Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 65 การระบาดของสงคราม (2)
Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล
บทที่ 65 การระบาดของสงคราม (2)
“ คาฮาฮา! ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติแล้ว”
เคานต์โมนาร์ชที่เห็นกระดาษที่ส่งมาจากผู้ส่งสารของสภาจักรพรรดิก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
มันคือกระดาษที่ประกาศถึงการทําสงครามและมีการลงตราประทับของสภาจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว
“ในที่สุด พวกเราก็จะได้ออกโรงสักที” อัศวินที่สวมชุดเกราะเต็มยศกล่าว
เขาคือมือขวาคนสนิทของเคานต์โมนาร์ช เชน อัศวินผู้เชี่ยวชาญชั้นสูง และเขาก็ยังเป็นแม่ทัพอัศวินของจักรพรรดิด้วย
“ใช่ ในที่สุด ข้าก็จะสามารถชดใช้ความอัปยศที่เกิดขึ้นในครั้งล่า
สุดได้!”
หากเคานต์โฒนาร์ชเลือกที่จะลงมือตอนนี้ สิ่งที่เขาจะทําก็คือลอบเข้าไป แล้วทําการสังหารผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดและนําเอาตัวเจ้าหญิงออกมา
ซึ่งเขาก็อดทนต่อความปรารถนาของเขาต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว แต่โกทก็ยังคงยืนกรานว่า เขาไม่ควรเคลื่อนไหวจนกว่าเขาจะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสภาจักรพรรดิ
“หึ! มันกล้าดียังไงมาหลอกข้า หลังจากฆ่ากองทหารม้าของข้า ไปรอก่อนเถอะ หลังจากสงครามครั้งนี้จบข้าจะไปเอาตัวเจ้าหญิงกลับคืนมา!”
สิ่งที่เคานต์โมนาร์ชมีต่อเจ้าหญิงเรย์น่านั้นไม่สามารถนับเป็นความชอบได้อีกต่อไปแล้ว มันคือความหลงใหล
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้เขาโกรธมาก
โกทพูดพลางส่ายหัว
“แต่นายท่าน พวกเรายังไม่รู้เลยว่าพวกรากันต์มันสามารถจัดการกับกองกําลังทหารม้าของเราได้อย่างไร”
ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดนี่ตระกูลรากันต์นั้นสามารถโค่นล้มกองกําลังทหารม้าแมปองของเคานต์โมนาร์ชได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือ ตระกูลรากันต์ทํามันได้อย่างไร?
“เจ้ายังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ? พวกมันอาจจะใช้กิกันท์ก็ได้”
“มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เท่าที่เราทราบมากิกันท์ทั้ง 3 ตัวของไวเคานตากันต์นั้นไม่สามารถขยับได้
กิกันท์นั้นมีความสําคัญมาก ซึ่งมันทําให้ดินแดนต่างๆต่างก็จับตาดูกันและกันอยู่อย่างเสมอๆ
ด้วยเหตุนั้น มันจึงมีสายลับที่อยู่ในราดกันต์คออยจับตาดูการเคลื่อนไหวของกิกันท์ของรากันต์
“และยังมีอีกประการหนึ่ง ก็คือดินแดนรากันต์ทั้งหมดนั้นกําลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงความจริงที่ว่าเราสมัครเข้าร่วมสงคราม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงทําการพัฒนาเมืองต่อไป”
สายตาของโกทนั้นสงบและเยือกเย็น เขาคิดว่าการกระทําของพวกรากันท์นั้นไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
ไม่ว่าพวกเขาจะคิดที่จะเอาชนะหรือยอมแพ้ แต่ในสายตาของโกทนั้นก็บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้รู้ออะไรเลยเกี่ยวกับรากันต์
“นี่เป็นเพียงการคาดเดา ข้าว่าขุนนางอาจช่วยเหลือรากันต์ หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่ทําให้อัศวินเงาและกองกําลังทหารม้าแมงปองถูกทําลายได้อีกแล้ว”
เป็นที่รู้กันดีว่าอัศวินเงาถูกส่งไปลอบสังหารลุค แต่พวกเขากลับพบซากศพของพวกอัศวินเงาพร้อมกับกิกันท์ที่ข้างใต้บริเวณหน้าผา
แวบแรกมันก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะพื้นดินที่ถล่มลงมา
แต่เมื่อคิดดูดีๆมันก็แปลกมาก เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะมีใครจงใจพากิกันท์ไปที่หน้าผา
นอกจากนี้สายลับยังระบุว่ารถพ่วงที่พวกอัศวินเงาเคยใช้ตอนนี้อยู่กับไวเคานต์รากันต์
นั่นหมายความว่าพวกอัศวินเงาต้องเคยปะทะเข้ากับพวกรากันต์แน่นอน
“หากเรายังไม่สามารถยืนยันคําตอบได้ ข้าก็คิดว่าการจะไปโจมตีพวกมันในตอนนี้เป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้น…”
คําพูดของโกทนั้นทําให้เชนรําคาญ
“แล้วไง? เจ้ากําลังจะบอกว่าเราควรยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนี้
นหรอ?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพยายามจะสื่อ อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกว่าเรายังจําเป็นต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนจะเริ่มการโจมตี”
สําหรับโกทแล้ว เชนนั้นเป็นคนที่รับมือได้ยาก
พลังของเขาที่ว่าเหนือมนุษย์แล้ว แค่ความโง่เขลาของเขานั้นเหนือมนุษย์ยิ่งกว่า
“ไม่ว่าพวกมันจะทําอะไร พวกเราก็เพียงแค่ต้องบดขยี้และเอาชนะพวกมันเท่านั้น เจ้าคิดว่พวกเราจะแพ้งั้นหรอ?”
