Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 64 การระบาดของสงคราม (1)
Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล
บทที่ 64 การระบาดของสงคราม (1)
ลุคผู้ซึ่งยอมรับเซบาสเตียนมาเป็นทาสรับใช้ของเขา ต่อมาก็ได้ใช้เวทมนตร์บินเพื่อบินออกไปจากเทือกเขาซึ่งมีการก่อสร้างอุโมงค์
ในพื้นที่โล่งกว้าง ฟิลิปกําลังฝึกวิชาดาบของเขา
“การฝึกฝนของเจ้าเป็นไปด้วยดีหรือไม่”
“ อ่า นายท่านมาแล้วหรอ?”
ฟิลิปเก็บดาบของเขาแล้วหันตรงไปที่ลุค ในไม่ช้าเขาก็เริ่มแสดงออกถึงสีหน้าผิดหวัง
“เจ้ามือเปล่า นี่เจ้าจะไม่หยุดข้าเหรอ?”
” มันสําคัญด้วยหรอที่ข้าจะหยุดท่านหรือไม่ ท่านไม่ได้สนใจด้วยซ้ําว่ากองทัพศัตรูกําลังทําอะไรอยู่”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจ แต่มันเป็นเพราะข้าต้องคิดเกี่ยวกับเรื่อง เพลงดาบสุวรรณต่างหาก”
ฟิลิปเป็นอัศวินที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามและคุ้มครองลุค
มันเป็นตําแหน่งที่ต้องการให้เขาติดตามและเฝ้าดูแลลุคตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่สามารถทําได้ นั่นเป็นเพราะลุคคอยแต่หลบหน้าเขาและเก็บทุกอย่างเป็นความลับจากเขา
ฟิลิปถึงกับเขียนบทกวีเพื่อบรรยาอารมณ์ความรู้สึกที่เขาต้องเผชิญแต่เขาก็ยังคงพยายามทําหน้าที่อัศวินผู้พิทักษ์ของลุคต่อไป
“การล้างสมองด้วยเวทมนตร์แห่งความมืดนั้นง่ายมาก….ข้ารู้สึกเสียใจมากที่ทําให้อัศวินผู้เชี่ยวชาญคนนี้กลายเป็นคนโง่”
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาลุคเลือกที่จะยอมให้กับฟิลิป
ลุคสัญญาว่าถ้าฟิลิปยอมละออกจากเขา เขาก็จะยอมสอนเรื่อง เพลงดาบสุวรรณให้
“ พะ.. เพลงดาบสุวรรณ”
“ใช่ เลือกมา ว่าจะรับหรือไม่”
ถ้าฟิลิปปฏิเสธข้อเสนอของลุคในตอนนั้น ลุคก็ตั้งใจจะล้างสมอง
เขา
แต่ฟิลิปถามแค่เรื่องเดียว
ถึงแม้เขาจะเป็นคนโง่เขลาที่โครตโง่ แต่จิตใจของเขาก็เป็นของอัศวินอย่างไม่ต้องสงสัย
มันไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธข้อเสนอของลุค เมื่อเขานึกถึงตํานานเพลงดาบสุวรรณของนักรบแห่งรากันต์ที่ยังคงถูกพูดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 500 ปี
หลังจากการประนีประนอมฟิลิปเสร็จ เขาก็แสร้งทําเป็นว่าตามลุคไปทุกครั้งที่เขาออกไปจากคฤหาสน์ และในรายงานเขาก็กล่าวว่า “ข้าดูลอร์ดหนุ่มฝึกดาบและรับฟังคําสั่งของท่านลอร์ด”
ทุกครั้งที่เขารายงานกลับไปให้โรเจอร์ส โรเจอร์สก็มักจะมีความสงสัยเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นเสมอ เพราะการฟันดาบของลุคนั้นยังดูเหมือนไม่มีการพัฒนาใดๆ มีแทบจะไม่แตกต่างไปจากตอนที่เขาฝึกอยู่กับโรเจอร์สเลย
“ข้าอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ … หลังจากที่นายท่านเปลี่ยนไป ข้าก็ดีใจมากที่ท่านไม่ได้ประพฤตัวในทางที่ไม่ดี และตอนนี้ข้าก็เชื่อแล้วว่าท่านจะไม่มีสันทําเรื่องพวกนั้นแน่นอน”
“ใช่?”
