Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 70 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (2)
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห…
บทที่ 70 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (2)
“ที่นั่นคือที่ของไวเคานต์รากันต์”
มิลเลี่ยนหยุดกิกันท์ของเขาลง เมื่อเขาเห็นที่ดินของรากันต์
คฤหาสน์หลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ใจกลางของที่ดินซึ่งล้อมรอบด้วยกําแพงเตี้ยๆ เขาคิดว่าที่นั่นอาจจะเป็นที่พํานักของลุค
“อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ พวกเขาไม่มีกิกันท์เหลือพอปกป้องที่ดิน”
“มีคนอยู่บนกําแพงไม่ใช่เหรอ? พวกเขาต้องการเผชิญหน้ากับเรารึเปล่านะ? ข้าไม่คิดว่าทุกคนที่นั่นจะบ้าพอที่จะออกมาต่อสู้กับเรานะ”
“หึๆ แต่ข้าว่าพวกมันบ้าพอ”
มิลเลี่ยนยิ้มและพูดคุยด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“ยังไงก็ตาม เรามาทุบมันให้สลบแล้ว พาพวกมันไปที่เนินเขาปีศาจ”
“ทําไมต้องไปที่เนินปีศาจ?”
“ก็เพราะว่าเขาเป็นลูกหานของนักรบผู้ฆ่าราชาปีศาจไง”
“ฮ่าๆ ข้าเข้าใจแล้ว”
“โอ้ ท่านราชาปีศาจมิเลียน! ท่านเจ้าแห่งความมืด”
มิลเลี่ยนกําลังหัวเราะกับคนของเขา
ทันใดนั้นคนขับกิกันท์คนหนึ่งก็ทักขึ้นมาด้วยน้ําสียงที่ดูน่าสงสัย
“กัปตันมิลเลี่ยน มันกําลังมีคนขี่ม้าสีดํามุ่งตรงมาทางนี้”
ขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาพูด พวกมิลเลี่ยนก็มองไปยังข้างหน้าของพวกเขา
“มันอาจจะเสียสติไปแล้วรึเปล่า? หรือว่ามันเป็นคนบ้าปกติๆ!”
จุดประสงค์ของพวกเขาคือการจับลอร์ดหนุ่มแห่งรากันต์จากคฤหาสน์ของ
เขา
เมื่อพวกเขาคว้าลอร์ดหนุ่มได้แล้ว การต่อสู้ของพวกเขาก็จะจบลงทันที
การทําลายคฤหาสน์และขุนนางเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น
ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับม้าสีดํา ดึงดาบของเขาออกมาแล้วปาไปทางกิกันท์เพลง?!
“อา! ไอ้เวรนี่!
ถุงมือของกิกันท์นั้นสามารถต้านทานการโจมตีของมนุษย์ปกติไดเอย่างสบายๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อดาบเขาไปกระทบกับกิกันท์ มันก็ทําให้เกิดรอยถลอกขึ้นมา และทําให้มิลเลี่ยนที่เห็นร่อยรอยเริ่มขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา และตะโกนด้วยเสียงดังว่า
” นี่คือคําเตือนของข้าสําหรับผู้รุกราน! ออกไปจากดินแดนของข้าซะ! เดี๋ยวนี้!”
“อะไรนะ? ที่ดินของข้า? …อย่าบอกนะว่าเจ้าคือ…?”
“ใช่! ข้าคือ ลุคแห่งรากันต์ เจ้าของผืนดินแห่งไวเคานต์รากันต์”
ชายหนุ่มหรือลุค สร้างผลกระทบมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้รุกราน
“จับเขา! “จับเขาก่อน แล้วค่อยตรวจสอบดูอีกที!
มิลเลี่ยนและคนขับกิกันท์คนอื่นๆเริ่ม เคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายของพวกเขา
แต่ลุคก็ถอยห่างจากพวกเขา
“ชโลม!“
ทันใดนั้นพื้นก็เริ่มลื่นเหมือนกับน้ําแข็ง ทําให้พวกกิกันท์ที่พุ่งเข้ามาหาเขาต่างก็ลื่นล้มลงไปกับพื้น
“โอ้ย!” “จับเจ้าเด็กนั่นให้ได้! “
พึมพํา!
กิกันท์ทั้งสี่ลุกขึ้น และกระจัดกระจายไปล้อมรอบลุค พวกเขาพยายามที่จะลดระยะห่างระหว่างลุคกับพวกเขาอย่างค่อยๆ เพื่อจับตัวเขาเอาไว้
“หึ ช้าไปแล้ว!”
ลุคหลบหนีจากระยะการโจมตีของกิกันท์ และฟันเข้าใส่ข้อเท้าของมันกะลัง!
“ไอ้โง! ถ้าพื้นไม่ได้ลื่นแบบนี้ เจ้าก็คงจะเสร็จข้าไปแล้ว.. “
คนขับกิกันท์กล่าวขณะมองไปที่ลุค
ทันใดนั้นข้อเท้าขวาของกิกันท์ ก็ฉีกออกมาและน้ํามันสีดําก็เริ่มไหลออกมาเหมือนกับเลือด
“อา! สารหล่อลื่นที่ข้อต่ออย่างงั้นหรอ!”
ข้อต่อของกิกันท์นั้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ํามันหล่อลื่น เช่นเดียวกันกับกระดูกอ่อนของมนุษย์ เป็นเพราะมันเป็นชิ้นส่วนที่ใช้งานบ่อย ทําให้การสึกหรอของมันนั้นรวดเร็วกว่าส่วนอื่นๆ
เมื่อน้ํามันหล่อลื่นไหลออกมาจนหมด เสียงที่น่าอึดอัดแข็งกระด้างและการเคลื่อนไหวที่ช้ากว่าเดิมก็เริ่มขึ้น
“อื้อหือ! มันเป็นผู้เชี่ยวชาญ!”
คนขับกิกันท์สามารถมองเห็นออร่าสีม่วงที่ติดอยู่กับดาบที่ลุคถืออยู่ได้
หลังจากผ่านหลบการโจมตีของกิกันท์เสร็จ ลุคก็เล็งโจมตีไปที่กกันท์ตัวเดิม
“ไอ้โง่ คิดว่าข้าจะติดกับอีกครั้งรึไง!”
คนขับกิกันท์ได้ชักดาบของเขาออกมา และทําการโจมตีสวนกลับ
ลุคขยับร่างกายส่วนบนของเขาเพื่อหนีจากดาบใหญ่และคราวนี้เขาร่ายเวทมนตร์ใส่ข้อต่ออีกข้างหนึ่งของกิกันท์
“บอลอัคคี!”
กวาง!
ลูกบอลไฟที่ออกจากมือของลุคทะลุผ่านข้อเข่าของกิกันท์และทําให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนั้นกับการป้องกันของกิกันท์
อย่างไรก็ตามการระเบิดก่อนหน้านี้มันมีพลังมากพอที่จะถือได้ว่าเป็นเวทมนตร์ขั้น 5
เป็นผลให้ศิลาเวทมนตร์ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวส่วนล่างของกิกันท์นั้นถูกทําลายลง
“อ้า! อะไม่!”
กิกันท์ที่ขาทํากล้มลงไปข้างหน้าและไม่สามารถคลานได้
“อะไรนะ? วงเวทย์ขั้น 2 ทําแบบนั้นได้อย่างไร…”
“ระวัง! อัศวินรูนนั้นไม่ได้มีพลังอะไรมากหรอก! แค่ทําให้ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงเวทมนตร์ของมันก็พอ!”
ต่างจากคนขับกิกันท์ทิ้งงงวยกับสถานการณ์ ผู้คนบนกําแพงซึ่งเห็นสถานการณ์คลี่คลายก็กรีดร้องด้วยความยินดี
” ว้าว! นายท่านสามารถเอาชนะกิกันท์ได้ด้วย!”
“โอ้ นายท่าน!”
ฮานส์มองดูการต่อสู้อย่างประหม่า ขณะที่กําหมัดแน่น
“บ้าเอ้ย อัศวินรูนใช้เวทมนตร์ขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ”
ยิ่งวงเวทย์อยู่สูงเท่าไหร่ พลังเวทย์ของที่ร้ายก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มันไม่สําคัญมากนัก หากเป็นพ่อมดทั่วไป แต่การที่อัศวินรูนจะมีเวทมนตร์เช่นนี้ได้ มันนับเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจได้
อัศวินรูนเป็นคนที่สามารถใช้ทั้งดาบ และเวทมนตร์ได้ แต่เนื่องจากพวกเขาต้องจัดการกับทั้งสองสิ่ง ทักษะของพวกเขาจึงมักจะเติบโตอย่างเชื่องช้า
“แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใช้แค่เวทมนตร์ได้เท่านั้น เขายังมีเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง! ทําไมข้าถึงไม่ทราบเรื่องนี้กันนะ”
และไม่ใช่แค่นั้น
ตอนนี้ลุคกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าที่มิลเลี่ยนคิดเอาไว้แล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเด็กหนุ่มคนนี้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจุดอ่อนของพวกเขา
เกือบจะเหมือนกับว่าเขารู้เกี่ยวกับวิธีการซื้อกิกันท์ เขารู้ว่ามันเคลื่อนไหว อย่างไรและเมื่อไหร่ที่จะทําลายมันเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว
ยิ่งไปกว่านั้น…
“แม้ว่ากิกันท์จะตอบสนองได้เร็วกว่าโกเลม แต่มันจะเคลื่อนที่ก็ต่อเมื่อคนขับ บังคับเท่านั้น มันไม่สามารถตอบสนองได้ทันทีเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายมนุษย์”
ด้วยช่องว่างดังกล่าว ลุคสามารถอ่านการเคลื่อนไหวและตอบสนองต่อมันได้
“ในอดีตมันมีปีศาจที่เร็วและสูงใหญ่กว่านี้มากมาย เพราะฉะนั้นการที่มันคิดว่าข้าจะตกหลุมพลางมันก็เป็นอะไรที่โง่มากๆเลย”
ลุคไม่กลัวหรือประหม่าใดๆ เพราะด้วยประสบการณ์ในอดีตที่เต็มเปี่ยมของเขา
เมื่อดาบตกลงมาในตําแหน่งที่เขายืนอยู่ ลุคก็ได้ใช้เวทมนตร์บินพื่อหลบหนี การโจมตีออกไป
“ลูกศรเพลิง!”
“อา!”
ลูกศรเพลิงในมือของลุคพุ่งเข้าใส่คริสตัลในดวงตาของกิกันท์
คริสตัลนั้นเป็นส่วนที่แสดงภาพจากภายนอกเข้ามาให้คนขับกิกันท์เห็น
แต่เมื่อมันถูกทําลาย คนขับกิกันท์ก็ไม่สามารถมองเห็นนอะไรได้อีก
“โอ้! ข้าไม่เห็นอะไรเลย!”
“ไอ้โง่! อย่าเปิดฝาครอบนะ!”
แม้จะมีคําเตือนของมิลเลี่ยน แต่คนขับกิกันท์คนนั้นก็ยังเปิดฝาครอบออก
เขาอยากเห็นลุคด้วยตาของเขาเอง และลุคกําลังรอคอยช่วงเวลานั้นอยู่เช่นกัน
“ตัดลม!”
ฟื้ว!
คนขับซึ่งถูกใบมีดลมอันแหลมคมตัดผ่านได้เสียชีวิตลงในทันที
และแล้วกิกันท์ของผู้ตายก็คุกเข่าลงบนพื้นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ถูกตัดสาย
เมื่อเขาเห็นฉากนั้น มิลเลี่ยนก็คิดอะไรไม่ออกและคนขับกิกันท์ที่เหลืออีก 2 คนก็เริ่มคลั่ง
“อะไรกันวะ? ทําไมไม่เห็นมีรายงานมาเลยว่าลอร์ดแห่งรากันต์นั้นแข็งแกร่งขนาดนี้”
ก่อนที่พวกเขาจะรับงานนี้มาทํา พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของตัวลุคเองมาก่อน
พวกเขารู้เพียงแค่ว่าเขากําลังเรียนรู้ การฟันดาบและทักษะของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่างานนี้จะง่ายเหมือนกับการมาลักพาตัวเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง
และข้อมูลนั้นก็มาจากFdm
แต่ตอนนี้ลุคกําลังสู้กับอัศวินที่ขับกิกันท์อยู่ถึง 4 คน!
“จ๊าก! บัดซบ! ตายสิ! ตายซะ!”
มิลเลี่ยนที่สูญเสียเหตุผลของเขาไปดึงดาบของเขาขึ้นมาและเหวี่ยงมันแบบ สุ่มๆโดยลืมไปว่าภารกิจของเขาคือการจับตัวลุค
“เอ่อ! ระวังกัปตัน!”
“อันตรายอันตราย…อา!”
ยิ่งเขาคิดถึงลุคมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโจมตีอย่างคลุ้มคลั่งมากดขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้เขายังบังเอิญไปโจมตีพันธมิตรของเขา และทําให้สถานการณ์ในสงครามยิ่งสับสนขึ้นไปอีก
“เจ้าชอบพยายามอย่างหนักใช่ไหม”
ช่วงเวลาที่ลุคเย้ยหยันเขา หัวใจของมิลเลี่ยนก็แปรเปลี่ยนเย็นชา
“ไม่…ไม่ได้! ข้าไม่สามารถลุ่มสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้!”
เขาไม่สามารถเชื่อได้ว่ามันจะมีคนที่สามารถต่อสู้กับกิกันท์ทั้ง 4 ตัวด้วยตัวคนเดียวได้
บุคคลนั้นจะต้องเป็นจอมเวทสงครามขั้น 6 และอัศวินผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะแตกต่างกัน
และคนเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า “ผู้ทําลายล้าง”
มิลเลี่ยนแน่ใจว่าลุคนั้นเป็นผู้ทําลาย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะแอบหนีออกไป
“กัปตัน!”
“พาพวกเราไปด้วย!”
คนอื่นๆเริ่มเรียงร้องขอความช่วยเหลือจากมิลเลี่ยน แต่มิลเลี่ยนก็แกล้งทําเป็นหูทวนลมและใส่เกียร์หมาวิ่งหนีออกไป…
Comments
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 70 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (2)
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห…
บทที่ 70 ข้าคือลอร์ดหนุ่ม (2)
“ที่นั่นคือที่ของไวเคานต์รากันต์”
มิลเลี่ยนหยุดกิกันท์ของเขาลง เมื่อเขาเห็นที่ดินของรากันต์
คฤหาสน์หลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ใจกลางของที่ดินซึ่งล้อมรอบด้วยกําแพงเตี้ยๆ เขาคิดว่าที่นั่นอาจจะเป็นที่พํานักของลุค
“อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ พวกเขาไม่มีกิกันท์เหลือพอปกป้องที่ดิน”
“มีคนอยู่บนกําแพงไม่ใช่เหรอ? พวกเขาต้องการเผชิญหน้ากับเรารึเปล่านะ? ข้าไม่คิดว่าทุกคนที่นั่นจะบ้าพอที่จะออกมาต่อสู้กับเรานะ”
“หึๆ แต่ข้าว่าพวกมันบ้าพอ”
มิลเลี่ยนยิ้มและพูดคุยด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“ยังไงก็ตาม เรามาทุบมันให้สลบแล้ว พาพวกมันไปที่เนินเขาปีศาจ”
“ทําไมต้องไปที่เนินปีศาจ?”
“ก็เพราะว่าเขาเป็นลูกหานของนักรบผู้ฆ่าราชาปีศาจไง”
“ฮ่าๆ ข้าเข้าใจแล้ว”
“โอ้ ท่านราชาปีศาจมิเลียน! ท่านเจ้าแห่งความมืด”
มิลเลี่ยนกําลังหัวเราะกับคนของเขา
ทันใดนั้นคนขับกิกันท์คนหนึ่งก็ทักขึ้นมาด้วยน้ําสียงที่ดูน่าสงสัย
“กัปตันมิลเลี่ยน มันกําลังมีคนขี่ม้าสีดํามุ่งตรงมาทางนี้”
ขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาพูด พวกมิลเลี่ยนก็มองไปยังข้างหน้าของพวกเขา
“มันอาจจะเสียสติไปแล้วรึเปล่า? หรือว่ามันเป็นคนบ้าปกติๆ!”
จุดประสงค์ของพวกเขาคือการจับลอร์ดหนุ่มแห่งรากันต์จากคฤหาสน์ของ
เขา
เมื่อพวกเขาคว้าลอร์ดหนุ่มได้แล้ว การต่อสู้ของพวกเขาก็จะจบลงทันที
การทําลายคฤหาสน์และขุนนางเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น
ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับม้าสีดํา ดึงดาบของเขาออกมาแล้วปาไปทางกิกันท์เพลง?!
“อา! ไอ้เวรนี่!
ถุงมือของกิกันท์นั้นสามารถต้านทานการโจมตีของมนุษย์ปกติไดเอย่างสบายๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อดาบเขาไปกระทบกับกิกันท์ มันก็ทําให้เกิดรอยถลอกขึ้นมา และทําให้มิลเลี่ยนที่เห็นร่อยรอยเริ่มขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา และตะโกนด้วยเสียงดังว่า
” นี่คือคําเตือนของข้าสําหรับผู้รุกราน! ออกไปจากดินแดนของข้าซะ! เดี๋ยวนี้!”
“อะไรนะ? ที่ดินของข้า? …อย่าบอกนะว่าเจ้าคือ…?”
“ใช่! ข้าคือ ลุคแห่งรากันต์ เจ้าของผืนดินแห่งไวเคานต์รากันต์”
ชายหนุ่มหรือลุค สร้างผลกระทบมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้รุกราน
“จับเขา! “จับเขาก่อน แล้วค่อยตรวจสอบดูอีกที!
มิลเลี่ยนและคนขับกิกันท์คนอื่นๆเริ่ม เคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายของพวกเขา
แต่ลุคก็ถอยห่างจากพวกเขา
“ชโลม!“
ทันใดนั้นพื้นก็เริ่มลื่นเหมือนกับน้ําแข็ง ทําให้พวกกิกันท์ที่พุ่งเข้ามาหาเขาต่างก็ลื่นล้มลงไปกับพื้น
“โอ้ย!” “จับเจ้าเด็กนั่นให้ได้! “
พึมพํา!
กิกันท์ทั้งสี่ลุกขึ้น และกระจัดกระจายไปล้อมรอบลุค พวกเขาพยายามที่จะลดระยะห่างระหว่างลุคกับพวกเขาอย่างค่อยๆ เพื่อจับตัวเขาเอาไว้
“หึ ช้าไปแล้ว!”
ลุคหลบหนีจากระยะการโจมตีของกิกันท์ และฟันเข้าใส่ข้อเท้าของมันกะลัง!
“ไอ้โง! ถ้าพื้นไม่ได้ลื่นแบบนี้ เจ้าก็คงจะเสร็จข้าไปแล้ว.. “
คนขับกิกันท์กล่าวขณะมองไปที่ลุค
ทันใดนั้นข้อเท้าขวาของกิกันท์ ก็ฉีกออกมาและน้ํามันสีดําก็เริ่มไหลออกมาเหมือนกับเลือด
“อา! สารหล่อลื่นที่ข้อต่ออย่างงั้นหรอ!”
ข้อต่อของกิกันท์นั้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ํามันหล่อลื่น เช่นเดียวกันกับกระดูกอ่อนของมนุษย์ เป็นเพราะมันเป็นชิ้นส่วนที่ใช้งานบ่อย ทําให้การสึกหรอของมันนั้นรวดเร็วกว่าส่วนอื่นๆ
เมื่อน้ํามันหล่อลื่นไหลออกมาจนหมด เสียงที่น่าอึดอัดแข็งกระด้างและการเคลื่อนไหวที่ช้ากว่าเดิมก็เริ่มขึ้น
“อื้อหือ! มันเป็นผู้เชี่ยวชาญ!”
คนขับกิกันท์สามารถมองเห็นออร่าสีม่วงที่ติดอยู่กับดาบที่ลุคถืออยู่ได้
หลังจากผ่านหลบการโจมตีของกิกันท์เสร็จ ลุคก็เล็งโจมตีไปที่กกันท์ตัวเดิม
“ไอ้โง่ คิดว่าข้าจะติดกับอีกครั้งรึไง!”
คนขับกิกันท์ได้ชักดาบของเขาออกมา และทําการโจมตีสวนกลับ
ลุคขยับร่างกายส่วนบนของเขาเพื่อหนีจากดาบใหญ่และคราวนี้เขาร่ายเวทมนตร์ใส่ข้อต่ออีกข้างหนึ่งของกิกันท์
“บอลอัคคี!”
กวาง!
ลูกบอลไฟที่ออกจากมือของลุคทะลุผ่านข้อเข่าของกิกันท์และทําให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนั้นกับการป้องกันของกิกันท์
อย่างไรก็ตามการระเบิดก่อนหน้านี้มันมีพลังมากพอที่จะถือได้ว่าเป็นเวทมนตร์ขั้น 5
เป็นผลให้ศิลาเวทมนตร์ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวส่วนล่างของกิกันท์นั้นถูกทําลายลง
“อ้า! อะไม่!”
กิกันท์ที่ขาทํากล้มลงไปข้างหน้าและไม่สามารถคลานได้
“อะไรนะ? วงเวทย์ขั้น 2 ทําแบบนั้นได้อย่างไร…”
“ระวัง! อัศวินรูนนั้นไม่ได้มีพลังอะไรมากหรอก! แค่ทําให้ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงเวทมนตร์ของมันก็พอ!”
ต่างจากคนขับกิกันท์ทิ้งงงวยกับสถานการณ์ ผู้คนบนกําแพงซึ่งเห็นสถานการณ์คลี่คลายก็กรีดร้องด้วยความยินดี
” ว้าว! นายท่านสามารถเอาชนะกิกันท์ได้ด้วย!”
“โอ้ นายท่าน!”
ฮานส์มองดูการต่อสู้อย่างประหม่า ขณะที่กําหมัดแน่น
“บ้าเอ้ย อัศวินรูนใช้เวทมนตร์ขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ”
ยิ่งวงเวทย์อยู่สูงเท่าไหร่ พลังเวทย์ของที่ร้ายก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มันไม่สําคัญมากนัก หากเป็นพ่อมดทั่วไป แต่การที่อัศวินรูนจะมีเวทมนตร์เช่นนี้ได้ มันนับเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจได้
อัศวินรูนเป็นคนที่สามารถใช้ทั้งดาบ และเวทมนตร์ได้ แต่เนื่องจากพวกเขาต้องจัดการกับทั้งสองสิ่ง ทักษะของพวกเขาจึงมักจะเติบโตอย่างเชื่องช้า
“แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใช้แค่เวทมนตร์ได้เท่านั้น เขายังมีเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง! ทําไมข้าถึงไม่ทราบเรื่องนี้กันนะ”
และไม่ใช่แค่นั้น
ตอนนี้ลุคกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าที่มิลเลี่ยนคิดเอาไว้แล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเด็กหนุ่มคนนี้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจุดอ่อนของพวกเขา
เกือบจะเหมือนกับว่าเขารู้เกี่ยวกับวิธีการซื้อกิกันท์ เขารู้ว่ามันเคลื่อนไหว อย่างไรและเมื่อไหร่ที่จะทําลายมันเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว
ยิ่งไปกว่านั้น…
“แม้ว่ากิกันท์จะตอบสนองได้เร็วกว่าโกเลม แต่มันจะเคลื่อนที่ก็ต่อเมื่อคนขับ บังคับเท่านั้น มันไม่สามารถตอบสนองได้ทันทีเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายมนุษย์”
ด้วยช่องว่างดังกล่าว ลุคสามารถอ่านการเคลื่อนไหวและตอบสนองต่อมันได้
“ในอดีตมันมีปีศาจที่เร็วและสูงใหญ่กว่านี้มากมาย เพราะฉะนั้นการที่มันคิดว่าข้าจะตกหลุมพลางมันก็เป็นอะไรที่โง่มากๆเลย”
ลุคไม่กลัวหรือประหม่าใดๆ เพราะด้วยประสบการณ์ในอดีตที่เต็มเปี่ยมของเขา
เมื่อดาบตกลงมาในตําแหน่งที่เขายืนอยู่ ลุคก็ได้ใช้เวทมนตร์บินพื่อหลบหนี การโจมตีออกไป
“ลูกศรเพลิง!”
“อา!”
ลูกศรเพลิงในมือของลุคพุ่งเข้าใส่คริสตัลในดวงตาของกิกันท์
คริสตัลนั้นเป็นส่วนที่แสดงภาพจากภายนอกเข้ามาให้คนขับกิกันท์เห็น
แต่เมื่อมันถูกทําลาย คนขับกิกันท์ก็ไม่สามารถมองเห็นนอะไรได้อีก
“โอ้! ข้าไม่เห็นอะไรเลย!”
“ไอ้โง่! อย่าเปิดฝาครอบนะ!”
แม้จะมีคําเตือนของมิลเลี่ยน แต่คนขับกิกันท์คนนั้นก็ยังเปิดฝาครอบออก
เขาอยากเห็นลุคด้วยตาของเขาเอง และลุคกําลังรอคอยช่วงเวลานั้นอยู่เช่นกัน
“ตัดลม!”
ฟื้ว!
คนขับซึ่งถูกใบมีดลมอันแหลมคมตัดผ่านได้เสียชีวิตลงในทันที
และแล้วกิกันท์ของผู้ตายก็คุกเข่าลงบนพื้นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ถูกตัดสาย
เมื่อเขาเห็นฉากนั้น มิลเลี่ยนก็คิดอะไรไม่ออกและคนขับกิกันท์ที่เหลืออีก 2 คนก็เริ่มคลั่ง
“อะไรกันวะ? ทําไมไม่เห็นมีรายงานมาเลยว่าลอร์ดแห่งรากันต์นั้นแข็งแกร่งขนาดนี้”
ก่อนที่พวกเขาจะรับงานนี้มาทํา พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของตัวลุคเองมาก่อน
พวกเขารู้เพียงแค่ว่าเขากําลังเรียนรู้ การฟันดาบและทักษะของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่างานนี้จะง่ายเหมือนกับการมาลักพาตัวเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง
และข้อมูลนั้นก็มาจากFdm
แต่ตอนนี้ลุคกําลังสู้กับอัศวินที่ขับกิกันท์อยู่ถึง 4 คน!
“จ๊าก! บัดซบ! ตายสิ! ตายซะ!”
มิลเลี่ยนที่สูญเสียเหตุผลของเขาไปดึงดาบของเขาขึ้นมาและเหวี่ยงมันแบบ สุ่มๆโดยลืมไปว่าภารกิจของเขาคือการจับตัวลุค
“เอ่อ! ระวังกัปตัน!”
“อันตรายอันตราย…อา!”
ยิ่งเขาคิดถึงลุคมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโจมตีอย่างคลุ้มคลั่งมากดขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้เขายังบังเอิญไปโจมตีพันธมิตรของเขา และทําให้สถานการณ์ในสงครามยิ่งสับสนขึ้นไปอีก
“เจ้าชอบพยายามอย่างหนักใช่ไหม”
ช่วงเวลาที่ลุคเย้ยหยันเขา หัวใจของมิลเลี่ยนก็แปรเปลี่ยนเย็นชา
“ไม่…ไม่ได้! ข้าไม่สามารถลุ่มสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้!”
เขาไม่สามารถเชื่อได้ว่ามันจะมีคนที่สามารถต่อสู้กับกิกันท์ทั้ง 4 ตัวด้วยตัวคนเดียวได้
บุคคลนั้นจะต้องเป็นจอมเวทสงครามขั้น 6 และอัศวินผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะแตกต่างกัน
และคนเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า “ผู้ทําลายล้าง”
มิลเลี่ยนแน่ใจว่าลุคนั้นเป็นผู้ทําลาย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะแอบหนีออกไป
“กัปตัน!”
“พาพวกเราไปด้วย!”
คนอื่นๆเริ่มเรียงร้องขอความช่วยเหลือจากมิลเลี่ยน แต่มิลเลี่ยนก็แกล้งทําเป็นหูทวนลมและใส่เกียร์หมาวิ่งหนีออกไป…
Comments