Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 332 พบสาวงามยามค่ําคืน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 332 พบสาวงามยามค่ําคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 332 พบสาวงามยามค่ําคืน

หลังจากที่เซี่ยวเฉินสงบใจลง,เขาก็ผลักประตูเบาๆ ทันทีที่ประตูเปิดออก,เขาก็มองเห็น เฟิงเฟยเสวี่ยในชุดบุรุษกับพัดที่อยู่ในมือของนาง

นางดูเหมือนนางคนเดิมที่เป็นในอดีต,นางให้บรรยากาศแบบที่เคยเป็นมา ผมสีดําเข้มของนาง ถูกรวบเข้าด้วยกัน การแต่งกายด้วยชุดของบุรุษขัดกับใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนาง มันช่างดูส ง่างามและโดดเด่น

เซี่ยวเฉินลองสัมผัสถึงขอบเขตพลังของเฟิงเฟยเสวีย,และพบว่านางอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดนี่ทําให้เซี่ยวเฉินประหลาดใจ

เฟิงเฟยเสวี่ยมรรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า ขณะที่เซียวเฉินประเมินดูนาง,นางก็มองดูเซียวเฉินอย่างละเอียดเช่นกัน

ในตอนที่เฟิงเฟยเสวี่ยเห็นเซียวเฉินในครั้งนี้,นางรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาสงวนเอาไว้และมั่นคงยิ่งขึ้นนอกจากนั้นยังมีร่องรอยของกระแสพลังที่นางไม่อาจเข้าใจ มันลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

พวกเขาทั้งสองเดินไปที่โต๊ะและนั่งลงตรงข้ามกัน เพิ่งเฟยเสวี่ยยกถ้วยชาขึ้นมาและรินชาให้กับเขานางกล่าวเสียงเบา“ไม่ได้พบกันนาน ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้งยินดีด้วย”

เซี่ยวเฉินรับถ้วยชามาจิบจากนั้นเขาก็ต่อหัวข้อสนทนา“เป็นเจ้าต่างหาก แม้ว่าจะวิ่งวุ่นไปทั่วทวีป,ขอบเขตพลังของเจ้าก็ยังเหนือกว่าข้า”

เฟิงเฟยเสวี่ยยิ้มขึ้นและรินชาให้กับตัวเองจากนั้น นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเรียกหาข้าอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ข้าจึงเดินทางทั้งคืนตรงมาจากเมืองหลวงมีเรื่องอะไร?”

เซียวเฉินมีมากมายหลายสิ่งที่เขาอยากจะถามเพิ่งเฟยเสวียแต่อย่างไรก็ตามในตอนที่เขามาอยู่ตรงหน้าของนาง,เขากลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

เซียวเฉินวางถ้วยชาลงและจัดลําดับความคิดของเขาเป็นอันดับแรก จากนั้นเขากล่าว “อีกสักระยะหนึ่ง,ข้าอาจจะออกไปจากอาณาจักรต้าฉินเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าทําไมเจ้าถึงส่งหยิงเยว่ให้พาข้าไปที่เมืองหลวงเมื่อสองสามเดือนก่อน?”

“หากข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้,ข้าจะทําทุกอย่างที่ข้าทําได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามหากข้าออกจากอาณาจักรต้าฉันไปแล้ว,ข้าอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเป็นเวลานาน”

เฟิงเฟยเสวี่ยยิ้มขึ้นและรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจนางไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินจะนึกถึงค่าสัญญาของเขาในตอนที่เขากําลังจะออกจากอาณาจักรต้าฉัน

“แน่นอน,ด้วยความแข็งแกร่วของเจ้า,เจ้าควรออกไปเดินทางฝึกฝนไม่จําเป็นที่เจ้าต้องมากังวลเกี่ยวกับข้อตกลงของพวกเราไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไกลถึงเพียงใด,ข้าก็สามารถตามหาตัวเจ้าได้” เฟิงเฟยเสวี่ยกล่าวเสียงนุ่ม
ดูเหมือนว่าเฟิงเฟยเสวี่ยยังคงไม่ยินยอมที่จะบอกความลับกับเซียวเฉิน ไม่เป็นไร,เซียวเฉินไม่ได้ไปกดดัน เขาถามต่อ“พี่สาวอวหลันเป็นเช่นไรบ้างที่สํานักฉันสวรรค์?”

เมื่อเฟิงเฟยเสวี่ยได้ยินชื่อของเซี่ยวหลาน,ความซับซ้อนปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางกล่าว “นางได้รับดอกดาวเรืองแสงไหลของเจ้าแล้ว ตอนนี้,นางกําลังบ่มเพาะพลังอย่างที่สุดนางเข้มงวดกับตัวเองนางได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่สูงส่งและมีผู้อาวุโสของสํานักฉันสวรรค์ได้รับนางไปเป็นศิษย์”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ข่าวว่าเซี่ยวหลานกําลังไปได้ดี,เขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากนั้น,พวกเขาทั้งสองก็พูดคุยกันต่อเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวถึงเรื่องหม้อมังกรฟินิกซ์

เฟิงเฟยเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวอย่างเสียใจ “ตระกูลเฟิงมีวิธีหลอมสมบัติลับแต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นข้อมูลระดับลับสุดยอด มีเพียงผู้นําตระกูลที่มีมันแม้แต่ข้าก็ไม่รู้

เซียวเฉินรู้สึกประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน,มันก็สมเหตุสมผลหากตระกูลใดที่ครอบครองวิธีการหลอมสมบัติลับ,ความแข็งแกร่งของตระกูลก็จะพุ่งทะยาน

ความลับสําคัญเช่นนี้ควรจะเก็บอยู่ในมือของผู้นําตระกูลอย่างแน่นอนมิฉะนั้นหากมันรั่วไหลออกไป,ผลที่ตามมาคือหายนะ

และมีเหตุผลอื่นๆที่จะสร้างความล่าบากให้กับเฟิงเฟยเสวีย,เซียวเฉินไม่ได้ไปสนใจอีกตลอดมา,เขาไม่ชอบกดดันคนอื่น นอกจากนั้น,นางได้ช่วยเหลือเขามามากพอแล้ว

แค่ทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์,มังกรฟ้าเมฆาทะยานอย่างเดียว มันก็ได้ช่วยชีวิตเสี่ยวเฉินในจังหวะสําคัญมาหลายต่อหลายครั้ง มันมีคุณค่ายิ่งกว่าสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่า;ไม่มีอะไรที่เขาจะกล้าขอจากนางอีกแล้ว

เฟิงเฟยเสวี่ยกล่าว “ข้าเสียใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม,ในตอนที่เจ้าฝากหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้กับตระกูลเฟิง,ข้าจะจ่ายค่าเช่าเป็นรายวัน,วันละสิบหินวิญญาณระดับกลาง,จนกว่าที่เจ้าจะขอมันคืน”

เซียวเฉินโบกมือและกล่าว “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น แค่ทําเหมือนข้าฝากมันเอาไว้ที่ตระกูลเฟิงหากมันอยู่ในมือของข้า,มันก็มีแต่จะเป็นเผือกร้อน”

สิ่งที่เซียวเฉินเป็นกังวล,มันก็เป็นเรื่องนี้ หากเขาสามารถเก็บมันเอาไว้ในแหวนหัวงจักรวาล,มันก็ไม่เป็นไรแต่อย่างไรก็ตาม,เขาไม่อาจทําได้เช่นนั้น ดังนั้นมันมีแต่จะเป็นภาระ

พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันอีกระยะหนึ่ง เพิ่งเฟยเสวี่ยพูดคุยเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญที่นางพบเจอมาในอาณาจักรที่กว้างใหญ่,รวมถึงทักษะต่อสู่ประหลาดๆที่นางเคยพบมาทั้งหมดนี้เป็นการเปิดหูเปิดตาให้กับเซียวเฉิน,ทําให้เขามองหาโอกาสจะไปเจอพวกเขา

ท้ายที่สุด,ขณะที่เซียวเฉินกําลังจะจากไปในที่สุดเขาก็อดไม่ได้และกล่าวความสงสัยในใจของเขาออกไป“เฟิงเฟยเสวี่ย,ข้าอยากจะถามเจ้ามาตลอด;ทําไมเจ้าถึงได้ทําดีกับข้าเหลือเกิน?”

ครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน,เฟิงเฟยเสวี่ยก็อยากที่จะมอบหม้อปรุงยามังกรฟ้าให้กับเซี่ยวเฉินในครั้งที่สองที่พวกเขาพบกัน.นางก็เชิญเขาให้ไปร่ําเรียนที่สํานักฉันสวรรค์ในครั้งที่สามที่พวกเขาพบกัน,นางก็มอบทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ให้กับเขา”

หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินได้ทําวินาศสันตะโรและเฟิงเฟยเสวี่ยก็เข้ามาช่วยดูแลตระกูลเซี่ยวและค่อยจัดการกับผลพวงจากเรื่องที่เขาก่อเอาไว้ จากนั้น,นางก็ขอให้หยิงเยว่เชิญเขาให้มาเข้าร่วมกองทัพจักรวรรดิมังกร,อยากจะช่วยฟื้นฟูตัวตนที่แท้จริงของเขากลับมา,นั้นมันเกินกว่าที่คนธรรมดาเขาจะทํากัน

แต่ละเหตุการณ์เป็นผลให้ติดบุญคุณมหาศาล แต่,เฟิงเฟยเสวี่ยกลับช่วยเหลือเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข นี่ทําให้เซี่ยวเฉินรู้สึกสงสัยอย่างประหลาด

ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ารักแบบไม่มีเงื่อนไขหรือเกลียดแบบไม่มีเหตุผลในโลกใบนี้ สําหรับทุกเหตุการณ์,มันมีจุดเกิด

ความตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของเฟิงเฟยเสวี่ย แต่อย่างไรก็ตาม,นางไม่ได้ประหลาดใจเกินไปนักนางได้คาดถึงคําถามนี้ของเซี่ยวเฉินเอาไว้นานแล้ว

เมื่อเฟิงเฟยเสรี้ยมองไปที่สายตาอันแน่วแน่ของเซี่ยวเฉิน,ความโศกเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนาง นางกล่าว “ช่วยเหลือเจ้าก็เทียบเท่าได้กับช่วยเหลือตัวข้าเองสําหรับเหตุผลแบบจงเจาะ,มันยังไม่สะดวกที่จะบอกกับเจ้าในตอนนี้ รอจนกว่าเจ้าจะสามารถูกมชะตาของตัวเจ้าเองได้อย่างแท้จริง,จากนั้นคําตอบก็จะปรากฏออกมาเอง”

ดูเหมือนว่าเฟิงเฟยเสวี่ยยังคงไม่ยินยอมที่จะบอกเหตุผลกับเขา,ความลับที่ว่าทําไมมังกรฟ้าถึงได้ลบหายไป,หรือที่ว่าทําไมเซี่ยวเฉินถึงได้ถูกไล่ออกจากตระกูล

ความบัพวกนี้ได้กวนใจของเซี่ยวเฉินมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนว่าจะเป็นการยากที่จะได้คําตอบจากเฟิงเฟยเสวี่ย

ที่ว่า กุมชะตาของตัวเองได้อย่าแท้จริง” หมายความเช่นไร? หรือตัวเขาและเฟิงเฟยเสวี่ยไม่ได้กุมชะตาของพวกเขาเองในตอนนี้?

มองเห็นเซี่ยวเฉินนิ่งเงียบ,เฟิงเฟยเสวี่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน “หากเจ้าอยากจะรู้จริงๆ,เจ้าสามารถไปที่เมืองหลวงแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าหวังว่าก่อนที่เจ้าจะไป,เจ้าจะได้รับพลังอันเด็ดขาดมาแล้วมิฉะนั้นหากเจ้าไป,ชะตาของเจ้าก็มีแต่จะถูกผู้อื่นควบคุม

“สําหรับผู้สืบทอดจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าคนสุดท้าย,การมีมีตัวตนอยู่ของเจ้าเป็นภัยต่อผลประโยชน์ของหลายๆคนมีอันตรายมากมายอยู่ในทุกย่างก้าว”

“ในตอนที่บิดาของเจ้าขับไล่เจ้าออกจากตระกูล,หนึ่งในเหตุผลหลักก็คือผลกระทบจากผลประโยชน์เหล่านั้นนี่เป็นสิ่งที่ตระกูลเซี่ยวไม่อาจต้านทานได้ สิ่งที่เจ้าสามารถทําได้ในตอนนี้ก็คือแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่มีเส้นทางอื่นให้เจ้าเลือก”

คําของเฟิงเฟยเสวี่ยทําให้เซี่ยวเฉินปวดหัวเล็กน้อยมันเกี่ยวข้องกับการมีตัวตนของจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า

เซี่ยวเฉินก็พอจะคาดเดาได้ลางๆมาตลอดพลังของที่มังกรฟ้ามีมันยิ่งใหญ่กว่าที่เซี่ยวเฉินจินตนาการอย่างไรก็ตาม,เขาไม่กล้าที่จะคิดเกี่ยวกับมันไปไกลกว่านั้น

เซียวเฉินถึงกับลดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าเป็นเพราะพลังที่ยิ่งใหญ่จะมากับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

เซี่ยวเฉินเพียงจะปีนป่ายขึ้นไปไม่มความจําเป็นที่เขาจะไปมีส่วนร่วมแผนการเมืองเล่ห์เหลี่ยมมั้งหมดนี้

เซี่ยวเฉินเพียงต้องใช้ชีวิตเพื่อตัวเขาเองเท่านั้นเขาเพียงแค่ต้องก้าวอย่างช้าๆไปตามเส้นทางแห่งผู้บ่มเพาะพลัง,ก้าวไปทีละก้าวสู่สุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม,คําของเฟิงเฟยเสวี่ยยืนยันการคาดเดาของเซี่ยวเฉิน

นับตั้งแต่วันที่เขาได้หลอมรวมจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า,ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ,ยินยอมหรือไม่ยินยอม,เขาก็ได้ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพกวนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะทําอะไร,เขาก็จะไม่ อาจหลีกหนีไปได้

เซี่ยวเฉินยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มในอีกเดียวจากนั้นเขาก็วางถ้วยชากลับลงไปบนโต๊ะเขาสงบใจลงและกล่าว “ไม่ว่ามันจะเป็นเช่นไร,ข้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวข้าเองและคนที่ข้าห่วง โชคชะตาก็เป็นสิ่งที่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองอยู่แล้ว”

“น้ําใจที่เจ้ามอบให้กับข้า,ข้าจะตอบแทนมันในอนาคตข้าจะไม่หย่อนยานในหน้าที่นี้ขอลาก่อน!”

หลังจากที่เซี่ยวเฉินกล่าวจบ,เขาออกไปในทันทีขณะที่เพิ่งเฟยเสวี่ยมองดูเซี่ยวเฉินจากไป,มีความตกตะลึงบนใบหน้าของนาง

หลังจากผ่านไปพักใหญ่,ประตูลับในห้องรับแขกก็เปิดออกมีหญิงสาวผู้งดงามในชุดคลุมส์แดงปรากฏตัวออกมา

แม่นางผู้นี้งามสง่าเป็นอย่างยิ่งนางอายุประมาณสามสิบปี,แต่ใบหน้าที่งดงามนี้ดูเหมือนนางเพิ่งจะอายุสิบแปดหรือสิบเก้าปีอายุไม่ได้ทําอะไรใบหน้าของนางแม้แต่น้อย

หากดูอย่างละเอียดแล้ว,อาจจะเห็นได้ว่าแม่นางผู้นี้มีใบหน้าคละคล้ายเซียวเฉิน

เมื่อเฟิงเฟยเสวี่ยเห็นหญิงงามนางนี้ นางกล่าวเสียงเบาๆ “ท่านป้า,เขาอยู่เพียงตรงหน้าของ ท่าน ท่านไม่อยากที่จะพบเขา?”

ความใจสลายปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงนางนี้,ขอบแต่ของนางเบียดชิ้นเล็กน้อยนางกล่าวเสียค่อย“ไม่จําเป็นข้าติดค้างเขามากเกินไปแล้วมันก็เพียงพอแล้วที่ข้าสามารถได้ยินเสียงของเขา”

เฟิงเฟยเสวี่ยเดินไปที่หน้าต่างนางมองออกไปด้านนอกและมองดูเซียวเฉิน,ผู้ที่กลายเป็นเส้นลําแสงสีม่วงเคบื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วนางกล่าว “ข้าเชื่อว่าเขาคือคนที่ข้ารอคอยข้าจะทําอย่างที่สดเพื่อต่อต้านการตัดสินใจของบิดาและผู้อาวุโสพวกเรายึดถือข้อตกลงมานับพันปีแล้ว;เป็นธรรมดา,ที่พวกเราจะต้องสืบทอดมันต่อไป”

ยังคงมีอีกหนึ่งสิ่งในใจของนางที่นางไม่ได้กล่าวออกไป มันเป็นอย่างที่เซี่ยวเฉินได้กล่าวเอาไว้,ถึงอย่างไรโชคชะตาก็เป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว

ผู้ที่เพิ่งเฟยเสวี่ยเรียกว่าท่านป้าจ้องมองมาที่เฟิงเฟยเสวี่ยก่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางหญิงสาวนางนี้ทําให้นางนึกถึงตัวเองในอดีต,นางถอดหายใจยาว

หลังจากที่เซี่ยวเฉินออกมาจากโรงจํานําผู้นําชัย,เขาพักผ่อนอยู่ที่โรงเตี้ยมเป็นเวลาสองวันและเริ่มจัดการกับภารกิจนิกายระดับดําที่เหลืออยู่

ขณะที่เขากําลังไล่ทําภารกิจ,เขาได้ยินข่าวที่เพิ่งเฟยเสวี่ยกระจายออกมา :หม้อมังกรฟินิกซ์อยู่ในมือของตระกูลเฟิง,และพวกเขาเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาเยี่ยมชม

ในตอนที่เซียวเฉินได้ยินข่าวนี้เป็นครั้งแรก,เขาตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม,เขาก็เข้าใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง เฟิงเฟยเสวี่ยดึงความสนใจทั้งหมดบนตัวของเซี่ยวเฉินให้มาอยู่ที่ตระกูลเฟิง

หม้อมังกรฟินิกซ์เป็นเผือกร้อนที่ดูดดึงความนใจของทุกคน ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะไปที่ไหน,เขาจะได้รับความสนใจอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น ยังเป็นความสนใจที่มาพร้อมกับเจตนาร้าย

เซียวเฉินจะหนีไปจากมันกลได้ก็ต่อเมื่อส่งมันให้กับศาลากระปสวรรค์,และได้รับการปกป้องจากขมอํานาจใหญ่ด้วยการกระจายข่าวเช่นนี้,เฟิงเฟยเสวี่ยช่วยเหลือเซียวเฉินได้อย่างมาก

หนึ่งเดือนต่อมา,เซี่ยวเฉินสําเร็ยทุกภารกิจที่เขารับมา เขาเริ่มออกเดินทางกลับไปที่ศาลากระสวรรค์

ไม่มีภารกิจอะไรมาค่อยถ่วงเวลาเขา,เขาสามารถกลับไปถึงศาลากระปสวรรค์ภายในครึ่งเดือนขณะที่เคบื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงสุดในตอนที่เขามาถึง,เขามุ่งหน้าสู่โถงคุณความชอบที่ฐานส่องสวรรค์ในทันที

บนชั้นสองของฐานส่องสวรรค์,ผู้ตรวจสอบยืนยันสัญญาภารกิจทั้งหมดที่เซียวเฉินนํามา

“ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสําเร็จภารกิจระดับดําทั้งฟมดได้ภายในสามเดือน” พนักงานของโถงคุณความชอบกล่าวด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาตรวจสอบสัญญาภารกิจเสร็จเรียบร้อย

เซียวเฉินยิ้มเบาๆและไม่ได้กล่าวอะไรอีกเขาเลือกภารกิจพวกนี้ไปหลังจากที่ไตร่ตรองพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว

หากไม่มั่นใจ,เซียวเฉินคงไม่รับภารกิจมากมายเช่นนี้ในครั้งเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 332 พบสาวงามยามค่ําคืน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 332 พบสาวงามยามค่ําคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 332 พบสาวงามยามค่ําคืน

หลังจากที่เซี่ยวเฉินสงบใจลง,เขาก็ผลักประตูเบาๆ ทันทีที่ประตูเปิดออก,เขาก็มองเห็น เฟิงเฟยเสวี่ยในชุดบุรุษกับพัดที่อยู่ในมือของนาง

