I Was Kidnapped By The Strongest Guild 39 สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน
ฉันมีหนี้เยอะมากจนไม่สามารถจ่ายไหว ต่อให้ฉันจะทำงานทั้งชีวิตก็ตาม
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องผ่าท้องและยอมแพ้
ฉันไม่รู้ว่าฉันจะจ่ายเงินคืนได้ทั้งหมดหรือเปล่า แต่ฉันจะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฉันต้องจัดตารางให้แน่นกว่านี้”
ฉันตัดสินใจตื่นเช้าให้มากขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง
และลดเวลาทานอาหารลงสิบนาที
ในขณะที่ฉันกำลังจัดตารางเวลาและหยิบจอบขุดดอกแดนดิไลออนขึ้นมา ยอรึมก็เดินเข้ามาหาฉัน
“คยออุล”
“ฮะ อ-อืม?”
เมื่อมองขึ้นไป ร่างของยอรึมดูค่อนข้างน่ากลัว
ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนดี แต่หนี้ก้อนใหญ่ที่ฉันมีก็แปรเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นบุคคลทรงอำนาจในสายตาของฉัน
“อันนี้เป็นของคยออุล”
ยอรึมแสดงสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าของเธอให้ฉันดู
มันคือคริสตัลขนาดใหญ่ที่บรรจุลูกปัดสีแดงไว้ข้างใน และหินมานาของกระต่ายมีเขาประมาณสิบห้าก้อน
กระต่ายมีเขามักจะไม่มีหินมานา
อาจจะเป็นเพราะมันเป็นดันเจี้ยนพิเศษที่ไม่สามารถใช้มานาได้ หรือไม่ก็เป็นเพราะกระต่ายเขาอยู่ในดันเจี้ยน พวกมันจึงสร้างหินมานาขึ้นมา
“ทั้งหมดนี่คืออะไร…?”
“นี่มาจากบอสที่เราเอาชนะ เราตกลงกันแล้วว่าคยออุลจะเป็นคนได้รับหินมานาเพราะคยออุลเราเลยจัดการบอสได้”
ในขณะที่เธอเข้ามาใกล้เพื่อมอบหินมานา ฉันก็ก้าวถอยหลังออกไปโดยสัญชาตญาณ
ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรรับหินมานาจากบอส ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้อะไรเลยเรื่องหินมานาของกระต่ายมีเขาก็ตาม
“แต่เราทุกคนต่างมีส่วนร่วมในการเอาชนะบอส…ต่อให้จะไม่มีฉัน คนอื่นก็ต้องจัดการได้แน่…”
“ก็อาจใช่ แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะมีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มานาในดันเจี้ยนถูกปิดกั้น เพราะงั้นการปรับตัวจึงค่อนข้างยาก”
“เป็นครั้งแรกจริง ๆ งั้นเหรอ?”
ยอรึมพยักหน้าให้กับคำถามของฉัน
“ใช่ เป็นครั้งแรกของโลกเลย เพราะงั้นทางกิลด์จึงวางแผนที่จะปรับหลักสูตร”
งั้นเหรอ
ไม่แปลกใจเลยที่นักผจญที่มีความสามารถมากที่สุดยังต้องดิ้นรน
“ยังไงมันก็มาจากบอส แบ่งกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“เราแบ่งไปแล้ว มีอะไรอีกมากมายที่บอสกระต่ายมีเขาสามารถแบ่งได้นอกจากหินมานา”
อ่า เข้าใจแล้ว
นี่คือส่วนแบ่งจากบอสกระต่ายมีเขาของฉัน
ไม่มีเหตุผลใดที่ฉันจะไม่รับ
ฉันหยิบกระเป๋าที่ยอรึมยื่นให้ฉันอย่างระมัดระวัง
ภายในกระเป๋าเต็มไปด้วยหินมานา รู้สึกหนักอย่างน่าประหลาด
“แล้วลูกแก้วคริสตัลมีไว้ทำอะไรเหรอ?”
“พี่ก็ไม่รู้”
“คุณไม่รู้?”
“ใช่ เวทย์ตรวจสอบใช้ไม่ได้ผลกับมัน พวกเราเดาว่าสิ่งนี้คือสาเหตุของมานาปิดกั้น”
ไอเทมที่สามารถปิดกั้นมานาได้…
ในโลกใบนี้เปรียบเสมือนยาพิษที่ร้ายแรงสำหรับมนุษย์
“ถ้าหากไอเทมนี้สามารถปิดกั้นมานาได้ มันก็คงจะเป็นของที่มีค่ามาก ๆ ใช่ไหม…?”
“มันมีค่า แต่พี่คิดว่ามันเหมาะกับคยออุล”
“เหมาะกับฉัน?”
เหตุใดไอเทมปิดกั้นมานาถึงเหมาะกับฉัน?
ฉันพยายามคิดหาเหตุผล แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก
ฉันตัดสินใจฟังเหตุผลจากยอรึม
“การต่อสู้โดยปราศจากมานาคือสิ่งที่คยออุลทำได้ดีมากที่สุดใช่ไหมล่ะ?”
“อ๊ะ…!”
ถูกต้องเลย
คนในโลกนี้ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่มีมานา
ในสถานการณ์ที่ไม่มีมานา ฉันมีโอกาศชนะสูง
‘เป็นไอเทมที่เหมาะกับฉันจริง ๆ ด้วย’
ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกแก้วคริสตัลจะสามารถปิดกั้นมานาได้
ด้วยความหวังนั้น ฉันจึงกอดลูกแก้วคริสตัลไว้แน่น
“ขอบคุณสำหรับของชิ้นนี้ แต่ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว”
“จะไปแล้วเหรอ? แต่เธอเพิ่งทานอาหารเช้าไปเองนะ”
“ฉันมีหนี้ที่ต้องชำระ…”
ชงชาและวิ่งไปทั่วในดันเจี้ยน
ถ้าการทำงานแค่สองอย่างยังไม่เพียงพอ ฉันจะพิจารณางานที่สาม
ฉันรีบมองไปรอบ ๆ เพื่อหาดอกแดนดิไลออน
“คยออุล เอ่อ…เรื่องเงิน…พี่พอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม…?”
“ไม่ต้องหรอก ไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง”
การขอความช่วยเหลือในการชำระหนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบมาก
หลังจากที่ยอรึมนั่งลงใกล้แคมป์ไฟ ฉันก็ไหวตัวไปทางดอกแดนดิไลออน
แต่ละก้าวที่ฉันเดินเต็มไปด้วยความหนักอึ้งจากการเป็นหนี้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
จึก! จึก!
ยอรึมที่นั่งอยู่ใกล้แคมป์ไฟ เฝ้ามองดูแผ่นหลังของคยออุลที่กำลังนั่งขุดดอกแดนดิไลออนขึ้นมา
หูและหางที่ตกของคยออุล ยิ่งทำให้ยอรึมรู้สึกผิดมากขึ้น
“นี่คยออุล มีอะไรที่พี่พอช่วยได้บ้างไหม…?”
“ม-ไม่มี…ฉันใกล้เสร็จแล้ว ได้โปรดแค่นั่งพักเถอะ ท่านยอรึม…”
ท่านยอรึม
คำพูดที่เป็นทางการดังกล่าวทำเกิดความรู้สึกห่างเหิน
ยอรึมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“เธอไม่จำเป็นต้องเพิ่ม ‘ท่าน’ ในชื่อของฉันหรอก”
“แล้วจะให้ฉันเรียกคุณว่ายังไง?”
“เอ่อ…พี่ยอรึมเป็นไง? เรียกง่ายและเป็นมิตร”
แฮะแฮะ
ยอรึมยิ้มตาหยี แต่คยออุลดูรังเกียจ
“งั้นเอา ‘ท่าน’ ต่อไป…”
“เอ่อ โอเค…”
คำว่า ‘พี่’ มันก็ดูเป็นมิตรและดูดีไม่ใช่หรือไง?
ยอรึมค่อย ๆ เกาหลังศีรษะ
‘เหมือนกับการปีนเขาเพื่อไปเจอเขาอีกลูก’
ฉันน่าจะโกหกเรื่องราคาของพร
ในเมื่อรู้นิสัยของคยออุลดีอยู่แล้ว แล้วทำไมฉันถึงพูดความจริงออกไปล่ะ?
อึ๋ย
ในขณะที่ยอรึมกรีดร้องออกมาเงียบ ๆ และดึงเส้นผมของตัวเอง โซเฟียก็ค้ำไม้เท้าและเดินเข้ามา
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ค่ะ…ร่างกายของฉันสบายดี แต่จิตใจของฉันไม่ค่ะ…”
ยอรึมเลื่อนตัวลงจากเก้าอี้ด้วยความสิ้นหวัง
เธอเลื่อนลงมาจนหัวของเธอแตะลงบนเบาะเก้าอี้ที่ควรเป็นนั่ง
“ฉันคิดว่ามันแปลกมาตลอด”
“อะไรล่ะ?”
“คยออุลมักจะหมกมุ่นตลอดเมื่อพูดถึงเรื่องเงิน”
“ใช่ เธอค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องนั้น”
ถึงแม้ว่าฉันจะบอกเธอว่าไม่ต้องชดใช้ แต่เธอก็ไม่ยอมอยู่ท่าเดียว
เธอแบ่งหินมานาก็อบลินที่เธอเป็นคนจัดการคนเดียวให้กับทุก ๆ คน
และมนุษย์สัตว์ที่ถึงแม้จะไม่ได้ต้องการเงินเป็นพิเศษก็ยังต้องรับของที่คยออุลให้
และมนุษย์สัตว์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ต้องการเงินเป็นพิเศษ แต่ก็ยังต้องเก็บสิ่งที่พวกเขาได้รับจากคยออุล
“อาจจะเป็นเพราะเธออยู่คนเดียวมานาน”
“ทำไมการอยู่คนเดียวถึงทำให้เธอหมกหมุ่นอยู่กับเงินล่ะ?”
“เพราะเงินเป็นสิ่งเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้ จึงไม่แปลกที่เธอจะหลงไหลมัน”
เธอไม่มีรายได้มากนัก
ยอรึมเบิกตากว้างให้กับคำพูดของโซเฟีย
“ไม่ นั้นไม่จริงเลย คยออุลมีเพื่อนที่เธอไว้ใจ”
“…เจ้าเด็กโง่”
ตึบ
โซเฟียชกไปที่หลังของยอรึมเบา ๆ ด้วยหมัดของเธอ
ยอรึมรู้ตัวว่ากำลังถูกตำหนิ
“ท-ทำไมล่ะคะ?”
“เธอมีเพื่อนจริง ๆ งั้นเหรอ? ที่เธอพูดแบบนั้นก็เพราะว่าเธอรู้สึกอายที่จะบอกว่าไม่มีต่างหาก”
“เอ๋…?”
นั่นไม่จริงเลย
ถึงจะมีสิ่งที่เธอพยายามปกปิด แต่ในตอนที่เธอบอกว่ามีเพื่อน เธอก็ดูมั่นใจมาก
ยอรึมแน่ใจว่าโซเฟียคิดผิด
“ฉันควรไปถามเธอหรือเปล่าคะ?”
“อย่าเลย มีแต่จะทำให้อึดอัดขึ้นซะเปล่า ๆ ”
“คุณประเมินคยออุลต่ำไปหรือเปล่าคะ? แม้แต่คนที่มีชีวิตอย่างยากลำบากแบบเธอก็สามารถมีเพื่อนได้นะคะ”
สถานที่อย่างเช่นพื้นที่ล่าและศูนย์อาหารฟรี
มีสภาพแวดล้อมที่เธอสามารถสร้างสังคมได้
‘แต่คยออุลจะใช้วิธียังไงในการอธิบายถึงร่างกายที่เปลี่ยนไปให้เพื่อนของเธอฟัง’
ด้วยความคิดแบบนั้น ยอรึมจึงรีบวิ่งไปหาคยออุล โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าโซเฟียกำลังเดาะลิ้นอยู่ข้างหลังของเธอ
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
“คยออุล!”
เมื่อกำลังจดจ่ออยู่กับการขุดสมุนไพรใต้ร่มไม้ ฉันก็รู้สึกตกใจกับเสียงตะโกนของยอรึม
ฉันกำลังฝึกปิดกั้นประสาทสัมผัสที่เพิ่มสูงขึ้นของฉันอยู่ ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ตัวที่ยอรึมเข้ามาใกล้
“มีอะไรเหรอ…?”
เมื่อหันหน้าไปพร้อมกับโกฐจุฬาลัมพาที่อยู่ในมือ ฉันก็พบเข้ากับรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มของยอรึม
มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นงั้นเหรอ?
ฉันกระพริบตาและจ้องมองเธอ
“ตั้งแต่ร่างกายเปลี่ยนไป เธอยังไม่เคยพบเพื่อนเลยใช่ไหม?”
“เพื่อน…?”
“ใช่ เธอบอกว่าเธอมีเพื่อน”
ฉันพูดจริง
แต่พวกเขาอยู่ที่อีกโลกหนึ่ง
เป็นความจริงที่ฉันไม่สามารถบอกคนอื่นได้
“ใช่ ฉันมีเพื่อน”
“แล้วเธอบอกเพื่อนของเธอถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปของเธอแล้วหรือยัง?”
“ไม่ ฉันยังไม่ได้บอก…”
ถ้าจะบอกพวกเขา ฉันก็คงต้องข้ามมิติไป
มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้
“ถ้างั้น ให้พี่ช่วยไหม? การทำคนเดียวคงจะเป็นเรื่องยาก”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขา”
“ฮะ? เธอจะบอกด้วยตัวเองเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก พวกเขาอยู่ในที่ ๆ ไกลมาก ๆ ”
ฉันไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าฉันมาจากโลกอื่น แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกถ้าหากพวกเขารู้ว่าฉันไม่ได้มีเพื่อนอยู่ที่นี่
ฉันรู้แล้วว่ายอรึมไม่ใช่คนไม่ดี
เธอจะไม่แกล้งฉันที่ไม่มีเพื่อน
“ที่ ๆ ไกลมาก ๆ ?”
“ใช่ อยู่ไกลมากจนฉันไปหาพวกเขาไม่ได้”
ถ้าหากมีเกตเชื่อมต่อที่นั่น บางทีฉันก็อาจจะเดินไปนั่นได้ใช่ไหม?
ในขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ ใบหน้าของยอรึมก็เริ่มซีด
“…นั่น…”
“……?”
ยอรึมหยุกพูดกลางคันโดยที่ปากของเธอยังอ้าอยู่
ฉันพูดอะไรแปลก ๆ ออกไปหรือเปล่า?
ทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้ทำตัวแบบนี้ล่ะ?
ฉันจำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรที่ผิดปกติ
ฉันติดสินใจรออยู่อย่างเงียบ ๆ จนกว่าเธอจะพูดออกมาอีกครั้ง เนื่องจากฉันจำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรที่ผิดปกติออกไป
“…พี่ก็อยากคุยกับเพื่อนที่อยู่ห่างไกลเหมือนกัน”
“จริงเหรอ?”
“ใช่ พี่คิดถึงพวกเขาบ่อยมาก แล้วเธอละคยออุล…?”
ยอรึมวางมือลงบนแก้มของฉัน
สัมผัสของเธอที่ลูบไล้เบา ๆ รู้สึกค่อนข้างอึดอัด
“ฉันไม่เป็นไร สักวันฉันคงได้เจอพวกเขา”
“พบพวกเขา?”
“ใช่ ฉันพร้อมเสมอที่จะเจอพวกเขา”
เนื่องจากโลกต่าง ๆ เชื่อมต่อกันด้วยเกต
ฉันไม่สงสัยเลยถ้าหากวันหนึ่งมีเกตที่เชื่อมต่อกับโลกของฉันปรากฏขึ้นมา
คนเราจำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ
เพื่อที่จะเดินทางไปยังเกตต่าง ๆ ฉันจะต้องกลายเป็นนักผจญภัยที่โดดเด่นซะก่อน
ในขณะที่ฉันตัดสินใจและมองไปที่ยอรึม ฉันก็สังเกตุเห็นว่าสีหน้าของเธอดูเหวอมาก
ราวกับว่าเธอเห็นผีมายังไงยังงั้น
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Comments