“อ่า ก็ไม่”
พวกเขานั้นมีพลังที่ไม่มีวันสูญหาย
ลําพังเพียงจํานวนกิกันท์ที่เขาครอบครองก็มากกว่าฝ่ายรากันต์ถึง 20 ตัวแล้ว แล้วไหนจะจํานวนกองทหารอัศวินอีก
จํานวนอัศวินรวมถึงผู้เชี่ยวชาญนั้นก็มีมากกว่า 200 นายและทหารมีมากกว่า 10,000 นาย
ด้วยพลังที่มากขนาดนี้ พวกเขาก็จะไม่เสียเปรียบแน่นอนแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นมาร์ควิสเมเยอร์ก็ตาม
“เชอะ เก็บหัวใหญ่ๆของเจ้าเอาไว้ทําอย่างอื่นให้ดีเถอะ!”
“ไม่ใช่ว่าข้ามีความกังวลอะไร แต่ข้าแค่อยากจะระวังไว้ก่อน”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่อยู่ตรงหน้านี้”
แม้ว่าการเยาะเย้ยของเชนนั้นทําให้โกทเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหุบปาก
“โปรดให้ข้าได้นําทัพไปที่นั่นด้วย ข้าจะไปเล่นกับพวกมันเอง!”
เคานต์โมนาร์ชพยักหน้าเนด้วยอย่างมั่นใจ
“ข้าอนุญาต”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ขอบคุณมาก!”
เชนที่กระสับกระส่ายอย่างมาก กระโดดออกจากที่นั่งและออกจากห้องทํางาน
กองทัพได้รวมตัวกันนอกเมืองลาเมอร์…
เมื่อได้รับรายงานว่าสงครามได้รับการอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ลุคก็เข้าไปในห้องทํางานซึ่งคนรับใช้ทั้งหมดกําลังรอเขาอยู่ที่นั่น
“ คาดว่ากองกําลังของโฒนาร์ชจะระดมพลกิกันท์ 42 ตัว อัศวิน 80 นาย และทหารอีก 5,000 นาย
ไม่มีทางที่เคานต์โมนาร์ชจะระดมกองกําลังทั้งหมดของเขา นั่นก็เพราะเขาต้องเก็บกองกําลังทหารส่วนหนึ่งไว้คอยปกป้องเมือง
เคานต์โมนาร์ชนั้นยังมีอีกห้าเมืองนอกเหนือจากลาเมอร์และป้อมปราการมากกว่าเจ็ดแห่งที่ใต้ใต้การปกครองของเขา
“แต่พวกเขาก็ยังอยู่สูงเกินไปสําหรับเรา”
แม้จะมีส่วนหนึ่งต้องป้องกันเมือง แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลําบากหสําหรับฝ่ายรากันต์
ลุคตอบกลับโรเจอร์ส
“แต่เรามีกําลังใจและการเตรียมพร้อมที่ดีกว่า”
“อื้มนั่นก็ใช่”
ลุครู้ว่าพวกเขานั้นเตรียมการอย่างหนักในการทําสงคราม แต่ยังไงซะกําลังรบของพวกเขาก็ยังจัดอยู่ในระดับต่ํา
“แล้วแผนการของเราคืออะไร? ท่านคงไม่คิดจะให้เราตั้งรับอยู่แต่ในนี้ใช่ไหม?”
“ไม่อย่างแน่นอน เราจะทําให้ศัตรูของเราต้องตกใจจนอกสั่นขวัญผวา”
หุบเขายอทเทิร์นที่โรเจอร์สชี้ไปนั้นเป็นเส้นทางเคานต์โมนาร์ชต้องใช้เพื่อเดินทางมาที่รากันต์
เส้นทางของมันนั้นไม่ได้กว้างอะไรมาก มันมีพื้นที่เลนพอให้รถม้าสองคันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มันจึงสถานที่ที่เหมาะกับการซุ่มโจม
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่ใช้เส้นทางนั้น”
ไม่มีเส้นทางใดที่เคานต์โมนาร์ชจะสามารถใช้เพื่อมายังรากันต์ได้อีกแล้ว
แต่หากพวกมันสามรถหาทางได้ มันก็จะทําให้การจัดสรรกองกําลังของพวกเขาไขว้เขวไป
“แน่นอนว่าอาจเป็นได้ แต่คราวนี้ผู้บัญชาการของพวกเขาคือเชน จากรายงานของเรา เขาเป็นคนห้าวหาญและใจร้อน ซึ่งความคิดของเขาก็เป็นอะไรที่ตื้นเขิน ดังนั้นบางทีพวกเขาอาจจะวางแผนที่จะมาที่นี่ในเวลาที่สั้นที่สุด”
หุบเขายอทเทิร์นนั้นตั้งอยู่ในดินแดนของโมนาร์ช
และแม้ว่าจะต้องประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ต้องกําจัดพวกเขาด้วยกิกันท์เพียงแค่ 3 ตัว
“ใครว่า 3 ล่ะ เรามี 10 ต่างหาก”
เดิมที่พวกเขากิกันท์ที่ใช้ได้ 3 ตัวและ 5 ตัวจากการซ่อมบํารุง 1 ตัวจากแบรนดอน และ 1 ตัวจากเจ้าหญิงเรย์น่า
แม้ว่าการต่อสู้โดยตรงจะเป็นเรื่องยาก แต่หากการซุ่มโจมตีสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น ชัยชนะก็น่าจะเป็นของพวกเขา
“ไม่เลว”
ลุคกล่าวพลางพยักหน้า
อย่างไรก็ตามลุคสามารถมองเห็นช่องโหว่มากมาย เนื่องจากสงครามที่เขาเคยทําในอดีต
“แล้วถ้าพวกเขาเห็นการซุ่มโจมตีล่ะ?”
หากพวกมันบางคนมีความรอบคอบและค้นพบการซุ่มโจมตี มันจะทําให้ฝ่ายรากันต์นั้นตกที่นั่งลําบาก
และถ้ากิกันท์จํานวนมากเหล่านั้นยังมีประสิทธิภาพคุณภาพสูงด้วยล่ะ?
ผู้ขับขี่หลายคนมีประสบการณ์โดยตรงในสนามประลองกิกันท์ สําหรับการต่อสู้แบบกิกันท์ นอกจากนี้ผู้บัญชาการอัศวินก็เป็นคนที่เก่งที่สุด
“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ข้าก็ต้องไป”
หากเขาต้องตกอยู่ในสงคราม อํานาจของเขาก็ไม่ควรถูกเปิดเผย
ซึ่งแตกต่างจากผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าที่เขาช่วยชีวิตครั้งสุดท้าย มันมีดวงตามากมายที่จะเป็นพยานให้เขา
ในครั้งนี้นอกจากจะมีทหารของทั้งสองฝ่ายแล้ว มันยังมีสายลับของกอองกําลังอื่นๆอีกมากมายที่มาเฝ้าสังเกตุการณ์
ดังนั้นเขาจึงควรที่จะหนีไปซะตั้งแต่แรกๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะถูกสงสัยว่าเป็นพ่อมดแห่งความมืด
อย่างไรก็ตามการที่เขาจะเข้าร่วมในการซุ่มโจมตี มันก็หมายความว่าเขาต้องละออกจากเหล่าคนรับใช้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาไม่ควรที่จะไปเข้าร่วม
“ข้ายังมีภาระงานที่ต้องทําอีกมาก ซึ่งมันมองไม่เห็นด้วยตา”
ลุคยิ้มอย่างมีเลศนัย และปล่อยให้ทหารไปทําหน้าที่ของตน
Comments
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 65 การระบาดของสงคราม (2)
Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล
บทที่ 65 การระบาดของสงคราม (2)
“ คาฮาฮา! ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติแล้ว”
เคานต์โมนาร์ชที่เห็นกระดาษที่ส่งมาจากผู้ส่งสารของสภาจักรพรรดิก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
มันคือกระดาษที่ประกาศถึงการทําสงครามและมีการลงตราประทับของสภาจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว
“ในที่สุด พวกเราก็จะได้ออกโรงสักที” อัศวินที่สวมชุดเกราะเต็มยศกล่าว
เขาคือมือขวาคนสนิทของเคานต์โมนาร์ช เชน อัศวินผู้เชี่ยวชาญชั้นสูง และเขาก็ยังเป็นแม่ทัพอัศวินของจักรพรรดิด้วย
“ใช่ ในที่สุด ข้าก็จะสามารถชดใช้ความอัปยศที่เกิดขึ้นในครั้งล่า
สุดได้!”
หากเคานต์โฒนาร์ชเลือกที่จะลงมือตอนนี้ สิ่งที่เขาจะทําก็คือลอบเข้าไป แล้วทําการสังหารผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดและนําเอาตัวเจ้าหญิงออกมา
ซึ่งเขาก็อดทนต่อความปรารถนาของเขาต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว แต่โกทก็ยังคงยืนกรานว่า เขาไม่ควรเคลื่อนไหวจนกว่าเขาจะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสภาจักรพรรดิ
“หึ! มันกล้าดียังไงมาหลอกข้า หลังจากฆ่ากองทหารม้าของข้า ไปรอก่อนเถอะ หลังจากสงครามครั้งนี้จบข้าจะไปเอาตัวเจ้าหญิงกลับคืนมา!”
สิ่งที่เคานต์โมนาร์ชมีต่อเจ้าหญิงเรย์น่านั้นไม่สามารถนับเป็นความชอบได้อีกต่อไปแล้ว มันคือความหลงใหล
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้เขาโกรธมาก
โกทพูดพลางส่ายหัว
“แต่นายท่าน พวกเรายังไม่รู้เลยว่าพวกรากันต์มันสามารถจัดการกับกองกําลังทหารม้าของเราได้อย่างไร”
ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดนี่ตระกูลรากันต์นั้นสามารถโค่นล้มกองกําลังทหารม้าแมปองของเคานต์โมนาร์ชได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือ ตระกูลรากันต์ทํามันได้อย่างไร?
“เจ้ายังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ? พวกมันอาจจะใช้กิกันท์ก็ได้”
“มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เท่าที่เราทราบมากิกันท์ทั้ง 3 ตัวของไวเคานตากันต์นั้นไม่สามารถขยับได้
กิกันท์นั้นมีความสําคัญมาก ซึ่งมันทําให้ดินแดนต่างๆต่างก็จับตาดูกันและกันอยู่อย่างเสมอๆ
ด้วยเหตุนั้น มันจึงมีสายลับที่อยู่ในราดกันต์คออยจับตาดูการเคลื่อนไหวของกิกันท์ของรากันต์
“และยังมีอีกประการหนึ่ง ก็คือดินแดนรากันต์ทั้งหมดนั้นกําลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงความจริงที่ว่าเราสมัครเข้าร่วมสงคราม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงทําการพัฒนาเมืองต่อไป”
สายตาของโกทนั้นสงบและเยือกเย็น เขาคิดว่าการกระทําของพวกรากันท์นั้นไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
ไม่ว่าพวกเขาจะคิดที่จะเอาชนะหรือยอมแพ้ แต่ในสายตาของโกทนั้นก็บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้รู้ออะไรเลยเกี่ยวกับรากันต์
“นี่เป็นเพียงการคาดเดา ข้าว่าขุนนางอาจช่วยเหลือรากันต์ หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่ทําให้อัศวินเงาและกองกําลังทหารม้าแมงปองถูกทําลายได้อีกแล้ว”
เป็นที่รู้กันดีว่าอัศวินเงาถูกส่งไปลอบสังหารลุค แต่พวกเขากลับพบซากศพของพวกอัศวินเงาพร้อมกับกิกันท์ที่ข้างใต้บริเวณหน้าผา
แวบแรกมันก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะพื้นดินที่ถล่มลงมา
แต่เมื่อคิดดูดีๆมันก็แปลกมาก เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะมีใครจงใจพากิกันท์ไปที่หน้าผา
นอกจากนี้สายลับยังระบุว่ารถพ่วงที่พวกอัศวินเงาเคยใช้ตอนนี้อยู่กับไวเคานต์รากันต์
นั่นหมายความว่าพวกอัศวินเงาต้องเคยปะทะเข้ากับพวกรากันต์แน่นอน
“หากเรายังไม่สามารถยืนยันคําตอบได้ ข้าก็คิดว่าการจะไปโจมตีพวกมันในตอนนี้เป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้น…”
คําพูดของโกทนั้นทําให้เชนรําคาญ
“แล้วไง? เจ้ากําลังจะบอกว่าเราควรยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนี้
นหรอ?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพยายามจะสื่อ อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกว่าเรายังจําเป็นต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนจะเริ่มการโจมตี”
สําหรับโกทแล้ว เชนนั้นเป็นคนที่รับมือได้ยาก
พลังของเขาที่ว่าเหนือมนุษย์แล้ว แค่ความโง่เขลาของเขานั้นเหนือมนุษย์ยิ่งกว่า
“ไม่ว่าพวกมันจะทําอะไร พวกเราก็เพียงแค่ต้องบดขยี้และเอาชนะพวกมันเท่านั้น เจ้าคิดว่พวกเราจะแพ้งั้นหรอ?”
“อ่า ก็ไม่”
พวกเขานั้นมีพลังที่ไม่มีวันสูญหาย
ลําพังเพียงจํานวนกิกันท์ที่เขาครอบครองก็มากกว่าฝ่ายรากันต์ถึง 20 ตัวแล้ว แล้วไหนจะจํานวนกองทหารอัศวินอีก
จํานวนอัศวินรวมถึงผู้เชี่ยวชาญนั้นก็มีมากกว่า 200 นายและทหารมีมากกว่า 10,000 นาย
ด้วยพลังที่มากขนาดนี้ พวกเขาก็จะไม่เสียเปรียบแน่นอนแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นมาร์ควิสเมเยอร์ก็ตาม
“เชอะ เก็บหัวใหญ่ๆของเจ้าเอาไว้ทําอย่างอื่นให้ดีเถอะ!”
“ไม่ใช่ว่าข้ามีความกังวลอะไร แต่ข้าแค่อยากจะระวังไว้ก่อน”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่อยู่ตรงหน้านี้”
แม้ว่าการเยาะเย้ยของเชนนั้นทําให้โกทเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหุบปาก
“โปรดให้ข้าได้นําทัพไปที่นั่นด้วย ข้าจะไปเล่นกับพวกมันเอง!”
เคานต์โมนาร์ชพยักหน้าเนด้วยอย่างมั่นใจ
“ข้าอนุญาต”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ขอบคุณมาก!”
เชนที่กระสับกระส่ายอย่างมาก กระโดดออกจากที่นั่งและออกจากห้องทํางาน
กองทัพได้รวมตัวกันนอกเมืองลาเมอร์…
เมื่อได้รับรายงานว่าสงครามได้รับการอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ลุคก็เข้าไปในห้องทํางานซึ่งคนรับใช้ทั้งหมดกําลังรอเขาอยู่ที่นั่น
“ คาดว่ากองกําลังของโฒนาร์ชจะระดมพลกิกันท์ 42 ตัว อัศวิน 80 นาย และทหารอีก 5,000 นาย
ไม่มีทางที่เคานต์โมนาร์ชจะระดมกองกําลังทั้งหมดของเขา นั่นก็เพราะเขาต้องเก็บกองกําลังทหารส่วนหนึ่งไว้คอยปกป้องเมือง
เคานต์โมนาร์ชนั้นยังมีอีกห้าเมืองนอกเหนือจากลาเมอร์และป้อมปราการมากกว่าเจ็ดแห่งที่ใต้ใต้การปกครองของเขา
“แต่พวกเขาก็ยังอยู่สูงเกินไปสําหรับเรา”
แม้จะมีส่วนหนึ่งต้องป้องกันเมือง แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลําบากหสําหรับฝ่ายรากันต์
ลุคตอบกลับโรเจอร์ส
“แต่เรามีกําลังใจและการเตรียมพร้อมที่ดีกว่า”
“อื้มนั่นก็ใช่”
ลุครู้ว่าพวกเขานั้นเตรียมการอย่างหนักในการทําสงคราม แต่ยังไงซะกําลังรบของพวกเขาก็ยังจัดอยู่ในระดับต่ํา
“แล้วแผนการของเราคืออะไร? ท่านคงไม่คิดจะให้เราตั้งรับอยู่แต่ในนี้ใช่ไหม?”
“ไม่อย่างแน่นอน เราจะทําให้ศัตรูของเราต้องตกใจจนอกสั่นขวัญผวา”
หุบเขายอทเทิร์นที่โรเจอร์สชี้ไปนั้นเป็นเส้นทางเคานต์โมนาร์ชต้องใช้เพื่อเดินทางมาที่รากันต์
เส้นทางของมันนั้นไม่ได้กว้างอะไรมาก มันมีพื้นที่เลนพอให้รถม้าสองคันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มันจึงสถานที่ที่เหมาะกับการซุ่มโจม
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่ใช้เส้นทางนั้น”
ไม่มีเส้นทางใดที่เคานต์โมนาร์ชจะสามารถใช้เพื่อมายังรากันต์ได้อีกแล้ว
แต่หากพวกมันสามรถหาทางได้ มันก็จะทําให้การจัดสรรกองกําลังของพวกเขาไขว้เขวไป
“แน่นอนว่าอาจเป็นได้ แต่คราวนี้ผู้บัญชาการของพวกเขาคือเชน จากรายงานของเรา เขาเป็นคนห้าวหาญและใจร้อน ซึ่งความคิดของเขาก็เป็นอะไรที่ตื้นเขิน ดังนั้นบางทีพวกเขาอาจจะวางแผนที่จะมาที่นี่ในเวลาที่สั้นที่สุด”
หุบเขายอทเทิร์นนั้นตั้งอยู่ในดินแดนของโมนาร์ช
และแม้ว่าจะต้องประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ต้องกําจัดพวกเขาด้วยกิกันท์เพียงแค่ 3 ตัว
“ใครว่า 3 ล่ะ เรามี 10 ต่างหาก”
เดิมที่พวกเขากิกันท์ที่ใช้ได้ 3 ตัวและ 5 ตัวจากการซ่อมบํารุง 1 ตัวจากแบรนดอน และ 1 ตัวจากเจ้าหญิงเรย์น่า
แม้ว่าการต่อสู้โดยตรงจะเป็นเรื่องยาก แต่หากการซุ่มโจมตีสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น ชัยชนะก็น่าจะเป็นของพวกเขา
“ไม่เลว”
ลุคกล่าวพลางพยักหน้า
อย่างไรก็ตามลุคสามารถมองเห็นช่องโหว่มากมาย เนื่องจากสงครามที่เขาเคยทําในอดีต
“แล้วถ้าพวกเขาเห็นการซุ่มโจมตีล่ะ?”
หากพวกมันบางคนมีความรอบคอบและค้นพบการซุ่มโจมตี มันจะทําให้ฝ่ายรากันต์นั้นตกที่นั่งลําบาก
และถ้ากิกันท์จํานวนมากเหล่านั้นยังมีประสิทธิภาพคุณภาพสูงด้วยล่ะ?
ผู้ขับขี่หลายคนมีประสบการณ์โดยตรงในสนามประลองกิกันท์ สําหรับการต่อสู้แบบกิกันท์ นอกจากนี้ผู้บัญชาการอัศวินก็เป็นคนที่เก่งที่สุด
“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ข้าก็ต้องไป”
หากเขาต้องตกอยู่ในสงคราม อํานาจของเขาก็ไม่ควรถูกเปิดเผย
ซึ่งแตกต่างจากผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าที่เขาช่วยชีวิตครั้งสุดท้าย มันมีดวงตามากมายที่จะเป็นพยานให้เขา
ในครั้งนี้นอกจากจะมีทหารของทั้งสองฝ่ายแล้ว มันยังมีสายลับของกอองกําลังอื่นๆอีกมากมายที่มาเฝ้าสังเกตุการณ์
ดังนั้นเขาจึงควรที่จะหนีไปซะตั้งแต่แรกๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะถูกสงสัยว่าเป็นพ่อมดแห่งความมืด
อย่างไรก็ตามการที่เขาจะเข้าร่วมในการซุ่มโจมตี มันก็หมายความว่าเขาต้องละออกจากเหล่าคนรับใช้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาไม่ควรที่จะไปเข้าร่วม
“ข้ายังมีภาระงานที่ต้องทําอีกมาก ซึ่งมันมองไม่เห็นด้วยตา”
ลุคยิ้มอย่างมีเลศนัย และปล่อยให้ทหารไปทําหน้าที่ของตน
Comments