Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 783 นิทรรศการศิลปะ (2)

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 783 นิทรรศการศิลปะ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 783 นิทรรศการศิลปะ (2)

……….

ในห้องโถงนิทรรศการ

เครื่องปรับอากาศมีอุณหภูมิเหมาะสมและให้ความรู้สึกสบายเมื่อลมโชยมา

ผนังทั้งสี่ด้านเต็มไปด้วยผลงานศิลปะซึ่งนำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ และได้รับการจัดวางอย่างเป็นมืออาชีพ

หลัวเฉินและชิวอวี่เดินอยู่ด้านหน้า

ผู้คนซึ่งมาชมนิทรรศการศิลปะตามอยู่ด้านหลัง เดินตามไปพลางกระซิบกระซาบกัน

ไม่มีใครอยากเดินไปอย่างโดดเดี่ยว ทุกคนติดตามสองผู้ยิ่งใหญ่ ราวกับว่าการติดตามสองผู้ยิ่งใหญ่จะทำให้รสนิยมของพวกเขาสอดคล้องกันด้วย

หลัวเวยเดินอยู่รอบนอก และไม่เดินเข้าไปร่วมประสมโรง เธอแค่ขยิบตาให้พ่อจากด้านข้าง

“ทำไมอาจารย์ชิวถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ”

หลัวเฉิงเพิกเฉยต่อหลัวเวย และหยุดฝีเท้าหน้าภาพวาดชิ้นแรกเพื่อพูดคุยกับชิวอวี่

ชิวอวี่สะบัดผมเบาๆ “เพื่อนคนหนึ่งขอให้ฉันมาดู บอกว่าที่นี่มีภาพวาดที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะมาสาย”

“ภาพวาดที่ยอดเยี่ยมมาก?”

หลัวเฉิงเลิกคิ้ว “พูดซะผมนึกสงสัยเลยครับ ถ้าผลงานทั้งหมดอยู่ในระดับนี้ วันนี้ผมคงมาเสียเที่ยวแล้ว”

ขณะพูด หลัวเฉิงก็บุ้ยใบ้ไปยังภาพวาดแรก

ชิวอวี่มองลายเซ็นและข้อความแนะนำนักเขียนด้านข้าง ก่อนจะยิ้มอย่างสบายใจ

“ที่แท้ก็เป็นผลงานของเหรินเฟยเฟย มิน่าล่ะสไตล์ถึงคุ้นตา ข้อบกพร่องยังคงเหมือนกับผลงานชิ้นก่อนๆ หนักมือเกินไป”

ทั้งสองวิพากษ์วิจารณ์ภาพวาดชิ้นแรกอย่างไร้ปรานี!

แม้ว่าจะมีกลุ่มคนตามติดอยู่ด้านหลังพวกเขา ทว่ายอดฝีมือทั้งสองกลับเอ่ยขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า สนทนากันราวกับว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบ

ด้านหลัง

เมื่อฝูงชนได้ยินคำวิจารณ์ซึ่งตรงไปตรงมาของทั้งสอง สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ!

นี่คือจุดประสงค์ที่พวกเขาต้องการติดตามอยู่ด้านหลังผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง!

พวกเขาสามารถฟังความคิดเห็นที่ทั้งสองมีต่อภาพวาดเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด!

เพียงแต่ทุกคนนึกไม่ถึงว่า ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะเถรตรงเช่นนี้ มาถึงก็ตำหนิภาพแรกเสียแล้ว

ต้องเข้าใจว่า

ศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานชิ้นแรกนี้คือเหรินเฟยเฟย เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงในวงการจิตรกรรม

แน่นอน

ทั้งสองได้รับการยกย่อง และเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ในวงการภาพวาดพู่กันโบราณ พวกเขามีคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการประเมินผลงานในนิทรรศการแห่งนี้

หากใช้สถานะในวงการดนตรีมาจำกัดความก็คือ

หลัวเฉิงและชิววี่ จัดอยู่ในระดับเดียวกับพ่อเพลงในอุตสาหกรรมดนตรี

ส่วนเหรินเฟยเฟยและศิลปินคนอื่นในนิทรรศการครั้งนี้มีสถานะเทียบเท่ากับนักประพันธ์เพลงมือทองในวงการดนตรีเท่านั้น

ทั้งสองเดินต่อไปยังภาพวาดที่สอง[1]

ขณะนี้ คณะผู้จัดนิทรรศการศิลปะได้ส่งคนมา

“ไม่คิดว่าอาจารย์หลัวกับอาจารย์ชิวจะมาปรากฏตัวในนิทรรศการศิลปะของเรา นิทรรศการของเราในวันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ถ้าหากไม่รังเกียจละก็ ผมจะพาทั้งสองท่านไปเยี่ยมชม ทั้งสองท่านมีคำถามอะไร สามารถถามผมได้ครับ”

“ได้ค่ะ”

ชิวอวี่ตอบอย่างยิ้มแย้ม

หลัวเฉิงไม่ได้ปฏิเสธ

เจ้าหน้าที่ซึ่งทางนิทรรศการส่งมามีสีหน้าปลาบปลื้ม “เช่นนั้น ผมขออนุญาตแนะนำภาพวาดนี้นะครับ นี่คือผลงานของอาจารย์หยวนหลิ่ว แนวคิดหลักคือทิวทัศน์…”

“ไม่ต้องแนะนำ”

หลัวเฉิงเอ่ยเสียงแข็งโดยไม่รักษาน้ำใจ “ใครเป็นคนวาดภาพนี้ผมไม่สนใจ สีน้ำหมึกหนักขนาดนี้ กลัวว่าผมสายตาสั้นแล้วจะมองไม่ชัดงั้นหรือ”

เจ้าหน้าที่สีหน้านิ่งอึ้ง

คุณมาที่นี่เพื่อก่อกวนหรือ?

เจ้าหน้าที่นึกสาปแช่งอยู่ในใจ แต่ปากกลับไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงมองชิวอวี่เพื่อขอความช่วยเหลือ

“วาดภาพจงใจเกินไป”

ชิวอวี่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปยังภาพที่สาม

เจ้าหน้าที่ “…”

เจ้าหน้าที่ยอมจำนน ผลงานในนิทรรศการถูกปรมาจารย์ทั้งสองวิพากษ์วิจารณ์อย่างน่าสังเวช ทว่าฝูงคนกลับฟังอย่างสนุกสนาน!

“นิสัยตรงไปตรงมาของอาจารย์หลัวเฉิงแบบนี้ผมชอบ!”

“อาจารย์ชิวอวี่ไม่ได้ไว้หน้าจิตรกรเลย”

“ไว้หน้าทำไม ภาพวาดพู่กันโบราณเขาวัดกันที่ฝีมือ!”

“ถ้าศิลปินเอาแต่ยกยอปอปั้นกันอย่างเดียวสิน่าเบื่อ”

“ภาพนี้ของหยวนหลิ่วแย่จริงๆ นั้นแหละ!”

“ภาพวาดของเหรินเฟยเฟยหนักมือเกินไปอย่างที่อาจารย์ชิวอวี่บอก”

“…”

อันที่จริงหลัวเฉิงไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน ทว่าวันนี้เขารู้สึกหงุดหงิดใจอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอ้อมค้อมเฉกเช่นยามปกติ

อาจเป็นเพราะนิทรรศการศิลปะนี้มีผลงานของอิ่งจือรวมอยู่ด้วย?

เป็นเพราะลูกสาวของเขา ตอนนี้หลัวเฉิงจึงเกิดความรู้สึกที่แย่มากต่ออิ่งจือ

“คุณไม่จำเป็นต้องแนะนำภาพนี้ คงเป็นผลงานของสื่อเซียงสินะ เขาชอบวิธีสร้างสรรค์ผลงานด้วยสีน้ำมันผสมกับภาพวาดพู่กันโบราณ ไอเดียใช้ได้ เพียงแต่ทำออกมาได้เละเทะ”

เนื่องจากเขาอารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นภาพที่สาม หลัวเฉิงจึงเลือกที่จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา

“ข้อดีก็ยังมีอยู่หรอก แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นไปตามที่คุณพูดจริงๆ ”

ชิวอวี่เอ่ยขึ้นขึ้น เธอพอจะสัมผัสได้ว่าหลัวเชิงอารมณ์ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ

ตราบใดที่คำวิจารณ์นั้นสมเหตุสมผล

เดินต่อไป

วิพากษ์วิจารณ์ต่อไป

วันนี้หลัวเฉิงอยู่แนวหน้า เขาระบุข้อบกพร่องได้ทันทีที่เขาเปิดปาก

“การเลียนแบบธรรมชาติจะได้เพียงความงาม ไม่ได้จิตวิญญาณ”

“กระจัดกระจาย ผลงานไม่มีจุดโฟกัส”

“กล้ามเนื้อของกระต่ายตัวผู้และกระต่ายตัวเมียแข็งไปสักหน่อย”

“เป็นภาพสัตว์อีกแล้ว หงส์ฟ้าตัวนี้วาดสู้ลูกสาวผมไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“…”

ชิวอวี่ซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวเสริม แต่กลับไม่ได้เป็นคำพูดเชิงบวกเช่นเดียวกัน

เจ้าหน้าที่เหงื่อตก

หากภาพวาดทั้งหมดนี้ถูกยอดฝีมือทั้งสองตำหนิ นิทรรศการศิลปะนี้จะต้องพัง ม่เป็นท่าอย่างแน่นอน

หลังจากนี้นิทรรศการยังจะเปิดให้เข้าชมอีกสองวัน!

ชคดีที่หลัวเฉิงไม่ได้จงใจมาสร้างปัญหา และเขาไม่ได้จ้องจับผิด การวิจารณ์ของเขามีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง แต่ก็ยังมีเนื้อหาที่มีประโยชน์

เมื่อภาพ ‘พยัคฆ์ลงเขา’ ภาพหนึ่งปรากฏเบื้องหน้าหลัวเฉิง ในที่สุดเขาก็หยุดตำหนิ

“น่าสนใจทีเดียว”

เขามองดูอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นเบาๆ

เจ้าหน้าที่ได้ฟังดังนั้น พลันรู้สึกราวกับรอดชีวิตจากภัยพิบัติ รีบร้อนเอ่ยขึ้น

“นี่คือผลงานของอาจารย์อวี๋เหลียนครับ ภาพนี้…”

“ไม่ต้องแนะนำ พวกเรารู้แล้ว”

ชิวอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทักษะของอวี๋เหลียนก้าวหน้าไปเร็วมาก ครั้งสุดท้ายเขาก็วาดภาพเสือ แถมยังได้รางวัล น่าเสียดายที่เขามุ่งเน้นไปที่ความอลังการจนลืมความมีชีวิตชีวาของภาพไป”

“รางวัลนั้นเขาสมควรได้รับ”

หลัวเฉิงเอ่ย “แต่เป็นเพราะคู่แข่งที่เขาเจอในครั้งนั้นเป็นศิลปินที่ไม่ค่อยรู้ประสา”

ชิวอี้พยักหน้า

หลัวเฉิงพยักหน้า รอยยิ้มที่หาดูได้ยากปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“แต่ภาพวาดของอวี้เหลียนในวันนี้ไม่เลวจริงๆ ถึงจะยังมีนิสัยเดิมๆ ที่ยังแสวงหาความอลังการก็เถอะ แต่ผลงานของเขาก็น่าจะเป็นชิ้นที่ดีที่สุดในนิทรรศการศิลปะวันนี้ หรือว่าผลงานชิ้นเยี่ยมที่เพื่อนของอาจารย์ชิวพูดถึงจะเป็นชิ้นนี้?”

“ฉันไม่แน่ใจ”

ชิวอวี๋ขมวดคิ้วมุ่น คือภาพวาดชิ้นนี้หรือ?

เธอไม่คิดว่าภาพวาดนี้ควรค่าแก่การเดินทางมาเห็นด้วยตนเองถึงที่นี่

ถึงแม้เพื่อนคนนั้นของเธอจะอยู่ในระดับปานกลาง ทว่าสุนทรียภาพททางศิลปะและรสนิชมในการเสพผลงานนั้นอยู่ในระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน

“งั้นรอดูกันต่อไป”

หลัวเฉิงเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง ต่อให้เป็นภาพวาดของอวี๋เหลียน ก็หยุดเขาได้เพียงสามนาทีเท่านั้น

และภาพวาดสามสี่ภาพต่อมากลับทำให้หลัวเฉิงขมวดคิ้วอีกครั้ง

ขณะที่เขากำลังจะหมดความอดทน อยากเอ่ยถามลูกสาวไปตามตรงว่าภาพวาดของอิ่งจืออยู่ที่ไหน

ทันใดนั้นชิ้นงานหนึ่งซึ่งอยู่ตรงหน้าก็ดึงดูดความสนใจของหลัวเฉิง

“เอ๊ะ?”

ขณะที่ความสนใจของหลัวเฉิงถูกดึงดูดไว้ ชิวอวี่ก็เห็นภาพนี้เช่นเดียวกัน

นี่คือภาพดอกไม้และนก

มีดอกไม้สีเหลืองอ่อนอยู่ในภาพ

ผีเสื้อกระพือปีกเหนือหมู่เกสร

ผีเสื้อรักบุปผา!

ทั้งที่การจัดองค์ประกอบภาพนั้นช่างเรียบง่าย แต่กลัวสะกดเธอและหลัวเฉิงได้ในทันที!

“ช่างเป็นการใช้สีที่วิเศษจริงๆ ดอกไม้ไม่ได้ถูกสลักออกมาอย่างละเอียดลออ แต่กลับให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าในภาพสามารถส่งกลิ่นหอมของดอกไม้ออกมาได้”

ชิวอวี่เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ไหว

ฝูงชนด้านหลังเริ่มโกลาหลขึ้นมาทันใด

ก่อนหน้านี้ หลัวเฉิงเป็นผู้พูด ส่วนชิวอวี่กล่าวเสริม

นี่เป็นครั้งแรกที่ชิวอวี่ออกตัววิจารณ์ภาพวาด และเป็นคำวิจารณ์ที่ดีมากนับตั้งแต่เริ่มต้น

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ หลัวเฉิงพยักหน้าเช่นกัน

“ความงามและความสดชื่นของธรรมชาติทำให้ดูเหมือนผีเสื้อตัวนี้จะบินออกมาจากภาพ วาดภาพพู่กันโบราณถึงขั้นให้ความรู้สึกราวกับมีชีวิตจริงได้แบบนี้ ไม่ธรรมดา!”

“ดีกว่าของอวี๋เหลียน”

“อื้ม ดูเหมือนว่าผมจะด่วนสรุปง่ายไปสักหน่อย ผลงานที่ดีที่สุดในวันนี้คงจะเป็นผีเสื้อรักบุปผาชิ้นนี้”

หลัวเฉิงเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่ง

ทันใดนั้นเอง

ความฮือฮาของฝูงชนยิ่งชัดเจนขึ้น

ทุกคนต่างเริ่มดูภาพเขียนอย่างตั้งใจ

ผลปรากฏว่าทันทีที่ดู สายตาของหลายคนราวกับถูกมนตร์สะกดของภาพนี้ดึงดูดไว้!

ไม่ควรพูดว่าคนกลุ่มนี้เสแสร้งแกล้งชอบภาพวาดพู่กันโบราณ

ถ้าทำไปเพียงเพราะเสแสร้ง พวกเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางมาชมนิทรรศการศิลปะในวันที่อากาศร้อนระอุถึงขนาดนี้ก็ได้

พวกเขามีความสามารถในการเสพผลงานในระดับหนึ่งจริงๆ !

และผู้ที่สามารถเสพและซาบซึ้งกับผลงานในระดับหนึ่งย่อมมองออกถึงความไม่ธรรมดาของภาพนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมองดูด้วยความพินิจพิจารณา!

“ภาพนี้สวยมาก!”

“ผีเสื้อตัวนี้สวยมาก!”

“ทำได้ยังไง เห็นชัดๆ ว่าดอกไม้สุดจะเรียบง่าย แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกสุกเอาเผากิน ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากๆ !”

“เฉียบขาด!”

“ดีกว่าภาพพยัคฆ์ลงเขาอีก!”

“อาจารย์หลัวเฉิงพูดถูก นี่สิควรจะเป็นผลงานที่ดีที่สุดในวันนี้!”

“ใครเป็นคนวาดน่ะ”

“ด้านล่างมีคำอธิบาย!”

“…”

มีคำอธิบายอยู่ใต้ภาพวาดแต่ละภาพก็จริง แต่ตัวอักษรนั้นมีขนาดเล็กมาก จำเป็นต้องขยับเข้าไปดูใกล้ๆ จึงจะมองเห็น

นั่นก็เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพวาดก่อนที่จะเห็นข้อมูลของศิลปิน ไม่เช่นนั้นอาจบดบังความงดงามของภาพได้

“ทุกท่านครับ!”

ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็มองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง!

เขาไม่คาดคิดว่าภาพวาดที่เรียบง่ายเช่นนี้จะดึงดูดคำชื่นชมจากทุกคนได้

ดีเหลือเกิน!

กอบกู้นิทรรศการศิลปะครั้งนี้ได้แล้ว!

เมื่อเห็นว่าทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับศิลปินผู้วาด และอยากขยับเข้ามาดูใกล้ๆ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ยืดอก

“ไม่จำเป็นต้องขยับเข้ามาอ่านครับทุกท่าน ภาพนี้คือผลงานผีเสื้อรักบุปผาของอาจารย์อิ่งจือ อาจารย์อิ่งจือเป็นนักเขียนการ์ตูน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผยแพร่ภาพวาดพู่กันโบราณของเขาต่อสาธารณะ”

เสียงของเจ้าหน้าที่ดังกังวาน!

ราวกับรู้สึกความภาคภูมิใจอยู่บ้าง!

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองต่างเอ่ยชื่นชมภาพนี้ ทำให้เขาเกิดความมั่นใจขึ้นมาเต็มเปี่ยม!

อย่างไรก็ตาม

ทันทีที่เขาพูดจบ พื้นที่โดยรอบก็เงียบลงในชั่วพริบตา!

แกร็กๆๆ !

สีหน้าซึ่งกำลังมองมานับไม่ถ้วนนิ่งค้างราวกับถูกแช่แข็ง!

บางคนถึงกับสงสัยว่าตนฟังผิดไปหรือเปล่า!

น่าเสียดาย

พวกเขาไม่ได้ฟังผิด

มีคนมองเห็นตัวอักษรเล็กๆ บนคำอธิบาย

คำว่า ‘อิ่งจือ’ ในคำอธิบายใต้ภาพนั้นระบุได้ไม่ยาก

นี่คือผลงานของอิ่งจือ!?

ตนเพิ่งชื่นชมผลงานไปเมื่อกี้เอง!?

ใบหน้าของหลัวเฉิงแดงก่ำขึ้นมาทันใด ขยับเท้าและถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างอึดอัด!

สายตาของเขาฉายแววละอายและขุ่นเคืองใจ!

ชั่วครู่หนึ่ง เหตุการ์ฉากนี้ก็แลดูพิลึกสุดขีด!

“…”

ทำไมจู่ๆ ถึงเงียบไปล่ะ?

เจ้าหน้าที่มองดูปฏิกิริยาของทุกคนด้วยความสับสน

ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?

“ฮ่าๆ”

ท้ายที่สุด หลัวเวยซึ่งอยู่ห่างออกไปก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้

นับตั้งแต่เดินมายังภาพวาดผีเสื้อรักบุปผา หลัวเวยก็สังเกตสีหน้าของพ่อมาโดยตลอด

ในเวลานี้ เธอได้เห็นสีหน้าที่บึ้งตึงของของพ่อแล้ว

แน่นอน

เธอยังสังเกตเห็นสีหน้าบูดเบี้ยวของบรรดาผู้ที่ชื่นชอบจิตรกรรมซึ่งกล่าวโจมตีอิ่งจือก่อนหน้านี้

ใครให้พวกคุณดูถูกอาจารย์ของฉัน!

หลัวเวยรู้สึกกระหยิ่มใจอย่างอดไม่ได้!

อันที่จริงหลัวเวยมีภาพกุ้งหกตัวซึ่งวาดโดยหลินเยวียนอยู่ที่บ้าน แต่เธอไม่ได้หยิบออกมาให้คนอื่นเห็น เพราะเมื่อก่อนอาจารย์มีความตั้งใจว่าจะไม่เป็นจุดสนใจ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป

รอพ่อกลับบ้านไปฉันจะนำออกมาให้เขาดู!

เมื่อถึงตอนนั้น สีหน้าของพ่อจะต้องน่าสนใจกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะภาพผีเสื้อรักบุปผานี้ สำหรับเขาแล้ว ไม่ได้นับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอะไรนัก!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด