Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 774 ผีเสื้อรักบุปผา
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา
……….
กวีนิพนธ์สือของซูตงพัวมีชื่อเสียงด้านรูปแบบการเขียนแนวห้าวหาญ ทว่าแท้จริงแล้วเขายังเชี่ยวชาญกวีนิพนธ์แนวสง่างามอีกด้วย เช่น ‘ผีเสื้อรักบุปผา’ ซึ่งเป็นผลงานชื่อดัง ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ารูปแบบการเขียนแนวสง่างามของหลิ่วหย่ง[1] และนี่คือสาเหตุที่กวีนิพนธ์สือของซูตงพัวปรากฏขึ้นบนบลูสตาร์อีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งผลลัพธ์ก็ทันตาเห็น!
บนอินเทอร์เน็ต
ชาวเน็ตซึ่งได้อ่านบทกวีนี้ล้วนตื่นเต้นยกใหญ่!
‘ให้ตายสิ นี่คือกวีนิพนธ์สือที่ดี!’
‘อี้อันคนนี้โผล่มาจากไหนกันแน่นะ พรสวรรค์สุดยอดมาก!’
‘ที่ใดในใต้หล้าไร้ใบหญ้ารัญจวน ให้มันได้อย่างนี้สิ!’
‘ประโยคนี้เหมาะสำหรับโน้มน้าวเจียงอวี้เยี่ยนมาก เธอเริ่มเดินบนเส้นทางของการทำลายล้างเพราะหลงรักฉินเทียนเกอมากเกินไปไม่ใใช่เหรอ ต้องมีกิ่งก้านปลิดปลิวหายไปบ้าง บนโลกนี้ไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียวสักหน่อย!’
‘ยังมีประโยคว่าใจรักร้าวรานเพราะความเฉยชาอีก!’
‘ประโยคนี้เขียนมาจากชีวิตของคนตามจีบแบบผม ตามจีบสาวสวยคนหนึ่งมาสามปี ปรากฏว่าเธอคิดแค่ว่าผมน่ารำคาญ ใจรักร้าวรานเพราะความเฉยชา หลังจากนี้ผมจะไม่ไปตามจีบใครแล้ว!’
‘วรรคทองระดับเทพ!’
‘ควรมอบบทกวีนี้ให้กับเจียงอวี้เยี่ยนจริงๆ ถ้าเธอเข้าใจความจริงเรื่องราวมันคงไม่จบลงแบบนี้หรอก มิน่าล่ะหัวข้อบทวิจารณ์ซีรีส์ถึงมีชื่อว่าอนิจจาว่ารักคือสิ่งใด ดูเหมือนว่าอี้อันจะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา!’
‘ถึงแม้ตำนานหงอคงจะเจ๋งมาก แต่เมื่อก่อนผมคิดแค่ว่าเขาเป็นนักเขียนแฟนฟิกคนหนึ่ง ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าคนคนนี้ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น เขายังเขียนกวีนิพนธ์สือได้ เขียนกลอนสมัยใหม่ได้ แถมยังเขียนได้ดีมากซะด้วย!’
‘…’
ชาวเน็ตอาจไม่เข้าใจทั้งหมด แต่โดยรวมแล้วพวกเขาอ่านเข้าใจเกือบทั้งหมด และจะง่ายยิ่งขึ้นเมื่อนำเรื่องราวในซีรีส์มาประกอบ ไม่ทันไรเสียงอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้น!
นักเขียนกวีนิพนธ์สือมืออาชีพต่างซาบซึ้งในบทกวีผีเสื้อรักบุปผายิ่งกว่าใคร!
สมาชิกในกลุ่มนี้ล้วนเป็นกวี!
‘เลือกคำและประโยคได้เป็นอย่างดี นี่คือฝีมือของกวีที่เก่งกาจ!’
‘อย่างเช่นประโยคแรกบรรยายภาพของช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ฉายภาพของดอกท้อที่เหี่ยวเฉา เหลือเพียงผลท้อที่ทั้งเล็กทั้งเขียวห้อยอยู่บนกิ่งก้านสาขา สายตาของผู้เขียนเริ่มต้น จากต้นท้อ ดอกเกี่ยวเฉาไปแล้ว สีแดงที่เหลืออยู่ก็ค่อยๆ คล้ำลง กิ่งก้านเริ่มเกิดผลท้อสีเขียวขึ้นมา เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็ทำให้เกิดภาพที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้…’
‘วรรคทองของท่อนบนคือที่ใดในใต้หล้าไร้ใบหญ้ารัญจวน!’
‘ช่วงแรกของท่อนบนคือการเกริ่น เมื่อมาถึงประโยคนี้คือเปิดฉากของจริง รูปแบบของงานเปิดกว้าง ไม่ได้เพียงแค่บรรยายทิวทัศน์อีกต่อไป แต่เป็นการอธิบายความคิดและความทะเยอทะยานของตนเอง นี่คือวรรคทองระดับคลาสสิกอย่างแน่นอน!’
‘ท่อนล่างที่ว่าใจรักร้าวรานเพราะความเฉยชายิ่งเทพเข้าไปใหญ่!’
‘ประโยคนี้อธิบายถึงความโดยเดี่ยวและผิดหวังของความรักเพียงข้างเดียว ใครบ้างไม่เคยมีช่วงเวลาที่รักใครแต่ไม่ได้รับความรักตอบบ้าง ทั้งที่ใจเต้นจนแทบหลุดจากอก แต่คนเขากลับรู้สึกรำคาญ’
‘ประธานอู๋ นี่คือผลงานชิ้นเอกของกวีท่านไหนกัน’
‘…’
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลายคนในกลุ่มต่างพากันเมนชันถึงอู๋ตุน!
“ยังคงเป็นอี้อัน”
หลังจากที่อู๋ตุนเห็นผู้คนเมนชันถึงคน สายตาอ่านผีเสื้อรักบุปผาอย่างจริงจัง ก่อบจะตอบกลับไปตามตรง
พรึบๆๆ!
ในกลุ่มคึกคักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
‘เป็นผลงานของอี้อันคนนี้อีกแล้วเหรอ?’
‘อี้อันคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่นะ’
‘วงการกวีนิพนธ์ของบลูสตาร์มีเทพระดับนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’
‘เสืออยู่ในจิต ดอมดมกลิ่นกุหลาบที่เขาเพิ่งเขียนก็เป็นประโยคคลาสสิกแล้วนะ นึกไม่ถึงว่าคราวนี้จะเขียนบทกวีรักได้เพราะขนาดนี้!’
‘อย่างแรกคือบทกวีสมัยใหม่ อย่างหลังคือกวีนิพนธ์สือ เขาเขียนได้ดีขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ !’
‘เพียงแต่ขอบเขตไม่ได้กว้างเท่าเสืออยู่ในจิต ดอมดมกลิ่นกุหลาบ เพราะไม่ว่าอย่างไรผีเสื้อรักบุปผาก็เป็นกวีนิพนธ์สือที่เกี่ยวกับความรัก’
‘มีแต่ความรักๆ สุดท้ายแล้วก็ยังขาดรสชาติไป’
‘…’
ขาดรสชาติไป?
เมื่ออู๋ตุนอ่านถึงจุดนี้ ก็ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นจึงส่งข้อความไปยังกลุ่ม
‘คุณคิดว่านี่เป็นกวีนิพนธ์สือเกี่ยวกับความรักจริงหรือ?’
แล้วไม่ใช่หรือไง?
สมาชิกในกลุ่มตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจมสู่ห้วงความคิด และอ่านบทกวีซ้ำไปมาและไตร่ตรองอยู่หลายรอบ
ถ้อยคำในส่วนบน
สีแดงคล้ำหมดสิ้น ไอวสันต์จางหาย เกิดภาพของปลายฤดูใบไม้ผลิ…
ท่ามกลางความสับสน
ทุกคนใช้ความคิด คล้ายกับว่าจับจุดบางอย่างได้
อู๋ตุนไม่ได้อุบไว้อีกต่อไป และแสดงทัศนะของเขาไปตามตรง
‘ท่อนหลังเขียนถึงความรู้สึก เพราะบริบทของบทกวีเกี่ยวข้องกับซีรีส์ แต่ท่อนบนกลับไม่ใช่แค่คำพรรณาทิวทัศน์เท่านั้น เชื่อว่าพวกคุณตระหนักได้แล้วว่าในนั้นยังถ่ายทอดถึงความสามารถที่ไม่มีใครชื่นชมและความปรารถนาที่ยังไม่บรรลุผลได้อย่างแยบยล นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหลังจากที่เขาบรรยายถึงภาพปลายฤดูใบไม้ผลิจบแล้ว ผู้เขียนจึงเขียนว่าที่ใดในใต้หล้าไร้ใบหญ้ารัญจวนเพื่อปลอบใจตัวเอง น่าเสียดายที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน มิฉะนั้นคงเข้าใจความหมายของท่อนแรกได้ลึกซึ้งกว่านี้…”
หลังจากที่สมาชิกในกลุ่มได้ลิ้ม รสอย่างพิถีพิถัน พวกเขาก็ตอบรับทีละคน
‘ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น’
‘เห็นได้ชัดว่าอี้อันมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่ในอดีตกลับไม่มีใครรู้จักเขา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บุคคลประเภทนี้จะรู้สึกว่าพรสวรรค์ของตนเองไม่ได้รับการชื่นชม’
‘ลากเขาเข้ากลุ่มเลยเป็นไง?’
‘คนคนนี้ไม่ธรรมดา อาจกลายเป็นกวีชื่อดังในอนาคต!’
‘ฉันสงสัยมากเลยว่าคนเก่งระดับนี้ทำไมเพิ่งจะมาถูกค้นพบตอนนี้’
‘เห็นทีผมคงต้องไปอ่านตำนานหงอคงบ้างแล้ว ไม่ควรมีอคติกับผลงานแฟนฟิกชัน’
‘คนที่เขียนเพลงอย่างเซี่ยนอวี๋ยังมีความรู้ด้านกวีนิพนธ์ระดับสูง อี้อันในฐานะนักเขียนแฟนฟิกชัน เขาเชี่ยวชาญด้านการเขียนบทกวีด้วยก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้’
‘…’
อู๋ตุนมีฝีมือ เขาจึงมองเห็นความเศร้าโศกของพรสวรรค์ซึ่งไม่ได้รับการมองเห็น แต่ดูเหมือนว่าจะมีความเข้าใจผิดในด้านการตีความ
ขณะที่ประพันธ์บทกวีนี้ ซูเซ่อรู้สึกว่าพรสวรรค์ของเขาไม่ได้รับการชื่นชม ทว่าอี้อันกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม การที่มีคนสัมผัสได้ถึงอารมณ์อันละเอียดอ่อนในบทกวีชิ้นนี้ได้ ไม่ได้หมายความว่าความยอดเยี่ยมของบทกวีจะถูกมองข้าม
ไม่ทันไร
ผีเสื้อรักบุปผาบทนี้ได้รับการเผยแพร่ไปเป็นวงกว้าง ชาวเน็ตจำนวนมากกดแชร์ผลงานนี้กับคนอื่นๆ ด้วยความตื่นเต้น
ผ่านไปไม่นาน
กวีนิพนธ์สือบทนี้ก็ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับเสืออยู่ในจิต ดอมดมกลิ่นกุหลาบ และอี้อันก็มีจำนวนแฟนคลับที่ติดตามเพิ่มขึ้นอีกครั้ง!
หลินเยวียนสังเกตเห็นสถานการณ์นี้ อดยิ้มออกมาไม่ได้
การบ่มเพาะด้านศิลปะของชาวเน็ตบลูสตาร์นั้นสูงจริงๆ
ความสามารถในการเข้าใจบทกวีของทุกคนนั้นสูงกว่าระดับมาตรฐานของแดนมังกร เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับบรรยากาศทางศิลปะที่เข้มข้นกว่าของบลูสตาร์ก็เป็นได้
ไม่ต้องสงสัยเลย!
อี้อันกำลังเริ่มโด่งดังแล้ว!
เขาไม่ใช่นักเขียนแฟนฟิกชันที่ไร้ชื่อเสียงอีกต่อไป แต่เป็นดาวรุ่งในแวดวงกวีนิพนธ์ที่มีฝีมือด้านวรรณกรรมสูงมาก!
ถึงขั้นที่ชาวเน็ตคนแท็กฉู่ขวงเป็นจำนวนมาก
‘เจ้าแก่รีบมาดูเร็ว ยอดฝีมืออี้อันคนนี้เขียนกวีนิพนธ์สือที่เจ๋งเป้งให้กับเรื่องหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอที่คุณดัดแปลงบทด้วยละ!’
‘เจ้าแก่ฉู่ขวง: แฟนคลับของผมเก่งขนาดนี้เชียวหรือ?’
‘ฮ่าๆๆ เจ้าแก่ฉู่ขวงกดดันไหม?’
‘พรสวรรค์ของแฟนคลับคนนี้ของคุณ ไม่ได้เป็นรองคุณเลย!’
‘เจ้าแก่ฉู่ขวง คนบ้าบิ่นอย่างคุณรู้จักแต่ ฆ่าๆๆๆ ดูเอาอี้อันก็แล้วกัน ว่าบทกวีของเขางดงามขนาดไหน!’
‘นับว่าเป็นวาสนาของเจ้าแก่ฉู่ขวงที่มีอี้อันเป็นแฟนคลับ’
‘เหอะๆๆ เจ้าแก่ฉู่ขวงคิดว่าที่ใดในใต้หล้าไร้ใบหญ้ารัญจวนเป็นอย่างไร’
“…”
บนพื้นที่แสดงความคิดเห็น มีคนนำบทกวีผีเสื้อรักบุปผามาแปะไว้ทั้งบท
อี้อันไม่ได้ห้ามการเผยแพร่ซ้ำ ทุกคนจึงสามารถโพสต์ซ้ำได้ตามใจชอบ
อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ
หลังจากที่ชาวเน็ตจำนวนมากเมนชันถึงฉู่ขวง ฉู่ขวงก็โพสต์ข้อความหนึ่งว่า
“ที่ใดในใต้หล้าไร้ใบหญ้ารัญจวน ไยจึงควรผูกใจรักบุปผาเดียว”
ในชั่วพริบตา ชาวเน็ตต่างระเบิดหัวเราะลั่น!
‘สร้างเรื่องอะไรล่ะทีนี้’
‘ไยจึงควรผูกใจรักบุปผาเดียว?’
‘เจ้าแก่ฉู่ขวง วรรคนี้ของคุณทำลายแนวคิดทางศิลปะของคนเขาแล้ว นี่มันผีเสื้อรักบุปผาสุดคลาสสิกเชียวนะ!’
‘เอาเถอะ มาคิดดูดีๆ แล้ว ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ’
‘เรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่ก็คล้องจองมาก แถมความหมายก็ลงตัวพอดี’
‘หลังจากนี้ต้องใช้ประโยคนี้ปลอบใจคนอกหัก?’
‘เป็นประโยคที่ฉู่ขวงกับอี้อันมอบให้กับพวกที่ตามจีบเขาแต่เขาไม่สนใจทั่วทั้งโลก: ที่ใดในใต้หล้าไร้ใบหญ้ารัญจวน ไยจึงควรผูกใจรักบุปผาเดียว ไม่ต้องถามว่าทำไมประโยคนี้มีคนพูดสองคน (อิโมจิหมายิ้มกรุ้มกริ่ม)’
‘ไม่ต้องให้บอก สองวรรคนี้รวมเข้าด้วยกันแล้วเป็นเรื่องจริงชัดเจนมา’
‘เจ้า แก่ฉู่ขวงก็โชว์ฝีมือเกินนน นี่นับว่าเป็นแฟนฟิกชันที่เขียนให้กับผีเสื้อรักบุปผาของอี้อันหรือเปล่า?’
‘ถามคุณว่ามีความเห็นว่ายังไงกับอี้อัน คุณกลับแต่งมาเพิ่มให้อีกวรรค’
‘อี้อัน: นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ฉันเขียนแฟนฟิกชันของฉู่ขวงแล้ว ฉู่ขวงก็จะเขียนแฟนฟิกชันให้ฉันเหมือนกัน’
‘…’
ชาวเน็ตมองว่าเรื่องนี้ตลกเหลือเกิน
หลินเยวียนทำไปเพียงเพื่อความสนุกสนานของตน และนับว่าเป็นการเพิ่มประแสให้กับอี้อัน
ถึงอย่างไรเขาก็จำประโยคนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องสั่งผลิตจากระบบด้วยซ้ำไป ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ประโยคที่ยอดเยี่ยมอะไร
ในความเป็นจริง
ผีเสื้อรักบุปผาของซูตงพัวนั้นมีเพียงวรรคแรก
‘ไยจึงควรผูกใจรักบุปผาเดียว’ นั้น คนรุ่นหลังเติมขึ้นมาเอง
เนื่องจากมีความลงตัวมาก หลายคนถึงกับคิดว่าสองประโยคนี้มาจากผลงานเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประโยคนี้มีความแพร่หลายมากแค่ไหน
เพียงแต่หลินเยวียนนึกไม่ถึงว่า…
การเติมวรรคเข้าไปอย่างง่ายดายของตน จะทำให้ดูเหมือนว่าฉู่ขวงเขียนแฟนฟิกชันผีเสื้อรักบุปผาให้กับอี้อันอย่างไรอย่างนั้น
แต่ก็บรรลุผลสำเร็จ
ผีเสื้อรักบุปผาซึ่งเขียนโดยอี้อันนั้นเกี่ยวโยงถึงซีรีส์ซึ่งฉู่ขวงเป็นผู้ปรับแก้
ฉู่ขวงมีปฏิสัมพันธ์ด้วยตัวเอง และสามารถดำเนินการถ่ายโอนแฟนคลับได้อย่างเงียบเชียบ
เพียงแต่จะถูกชาวเน็ตเยาะเย้ยว่าเจ้าแก่ฉู่ขวงถูกแฟนคลับช่วงชิงแสงสปอตไลท์ในการอวดฝีมือด้านวรรณกรรม และนั้นทำให้ฉู่ขวงต้องเสียหน้าเล็กน้อย
หลินเยวียนผู้ซึ่งเปลี่ยนมาใช้โหมดฉู่ขวงคิดเช่นนั้น
โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเห็นคอมเมนต์ของชาวเน็ตบางคน
ตัวอย่างเช่นคอมเมนต์ในนั้นกล่าวว่า
‘หยิบประโยคดังของคนอื่นมาเขียนต่อนับว่าเป็นความสามารถแบบไหนกัน มาถึงก็ดูอ่อนแอกว่าอี้อันแล้ว ถ้าเก่งจริงคุณก็เขียนกวีนิพนธ์สือของตัวเองขึ้นมาเลยสิ!’
ถ้าชาวเน็ตคนนี้พูดเพียงคนเดียวก็ว่าไปอย่าง
ประเด็นสำคัญคือมีชาวเน็ตกลุ่มหนึ่งที่พูดเช่นนี้
ชาวเน็ตบางคนถึงขั้นพูดว่า ‘พรสวรรค์ด้านวรรณกรรมของฉู่ขวงยอดเยี่ยมก็จริง แต่ความสำเร็จด้านกวีนิพนธ์ของเขากลับอยู่ในระดับปานกลาง อย่างน้อยก็ยังห่างไกลกับฝีมือของเขาในด้านนิยาย ต่างจากเซี่ยนอวี๋ ในหนังเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศของเซี่ยนอวี๋มีบทกวีคลาสสิกมากมาย แบบนั้นต่างหากถึงจะเรียกว่ายอดเยี่ยม!’
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง!
อี้อันเป็นเพียงคนที่เติมเต็มช่องว่างของฉู่ขวง!
มีที่ไหนกันนักเขียนต้นฉบับถูกนักเขียนแฟนฟิกชันเกทับ?
จะมาอยู่ลำดับเดียวกันไม่ได้!
ใครมาก่อนมาหลังให้มันรู้ซะบ้าง!
เมื่อคิดถึงตรงนี้
หลินเยวียนกดคีย์บอร์ด และเริ่มเขียนกวีนิพนธ์สือบทใหม่!
จบในครั้งเดียว!
หลินเยวียนคลิกโพสต์
ทันทีที่ปล่อยออกมา จู่ๆ หลินเยวียนก็ตกตะลึงในทันใด
เอ๊ะ?
อันอี้ก็คือฉันไม่ใช่หรือไง?
ทำไมฉันถึงต้องมาแข่งกับตัวเองด้วย?
เขาตกหลุมพรางของการยั่วยุจากชาวเน็ตจอมกวนประสาท!
เอาเถอะ
โพสต์ก็โพสต์
อี้อันปล่อยมาหนึ่งบท ฉู่ขวงปล่อยอีกหนึ่งบท ไม่ใช่เรื่องใหญ่
สามนาทีผ่านไป
มีชาวเน็ตสังเกตเห็นว่าฉู่ขวงอัปเดตโพสต์ใหมีอีกครั้ง และหัวข้อของโพสต์คือ…
ผีเสื้อ! รัก! บุปผา!
[1] หลิ่วหย่ง กวีในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ โดดเด่นด้านกวีนิพนธ์สือ
Comments