากับแท่งทองคําละแท่งเงินจํานวนมากตามที่เจ้าเห็น”

 

“สึก!”

 

เขาไม่แน่ใจว่ากล่องใหญ่แค่ไหน แต่ดูกสันก็คิดว่าต้องมีราคาอย่างน้อยหลายหมื่นเปโซ

 

ทองคําแท่งทาลุคได้แสดงให้พวกเขาเห็นนั้นก็มีมูลค่ามากกว่า 3,000 เปโซแล้ว

 

“นายท่านโปรดแสดงมันออกมาให้หมดเลย”

 

ด้วยการกระตุ้นจากดิกสัน ลุคจึงพาพวกเขาไปหลังปราสาท

 

มันมีกําแพงที่สร้างเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งและมีการขุดพื้นด้านล่าง

 

“กล่องอยู่ที่ไหนกัน”

 

“มันซ่อนอยู่ที่นี่”

 

ลุคนํากล่องที่มีขนาดใหญ่และหนักออกมาจากอีกด้านหนึ่ง

 

กล่องโบราณใบนั้น เต็มไปด้วยแท่งทองและแท่งเงินที่ดูเหมือนกับแท่งทองคําที่ลุคแสดงก่อนหน้านี้

 

“โอ้พระเจ้า!”

 

“เจ้าหน้าที่การเงินนี่มันจะมีมูลค่าเท่าไหร่กัน”

 

หนึ่งในคนรับใช้มองเข้าไปในกล่องและสงสัย

 

ดิกสันตอบด้วยเสียงสั่น

 

“ข้าคิดว่ามันจะต้องมีอย่างน้อย 100,000 เปโซ”

 

“ .. 100,000 เปโซ!”

 

แต่ความประหลาดใจของพวกเขายังไม่จบเพียงแค่นั้น

 

ลุคแสยะยิ้มและพูดว่า

 

“มันยังมีอีกสามกล่องที่ถูกฝังอยู่”

 

“ฮิวว!?”

 

300,000 เปโซนั้นเทียบเท่ากับงบประมาณประจําปีของตระกูลรากันต์ 3 ปี และตอนนี้มันกําลังถูกฝังอยู่ใต้ดิน!

 

“ใครจะไปคิดกัน?”

 

“ใครกัน? หรือจะเป็นราชาปีศาจเซย์ม่อนที่เป็นคนฝังสมบัติพวกนี้”

กล่องนั้นมีตราของกองกําลังแห่งความมืดที่ใช้โดยเซย์ม่อนประทับอยู่

 

และกล่องที่มีทองคําและเงินอยู่ในนั้น ก็มีร่องรอยของดินที่ดูเหมือนว่ามันถูกฝังมานานหลายปีพร้อมกับเชื้อราและสนิม

 

บางทีเซย์ม่อนอาจจะฝังมันไว้ให้ตัวเองหรือครอบครัวเพื่อใช้ในภายหลัง

 

อย่างไรก็ตามนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะเขาเสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของรากันต์

 

คนรับใช้ทั้งหมดต่างก็เชื่อคําพูดของลุค

 

จริงๆแล้วแท่งทองและเงินถูกสร้างขึ้นในเวิร์คช็อปเมื่อวันก่อนและกล่องก็เป็นกล่องเก็บตัวอย่างที่อยู่ในเวิร์คช็อปเหมือน

 

แม่พิมพ์ก็ทําโดยใช้ตัวอย่างจากเวิร์คช็อป

 

“เราใช้สิ่งนี้ได้ไหม”

 

“เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชนะจะปล้นผู้แพ้ไม่ใช่หรือ? และจากมุมมองในสถานการณ์แบบนี้ มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยึดครอง!”

 

เมื่อได้ยินคําถามของคนรับใช้ ดูกสันก็เริ่มอธิบาย

 

“ท่านคิดอย่างนั้นเหรอ? แต่ถ้ามันมีคําสาปของปีศาจ

ล่ะ?”

 

” หุบปาก! เราจะเอาชนะคําสาปเหล่านั้น! สิ่งที่เราไม่รู้จักจะน่ากลัวสักแค่ไหนกัน!”

 

มีสุภาษิตโบราณว่ากันว่า “ทองคําเปลี่ยนคน”

 

นั่นหมายความว่ามนุษย์จะตกหลุมรักวัตถุอย่างแน่นอนและมันก็เป็นความจริง

 

ดิกสันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังฝ่าตีนใน 1 วินาที

 

ก่อนหน้านี้ รอบตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่ตอนนี้เขากลับสามารถยืนหยัดต่อสู้เยี่ยงอย่างนักรบได้เพราะทองคํา

 

“ไม่ใช่แค่ราชาปีศาจเท่านั้น ต่อให้มันเป็นพ่อหรือเป็นปู่ของราชาปีศาจมาทวงคืน ข้าก็จะไม่ยอมมอบมันให้แน่นอน ตอนนี้มันเป็นของพวกเรา มันเป็นของตระกูลรากันต์!!”

 

อึม ผู้ชายคนนี้ก็มีด้านที่โหดร้ายเหมือนกัน!”

 

พ่อมดซึ่งเดิมถูกเรียกว่าปีศาจ ตอนนี้กลับได้รับความชื่นชมจากดิกสัน

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการค้นพบเงินทุนทางทหารที่ถูกซ่อนไว้ โดยราชาปีศาจในอดีตทําให้พวกเขาสามารถยอมรับผู้ลี้ภัยได้แล้ว

 

และแม้ว่าลุคจะไม่ขอร้องพวกเขา แต่เหล่าคนรับใช้ก็ยอม

รับ

 

แน่นอนว่าแผนเริ่มจะสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคุยไว้กับเรย์น่ามากขึ้นแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 51 ปฏิบัติการ “เคลื่อนย้าย” (1)

 

หลังจากวางแผนเรื่องการย้ายถิ่นฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับพรรคพวกของเรย์น่าแล้ว ลุคก็กลับไปที่คฤหาสน์

 

ทันทีที่เขากลับมาถึงดินแดนของเขา เขาก็ได้มอบเงิน 30,000 เปโซให้กับฟิลิป

 

ฟิลิปออกเดินทางไปหาลาเมอร์ทันที

 

มันเป็นเพราะพวกเขาตัดสินใจที่จะไปพบเจ้าหญิงที่นั่น

 

หลังจากส่งฟิลิปไปแล้วเขาก็มุ่งหน้าไปที่ห้องทํางานใต้ดิน ในปราสาทราชาปีศาจของเขา

 

เมื่อมาถึง เขาก็สงสัยว่าแร่ธาตุต่างๆถูกรวบรวมมาได้อย่าง

 

ดวงตาของเขาเปล่งประกายเมื่อเห็นแร่ธาตุที่กองอยู่เหมือนเนินเขาลูกเล็กๆในเวิร์คช็อปของเขา

 

มันเป็นเพราะโกเลมและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นยังคงขุดแร่ ในเหมืองทั้งสามแห่งอย่างต่อเนื่องและทุกครั้งที่วงเวทย์เทเลพอร์ตกระพริบ แร่ธาตุต่างๆก็จะเข้ามา

 

พวกเขาจะทํางานหนักที่เดียว”

 

ลุคตัดสินใจที่จะให้อาหารมากมายแก่มอนสเตอร์เมื่อเขาพบพวกมัน

 

“ข้าควรเริ่มด้วยทองหรือแร่เงินดีนะ? ต้องใช้เงินจํานวนมากในการรับผู้ลี้ภัยและพัฒนาที่ดิน”

 

ลุคเรียกโกเลมและสั่งให้พวกมันเก็บแร่ธาตุจากเวิร์คช็อปลงไปในเตาหลอม

 

เตาหลอมถูกสลักด้วยวงเวทย์ที่จะทําให้เกิดเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูง

 

และด้วยมานาที่เพียงพอ มันจึงเป็นไปได้แล้วที่จะหลอมหรือถลุงแร่ธาตุต่างๆโดยไม่ต้องใช้พวกถ่านหิน

 

“มาดูกันว่าอุณหภูมิในการหลอมเงินจะสูงหรือต่ํากว่าทองคํากัน”

 

ลุคลองใช้อุณหภูมิหลอมละลายของโลหะและกระตุ้นวงเวทย์บนเตาหลอม

 

ฮวาร์!

 

ทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกโชนอย่างยิ่งใหญ่ภายในเตาหลอม และหลังจากนั้นไม่นานแร่เงินก็กลายเป็นของเหลวและไหลเข้าไปในรูด้านล่าง

 

แร่เงินไหลออกมาและเย็นลงในกรอบสี่เหลี่ยมและต่อมาก็เปลี่ยนเป็นแท่งเงิน

 

“เอาล่ะคราวนี้มาลองหลอมทองกัน”

 

ลุคเริ่มหลอมแร่ทองคําโดยเพิ่มอุณหภูมิของเตาขึ้นเล็กน้อย

 

เมื่อเวลาผ่านไปแท่งทองและแท่งเงินก็กองอยู่ตรงหน้าลุคในรูปแบบของปิรามิด

 

ลุคยิ้มกริ่มขณะถือแท่งทองคําในมือ

 

“หุหุหุ อัตราการผลิตที่รวดเร็วขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะพอสําหรับเป็นเงินทุนในการอพยพของผู้ลี้ภัยเท่านั้น แต่มันยังพอที่จะครอบครุมกองทุนเพื่อการพัฒนาที่ดินด้วยจะไม่เป็นปัญหา”

 

อย่างไรก็ตามลุคก็เริ่มสับสน

 

“แล้วข้าควรจะใช้มันอย่างไรดี”

 

ทองคําและเงินในปัจจุบันจะมีมูลค่าหลายพันเปโซ

 

สิ่งเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สําหรับเจ้าหญิงและตัวอย่าง แต่ปัญหาคือเขาไม่สามารถเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินได้

 

ที่นี่ไม่มีอะไรที่จะทําให้คนอื่นเชื่อได้เลย…”

 

ลุคครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาต้องทํา ทันใดนั้นเขาก็ปรบมือเมื่อมีความคิดที่ดี

 

“ใช่แล้ว! ข้าต้องทําได้แน่!”

 

เขาเดินไปที่ห้องทดลองใต้ดินด้วยท่าทางที่สดใส และเริ่มค้นหากล่องเก็บตัวอย่างที่มีขนาดเหมาะสม..

 

หลังจากเหล่าคนรับใช้ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในแบรนดอนจาก ปากของโรเจอรส์ พวกเขาก็แทบคลัง

 

“ข้าไม่เข้าใจ ทํานายท่านถึงคิดแบบนั้น!”

 

“อาจเป็นเพราะอายุของเขา ลอร์ดหนุ่มจึงมีความคิดที่แกว่งไปแกว่งมา แต่ถึงอย่างนั้นเซอร์โรเจอร์สก็ไม่น่าจะไขว้เขวตามนะ!”

 

“นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ เคานต์โมนาร์ชจะไม่มีทางอยู่เฉยๆแน่นอน แล้วทีนี้พวกเราจะทํายังไงกันดีล่ะ?”

 

“ไม่ต้องทําห่าอะไรแล้ว! ตอนนี้เราจบแล้ว!”

 

สักพักห้องประชุมก็เต็มไปด้วยความคิดของทุกคน

 

เมื่อความวุ่นวายสงบลง ดิกสันซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินก็ได้ถามฮานส์ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ดูแล

 

ฮานส์นั้นรับฟังความคิดของคนอื่นด้วยใบหน้าที่แน่วแน่

 

“ท่านหัวหน้าพ่อบ้าน ท่านคิดอย่างไรกับการกระทําของนายท่านบ้าง”

 

“ไม่มีอะไร”

 

ดิกสันดูงงงวยเมื่อได้ยินคําตอบที่ไม่คาดคิดของฮานส์

 

“ท่านคิดว่าคฤหาสน์รากันต์แห่งนี้จะลุกเป็นไฟเพราะการกระทําของนายน้อยหรือเปล่า?

 

“ยังไงซะสักวันเราก็ต้องสู้กับเคานต์โมนาร์ชอยู่ดี ที่สําคัญ ข้าคิดว่าเคานต์โมนาร์ขอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของนายน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อนด้วย”

 

ฮานส์ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากเขาไม่มีเงื่อนงําที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตามเขาเชื่อ 99% ว่าเคานต์โมนาร์ชนั้นเป็นคนที่มีอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

 

ที่ดินของรากันต์นั้นเกือบจะเผป็นเอกเทศจากจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีเคานต์โมนาร์ชที่ดูเหมือนจะมีปัญหากับพวกเขาอยู่เรื่อยๆ

 

นอกจากนี้ จากข้อมูลล่าสุดที่เขารวบรวม มันได้ชี้ให้เห็นว่าเคานตีโมนาร์ชต้องการที่จะครอบครองดินของรากันต์แห่งนี้

 

ฮานส์เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากฝั่งตะวันตกของจักรวรรดิ เมื่อเขาเอาไปเล่าให้คนรับใช้ทุกคนฟัง พวกเขาก็ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างมาก

 

“ไม่มีทาง เป็นจริงหรือ”

 

“ไอ้หมูตอนนั่น!”

 

ความโกรธของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นราวกับภูเขาไฟที่กําลังจะปะทุ และมันพุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินสิ่งที่โรเจอร์สพูด

 

“ในตอนแรกข้าก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้ ดังนั้นข้าจึงพยายามที่จะไม่พูดมัน แต่คราวนี้เราได้พบกับกลุ่มคนที่พยายามจะลอบสังหารพวกเรา ระหว่างที่กําลังเดินทางไปซื้อกิกันท์”

 

” พระเจ้า!?”

 

“ความจริงที่ว่าพวกเขามีกิกันท์และมือสังหารบางคนที่เป็นอัศวินก็ทําให้มันมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาเป็นของเคานต์โมนาร์ช และแน่นอนว่าเขากําลังหมายตาดินแดนแห่งนี้

.

 

“เห้ย! ไอ้เหี้ยนั่น!”

 

ในวินาทีนั้น ไม่มีใครตําหนิลุคอีกต่อไปเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา

 

เช่นเดียวกับฮานส์ เขาพยายามจะรับมือกับสถานการณ์อย่างสงบที่สุดเท่าที่จะทําได้

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็มีเป็นไปได้สูงมาก ที่เคานต์ทโมนาร์ชจะแว้งกลับมากัดนายน้อยของเราอีกครั้ง”

 

“เขาพึ่งล้มเหลวในการลอบสังหารครั้งเดียว แต่ครั้งต่อไปอาจเป็นสงครามแย่งชิงดินแดน”

 

แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถทําสงครามอาณาเขตได้ตลอดเวลา

 

ในการประกาศสงครามต้องมีเหตุผลและได้รับอนุญาตจากสภาจักรพรรดิ

 

อย่างไรก็ตาม หากเป็นขุนนางใหญ่เช่นเคานต์โมนาร์ชที่มีรายชื่อติดต่อ ยิ่งผนวกกับความจริงที่เขาเป็นเชื้อราชวงศ์ด้วย พวกเขาก็อาจจะสามารถทําเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ได้

 

“ในเมื่อสงครามนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเราก็ไม่ควรที่จะรับผู้ลี้ภัยเพิ่มอีก”

 

ดิกสันพยักหน้าให้กับคําพูดของคนรับใช้คนหนึ่ง

 

“ข้าเห็นด้วย เราต้องใช้เงินเป็นจํานวนมากเพื่อเลี้ยงพวกเขาหลายพันตน แล้วเราจะสามารถใช้จ่ายเงินกับพวกเขาได้ยังไงกัน ในเมื่อเราก็ต้องเตรียมตัวสําหรับทําสงคราม?”

 

เป็นความจริงที่ว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการผู้คนมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่เมื่อเผชิญกับวิกฤตจะมีปัญหาร้ายแรงได้หากพวกเขารับผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนในเวลาที่พวกเขาไม่มีเงินทุนรองรับ

 

“ผู้ลี้ภัยจะกลายเป็นฝูงชนหากไม่ได้รับการแก้ไขความต้องการขั้นพื้นฐาน เราอาจจะล้มละลายก่อนที่จะได้ทําสงครามกับเคานต์โมนาร์ชอีก”

 

เมื่อทุกคนได้ยินคําพูดของดิกสันที่ดูเหมือนจะถูกต้อง ความวิตกกังวลก็เริ่มพุ่งออกมจากใบหน้าของเหล่าคนรับใช้อีกครั้ง

 

“ท่านจะไม่คัดค้านการรับผู้ลี้ภัยหากปัญหาเรื่องเงินได้รับการแก้ไขใช่ไหม”

 

“ แน่นอนว่าเนื่องจากเราต้องการประชากรจํานวนมากขึ้นเพื่อให้ที่ดินอยู่รอด อย่างไรก็ตามเรามีเพียงพอที่จะผ่าน…”

 

ครั้งหนึ่งพวกเขาได้ยินว่าลอร์ดหนุ่มของพวกเขาครอบครองมากกว่า 100,000 เปโซ

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาพวกเขาได้รับแจ้งว่าเงินเหล่านี้ถูกนําไปใช้ในการเตรียมการสร้างหอคอยเวทมนตร์และเงินส่วนที่เหลือถูกนําไปใช้เพื่อซื้อกิกันท์ตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว

 

“ข้าหวังว่าเงินที่ถูกใช้ไป จะสามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเราได้”

 

“ได้สิ ข้าจะให้ความปรารถนานั้นแก่เจ้าเอง!”

 

ลุคเปิดประตูห้องและเดินเข้าไปราวกับว่าเขากําลังรอให้ดิกสันพูดจบ

 

เขาเดินไปตรงกลางห้อง และก็แกล้งทําของตกตรงหน้าพวกเขา

 

“นั่น…นั่น !”

 

“นั่นมันทองคําไม่ใช่เหรอ”

 

วัตถุทรงสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะส่องแสงเป็นประกาย

 

คนรับใช้ทุกคนต่างมองไปที่วัตถุชิ้นนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

แม้ว่าขนาดของทองคําจะไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะหนักประมาณ 10 กิโลกรัม

 

“ทั้งหมดนี้มาจากไหนกัน”

 

ดิกสันกล่าวพร้อมกัยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

เป็นความรู้ทั่วไปว่าทองคําแท่งขนาดใหญ่นั้นจะพบได้เฉพาะในธนาคารของจักรวรรดิและในห้องใต้ดินของราชวงศ์

 

“มันมาจากไหนไม่สําคัญ ที่สําคัญคือเจ้าสามารถทําตามที่เจ้าพูดไว้ได้จริงหรือเปล่า”

 

“ใช่แน่นอน”

 

“พวกเจ้าก็ด้วยเหรอ”

 

“ใช่แล้ว”

 

คนรับใช้ทั้งหมดพยักหน้า และลุคก็พาพวกเขาไปที่ปราสาทราชาปีศาจ

 

“ นายท่าน ทําไมท่านถึงพาเรามาที่นี่กัน?”

 

“พวกเจ้าจําตอนที่ข้าซื้อวัสดุก่อสร้างจากบริษัทการค้า ฮาเดสเมื่อวันก่อนได้หรือไม่”

 

“ใช่ ท่านคิดว่าปราสาทราชาปีศาจนั้นเก่าเกินไปและคิดจะซ่อมมัน”

 

“ถูกแล้ว ข้ามองไปรอบๆเพื่อดูว่าต้องซ่อมอะไรบ้าง และแล้วข้าก็พบเข้ากับกล่องที่ตกลงมาจากเพดานของปราสาท”

 

” กล่อง?”

 

“ใช่ ข้าก็ไม่รู้ว่าทําไม แต่ข้าเปิดกล่องออกมา ข้าก็พบเข้ากับแท่งทองคําละแท่งเงินจํานวนมากตามที่เจ้าเห็น”

 

“สึก!”

 

เขาไม่แน่ใจว่ากล่องใหญ่แค่ไหน แต่ดูกสันก็คิดว่าต้องมีราคาอย่างน้อยหลายหมื่นเปโซ

 

ทองคําแท่งทาลุคได้แสดงให้พวกเขาเห็นนั้นก็มีมูลค่ามากกว่า 3,000 เปโซแล้ว

 

“นายท่านโปรดแสดงมันออกมาให้หมดเลย”

 

ด้วยการกระตุ้นจากดิกสัน ลุคจึงพาพวกเขาไปหลังปราสาท

 

มันมีกําแพงที่สร้างเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งและมีการขุดพื้นด้านล่าง

 

“กล่องอยู่ที่ไหนกัน”

 

“มันซ่อนอยู่ที่นี่”

 

ลุคนํากล่องที่มีขนาดใหญ่และหนักออกมาจากอีกด้านหนึ่ง

 

กล่องโบราณใบนั้น เต็มไปด้วยแท่งทองและแท่งเงินที่ดูเหมือนกับแท่งทองคําที่ลุคแสดงก่อนหน้านี้

 

“โอ้พระเจ้า!”

 

“เจ้าหน้าที่การเงินนี่มันจะมีมูลค่าเท่าไหร่กัน”

 

หนึ่งในคนรับใช้มองเข้าไปในกล่องและสงสัย

 

ดิกสันตอบด้วยเสียงสั่น

 

“ข้าคิดว่ามันจะต้องมีอย่างน้อย 100,000 เปโซ”

 

“ .. 100,000 เปโซ!”

 

แต่ความประหลาดใจของพวกเขายังไม่จบเพียงแค่นั้น

 

ลุคแสยะยิ้มและพูดว่า

 

“มันยังมีอีกสามกล่องที่ถูกฝังอยู่”

 

“ฮิวว!?”

 

300,000 เปโซนั้นเทียบเท่ากับงบประมาณประจําปีของตระกูลรากันต์ 3 ปี และตอนนี้มันกําลังถูกฝังอยู่ใต้ดิน!

 

“ใครจะไปคิดกัน?”

 

“ใครกัน? หรือจะเป็นราชาปีศาจเซย์ม่อนที่เป็นคนฝังสมบัติพวกนี้”

กล่องนั้นมีตราของกองกําลังแห่งความมืดที่ใช้โดยเซย์ม่อนประทับอยู่

 

และกล่องที่มีทองคําและเงินอยู่ในนั้น ก็มีร่องรอยของดินที่ดูเหมือนว่ามันถูกฝังมานานหลายปีพร้อมกับเชื้อราและสนิม

 

บางทีเซย์ม่อนอาจจะฝังมันไว้ให้ตัวเองหรือครอบครัวเพื่อใช้ในภายหลัง

 

อย่างไรก็ตามนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะเขาเสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของรากันต์

 

คนรับใช้ทั้งหมดต่างก็เชื่อคําพูดของลุค

 

จริงๆแล้วแท่งทองและเงินถูกสร้างขึ้นในเวิร์คช็อปเมื่อวันก่อนและกล่องก็เป็นกล่องเก็บตัวอย่างที่อยู่ในเวิร์คช็อปเหมือน

 

แม่พิมพ์ก็ทําโดยใช้ตัวอย่างจากเวิร์คช็อป

 

“เราใช้สิ่งนี้ได้ไหม”

 

“เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชนะจะปล้นผู้แพ้ไม่ใช่หรือ? และจากมุมมองในสถานการณ์แบบนี้ มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยึดครอง!”

 

เมื่อได้ยินคําถามของคนรับใช้ ดูกสันก็เริ่มอธิบาย

 

“ท่านคิดอย่างนั้นเหรอ? แต่ถ้ามันมีคําสาปของปีศาจ

ล่ะ?”

 

” หุบปาก! เราจะเอาชนะคําสาปเหล่านั้น! สิ่งที่เราไม่รู้จักจะน่ากลัวสักแค่ไหนกัน!”

 

มีสุภาษิตโบราณว่ากันว่า “ทองคําเปลี่ยนคน”

 

นั่นหมายความว่ามนุษย์จะตกหลุมรักวัตถุอย่างแน่นอนและมันก็เป็นความจริง

 

ดิกสันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังฝ่าตีนใน 1 วินาที

 

ก่อนหน้านี้ รอบตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่ตอนนี้เขากลับสามารถยืนหยัดต่อสู้เยี่ยงอย่างนักรบได้เพราะทองคํา

 

“ไม่ใช่แค่ราชาปีศาจเท่านั้น ต่อให้มันเป็นพ่อหรือเป็นปู่ของราชาปีศาจมาทวงคืน ข้าก็จะไม่ยอมมอบมันให้แน่นอน ตอนนี้มันเป็นของพวกเรา มันเป็นของตระกูลรากันต์!!”

 

อึม ผู้ชายคนนี้ก็มีด้านที่โหดร้ายเหมือนกัน!”

 

พ่อมดซึ่งเดิมถูกเรียกว่าปีศาจ ตอนนี้กลับได้รับความชื่นชมจากดิกสัน

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการค้นพบเงินทุนทางทหารที่ถูกซ่อนไว้ โดยราชาปีศาจในอดีตทําให้พวกเขาสามารถยอมรับผู้ลี้ภัยได้แล้ว

 

และแม้ว่าลุคจะไม่ขอร้องพวกเขา แต่เหล่าคนรับใช้ก็ยอม

รับ

 

แน่นอนว่าแผนเริ่มจะสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคุยไว้กับเรย์น่ามากขึ้นแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+