Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1)
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห… บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1) (คู่ควรที่จะเสียเงินเพื่ออ่าน) บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1) คุงคุง! ตอนนี้กําลังมีกิกันท์ 4 ตัวที่กําลังมุ่งห น้าไปยังรากันต์ “ข้าคิดว่าตอนนี้เราได้เข้าสู่ดินแดนของรากันต์แล้วใช่ไหม” “บางที่รากันต์อาจจะสู้กับพวกกิกันท์ไปแล้วก็ได้ “ชถ้าพวกรากันต์พ่ายแพ้ไปแล้ว ผลงานของพวกเขาที่เหลือก็จะลดน้อย ลงน่ะสิ” “ถูกแล้ว” กิกันท์เหล่านี้ได้เดินทางเท้าเปล่ามา โดยที่มันนับเป็นกําลังเสริทมสําหรับกองกําลังของเคานต์โมนาร์ช กลุ่มเหล่านี้ถูกส่งมาโดยโกทโดยสั่งห้ามไม่ให้เชนรู้ ในขั้นต้นมีเพียงอัศวินจํานวนน้อยที่ถูก ส่งไปเพื่อตรวจสอบที่ดินของศัตรูและค้นหาอัศวินเงา อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามสงบลง พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแทรกซึมเข้าหาศัตรูจากด้านหลัง หรือจงใจเข้ายึดคฤหาสน์ของรากันต์ไว้ล่วงหน้า นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ขุนนางคนอื่นๆมาเข้าชุบมือเปิปในสิ่งที่พวกเขาได้ลงมือทําไป โกทนั้นได้รับอนุญาตจากเคานต์โมนาร์ชให้สามารถจัดตั้งกลุ่มคนขับกิกันท์ได้ และเขาจัดให้มันเป็นกลุ่มแยกต่างหากจากกองกําลังของเชน โดยกลุ่มนี้จะอ้อมไปโจมตีจากทางเหนือ และเมื่อสงครามสงบลง เขาก็สั่งให้พวกของเขามุ่งหน้าเข้าไปในดินแดนของรากันต์ พึมพํา! “เป็นเรื่องดีที่มิลเลี่ยนสามารถกลับมาได้ในครั้งนี้ “หุหุ ข้าไม่รู้ว่ากี่คืนแล้วที่ข้าฝันถึงสิ่ง ผู้นําของกลุ่มกิกันท์กลุ่มนี้ก็คือ มิลเลี่ยน ผู้ที่กําลังขับอะคิลลิสอยู่นั่นเอง เขาสูญเสียเครดิตที่โมนาร์ชมีต่อเขาไป เนื่องจากความพ่ายแพ้ภายใต้น้ํามือของอัศวินทมิฬที่เขาเผชิญในครั้งสุดท้ายในสนามประลองกิกันท์
ดังนั้นเมื่อโกทประกาศรับสมัครคนมาทํางานนี้ เขาจึงรีบอาสาอย่างรวดเร็ว “มันคือรากันต์ที่เป็นคนครอบครองอัศวินทมิฬงั้นเหรอ?” เหตุผลหลักที่เขาอาสาเข้าร่วมปฏิบัติการก็คือเขาได้รู้ข่าวว่าอัศวินทมิฬที่เอาชนะเขาได้นั้นเป็นอัศวินของดินแดนรากันต์ ตามที่โกทกล่าว ลอร์ดหนุ่มน่าจะอยู่ในคฤหาสน์ เนื่องจากเขาไม่มีทักษะในการฟันดาบที่ดีมากนัก เขาจึงน่าจะพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์เพราะหากเขาออกไปรบแล้วเกิดเสียชีวิตขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า ทุกสิ่งที่ทํามจะสูญเปล่า หากลอร์ดหนุ่มยังคงอยู่ในคฤหาสน์อัศวินและอัศวินทมิฬก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย “หึๆ ข้าจะเหยียบย่ํามันและฆ่ามันทิ้งซะ กิกันท์ของรากันต์นั้นถูกวางไว้เพื่อเป็นแนวตั้งรับในแนวหน้าของสงคราม นั่นหมายความว่าอัศวินทมิฬซึ่งเป็นอัศวินที่ได้รับมอบหมายจากลอร์ดจะมีจํานวนคนน้อยกว่า ในสภาพเช่นนั้น เขาจะไม่มีทางเอาชนะอะคิลลิสได้แน่นอน “คฤหาสน์อยู่ข้างหน้าแล้ว เร่งความเร็ว!” มิลเลี่ยนจินตนาการถึงฉากการแก้แค้นที่โหดร้ายและมองย้อนกลับไปที่กันท์ ที่ตามเขามา ตามคําสั่งกิกันท์ทั้ง 4 ก็เริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูง ลุคจ้องไปที่กระดานในห้องทํางานของคฤหาสน์ บนแผนที่ขนาดใหญ่ของกระดาน สถานการณ์มีการจัดวางรูปแกะสลักของอัศวิน อัศวินกิกันท์และทหารราบโดยให้ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการปรับใช้กองกําลังในปัจจุบัน จอมเวทเหล็กไหลทอด ได้เดินเข้าหาลุคที่กําลังเฝ้าดูหุบเขายอทเทิร์น ฮัมทฟรี่และกอดอนเพื่อนของเขา ได้ติดตามมิวท์เพื่อสนับสนุนกิกันท์ที่ถูกใช้ในการทําสงคราม แต่ทอดตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และใช้เวทมนตร์แห่งการสื่อสาร “มันคืออะไร?” “ข้าเพิ่งทราบข่าวมาว่ามีการซุ่มโจมตี เกิดขึ้นและการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” จากคําพูดนั้นลุคก็พยักหน้า และถามท็อดที่กําลังแสดงออกถึงความกังวล “เจ้าคิดว่าเราจะชนะไหม” “ข้า…ข้าไม่รู้ แม้ทอดตะคิดว่าพวกเขาแพ้แน่ แต่เขาก็ไม่อยากพูดในสิ่งที่จะทําให้นายน้อยของเขาไม่พอใจ ลุคยิ้มและพูดว่า “แต่จากมุมมองของข้า ข้าคิดว่าเรากําลังจะชนะ” “แม้ว่าเราจะสามารถดักซุ่มโจมตีพวกมันไกด์ แต่ความแตกต่างระหว่างพลังของเรากับมันก็ยังคงต่างกันไม่ใช่หรอท่าน?”
ทอดด์ก็รู้เช่นกัน ถึงความจริงที่ว่ากองกําลังของเคานต์โมนาร์ชกับของรากันต์นั้นแตกต่างกันเหมือนกับผู้ใหญ่กับเด็ก “หุหุ นั่นก็ถูก แต่เมื่อข้าลงมือเอง ข้าก็ไม่เคยแพ้ใครเหมือนกัน”
ด้วยคําพูดของลุค ท็อดจึงรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย “นายน้อยคิดอะไรแปลกๆ นี่เขาลืมกินยาหรือกินยาเกินขนาดกันนะ?” ไม่ว่าเขาจะแปลกไปหรือไม่ ลุคก็มองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยขึ้น “หวังว่าฝ่ายเราคงไม่ได้รับความเสียหายอะไรนะ..” ถ้าเซบาสเตียนทําผลงานได้ดี พวกเขาก็อาจจะชนะได้ เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือจํานานและพละกําลังของของที่อาจจะหมดลงก่อน แม้ว่าพวกเขาจะชนะสงครามกับอัศวิน,คนขับกิกันท์และพ่อมด แต่มันก็ยังคงมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาไม่สามารถรับสมัครคนได้ด้วยเงิน และมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยอมมาเสี่ยงชีวิตในสงครามของรากันต์ “ถ้าเราชนะสงครามในครั้งนี้ ทุกๆอย่างก็จะเปลี่ยนไป ลุคมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ขณะที่รอฟังผลของการต่อสู้ ดิง! ทันใดนั้นเสียงระฆังจากหอสังเกตการณ์ของคฤหาสน์ก็ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าพ่อบ้านฮานส์รีบวิ่งเข้าไปหาพวกของลุค เขารีบรายงานต่อ “มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น! มีกิกันท์สี่ปรากฏตัวขึ้นในตอนเหนือ” “อะไรนะ?” ลุครู้สึกประหลาดใจ เขาเคยคาดการณ์ถึงกรณีที่ศัตรูจะข้ามมาแล้ว เขาจึงเตรียมพร้อมทั้งดินปืนและปืนเผื่อเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลับมีกิกันท์ 4 ตัวปรากฏขึ้นทางตอนเหนือ “เจ้าตรวจสอบมันรึยัง “ตัวแรกมันมีสัญลักษณ์หมูป่าประทับอยู่ที่หน้าอก “บัดสบ ไอ้โมนาร์ชมันคิดจะทําอะไรกับที่นี่กันลุคตะโกน อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลามาโกรธแล้ว เพราะกิกันท์ของฝ่ายศัตรูก็กําลังเข้าใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ พลังเดียวที่ลุคมีเหลืออยู่ในคฤหาสน์หลงนี้ก็คืออัศวินสองสามคน เพราะโรเจอร์สนั้นได้นําพากองกําลัง ส่วนใหญ่ไปต้านและทําสงครามกับกองกําลังหลักของเคานต์โมนาร์ชแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ ฮานส์และอัศวินชราคนอื่นๆของโวลก้าก็เริ่มรวมตัวกัน “นายท่าน ท่านคิดว่าอย่างไร? เราควรอพยพชาวบ้านก่อนหรือไม่? แม้จะมีกําแพงเมืองกันอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานพลังของกิกันท์ทั้ง 4 ตัวได้แน่นอน เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน พวกเขาจึงควรที่จะทําการอพยพตามที่ฮานส์กล่าว “หลังการอพยพเสร็จ ก็จงนําคนสองสามคนมาให้กับข้า เอาคนที่แข็งแกร่ง และมีความรวดเร็วนะ” “รับทราบ!” ฮานส์รีบวิ่งออกไปตามคําสั่งของลุค หลังจากนั้นไม่นานหอสังเกตการณ์ก็เริ่มส่งเสียงที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นเสียงของการอพยพ ลุคมองไปที่ทอด “ถึงเจ้าจะหนีตอนนี้ เจ้าก็ตายแน่นอน” “ข้าจะไม่หนีไปไหนแน่นอน “ข้าจะเชื่อมั่นพวกเขา” เมื่อพวกเขาออกมาจากคฤหานส์สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือภาพของผู้คนที่ออกมาลุกฮือ พร้อมกับมือที่ถือมีดทําครัว พลั่ว และทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธได้ “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงยังไม่อพยพออกไปอีก” เมื่อคําถามจากลุคทหารที่อยู่ข้างๆเขาพูดว่า “ฮ่าๆท่านต้องเล่นตลกแน่ๆ ถ้าเราต้องสูญเสียที่นี่ไปในครั้งนี้ พวกเราก็คงจะไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว” “พวกเจ้าอยากจะต่อสู้กับกิกันทร์ไง นั่นอาจหมายถึงความตายเลยนะ” “คนเราตายครั้งเดียวไม่ใช่สองครั้ง แม้ว่าตระกูลรากันต์จะไม่มีอํานาจ แต่ท่านก็คอยดูแลคนยากคนจนอย่างพวกเราเหมือนกับคนในครอบครัวของท่าน ในยามที่เราอด ท่านก็อดไปกับเรา เพราะฉะนั้นถ้ามีใครจะต้องสูญเสียอะไรในวันนี้ เราก็จะสูญเสียมันไปด้วยกัน” …” “ถ้าเราไม่ทําปกเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นตราบาปติดตัวพวกเราไปตลอดชีวิตที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้มีพระคุณของเราได้เลย ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นจะเป็นสิ่ง ที่คนทั้งหมดคิดหรือไม่ก็ตาม แต่ลุคก็ประทับใจในตัวพวกเขาทุกคน ตระกูลรากันต์นั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องบ้าน , ผู้คน และวิถีชีวิตของพวกเขา “นี่คือพลังของตระกูลรากันต์อย่างนั้นหรอ?” ลุคนั้นคิดมาตลอดว่ารากันต์นั้นเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่ทําลายแผนการการแก้แค้นของเขา แต่เมื่อคิดดูดีๆเขากพบว่ารากันต์นั้นมีส่วนที่คล้ายเขาอยู่เยอะมาก แต่ทั้งคู่เป็นศัตรูกันเพราะชีวิตที่แตกต่างกัน “หึๆ รากันต์ ข้าจะปกป้องคนของเจ้าเอง ด้วยพลังและความรู้ทั้งหมดที่ข้ามี
ลุคนั้นมั่นใจมากที่จะเอาชนะกองทัพของเคานต์โมนาร์ช เมื่อลุคตั้งสติได้ ฮานส์ก็นําม้าสีดําเข้ามาให้เขา “ท่านสามารถไปได้แล้ว แต่ท่านมีแผนอะไรกัน ?” ลุคขึ้นขี่ม้าและหัวเราะ “เราก็แค่ต้องดึงพวกกิกันท์ของเคานต์ โมนาร์ชออกไปให้ไกลจากตัวคฤหาสน์ให้มากที่สุด “เอ่อ… ท่านหมายถึงอะไร!” ฮานส์ที่ตกใจก็พยายามที่จะหยุดลุค แต่ลุคก็วิ่งหนีออกไปพร้อมกับม้าก่อนที่ฮานส์จะทันได้ทําอะไร เมื่อลุคเดินทางมาถึงหนเประตูเมือง เขาก็พบเข้ากับฝูงชนที่รายล้อมอยู่ “ว้าว นั่นนายท่าน! “นายท่านมาเพื่อปกป้องพวกเราทุกคน!” เมื่อได้ยินแบนั้น ลุคก็พูดกับพวกเขาเสียงดังว่า “เปิดประตู!!!” ประตูถูกเปิดออกโดยผู้คน แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คักคุ! เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกลุคก็ออกไป เขาสามารถมองเห็นข้าวของที่เสียหายจากการเดินทางมาถึงของกิกันท์ทั้ง 4 ได้ “ในเมื่อพวกมึงกล้ามาขนาดนี้ ก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง!” ลุคพูดกับพวกกิกันท์อย่างดุเดือด… ราชาศัพท์วันละสามคํา ฝ่าพระบาท – ส้นตีน พระพักตร์ – เบ้าหน้า น้ําพระเนตร – น้ําตา ตัวอย่างประโยค :กูก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง คําแปล :กูก็จะประเคนส้นตีนใส้เบ้าหน้าของพวกมึงของพวกมึง ให้น้ําตาของพวกมึงไหลนองเอง
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห… บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1) (คู่ควรที่จะเสียเงินเพื่ออ่าน)
บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1)
คุงคุง!
ตอนนี้กําลังมีกิกันท์ 4 ตัวที่กําลังมุ่งห น้าไปยังรากันต์
“ข้าคิดว่าตอนนี้เราได้เข้าสู่ดินแดนของรากันต์แล้วใช่ไหม”
“บางที่รากันต์อาจจะสู้กับพวกกิกันท์ไปแล้วก็ได้
“ชถ้าพวกรากันต์พ่ายแพ้ไปแล้ว ผลงานของพวกเขาที่เหลือก็จะลดน้อย ลงน่ะสิ”
“ถูกแล้ว”
กิกันท์เหล่านี้ได้เดินทางเท้าเปล่ามา โดยที่มันนับเป็นกําลังเสริทมสําหรับกองกําลังของเคานต์โมนาร์ช
กลุ่มเหล่านี้ถูกส่งมาโดยโกทโดยสั่งห้ามไม่ให้เชนรู้
ในขั้นต้นมีเพียงอัศวินจํานวนน้อยที่ถูก ส่งไปเพื่อตรวจสอบที่ดินของศัตรูและค้นหาอัศวินเงา
อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามสงบลง พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแทรกซึมเข้าหาศัตรูจากด้านหลัง หรือจงใจเข้ายึดคฤหาสน์ของรากันต์ไว้ล่วงหน้า
นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ขุนนางคนอื่นๆมาเข้าชุบมือเปิปในสิ่งที่พวกเขาได้ลงมือทําไป
โกทนั้นได้รับอนุญาตจากเคานต์โมนาร์ชให้สามารถจัดตั้งกลุ่มคนขับกิกันท์ได้ และเขาจัดให้มันเป็นกลุ่มแยกต่างหากจากกองกําลังของเชน โดยกลุ่มนี้จะอ้อมไปโจมตีจากทางเหนือ
และเมื่อสงครามสงบลง เขาก็สั่งให้พวกของเขามุ่งหน้าเข้าไปในดินแดนของรากันต์
พึมพํา!
“เป็นเรื่องดีที่มิลเลี่ยนสามารถกลับมาได้ในครั้งนี้
“หุหุ ข้าไม่รู้ว่ากี่คืนแล้วที่ข้าฝันถึงสิ่ง
ผู้นําของกลุ่มกิกันท์กลุ่มนี้ก็คือ มิลเลี่ยน ผู้ที่กําลังขับอะคิลลิสอยู่นั่นเอง
เขาสูญเสียเครดิตที่โมนาร์ชมีต่อเขาไป เนื่องจากความพ่ายแพ้ภายใต้น้ํามือของอัศวินทมิฬที่เขาเผชิญในครั้งสุดท้ายในสนามประลองกิกันท์
ดังนั้นเมื่อโกทประกาศรับสมัครคนมาทํางานนี้ เขาจึงรีบอาสาอย่างรวดเร็ว
“มันคือรากันต์ที่เป็นคนครอบครองอัศวินทมิฬงั้นเหรอ?”
เหตุผลหลักที่เขาอาสาเข้าร่วมปฏิบัติการก็คือเขาได้รู้ข่าวว่าอัศวินทมิฬที่เอาชนะเขาได้นั้นเป็นอัศวินของดินแดนรากันต์
ตามที่โกทกล่าว ลอร์ดหนุ่มน่าจะอยู่ในคฤหาสน์
เนื่องจากเขาไม่มีทักษะในการฟันดาบที่ดีมากนัก เขาจึงน่าจะพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์เพราะหากเขาออกไปรบแล้วเกิดเสียชีวิตขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า ทุกสิ่งที่ทํามจะสูญเปล่า
หากลอร์ดหนุ่มยังคงอยู่ในคฤหาสน์อัศวินและอัศวินทมิฬก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย
“หึๆ ข้าจะเหยียบย่ํามันและฆ่ามันทิ้งซะ
กิกันท์ของรากันต์นั้นถูกวางไว้เพื่อเป็นแนวตั้งรับในแนวหน้าของสงคราม
นั่นหมายความว่าอัศวินทมิฬซึ่งเป็นอัศวินที่ได้รับมอบหมายจากลอร์ดจะมีจํานวนคนน้อยกว่า
ในสภาพเช่นนั้น เขาจะไม่มีทางเอาชนะอะคิลลิสได้แน่นอน
“คฤหาสน์อยู่ข้างหน้าแล้ว เร่งความเร็ว!”
มิลเลี่ยนจินตนาการถึงฉากการแก้แค้นที่โหดร้ายและมองย้อนกลับไปที่กันท์ ที่ตามเขามา
ตามคําสั่งกิกันท์ทั้ง 4 ก็เริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูง
ลุคจ้องไปที่กระดานในห้องทํางานของคฤหาสน์
บนแผนที่ขนาดใหญ่ของกระดาน สถานการณ์มีการจัดวางรูปแกะสลักของอัศวิน อัศวินกิกันท์และทหารราบโดยให้ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการปรับใช้กองกําลังในปัจจุบัน
จอมเวทเหล็กไหลทอด ได้เดินเข้าหาลุคที่กําลังเฝ้าดูหุบเขายอทเทิร์น
ฮัมทฟรี่และกอดอนเพื่อนของเขา ได้ติดตามมิวท์เพื่อสนับสนุนกิกันท์ที่ถูกใช้ในการทําสงคราม แต่ทอดตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และใช้เวทมนตร์แห่งการสื่อสาร
“มันคืออะไร?”
“ข้าเพิ่งทราบข่าวมาว่ามีการซุ่มโจมตี เกิดขึ้นและการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว”
จากคําพูดนั้นลุคก็พยักหน้า และถามท็อดที่กําลังแสดงออกถึงความกังวล
“เจ้าคิดว่าเราจะชนะไหม”
“ข้า…ข้าไม่รู้
แม้ทอดตะคิดว่าพวกเขาแพ้แน่ แต่เขาก็ไม่อยากพูดในสิ่งที่จะทําให้นายน้อยของเขาไม่พอใจ
ลุคยิ้มและพูดว่า
“แต่จากมุมมองของข้า ข้าคิดว่าเรากําลังจะชนะ”
“แม้ว่าเราจะสามารถดักซุ่มโจมตีพวกมันไกด์ แต่ความแตกต่างระหว่างพลังของเรากับมันก็ยังคงต่างกันไม่ใช่หรอท่าน?”
ทอดด์ก็รู้เช่นกัน ถึงความจริงที่ว่ากองกําลังของเคานต์โมนาร์ชกับของรากันต์นั้นแตกต่างกันเหมือนกับผู้ใหญ่กับเด็ก
“หุหุ นั่นก็ถูก แต่เมื่อข้าลงมือเอง ข้าก็ไม่เคยแพ้ใครเหมือนกัน”
ด้วยคําพูดของลุค ท็อดจึงรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย
“นายน้อยคิดอะไรแปลกๆ นี่เขาลืมกินยาหรือกินยาเกินขนาดกันนะ?”
ไม่ว่าเขาจะแปลกไปหรือไม่ ลุคก็มองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยขึ้น
“หวังว่าฝ่ายเราคงไม่ได้รับความเสียหายอะไรนะ..”
ถ้าเซบาสเตียนทําผลงานได้ดี พวกเขาก็อาจจะชนะได้
เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือจํานานและพละกําลังของของที่อาจจะหมดลงก่อน
แม้ว่าพวกเขาจะชนะสงครามกับอัศวิน,คนขับกิกันท์และพ่อมด แต่มันก็ยังคงมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พวกเขาไม่สามารถรับสมัครคนได้ด้วยเงิน และมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยอมมาเสี่ยงชีวิตในสงครามของรากันต์
“ถ้าเราชนะสงครามในครั้งนี้ ทุกๆอย่างก็จะเปลี่ยนไป
ลุคมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ขณะที่รอฟังผลของการต่อสู้
ดิง!
ทันใดนั้นเสียงระฆังจากหอสังเกตการณ์ของคฤหาสน์ก็ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
หัวหน้าพ่อบ้านฮานส์รีบวิ่งเข้าไปหาพวกของลุค เขารีบรายงานต่อ
“มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น! มีกิกันท์สี่ปรากฏตัวขึ้นในตอนเหนือ” “อะไรนะ?”
ลุครู้สึกประหลาดใจ
เขาเคยคาดการณ์ถึงกรณีที่ศัตรูจะข้ามมาแล้ว เขาจึงเตรียมพร้อมทั้งดินปืนและปืนเผื่อเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลับมีกิกันท์ 4 ตัวปรากฏขึ้นทางตอนเหนือ
“เจ้าตรวจสอบมันรึยัง “ตัวแรกมันมีสัญลักษณ์หมูป่าประทับอยู่ที่หน้าอก “บัดสบ ไอ้โมนาร์ชมันคิดจะทําอะไรกับที่นี่กันลุคตะโกน อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลามาโกรธแล้ว เพราะกิกันท์ของฝ่ายศัตรูก็กําลังเข้าใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ
พลังเดียวที่ลุคมีเหลืออยู่ในคฤหาสน์หลงนี้ก็คืออัศวินสองสามคน
เพราะโรเจอร์สนั้นได้นําพากองกําลัง ส่วนใหญ่ไปต้านและทําสงครามกับกองกําลังหลักของเคานต์โมนาร์ชแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ ฮานส์และอัศวินชราคนอื่นๆของโวลก้าก็เริ่มรวมตัวกัน
“นายท่าน ท่านคิดว่าอย่างไร? เราควรอพยพชาวบ้านก่อนหรือไม่?
แม้จะมีกําแพงเมืองกันอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานพลังของกิกันท์ทั้ง 4 ตัวได้แน่นอน
เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน พวกเขาจึงควรที่จะทําการอพยพตามที่ฮานส์กล่าว
“หลังการอพยพเสร็จ ก็จงนําคนสองสามคนมาให้กับข้า เอาคนที่แข็งแกร่ง และมีความรวดเร็วนะ” “รับทราบ!”
ฮานส์รีบวิ่งออกไปตามคําสั่งของลุค
หลังจากนั้นไม่นานหอสังเกตการณ์ก็เริ่มส่งเสียงที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นเสียงของการอพยพ
ลุคมองไปที่ทอด
“ถึงเจ้าจะหนีตอนนี้ เจ้าก็ตายแน่นอน” “ข้าจะไม่หนีไปไหนแน่นอน “ข้าจะเชื่อมั่นพวกเขา”
เมื่อพวกเขาออกมาจากคฤหานส์สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือภาพของผู้คนที่ออกมาลุกฮือ พร้อมกับมือที่ถือมีดทําครัว พลั่ว และทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธได้
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงยังไม่อพยพออกไปอีก”
เมื่อคําถามจากลุคทหารที่อยู่ข้างๆเขาพูดว่า
“ฮ่าๆท่านต้องเล่นตลกแน่ๆ ถ้าเราต้องสูญเสียที่นี่ไปในครั้งนี้ พวกเราก็คงจะไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว” “พวกเจ้าอยากจะต่อสู้กับกิกันทร์ไง นั่นอาจหมายถึงความตายเลยนะ” “คนเราตายครั้งเดียวไม่ใช่สองครั้ง แม้ว่าตระกูลรากันต์จะไม่มีอํานาจ แต่ท่านก็คอยดูแลคนยากคนจนอย่างพวกเราเหมือนกับคนในครอบครัวของท่าน ในยามที่เราอด ท่านก็อดไปกับเรา เพราะฉะนั้นถ้ามีใครจะต้องสูญเสียอะไรในวันนี้ เราก็จะสูญเสียมันไปด้วยกัน” …” “ถ้าเราไม่ทําปกเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นตราบาปติดตัวพวกเราไปตลอดชีวิตที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้มีพระคุณของเราได้เลย
ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นจะเป็นสิ่ง ที่คนทั้งหมดคิดหรือไม่ก็ตาม แต่ลุคก็ประทับใจในตัวพวกเขาทุกคน
ตระกูลรากันต์นั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ
นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องบ้าน , ผู้คน และวิถีชีวิตของพวกเขา
“นี่คือพลังของตระกูลรากันต์อย่างนั้นหรอ?”
ลุคนั้นคิดมาตลอดว่ารากันต์นั้นเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่ทําลายแผนการการแก้แค้นของเขา แต่เมื่อคิดดูดีๆเขากพบว่ารากันต์นั้นมีส่วนที่คล้ายเขาอยู่เยอะมาก
แต่ทั้งคู่เป็นศัตรูกันเพราะชีวิตที่แตกต่างกัน
“หึๆ รากันต์ ข้าจะปกป้องคนของเจ้าเอง ด้วยพลังและความรู้ทั้งหมดที่ข้ามี
ลุคนั้นมั่นใจมากที่จะเอาชนะกองทัพของเคานต์โมนาร์ช
เมื่อลุคตั้งสติได้ ฮานส์ก็นําม้าสีดําเข้ามาให้เขา
“ท่านสามารถไปได้แล้ว แต่ท่านมีแผนอะไรกัน ?”
ลุคขึ้นขี่ม้าและหัวเราะ
“เราก็แค่ต้องดึงพวกกิกันท์ของเคานต์ โมนาร์ชออกไปให้ไกลจากตัวคฤหาสน์ให้มากที่สุด
“เอ่อ… ท่านหมายถึงอะไร!”
ฮานส์ที่ตกใจก็พยายามที่จะหยุดลุค แต่ลุคก็วิ่งหนีออกไปพร้อมกับม้าก่อนที่ฮานส์จะทันได้ทําอะไร
เมื่อลุคเดินทางมาถึงหนเประตูเมือง เขาก็พบเข้ากับฝูงชนที่รายล้อมอยู่
“ว้าว นั่นนายท่าน! “นายท่านมาเพื่อปกป้องพวกเราทุกคน!”
เมื่อได้ยินแบนั้น ลุคก็พูดกับพวกเขาเสียงดังว่า
“เปิดประตู!!!”
ประตูถูกเปิดออกโดยผู้คน แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คักคุ!
เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกลุคก็ออกไป
เขาสามารถมองเห็นข้าวของที่เสียหายจากการเดินทางมาถึงของกิกันท์ทั้ง 4 ได้
“ในเมื่อพวกมึงกล้ามาขนาดนี้ ก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง!”
ลุคพูดกับพวกกิกันท์อย่างดุเดือด…
ราชาศัพท์วันละสามคํา
ฝ่าพระบาท – ส้นตีน
พระพักตร์ – เบ้าหน้า
น้ําพระเนตร – น้ําตา
ตัวอย่างประโยค :กูก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง
คําแปล :กูก็จะประเคนส้นตีนใส้เบ้าหน้าของพวกมึงของพวกมึง ให้น้ําตาของพวกมึงไหลนองเอง
Comments
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1)
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห… บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1) (คู่ควรที่จะเสียเงินเพื่ออ่าน) บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1) คุงคุง! ตอนนี้กําลังมีกิกันท์ 4 ตัวที่กําลังมุ่งห น้าไปยังรากันต์ “ข้าคิดว่าตอนนี้เราได้เข้าสู่ดินแดนของรากันต์แล้วใช่ไหม” “บางที่รากันต์อาจจะสู้กับพวกกิกันท์ไปแล้วก็ได้ “ชถ้าพวกรากันต์พ่ายแพ้ไปแล้ว ผลงานของพวกเขาที่เหลือก็จะลดน้อย ลงน่ะสิ” “ถูกแล้ว” กิกันท์เหล่านี้ได้เดินทางเท้าเปล่ามา โดยที่มันนับเป็นกําลังเสริทมสําหรับกองกําลังของเคานต์โมนาร์ช กลุ่มเหล่านี้ถูกส่งมาโดยโกทโดยสั่งห้ามไม่ให้เชนรู้ ในขั้นต้นมีเพียงอัศวินจํานวนน้อยที่ถูก ส่งไปเพื่อตรวจสอบที่ดินของศัตรูและค้นหาอัศวินเงา อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามสงบลง พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแทรกซึมเข้าหาศัตรูจากด้านหลัง หรือจงใจเข้ายึดคฤหาสน์ของรากันต์ไว้ล่วงหน้า นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ขุนนางคนอื่นๆมาเข้าชุบมือเปิปในสิ่งที่พวกเขาได้ลงมือทําไป โกทนั้นได้รับอนุญาตจากเคานต์โมนาร์ชให้สามารถจัดตั้งกลุ่มคนขับกิกันท์ได้ และเขาจัดให้มันเป็นกลุ่มแยกต่างหากจากกองกําลังของเชน โดยกลุ่มนี้จะอ้อมไปโจมตีจากทางเหนือ และเมื่อสงครามสงบลง เขาก็สั่งให้พวกของเขามุ่งหน้าเข้าไปในดินแดนของรากันต์ พึมพํา! “เป็นเรื่องดีที่มิลเลี่ยนสามารถกลับมาได้ในครั้งนี้ “หุหุ ข้าไม่รู้ว่ากี่คืนแล้วที่ข้าฝันถึงสิ่ง ผู้นําของกลุ่มกิกันท์กลุ่มนี้ก็คือ มิลเลี่ยน ผู้ที่กําลังขับอะคิลลิสอยู่นั่นเอง เขาสูญเสียเครดิตที่โมนาร์ชมีต่อเขาไป เนื่องจากความพ่ายแพ้ภายใต้น้ํามือของอัศวินทมิฬที่เขาเผชิญในครั้งสุดท้ายในสนามประลองกิกันท์
ดังนั้นเมื่อโกทประกาศรับสมัครคนมาทํางานนี้ เขาจึงรีบอาสาอย่างรวดเร็ว “มันคือรากันต์ที่เป็นคนครอบครองอัศวินทมิฬงั้นเหรอ?” เหตุผลหลักที่เขาอาสาเข้าร่วมปฏิบัติการก็คือเขาได้รู้ข่าวว่าอัศวินทมิฬที่เอาชนะเขาได้นั้นเป็นอัศวินของดินแดนรากันต์ ตามที่โกทกล่าว ลอร์ดหนุ่มน่าจะอยู่ในคฤหาสน์ เนื่องจากเขาไม่มีทักษะในการฟันดาบที่ดีมากนัก เขาจึงน่าจะพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์เพราะหากเขาออกไปรบแล้วเกิดเสียชีวิตขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า ทุกสิ่งที่ทํามจะสูญเปล่า หากลอร์ดหนุ่มยังคงอยู่ในคฤหาสน์อัศวินและอัศวินทมิฬก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย “หึๆ ข้าจะเหยียบย่ํามันและฆ่ามันทิ้งซะ กิกันท์ของรากันต์นั้นถูกวางไว้เพื่อเป็นแนวตั้งรับในแนวหน้าของสงคราม นั่นหมายความว่าอัศวินทมิฬซึ่งเป็นอัศวินที่ได้รับมอบหมายจากลอร์ดจะมีจํานวนคนน้อยกว่า ในสภาพเช่นนั้น เขาจะไม่มีทางเอาชนะอะคิลลิสได้แน่นอน “คฤหาสน์อยู่ข้างหน้าแล้ว เร่งความเร็ว!” มิลเลี่ยนจินตนาการถึงฉากการแก้แค้นที่โหดร้ายและมองย้อนกลับไปที่กันท์ ที่ตามเขามา ตามคําสั่งกิกันท์ทั้ง 4 ก็เริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูง ลุคจ้องไปที่กระดานในห้องทํางานของคฤหาสน์ บนแผนที่ขนาดใหญ่ของกระดาน สถานการณ์มีการจัดวางรูปแกะสลักของอัศวิน อัศวินกิกันท์และทหารราบโดยให้ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการปรับใช้กองกําลังในปัจจุบัน จอมเวทเหล็กไหลทอด ได้เดินเข้าหาลุคที่กําลังเฝ้าดูหุบเขายอทเทิร์น ฮัมทฟรี่และกอดอนเพื่อนของเขา ได้ติดตามมิวท์เพื่อสนับสนุนกิกันท์ที่ถูกใช้ในการทําสงคราม แต่ทอดตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และใช้เวทมนตร์แห่งการสื่อสาร “มันคืออะไร?” “ข้าเพิ่งทราบข่าวมาว่ามีการซุ่มโจมตี เกิดขึ้นและการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว” จากคําพูดนั้นลุคก็พยักหน้า และถามท็อดที่กําลังแสดงออกถึงความกังวล “เจ้าคิดว่าเราจะชนะไหม” “ข้า…ข้าไม่รู้ แม้ทอดตะคิดว่าพวกเขาแพ้แน่ แต่เขาก็ไม่อยากพูดในสิ่งที่จะทําให้นายน้อยของเขาไม่พอใจ ลุคยิ้มและพูดว่า “แต่จากมุมมองของข้า ข้าคิดว่าเรากําลังจะชนะ” “แม้ว่าเราจะสามารถดักซุ่มโจมตีพวกมันไกด์ แต่ความแตกต่างระหว่างพลังของเรากับมันก็ยังคงต่างกันไม่ใช่หรอท่าน?”
ทอดด์ก็รู้เช่นกัน ถึงความจริงที่ว่ากองกําลังของเคานต์โมนาร์ชกับของรากันต์นั้นแตกต่างกันเหมือนกับผู้ใหญ่กับเด็ก “หุหุ นั่นก็ถูก แต่เมื่อข้าลงมือเอง ข้าก็ไม่เคยแพ้ใครเหมือนกัน”
ด้วยคําพูดของลุค ท็อดจึงรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย “นายน้อยคิดอะไรแปลกๆ นี่เขาลืมกินยาหรือกินยาเกินขนาดกันนะ?” ไม่ว่าเขาจะแปลกไปหรือไม่ ลุคก็มองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยขึ้น “หวังว่าฝ่ายเราคงไม่ได้รับความเสียหายอะไรนะ..” ถ้าเซบาสเตียนทําผลงานได้ดี พวกเขาก็อาจจะชนะได้ เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือจํานานและพละกําลังของของที่อาจจะหมดลงก่อน แม้ว่าพวกเขาจะชนะสงครามกับอัศวิน,คนขับกิกันท์และพ่อมด แต่มันก็ยังคงมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาไม่สามารถรับสมัครคนได้ด้วยเงิน และมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยอมมาเสี่ยงชีวิตในสงครามของรากันต์ “ถ้าเราชนะสงครามในครั้งนี้ ทุกๆอย่างก็จะเปลี่ยนไป ลุคมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ขณะที่รอฟังผลของการต่อสู้ ดิง! ทันใดนั้นเสียงระฆังจากหอสังเกตการณ์ของคฤหาสน์ก็ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าพ่อบ้านฮานส์รีบวิ่งเข้าไปหาพวกของลุค เขารีบรายงานต่อ “มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น! มีกิกันท์สี่ปรากฏตัวขึ้นในตอนเหนือ” “อะไรนะ?” ลุครู้สึกประหลาดใจ เขาเคยคาดการณ์ถึงกรณีที่ศัตรูจะข้ามมาแล้ว เขาจึงเตรียมพร้อมทั้งดินปืนและปืนเผื่อเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลับมีกิกันท์ 4 ตัวปรากฏขึ้นทางตอนเหนือ “เจ้าตรวจสอบมันรึยัง “ตัวแรกมันมีสัญลักษณ์หมูป่าประทับอยู่ที่หน้าอก “บัดสบ ไอ้โมนาร์ชมันคิดจะทําอะไรกับที่นี่กันลุคตะโกน อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลามาโกรธแล้ว เพราะกิกันท์ของฝ่ายศัตรูก็กําลังเข้าใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ พลังเดียวที่ลุคมีเหลืออยู่ในคฤหาสน์หลงนี้ก็คืออัศวินสองสามคน เพราะโรเจอร์สนั้นได้นําพากองกําลัง ส่วนใหญ่ไปต้านและทําสงครามกับกองกําลังหลักของเคานต์โมนาร์ชแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ ฮานส์และอัศวินชราคนอื่นๆของโวลก้าก็เริ่มรวมตัวกัน “นายท่าน ท่านคิดว่าอย่างไร? เราควรอพยพชาวบ้านก่อนหรือไม่? แม้จะมีกําแพงเมืองกันอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานพลังของกิกันท์ทั้ง 4 ตัวได้แน่นอน เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน พวกเขาจึงควรที่จะทําการอพยพตามที่ฮานส์กล่าว “หลังการอพยพเสร็จ ก็จงนําคนสองสามคนมาให้กับข้า เอาคนที่แข็งแกร่ง และมีความรวดเร็วนะ” “รับทราบ!” ฮานส์รีบวิ่งออกไปตามคําสั่งของลุค หลังจากนั้นไม่นานหอสังเกตการณ์ก็เริ่มส่งเสียงที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นเสียงของการอพยพ ลุคมองไปที่ทอด “ถึงเจ้าจะหนีตอนนี้ เจ้าก็ตายแน่นอน” “ข้าจะไม่หนีไปไหนแน่นอน “ข้าจะเชื่อมั่นพวกเขา” เมื่อพวกเขาออกมาจากคฤหานส์สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือภาพของผู้คนที่ออกมาลุกฮือ พร้อมกับมือที่ถือมีดทําครัว พลั่ว และทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธได้ “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงยังไม่อพยพออกไปอีก” เมื่อคําถามจากลุคทหารที่อยู่ข้างๆเขาพูดว่า “ฮ่าๆท่านต้องเล่นตลกแน่ๆ ถ้าเราต้องสูญเสียที่นี่ไปในครั้งนี้ พวกเราก็คงจะไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว” “พวกเจ้าอยากจะต่อสู้กับกิกันทร์ไง นั่นอาจหมายถึงความตายเลยนะ” “คนเราตายครั้งเดียวไม่ใช่สองครั้ง แม้ว่าตระกูลรากันต์จะไม่มีอํานาจ แต่ท่านก็คอยดูแลคนยากคนจนอย่างพวกเราเหมือนกับคนในครอบครัวของท่าน ในยามที่เราอด ท่านก็อดไปกับเรา เพราะฉะนั้นถ้ามีใครจะต้องสูญเสียอะไรในวันนี้ เราก็จะสูญเสียมันไปด้วยกัน” …” “ถ้าเราไม่ทําปกเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นตราบาปติดตัวพวกเราไปตลอดชีวิตที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้มีพระคุณของเราได้เลย ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นจะเป็นสิ่ง ที่คนทั้งหมดคิดหรือไม่ก็ตาม แต่ลุคก็ประทับใจในตัวพวกเขาทุกคน ตระกูลรากันต์นั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องบ้าน , ผู้คน และวิถีชีวิตของพวกเขา “นี่คือพลังของตระกูลรากันต์อย่างนั้นหรอ?” ลุคนั้นคิดมาตลอดว่ารากันต์นั้นเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่ทําลายแผนการการแก้แค้นของเขา แต่เมื่อคิดดูดีๆเขากพบว่ารากันต์นั้นมีส่วนที่คล้ายเขาอยู่เยอะมาก แต่ทั้งคู่เป็นศัตรูกันเพราะชีวิตที่แตกต่างกัน “หึๆ รากันต์ ข้าจะปกป้องคนของเจ้าเอง ด้วยพลังและความรู้ทั้งหมดที่ข้ามี
ลุคนั้นมั่นใจมากที่จะเอาชนะกองทัพของเคานต์โมนาร์ช เมื่อลุคตั้งสติได้ ฮานส์ก็นําม้าสีดําเข้ามาให้เขา “ท่านสามารถไปได้แล้ว แต่ท่านมีแผนอะไรกัน ?” ลุคขึ้นขี่ม้าและหัวเราะ “เราก็แค่ต้องดึงพวกกิกันท์ของเคานต์ โมนาร์ชออกไปให้ไกลจากตัวคฤหาสน์ให้มากที่สุด “เอ่อ… ท่านหมายถึงอะไร!” ฮานส์ที่ตกใจก็พยายามที่จะหยุดลุค แต่ลุคก็วิ่งหนีออกไปพร้อมกับม้าก่อนที่ฮานส์จะทันได้ทําอะไร เมื่อลุคเดินทางมาถึงหนเประตูเมือง เขาก็พบเข้ากับฝูงชนที่รายล้อมอยู่ “ว้าว นั่นนายท่าน! “นายท่านมาเพื่อปกป้องพวกเราทุกคน!” เมื่อได้ยินแบนั้น ลุคก็พูดกับพวกเขาเสียงดังว่า “เปิดประตู!!!” ประตูถูกเปิดออกโดยผู้คน แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คักคุ! เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกลุคก็ออกไป เขาสามารถมองเห็นข้าวของที่เสียหายจากการเดินทางมาถึงของกิกันท์ทั้ง 4 ได้ “ในเมื่อพวกมึงกล้ามาขนาดนี้ ก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง!” ลุคพูดกับพวกกิกันท์อย่างดุเดือด… ราชาศัพท์วันละสามคํา ฝ่าพระบาท – ส้นตีน พระพักตร์ – เบ้าหน้า น้ําพระเนตร – น้ําตา ตัวอย่างประโยค :กูก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง คําแปล :กูก็จะประเคนส้นตีนใส้เบ้าหน้าของพวกมึงของพวกมึง ให้น้ําตาของพวกมึงไหลนองเอง
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห… บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1) (คู่ควรที่จะเสียเงินเพื่ออ่าน)
บทที่ 69 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (1)
คุงคุง!
ตอนนี้กําลังมีกิกันท์ 4 ตัวที่กําลังมุ่งห น้าไปยังรากันต์
“ข้าคิดว่าตอนนี้เราได้เข้าสู่ดินแดนของรากันต์แล้วใช่ไหม”
“บางที่รากันต์อาจจะสู้กับพวกกิกันท์ไปแล้วก็ได้
“ชถ้าพวกรากันต์พ่ายแพ้ไปแล้ว ผลงานของพวกเขาที่เหลือก็จะลดน้อย ลงน่ะสิ”
“ถูกแล้ว”
กิกันท์เหล่านี้ได้เดินทางเท้าเปล่ามา โดยที่มันนับเป็นกําลังเสริทมสําหรับกองกําลังของเคานต์โมนาร์ช
กลุ่มเหล่านี้ถูกส่งมาโดยโกทโดยสั่งห้ามไม่ให้เชนรู้
ในขั้นต้นมีเพียงอัศวินจํานวนน้อยที่ถูก ส่งไปเพื่อตรวจสอบที่ดินของศัตรูและค้นหาอัศวินเงา
อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามสงบลง พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแทรกซึมเข้าหาศัตรูจากด้านหลัง หรือจงใจเข้ายึดคฤหาสน์ของรากันต์ไว้ล่วงหน้า
นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ขุนนางคนอื่นๆมาเข้าชุบมือเปิปในสิ่งที่พวกเขาได้ลงมือทําไป
โกทนั้นได้รับอนุญาตจากเคานต์โมนาร์ชให้สามารถจัดตั้งกลุ่มคนขับกิกันท์ได้ และเขาจัดให้มันเป็นกลุ่มแยกต่างหากจากกองกําลังของเชน โดยกลุ่มนี้จะอ้อมไปโจมตีจากทางเหนือ
และเมื่อสงครามสงบลง เขาก็สั่งให้พวกของเขามุ่งหน้าเข้าไปในดินแดนของรากันต์
พึมพํา!
“เป็นเรื่องดีที่มิลเลี่ยนสามารถกลับมาได้ในครั้งนี้
“หุหุ ข้าไม่รู้ว่ากี่คืนแล้วที่ข้าฝันถึงสิ่ง
ผู้นําของกลุ่มกิกันท์กลุ่มนี้ก็คือ มิลเลี่ยน ผู้ที่กําลังขับอะคิลลิสอยู่นั่นเอง
เขาสูญเสียเครดิตที่โมนาร์ชมีต่อเขาไป เนื่องจากความพ่ายแพ้ภายใต้น้ํามือของอัศวินทมิฬที่เขาเผชิญในครั้งสุดท้ายในสนามประลองกิกันท์
ดังนั้นเมื่อโกทประกาศรับสมัครคนมาทํางานนี้ เขาจึงรีบอาสาอย่างรวดเร็ว
“มันคือรากันต์ที่เป็นคนครอบครองอัศวินทมิฬงั้นเหรอ?”
เหตุผลหลักที่เขาอาสาเข้าร่วมปฏิบัติการก็คือเขาได้รู้ข่าวว่าอัศวินทมิฬที่เอาชนะเขาได้นั้นเป็นอัศวินของดินแดนรากันต์
ตามที่โกทกล่าว ลอร์ดหนุ่มน่าจะอยู่ในคฤหาสน์
เนื่องจากเขาไม่มีทักษะในการฟันดาบที่ดีมากนัก เขาจึงน่าจะพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์เพราะหากเขาออกไปรบแล้วเกิดเสียชีวิตขึ้นมา นั่นก็หมายความว่า ทุกสิ่งที่ทํามจะสูญเปล่า
หากลอร์ดหนุ่มยังคงอยู่ในคฤหาสน์อัศวินและอัศวินทมิฬก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย
“หึๆ ข้าจะเหยียบย่ํามันและฆ่ามันทิ้งซะ
กิกันท์ของรากันต์นั้นถูกวางไว้เพื่อเป็นแนวตั้งรับในแนวหน้าของสงคราม
นั่นหมายความว่าอัศวินทมิฬซึ่งเป็นอัศวินที่ได้รับมอบหมายจากลอร์ดจะมีจํานวนคนน้อยกว่า
ในสภาพเช่นนั้น เขาจะไม่มีทางเอาชนะอะคิลลิสได้แน่นอน
“คฤหาสน์อยู่ข้างหน้าแล้ว เร่งความเร็ว!”
มิลเลี่ยนจินตนาการถึงฉากการแก้แค้นที่โหดร้ายและมองย้อนกลับไปที่กันท์ ที่ตามเขามา
ตามคําสั่งกิกันท์ทั้ง 4 ก็เริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูง
ลุคจ้องไปที่กระดานในห้องทํางานของคฤหาสน์
บนแผนที่ขนาดใหญ่ของกระดาน สถานการณ์มีการจัดวางรูปแกะสลักของอัศวิน อัศวินกิกันท์และทหารราบโดยให้ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการปรับใช้กองกําลังในปัจจุบัน
จอมเวทเหล็กไหลทอด ได้เดินเข้าหาลุคที่กําลังเฝ้าดูหุบเขายอทเทิร์น
ฮัมทฟรี่และกอดอนเพื่อนของเขา ได้ติดตามมิวท์เพื่อสนับสนุนกิกันท์ที่ถูกใช้ในการทําสงคราม แต่ทอดตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และใช้เวทมนตร์แห่งการสื่อสาร
“มันคืออะไร?”
“ข้าเพิ่งทราบข่าวมาว่ามีการซุ่มโจมตี เกิดขึ้นและการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว”
จากคําพูดนั้นลุคก็พยักหน้า และถามท็อดที่กําลังแสดงออกถึงความกังวล
“เจ้าคิดว่าเราจะชนะไหม”
“ข้า…ข้าไม่รู้
แม้ทอดตะคิดว่าพวกเขาแพ้แน่ แต่เขาก็ไม่อยากพูดในสิ่งที่จะทําให้นายน้อยของเขาไม่พอใจ
ลุคยิ้มและพูดว่า
“แต่จากมุมมองของข้า ข้าคิดว่าเรากําลังจะชนะ”
“แม้ว่าเราจะสามารถดักซุ่มโจมตีพวกมันไกด์ แต่ความแตกต่างระหว่างพลังของเรากับมันก็ยังคงต่างกันไม่ใช่หรอท่าน?”
ทอดด์ก็รู้เช่นกัน ถึงความจริงที่ว่ากองกําลังของเคานต์โมนาร์ชกับของรากันต์นั้นแตกต่างกันเหมือนกับผู้ใหญ่กับเด็ก
“หุหุ นั่นก็ถูก แต่เมื่อข้าลงมือเอง ข้าก็ไม่เคยแพ้ใครเหมือนกัน”
ด้วยคําพูดของลุค ท็อดจึงรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย
“นายน้อยคิดอะไรแปลกๆ นี่เขาลืมกินยาหรือกินยาเกินขนาดกันนะ?”
ไม่ว่าเขาจะแปลกไปหรือไม่ ลุคก็มองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยขึ้น
“หวังว่าฝ่ายเราคงไม่ได้รับความเสียหายอะไรนะ..”
ถ้าเซบาสเตียนทําผลงานได้ดี พวกเขาก็อาจจะชนะได้
เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือจํานานและพละกําลังของของที่อาจจะหมดลงก่อน
แม้ว่าพวกเขาจะชนะสงครามกับอัศวิน,คนขับกิกันท์และพ่อมด แต่มันก็ยังคงมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พวกเขาไม่สามารถรับสมัครคนได้ด้วยเงิน และมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยอมมาเสี่ยงชีวิตในสงครามของรากันต์
“ถ้าเราชนะสงครามในครั้งนี้ ทุกๆอย่างก็จะเปลี่ยนไป
ลุคมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ขณะที่รอฟังผลของการต่อสู้
ดิง!
ทันใดนั้นเสียงระฆังจากหอสังเกตการณ์ของคฤหาสน์ก็ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
หัวหน้าพ่อบ้านฮานส์รีบวิ่งเข้าไปหาพวกของลุค เขารีบรายงานต่อ
“มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น! มีกิกันท์สี่ปรากฏตัวขึ้นในตอนเหนือ” “อะไรนะ?”
ลุครู้สึกประหลาดใจ
เขาเคยคาดการณ์ถึงกรณีที่ศัตรูจะข้ามมาแล้ว เขาจึงเตรียมพร้อมทั้งดินปืนและปืนเผื่อเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลับมีกิกันท์ 4 ตัวปรากฏขึ้นทางตอนเหนือ
“เจ้าตรวจสอบมันรึยัง “ตัวแรกมันมีสัญลักษณ์หมูป่าประทับอยู่ที่หน้าอก “บัดสบ ไอ้โมนาร์ชมันคิดจะทําอะไรกับที่นี่กันลุคตะโกน อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลามาโกรธแล้ว เพราะกิกันท์ของฝ่ายศัตรูก็กําลังเข้าใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ
พลังเดียวที่ลุคมีเหลืออยู่ในคฤหาสน์หลงนี้ก็คืออัศวินสองสามคน
เพราะโรเจอร์สนั้นได้นําพากองกําลัง ส่วนใหญ่ไปต้านและทําสงครามกับกองกําลังหลักของเคานต์โมนาร์ชแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ ฮานส์และอัศวินชราคนอื่นๆของโวลก้าก็เริ่มรวมตัวกัน
“นายท่าน ท่านคิดว่าอย่างไร? เราควรอพยพชาวบ้านก่อนหรือไม่?
แม้จะมีกําแพงเมืองกันอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานพลังของกิกันท์ทั้ง 4 ตัวได้แน่นอน
เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน พวกเขาจึงควรที่จะทําการอพยพตามที่ฮานส์กล่าว
“หลังการอพยพเสร็จ ก็จงนําคนสองสามคนมาให้กับข้า เอาคนที่แข็งแกร่ง และมีความรวดเร็วนะ” “รับทราบ!”
ฮานส์รีบวิ่งออกไปตามคําสั่งของลุค
หลังจากนั้นไม่นานหอสังเกตการณ์ก็เริ่มส่งเสียงที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นเสียงของการอพยพ
ลุคมองไปที่ทอด
“ถึงเจ้าจะหนีตอนนี้ เจ้าก็ตายแน่นอน” “ข้าจะไม่หนีไปไหนแน่นอน “ข้าจะเชื่อมั่นพวกเขา”
เมื่อพวกเขาออกมาจากคฤหานส์สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือภาพของผู้คนที่ออกมาลุกฮือ พร้อมกับมือที่ถือมีดทําครัว พลั่ว และทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธได้
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงยังไม่อพยพออกไปอีก”
เมื่อคําถามจากลุคทหารที่อยู่ข้างๆเขาพูดว่า
“ฮ่าๆท่านต้องเล่นตลกแน่ๆ ถ้าเราต้องสูญเสียที่นี่ไปในครั้งนี้ พวกเราก็คงจะไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว” “พวกเจ้าอยากจะต่อสู้กับกิกันทร์ไง นั่นอาจหมายถึงความตายเลยนะ” “คนเราตายครั้งเดียวไม่ใช่สองครั้ง แม้ว่าตระกูลรากันต์จะไม่มีอํานาจ แต่ท่านก็คอยดูแลคนยากคนจนอย่างพวกเราเหมือนกับคนในครอบครัวของท่าน ในยามที่เราอด ท่านก็อดไปกับเรา เพราะฉะนั้นถ้ามีใครจะต้องสูญเสียอะไรในวันนี้ เราก็จะสูญเสียมันไปด้วยกัน” …” “ถ้าเราไม่ทําปกเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นตราบาปติดตัวพวกเราไปตลอดชีวิตที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้มีพระคุณของเราได้เลย
ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นจะเป็นสิ่ง ที่คนทั้งหมดคิดหรือไม่ก็ตาม แต่ลุคก็ประทับใจในตัวพวกเขาทุกคน
ตระกูลรากันต์นั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ
นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องบ้าน , ผู้คน และวิถีชีวิตของพวกเขา
“นี่คือพลังของตระกูลรากันต์อย่างนั้นหรอ?”
ลุคนั้นคิดมาตลอดว่ารากันต์นั้นเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่ทําลายแผนการการแก้แค้นของเขา แต่เมื่อคิดดูดีๆเขากพบว่ารากันต์นั้นมีส่วนที่คล้ายเขาอยู่เยอะมาก
แต่ทั้งคู่เป็นศัตรูกันเพราะชีวิตที่แตกต่างกัน
“หึๆ รากันต์ ข้าจะปกป้องคนของเจ้าเอง ด้วยพลังและความรู้ทั้งหมดที่ข้ามี
ลุคนั้นมั่นใจมากที่จะเอาชนะกองทัพของเคานต์โมนาร์ช
เมื่อลุคตั้งสติได้ ฮานส์ก็นําม้าสีดําเข้ามาให้เขา
“ท่านสามารถไปได้แล้ว แต่ท่านมีแผนอะไรกัน ?”
ลุคขึ้นขี่ม้าและหัวเราะ
“เราก็แค่ต้องดึงพวกกิกันท์ของเคานต์ โมนาร์ชออกไปให้ไกลจากตัวคฤหาสน์ให้มากที่สุด
“เอ่อ… ท่านหมายถึงอะไร!”
ฮานส์ที่ตกใจก็พยายามที่จะหยุดลุค แต่ลุคก็วิ่งหนีออกไปพร้อมกับม้าก่อนที่ฮานส์จะทันได้ทําอะไร
เมื่อลุคเดินทางมาถึงหนเประตูเมือง เขาก็พบเข้ากับฝูงชนที่รายล้อมอยู่
“ว้าว นั่นนายท่าน! “นายท่านมาเพื่อปกป้องพวกเราทุกคน!”
เมื่อได้ยินแบนั้น ลุคก็พูดกับพวกเขาเสียงดังว่า
“เปิดประตู!!!”
ประตูถูกเปิดออกโดยผู้คน แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คักคุ!
เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกลุคก็ออกไป
เขาสามารถมองเห็นข้าวของที่เสียหายจากการเดินทางมาถึงของกิกันท์ทั้ง 4 ได้
“ในเมื่อพวกมึงกล้ามาขนาดนี้ ก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง!”
ลุคพูดกับพวกกิกันท์อย่างดุเดือด…
ราชาศัพท์วันละสามคํา
ฝ่าพระบาท – ส้นตีน
พระพักตร์ – เบ้าหน้า
น้ําพระเนตร – น้ําตา
ตัวอย่างประโยค :กูก็จะประเคนฝ่าพระบาทลงที่หน้าพระพักตร์ของพวกมึง ให้น้ําพระเนตรของพวกมึงไหลนองเอง
คําแปล :กูก็จะประเคนส้นตีนใส้เบ้าหน้าของพวกมึงของพวกมึง ให้น้ําตาของพวกมึงไหลนองเอง
Comments