I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 119 รับหลินจงชิงเป็นลูกน้อง?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 119 รับหลินจงชิงเป็นลูกน้อง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คำพูดของหานจี้จวินทำให้หลิงหลานสงสัยอย่างยิ่ง เธอเลิกคิ้วน้อยๆ รอหานจี้จวินอธิบายต่อ

“เมื่อตะกี้นี้หลินจงชิงติดต่อฉุกเฉินหาฉันในโลกเสมือนจริง เขาคาดหวังว่าพวกเราจะช่วยเขาได้ เพราะว่าเขาถูกหลี่อิงเจี๋ยปิดล้อมเอาไว้แล้ว”

“ว่าไงนะ ไอ้หลี่อิงเจี๋ยนั่นยังไม่ยอมแพ้เรื่องปราบให้หลินจงชิงยอมจำนนอีกเหรอ?” หลิงหลานหมดคำพูดอยู่บ้าง หลี่อิงเจี๋ยดื้อด้านเสียจริง หลังจากที่ถูกหลินจงชิงปฏิเสธที่จะเป็นลูกน้องของเขาตั้งแต่ปีหนึ่ง หมอนี่ก็โกรธเคืองหลินจงชิงไปแล้ว คอยหาโอกาสสร้างปัญหาให้หลินจงชิง อยากให้หลินจงชิงยอมแพ้เขา แต่หลินจงชิงก็เป็นคนทานอ่อนไม่ทานแข็ง[1]ยิ่งบีบบังคับเขาก็ยิ่งไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ ดังนั้นทั้งสองคนก็เลยต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายจนถึงตอนนี้

“ช่วยไม่ได้ ตอนนี้หลี่อิงเจี๋ยขี่หลังเสือลงมาได้ยากแล้ว[2] หลังจากที่เขาชนตอกับหลินจงชิงแล้ว ความคิดจะเป็นลูกพี่ในห้องพิเศษของเขาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ตอนนี้มีเพื่อนในห้องไม่น้อยที่ปากก็ว่าเชื่อฟังแต่ใจไม่รู้สึกเคารพ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนแอบเหน็บแนมเขาว่าให้รับหลินจงชิงเป็นลูกน้องก่อนแล้วค่อยว่าถึงเรื่องอื่น ดังนั้นหลินจงชิงเลยใช้ชีวิตผ่านปีนี้ไปไม่ง่ายเลย”

หานจี้จวินมีคำพูดอีกประโยคที่ยังไม่ได้พูดออกมา อีกสาเหตุหนึ่งที่หลี่อิงเจี๋ยไม่สามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งลูกพี่ของรุ่น 4738 ได้ก็เพราะว่ามีกลุ่มพวกเขาอยู่ อันที่จริง เมื่อเปรียบเทียบกับหลินจงชินแล้ว หลี่อิงเจี๋ยเกลียดพวกเขาที่ขวางทางมากกว่า เพียงแต่ว่าแค่ฉีหลงคนเดียวก็ทำให้เขาจัดการได้ยากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลิงหลานที่แข็งแกร่งกว่าฉีหลงอีก หลี่อิงเจี๋ยที่ไม่สามารถระบายความแค้นใส่พวกเขาได้ ก็ได้แต่รังแกหลินจงชิงที่ไม่มีคนหนุนหลัง

 ท้ายที่สุดแล้ว หลินจงชิงยังประสบเภทภัยเพราะพวกเขาอยู่ดี…หานจี้จวินถอนหายใจลึกๆ ถึงแม้ว่าทางสถาบันจะพยายามลดบทบาทภูมิหลังของตระกูลพวกนักเรียนให้มากที่สุดแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งกฎระเบียบมากมายป้องกันไม่ให้เกิดสิทธิพิเศษขึ้นในหมู่นักเรียน แต่เด็กที่สามารถเข้าห้องพิเศษของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือคนไหนคือคนโง่เง่าล่ะ? ช่วงเวลาหนึ่งปีกว่ามานี้เพียงพอจะให้พวกเขาหาช่องโหวของกฎระเบียบพวกนี้เจอ ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกเลี่ยงการคุ้มกันอันแข็งแกร่งที่ทางสถาบันมอบให้นักเรียน และใช้วิธีการอื่นที่อยู่ในกฎแทนอย่างชาญฉลาด บีบพวกเด็กที่ไม่มีคนหนุนหลังให้กลายมาเป็นผู้ติดตาม ลูกน้อง หรือว่าลูกสมุนที่คอยทำงานให้…

นักเรียนส่วนใหญ่ของห้องสเปเชียลเอต่างก็เป็นเด็กที่มีคนหนุนหลัง ถึงยังไงยีนก็เป็นตัวตัดสินทุกอย่าง อัตราของเด็กจากตระกูลที่มีอำนาจสูงศักดิ์จะโดดเด่นยอดเยี่ยมนั้นมีสูงกว่า ดังนั้นในหมู่เด็กห้องสเปเชียลเอของรุ่นที่ 4738 คนที่มีภูมิหลังครอบครัวค่อนข้างธรรมดาทั่วไปมีแค่เด็กสามสี่คนเท่านั้น นอกจากหลินจงชิงที่ไม่เลือกเป็นลูกน้องใครแล้ว เด็กคนอื่นๆ ต่างก็เลือกพึ่งพาอาศัยเพื่อนในห้องที่มีพื้นฐานครอบครัวและความสามารถที่แข็งแกร่ง

ภูมิหลังครอบครัวของหลิงหลานก็ไม่นับว่าเตะตาอะไรในหมู่ผู้มีอิทธิพลร่ำรวยสูงศักดิ์ ทว่าไม่มีคนกล้ายั่วโมโหเขา สำหรับสถาบันแล้ว ภูมิหลังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ความสามารถถึงจะเป็นพื้นฐานในการยืนหยัด

ส่วนหลินจงชิงที่มาจากเขตยากจน ถึงแม้ว่าความสามารถของเขาจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น แต่สำหรับคนที่อยู่อันดับห้าแล้วสามารถจัดการเขาได้ง่ายดายมาก พูดอีกอย่างก็คือ หลินจงชิงคือหนึ่งในคนที่จัดการได้ง่ายที่สุดในหมู่เด็กห้องสเปเชียลเอทั้งหมด หลี่อิงเจี๋ยไม่ไปลงดาบใส่เขาแล้วจะให้ไปหาใครเล่า

อย่างไรก็ตาม หลินจงชิงก็รู้เช่นกันว่าเขาไม่มีคุณสมบัติไปต่อกรกับหลี่อิงเจี๋ย ดังนั้นเขาจึงเลือกอดทนเก็บเรื่องราวไว้ในใจ ไม่ว่าหลี่อิงเจี๋ยจะตั้งใจยั่วยุ ตีวัวกระทบคราด[3]ยังไงก็ เขาก็อดทนอย่างแข็งขัน นี่ทำให้หานจี้จวินนับถือความกล้ำกลืนอัปยศของเขาอย่างยิ่ง

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ถูกหาเรื่องมาตลอดเหรอ? เขาก็อดทนมาได้อย่างราบรื่นไม่ใช่เหรอ? ทำไมคราวนี้ถึงต้องการความช่วยเหลือของเราด้วยล่ะ?” หลิงหลานเป็นคนขี้สงสัย เธอรู้ดีว่าถึงแม้หลินจงชิงจะเป็นคนยากจน แต่ว่าภายในใจเป็นคนที่หยิ่งทระนงสุดขีด นอกจากเหตุการณ์สุดวิสัยแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางขอความช่วยเหลือของพวกเขาแน่นอน

หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา? ทำให้หลินจงชิงถอยจนไม่อาจถอยได้อีก? หลิงหลานลูบคางครุ่นคิดเงียบๆ

หานจี้จวินตอบกลับว่า “มันเป็นแบบนี้ หลินจงชิงบอกกับฉันว่า อีกฝ่ายใช้กฎการดวลกับศัตรูคู่แค้น ต้องต่อสู้กับเขาบนสนามประลอง ฝ่ายที่แพ้จะต้องยอมรับอีกฝ่ายเป็นเจ้านาย กลายเป็นลูกน้องของเขา การต่อสู้ชี้ขาดเป็นการต่อสู้ที่ไม่อนุญาตให้หลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากเลือกปฏิเสธ ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของสถาบันจะตัดสินว่าฝ่ายที่ปฏิเสธยอมแพ้ไปโดยอัตโนมัติ…ครั้งนี้หลี่อิงเจี๋ยฉลาด พวกเขาใช้ประโยชน์จากกฎการต่อสู้ของสถาบันแล้ว”

“หลินจงชิงตกหลุมพรางได้ยังไง? เขาระวังตัวมากๆ มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?” หลินจงชิงศึกษากฎระเบียบของสถาบันมาอย่างทะลุปรุโปร่ง ระมัดระวังไม่ไปแตะเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขามาตลอดเพื่อที่จะหลีกหนีการยั่วโมโหก่อกวนของหลี่อิงเจี๋ย ดูท่าครั้งนี้เขาจะถูกคนวางแผนเอาไว้แล้ว

“ใช่ หลี่อิงเจี๋ยหาเด็กนักเรียนห้องธรรมดามาคนหนึ่งแล้วจงใจหาเรื่องหลินจงชิงในโลกเสมือนจริง นายเองก็รู้ว่านักเรียนห้องสเปเชียลเอทุกคนต่างก็มีความทระนงตนที่เด็กห้องเอควรมี นั่นก็คือไม่ยอมถูกคนสบประมาทอยู่แล้ว ดังนั้นหลินจงชิงจึงเลือกสั่งสอนสักยก…แล้วนี่ก็คือผลที่ตามมา….”

“อัดคลิปที่ถูกสั่งสอนไว้ อัปโหลดไปออปติคัลคอมพิวเตอร์แล้วก็ยื่นคำขอรูปแบบศัตรูคู่แค้น หลังจากที่ผ่านแล้วก็ยื่นคำท้ากับหลินจงชิง ภายใต้รูปแบบศัตรูคู่แค้น หลินจงชิงจะหลีกหนีไม่ได้ เขาจะไม่ออกไปต่อสู้ไม่ได้” หลิงหลานย่อมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ดูท่า หลี่อิงเจี๋ยจะทุ่มความคิดอย่างหนักเพื่อจัดการหลินจงชิงแล้ว นอกจากนี้ยังทำภารกิจทีมของโลกเสมือนจริงได้ด้วย เขาน่าจะเป็นทีมที่สามของนักเรียนชั้นปีสองเราที่ตั้งทีมขึ้นสำเร็จ…”

 และก็มีแค่ทีมเท่านั้นถึงจะสามารถให้สมาชิกในทีมเข้าแทนที่กันได้ตามใจชอบ สุดท้ายคนที่จะดวลกับหลินจงชิงก็ไม่ใช่เด็กนักเรียนธรรมดาคนนั้นแล้ว หากแต่เป็นหลี่อิงเจี๋ย

“หมอนั่นไม่เสียดายต้นทุนเลยจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะทิ้งโควตาสมาชิกหนึ่งคนไปอย่างเสียเปล่า” หนึ่งทีมจะมีโควตาสมาชิกหกคน ถ้าเลือกสมาชิกแล้วก็จะเปลี่ยนสมาชิกทีมไม่ได้ การดำรงอยู่ของทีมคือการร่วมมือประสานการต่อสู้กันที่ทางสถาบันปลูกฝังให้กับนักเรียน และก็เพื่อปลูกฝังมิตรภาพอันแข็งแกร่งของสมาชิกทีม ทำให้พวกสมาชิกทีมได้เรียนรู้ถึงคำว่าความรับผิดชอบ รับผิดชอบซึ่งกันและกัน ร่วมมือช่วยเหลือกัน ก้าวต่อไปด้วยกัน

การเติบโตและความสามารถของสมาชิกทีมแต่ละคนยังส่งผลกระทบว่าสุดท้ายพวกเขาจะได้เข้าสู่โลกเสมือนที่แท้จริงได้เมื่อไหร่ หลังจากที่นักเรียนอายุครบสิบสามแล้วก็จะมีสิทธิท้าทายด่านสำหรับการออกไป เมื่อทำสำเร็จ ทางสถาบันศูนย์กลางลูกเสือก็จะยกเลิกการจำกัดขอบเขตของเหล่านักเรียนที่ทำสำเร็จ ให้พวกเขาเข้าไปในโลกเสมือนจริงได้อย่างอิสระ ควรรู้ไว้ว่ามีแต่ในโลกเสมือนจริงเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้สัมผัสกับการควบคุมหุ่นรบ และนี่ก็เป็นความฝันของนักเรียนสถาบันลูกเสือทุกคน การควบคุมหุ่นรบคือความฝันของเด็กๆ ทุกคน!

ดังนั้น แต่ละทีมต่างก็ให้ความสำคัญกับสมาชิกทีมอย่างยิ่ง ไม่มีทางรับคนมั่วซั่ว นอกเสียจากสมาชิกทีมจะจากไปโดยไม่คาดฝัน…ดังนั้นสมาชิกของทีมย่อมเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด ต้องเป็นเพื่อนร่วมรบที่แน่วแน่มั่นคงอยู่เป็นเพื่อนกันไปจนจบการศึกษาของสถาบันลูกเสือ

“หลินจงชิงมีความคิดเห็นยังไงล่ะ?” หลิงหลานสัมผัสได้ถึงเป้าหมายของหลินจงชิง คิ้วก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย

“เขาอยากเข้าร่วมกับพวกเรา” หานจี้จวินเอ่ยคำตอบที่หลิงหลานคิดไว้ออกมาตามที่คาดไว้จริงๆ

“ฉันไม่เห็นว่าเขาจะดีเลย” หลิงหลานไม่ได้ชอบหลินจงชิงมากนัก เธอคิดว่าหลินจงชิงสามารถอดทนได้มากเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับความอดทนยับยั้งชั่งใจด้วยความสมัครใจของหลิงหลานแล้ว เนื่องจากหลินจงชิงถูกการกดขี่จากภายนอกบีบบังคับให้เขาจำเป็นต้องอดทน ผลก็คือเขากลายเป็นคนอารมณ์ขุ่นมัว แววตามักจะดูมืดมิดยากจะเข้าใจอยู่บ้าง ถ้าให้คนแบบนี้เข้าร่วมกับพวกเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะกลายเป็นปัจจัยความไม่สงบของกลุ่มพวกเขา

หลิงหลานเตรียมตัวไว้ว่าพออายุสิบสามแล้วจะนำพาพวกฉีหลงฝ่าด่าน ดังนั้นเธอเลยไม่อยากให้มีตัวตนที่อยู่เหนือความคาดหมาย

“เขาพูดชัดเจนแล้วว่า เขาอยากเป็นลูกน้องของลูกพี่ เพราะงั้นก็เลยยินดีจะมอบความจงรักภักดีให้” หานจี้จวินกล่าวเสริม ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบหลินจงชิงมาก

หลิงหลานไม่หวั่นไหว เธอมีผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงที่พึ่งพาได้มากกว่าหลินจงชิงแล้ว

“อันที่จริง หลินจงชิงก็ไม่เลวนะ ฉันเห็นว่าการที่เขาเลือกพวกเราก็เป็นการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งรอบคอบแล้ว เขาน่าจะไม่ทรยศพวกเราหรอก ควรรู้นะว่าตอนนี้มีแค่สองกลุ่มในห้องสเปเชียลเอที่สามารถต้านทานกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยได้ หนึ่งคือกลุ่มของอู่จย่ง เยี่ยซวี่ แล้วอีกกลุ่มก็คือพวกเรา” ลั่วล่างอธิบาย “แต่ว่าอู่จย่ง เยี่ยซวี่เป็นกลุ่มของระบบรัฐบาลทหาร ตอนนี้หลินจงชิงรังเกียจผู้มีอิทธิพลอำนาจแบบนี้มากๆ ดังนั้นเขาเลยไม่อยากเข้าร่วม เพราะฉะนั้นเขาก็เลยเลือกพวกเรา”

“พวกเราไม่ใช่กลุ่มของระบบรัฐบาลทหารหรือไง?” หลิงหลานเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ เธอมองหลายคนที่อยู่ตรงหน้าแวบหนึ่ง แล้วก็หัวเราะเยาะใส่สถานะของพวกเขา การคบหากันมาหนึ่งปีกว่านี้ทำให้เธอรู้ประวัติครอบครัวพวกเขา พวกฉีหลง หานจี้จวิน ลั่วล่างต่างก็เป็นลูกหลานที่มาจากระดับสูงในรัฐบาลทหาร

หลายคนหัวเราะขึ้นมา ฉีหลงหัวเราะคิกคักพลางพูดสวนว่า “แต่ลูกพี่ไม่ใช่สักหน่อย พวกเราจะเป็นกลุ่มของระบบรัฐบาลทหารหรือไม่ก็ต้องดูว่าลูกพี่มีสถานะอะไร”

หลิงหลานเกาหน้าด้วยความเก้อเขิน ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาหรือไม่ ความจริงแล้วเธอเองก็เป็นครอบครัวของระบบรัฐบาลทหารเหมือนกัน…ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าพ่อพลีชีพไปแล้ว พวกเธอก็เป็นแค่สมาชิกของครอบครัววีรบุรุษที่สละชีพเพื่อชาติธรรมดามากๆ เท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับระบบรัฐบาลทหารอีกแน่นอน ดังนั้นเธอก็เลยแนะนำตัวเองกับพวกหานจี้จวินว่ามาจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา เพียงแต่พ่อไปออกรบและสละชีพตัวเองในตอนที่เธอยังไม่เกิด

จนกระทั่งช่วงเวลาก่อนหน้านี้หลิงหลานได้รู้สถานะที่แท้จริงของหลิงเซียวพ่อของเธอ ทำให้เธอลำบากใจอย่างหาใดเปรียบ ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายสถานะของเธอให้กับพวกเพื่อนๆ ยังไงดี

“พวกนายอยากรับหลินจงชิงเหรอ?” หลิงหลานไม่ใช่คนที่ดื้อรั้นมาก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบหลินจงชิง แต่เธอยังคงตัดสินใจรับฟังความคิดเห็นของทุกคน

“อื้อ หลินจงชิงมีพรสวรรค์ที่ดีเยี่ยมมาก นอกจากนี้เขายังเรียนหนักมาก มองเห็นพัฒนาการได้อย่างชัดเจน ศึกจัดอันดับครั้งล่าสุด เขาได้เข้าไปอยู่ในสิบห้าอันดับแรก การประสบความสำเร็จในอนาคตของเขาไม่มีทางด้อยไปไหนแน่นอน ลูกพี่รับเขาเป็นลูกน้องก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อพวกเราเลย” หานจี้จวินพูดวิเคราะห์

“แต่ว่าจะต้องต่อกรกับกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยนะ” หลิงหลานใคร่ครวญว่าไปแส่หาเรื่องนี้เพื่อหลินจงชิงมันคุ้มค่าหรือเปล่า

“ไม่ใช่ว่ามันยิ่งน่าสนใจเหรอ? ไม่มีคู่แข่ง ไม่มีการแข่งขัน พัฒนาการของพวกเราก็จะช้าลงไปมากนะ” หานจี้จวินมองไปยังอีกทางด้านหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มันเป็นกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยพอดี ตอนนี้แววตาของหานจี้จวินดูเฉียบคมเล็กน้อย ไม่เหมือนกับในเวลาปกติอยู่บ้าง

หลิงหลานใจกระตุก พรสวรรค์ของฉีหลง ลั่วล่างและเธอสามคนต่างก็โน้มเอียงไปทางสายต่อสู้ ส่วนหานจี้จวินกลับไม่ใช่ เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของเขาเป็นสายสติปัญญา หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าอยากเพิ่มความสามารถของเขาจะอาศัยแค่การเรียนหรือว่าต่อสู้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยการต่อสู้ด้วยสติปัญญาความกล้าหาญกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ…

หลิงหลานคิดถึงแผนการในอนาคตของเธอ หานจี้จวินเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดแน่นอน ขอเพียงหานจี้จวินเก่งกาจขึ้นมาแล้ว เธอถึงจะสามารถทำเรื่องที่อยากทำได้สำเร็จโดยสมบูรณ์

ดังนั้นหลิงหลานเลยพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ ฉันตกลง”

…………………………………………………

[1] อุปมาว่าต้องพูดจาดีๆ เพราะๆ อ่อนน้อมถึงจะยอมคล้อยตาม

[2] อุปมาว่า เมื่อทำกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วพบกับอุปสรรคใหญ่ แต่ว่าถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำต่อไปจนถึงที่สุด จะหยุดกลางคันไม่ได้

[3] อุปมาว่าทำเป็นด่าคนนี้ แต่ความจริงด่าอีกคน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 119 รับหลินจงชิงเป็นลูกน้อง?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 119 รับหลินจงชิงเป็นลูกน้อง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คำพูดของหานจี้จวินทำให้หลิงหลานสงสัยอย่างยิ่ง เธอเลิกคิ้วน้อยๆ รอหานจี้จวินอธิบายต่อ

“เมื่อตะกี้นี้หลินจงชิงติดต่อฉุกเฉินหาฉันในโลกเสมือนจริง เขาคาดหวังว่าพวกเราจะช่วยเขาได้ เพราะว่าเขาถูกหลี่อิงเจี๋ยปิดล้อมเอาไว้แล้ว”

“ว่าไงนะ ไอ้หลี่อิงเจี๋ยนั่นยังไม่ยอมแพ้เรื่องปราบให้หลินจงชิงยอมจำนนอีกเหรอ?” หลิงหลานหมดคำพูดอยู่บ้าง หลี่อิงเจี๋ยดื้อด้านเสียจริง หลังจากที่ถูกหลินจงชิงปฏิเสธที่จะเป็นลูกน้องของเขาตั้งแต่ปีหนึ่ง หมอนี่ก็โกรธเคืองหลินจงชิงไปแล้ว คอยหาโอกาสสร้างปัญหาให้หลินจงชิง อยากให้หลินจงชิงยอมแพ้เขา แต่หลินจงชิงก็เป็นคนทานอ่อนไม่ทานแข็ง[1]ยิ่งบีบบังคับเขาก็ยิ่งไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ ดังนั้นทั้งสองคนก็เลยต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายจนถึงตอนนี้

“ช่วยไม่ได้ ตอนนี้หลี่อิงเจี๋ยขี่หลังเสือลงมาได้ยากแล้ว[2] หลังจากที่เขาชนตอกับหลินจงชิงแล้ว ความคิดจะเป็นลูกพี่ในห้องพิเศษของเขาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ตอนนี้มีเพื่อนในห้องไม่น้อยที่ปากก็ว่าเชื่อฟังแต่ใจไม่รู้สึกเคารพ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนแอบเหน็บแนมเขาว่าให้รับหลินจงชิงเป็นลูกน้องก่อนแล้วค่อยว่าถึงเรื่องอื่น ดังนั้นหลินจงชิงเลยใช้ชีวิตผ่านปีนี้ไปไม่ง่ายเลย”

หานจี้จวินมีคำพูดอีกประโยคที่ยังไม่ได้พูดออกมา อีกสาเหตุหนึ่งที่หลี่อิงเจี๋ยไม่สามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งลูกพี่ของรุ่น 4738 ได้ก็เพราะว่ามีกลุ่มพวกเขาอยู่ อันที่จริง เมื่อเปรียบเทียบกับหลินจงชินแล้ว หลี่อิงเจี๋ยเกลียดพวกเขาที่ขวางทางมากกว่า เพียงแต่ว่าแค่ฉีหลงคนเดียวก็ทำให้เขาจัดการได้ยากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลิงหลานที่แข็งแกร่งกว่าฉีหลงอีก หลี่อิงเจี๋ยที่ไม่สามารถระบายความแค้นใส่พวกเขาได้ ก็ได้แต่รังแกหลินจงชิงที่ไม่มีคนหนุนหลัง

 ท้ายที่สุดแล้ว หลินจงชิงยังประสบเภทภัยเพราะพวกเขาอยู่ดี…หานจี้จวินถอนหายใจลึกๆ ถึงแม้ว่าทางสถาบันจะพยายามลดบทบาทภูมิหลังของตระกูลพวกนักเรียนให้มากที่สุดแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งกฎระเบียบมากมายป้องกันไม่ให้เกิดสิทธิพิเศษขึ้นในหมู่นักเรียน แต่เด็กที่สามารถเข้าห้องพิเศษของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือคนไหนคือคนโง่เง่าล่ะ? ช่วงเวลาหนึ่งปีกว่ามานี้เพียงพอจะให้พวกเขาหาช่องโหวของกฎระเบียบพวกนี้เจอ ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกเลี่ยงการคุ้มกันอันแข็งแกร่งที่ทางสถาบันมอบให้นักเรียน และใช้วิธีการอื่นที่อยู่ในกฎแทนอย่างชาญฉลาด บีบพวกเด็กที่ไม่มีคนหนุนหลังให้กลายมาเป็นผู้ติดตาม ลูกน้อง หรือว่าลูกสมุนที่คอยทำงานให้…

นักเรียนส่วนใหญ่ของห้องสเปเชียลเอต่างก็เป็นเด็กที่มีคนหนุนหลัง ถึงยังไงยีนก็เป็นตัวตัดสินทุกอย่าง อัตราของเด็กจากตระกูลที่มีอำนาจสูงศักดิ์จะโดดเด่นยอดเยี่ยมนั้นมีสูงกว่า ดังนั้นในหมู่เด็กห้องสเปเชียลเอของรุ่นที่ 4738 คนที่มีภูมิหลังครอบครัวค่อนข้างธรรมดาทั่วไปมีแค่เด็กสามสี่คนเท่านั้น นอกจากหลินจงชิงที่ไม่เลือกเป็นลูกน้องใครแล้ว เด็กคนอื่นๆ ต่างก็เลือกพึ่งพาอาศัยเพื่อนในห้องที่มีพื้นฐานครอบครัวและความสามารถที่แข็งแกร่ง

ภูมิหลังครอบครัวของหลิงหลานก็ไม่นับว่าเตะตาอะไรในหมู่ผู้มีอิทธิพลร่ำรวยสูงศักดิ์ ทว่าไม่มีคนกล้ายั่วโมโหเขา สำหรับสถาบันแล้ว ภูมิหลังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ความสามารถถึงจะเป็นพื้นฐานในการยืนหยัด

ส่วนหลินจงชิงที่มาจากเขตยากจน ถึงแม้ว่าความสามารถของเขาจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น แต่สำหรับคนที่อยู่อันดับห้าแล้วสามารถจัดการเขาได้ง่ายดายมาก พูดอีกอย่างก็คือ หลินจงชิงคือหนึ่งในคนที่จัดการได้ง่ายที่สุดในหมู่เด็กห้องสเปเชียลเอทั้งหมด หลี่อิงเจี๋ยไม่ไปลงดาบใส่เขาแล้วจะให้ไปหาใครเล่า

อย่างไรก็ตาม หลินจงชิงก็รู้เช่นกันว่าเขาไม่มีคุณสมบัติไปต่อกรกับหลี่อิงเจี๋ย ดังนั้นเขาจึงเลือกอดทนเก็บเรื่องราวไว้ในใจ ไม่ว่าหลี่อิงเจี๋ยจะตั้งใจยั่วยุ ตีวัวกระทบคราด[3]ยังไงก็ เขาก็อดทนอย่างแข็งขัน นี่ทำให้หานจี้จวินนับถือความกล้ำกลืนอัปยศของเขาอย่างยิ่ง

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ถูกหาเรื่องมาตลอดเหรอ? เขาก็อดทนมาได้อย่างราบรื่นไม่ใช่เหรอ? ทำไมคราวนี้ถึงต้องการความช่วยเหลือของเราด้วยล่ะ?” หลิงหลานเป็นคนขี้สงสัย เธอรู้ดีว่าถึงแม้หลินจงชิงจะเป็นคนยากจน แต่ว่าภายในใจเป็นคนที่หยิ่งทระนงสุดขีด นอกจากเหตุการณ์สุดวิสัยแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางขอความช่วยเหลือของพวกเขาแน่นอน

หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา? ทำให้หลินจงชิงถอยจนไม่อาจถอยได้อีก? หลิงหลานลูบคางครุ่นคิดเงียบๆ

หานจี้จวินตอบกลับว่า “มันเป็นแบบนี้ หลินจงชิงบอกกับฉันว่า อีกฝ่ายใช้กฎการดวลกับศัตรูคู่แค้น ต้องต่อสู้กับเขาบนสนามประลอง ฝ่ายที่แพ้จะต้องยอมรับอีกฝ่ายเป็นเจ้านาย กลายเป็นลูกน้องของเขา การต่อสู้ชี้ขาดเป็นการต่อสู้ที่ไม่อนุญาตให้หลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากเลือกปฏิเสธ ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของสถาบันจะตัดสินว่าฝ่ายที่ปฏิเสธยอมแพ้ไปโดยอัตโนมัติ…ครั้งนี้หลี่อิงเจี๋ยฉลาด พวกเขาใช้ประโยชน์จากกฎการต่อสู้ของสถาบันแล้ว”

“หลินจงชิงตกหลุมพรางได้ยังไง? เขาระวังตัวมากๆ มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?” หลินจงชิงศึกษากฎระเบียบของสถาบันมาอย่างทะลุปรุโปร่ง ระมัดระวังไม่ไปแตะเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขามาตลอดเพื่อที่จะหลีกหนีการยั่วโมโหก่อกวนของหลี่อิงเจี๋ย ดูท่าครั้งนี้เขาจะถูกคนวางแผนเอาไว้แล้ว

“ใช่ หลี่อิงเจี๋ยหาเด็กนักเรียนห้องธรรมดามาคนหนึ่งแล้วจงใจหาเรื่องหลินจงชิงในโลกเสมือนจริง นายเองก็รู้ว่านักเรียนห้องสเปเชียลเอทุกคนต่างก็มีความทระนงตนที่เด็กห้องเอควรมี นั่นก็คือไม่ยอมถูกคนสบประมาทอยู่แล้ว ดังนั้นหลินจงชิงจึงเลือกสั่งสอนสักยก…แล้วนี่ก็คือผลที่ตามมา….”

“อัดคลิปที่ถูกสั่งสอนไว้ อัปโหลดไปออปติคัลคอมพิวเตอร์แล้วก็ยื่นคำขอรูปแบบศัตรูคู่แค้น หลังจากที่ผ่านแล้วก็ยื่นคำท้ากับหลินจงชิง ภายใต้รูปแบบศัตรูคู่แค้น หลินจงชิงจะหลีกหนีไม่ได้ เขาจะไม่ออกไปต่อสู้ไม่ได้” หลิงหลานย่อมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ดูท่า หลี่อิงเจี๋ยจะทุ่มความคิดอย่างหนักเพื่อจัดการหลินจงชิงแล้ว นอกจากนี้ยังทำภารกิจทีมของโลกเสมือนจริงได้ด้วย เขาน่าจะเป็นทีมที่สามของนักเรียนชั้นปีสองเราที่ตั้งทีมขึ้นสำเร็จ…”

 และก็มีแค่ทีมเท่านั้นถึงจะสามารถให้สมาชิกในทีมเข้าแทนที่กันได้ตามใจชอบ สุดท้ายคนที่จะดวลกับหลินจงชิงก็ไม่ใช่เด็กนักเรียนธรรมดาคนนั้นแล้ว หากแต่เป็นหลี่อิงเจี๋ย

“หมอนั่นไม่เสียดายต้นทุนเลยจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะทิ้งโควตาสมาชิกหนึ่งคนไปอย่างเสียเปล่า” หนึ่งทีมจะมีโควตาสมาชิกหกคน ถ้าเลือกสมาชิกแล้วก็จะเปลี่ยนสมาชิกทีมไม่ได้ การดำรงอยู่ของทีมคือการร่วมมือประสานการต่อสู้กันที่ทางสถาบันปลูกฝังให้กับนักเรียน และก็เพื่อปลูกฝังมิตรภาพอันแข็งแกร่งของสมาชิกทีม ทำให้พวกสมาชิกทีมได้เรียนรู้ถึงคำว่าความรับผิดชอบ รับผิดชอบซึ่งกันและกัน ร่วมมือช่วยเหลือกัน ก้าวต่อไปด้วยกัน

การเติบโตและความสามารถของสมาชิกทีมแต่ละคนยังส่งผลกระทบว่าสุดท้ายพวกเขาจะได้เข้าสู่โลกเสมือนที่แท้จริงได้เมื่อไหร่ หลังจากที่นักเรียนอายุครบสิบสามแล้วก็จะมีสิทธิท้าทายด่านสำหรับการออกไป เมื่อทำสำเร็จ ทางสถาบันศูนย์กลางลูกเสือก็จะยกเลิกการจำกัดขอบเขตของเหล่านักเรียนที่ทำสำเร็จ ให้พวกเขาเข้าไปในโลกเสมือนจริงได้อย่างอิสระ ควรรู้ไว้ว่ามีแต่ในโลกเสมือนจริงเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้สัมผัสกับการควบคุมหุ่นรบ และนี่ก็เป็นความฝันของนักเรียนสถาบันลูกเสือทุกคน การควบคุมหุ่นรบคือความฝันของเด็กๆ ทุกคน!

ดังนั้น แต่ละทีมต่างก็ให้ความสำคัญกับสมาชิกทีมอย่างยิ่ง ไม่มีทางรับคนมั่วซั่ว นอกเสียจากสมาชิกทีมจะจากไปโดยไม่คาดฝัน…ดังนั้นสมาชิกของทีมย่อมเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด ต้องเป็นเพื่อนร่วมรบที่แน่วแน่มั่นคงอยู่เป็นเพื่อนกันไปจนจบการศึกษาของสถาบันลูกเสือ

“หลินจงชิงมีความคิดเห็นยังไงล่ะ?” หลิงหลานสัมผัสได้ถึงเป้าหมายของหลินจงชิง คิ้วก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย

“เขาอยากเข้าร่วมกับพวกเรา” หานจี้จวินเอ่ยคำตอบที่หลิงหลานคิดไว้ออกมาตามที่คาดไว้จริงๆ

“ฉันไม่เห็นว่าเขาจะดีเลย” หลิงหลานไม่ได้ชอบหลินจงชิงมากนัก เธอคิดว่าหลินจงชิงสามารถอดทนได้มากเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับความอดทนยับยั้งชั่งใจด้วยความสมัครใจของหลิงหลานแล้ว เนื่องจากหลินจงชิงถูกการกดขี่จากภายนอกบีบบังคับให้เขาจำเป็นต้องอดทน ผลก็คือเขากลายเป็นคนอารมณ์ขุ่นมัว แววตามักจะดูมืดมิดยากจะเข้าใจอยู่บ้าง ถ้าให้คนแบบนี้เข้าร่วมกับพวกเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะกลายเป็นปัจจัยความไม่สงบของกลุ่มพวกเขา

หลิงหลานเตรียมตัวไว้ว่าพออายุสิบสามแล้วจะนำพาพวกฉีหลงฝ่าด่าน ดังนั้นเธอเลยไม่อยากให้มีตัวตนที่อยู่เหนือความคาดหมาย

“เขาพูดชัดเจนแล้วว่า เขาอยากเป็นลูกน้องของลูกพี่ เพราะงั้นก็เลยยินดีจะมอบความจงรักภักดีให้” หานจี้จวินกล่าวเสริม ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบหลินจงชิงมาก

หลิงหลานไม่หวั่นไหว เธอมีผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงที่พึ่งพาได้มากกว่าหลินจงชิงแล้ว

“อันที่จริง หลินจงชิงก็ไม่เลวนะ ฉันเห็นว่าการที่เขาเลือกพวกเราก็เป็นการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งรอบคอบแล้ว เขาน่าจะไม่ทรยศพวกเราหรอก ควรรู้นะว่าตอนนี้มีแค่สองกลุ่มในห้องสเปเชียลเอที่สามารถต้านทานกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยได้ หนึ่งคือกลุ่มของอู่จย่ง เยี่ยซวี่ แล้วอีกกลุ่มก็คือพวกเรา” ลั่วล่างอธิบาย “แต่ว่าอู่จย่ง เยี่ยซวี่เป็นกลุ่มของระบบรัฐบาลทหาร ตอนนี้หลินจงชิงรังเกียจผู้มีอิทธิพลอำนาจแบบนี้มากๆ ดังนั้นเขาเลยไม่อยากเข้าร่วม เพราะฉะนั้นเขาก็เลยเลือกพวกเรา”

“พวกเราไม่ใช่กลุ่มของระบบรัฐบาลทหารหรือไง?” หลิงหลานเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ เธอมองหลายคนที่อยู่ตรงหน้าแวบหนึ่ง แล้วก็หัวเราะเยาะใส่สถานะของพวกเขา การคบหากันมาหนึ่งปีกว่านี้ทำให้เธอรู้ประวัติครอบครัวพวกเขา พวกฉีหลง หานจี้จวิน ลั่วล่างต่างก็เป็นลูกหลานที่มาจากระดับสูงในรัฐบาลทหาร

หลายคนหัวเราะขึ้นมา ฉีหลงหัวเราะคิกคักพลางพูดสวนว่า “แต่ลูกพี่ไม่ใช่สักหน่อย พวกเราจะเป็นกลุ่มของระบบรัฐบาลทหารหรือไม่ก็ต้องดูว่าลูกพี่มีสถานะอะไร”

หลิงหลานเกาหน้าด้วยความเก้อเขิน ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาหรือไม่ ความจริงแล้วเธอเองก็เป็นครอบครัวของระบบรัฐบาลทหารเหมือนกัน…ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าพ่อพลีชีพไปแล้ว พวกเธอก็เป็นแค่สมาชิกของครอบครัววีรบุรุษที่สละชีพเพื่อชาติธรรมดามากๆ เท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับระบบรัฐบาลทหารอีกแน่นอน ดังนั้นเธอก็เลยแนะนำตัวเองกับพวกหานจี้จวินว่ามาจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา เพียงแต่พ่อไปออกรบและสละชีพตัวเองในตอนที่เธอยังไม่เกิด

จนกระทั่งช่วงเวลาก่อนหน้านี้หลิงหลานได้รู้สถานะที่แท้จริงของหลิงเซียวพ่อของเธอ ทำให้เธอลำบากใจอย่างหาใดเปรียบ ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายสถานะของเธอให้กับพวกเพื่อนๆ ยังไงดี

“พวกนายอยากรับหลินจงชิงเหรอ?” หลิงหลานไม่ใช่คนที่ดื้อรั้นมาก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบหลินจงชิง แต่เธอยังคงตัดสินใจรับฟังความคิดเห็นของทุกคน

“อื้อ หลินจงชิงมีพรสวรรค์ที่ดีเยี่ยมมาก นอกจากนี้เขายังเรียนหนักมาก มองเห็นพัฒนาการได้อย่างชัดเจน ศึกจัดอันดับครั้งล่าสุด เขาได้เข้าไปอยู่ในสิบห้าอันดับแรก การประสบความสำเร็จในอนาคตของเขาไม่มีทางด้อยไปไหนแน่นอน ลูกพี่รับเขาเป็นลูกน้องก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อพวกเราเลย” หานจี้จวินพูดวิเคราะห์

“แต่ว่าจะต้องต่อกรกับกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยนะ” หลิงหลานใคร่ครวญว่าไปแส่หาเรื่องนี้เพื่อหลินจงชิงมันคุ้มค่าหรือเปล่า

“ไม่ใช่ว่ามันยิ่งน่าสนใจเหรอ? ไม่มีคู่แข่ง ไม่มีการแข่งขัน พัฒนาการของพวกเราก็จะช้าลงไปมากนะ” หานจี้จวินมองไปยังอีกทางด้านหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มันเป็นกลุ่มของหลี่อิงเจี๋ยพอดี ตอนนี้แววตาของหานจี้จวินดูเฉียบคมเล็กน้อย ไม่เหมือนกับในเวลาปกติอยู่บ้าง

หลิงหลานใจกระตุก พรสวรรค์ของฉีหลง ลั่วล่างและเธอสามคนต่างก็โน้มเอียงไปทางสายต่อสู้ ส่วนหานจี้จวินกลับไม่ใช่ เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของเขาเป็นสายสติปัญญา หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าอยากเพิ่มความสามารถของเขาจะอาศัยแค่การเรียนหรือว่าต่อสู้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยการต่อสู้ด้วยสติปัญญาความกล้าหาญกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ…

หลิงหลานคิดถึงแผนการในอนาคตของเธอ หานจี้จวินเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดแน่นอน ขอเพียงหานจี้จวินเก่งกาจขึ้นมาแล้ว เธอถึงจะสามารถทำเรื่องที่อยากทำได้สำเร็จโดยสมบูรณ์

ดังนั้นหลิงหลานเลยพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ ฉันตกลง”

…………………………………………………

[1] อุปมาว่าต้องพูดจาดีๆ เพราะๆ อ่อนน้อมถึงจะยอมคล้อยตาม

[2] อุปมาว่า เมื่อทำกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วพบกับอุปสรรคใหญ่ แต่ว่าถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำต่อไปจนถึงที่สุด จะหยุดกลางคันไม่ได้

[3] อุปมาว่าทำเป็นด่าคนนี้ แต่ความจริงด่าอีกคน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+