“ใช่แล้ว แม้ว่าท่านจะค้นพบมรดกของราชาปีศาจ แต่ท่านก็ยังคงฝึกฝนมันอย่างตั้งใจ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องประสบความสําเร็จอย่างมากในอนาคตแน่นอน”
เมื่อได้ยินคําพูดของฟิลิป ลุคก็ยิ้มขึ้น
เขารู้สึกแย่เล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะยิ้มออกมาและมองมัน เป็นเรื่องตลก
“แล้วถ้าข้าทําให้เจ้าเป็นเดธไนท์ล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็ต้องทําให้ข้าเป็นเดธไนท์ที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นๆนะ เพราะไหนๆท่านก็เปลี่ยนข้าแล้ว ท่านก็ควรจะทําให้มันดีๆ ไปเลย”
“ ว้าว ได้ยินแบบนี้แล้ว มันก็ทําให้ฉัน…”
ลุคตบไหล่ของฟิลิป จากนั้นเขาก็ดึงดาบของเขาออกมา และเริ่มทําตามสัญญาที่เขาให้ไว้กับฟิลิป เพลงดาบสุวรรณ!
“โอเค ทีนี้มาดูกันว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน?”
” นั่นคือสิ่งที่ข้าทําที่นี่ ถ้าท่านรู้สึกภูมิใจมาก ท่านจะไม่สามารถสังเกตุข้อบกพร้องของท่านได้หรอกนะ”
เพื่อจุดประสงค์ในการฝึกฝน พันธมิตรทั้งสองคนต่างก็พร้อมที่จะต่อสู้กันอย่างที่ต่อสู้กับศัตรู
ลุคได้เรียนรู้วิธีสร้างออร่าทันที หลังจากที่เขาเรียนรู้การสร้างออร่าเมไจในตอนที่ฝึกฝนกับโรเจอร์ส
ทันใดนั้นดาบของเขาก็เรืองแสงทองออกมาอย่างรวดเร็ว
มานาแกนกลางซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดของเพลงดาบสุวรรณ นั้นเป็นอะไรที่ง่ายเกินไปสําหรับเขา
ไม่มีใครในโลกที่สามารถก้าวจามเขาได้ทันในฐานะตอมเวทขั้น 9
คัง! กึ้ง!
ทุกครั้งที่เสียงของโลหะกระทบกันดังขึ้น ออร่าก็จะกระจายออกมา
แม้ว่าผิวหนังของพวกเขาจะถูกตัดออกและเสื้อผ้าของพวกเขาก็เริ่มขาดแต่การฝึกซ้อมของพวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง
หลังจากฝึกซ้อมเป็นเวลากว่า 20 นาที ฟิลิปก็กลายเป็นคนที่เอาดาบมาจ่อที่คอของลุค
” เจ้ายังแข็งแกร่งกว่าข้า”
“นั่นเพราะข้าไม่รู้อะไรนอกจากใช้ดาบ”
ทักษะการฟันดาบของลุคนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเขาก็ได้เรียนรู้มันในเวลาอันสั้น
ฟิลิปนั้นเรียนรู้วิชาดาบมานานกว่า 20 ปีและเขาก็แสดงความสามารถเพื่อก้าวข้ามผ่านผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง
เพราะฉะนั้นชัยชนะของเขา
และฟิลิปเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ
เขารู้ดีว่าลุคยังไม่หมดพลัง และเขายังรู้ว่าลุคได้เรียนรู้เวทมนตร์จากมิวท์ ดังนั้นเขาอาจมีวงเวทย์ 1 หรือ 2 วง ซึ่งมากพอที่จะใช้ในการต่อสู้
ฟิลิปรู้ดีว่า ถ้าลุคใช้เวทมนตร์แฟลชธรรมดาๆเขาก็จะสามารถแตะคอของฟิลิปได้เหมือนกัน
ตลอดทั้งชั่วโมงนั้น ลุคได้บอกฟิลิปถึงทุกอย่างที่เขาได้เรียนมาจากโรเจอร์ส
“ถ้าอย่างนั้นเราควรกลับไปดีไหม”
“ใช่ มันไม่ดีที่จะทํางานหนักเกินไป”
พวกเขาสองคนขี่ม้ากลับไปที่คฤหาสน์
แต่บรรยากาศของคฤหาสน์ในตอนนี้ก็ไม่ธรรมดา
เหล่าสาวใช้ทุกคนดูเหมือนจะกังวลมากและอัศวินที่สวมชุดเกราะเต็มยศก็มีท่าที่ยุ่งมากเช่นกัน
เมื่อเห็นดังนั้น ลุคก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องเกิดเหตุการณีอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน โดยไม่รอข้าเขาได้เอ่ยถามเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อได้ยอินคําถามของลุค หัวหน้านักบวชมารอนที่กําลังเดินผ่านลุคก็หยุดแล้วตอบเขา
“ท่านกลับมาแล้ว”
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว ….”
“เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้ส่งสารคนหนึ่งที่มาจากราชสํานัก และ กระดาษที่เขาได้มอบให้ก็ระบุว่าทางสภาและจักรพรรดิได้เซ็นยินยอมให้มีการทําสงครามแล้ว”
ในที่สุดคําขอของเคานต์โมนาร์ชก็ได้รับการยอมรับแล้ว
ลุคที่เตรียมพร้อมสําหรับเรื่อนงนี้อยู่แล้วก็ตอบกลับมารอนไปอย่างใจเย็น
“พวกคนรับใช้ล่ะ?”
“ทุกคนอยู่ในห้องทํางานและกําลังรอการมาถึงของท่าน โปรดท่านจงไปที่นั่นด้วย”
ลุครีบไปที่ห้องประชุม
หัวใจของเขาเต้นแรงแต่มันไม่ใช่เพราะความกลัว และแม้ว่าตอนนี้เขาจํากําหมัดแน่นแต่หัวของเขาก็ยังเย็นเหมือนเช่นเคย
“รอก่อนเถอะโมนาร์ช ข้าจะนําเอาหายนะไปเคาะหน้าประตูบ้านเจ้าเอง!”
Comments
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 64 การระบาดของสงคราม (1)
Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล
บทที่ 64 การระบาดของสงคราม (1)
ลุคผู้ซึ่งยอมรับเซบาสเตียนมาเป็นทาสรับใช้ของเขา ต่อมาก็ได้ใช้เวทมนตร์บินเพื่อบินออกไปจากเทือกเขาซึ่งมีการก่อสร้างอุโมงค์
ในพื้นที่โล่งกว้าง ฟิลิปกําลังฝึกวิชาดาบของเขา
“การฝึกฝนของเจ้าเป็นไปด้วยดีหรือไม่”
“ อ่า นายท่านมาแล้วหรอ?”
ฟิลิปเก็บดาบของเขาแล้วหันตรงไปที่ลุค ในไม่ช้าเขาก็เริ่มแสดงออกถึงสีหน้าผิดหวัง
“เจ้ามือเปล่า นี่เจ้าจะไม่หยุดข้าเหรอ?”
” มันสําคัญด้วยหรอที่ข้าจะหยุดท่านหรือไม่ ท่านไม่ได้สนใจด้วยซ้ําว่ากองทัพศัตรูกําลังทําอะไรอยู่”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจ แต่มันเป็นเพราะข้าต้องคิดเกี่ยวกับเรื่อง เพลงดาบสุวรรณต่างหาก”
ฟิลิปเป็นอัศวินที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามและคุ้มครองลุค
มันเป็นตําแหน่งที่ต้องการให้เขาติดตามและเฝ้าดูแลลุคตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่สามารถทําได้ นั่นเป็นเพราะลุคคอยแต่หลบหน้าเขาและเก็บทุกอย่างเป็นความลับจากเขา
ฟิลิปถึงกับเขียนบทกวีเพื่อบรรยาอารมณ์ความรู้สึกที่เขาต้องเผชิญแต่เขาก็ยังคงพยายามทําหน้าที่อัศวินผู้พิทักษ์ของลุคต่อไป
“การล้างสมองด้วยเวทมนตร์แห่งความมืดนั้นง่ายมาก….ข้ารู้สึกเสียใจมากที่ทําให้อัศวินผู้เชี่ยวชาญคนนี้กลายเป็นคนโง่”
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาลุคเลือกที่จะยอมให้กับฟิลิป
ลุคสัญญาว่าถ้าฟิลิปยอมละออกจากเขา เขาก็จะยอมสอนเรื่อง เพลงดาบสุวรรณให้
“ พะ.. เพลงดาบสุวรรณ”
“ใช่ เลือกมา ว่าจะรับหรือไม่”
ถ้าฟิลิปปฏิเสธข้อเสนอของลุคในตอนนั้น ลุคก็ตั้งใจจะล้างสมอง
เขา
แต่ฟิลิปถามแค่เรื่องเดียว
ถึงแม้เขาจะเป็นคนโง่เขลาที่โครตโง่ แต่จิตใจของเขาก็เป็นของอัศวินอย่างไม่ต้องสงสัย
มันไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธข้อเสนอของลุค เมื่อเขานึกถึงตํานานเพลงดาบสุวรรณของนักรบแห่งรากันต์ที่ยังคงถูกพูดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 500 ปี
หลังจากการประนีประนอมฟิลิปเสร็จ เขาก็แสร้งทําเป็นว่าตามลุคไปทุกครั้งที่เขาออกไปจากคฤหาสน์ และในรายงานเขาก็กล่าวว่า “ข้าดูลอร์ดหนุ่มฝึกดาบและรับฟังคําสั่งของท่านลอร์ด”
ทุกครั้งที่เขารายงานกลับไปให้โรเจอร์ส โรเจอร์สก็มักจะมีความสงสัยเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นเสมอ เพราะการฟันดาบของลุคนั้นยังดูเหมือนไม่มีการพัฒนาใดๆ มีแทบจะไม่แตกต่างไปจากตอนที่เขาฝึกอยู่กับโรเจอร์สเลย
“ข้าอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ … หลังจากที่นายท่านเปลี่ยนไป ข้าก็ดีใจมากที่ท่านไม่ได้ประพฤตัวในทางที่ไม่ดี และตอนนี้ข้าก็เชื่อแล้วว่าท่านจะไม่มีสันทําเรื่องพวกนั้นแน่นอน”
“ใช่?”
“ใช่แล้ว แม้ว่าท่านจะค้นพบมรดกของราชาปีศาจ แต่ท่านก็ยังคงฝึกฝนมันอย่างตั้งใจ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องประสบความสําเร็จอย่างมากในอนาคตแน่นอน”
เมื่อได้ยินคําพูดของฟิลิป ลุคก็ยิ้มขึ้น
เขารู้สึกแย่เล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะยิ้มออกมาและมองมัน เป็นเรื่องตลก
“แล้วถ้าข้าทําให้เจ้าเป็นเดธไนท์ล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็ต้องทําให้ข้าเป็นเดธไนท์ที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นๆนะ เพราะไหนๆท่านก็เปลี่ยนข้าแล้ว ท่านก็ควรจะทําให้มันดีๆ ไปเลย”
“ ว้าว ได้ยินแบบนี้แล้ว มันก็ทําให้ฉัน…”
ลุคตบไหล่ของฟิลิป จากนั้นเขาก็ดึงดาบของเขาออกมา และเริ่มทําตามสัญญาที่เขาให้ไว้กับฟิลิป เพลงดาบสุวรรณ!
“โอเค ทีนี้มาดูกันว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน?”
” นั่นคือสิ่งที่ข้าทําที่นี่ ถ้าท่านรู้สึกภูมิใจมาก ท่านจะไม่สามารถสังเกตุข้อบกพร้องของท่านได้หรอกนะ”
เพื่อจุดประสงค์ในการฝึกฝน พันธมิตรทั้งสองคนต่างก็พร้อมที่จะต่อสู้กันอย่างที่ต่อสู้กับศัตรู
ลุคได้เรียนรู้วิธีสร้างออร่าทันที หลังจากที่เขาเรียนรู้การสร้างออร่าเมไจในตอนที่ฝึกฝนกับโรเจอร์ส
ทันใดนั้นดาบของเขาก็เรืองแสงทองออกมาอย่างรวดเร็ว
มานาแกนกลางซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดของเพลงดาบสุวรรณ นั้นเป็นอะไรที่ง่ายเกินไปสําหรับเขา
ไม่มีใครในโลกที่สามารถก้าวจามเขาได้ทันในฐานะตอมเวทขั้น 9
คัง! กึ้ง!
ทุกครั้งที่เสียงของโลหะกระทบกันดังขึ้น ออร่าก็จะกระจายออกมา
แม้ว่าผิวหนังของพวกเขาจะถูกตัดออกและเสื้อผ้าของพวกเขาก็เริ่มขาดแต่การฝึกซ้อมของพวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง
หลังจากฝึกซ้อมเป็นเวลากว่า 20 นาที ฟิลิปก็กลายเป็นคนที่เอาดาบมาจ่อที่คอของลุค
” เจ้ายังแข็งแกร่งกว่าข้า”
“นั่นเพราะข้าไม่รู้อะไรนอกจากใช้ดาบ”
ทักษะการฟันดาบของลุคนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเขาก็ได้เรียนรู้มันในเวลาอันสั้น
ฟิลิปนั้นเรียนรู้วิชาดาบมานานกว่า 20 ปีและเขาก็แสดงความสามารถเพื่อก้าวข้ามผ่านผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง
เพราะฉะนั้นชัยชนะของเขา
และฟิลิปเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ
เขารู้ดีว่าลุคยังไม่หมดพลัง และเขายังรู้ว่าลุคได้เรียนรู้เวทมนตร์จากมิวท์ ดังนั้นเขาอาจมีวงเวทย์ 1 หรือ 2 วง ซึ่งมากพอที่จะใช้ในการต่อสู้
ฟิลิปรู้ดีว่า ถ้าลุคใช้เวทมนตร์แฟลชธรรมดาๆเขาก็จะสามารถแตะคอของฟิลิปได้เหมือนกัน
ตลอดทั้งชั่วโมงนั้น ลุคได้บอกฟิลิปถึงทุกอย่างที่เขาได้เรียนมาจากโรเจอร์ส
“ถ้าอย่างนั้นเราควรกลับไปดีไหม”
“ใช่ มันไม่ดีที่จะทํางานหนักเกินไป”
พวกเขาสองคนขี่ม้ากลับไปที่คฤหาสน์
แต่บรรยากาศของคฤหาสน์ในตอนนี้ก็ไม่ธรรมดา
เหล่าสาวใช้ทุกคนดูเหมือนจะกังวลมากและอัศวินที่สวมชุดเกราะเต็มยศก็มีท่าที่ยุ่งมากเช่นกัน
เมื่อเห็นดังนั้น ลุคก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องเกิดเหตุการณีอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน โดยไม่รอข้าเขาได้เอ่ยถามเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อได้ยอินคําถามของลุค หัวหน้านักบวชมารอนที่กําลังเดินผ่านลุคก็หยุดแล้วตอบเขา
“ท่านกลับมาแล้ว”
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว ….”
“เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้ส่งสารคนหนึ่งที่มาจากราชสํานัก และ กระดาษที่เขาได้มอบให้ก็ระบุว่าทางสภาและจักรพรรดิได้เซ็นยินยอมให้มีการทําสงครามแล้ว”
ในที่สุดคําขอของเคานต์โมนาร์ชก็ได้รับการยอมรับแล้ว
ลุคที่เตรียมพร้อมสําหรับเรื่อนงนี้อยู่แล้วก็ตอบกลับมารอนไปอย่างใจเย็น
“พวกคนรับใช้ล่ะ?”
“ทุกคนอยู่ในห้องทํางานและกําลังรอการมาถึงของท่าน โปรดท่านจงไปที่นั่นด้วย”
ลุครีบไปที่ห้องประชุม
หัวใจของเขาเต้นแรงแต่มันไม่ใช่เพราะความกลัว และแม้ว่าตอนนี้เขาจํากําหมัดแน่นแต่หัวของเขาก็ยังเย็นเหมือนเช่นเคย
“รอก่อนเถอะโมนาร์ช ข้าจะนําเอาหายนะไปเคาะหน้าประตูบ้านเจ้าเอง!”
Comments