I Was Kidnapped By The Strongest Guild 46 หัวขโมย

Now you are reading I Was Kidnapped By The Strongest Guild Chapter 46 หัวขโมย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉันยืนอยู่ตรงนั้น เฝ้ามองรถตู้แล่นออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้เลย

 

ฉันคิดที่จะจำป้ายทะเบียนรถ แต่ก็ไม่พบเลขสักตัวบนรถเลย

 

“กะหล่ำปลีของฉัน…”

 

ฉันทำได้แค่ปล่อยให้กะหล่ำปลีของฉันจากไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?

 

ในขณะที่ฉันกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ยอรึมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันก็รีบวิ่งไล่ตามรถไปด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อ

 

“หยุดรถ!”

 

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ยอรึมก็แซงรถไปและไปยืนอยู่ที่หน้ารถตู้

 

ด้วยความตกใจจากการปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันของยอรึม รถตู้สีดำก็เหยียบเบรกอย่างแรงจนมีควันออกมาจากล้อ

 

“อ๊ะ…!”

 

ยอรึมจับหัวขโมยได้แล้ว

 

ฉันรีบวิ่งไล่ตามรถคันนั้นไป จนเหลือเพียงอีกแค่ไม่กี่ก้าว

 

ฉันอยากจะเปิดประตูรถตู้ออกเลยทันที แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจไปยืนอยู่ข้างหลังของยอรึม

 

ฉันอยากจะเปิดประตูรถตู้ออกเลยทันที แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะไปหลบอยู่ที่ด้านหลังของยอรึมแทน

 

คนที่ขโมยทรัพย์สินของคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่

 

พวกเขาสามารถก่อความรุนแรงได้ทุกเมื่อ

 

“คุณไม่สามารถเอาทรัพย์สินของคนอื่นไปได้นะคะ!”

 

ปึง! ปึง!

 

ขณะที่ยอรึมทุบฝากระโปรงรถ ผู้หญิงวัยกลางคนที่ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนก็ลุกออกจากที่นั่งผู้โดยสาร

 

เธอแสดงท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ทั้ง ๆ ที่ถูกจับได้แล้วว่าขโมยของแต่สีหน้าของเธอก็ไม่มีความละอายใจเขียนอยู่เลย

 

“โอ้ที่รัก ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันคิดว่าพืชผลเหล่านี้ไม่ได้เป็นของใครเลย”

 

“คุณกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง…?”

 

ยอรึมขมวดคิ้วให้กับพฤติกรรมที่หน้าด้านของหญิงวัยกลางคน

 

เมื่อเห็นว่ายอรึมเริ่มไม่พอใจ หญิงวัยกลางคนก็เริ่มตั้งรับ

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะคืนพืชผลเหล่านี้ให้ คืนพืชผลเหล่านี้…”

 

“อะไรของคุณ…”

 

ก่อนที่ยอรึมจะได้พูดจบประโยค หญิงวัยกลางคนก็เลื่อนประตูด้านข้างของรถตู้ออก

 

เธอเลื่อนแรงมากจนเกิดเสียงดังปัง

 

“กะหล่ำปลีของฉัน…!”

 

ฉันรีบก้าวขึ้นไปบนรถตู้

 

ก้าวนั้นสูงมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวเล็ก ๆ ของฉัน แต่ยอรึมก็ยกฉันขึ้น

 

มันไม่จำเป็นเลยสักนิด แต่ยังไงฉันก็รู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอ

 

เมื่อเข้าไปในรถตู้ ฉันก็พบว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยพืชผลมากมาย

 

ฉันหยิบหัวไชเท้าที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดและกระโดดออกมาจากรถ

 

เหตุผลที่ต้องกระโดดก็เป็นเพราะระดับพื้นอยู่ต่ำเกินไป

 

“ฉันเจอหัวไชเท้าอยู่ด้านใน”

 

ฉันถือหัวไชเท้าไว้ในอ้อมแขนและเดินไปหายอรึม แต่แล้วบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดขึ้น

 

ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าอาจมีการต่อสู้กันขึ้นมาได้ทุกเมื่อเลย ดังนั้นฉันเลยทำแค่ยืนมองผู้หญิงทั้งสองคนนั้นอย่างระมัดระวัง

 

“คนที่ขโมยไปก็ควรเป็นคนที่เอาไปคืนสิคะ เอาพืชผลทั้งหมดไปวางไว้ใกล้ ๆ เต็นท์ด้วยค่ะ”

 

“ขโมย? ดูวิธีการพูดของเจ้าเด็กคนนี้สิ!”

 

“แล้วไงคะ คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้ขโมยเพราะคุณแค่หยิบมันออกมาเฉย ๆ งั้นเหรอคะ?”

 

น้ำเสียงของยอรึมช่างเย็นชา

 

เย็นชาซะยิ่งกว่าตอนที่เธอตำหนิฉันที่พื้นที่ล่าของมือใหม่ซะอีก

 

เธอน่าจะโกรธพวกหัวขโมยเอามาก ๆ เลย

 

เมื่อไม่อยากเข้าไปยุ่ง ฉันเลยเลือกที่จะเงียบ

 

“คยออุล มาดูพวกเขาขนพวกพืชผลกันดีไหม?”

 

ยอรึมเดินเข้ามาหาฉันและใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนในการพูดราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

 

ต่างจากน้ำเสียงในตอนที่เธอใช้พูดกับหญิงวัยกลางคนโดยสิ้นเชิงเลย

 

“เราจะไม่ช่วยพวกเขาขนสักหน่อยเหรอ…?”

 

“เพื่ออะไรล่ะ? หัวขโมยก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น”

 

ยอรึมหันหน้าไปมองหญิงวัยกลางคนด้วยสีหน้าเยือกเย็น

 

เมื่อเห็นหน้าที่เยือกเย็นของยอรึม หญิงวัยกลางคนจึงรีบเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว

 

“ว้าว…”

 

ยอรึมน่ากลัวยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก

 

ด้วยความรู้สึกกลัวจนพูดไม่ออก ฉันจึงตัดสินใจแค่เฝ้ามองเธอคืนพืชผล

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

ฉันนั่งอยู่ใกล้ ๆ กองไฟ เฝ้ามองคนวัยกลางคนทั้งสองคนขนพืชผล

 

ฉันอยากช่วยเมื่อเห็นพวกเขากระเสือกกระสน แต่ยอรึมก็กดไหล่ของฉันลงเพื่อห้ามฉัน

 

“คยออุล พี่รู้ว่าคยออุลอยากช่วย แต่แค่นั่งอยู่เฉย ๆ เถอะนะ โอเคไหม?”

 

“อ-โอเค…”

 

ได้อยู่แล้ว

 

ยังไงซะ ก็เป็นพวกเขาที่ขโมยพืชผลที่ฉันอุส่าห์ทำงานอย่างหนักอยู่หลายวันไป

 

ฉันตัดสินใจที่จะไม่เห็นใจพวกเขาแล้ว

 

“เราทำเสร็จแล้ว มาดูสิ!”

 

หญิงวัยกลางคนเช็ดเหงื่อระหว่างคิ้วและเดินมาหาพวกเรา

 

น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าเธอไม่พอใจที่เธอถูกใช้งานอย่างหนัก

 

ฉันมองเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วหลังจากนั้นฉันจึงรีบวิ่งไปที่เต็นท์ที่ที่พืชผลถูกเก็บเอาไว้

 

“โอ้…”

 

กะหล่ำปลี ผักกาดหอม หัวไชเท้า แครอท

 

พืชผลถูกกองรวมกันไว้อย่างหนาแน่นบนเต็นท์

 

อย่างไรก็ตาม จำนวนมันแตกต่างออกไปเล็กน้อยจากสิ่งที่ฉันจดไว้

 

“คือว่า มีพืชผลบางส่วนที่หายไป…”

 

สอง สาม

 

ถึงจะน้อยแต่ก็เป็นจำนวนที่สังเกตเห็นได้ว่าพืชผลมันหายไป

 

เมื่อได้ยินคำถามของฉัน หญิงวัยกลางคนก็ตัวสั่น

 

เป็นการสั่นที่เล็กน้อยมาก ถ้าหากสายตาของฉันไม่ดีขึ้นฉันก็คงไม่เห็นมันแน่ ๆ

 

“พูดเรื่องอะไรของเธอ…! ทุกอย่างที่เราเอาไปก็กองรวมกันอยู่ตรงนั้นแล้วไง…!”

 

เธอปัดมือและเดินออกมาจากเต็นท์

 

การที่เธอรีบออกมาเป็นอะไรที่น่าสงสัย

 

“……?”

 

เธอแอบเอาพืชผลบางส่วนของฉันไปอย่างงั้นเหรอ?

 

ในขณะที่ฉันเฝ้ามองหญิงวัยกลางคนออกไปด้วยด้วยท่าทางงงงวย โซเฟียที่เอาแต่เงียบก็สะกิดแผ่นหลังของยอรึม

 

“น่าจะเป็นตัวล่อ”

 

“ตัวล่อ?”

 

ยอรึมหยิบถังที่มีรอยบุบอยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมา

 

ในขณะที่ยอรึมสัมผัสส่วนที่บุบด้วยมือของเธอ ถังก็กลับสู่สภาพดั้งเดิม

 

“…เบี่ยงเบนความสนใจ”

 

เบี่ยงเบนความสนใจ

 

เมื่อได้ยินคำนั้น คนวัยกลางคนทั้งสองคนก็รีบเร่งฝีเท้าให้มากขึ้น

 

โซเฟียหยุดพวกเขาเอาไว้ในขณะที่พวกเขากำลังพยายามที่จะขึ้นรถตู้

 

“พวกเจ้าตั้งใจให้ตัวเองโดนจับใช่ไหม?”

 

“อะไรนะ?”

 

“เพื่อซื้อเวลาและหลอกล่อพวกเราใช่ไหม?”

 

“พูดเรื่องไร้สาระอะไรของเธอ?”

 

เมื่อคิดว่าโซเฟียเป็นแค่เด็ก ผู้หญิงคนนั้นจึงพูดจาหยาบคาย

 

โซเฟียขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากเธอไม่ชอบได้รับการปฏิบัติเหมือนเด็ก

 

“พืชผลแต่ละอย่างหายไปอย่างละสองถึงสามอย่าง นั่นต้องเป็นหัวขโมยตัวจริงแน่”

 

“ทำไมเราต้องทำอะไรที่มันน่าเบื่อแบบนั้นด้วย…?!”

 

เรื่องน่าเบื่อ

 

ฉันรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงวัยกลางคน

 

ฉันคิดหาเหตุผลไม่ออกเลยว่าทำไมพวกเขาจะต้องหลอกลวงเราเพื่อขโมยพืชผลแค่จำนวนเล็กน้อยด้วย

 

“เป็นเพราะว่าบัฟที่กิลด์เพิ่งจะเริ่มวางขายไง”

 

“บัฟ?”

 

“ใช่ ชาที่คยออุลเป็นคนทำมีบัฟเอฟเฟกต์ พวกเขาคงคิดว่าพลังอันนั้นมาจากพวกพืชผลที่เจ้าเป็นคนปลูกน่ะ พืชที่เติบโตขึ้นได้ภายในชั่วข้ามคืนยังไงมันก็ต้องดูน่าสงสัยอยู่แล้ว”

 

“อ๋อ…”

 

ดังนั้นเหตุผลที่พวกเขาขโมยไปก็เพราะว่าต้องการวิเคราะห์พวกพืชผล เนื่องจากพวกเขาสงสัยว่าพวกพืชผลมีบัฟอยู่

 

ถ้าหากพวกเขาสามารถปลูกมันเองได้ พวกเขาก็จะถือว่าได้ลาภก้อนใหญ่

 

ฉันชื่นชมความคิดที่ลึกซึ่งของโซเฟีย

 

“ถ้างั้นแล้ว ถ้ารถตู้เป็นแค่ตัวล่อ แล้วหัวขโมยตัวจริงอยู่ที่ไหนล่ะ?”

 

“จริงด้วย”

 

“ว้าว…”

 

ยอรึมที่ดูเหมือนจะจมอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน เธอก็กลอกตาไปมา

 

ถึงแม้ว่ายอรึมจะไม่ใช่คนเฉียบแหลม แต่พูดตามความจริงแล้ว ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกันกับยอรึม

 

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนใช้ตัวล่อกับแค่เพื่อขโมยพืชผล

 

“เอ่อ ถึงขโมยพืชผลไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก…”

 

“เธอพูดอะไรไร้สาระมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว…?!”

 

ยอรึมเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น โดยที่ถือเชือกสำหรับมัดเอาไว้ในมือ

 

“เรื่องไร้สาระอะไรฉันไม่รู้หรอกค่ะ แต่สำหรับตอนนี้น่ะ ฉันจะจับคุณมัดเอาไว้ค่ะ”

 

“เธอมีหลักฐานที่บอกว่าพวกเราเป็นคนเอาไปหรือไง?!”

 

“…หลักฐานไม่มีหรอกค่ะ แต่เนื่องจากพวกคุณมีความผิดฐานโจรกรรม ฉันจึงต้องใช้มาตราการป้องกันเพื่อไม่ให้คุณหลบหนีไปได้ค่ะ”

 

ใช่เลย

 

พวกเขาทำการโจรกรรม

 

หญิงวัยกลางคนยอมรับชะตากรรมของตัวเองและถูกเชือกมัดอยู่อย่างเงียบ ๆ

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

หลังจากที่ส่งมอบหัวขโมยทั้งสองคนให้อาร์โก้กับเอนเซียเสร็จแล้ว ก็การประชุมก็ถูกจัดขึ้นในบ้านสำเร็จรูป

 

มันเป็นเรื่องของวิธีการจับหัวขโมยที่ขโมยต้นกล้าไป

 

“มีคนแอบเข้ามาในขณะที่การป้องกันของกิลด์อ่อนลง กล่อง CCTV ก็จับภาพเอาไว้ไม่ได้”

 

“อาจจะเป็นคนที่มีความสามารถล่องหนได้”

 

“ใช่ นั่นก็อาจเป็นไปได้”

 

หญิงวัยกลางคนที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ปิดปากเงียบสนิท

 

เราจะจับผู้ที่กระทำผิดที่แท้จริงในสถานการณ์นี้ได้ยังไงกัน?

 

ในขณะที่ฉันกำลังถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เลวีนัสก็กระโดดมาหาพวกเรา

 

“เจ้าคนโง่ที่น่าสมเพช! เลวีนัสรู้ว่าอาชญากรอยู่ที่ไหน!”

 

“เลวีนัสรู้เหรอ?”

 

“ใช่! มานาของเลวีนัสยังคงอยู่กับพืชผลที่ถูกเก็บเกี่ยวไป”

 

“อ๊ะ…!”

 

ฉันกับยอรึมมองหน้ากัน

 

เราไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะตามหาผู้ที่กระทำผิดได้ง่ายดายขนาดนี้

 

ฉันตบไหล่ของเลวีนัสอย่างมีความสุข

 

“เลวีนัสยอดเยี่ยมมาก…!”

 

“ย-ยอดเยี่ยม…?”

 

“ใช่ เพราะตอนนี้มีแค่เลวีนัสเท่านั้นที่จะสามารถหาพวกเขาเจอ”

 

เธอจะพอใจกับคำชมของฉันหรือเปล่านะ?

 

ความเขินอายพุ่งเข้าไปที่แก้มของเลวีนัส

 

“สรรเสริญเลวีนัสอีกสิ! สรรเสริญเลวีนัสให้มากกว่าขึ้นกว่านี้อีกสิ!”

 

เลวีนัสยืนเอามือวางบนสะโพก ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเหย่อหยิ่ง

 

เห็นได้ชัดเลยว่าเลวีนัสชอบการได้รับคำชม

 

ดี

 

การชมเธอไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

 

ฉันตัดสินใจชมเธอต่อทันที

 

“ท่านกระต่ายผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดบอกพวกเราทีเถอะว่าพวกหัวขโมยอยู่ที่ไหน?”

 

“จะบอกดีไหมนะ?”

 

ฮ่าฮ่าฮ่า!

 

เลวีนัสหลับตาและส่งเสียงหัวเราะอันเอกลักษณ์ของเธอออกมา

 

เมื่อฉันคิดว่าเธออาจจะหลับไปแล้ว ดวงตาของเลวีนัสก็เปิดออกทันที

 

“เลวีนัสเจอพวกเขาแล้ว!”

 

“ที่ไหนเหรอ?”

 

“ที่ประตู!”

 

“ที่ประตู?”

 

สายตาของทุกคนหันไปที่ประตู

 

ไม่มีเสียงหรือการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย แต่คาดว่าผู้ที่กระทำผิดน่าจะอยู่ตรงประตู

 

ด้วยความประหลาดใจ ฉันจึงเงยหน้ามองยอรึม และในทันใดนั้น ก็มีเสียงกรอบแกรบดังออกมาจากด้านหน้าของประตู

 

“เอ่อ…?”

 

ยอรึมจ้องมองไปที่ประตูด้วยตาที่เบิกกว้าง

 

ปรมาจารย์ที่แม้แต่ฉันก็ยังตรวจไม่พบ ทั้ง ๆ ที่ฉันเองก็อ่อนไหวต่อการมีอยู่ของคนอื่น ๆ แถมยอรึมที่ทำได้ดีในทุก ๆ เรื่องก็ยังหาไม่เจอ

 

เมื่อคิดว่ามีปรมาจารย์เช่นนี้อยู่ที่หน้าประตู

 

ด้วยความตึงเครียด ฉันจึงกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า

 

มีเพียงแค่เลวีนัสเท่านั้นที่กระโดดไปมาอย่างไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด