Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 795 เขียนเรื่องสั้นเรื่องไหนต่อไปดี?

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 795 เขียนเรื่องสั้นเรื่องไหนต่อไปดี? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 795 เขียนเรื่องสั้นเรื่องไหนต่อไปดี?

……….

แทนที่จะรอปลา มิสู้กลับบ้านไปถักแห?

สับสนไปหมด

แน่นอนว่านั่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียใจที่ไม่อาจเป็นนักร้องได้

หลินเยวียนเดบิวต์ภายใต้ชื่อเซี่ยนอวี๋ เพียงเพราะเขาชอบประโยคนี้จริงๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเยวียนได้อ่านการตีความของชาวเน็ต แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนั้นตนเองมีความคิดเช่นนี้หรือเปล่า?

สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก!

เอาเถอะ

ไม่มีเลย

คำว่าหลินเยวียนกับหลินเยวียนที่ว่า

เป็นการเล่นคำพ้องเสียงที่ธรรมดาๆ เท่านั้น!

หลินเยวียนชื่นชอบประโยคนี้จริงๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าชื่อ ‘เซี่ยนอวี๋’ ฟังดูดีทีเดียว

แต่ชาวเน็ตกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น!

หลังจากได้ฟังการตีความของเยี่ยนจื่อ รวมกับเรื่องราวในชีวิตของเซี่ยนอวี๋ ทุกคนยิ่งขบคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าสมเหตุสมผลมากเท่านั้น!

นี่คือความจริง!

ต้องเป็นความจริงแน่ๆ !

ไม่นานนัก

การตีความเกี่ยวกับเซี่ยนอวี๋ในครั้งนี้ ก็โด่งดังไปพร้อมกับประโยคว่า ‘แทนที่จะรอปลา มิสู้กลับบ้านไปถักแห’!

ชาวเน็ตนับไม่ถ้วนส่งต่อ!

ทุกสิ่งล้วนสอดคล้องกับประโยคนี้อย่างลงตัว และกลายเป็นวงโคจรที่สมบูรณ์แบบ!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…

ชาวเน็ตต่างซาบซึ้งกับเนื้อหาที่พวกเขาจินตนาการไว้!

บนโลกออนไลน์มีเสียงว่า ‘สงสารเซี่ยนอวี๋’ ดังระงม!

‘ร้องไห้แล้ว’

‘มีน้ำตานิดหน่อย’

‘พ่อเพลงอวี๋ลำบากมากเลย’

‘นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกประทับใจกับชื่อในวงการ!’

‘บางทีอาจเป็นเพราะอุปสรรคเช่นนี้ ทำให้พ่อเพลงอวี๋พัฒนาความสามารถเฉพาะตัวของเขาเอง!’

‘ราชวงศ์ปลา หรือแม้แต่นักร้องที่ร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋ เซี่ยนอวี๋เป็นคนเลือกเองทุกคน!’

‘ในเมื่อฉันร้องเพลงเองไม่ได้ ก็ให้นักร้องเก่งๆ ของบลูสตาร์มาร้องเพลงของฉัน’

‘พอคิดแบบนี้แล้ว รู้สึกว่าพ่อเพลงอวี๋ก็โหดจริงๆ !’

‘การถอยกลับบ้านของพ่อเพลงอวี๋ ทำให้นักร้องหลายคนประสบความสำเร็จ!’

‘แม้แต่สวรรค์ก็ทนไม่ไหว สุดท้ายแล้วต้องประทานเสียงกลับคืนให้พ่อเพลงอวี๋ ’

‘…’

ระบบบอกว่าน่าหงุดหงิดใจมาก

ดูเหมือนว่าใครๆ ก็ชื่นชอบการตีความรูปแบบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวดรามา เป็นอะไรที่ซึ้งใจชาวบลูสตาร์ไปเต็มๆ

สื่อแทบถูกล้างสมองด้วยการตีความนี้ พวกเขาต่างแข่งขันกันรายงานข่าวนี้

หัวข้อข่าวจำพวก [ความหมายเบื้องหลังชื่อเซี่ยนอวี๋จะทำให้คุณต้องหลั่งน้ำตา] นั้นผุดขึ้นมาไม่รู้จบ

แน่นอน

ไม่ใช่ทุกสิ่งจะจริงจังและซาบซึ้งเสมอไป

ขณะเดียวกัน ก็มีชาวเน็ตกวนประสาทไม่น้อยหยอกล้อหลังจากได้อ่านการตีความนี้

‘เซี่ยนอวี๋: ผมลำบากจริงๆ เป็นนักร้องไม่ได้ เป็นได้แค่พ่อเพลง’

‘เซี่ยนอวี๋: บทภาพยนตร์พวกนี้ห่วยจริงๆ ผมเขียนเองเลยแล้วกัน ถือว่าเป็นการกลับไปถักแหหาปลา’

‘เซี่ยนอวี๋: กฏเดิม ถ้าคุณไม่มีเกมที่สนใจจริงๆ ก็ออกแบบเกมสนุกๆ ออกมาเองซะเลย’

‘เซี่ยนอวี๋: ไม่มีนักร้องคนไหนที่ทำให้ผมพอใจได้ 100% ไม่เป็ไร ผมซ่อมเสียงตัวเองแล้วร้องเองเลยดีกว่า’

‘เซี่ยนอวี๋: …’

ประโยคว่า ‘แทนที่จะรอปลา’ ถูกคนกลุ่มนี้แซวจนเสีย

หลินเยวียนไม่คาดคิดเลยว่าแม้แต่การออกแบบเกมก็สามารถนำไปเชื่อมโยงกับประโยคนี้ได้

สิ่งที่หลินเยวียนยิ่งไม่คาดคิดก็คือ…

ดูเหมือนว่าแม้แต่ครอบครัวของเขาได้อ่านการตีความคำว่า ‘เซี่ยนอวี๋’ และเชื่ออย่างสนิทใจ!

ขณะนี้คือช่วงเที่ยงวัน

หลินเยวียนกำลังรับประทานอาหารกลางวันกับครอบครัว

ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าต้าเหยาเหยากำลังกินผักเงียบๆ อย่างผิดปกติ

“ทำไมไม่กินเนื้อล่ะ”

หลินเยวียนคุ้นเคยกับการแย่งชิงเนื้อกับน้องสาว แต่จู่ๆ ก็เห็นว่าเธอกินผักด้วยตัวเอง ก็รู้สึกราวกับว่าพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก

ครั้งสุดท้ายที่น้องสาวรู้งานขนาดนี้ คือตอนที่หลินเยวียนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเนื่องจากอาการป่วย

“พี่กินเนื้อสิ”

เหยาเหยาออกตัวคีบเนื้อให้หลินเยวียน

หลินเยวียนหันไปมองแม่

แม่จะต้องให้เขากินผักอย่างแน่อน

ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ แม่ก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “กินเนื้อเยอะๆ วันนี้ไม่จะไม่บังคับให้ลูกกินผัก”

พี่สาวซึ่งอยู่ด้านข้างยิ้ม “น้องชายของฉันเก่งจริงๆ ”

“โฮ่งๆ ”

หนานจี๋เข้ามาคลอเคลียขากางกางของหลินเยวียน

หลินเยวียน “…”

มีอะไรผิดปกติกับฉัน หรือมีอะไรผิดปกติกับคนอื่น?

หลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว

หลินเยวียนมายังบริษัท ทั้งยังพบกับเจิ้งจิงและหยางจงหมิง

“เสี่ยวอวี๋สู้ๆ นะ!”

เจิ้งจิงยกกำปั้นขึ้น พลางพูดกับหลินเยวียน

หยางจงหมิงซึ่งอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “คุณทำได้ดีมาก”

เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน

หลินเยวียนเห็นใบชาหลายกล่องกองอยู่บนโต๊ะ

กู้ตงกระซิบว่า “ประธานกรรมการเพิ่งส่งมา บอกว่าเป็นชาใหม่ของปีนี้ ให้คุณลองชิมดูค่ะ”

หลินเยวียน “???”

มีบางอย่างผิดปกติกับโลกนี้

……

ใช้เวลาหลายวันกว่าความรู้สึกผิดปกติประเภทนี้จะหายไป

ชีวิตของทุกคนกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ

ในที่สุดหลินเยวียนก็หลุดพ้นจากบรรยากาศอันอึดอัดนี้แล้ว

ในวันนี้

หลินเยวียนมายังสตูดิโอ

จินมู่สาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว “บล็อกโทรหาผม และบอกว่าขอให้คุณลงมือ!”

หลินเยวียนเอ่ยถาม “ลงมืออะไรครับ”

จินมู่เอ่ยตอบ “คุณยังจำได้ไหมว่าในช่วงหนึ่งทางปู้ลั่วจะมีประเพณีในการแข่งขันนิยายสั้น”

หลินเยวียนพยักหน้า

เมื่อก่อนเคยเขียนเรื่องสั้นในปู้ลั่วมาไม่น้อย และได้รับผลตอบแทนมาบ้าง แต่เขาไม่เคยแตะเรื่องสั้นอีกเลย

“เรื่องสั้นดึงดูดผู้ใช้งานให้กับปู้ลั่วได้ไม่น้อยเลย”

จินมู่พูดต่อ “บล็อกของเราได้เรียนรู้รูปแบบของปู้ลั่ว และจัดการแข่งขันนิยายสั้น ถึงแม้ผลลัพธ์จะสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ แต่ยังพอแย่งปริมาณการเข้าใช้งานจากคู่แข่งได้มาก แต่ช่วงนี้กลับมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย…”

“เรื่องยุ่งยากอะไร?”

“เฟยหงจะลงมือแล้ว!”

“เฟยหง”

หลินเยวียนตะลึง

เขาเคยได้ยินชื่อนี้

วงการเรื่องสั้นมีฉินโจวมีสามอาชาไนย

สามคนได้แก่ จางฉิน เฟยหง และเฝิงหวา

หลินเยวียนเคยประมือกับเฝิงหวาซึ่งเป็นหนึ่งในสามอาชาไนย

เขาคือนักเขียนเรื่องสั้นที่ฝีมือยอดเยี่ยมมาก

แต่ในการจัดอันดับนักเขียนเรื่องสั้น เฟยหงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเฝิงหวาเสียอีก

“ถ้าดูจากการจัดอันดับอิทธิพลในหมู่นักเขียนเรื่องสั้น ตอนนี้เฟยหงกลายเป็นมือหนึ่งในวงการเรื่องสั้นของฉินโจวแล้วครับ ในอดีตมือหนึ่งของวงการเรื่องสั้นของฉินโจวคือฉางฉิน แต่ฉางฉินอายุมากแล้ว วางปากกาไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน อิทธิพลของเขาถูกเฟยหงแซงหน้า ปู้ลั่วเชิญมาออกโรง จะต้องดึงดูดผู้เข้าชมได้มากทีเดียว ตอนนี้นักเขียนเรื่องสั้นคนเดียวที่อยู่ในระดับเดียวกันและบล็อกสามารถพึ่งพาได้คือคุณ”

“ตอนนี้ผมอยู่อันดับที่เท่าไหร่”

“สิบครับ”

หลินเยวียนเข้าอินเทอร์เน็ตค้นหารายชื่อนักเขียนเรื่องสั้น และเขาเห็นชื่อ ‘ฉู่ขวง’ อยู่ในลำดับที่สิบ

“อันดับผมยังไม่หล่นอีกเหรอ?”

หลินเยวียนประหลาดใจอยู่บ้าน ปัจจุบันนี้ทั้งห้าทวีปผนวกรวม ตามหลักแล้วอันดับของเขาควรลดลง

จินมู่ตอบอย่างยิ้มแย้ว “ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ถึงคุณจะมีเรื่องสั้นไม่กี่เรื่อง แต่อิทธิพลของเรื่องสั้นเรื่องก่อนๆ ของคุณยังคงแผ่ขยายและเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพวกเรื่องสร้อยคอที่ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ต่อให้ผ่านไปนานก็ยังคงเป็นที่จดจำของผู้คนเสมอ”

หลินเยวียนกระจ่างในทันที

เป็นแบบนี้นี่เอง

ผลงานอย่างเรื่องสร้อยคอที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่งโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

เช่นเดียวกับการจัดอันดับฤดูกาลเพลง บทเพลงอันดับหนึ่งอาจไม่ใช่เพลงที่ผู้คนจดจำเสมอไป

เพลงบางเพลงอาจไม่ทำผลงานได้ปานกลางเมื่อเปิดตัว ทว่าหลายปีต่อมาเมื่อเอ่ยถึงเพลงนี้ ผู้คนกลับยังคงจดจำได้

นิยายก็เช่นเดียวกัน

บางทีเรื่องสั้นที่ยอดเยี่ยมเรื่องอื่นๆ ก็สามารถทำสถิติได้ในระดับเดียวกับเรื่องสร้อยคอขณะที่เพิ่งเปิดตัวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ผ่านไปอีกหลายปี ผู้คนจะยังคงจดจำสร้อยคอได้เสมอ

ขณะที่ผลงานซึ่งเคยทำผลงานได้ไม่เป็นรองสร้อยคอกลับสูญเสียความเจิดจรัสไปตามกาลเวลา

บางทีในอีกหลายปีผ่านไป อิทธิพลของผลงานอย่างเรื่องสร้อยคอก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีก

ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือผลงานชิ้นเอกของโมปัสซองต์ซึ่งได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น

นี่คือเหตุผลว่าทำไมอันดับของฉู่ขวงจึงไม่ลดลง

มองขึ้นไป

หลินเยวียนเห็นชื่อของเฟยหง[1] อยู่ในลำดับที่ห้าในการจัดอันดับนักเขียนเรื่องสั้น

ขณะเดียวกัน เฝิงหวาซึ่งเป็นหนึ่งในสามอาชาไนยกลับหล่นลงไปอยู่ในอันดับที่ 11

ถูกฉู่ขวงข่มไว้หนึ่งอันดับพอดี

นี่คือการจัดอันดับที่สมาคมวรรณศิลป์จัดขึ้น มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งยังได้รับการยอมรับจากโลกภายนอก

มิน่าล่ะหลังจากที่เฟยหงเผยแพร่ผลงานบนปู้ลั่ว บล็อกจึงตกอยู่ในสถานการณ์น่าสิ่วน่าขวาน

“ผมเข้าใจแล้ว”

ปัจจุบันนี้หลินเยวียนคือผู้ถือหุ้นของบล็อก และมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับผลประโยชน์ของบล็อก ในเวลานี้เขาจะมัวมาแอบอู้งานไม่ได้

เวลาที่ควรลงมือก็ลงมือ

ถึงเวลาที่ฉู่ขวงจะออกมายืดเส้นยืดสาย

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเรื่องของอิ่งจือ ทำให้สามตัวตนของหลินเยวียนไม่ลงรอยกับปู้ลั่วมาโดยตลอด

เขียนเรื่องสั้นเรื่องไหนต่อไปดี?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด