I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 149 ค้นหาคำตอบ!
ในขณะที่หัวหน้าทีมคิดจะล็อกเป้าไปยังหุ่นรบของหลิงหลานนั้น เขาก็เห็นส่วนเอวของหุ่นรบตัวนั้นบิดด้วยท่วงท่าที่ประหลาดสุดขีด ทันใดนั้นเองจากที่ตอนแรกมันบินมุ่งหน้าก็เปลี่ยนทิศทางไปหนึ่งร้อยแปดสิบองศาฉับพลัน
ควรรู้ไว้ว่าการเปลี่ยนทิศทางของหุ่นรบต้องอาศัยการอ้อมตัวเลี้ยวกลับไปเป็นรูปครึ่งวงกลม หรือไม่ก็เลือกดับเครื่องยนต์ จากนั้นก็หันตัวแล้วค่อยติดเครื่องยนต์ใหม่ ถึงแม้ว่าวิธีการแรกจะรักษาความเร็วไว้ได้ แต่ไม่สามารถทำได้ทันที ส่วนวิธีหลังถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนได้ทันที แต่ก็สูญเสียความได้เปรียบเรื่องความเร็วไป
อย่างไรก็ตาม การควบคุมเช่นนี้ของหลิงหลานกลับสยบจุดอ่อนของสองอย่างนี้ไปได้ และรักษาจุดเด่นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ นี่เป็นวิธีการควบคุมเฉพาะของระบบดาวแมนโดราที่หลิงหลานเรียนกับอาจารย์หมายเลขสามในมิติการเรียนรู้ แน่นอนว่าจากคำพูดของอาจารย์หมายเลขสาม วิธีการบังคับนี้เป็นวิธีการธรรมดาและมีตำหนิอยู่ เนื่องจากหุ่นรบของโลกนี้ดูง่ายๆ และหยาบอยู่บ้าง มีวิธีการควบคุมระดับสูงมากมายที่ไม่สามารถแสดงบนตัวหุ่นรบได้จริง
หัวหน้าทีมเห็นอีกฝ่ายใช้ท่วงท่าบิดที่ประหลาดสุดขีดทำให้หุ่นรบเปลี่ยนทิศทาง และรักษาความเร็วไว้พุ่งเข้าใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าทีมตะโกนขึ้นมา นี่เป็นการฝ่าฝืนหลักการควบคุมหุ่นรบโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากเสี่ยวซื่อรู้ว่าท่วงท่านี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามตกตะลึงแบบนี้ละก็ เขาจะต้องแหงนหน้ามองฟ้าหัวเราะยาวๆ ด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งแน่นอน เพราะว่านี่เป็นผลผลิตของดาวแมนโดราของพวกเขา ควรทราบไว้ว่าทางฝั่งพวกเขามีคำพูดประโยคหนึ่งที่เลื่องลือไปทั่วจักรวาล นั่นก็คือ เมื่อแมนโดราเคลื่อนไหว ผู้ใดจะต่อกร?
บางทีการควบคุมของหลิงหลานอาจจะเหนือกว่าที่หัวหน้าทีมจินตนาการไว้ เขายังเตรียมตัวไม่พอก็ถูกหลิงหลานพุ่งมาถึงตรงหน้าได้อย่างสบายๆ และจะชนกันในวินาทีถัดมา
แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นหัวหน้าของทีมหุ่นรบไพ่ราชาซึ่งเป็นสมาชิกหุ่นรบไพ่ราชาเช่นเดียวกัน คุณสมบัติทางจิตใจรวมไปถึงประสบการณ์ของเขาดีกว่าอีกสองคนมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะความสามารถในการปรับตัวเป็นสิ่งที่เขาช่ำชองมาก
หัวหน้าทีมไม่ได้เลือกหลบออกด้วยความตื่นตระหนกเหมือนกับโกโต้คุงที่เป็นคู่ต่อสู้คนแรกของหลิงหลาน หากแต่ดับเครื่องยนต์ขับเคลื่อนอย่างเยือกเย็น หุ่นรบที่ไม่มีแรงผลักดันจากเครื่องยนต์ก็ร่วงลงสู่พื้นฉับพลันเนื่องจากน้ำหนักตัวของมัน
เมื่อมันร่วงลงไปได้ประมาณครึ่งตัวของหุ่นรบ เขาก็เปิดใช้งานเครื่องยนต์อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันร่างกายส่วนบนของหุ่นรบก็เอียงแหงนขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็ว มือซ้ายยกมีดคลื่นแม่เหล็กขึ้นสูงและแทงไปที่ห้องคนขับของหุ่นรบสหพันธรัฐตัวนั้นซึ่งพุ่งมาถึงจุดที่เขาอยู่แต่เดิม
แน่นอนว่า ต่อให้แทงเข้าก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรที่ถึงแก่ชีวิตให้อีกฝ่ายได้เลย มากสุดก็ทำได้เพียงสั่นสะเทือนจนงุนงงไปชั่วขณะ แต่สิ่งที่เขาต้องการก็คือเรื่องนี้ ขอเพียงการควบคุมของฝ่ายตรงข้ามเกิดการหยุดชะงัก เขาก็จะมีเวลาให้โต้กลับ
อย่างไรก็ตาม นั่นคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีความเป็นไปได้สูงว่าแทงเข้าไปแล้วก็ยังไม่อาจสั่นสะเทือนอีกฝ่ายจนวิงเวียนได้เหมือนกัน ตรงกันข้ามอาจจะทำให้อีกฝ่ายมีโอกาสโจมตีประชิดตัว สุดท้ายก็ไปถึงขั้นบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่
แต่ไม่ว่าวิธีไหน เขาก็ไม่เสียเปรียบ เนื่องจากด้านหลังเขายังมีเพื่อนร่วมทีมอยู่ ต่อให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย เพื่อนร่วมทีมก็สามารถกำจัดอีกฝ่ายได้เหมือนกัน
หัวหน้าทีมรู้ดีว่า เขาไม่อาจถอยร่นในสถานการณ์ตอนนี้เด็ดขาด เมื่อเขาถอยร่นแล้ว เขาก็จะสูญเสียโอกาสในการโจมตีก่อน ถูกบีบให้เป็นฝ่ายป้องกันแทน แค่เผชิญหน้ากัน เขาก็รู้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นยอดฝีมือด้านหุ่นรบ ไม่มีทางพลาดโอกาสแน่นอน จะต้องโจมตีอย่างบ้าคลั่งตามการหลบของเขาเหมือนกับเนื้อตายติดกระดูก เวลานั้น เขาก็จะเป็นอันตรายแล้วจริงๆ เมื่อประมาทหลบไม่พ้นขึ้นมา ก็อาจจะถูกฆ่าตายได้
หัวหน้าทีมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกฝ่ายทิ้งการโจมตีและเลือกหลบออกเพราะการโจมตีของเขา เช่นนี้ สถานการณ์ก็จะพลิกกลับ คนที่ได้รับโอกาสในการโจมตีก่อนก็จะเป็นเขา
เหตุการณ์ไม่ได้ดีเหมือนที่เขาคิดไว้ขนาดนั้น ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลือกหลบ แต่ก็ไม่ได้ถูกโจมตีเช่นกัน หุ่นรบของสหพันธรัฐชูมือซ้ายขึ้นมาในชั่วพริบตา จากนั้นก็ใช้มีดคลื่นแม่เหล็กต้านทานการโจมตีของเขาเช่นเดียวกัน
“เคร้ง!” มีดแหลมคมสองเล่มปะทะกันอย่างหนักหน่วง!
นี่ยังไม่จบ มือซ้ายของฝ่ายตรงข้ามชักดาบแสงออกมาจากทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หลังจากที่มือขวาสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้แล้ว มือซ้ายที่กุมดาบแสงก็เหวี่ยงดาบไปที่เอวของหุ่นรบเขา
ถ้าหากโดนการโจมตีอย่างรุนแรงนี้เข้าละก็ ต่อให้หุ่นรบเขาจะไม่ถูกฟันขาด มันก็ต้องทำลายวงจรการขับเคลื่อนด้านใน และทำหุ่นรบเกิดปัญหาได้ จนถึงขั้นเป็นไม่อาจขยับเขยื้อน ใช้การไม่ได้
ตรงมือขวาของหุ่นรบหัวหน้าทีมติดตั้งปืนใหญ่เลเซอร์ไว้ ปืนใหญ่เลเซอร์มีขนาดใหญ่โต และก็หนักมากเช่นกัน มว่าอานุภาพกลับน่ากลัวมาก ขอเพียงโดนยิงใส่ก็หลอมละลายหุ่นรบได้ทันที มันสามารให้ประสิทธิภาพถึงขั้นโจมตีทีเดียวจอด พวกเขาใช้ปืนใหญ่เลเซอร์สังหารหุ่นรบของสหพันธรัฐมานับไม่ถ้วน มันมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นยอดเยี่ยม
อาวุธชิ้นนี้น่ากลัวในฐานะที่เป็นการโจมตีระยะไกล แต่อาวุธทุกประเภทกลับมีจุดอ่อนของมัน สิ่งที่ปืนใหญ่เลเซอร์กลัวมากที่สุดคือการประชิดตัว เมื่อโดนประชิดตัว ปืนใหญ่เลเซอร์ขนาดใหญ่น้ำหนักมากก็จะกลายเป็นภาระ ไม่สามารถทำให้หุ่นรบเคลื่อนที่ว่องไวได้เลย ยกตัวอย่างเช่นหัวหน้าทีมที่ได้เจอกับสภาวะอับจนในเวลานี้
หัวหน้าทีมเป็นคนเฉียบขาดอย่างไม่ต้องสงสัย เขาตัดสินใจปลดปืนใหญ่เลเซอร์โดยพลัน ปืนใหญ่เลเซอร์ขนาดมหึมาร่วงหล่นจากฟ้ากระแทกลงบนพื้นในป่าอย่างหนักหน่วง เมื่อไม่มีปืนใหญ่เลเซอร์เป็นภาระ แขนของหุ่นรบที่คล่องแคล่วเบาสบายก็เผชิญกับดาบแสงของอีกฝ่ายทันที
เสียง ‘เคร้ง’ ดังอื้ออึง ดาบแสงปะทะเข้ากับแขนหุ่นรบอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายดีดตัวออกพร้อมกัน หุ่นรบของฮิงูเระเกิดใช้งานโล่แสงบนแขนขวาในพริบตา ทำให้การโจมตีของดาบแสงในครั้งนี้ไร้ผล
การตอบสนองอย่างเฉียบแหลมของหัวหน้าทีมทำให้เขาหลบวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างราบรื่น ส่วนผู้ควบคุมหุ่นรบชิกามารุที่เดิมทีเตรียมการซุ่มโจมตีนั้นกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา
ที่แท้ตอนที่หุ่นรบสองตัวตะลุมบอนกัน เขาไม่กล้ายิงปืนใหญ่พลังงานเลย เพราะกลัวว่าหากไม่ระวัง จะทำให้หัวหน้าทีมของตนโดนหางเลขไปด้วย
นี่ก็เป็นเหตุผลที่หลิงหลานเลือกต่อสู้ประชิดตัวกับหัวหน้าทีม ไม่อย่างนั้นต่อให้การบินไร้กฎเกณฑ์ของเธอจะร้ายกาจอีกสักแค่ไหน เมื่อเผชิญหน้ากับการซุ่มยิงของหุ่นรบสองตัวเอง เธอก็จะต้องถูกยิงในที่สุด ตอนนี้เธอจึงต่อสู้ระยะประชิดโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้นเช่นนี้เอง และทำให้หุ่นรบอีกตัวห่วงหน้าพะวงหลังทำอะไรไม่ถูก คลายวิกฤติของเธอไปชั่วคราว
แต่หลิงหลานรู้ว่า นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางให้สถานการณเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เขาจะต้องหาเวลาโจมตีแน่นอน ส่วนเธอเองก็อยากจะกำจัดหุ่นรบสักตัวก่อนที่อีกฝ่ายจะหาโอกาส และคนที่หลิงหลานเลือกคือ จัดการหุ่นรบที่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้นำตัวนี้ก่อน
หุ่นรบสองตัวดีดตัวออกทันทีที่สัมผัสกัน เครื่องยนต์สองฝั่งของหุ่นรบสหพันธรัฐส่งเสียงดังสนั่นอีกครั้ง และหยุดพลังดีดสายนี้ไว้ทันที จากนั้นก็พุ่งเข้าไปอีกและชูมือขวาขึ้น ตอนนี้หลิงหลานต้องยืนยันให้แน่ใจว่าหุ่นรบของเธอไม่ได้หลุดออกตำแหน่งตัวหุ่นรบของฮิงูเระ ไม่อย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะได้รับการซุ่มยิงระยะไกลจากหุ่นรบศัตรูอีกตัว
“บากะ!” หัวหน้าทีม ยังไม่ได้หายใจหายคอ ก็เห็นฝ่ายตรงข้ามโจมตีมาอีกแล้ว เขารีบบังคับหุ่นรบให้ชูมีดขึ้นไปรับ ปากก็อดสบถเสียงดังลั่นไม่ได้
ควรรู้ไว้ว่าการบังคับหุ่นรบให้ต่อสู้จะมีแรงสะท้อนสัดส่วนหนึ่งส่งกลับมาที่ร่างกายของผู้ควบคุมหุ่นรบโดยตรง ดังนั้นผู้ควบคุมหุ่นรบจึงชินกับการเคลื่อนไหวแล้วก็ให้ร่างกายพักผ่อนชั่วตรู่ จากนั้นค่อยทำการเคลื่อนไหวต่อ การเคลื่อนไหวติดต่อกันทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บง่ายมาก
สีหน้าของหลิงหลานที่อยู่ภายในห้องคนขับซีดเผือดลงเรื่อยๆ ภาระบนร่างกายเยอะมากเกินไปแล้ว แม้กระทั่งเสี่ยวซื่อก็กังวลว่า วินาทีถัดมาลูกพี่ของตนจะประคับประคองต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม การโจมตีความถี่สูงแบบนี้ทำร้ายร่างกายมากเกินไปแล้วจริงๆ
……
ถึงแม้ว่าสนามรบต่อสู้ของหุ่นรบจะอยู่ห่างจากจุดที่พวกฉีหลงซ่อนตัวอยู่บ้าง แต่ว่าเสียงปะทะกันอย่างดุเดือดรวมไปถึงเสียงตูมตามของปืนใหญ่ยังคงทำให้คนของทีมทั้งสองที่อยู่ในป่าตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ฉีหลง พวกเราอยู่ที่นี่จะเป็นอันตรายมากเกินไป เราไปข้างหน้าต่อกันดีกว่า อ้อมสนามรบไปซ่อนตัวในจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุดกันเถอะ” อู่จย่งคิดว่าอยู่รอเฉยๆ ที่นี่ ยังไม่สู้เสี่ยงเดินทางขึ้นหน้าต่อ บางทีอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่า
คำพูดของอู่จย่งทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป พวกหานจี้จวินมองไปทางฉีหลง รอคอยการตัดสินใจของฉีหลง ในเวลาที่หลิงหลานไม่อยู่ พวกเขาก็จะเชื่อฟังฉีหลง การที่หลิงหลานตั้งใจอบรมสั่งสอนฉีหลงให้เป็นหัวหน้าทีมนั้น ได้รับการเห็นชอบจากทุกคนแล้ว ดังนั้นต่อให้เธอไม่อยู่ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ทีมไม่มีทางไป
ฉีหลงครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวกับเหล่าสมาชิกทีมของตัวด้วยความจริงจังว่า “ฉันตัดสินใจรออยู่ที่นี่ พวกนายคิดว่าไง?”
คนอื่นๆ รวมถึงหานจี้จวินต่างรู้สึกสับสบงุนงงเพราะคำพูดของฉีหลง
“เพราะอะไร?” หานจี้จวินเอ่ยปากถาม ตัดสินใจอยู่ต่อจะต้องมีเหตุผลของฉีหลง พวกเขาอยากรู้สาเหตุก่อนค่อยทำการตัดสินใจ
ฉีหลงเงยหน้ามองไปยังหุ่นรบที่กำลังต่อสู้พัวพันอยู่บนท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไป แววตาเขาดูสับสน อย่างไรก็ตาม เขากลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว เขาหันหน้ากลับมาหาทุกคนและกล่าวว่า “ลูกพี่หลานบอกว่ากำลังจะมา ฉันต้องรอเขา”
พวกหานจี้จวินตระหนักขึ้นได้โดยพลัน เมื่อสักครู่นี้เนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติเกือบจะตายอยู่ในเงื้อมมือของหุ่นรบฮิงูเระ ทำให้พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปเลย พวกเขาทยอยกันพยักหน้า บ่งบอกว่าตัวเขาจะรอลูกพี่กับฉีหลงด้วย พวกเขาเชื่อว่าในเมื่อลูกพี่หลิงหลานบอกว่าจะรีบมา เช่นนั้นเขาจะต้องมาแน่นอน
อู่จย่งมองพวกฉีหลงอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง มีทั้งความอิจฉาและก็มีความชิงชัง เขาอิจฉามิตรภาพร่วมเป็นร่วมตายของหลิงหลานกับพวกฉีหลง และก็ชิงชังในความโชคดีของพวกเขาที่มีลูกพี่ที่ไม่สนใจอันตรายและก็มาช่วยเหลือพี่น้องของตัวเองแบบนี้
“งั้นพวกเราไปก่อนนะ” อู่จย่งหันหน้ามองไปยังเพื่อนร่วมทีมด้านหลังแวบหนึ่ง โดยเฉพาะเฉินอวี่ที่ได้รับบาดเจ็บ พวกเขารอไม่ไหวแล้ว
ฉีหลงมองส่งพวกอู่จย่งจากไป จนกระทั่งร่างพวกเขาหายลับไปแล้วถึงค่อยหันหน้ามาพูดกับพวกเพื่อนร่วมทีมว่า “พวกเราไป!”
“ไปไหน? ต้องรอลูกพี่หลานไม่ใช่เหรอ?” ลั่วล่างงุนงง
“ฉันอยากเข้าไปใกล้ๆ ดูการต่อสู้ของผู้มีพระคุณที่ช่วยเราไว้” ฉีหลงมองสนามรบที่อยู่ห่างไกลแล้วเอ่ยว่า “บางทีฉันอาจจะหาคำตอบที่ฉันต้องการได้ ไม่สิ ฉันไม่ได้ต้องการ…” คำพูดของฉีหลงดูขัดแย้งในตัวเองอยู่บ้าง
หานจี้จวินเป็นคนที่เข้าใจฉีหลงมากที่สุด เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปว่า “นายสังเกตเห็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ ฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่อยากรู้ด้วย” ฉีหลงเลี่ยงคำถามของหานจี้จวิน เขาสะพายกระเป๋าเป้และเดินมุ่งหน้าไปยังสนามรบของหุ่นรบที่อยู่ไกลๆ
หานจี้จวินมึนงง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ไปถามฉีหลงอีก เพียงแต่ส่งสัญญาณให้ลั่วล่างกับหลินจงชิงตามมา
ในเมื่อฉีหลงไม่อยากบอก เช่นนั้นเขาก็จะไม่ถาม เขาเชื่อว่า ขอเพียงตัวเองตามไปก็น่าจะหาคำตอบข้อนั้นเจอ
……
หุ่นรบสองตัวต่อสู้พัวพันกันหลายกระบวนท่า อันที่จริงเป็นหลิงหลานที่โจมตีอย่างคลุ้มคลั่ง หัวหน้าทีมกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีต่อหัวหน้าทีม ผู้ควบคุมหุ่นรบชิกามารุที่อยู่ไกลๆ ก็ยิงปืนออกไปในที่สุด
ฝีมือการยิงปืนของอีกฝ่ายแม่นมาก ต่อให้หลิงหลานต่อสู้กับอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว เธอก็ยังโดนยิง
“เปลือกนอกของหุ่นรบได้รับความเสียหายเบาๆ อานุภาพของเลเซอร์น้อยสุดขีด จากการประเมินเบื้องต้น ปืนที่อีกฝ่ายใช้คือปืนเลเซอร์รุ่นเล็ก เสี่ยวซื่อตรวจสอบหุ่นรบอย่างรวดเร็ว และตัดสินผลออกมา
……………………………..
Related
Comments
I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 149 ค้นหาคำตอบ!
ในขณะที่หัวหน้าทีมคิดจะล็อกเป้าไปยังหุ่นรบของหลิงหลานนั้น เขาก็เห็นส่วนเอวของหุ่นรบตัวนั้นบิดด้วยท่วงท่าที่ประหลาดสุดขีด ทันใดนั้นเองจากที่ตอนแรกมันบินมุ่งหน้าก็เปลี่ยนทิศทางไปหนึ่งร้อยแปดสิบองศาฉับพลัน
ควรรู้ไว้ว่าการเปลี่ยนทิศทางของหุ่นรบต้องอาศัยการอ้อมตัวเลี้ยวกลับไปเป็นรูปครึ่งวงกลม หรือไม่ก็เลือกดับเครื่องยนต์ จากนั้นก็หันตัวแล้วค่อยติดเครื่องยนต์ใหม่ ถึงแม้ว่าวิธีการแรกจะรักษาความเร็วไว้ได้ แต่ไม่สามารถทำได้ทันที ส่วนวิธีหลังถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนได้ทันที แต่ก็สูญเสียความได้เปรียบเรื่องความเร็วไป
อย่างไรก็ตาม การควบคุมเช่นนี้ของหลิงหลานกลับสยบจุดอ่อนของสองอย่างนี้ไปได้ และรักษาจุดเด่นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ นี่เป็นวิธีการควบคุมเฉพาะของระบบดาวแมนโดราที่หลิงหลานเรียนกับอาจารย์หมายเลขสามในมิติการเรียนรู้ แน่นอนว่าจากคำพูดของอาจารย์หมายเลขสาม วิธีการบังคับนี้เป็นวิธีการธรรมดาและมีตำหนิอยู่ เนื่องจากหุ่นรบของโลกนี้ดูง่ายๆ และหยาบอยู่บ้าง มีวิธีการควบคุมระดับสูงมากมายที่ไม่สามารถแสดงบนตัวหุ่นรบได้จริง
หัวหน้าทีมเห็นอีกฝ่ายใช้ท่วงท่าบิดที่ประหลาดสุดขีดทำให้หุ่นรบเปลี่ยนทิศทาง และรักษาความเร็วไว้พุ่งเข้าใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าทีมตะโกนขึ้นมา นี่เป็นการฝ่าฝืนหลักการควบคุมหุ่นรบโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากเสี่ยวซื่อรู้ว่าท่วงท่านี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามตกตะลึงแบบนี้ละก็ เขาจะต้องแหงนหน้ามองฟ้าหัวเราะยาวๆ ด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งแน่นอน เพราะว่านี่เป็นผลผลิตของดาวแมนโดราของพวกเขา ควรทราบไว้ว่าทางฝั่งพวกเขามีคำพูดประโยคหนึ่งที่เลื่องลือไปทั่วจักรวาล นั่นก็คือ เมื่อแมนโดราเคลื่อนไหว ผู้ใดจะต่อกร?
บางทีการควบคุมของหลิงหลานอาจจะเหนือกว่าที่หัวหน้าทีมจินตนาการไว้ เขายังเตรียมตัวไม่พอก็ถูกหลิงหลานพุ่งมาถึงตรงหน้าได้อย่างสบายๆ และจะชนกันในวินาทีถัดมา
แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นหัวหน้าของทีมหุ่นรบไพ่ราชาซึ่งเป็นสมาชิกหุ่นรบไพ่ราชาเช่นเดียวกัน คุณสมบัติทางจิตใจรวมไปถึงประสบการณ์ของเขาดีกว่าอีกสองคนมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะความสามารถในการปรับตัวเป็นสิ่งที่เขาช่ำชองมาก
หัวหน้าทีมไม่ได้เลือกหลบออกด้วยความตื่นตระหนกเหมือนกับโกโต้คุงที่เป็นคู่ต่อสู้คนแรกของหลิงหลาน หากแต่ดับเครื่องยนต์ขับเคลื่อนอย่างเยือกเย็น หุ่นรบที่ไม่มีแรงผลักดันจากเครื่องยนต์ก็ร่วงลงสู่พื้นฉับพลันเนื่องจากน้ำหนักตัวของมัน
เมื่อมันร่วงลงไปได้ประมาณครึ่งตัวของหุ่นรบ เขาก็เปิดใช้งานเครื่องยนต์อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันร่างกายส่วนบนของหุ่นรบก็เอียงแหงนขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็ว มือซ้ายยกมีดคลื่นแม่เหล็กขึ้นสูงและแทงไปที่ห้องคนขับของหุ่นรบสหพันธรัฐตัวนั้นซึ่งพุ่งมาถึงจุดที่เขาอยู่แต่เดิม
แน่นอนว่า ต่อให้แทงเข้าก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรที่ถึงแก่ชีวิตให้อีกฝ่ายได้เลย มากสุดก็ทำได้เพียงสั่นสะเทือนจนงุนงงไปชั่วขณะ แต่สิ่งที่เขาต้องการก็คือเรื่องนี้ ขอเพียงการควบคุมของฝ่ายตรงข้ามเกิดการหยุดชะงัก เขาก็จะมีเวลาให้โต้กลับ
อย่างไรก็ตาม นั่นคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีความเป็นไปได้สูงว่าแทงเข้าไปแล้วก็ยังไม่อาจสั่นสะเทือนอีกฝ่ายจนวิงเวียนได้เหมือนกัน ตรงกันข้ามอาจจะทำให้อีกฝ่ายมีโอกาสโจมตีประชิดตัว สุดท้ายก็ไปถึงขั้นบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่
แต่ไม่ว่าวิธีไหน เขาก็ไม่เสียเปรียบ เนื่องจากด้านหลังเขายังมีเพื่อนร่วมทีมอยู่ ต่อให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย เพื่อนร่วมทีมก็สามารถกำจัดอีกฝ่ายได้เหมือนกัน
หัวหน้าทีมรู้ดีว่า เขาไม่อาจถอยร่นในสถานการณ์ตอนนี้เด็ดขาด เมื่อเขาถอยร่นแล้ว เขาก็จะสูญเสียโอกาสในการโจมตีก่อน ถูกบีบให้เป็นฝ่ายป้องกันแทน แค่เผชิญหน้ากัน เขาก็รู้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นยอดฝีมือด้านหุ่นรบ ไม่มีทางพลาดโอกาสแน่นอน จะต้องโจมตีอย่างบ้าคลั่งตามการหลบของเขาเหมือนกับเนื้อตายติดกระดูก เวลานั้น เขาก็จะเป็นอันตรายแล้วจริงๆ เมื่อประมาทหลบไม่พ้นขึ้นมา ก็อาจจะถูกฆ่าตายได้
หัวหน้าทีมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกฝ่ายทิ้งการโจมตีและเลือกหลบออกเพราะการโจมตีของเขา เช่นนี้ สถานการณ์ก็จะพลิกกลับ คนที่ได้รับโอกาสในการโจมตีก่อนก็จะเป็นเขา
เหตุการณ์ไม่ได้ดีเหมือนที่เขาคิดไว้ขนาดนั้น ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลือกหลบ แต่ก็ไม่ได้ถูกโจมตีเช่นกัน หุ่นรบของสหพันธรัฐชูมือซ้ายขึ้นมาในชั่วพริบตา จากนั้นก็ใช้มีดคลื่นแม่เหล็กต้านทานการโจมตีของเขาเช่นเดียวกัน
“เคร้ง!” มีดแหลมคมสองเล่มปะทะกันอย่างหนักหน่วง!
นี่ยังไม่จบ มือซ้ายของฝ่ายตรงข้ามชักดาบแสงออกมาจากทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หลังจากที่มือขวาสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้แล้ว มือซ้ายที่กุมดาบแสงก็เหวี่ยงดาบไปที่เอวของหุ่นรบเขา
ถ้าหากโดนการโจมตีอย่างรุนแรงนี้เข้าละก็ ต่อให้หุ่นรบเขาจะไม่ถูกฟันขาด มันก็ต้องทำลายวงจรการขับเคลื่อนด้านใน และทำหุ่นรบเกิดปัญหาได้ จนถึงขั้นเป็นไม่อาจขยับเขยื้อน ใช้การไม่ได้
ตรงมือขวาของหุ่นรบหัวหน้าทีมติดตั้งปืนใหญ่เลเซอร์ไว้ ปืนใหญ่เลเซอร์มีขนาดใหญ่โต และก็หนักมากเช่นกัน มว่าอานุภาพกลับน่ากลัวมาก ขอเพียงโดนยิงใส่ก็หลอมละลายหุ่นรบได้ทันที มันสามารให้ประสิทธิภาพถึงขั้นโจมตีทีเดียวจอด พวกเขาใช้ปืนใหญ่เลเซอร์สังหารหุ่นรบของสหพันธรัฐมานับไม่ถ้วน มันมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นยอดเยี่ยม
อาวุธชิ้นนี้น่ากลัวในฐานะที่เป็นการโจมตีระยะไกล แต่อาวุธทุกประเภทกลับมีจุดอ่อนของมัน สิ่งที่ปืนใหญ่เลเซอร์กลัวมากที่สุดคือการประชิดตัว เมื่อโดนประชิดตัว ปืนใหญ่เลเซอร์ขนาดใหญ่น้ำหนักมากก็จะกลายเป็นภาระ ไม่สามารถทำให้หุ่นรบเคลื่อนที่ว่องไวได้เลย ยกตัวอย่างเช่นหัวหน้าทีมที่ได้เจอกับสภาวะอับจนในเวลานี้
หัวหน้าทีมเป็นคนเฉียบขาดอย่างไม่ต้องสงสัย เขาตัดสินใจปลดปืนใหญ่เลเซอร์โดยพลัน ปืนใหญ่เลเซอร์ขนาดมหึมาร่วงหล่นจากฟ้ากระแทกลงบนพื้นในป่าอย่างหนักหน่วง เมื่อไม่มีปืนใหญ่เลเซอร์เป็นภาระ แขนของหุ่นรบที่คล่องแคล่วเบาสบายก็เผชิญกับดาบแสงของอีกฝ่ายทันที
เสียง ‘เคร้ง’ ดังอื้ออึง ดาบแสงปะทะเข้ากับแขนหุ่นรบอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายดีดตัวออกพร้อมกัน หุ่นรบของฮิงูเระเกิดใช้งานโล่แสงบนแขนขวาในพริบตา ทำให้การโจมตีของดาบแสงในครั้งนี้ไร้ผล
การตอบสนองอย่างเฉียบแหลมของหัวหน้าทีมทำให้เขาหลบวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างราบรื่น ส่วนผู้ควบคุมหุ่นรบชิกามารุที่เดิมทีเตรียมการซุ่มโจมตีนั้นกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา
ที่แท้ตอนที่หุ่นรบสองตัวตะลุมบอนกัน เขาไม่กล้ายิงปืนใหญ่พลังงานเลย เพราะกลัวว่าหากไม่ระวัง จะทำให้หัวหน้าทีมของตนโดนหางเลขไปด้วย
นี่ก็เป็นเหตุผลที่หลิงหลานเลือกต่อสู้ประชิดตัวกับหัวหน้าทีม ไม่อย่างนั้นต่อให้การบินไร้กฎเกณฑ์ของเธอจะร้ายกาจอีกสักแค่ไหน เมื่อเผชิญหน้ากับการซุ่มยิงของหุ่นรบสองตัวเอง เธอก็จะต้องถูกยิงในที่สุด ตอนนี้เธอจึงต่อสู้ระยะประชิดโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้นเช่นนี้เอง และทำให้หุ่นรบอีกตัวห่วงหน้าพะวงหลังทำอะไรไม่ถูก คลายวิกฤติของเธอไปชั่วคราว
แต่หลิงหลานรู้ว่า นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางให้สถานการณเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เขาจะต้องหาเวลาโจมตีแน่นอน ส่วนเธอเองก็อยากจะกำจัดหุ่นรบสักตัวก่อนที่อีกฝ่ายจะหาโอกาส และคนที่หลิงหลานเลือกคือ จัดการหุ่นรบที่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้นำตัวนี้ก่อน
หุ่นรบสองตัวดีดตัวออกทันทีที่สัมผัสกัน เครื่องยนต์สองฝั่งของหุ่นรบสหพันธรัฐส่งเสียงดังสนั่นอีกครั้ง และหยุดพลังดีดสายนี้ไว้ทันที จากนั้นก็พุ่งเข้าไปอีกและชูมือขวาขึ้น ตอนนี้หลิงหลานต้องยืนยันให้แน่ใจว่าหุ่นรบของเธอไม่ได้หลุดออกตำแหน่งตัวหุ่นรบของฮิงูเระ ไม่อย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะได้รับการซุ่มยิงระยะไกลจากหุ่นรบศัตรูอีกตัว
“บากะ!” หัวหน้าทีม ยังไม่ได้หายใจหายคอ ก็เห็นฝ่ายตรงข้ามโจมตีมาอีกแล้ว เขารีบบังคับหุ่นรบให้ชูมีดขึ้นไปรับ ปากก็อดสบถเสียงดังลั่นไม่ได้
ควรรู้ไว้ว่าการบังคับหุ่นรบให้ต่อสู้จะมีแรงสะท้อนสัดส่วนหนึ่งส่งกลับมาที่ร่างกายของผู้ควบคุมหุ่นรบโดยตรง ดังนั้นผู้ควบคุมหุ่นรบจึงชินกับการเคลื่อนไหวแล้วก็ให้ร่างกายพักผ่อนชั่วตรู่ จากนั้นค่อยทำการเคลื่อนไหวต่อ การเคลื่อนไหวติดต่อกันทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บง่ายมาก
สีหน้าของหลิงหลานที่อยู่ภายในห้องคนขับซีดเผือดลงเรื่อยๆ ภาระบนร่างกายเยอะมากเกินไปแล้ว แม้กระทั่งเสี่ยวซื่อก็กังวลว่า วินาทีถัดมาลูกพี่ของตนจะประคับประคองต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม การโจมตีความถี่สูงแบบนี้ทำร้ายร่างกายมากเกินไปแล้วจริงๆ
……
ถึงแม้ว่าสนามรบต่อสู้ของหุ่นรบจะอยู่ห่างจากจุดที่พวกฉีหลงซ่อนตัวอยู่บ้าง แต่ว่าเสียงปะทะกันอย่างดุเดือดรวมไปถึงเสียงตูมตามของปืนใหญ่ยังคงทำให้คนของทีมทั้งสองที่อยู่ในป่าตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ฉีหลง พวกเราอยู่ที่นี่จะเป็นอันตรายมากเกินไป เราไปข้างหน้าต่อกันดีกว่า อ้อมสนามรบไปซ่อนตัวในจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุดกันเถอะ” อู่จย่งคิดว่าอยู่รอเฉยๆ ที่นี่ ยังไม่สู้เสี่ยงเดินทางขึ้นหน้าต่อ บางทีอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่า
คำพูดของอู่จย่งทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป พวกหานจี้จวินมองไปทางฉีหลง รอคอยการตัดสินใจของฉีหลง ในเวลาที่หลิงหลานไม่อยู่ พวกเขาก็จะเชื่อฟังฉีหลง การที่หลิงหลานตั้งใจอบรมสั่งสอนฉีหลงให้เป็นหัวหน้าทีมนั้น ได้รับการเห็นชอบจากทุกคนแล้ว ดังนั้นต่อให้เธอไม่อยู่ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ทีมไม่มีทางไป
ฉีหลงครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวกับเหล่าสมาชิกทีมของตัวด้วยความจริงจังว่า “ฉันตัดสินใจรออยู่ที่นี่ พวกนายคิดว่าไง?”
คนอื่นๆ รวมถึงหานจี้จวินต่างรู้สึกสับสบงุนงงเพราะคำพูดของฉีหลง
“เพราะอะไร?” หานจี้จวินเอ่ยปากถาม ตัดสินใจอยู่ต่อจะต้องมีเหตุผลของฉีหลง พวกเขาอยากรู้สาเหตุก่อนค่อยทำการตัดสินใจ
ฉีหลงเงยหน้ามองไปยังหุ่นรบที่กำลังต่อสู้พัวพันอยู่บนท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไป แววตาเขาดูสับสน อย่างไรก็ตาม เขากลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว เขาหันหน้ากลับมาหาทุกคนและกล่าวว่า “ลูกพี่หลานบอกว่ากำลังจะมา ฉันต้องรอเขา”
พวกหานจี้จวินตระหนักขึ้นได้โดยพลัน เมื่อสักครู่นี้เนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติเกือบจะตายอยู่ในเงื้อมมือของหุ่นรบฮิงูเระ ทำให้พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปเลย พวกเขาทยอยกันพยักหน้า บ่งบอกว่าตัวเขาจะรอลูกพี่กับฉีหลงด้วย พวกเขาเชื่อว่าในเมื่อลูกพี่หลิงหลานบอกว่าจะรีบมา เช่นนั้นเขาจะต้องมาแน่นอน
อู่จย่งมองพวกฉีหลงอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง มีทั้งความอิจฉาและก็มีความชิงชัง เขาอิจฉามิตรภาพร่วมเป็นร่วมตายของหลิงหลานกับพวกฉีหลง และก็ชิงชังในความโชคดีของพวกเขาที่มีลูกพี่ที่ไม่สนใจอันตรายและก็มาช่วยเหลือพี่น้องของตัวเองแบบนี้
“งั้นพวกเราไปก่อนนะ” อู่จย่งหันหน้ามองไปยังเพื่อนร่วมทีมด้านหลังแวบหนึ่ง โดยเฉพาะเฉินอวี่ที่ได้รับบาดเจ็บ พวกเขารอไม่ไหวแล้ว
ฉีหลงมองส่งพวกอู่จย่งจากไป จนกระทั่งร่างพวกเขาหายลับไปแล้วถึงค่อยหันหน้ามาพูดกับพวกเพื่อนร่วมทีมว่า “พวกเราไป!”
“ไปไหน? ต้องรอลูกพี่หลานไม่ใช่เหรอ?” ลั่วล่างงุนงง
“ฉันอยากเข้าไปใกล้ๆ ดูการต่อสู้ของผู้มีพระคุณที่ช่วยเราไว้” ฉีหลงมองสนามรบที่อยู่ห่างไกลแล้วเอ่ยว่า “บางทีฉันอาจจะหาคำตอบที่ฉันต้องการได้ ไม่สิ ฉันไม่ได้ต้องการ…” คำพูดของฉีหลงดูขัดแย้งในตัวเองอยู่บ้าง
หานจี้จวินเป็นคนที่เข้าใจฉีหลงมากที่สุด เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปว่า “นายสังเกตเห็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ ฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่อยากรู้ด้วย” ฉีหลงเลี่ยงคำถามของหานจี้จวิน เขาสะพายกระเป๋าเป้และเดินมุ่งหน้าไปยังสนามรบของหุ่นรบที่อยู่ไกลๆ
หานจี้จวินมึนงง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ไปถามฉีหลงอีก เพียงแต่ส่งสัญญาณให้ลั่วล่างกับหลินจงชิงตามมา
ในเมื่อฉีหลงไม่อยากบอก เช่นนั้นเขาก็จะไม่ถาม เขาเชื่อว่า ขอเพียงตัวเองตามไปก็น่าจะหาคำตอบข้อนั้นเจอ
……
หุ่นรบสองตัวต่อสู้พัวพันกันหลายกระบวนท่า อันที่จริงเป็นหลิงหลานที่โจมตีอย่างคลุ้มคลั่ง หัวหน้าทีมกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีต่อหัวหน้าทีม ผู้ควบคุมหุ่นรบชิกามารุที่อยู่ไกลๆ ก็ยิงปืนออกไปในที่สุด
ฝีมือการยิงปืนของอีกฝ่ายแม่นมาก ต่อให้หลิงหลานต่อสู้กับอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว เธอก็ยังโดนยิง
“เปลือกนอกของหุ่นรบได้รับความเสียหายเบาๆ อานุภาพของเลเซอร์น้อยสุดขีด จากการประเมินเบื้องต้น ปืนที่อีกฝ่ายใช้คือปืนเลเซอร์รุ่นเล็ก เสี่ยวซื่อตรวจสอบหุ่นรบอย่างรวดเร็ว และตัดสินผลออกมา
……………………………..
Related
Comments