Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 72 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช (1)
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห…
บทที่ 72 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช (1)
ลุคถอนหายใจออกมา แม้เขาจะอยากพักผ่อนเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าแต่เขาก็ยังทําทุกอย่างไม่สําเร็จ
เรย์น่ารีบตรงไปที่คฤหาสน์หลังจากทราบข่าวเรื่องของลุค
“ข้าได้ยินข่าวเรื่องของท่านแล้ว! ท่านเหนื่อยมากหรือเปล่า?”
ในช่วงที่พวกเขากําลังทําสงครามกันอยู่นั้นเรย์น่าก็ยุ่งอยู่กับการให้กําลังใจผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าและการสร้างเมืองของตนเอง
แต่เมื่อเธอได้ยินข่าวเรื่องของกิกันท์ 4 ตัวที่ปรากฏขึ้นในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับคฤหาสน์ของลุคเธอรียมุ่งหน้าตรงกลับมาหาพวกเขาโดยเร็วแต่เมื่อเธอมาถึงเธอก็พบว่าทุกอย่างได้จบลงไปแล้ว
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นมันด้วยตนเองแต่เธอก็ได้ยินเรื่องราวจากผู้อยู่อาศัยและจากหัวหน้าพ่อบ้านฮานส์ซึ่งกล่าวถึงลุคผู้เป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ
“นี่ท่านได้ใช้พลังของราชาปีศาจหรือเปล่า?”
เรย์น่ากล่าขณะมองไปรอบๆลุคยิ้มตอบแล้วส่ายหัว
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงจะถูกเรียกว่าผู้สืบทอดของราชาปีศาจ แทนที่จะเป็นผู้สียทอดของอัศวินยอดนักรบน่ะสิ
“โอ้ งั้นท่านจะบอกว่าท่านใช้พลังทั้งหมดของท่านเองยังงั้นหรอ…”
“เมื่อมีใครสักคนใช้พลังพิเศษของพวกเขามันก็จะเป็นการง่ายที่จะจัดการกับกิกันท์”
ลุคพยายามจะพูดให้มันเป็นเรื่องที่เรียบง่ายแต่เจ้าหญิงเรย์น่าก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเขามากนัก
แน่นอนว่า ลุคนั้นมีทักษะที่ดีและเป็นคนเก่งแต่พลังของคนเพียงคนเดียวจะไปสู้กับพลังของกิกันท์ 4 ตัวได้อย่างไร
เธอมองหน้าลุคแล้วพูดว่า
“ตอนนี้ข้ากําลังมองดูลอร์ดหนุ่มแห่งรากันต์อยู่ใช่ไหม…”
“ขอโทษนะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่หวังว่าข้าจะได้เห็นท่านทํางานอย่างหนักเพื่อพัฒนาความะเป็นอู่ของผู้คนที่นี่ให้ดีขึ้นและข้าก็จะคอยเป็นกําลังใจให้นะ”
“อ่าใช่ ขอบคุณ”
เมื่อฟังคําพูดของเรย์น่า ลุคก็หัวเราะ
ในตอนที่ลุคกําลังคุยกับเรย์น่าอย่างสบายใจท็อดก็ได้ทําการรับและส่งข้อความจากการสื่อสารทางเวทย์มนตร์กับกองกําลังที่หุบเขายอทเทิร์น
“อะไรนะ? เจ้ากําลังจะบอกว่ามีคนของเคานต์โมนาร์ชแอบเข้ามาลอบโจมตีนายน้อยอย่างนั้นหรอ?”
โรเจอร์สดูตกใจมากกับชัยชนะของลุค
“ครับท่านแม่ทัพ นายน้อยได้ออกไปคนเดียวและได้ทําการเอาชนะกิกันท์ทั้งสี่ตัว!”
โรเจอร์สเบิกตากว้างขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินสิ่งที่ทอดพูด
“นั่นเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“มันเป็นความจริง ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างก็ได้ตรวจสอบมันด้วยตาของพวกเขาเองพวกเขาจะโกหกได้อย่างไร!”
ท็อดด์ตื่นเต้นมากเมื่อเขาพูดถึงทุกรายละเอียดของการต่อสู้ที่ลุคสู้กับกิกนท์
ในขณะที่เขากําลังอธิบายสถานการณ์อยานั้นคนอื่นๆที่อยู่รอบๆโรเจอร์สก็เริ่มมารวมตัวกันใกล้กับคริสตัลสื่อสาร
“ใช่เรารู้ว่า นายท่านกําลังเรียนรู้เวทมนตร์แต่เราไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถใช้เวทย์มนตร์ขั้น 2 ได้
“ที่จริงแล้วส ขณะที่ข้าเฝ้าดูนายท่านอยู่ข้างๆ เขาก็นับเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาทุก ๆ 100 ปีเลยก็ว่าได้
หลังจากคําพูดของมิวท์โรเจอร์สก็กล่าวเสริมว่า
“แทนที่จะเป็นอย่างนั้นข้ากลับรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นที่นายท่านแสดง ความสามารถเช่นนี้เมื่อต่อสู้กับกิกันที่ได้
ข้าเพิ่งสอนเพลงดาบสุวรรณให้เขาเมื่อไม่นานมานี้แต่เขาก็สามารถใช้ออร่าได้แล้ว!”
คําพูดของโรเจอร์สทําให้ฟิลิปและวิคเตอร์เบิกตากว้าง
“ท่านสอนเพลงดาบสุวรรณให้กับนายน้อยแล้วอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าไม่เข้าใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
โรเจอร์สเพียงแค่ยักไหล่ให้กับคําถามที่ถาโถมเข้ามา
“ก่อนที่ผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าจะเข้ามาข้าก็ได้เป็นคนคอยสอนเขาตอนนั้นข้าได้บอกกับเขาว่าอย่าพึ่งเอาเรื่องนี้ไปบอกใครแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จําเป็นแล้ว”
“ฮ่า! ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!”
ไม่มีอัศวินคนใดในตระกูลรากันต์ที่จะไม่สนใจพัฒนาการของนายน้อยของพวกเขา
เพราะเมื่อไม่นานมาความสนใจของเขาก็ดูเหมือนที่จะมุ่งเน้นไปทางพ่อมดซะมากกว่าอัศวินนั่นจึงทําให้พวกเข่ากังวลใจกันอย่างมาก
แต่ตอนนี้ นายน้อยของพวกเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้นยังไม่พอเขายังเป็นพ่อมดขั้น 2 อีก
“ทุกคนเก็บอารมณ์ของพวกเจ้าเอาไว้แสดงตอนอื่นเถอะ ตอนนี้พวกเรามีเรื่องที่สําคัญกว่าต้องทํา”
โรเจอร์สปรบมือเพื่อทําให้บรรยากาศเงียบลง
เหตุผลที่เขาใช้การสื่อสารคริสตัลก็เป็นเพราะพวกเขาจ้องการจะแจ้งให้ลุคทราบถึงชัยชนะของพวกเขาอย่างไรก็ ตามมันก็ยังมีอะไรบางอย่างที่สําคัญกว่านั้น
“เจ้ารีบไปหานายท่านแล้วพาตัวเขามาที่นี่โดยเร็ว”
“ตกลง”
ท็อดด์ก้มหน้ารับทราบและหายไปที่ไหนสักแห่งและกลับมาพร้อมกับลุค
ลุคถามพวกเขาอีกครั้งเกี่ยวกับสงครามของพวกเขา
“การต่อสู้ได้รับชัยชนะไหม?”
“แน่นอน! เราสามารถเอาชนะศัตรูจํานวนมากโดยไม่ได้รับความเสียหายมากนักนี่คือชัยชนะของท่านนายน้อย!”
“เพื่อความรุ่งโรจน์ของเรานั่นแหละคือสิ่งสําคัญ”
ลุคถามโรเจอร์สที่อยู่ในสนามรบแล้วให้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ข้าอยากจะเคลื่อนทัพนี้เพื่อไปโจมตีเมืองลาเมอร์”
“เมืองลาเมอร์?”
ลุคเบิกตาขึ้นเล็กน้อย
“ถูกแล้ว เรามีความเสียหายน้อยมากนอกจากนี้กิกันท์และอุปกรณ์การต่อสู้ที่ศัตรูใช้ก็ตกอยู่ในมือของเราแล้วเช่นกันดังนั้นข้าจึงคิดว่าการยึดเมืองลาเมอร์ก็ไม่ใช่อะไรที่จะเป็นไปไม่ได้”
หลังจากการต่อสู้จบลงไม่นานความคิดเห็นต่างๆก็เริ่มปรากฏขึ้น
เดิมทีแผนการคือยุติสงครามที่ตรงนั้นและรับคําขอโทษจากเคานต์โมนาร์ช
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการต่อสู้นั้นง่ายมากทุกคนจึงต้องการที่จะโจมตีเมืองลาเมอร์ที่เป็นหัวใจของศัตรูต่อ
เดิมที่เมืองลาเมอร์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตระกูลรากันต์ และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสที่จะสามารถยึดคืนเคานต์โมนาร์ชได้แล้วดังนั้นในใจของ
พวกเขาตอนนี้จึงต้องการที่จะไปบุกยึดเมืองลาเมอร์คืนกลับมา
“เดี๋ยวก่อนไม่มีความเสียหายต่อพรรคพวกของเราจริงๆหรอ?แล้วพวกเจ้าไปเอากิกันท์เหล่านั้นมาในสภาพที่ยังสมบูรณ์ได้ยังไงกัน?”
“นั่นก็…”
โรเจอร์สพูดถึงสิ่งต่างๆที่เขาพบเจอระหว่างการกวาดล้างสนามรบ
ลุคไม่สามารถซ่อนการแสดงออกของใบหน้าที่ดูเงอะงะได้
“อะไรนะ? แกนกลางของกิกันท์หายไป”
“ใช่แล้ว แม้ว่าเราจะถามจอมเวทเหล็กไหลที่ถูกจับมาแต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรพวกเขาเอาแต่บอกว่ามันมีภูติผีปีศาจที่คอยตามกลั่นแกล้งเขาอยู่”
ทันใดนั้นความตกใจก็ถูกลบออกไปจากดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ยินคําว่า “ผี” เขาก็เริ่มเข้าใจทันทีว่าใครกันที่เป็นคนทําเรื่องแบบนั้น
“เจ้าวางแผนที่จะใช้กิกันท์ของศัตรูอย่างไรทั้งๆที่ส่วนสําคัญของพวกมัน หายไป?”
“เรากําลังจะเปลี่ยนเครื่องยนต์หลักของเรากับเครื่องยนต์ของพวกมันและอุปกรณ์ของกิกันท์ของเราด้วย”
“อีมเจ้าวางแผนที่จะอําพรางสิ่งนั้นสินะ”
ลุคกําลังคิดอะไรบางอย่าง
“ดี เตรียมพร้อมที่จะย้ายไปที่เมืองลาเมอร์ในทันที
“ขอบคุณสําหรับการอนุญาตนายท่าน!”
“ในทางกลับกันข้าจะไปที่นั่นด้วย ข้าต้องจับไอ้หมูตัวนั้นด้วยมือของข้าเอง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว”
การสื่อสารโดยใช้คริสตัลจบลงด้วยประการเช่นนี้
เมื่อลุคเข้ามาในห้องเขาก็มองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นและเปิดปากของเขาออกมา
“เซบาสเตียน!”
“ขอรับ เรียกหาข้าหรือนายท่าน!”
เขาปรากฏตัวและลุคก็ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
เซบาสเตียนหมอบลงพร้อมกับนําเอาศิลาเวทมนตร์ที่อยู่ในมือออกมามอบให้ กับลุค
“นายท่าน ข้าทํางานได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่ท่านได้สั่งข้าเอาไว้และข้าก็ได้นําสมบัติที่ท่านอาจชอบมาด้วย…”
“ส่วนที่เหลืออยู่ที่ไหน”
เมื่อลุคถามคําถามที่ไม่คาดคิดเซบาสเตียนก็เริ่มเหงื่อตก
“นั่นนั่น ฯ
“เจ้าจงเอาทุกสิ่งที่เอามาไปคืนที่ที่มันเคยอยู่เดี๋ยวนี้ไม่สิ.. แค่เอามันไปวางไว้ใกล้ๆกับมันก็พอ”
“แต่นายท่าน นี่มัน…”
“เจ้าอยากที่จะมีชีวิตที่ยากลําบากแล้วก็ตายลงไปไหม”
เซบาสเตียนที่ตกใจกับการตอบสนองที่เย็นชาของลุคก็รีบตอบอย่างห้วนๆว่า
“ข้าจะทําในทันที!”
หลังจากพูดเสร็จ เซบาสเตียนก็หายตัวไปราวกับสายฟ้า
ลุคยิ้มขึ้นเล็กน้อยและไปสั่งให้คนรับใช้ของเขาติดอาวุธและมุ่งหน้าออกไปในทันที
ลุคใช้เวลาขี่ม้าเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้นก็มาถึงสถานที่ที่กองกําลังของเขาอยู่
“นายท่านมาแล้ว”
“เจ้าทําได้ดีมาก แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าชิ้นส่วนของพวกมันหายไปอย่างนั้น หรอ?”
ในสายตาของลุคนกิกันท์ที่ได้มาจากเคานต์โมนาร์ชก็สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงเหตุผลเหล่านั้นอยู่แล้วแต่เขาก็ยังทําตัวเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวงอยู่ดี
“ศิลาเวทมนตร์และแกนเครื่องยนต์ที่หายไปทั้งหมดนั้นอยู่ในกล่องเสบียงในรถเข็นบางทีพวกมันอาจลืมตรวจสอบ”
“นั่นสินะ”
“ใช่แล้ว พวกเขาคงสับสนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้…อันที่จริงพวกเขาคงจะเบลอจากการที่โดนนโรคร้ายเข้าเล่นงานระหว่างเดินทางมาที่นี่”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกๆหรอที่เครื่องยนต์ของกิกันท์ทั้ง 42 ตัวถึงหายไปอย่างนี้”
ลุคตั้งใจถาม แต่โรเจอร์สก็พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“กรณีที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นเพราะพวกกิกันท์ได้ถูกนําเข้าสู่สงครามอย่างกะทันหันและจอมเวทเหล็กไหลที่หวังจะขโมยมันออกไปจึงได้ทําเช่นนั้น”
“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพวกมันพยายามที่จะขโมยของๆพวกมันนั่นเอง”
“เอ่อเราควรระวังอย่าให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับเรา”
ยกเว้นกิกันท์ที่ฝาครอบถูกบดขยี้พวกมันไม่สามรารถที่จะมใช้งานคต่อได้แล้วเพราะงั้นจึงมีเพียงกิกันที่ที่เหลืออยู่เท่านั้นที่ถูกมอบให้กับอัศวินของรากันต์
แม้พวกเขาจะไม่ใช่คนขับกิกันท์มืออาชีพแต่พวกเขาก็ได้รับการฝึกฝนกับกิกนท์มาระยะหนึ่งแล้วดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยสบายใจกับมันเท่าไหร่
พวกเขาไม่สามารถวางไว้เป็นแนวหน้าในการรบได้ แต่สามารถวางไว้เป็นแนวรับเต็มรูปแบบในด้านหลังได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะถึงตอนนี้พวกที่รอดกลับไปก็คงจะบอกพวกเขาแล้วดังนั้นพวกเขาอาจจะไหวตัวทันได้เพราะฉะนั้นเราจึงต้องดําเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาตอบสนอง
“เข้าใจแล้วนายท่าน!”
ลุคเริ่มเดินทัพไปยังเมืองลาเมอร์และเหลือทหารเพียงไม่กี่คนไว้คอยดูแลเชลยศึก
ด้วยรถพ่วงและเกวียนทั้งหมดที่ยึดมาจากกองทัพของเคานต์โมนาร์ชมันจึงทําให้พวกเขาสามารถเคลื่อนทัพไปได้อย่างรวดเร็ว…..
ลงครบ 40 ตอนแล้วน้า จะไม่อ่านกันจริงๆหรอเยาวรุ่น
“ระบบรีสอร์ทเจ้าสัว – Super Resort System –
Comments
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 72 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช (1)
นิยาย Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเห…
บทที่ 72 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช (1)
ลุคถอนหายใจออกมา แม้เขาจะอยากพักผ่อนเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าแต่เขาก็ยังทําทุกอย่างไม่สําเร็จ
เรย์น่ารีบตรงไปที่คฤหาสน์หลังจากทราบข่าวเรื่องของลุค
“ข้าได้ยินข่าวเรื่องของท่านแล้ว! ท่านเหนื่อยมากหรือเปล่า?”
ในช่วงที่พวกเขากําลังทําสงครามกันอยู่นั้นเรย์น่าก็ยุ่งอยู่กับการให้กําลังใจผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าและการสร้างเมืองของตนเอง
แต่เมื่อเธอได้ยินข่าวเรื่องของกิกันท์ 4 ตัวที่ปรากฏขึ้นในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับคฤหาสน์ของลุคเธอรียมุ่งหน้าตรงกลับมาหาพวกเขาโดยเร็วแต่เมื่อเธอมาถึงเธอก็พบว่าทุกอย่างได้จบลงไปแล้ว
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นมันด้วยตนเองแต่เธอก็ได้ยินเรื่องราวจากผู้อยู่อาศัยและจากหัวหน้าพ่อบ้านฮานส์ซึ่งกล่าวถึงลุคผู้เป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ
“นี่ท่านได้ใช้พลังของราชาปีศาจหรือเปล่า?”
เรย์น่ากล่าขณะมองไปรอบๆลุคยิ้มตอบแล้วส่ายหัว
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงจะถูกเรียกว่าผู้สืบทอดของราชาปีศาจ แทนที่จะเป็นผู้สียทอดของอัศวินยอดนักรบน่ะสิ
“โอ้ งั้นท่านจะบอกว่าท่านใช้พลังทั้งหมดของท่านเองยังงั้นหรอ…”
“เมื่อมีใครสักคนใช้พลังพิเศษของพวกเขามันก็จะเป็นการง่ายที่จะจัดการกับกิกันท์”
ลุคพยายามจะพูดให้มันเป็นเรื่องที่เรียบง่ายแต่เจ้าหญิงเรย์น่าก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเขามากนัก
แน่นอนว่า ลุคนั้นมีทักษะที่ดีและเป็นคนเก่งแต่พลังของคนเพียงคนเดียวจะไปสู้กับพลังของกิกันท์ 4 ตัวได้อย่างไร
เธอมองหน้าลุคแล้วพูดว่า
“ตอนนี้ข้ากําลังมองดูลอร์ดหนุ่มแห่งรากันต์อยู่ใช่ไหม…”
“ขอโทษนะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่หวังว่าข้าจะได้เห็นท่านทํางานอย่างหนักเพื่อพัฒนาความะเป็นอู่ของผู้คนที่นี่ให้ดีขึ้นและข้าก็จะคอยเป็นกําลังใจให้นะ”
“อ่าใช่ ขอบคุณ”
เมื่อฟังคําพูดของเรย์น่า ลุคก็หัวเราะ
ในตอนที่ลุคกําลังคุยกับเรย์น่าอย่างสบายใจท็อดก็ได้ทําการรับและส่งข้อความจากการสื่อสารทางเวทย์มนตร์กับกองกําลังที่หุบเขายอทเทิร์น
“อะไรนะ? เจ้ากําลังจะบอกว่ามีคนของเคานต์โมนาร์ชแอบเข้ามาลอบโจมตีนายน้อยอย่างนั้นหรอ?”
โรเจอร์สดูตกใจมากกับชัยชนะของลุค
“ครับท่านแม่ทัพ นายน้อยได้ออกไปคนเดียวและได้ทําการเอาชนะกิกันท์ทั้งสี่ตัว!”
โรเจอร์สเบิกตากว้างขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินสิ่งที่ทอดพูด
“นั่นเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“มันเป็นความจริง ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างก็ได้ตรวจสอบมันด้วยตาของพวกเขาเองพวกเขาจะโกหกได้อย่างไร!”
ท็อดด์ตื่นเต้นมากเมื่อเขาพูดถึงทุกรายละเอียดของการต่อสู้ที่ลุคสู้กับกิกนท์
ในขณะที่เขากําลังอธิบายสถานการณ์อยานั้นคนอื่นๆที่อยู่รอบๆโรเจอร์สก็เริ่มมารวมตัวกันใกล้กับคริสตัลสื่อสาร
“ใช่เรารู้ว่า นายท่านกําลังเรียนรู้เวทมนตร์แต่เราไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถใช้เวทย์มนตร์ขั้น 2 ได้
“ที่จริงแล้วส ขณะที่ข้าเฝ้าดูนายท่านอยู่ข้างๆ เขาก็นับเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาทุก ๆ 100 ปีเลยก็ว่าได้
หลังจากคําพูดของมิวท์โรเจอร์สก็กล่าวเสริมว่า
“แทนที่จะเป็นอย่างนั้นข้ากลับรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นที่นายท่านแสดง ความสามารถเช่นนี้เมื่อต่อสู้กับกิกันที่ได้
ข้าเพิ่งสอนเพลงดาบสุวรรณให้เขาเมื่อไม่นานมานี้แต่เขาก็สามารถใช้ออร่าได้แล้ว!”
คําพูดของโรเจอร์สทําให้ฟิลิปและวิคเตอร์เบิกตากว้าง
“ท่านสอนเพลงดาบสุวรรณให้กับนายน้อยแล้วอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าไม่เข้าใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
โรเจอร์สเพียงแค่ยักไหล่ให้กับคําถามที่ถาโถมเข้ามา
“ก่อนที่ผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าจะเข้ามาข้าก็ได้เป็นคนคอยสอนเขาตอนนั้นข้าได้บอกกับเขาว่าอย่าพึ่งเอาเรื่องนี้ไปบอกใครแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จําเป็นแล้ว”
“ฮ่า! ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!”
ไม่มีอัศวินคนใดในตระกูลรากันต์ที่จะไม่สนใจพัฒนาการของนายน้อยของพวกเขา
เพราะเมื่อไม่นานมาความสนใจของเขาก็ดูเหมือนที่จะมุ่งเน้นไปทางพ่อมดซะมากกว่าอัศวินนั่นจึงทําให้พวกเข่ากังวลใจกันอย่างมาก
แต่ตอนนี้ นายน้อยของพวกเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้นยังไม่พอเขายังเป็นพ่อมดขั้น 2 อีก
“ทุกคนเก็บอารมณ์ของพวกเจ้าเอาไว้แสดงตอนอื่นเถอะ ตอนนี้พวกเรามีเรื่องที่สําคัญกว่าต้องทํา”
โรเจอร์สปรบมือเพื่อทําให้บรรยากาศเงียบลง
เหตุผลที่เขาใช้การสื่อสารคริสตัลก็เป็นเพราะพวกเขาจ้องการจะแจ้งให้ลุคทราบถึงชัยชนะของพวกเขาอย่างไรก็ ตามมันก็ยังมีอะไรบางอย่างที่สําคัญกว่านั้น
“เจ้ารีบไปหานายท่านแล้วพาตัวเขามาที่นี่โดยเร็ว”
“ตกลง”
ท็อดด์ก้มหน้ารับทราบและหายไปที่ไหนสักแห่งและกลับมาพร้อมกับลุค
ลุคถามพวกเขาอีกครั้งเกี่ยวกับสงครามของพวกเขา
“การต่อสู้ได้รับชัยชนะไหม?”
“แน่นอน! เราสามารถเอาชนะศัตรูจํานวนมากโดยไม่ได้รับความเสียหายมากนักนี่คือชัยชนะของท่านนายน้อย!”
“เพื่อความรุ่งโรจน์ของเรานั่นแหละคือสิ่งสําคัญ”
ลุคถามโรเจอร์สที่อยู่ในสนามรบแล้วให้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ข้าอยากจะเคลื่อนทัพนี้เพื่อไปโจมตีเมืองลาเมอร์”
“เมืองลาเมอร์?”
ลุคเบิกตาขึ้นเล็กน้อย
“ถูกแล้ว เรามีความเสียหายน้อยมากนอกจากนี้กิกันท์และอุปกรณ์การต่อสู้ที่ศัตรูใช้ก็ตกอยู่ในมือของเราแล้วเช่นกันดังนั้นข้าจึงคิดว่าการยึดเมืองลาเมอร์ก็ไม่ใช่อะไรที่จะเป็นไปไม่ได้”
หลังจากการต่อสู้จบลงไม่นานความคิดเห็นต่างๆก็เริ่มปรากฏขึ้น
เดิมทีแผนการคือยุติสงครามที่ตรงนั้นและรับคําขอโทษจากเคานต์โมนาร์ช
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการต่อสู้นั้นง่ายมากทุกคนจึงต้องการที่จะโจมตีเมืองลาเมอร์ที่เป็นหัวใจของศัตรูต่อ
เดิมที่เมืองลาเมอร์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตระกูลรากันต์ และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสที่จะสามารถยึดคืนเคานต์โมนาร์ชได้แล้วดังนั้นในใจของ
พวกเขาตอนนี้จึงต้องการที่จะไปบุกยึดเมืองลาเมอร์คืนกลับมา
“เดี๋ยวก่อนไม่มีความเสียหายต่อพรรคพวกของเราจริงๆหรอ?แล้วพวกเจ้าไปเอากิกันท์เหล่านั้นมาในสภาพที่ยังสมบูรณ์ได้ยังไงกัน?”
“นั่นก็…”
โรเจอร์สพูดถึงสิ่งต่างๆที่เขาพบเจอระหว่างการกวาดล้างสนามรบ
ลุคไม่สามารถซ่อนการแสดงออกของใบหน้าที่ดูเงอะงะได้
“อะไรนะ? แกนกลางของกิกันท์หายไป”
“ใช่แล้ว แม้ว่าเราจะถามจอมเวทเหล็กไหลที่ถูกจับมาแต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรพวกเขาเอาแต่บอกว่ามันมีภูติผีปีศาจที่คอยตามกลั่นแกล้งเขาอยู่”
ทันใดนั้นความตกใจก็ถูกลบออกไปจากดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ยินคําว่า “ผี” เขาก็เริ่มเข้าใจทันทีว่าใครกันที่เป็นคนทําเรื่องแบบนั้น
“เจ้าวางแผนที่จะใช้กิกันท์ของศัตรูอย่างไรทั้งๆที่ส่วนสําคัญของพวกมัน หายไป?”
“เรากําลังจะเปลี่ยนเครื่องยนต์หลักของเรากับเครื่องยนต์ของพวกมันและอุปกรณ์ของกิกันท์ของเราด้วย”
“อีมเจ้าวางแผนที่จะอําพรางสิ่งนั้นสินะ”
ลุคกําลังคิดอะไรบางอย่าง
“ดี เตรียมพร้อมที่จะย้ายไปที่เมืองลาเมอร์ในทันที
“ขอบคุณสําหรับการอนุญาตนายท่าน!”
“ในทางกลับกันข้าจะไปที่นั่นด้วย ข้าต้องจับไอ้หมูตัวนั้นด้วยมือของข้าเอง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว”
การสื่อสารโดยใช้คริสตัลจบลงด้วยประการเช่นนี้
เมื่อลุคเข้ามาในห้องเขาก็มองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นและเปิดปากของเขาออกมา
“เซบาสเตียน!”
“ขอรับ เรียกหาข้าหรือนายท่าน!”
เขาปรากฏตัวและลุคก็ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
เซบาสเตียนหมอบลงพร้อมกับนําเอาศิลาเวทมนตร์ที่อยู่ในมือออกมามอบให้ กับลุค
“นายท่าน ข้าทํางานได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่ท่านได้สั่งข้าเอาไว้และข้าก็ได้นําสมบัติที่ท่านอาจชอบมาด้วย…”
“ส่วนที่เหลืออยู่ที่ไหน”
เมื่อลุคถามคําถามที่ไม่คาดคิดเซบาสเตียนก็เริ่มเหงื่อตก
“นั่นนั่น ฯ
“เจ้าจงเอาทุกสิ่งที่เอามาไปคืนที่ที่มันเคยอยู่เดี๋ยวนี้ไม่สิ.. แค่เอามันไปวางไว้ใกล้ๆกับมันก็พอ”
“แต่นายท่าน นี่มัน…”
“เจ้าอยากที่จะมีชีวิตที่ยากลําบากแล้วก็ตายลงไปไหม”
เซบาสเตียนที่ตกใจกับการตอบสนองที่เย็นชาของลุคก็รีบตอบอย่างห้วนๆว่า
“ข้าจะทําในทันที!”
หลังจากพูดเสร็จ เซบาสเตียนก็หายตัวไปราวกับสายฟ้า
ลุคยิ้มขึ้นเล็กน้อยและไปสั่งให้คนรับใช้ของเขาติดอาวุธและมุ่งหน้าออกไปในทันที
ลุคใช้เวลาขี่ม้าเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้นก็มาถึงสถานที่ที่กองกําลังของเขาอยู่
“นายท่านมาแล้ว”
“เจ้าทําได้ดีมาก แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าชิ้นส่วนของพวกมันหายไปอย่างนั้น หรอ?”
ในสายตาของลุคนกิกันท์ที่ได้มาจากเคานต์โมนาร์ชก็สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงเหตุผลเหล่านั้นอยู่แล้วแต่เขาก็ยังทําตัวเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวงอยู่ดี
“ศิลาเวทมนตร์และแกนเครื่องยนต์ที่หายไปทั้งหมดนั้นอยู่ในกล่องเสบียงในรถเข็นบางทีพวกมันอาจลืมตรวจสอบ”
“นั่นสินะ”
“ใช่แล้ว พวกเขาคงสับสนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้…อันที่จริงพวกเขาคงจะเบลอจากการที่โดนนโรคร้ายเข้าเล่นงานระหว่างเดินทางมาที่นี่”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกๆหรอที่เครื่องยนต์ของกิกันท์ทั้ง 42 ตัวถึงหายไปอย่างนี้”
ลุคตั้งใจถาม แต่โรเจอร์สก็พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“กรณีที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นเพราะพวกกิกันท์ได้ถูกนําเข้าสู่สงครามอย่างกะทันหันและจอมเวทเหล็กไหลที่หวังจะขโมยมันออกไปจึงได้ทําเช่นนั้น”
“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพวกมันพยายามที่จะขโมยของๆพวกมันนั่นเอง”
“เอ่อเราควรระวังอย่าให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับเรา”
ยกเว้นกิกันท์ที่ฝาครอบถูกบดขยี้พวกมันไม่สามรารถที่จะมใช้งานคต่อได้แล้วเพราะงั้นจึงมีเพียงกิกันที่ที่เหลืออยู่เท่านั้นที่ถูกมอบให้กับอัศวินของรากันต์
แม้พวกเขาจะไม่ใช่คนขับกิกันท์มืออาชีพแต่พวกเขาก็ได้รับการฝึกฝนกับกิกนท์มาระยะหนึ่งแล้วดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยสบายใจกับมันเท่าไหร่
พวกเขาไม่สามารถวางไว้เป็นแนวหน้าในการรบได้ แต่สามารถวางไว้เป็นแนวรับเต็มรูปแบบในด้านหลังได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะถึงตอนนี้พวกที่รอดกลับไปก็คงจะบอกพวกเขาแล้วดังนั้นพวกเขาอาจจะไหวตัวทันได้เพราะฉะนั้นเราจึงต้องดําเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาตอบสนอง
“เข้าใจแล้วนายท่าน!”
ลุคเริ่มเดินทัพไปยังเมืองลาเมอร์และเหลือทหารเพียงไม่กี่คนไว้คอยดูแลเชลยศึก
ด้วยรถพ่วงและเกวียนทั้งหมดที่ยึดมาจากกองทัพของเคานต์โมนาร์ชมันจึงทําให้พวกเขาสามารถเคลื่อนทัพไปได้อย่างรวดเร็ว…..
ลงครบ 40 ตอนแล้วน้า จะไม่อ่านกันจริงๆหรอเยาวรุ่น
“ระบบรีสอร์ทเจ้าสัว – Super Resort System –
Comments