Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 75 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช(5)
บทที่ 75 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช(5)
ในยามรุ่งอรุณความมืดก็ได้ถูกขจัดออกไปด้วยแสงแดดในยามเช้า
เมื่อชาวเมืองลาเมอร์ตื่นขึ้น พวกเขาก็ต้องตกใจกับสภาพของเมืองที่อยู่ในความสับสนอลหม่านและสภาพของกินกันท์ที่ถูกทําลายลงไป
“อะไรกัน? นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
“ศัตรูโจมตีเราตอนรุ่งสางอย่างนั้นหรอ?”
“ใครคือศัตรู? ไวเคานต์รากันต์หรอ?อย่ามาล้อเล่น!”
“หุหุหุ ในที่สุดเราก็จะไม่ต้องเห็นเจ้าหมูจอมตะกละอีกต่อไปแล้ว”
ในขณะที่ชาวบ้านกําลังดูฉากตรงหน้าด้วยความวิตกกังวลและความคาดหวัง เล็กๆน้อยๆลุคและชาวรากันต์ก็กําลังยุ่ง อยู่กับการพยายามทําความสะอาด
ประการแรกผู้ช่วยของเคานต์ต่งก็ถูกขังอยู่ในคุกและทหารก็ถูกส่งไปลาดตระเวนทั่วทั้งเมือง
พวกเขาถูกส่งไปพร้อมกับคําประกาศชัยชนะของรากันต์
เพื่อให้แน่ใจว่า ชีวิต,ทรัพย์สินและสถานะของพลเมืองจะยังคงอยู่ดีกินดีต่อไปเขาจึงสั่งไม่ให้มีการกักตุนสินค้าหรืออาหารเพื่อให้ผู้ที่มีฐานะยากจนสามารถเข้าถึงอาหารได้
ผู้ที่ต่อต้านกองกําลังรักษาความมั่นคงจะถูกลงโทษ
เจ้าหน้าที่ของกองกําลังรักษาความปลอดภัยและฝ่ายปกครองควรกลับเข้าทํางานภายใน 24 ชั่วโมงตามปกติไม่งั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถรับประกันสถานะและอัตราค่าจ้างได้
แม้ว่าจะถูกยึดครองแล้ว แต่ลําพังเพียงรากันต์ก็ไม่สามารถจัดการเมืองและการค้าที่อยู่ในอันดับที่สูงเป็นอันดับสองในภาคใต้ได้
เมืองลาเมอร์เพียงแห่งเดียวนั้นก็มีประชากรมากกว่า 200,000 คนแล้วซึ่งมันเกือบเป็น 10 เท่าของประชากรชาวรากันต์ก่อนที่พวกเขาจะมีผู้ลี้ภัยมาจาก โวลก้า
ดังนั้นลุคจึงยังคงเก็บคนรับใช้ของเคานต์โมนาร์ชไว้สองสามคน และยังมีเจ้าหน้าที่ระดับล่างและตําแหน่งในกองทัพยกเว้นตําแหน่งทางการทหาร
“ข้าดีใจที่ปฏิสัมพันธ์ของเคานต์โมนาร์ชกับผู้คนของเขาไม่ได้ดีมากนักผู้คนมากมายให้ความร่วมมือมากกว่าที่ข้าคาดเอาไว้มาก”
“นั่นเป็นสิ่งที่ดี ไม่งั้นข้าคงต้องหงุดหงิดและอาหารไม่ย่อยแน่ ๆ”
ตามคําพูดของโรเจอร์ส ลุคมองไปที่เขาและพยักหน้า
ในคุกซึ่งเป็นสถานที่คุมขังของคนที่คิดก่อกบฎตอเคานต์โมนาร์ช
ในหมู่พวกเขานั้นมีขุนนางเพียงไม่กี่คนแต่นอกจากนี้ก็ยังมีพวกผู้บริหารและอัศวิน
พวกเขาต่างรู้สึกขอบคุณกับลุคที่ปลดปล่อยพวกเขาออกมาดังนั้นพวกเขาจึงทําตัวให้มีประโยชน์และทําให้งานทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี
“มีผู้ช่วยของเคานต์เช่นบารอนโกทเขาบอกว่าถ้าเขาได้รับการปล่อยตัวเขาจะบอกเราเกี่ยวกับเงินที่ไม่พึงประสงค์ของเคานต์โมนาร์ชและทรัพย์สินที่ซ่อน อยู่ของเขา”
โกทได้ถูกฟิลิปจับได้เมื่อตอนที่เขากําลังพยายามหลบหนีด้วยการปีนเชือก
ในฐานะคนที่สนิทกับเคานต์มากที่สุดเขาจึงรู้ข้อมูลระดับสูงมากมายในขณะที่เขาดูแลที่ดินในนามของเคานต์
“นายท่านข้าคิด่าเราไม่ควรปล่อยเขาออกไป! เขาคือตัวร้ายที่เผาและสังหารผู้ลี้ภัยผู้บริสุทธิ์!”
ลุคพยายามสงบติอารมณ์ของวิกเตอร์ที่กําลังเสียอารมณ์
“แน่นอนข้าไม่ได้มีแผนที่จะปล่อยเขาแต่ข้าก็ต้องการข้อมูลที่เขามี ดังนั้นวิคเตอร์ตราบใดที่เขาไม่ตายเจ้าจะทําอย่างไรก็ได้เพื่อนําเอาข้อมูลนั้นมาให้ข้า”
“เอ่อ.. รับทราบ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
วิคเตอร์ที่ฟื้นคืนจากสีหน้าตกใจเล็กน้อยก็รีบวิ่งออกจากห้องทํางานไป
เมื่อลุคเห็นแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมาเขาหันกลับมามองกระดาษในมือ
“แต่นายท่าน เราจะประกาศข่าวเรื่องการเสียชีวิตของเคานต์โมนาร์ชเมื่อไหร่และอย่างไรกัน”
“ข้าก็กําลังคิดอยู่เหมือนกัน”
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลงลุคก็ได้พบร่างของเคานต์โมนาร์ชที่นอนอยู่บนกองเลือดของเขาเอง
มันเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เอื้ออํานวยสําหรับ เขาเนื่องจากเขาต้องการที่จะจับตัวเคานต์และรับผลประโยชน์จากการใช้เขาเป็นตัวประกันให้มากที่สุด
“มันง่ายกว่าที่จะประกาศว่าเขาเสียชีวิตแต่ในทางกลับกันผู้ที่เกรงกลัวผู้ที่สูงกว่าก็อาจจะไม่ให้ความร่วมมือหรือเฉยเมยท่านได้
“แต่ถ้าพวกอิมพีเรียลรู้เรื่องนี้เข้า มันก็อาจจะเปลี่ยนไป
มันไม่ใช่เองแปลกอะไรที่ลอร์ดของฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะสเยชีวิตลงระหว่างสงคราม
ส่วนใหญ่แล้วขุนนางมักจะถูกจับไปเป็นเชลยศึกหรือถูกปล่อยไปหลังจาก ได้รับค่าไถ่มาจํานวนหนึ่ง
หลังจากคิดหลายๆด้านลุคก็ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
“ซ่อนศพของเคานต์โมนาร์ชและปิดปากของเจ้าให้เงียบและในขณะนี้ให้แพร่ข่าวลือไปว่าเขาได้วิ่งหนีไปพร้อมกับทรัพย์สินของเขาแล้ว”
“ท่านไม่ได้วางแผนที่จะประกาศการต่ายหรือ?”
“มันจะดีกว่าที่จะไม่ไปยั่วยุราชวงศ์ใน
ตอนนี้”
ลุคย้ําว่าพวกเขาไม่ควรจะเคลื่อนไหวใดๆชั่วคราว
ไม่มีอัศวินของตระกูลรากันต์คนไหนเลยที่จะสามารถเป็นคู่มือต่อกรกับอัศวินของราชวงศ์ได้
ตระกูลบาร็อคนั้นเป็นคนที่กักขังนักรบรากันต์และครอบครัวของเขาให้อยู่ในที่ดินเล็กๆแบบนั้น
แม้ว่าบาร็อคจะอ่อนแอแต่ทุกคนต่างก็ก้มหัวให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตามมัน ไม่มีใครกล้าพอจะมองขึ้นไปที่พวกเขา
“แต่เมืองนี้และเมืองอื่นๆของเคานต์ล่ะ? ณ ตอนนี้ด้วยกองกําลังปกครองของเราการจัดการกับเมืองลาเมอร์ก็นับเป็นเรื่องยากแล้ว”
การที่พวกเขาจะเข้าควบคุมเมืองต่างๆของเคาต์โมนาร์ชนั้นไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลย
เดิมที่ดินแดนของรากันต์นั้นก็มีขนาดเล็กกว่าดินแดนของเคานต์นาร์ชยู่มาก
นอกจากนี้ ที่ดินของเคานต์โมนาร์ชยังเป็นพื้นที่ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภาคใต้ซึ่งใหญ่กว่าที่ดินของรากันต์หลายเท่า
มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ที่จัดการเรื่องที่ดินของตระกูลจะสามารถจัดการกับที่ดินขนาดใหญ่แบบนี้ได้หรือไม่
“งั้นมันก็มีวิธีแก้แค่สองทางเท่านั้น”
“สองงั้นหรอ?”
“ใช่ อย่างแรกคือการขายที่ดินให้ลอร์ดที่อยู่ใกล้เคียงขายให้มากที่สุดเท่าที่ จะทําได้”
โรเจอร์สส่ายหัวให้กับคําพูดของลุค
“แล้วเราจะเอาเงินเหล่านั้นไปทําอะไรมันมีแต่จะสร้างความยุ่งเหยิงให้กับพวกเรา”
“ถึงยังงั้นมันก็จะไม่มีการทําการยึดที่ดินเกิดขึ้นแน่นอนเพราะหากลอร์ดรอบๆสถานที่ทําเช่นนั้นจักรพรรดิก็คงจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะยอมให้เกิดสงครามขึ้นอีก”
ยกเนอกจากมาร์ควิสเมเยอร์แล้วขุนนางรอบๆต่างก็รอดูสถานการณ์กันอย่างเงียบๆ
พวกเขาจะพยายามต่อสู้กับรากันต์ที่พึ่งปรับปรุงความแข็งแกร่งของกิกันท์สําเร็จแน่นอน
“ถ้าเราขายให้กับพวกเขาในราคาถูกพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะยอมรับมันได้”
“แล้วตัวเลือกที่สองล่ะ”
“ข้าก็จะใช้กฎหมายกับลาเมอร์ในภายหลังข้าต้องการให้สิทธิ์แก่พ่อค้าและปล่อยให้พวกเขาดําเนินธุรกิจไปได้อย่างอิสระเสรี”
โรเจอร์สประหลาดใจกับคําพูดของลุค
“ท่านจะทําให้ลาเมอร์เป็นเมืองเสร่งั้นหรอ?”
“ในฐานะเมืองการค้า รากฐานของเมืองนี้ต่างก็ได้รับการยอมรับอย่างมั่นคงและดูเอกสารเหล่านี้ที่พ่อค้าเคยถามมาสองสามครั้งก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะเคานต์ที่โลภมากพวกเขาจึงไม่ได้รับอนุญาติในหลายเรื่องๆ”
มีเมืองเสรีหลายแห่งในทวีปนี้พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเมืองท่าที่พัฒนาโดยการค้า
พ่อค้าที่ร่ํารวยพอที่จะซื้อที่ดินจากลอร์ดและพลังของพวกเขาเองก็แข็งแกร่งมากจนเทียบได้กับเคานต์หรือมาร์ควิส
“ปัญหาคือช่องว่างความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเพิ่มขึ้นมันจะมีการรวมดิน แดนอีกมากหรือมีโอกาสที่เมืองจะถูกแบ่งออกเป็นเมืองเล็กๆ”
“ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเราจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในเมืองนี้เอง”
การบริหารจัดการเมืองแบบเสรีนั้นมักดําเนินการโดยสหภาพแรงงานเดี่ยวแต่มันก็มักจะมีพ่อค้าเป็นผู้ดําเนินการด้วย เช่นกันเนื่องจากพวกเขาเองก็เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุดกับเรื่องนี้
“ และในกรณีหลังนี้ผู้ที่มส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุดก็จะมีเสียงดังที่สุด
ดังนั้นถ้าลุคทําให้ลาเมอร์กลายเป็นเมืองเสรีได้เขาก็อยากจะมอบตําแหน่งแรกให้เจ้าหญิงเรย์น่าคิริลลอฟ
แน่นอนว่าจะต้องมีการจัดเตรียมเงินทุน
“แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แม้ว่าเราจะขายที่ดินหรือมอบความไว้วางใจให้ใครก็ตามที่ดินที่เราได้มานั้นก็จะเป็นที่ที่ดีที่สุด…”
“มันจะดีกว่าที่จะดูแลสิ่งต่างๆที่เราทําได้และไม่ทําให้การจัดการมันยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่สิ่งที่สําคัญสําหรับเราไม่ใช่
การขยายตัวแต่เป็นเรื่องของความมั่นคง”
“ใช่ ถูกต้อง…”
เมื่อทั้งสองคนตัดสินใจแล้วพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งด่วนดังมาจากด้านนอก
มันเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทําให้บ้านของลาเมอร์ทั้งหลังนั้นสั่นสะเทือนลา!
“เกิดเรื่องแล้วนายน้อย!”
มันคือฟิลิปเขาเกือบจะทุบประตูเพื่อเข้ามาในห้อง
โรเจอร์สส่ายหัวและขมวดคิ้ว
“มันคืออะไร? ข้างนอกมีการกบฎรึยังไง”
เมื่อมีผู้ปกครองคนใหม่เข้ามา มันก็มักจะมีการก่อจลาจลเกิดขึ้น
โดยปกติแล้วมันจะนําโดยผู้ที่ไม่ต้องการสูญเสียตําแหน่งเมืองหรือที่ดินของตน
ลุคสงสัยว่าพวกของเคานต์โมนาร์ชอาจจะอยู่ข้างนอก
“หุหุ! ไม่ มันไม่ใช่การกบฏไม่ใช่การกบฏแต่..”
ฟิลิปพยายามสงบลมหายใจและเล่ามันออกมา
ลุคที่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดก็กระโดดลงจากที่นั่งด้วยความตกใจ
“เจ้าหญิงเรย์น่าถูกลักพาตัวไป!”…
Comments
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 75 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช(5)
บทที่ 75 จุดจบของเคานต์โมนาร์ช(5)
ในยามรุ่งอรุณความมืดก็ได้ถูกขจัดออกไปด้วยแสงแดดในยามเช้า
เมื่อชาวเมืองลาเมอร์ตื่นขึ้น พวกเขาก็ต้องตกใจกับสภาพของเมืองที่อยู่ในความสับสนอลหม่านและสภาพของกินกันท์ที่ถูกทําลายลงไป
“อะไรกัน? นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
“ศัตรูโจมตีเราตอนรุ่งสางอย่างนั้นหรอ?”
“ใครคือศัตรู? ไวเคานต์รากันต์หรอ?อย่ามาล้อเล่น!”
“หุหุหุ ในที่สุดเราก็จะไม่ต้องเห็นเจ้าหมูจอมตะกละอีกต่อไปแล้ว”
ในขณะที่ชาวบ้านกําลังดูฉากตรงหน้าด้วยความวิตกกังวลและความคาดหวัง เล็กๆน้อยๆลุคและชาวรากันต์ก็กําลังยุ่ง อยู่กับการพยายามทําความสะอาด
ประการแรกผู้ช่วยของเคานต์ต่งก็ถูกขังอยู่ในคุกและทหารก็ถูกส่งไปลาดตระเวนทั่วทั้งเมือง
พวกเขาถูกส่งไปพร้อมกับคําประกาศชัยชนะของรากันต์
เพื่อให้แน่ใจว่า ชีวิต,ทรัพย์สินและสถานะของพลเมืองจะยังคงอยู่ดีกินดีต่อไปเขาจึงสั่งไม่ให้มีการกักตุนสินค้าหรืออาหารเพื่อให้ผู้ที่มีฐานะยากจนสามารถเข้าถึงอาหารได้
ผู้ที่ต่อต้านกองกําลังรักษาความมั่นคงจะถูกลงโทษ
เจ้าหน้าที่ของกองกําลังรักษาความปลอดภัยและฝ่ายปกครองควรกลับเข้าทํางานภายใน 24 ชั่วโมงตามปกติไม่งั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถรับประกันสถานะและอัตราค่าจ้างได้
แม้ว่าจะถูกยึดครองแล้ว แต่ลําพังเพียงรากันต์ก็ไม่สามารถจัดการเมืองและการค้าที่อยู่ในอันดับที่สูงเป็นอันดับสองในภาคใต้ได้
เมืองลาเมอร์เพียงแห่งเดียวนั้นก็มีประชากรมากกว่า 200,000 คนแล้วซึ่งมันเกือบเป็น 10 เท่าของประชากรชาวรากันต์ก่อนที่พวกเขาจะมีผู้ลี้ภัยมาจาก โวลก้า
ดังนั้นลุคจึงยังคงเก็บคนรับใช้ของเคานต์โมนาร์ชไว้สองสามคน และยังมีเจ้าหน้าที่ระดับล่างและตําแหน่งในกองทัพยกเว้นตําแหน่งทางการทหาร
“ข้าดีใจที่ปฏิสัมพันธ์ของเคานต์โมนาร์ชกับผู้คนของเขาไม่ได้ดีมากนักผู้คนมากมายให้ความร่วมมือมากกว่าที่ข้าคาดเอาไว้มาก”
“นั่นเป็นสิ่งที่ดี ไม่งั้นข้าคงต้องหงุดหงิดและอาหารไม่ย่อยแน่ ๆ”
ตามคําพูดของโรเจอร์ส ลุคมองไปที่เขาและพยักหน้า
ในคุกซึ่งเป็นสถานที่คุมขังของคนที่คิดก่อกบฎตอเคานต์โมนาร์ช
ในหมู่พวกเขานั้นมีขุนนางเพียงไม่กี่คนแต่นอกจากนี้ก็ยังมีพวกผู้บริหารและอัศวิน
พวกเขาต่างรู้สึกขอบคุณกับลุคที่ปลดปล่อยพวกเขาออกมาดังนั้นพวกเขาจึงทําตัวให้มีประโยชน์และทําให้งานทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี
“มีผู้ช่วยของเคานต์เช่นบารอนโกทเขาบอกว่าถ้าเขาได้รับการปล่อยตัวเขาจะบอกเราเกี่ยวกับเงินที่ไม่พึงประสงค์ของเคานต์โมนาร์ชและทรัพย์สินที่ซ่อน อยู่ของเขา”
โกทได้ถูกฟิลิปจับได้เมื่อตอนที่เขากําลังพยายามหลบหนีด้วยการปีนเชือก
ในฐานะคนที่สนิทกับเคานต์มากที่สุดเขาจึงรู้ข้อมูลระดับสูงมากมายในขณะที่เขาดูแลที่ดินในนามของเคานต์
“นายท่านข้าคิด่าเราไม่ควรปล่อยเขาออกไป! เขาคือตัวร้ายที่เผาและสังหารผู้ลี้ภัยผู้บริสุทธิ์!”
ลุคพยายามสงบติอารมณ์ของวิกเตอร์ที่กําลังเสียอารมณ์
“แน่นอนข้าไม่ได้มีแผนที่จะปล่อยเขาแต่ข้าก็ต้องการข้อมูลที่เขามี ดังนั้นวิคเตอร์ตราบใดที่เขาไม่ตายเจ้าจะทําอย่างไรก็ได้เพื่อนําเอาข้อมูลนั้นมาให้ข้า”
“เอ่อ.. รับทราบ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
วิคเตอร์ที่ฟื้นคืนจากสีหน้าตกใจเล็กน้อยก็รีบวิ่งออกจากห้องทํางานไป
เมื่อลุคเห็นแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมาเขาหันกลับมามองกระดาษในมือ
“แต่นายท่าน เราจะประกาศข่าวเรื่องการเสียชีวิตของเคานต์โมนาร์ชเมื่อไหร่และอย่างไรกัน”
“ข้าก็กําลังคิดอยู่เหมือนกัน”
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลงลุคก็ได้พบร่างของเคานต์โมนาร์ชที่นอนอยู่บนกองเลือดของเขาเอง
มันเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เอื้ออํานวยสําหรับ เขาเนื่องจากเขาต้องการที่จะจับตัวเคานต์และรับผลประโยชน์จากการใช้เขาเป็นตัวประกันให้มากที่สุด
“มันง่ายกว่าที่จะประกาศว่าเขาเสียชีวิตแต่ในทางกลับกันผู้ที่เกรงกลัวผู้ที่สูงกว่าก็อาจจะไม่ให้ความร่วมมือหรือเฉยเมยท่านได้
“แต่ถ้าพวกอิมพีเรียลรู้เรื่องนี้เข้า มันก็อาจจะเปลี่ยนไป
มันไม่ใช่เองแปลกอะไรที่ลอร์ดของฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะสเยชีวิตลงระหว่างสงคราม
ส่วนใหญ่แล้วขุนนางมักจะถูกจับไปเป็นเชลยศึกหรือถูกปล่อยไปหลังจาก ได้รับค่าไถ่มาจํานวนหนึ่ง
หลังจากคิดหลายๆด้านลุคก็ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
“ซ่อนศพของเคานต์โมนาร์ชและปิดปากของเจ้าให้เงียบและในขณะนี้ให้แพร่ข่าวลือไปว่าเขาได้วิ่งหนีไปพร้อมกับทรัพย์สินของเขาแล้ว”
“ท่านไม่ได้วางแผนที่จะประกาศการต่ายหรือ?”
“มันจะดีกว่าที่จะไม่ไปยั่วยุราชวงศ์ใน
ตอนนี้”
ลุคย้ําว่าพวกเขาไม่ควรจะเคลื่อนไหวใดๆชั่วคราว
ไม่มีอัศวินของตระกูลรากันต์คนไหนเลยที่จะสามารถเป็นคู่มือต่อกรกับอัศวินของราชวงศ์ได้
ตระกูลบาร็อคนั้นเป็นคนที่กักขังนักรบรากันต์และครอบครัวของเขาให้อยู่ในที่ดินเล็กๆแบบนั้น
แม้ว่าบาร็อคจะอ่อนแอแต่ทุกคนต่างก็ก้มหัวให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตามมัน ไม่มีใครกล้าพอจะมองขึ้นไปที่พวกเขา
“แต่เมืองนี้และเมืองอื่นๆของเคานต์ล่ะ? ณ ตอนนี้ด้วยกองกําลังปกครองของเราการจัดการกับเมืองลาเมอร์ก็นับเป็นเรื่องยากแล้ว”
การที่พวกเขาจะเข้าควบคุมเมืองต่างๆของเคาต์โมนาร์ชนั้นไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลย
เดิมที่ดินแดนของรากันต์นั้นก็มีขนาดเล็กกว่าดินแดนของเคานต์นาร์ชยู่มาก
นอกจากนี้ ที่ดินของเคานต์โมนาร์ชยังเป็นพื้นที่ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภาคใต้ซึ่งใหญ่กว่าที่ดินของรากันต์หลายเท่า
มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ที่จัดการเรื่องที่ดินของตระกูลจะสามารถจัดการกับที่ดินขนาดใหญ่แบบนี้ได้หรือไม่
“งั้นมันก็มีวิธีแก้แค่สองทางเท่านั้น”
“สองงั้นหรอ?”
“ใช่ อย่างแรกคือการขายที่ดินให้ลอร์ดที่อยู่ใกล้เคียงขายให้มากที่สุดเท่าที่ จะทําได้”
โรเจอร์สส่ายหัวให้กับคําพูดของลุค
“แล้วเราจะเอาเงินเหล่านั้นไปทําอะไรมันมีแต่จะสร้างความยุ่งเหยิงให้กับพวกเรา”
“ถึงยังงั้นมันก็จะไม่มีการทําการยึดที่ดินเกิดขึ้นแน่นอนเพราะหากลอร์ดรอบๆสถานที่ทําเช่นนั้นจักรพรรดิก็คงจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะยอมให้เกิดสงครามขึ้นอีก”
ยกเนอกจากมาร์ควิสเมเยอร์แล้วขุนนางรอบๆต่างก็รอดูสถานการณ์กันอย่างเงียบๆ
พวกเขาจะพยายามต่อสู้กับรากันต์ที่พึ่งปรับปรุงความแข็งแกร่งของกิกันท์สําเร็จแน่นอน
“ถ้าเราขายให้กับพวกเขาในราคาถูกพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะยอมรับมันได้”
“แล้วตัวเลือกที่สองล่ะ”
“ข้าก็จะใช้กฎหมายกับลาเมอร์ในภายหลังข้าต้องการให้สิทธิ์แก่พ่อค้าและปล่อยให้พวกเขาดําเนินธุรกิจไปได้อย่างอิสระเสรี”
โรเจอร์สประหลาดใจกับคําพูดของลุค
“ท่านจะทําให้ลาเมอร์เป็นเมืองเสร่งั้นหรอ?”
“ในฐานะเมืองการค้า รากฐานของเมืองนี้ต่างก็ได้รับการยอมรับอย่างมั่นคงและดูเอกสารเหล่านี้ที่พ่อค้าเคยถามมาสองสามครั้งก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะเคานต์ที่โลภมากพวกเขาจึงไม่ได้รับอนุญาติในหลายเรื่องๆ”
มีเมืองเสรีหลายแห่งในทวีปนี้พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเมืองท่าที่พัฒนาโดยการค้า
พ่อค้าที่ร่ํารวยพอที่จะซื้อที่ดินจากลอร์ดและพลังของพวกเขาเองก็แข็งแกร่งมากจนเทียบได้กับเคานต์หรือมาร์ควิส
“ปัญหาคือช่องว่างความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเพิ่มขึ้นมันจะมีการรวมดิน แดนอีกมากหรือมีโอกาสที่เมืองจะถูกแบ่งออกเป็นเมืองเล็กๆ”
“ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเราจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในเมืองนี้เอง”
การบริหารจัดการเมืองแบบเสรีนั้นมักดําเนินการโดยสหภาพแรงงานเดี่ยวแต่มันก็มักจะมีพ่อค้าเป็นผู้ดําเนินการด้วย เช่นกันเนื่องจากพวกเขาเองก็เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุดกับเรื่องนี้
“ และในกรณีหลังนี้ผู้ที่มส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุดก็จะมีเสียงดังที่สุด
ดังนั้นถ้าลุคทําให้ลาเมอร์กลายเป็นเมืองเสรีได้เขาก็อยากจะมอบตําแหน่งแรกให้เจ้าหญิงเรย์น่าคิริลลอฟ
แน่นอนว่าจะต้องมีการจัดเตรียมเงินทุน
“แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แม้ว่าเราจะขายที่ดินหรือมอบความไว้วางใจให้ใครก็ตามที่ดินที่เราได้มานั้นก็จะเป็นที่ที่ดีที่สุด…”
“มันจะดีกว่าที่จะดูแลสิ่งต่างๆที่เราทําได้และไม่ทําให้การจัดการมันยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่สิ่งที่สําคัญสําหรับเราไม่ใช่
การขยายตัวแต่เป็นเรื่องของความมั่นคง”
“ใช่ ถูกต้อง…”
เมื่อทั้งสองคนตัดสินใจแล้วพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งด่วนดังมาจากด้านนอก
มันเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทําให้บ้านของลาเมอร์ทั้งหลังนั้นสั่นสะเทือนลา!
“เกิดเรื่องแล้วนายน้อย!”
มันคือฟิลิปเขาเกือบจะทุบประตูเพื่อเข้ามาในห้อง
โรเจอร์สส่ายหัวและขมวดคิ้ว
“มันคืออะไร? ข้างนอกมีการกบฎรึยังไง”
เมื่อมีผู้ปกครองคนใหม่เข้ามา มันก็มักจะมีการก่อจลาจลเกิดขึ้น
โดยปกติแล้วมันจะนําโดยผู้ที่ไม่ต้องการสูญเสียตําแหน่งเมืองหรือที่ดินของตน
ลุคสงสัยว่าพวกของเคานต์โมนาร์ชอาจจะอยู่ข้างนอก
“หุหุ! ไม่ มันไม่ใช่การกบฏไม่ใช่การกบฏแต่..”
ฟิลิปพยายามสงบลมหายใจและเล่ามันออกมา
ลุคที่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดก็กระโดดลงจากที่นั่งด้วยความตกใจ
“เจ้าหญิงเรย์น่าถูกลักพาตัวไป!”…
Comments