นางดูเหมือนนางคนเดิมที่เป็นในอดีต,นางให้บรรยากาศแบบที่เคยเป็นมา ผมสีดําเข้มของนาง ถูกรวบเข้าด้วยกัน การแต่งกายด้วยชุดของบุรุษขัดกับใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนาง มันช่างดูส ง่างามและโดดเด่น

เซี่ยวเฉินลองสัมผัสถึงขอบเขตพลังของเฟิงเฟยเสวีย,และพบว่านางอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดนี่ทําให้เซี่ยวเฉินประหลาดใจ

เฟิงเฟยเสวี่ยมรรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า ขณะที่เซียวเฉินประเมินดูนาง,นางก็มองดูเซียวเฉินอย่างละเอียดเช่นกัน

ในตอนที่เฟิงเฟยเสวี่ยเห็นเซียวเฉินในครั้งนี้,นางรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาสงวนเอาไว้และมั่นคงยิ่งขึ้นนอกจากนั้นยังมีร่องรอยของกระแสพลังที่นางไม่อาจเข้าใจ มันลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

พวกเขาทั้งสองเดินไปที่โต๊ะและนั่งลงตรงข้ามกัน เพิ่งเฟยเสวี่ยยกถ้วยชาขึ้นมาและรินชาให้กับเขานางกล่าวเสียงเบา“ไม่ได้พบกันนาน ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้งยินดีด้วย”

เซี่ยวเฉินรับถ้วยชามาจิบจากนั้นเขาก็ต่อหัวข้อสนทนา“เป็นเจ้าต่างหาก แม้ว่าจะวิ่งวุ่นไปทั่วทวีป,ขอบเขตพลังของเจ้าก็ยังเหนือกว่าข้า”

เฟิงเฟยเสวี่ยยิ้มขึ้นและรินชาให้กับตัวเองจากนั้น นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเรียกหาข้าอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ข้าจึงเดินทางทั้งคืนตรงมาจากเมืองหลวงมีเรื่องอะไร?”

เซียวเฉินมีมากมายหลายสิ่งที่เขาอยากจะถามเพิ่งเฟยเสวียแต่อย่างไรก็ตามในตอนที่เขามาอยู่ตรงหน้าของนาง,เขากลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

เซียวเฉินวางถ้วยชาลงและจัดลําดับความคิดของเขาเป็นอันดับแรก จากนั้นเขากล่าว “อีกสักระยะหนึ่ง,ข้าอาจจะออกไปจากอาณาจักรต้าฉินเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าทําไมเจ้าถึงส่งหยิงเยว่ให้พาข้าไปที่เมืองหลวงเมื่อสองสามเดือนก่อน?”

“หากข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้,ข้าจะทําทุกอย่างที่ข้าทําได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามหากข้าออกจากอาณาจักรต้าฉันไปแล้ว,ข้าอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเป็นเวลานาน”

เฟิงเฟยเสวี่ยยิ้มขึ้นและรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจนางไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินจะนึกถึงค่าสัญญาของเขาในตอนที่เขากําลังจะออกจากอาณาจักรต้าฉัน

“แน่นอน,ด้วยความแข็งแกร่วของเจ้า,เจ้าควรออกไปเดินทางฝึกฝนไม่จําเป็นที่เจ้าต้องมากังวลเกี่ยวกับข้อตกลงของพวกเราไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไกลถึงเพียงใด,ข้าก็สามารถตามหาตัวเจ้าได้” เฟิงเฟยเสวี่ยกล่าวเสียงนุ่ม
ดูเหมือนว่าเฟิงเฟยเสวี่ยยังคงไม่ยินยอมที่จะบอกความลับกับเซียวเฉิน ไม่เป็นไร,เซียวเฉินไม่ได้ไปกดดัน เขาถามต่อ“พี่สาวอวหลันเป็นเช่นไรบ้างที่สํานักฉันสวรรค์?”

เมื่อเฟิงเฟยเสวี่ยได้ยินชื่อของเซี่ยวหลาน,ความซับซ้อนปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางกล่าว “นางได้รับดอกดาวเรืองแสงไหลของเจ้าแล้ว ตอนนี้,นางกําลังบ่มเพาะพลังอย่างที่สุดนางเข้มงวดกับตัวเองนางได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่สูงส่งและมีผู้อาวุโสของสํานักฉันสวรรค์ได้รับนางไปเป็นศิษย์”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ข่าวว่าเซี่ยวหลานกําลังไปได้ดี,เขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากนั้น,พวกเขาทั้งสองก็พูดคุยกันต่อเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวถึงเรื่องหม้อมังกรฟินิกซ์

เฟิงเฟยเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวอย่างเสียใจ “ตระกูลเฟิงมีวิธีหลอมสมบัติลับแต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นข้อมูลระดับลับสุดยอด มีเพียงผู้นําตระกูลที่มีมันแม้แต่ข้าก็ไม่รู้

เซียวเฉินรู้สึกประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน,มันก็สมเหตุสมผลหากตระกูลใดที่ครอบครองวิธีการหลอมสมบัติลับ,ความแข็งแกร่งของตระกูลก็จะพุ่งทะยาน

ความลับสําคัญเช่นนี้ควรจะเก็บอยู่ในมือของผู้นําตระกูลอย่างแน่นอนมิฉะนั้นหากมันรั่วไหลออกไป,ผลที่ตามมาคือหายนะ

และมีเหตุผลอื่นๆที่จะสร้างความล่าบากให้กับเฟิงเฟยเสวีย,เซียวเฉินไม่ได้ไปสนใจอีกตลอดมา,เขาไม่ชอบกดดันคนอื่น นอกจากนั้น,นางได้ช่วยเหลือเขามามากพอแล้ว

แค่ทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์,มังกรฟ้าเมฆาทะยานอย่างเดียว มันก็ได้ช่วยชีวิตเสี่ยวเฉินในจังหวะสําคัญมาหลายต่อหลายครั้ง มันมีคุณค่ายิ่งกว่าสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่า;ไม่มีอะไรที่เขาจะกล้าขอจากนางอีกแล้ว

เฟิงเฟยเสวี่ยกล่าว “ข้าเสียใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม,ในตอนที่เจ้าฝากหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้กับตระกูลเฟิง,ข้าจะจ่ายค่าเช่าเป็นรายวัน,วันละสิบหินวิญญาณระดับกลาง,จนกว่าที่เจ้าจะขอมันคืน”

เซียวเฉินโบกมือและกล่าว “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น แค่ทําเหมือนข้าฝากมันเอาไว้ที่ตระกูลเฟิงหากมันอยู่ในมือของข้า,มันก็มีแต่จะเป็นเผือกร้อน”

สิ่งที่เซียวเฉินเป็นกังวล,มันก็เป็นเรื่องนี้ หากเขาสามารถเก็บมันเอาไว้ในแหวนหัวงจักรวาล,มันก็ไม่เป็นไรแต่อย่างไรก็ตาม,เขาไม่อาจทําได้เช่นนั้น ดังนั้นมันมีแต่จะเป็นภาระ

พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันอีกระยะหนึ่ง เพิ่งเฟยเสวี่ยพูดคุยเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญที่นางพบเจอมาในอาณาจักรที่กว้างใหญ่,รวมถึงทักษะต่อสู่ประหลาดๆที่นางเคยพบมาทั้งหมดนี้เป็นการเปิดหูเปิดตาให้กับเซียวเฉิน,ทําให้เขามองหาโอกาสจะไปเจอพวกเขา

ท้ายที่สุด,ขณะที่เซียวเฉินกําลังจะจากไปในที่สุดเขาก็อดไม่ได้และกล่าวความสงสัยในใจของเขาออกไป“เฟิงเฟยเสวี่ย,ข้าอยากจะถามเจ้ามาตลอด;ทําไมเจ้าถึงได้ทําดีกับข้าเหลือเกิน?”

ครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน,เฟิงเฟยเสวี่ยก็อยากที่จะมอบหม้อปรุงยามังกรฟ้าให้กับเซี่ยวเฉินในครั้งที่สองที่พวกเขาพบกัน.นางก็เชิญเขาให้ไปร่ําเรียนที่สํานักฉันสวรรค์ในครั้งที่สามที่พวกเขาพบกัน,นางก็มอบทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ให้กับเขา”

หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินได้ทําวินาศสันตะโรและเฟิงเฟยเสวี่ยก็เข้ามาช่วยดูแลตระกูลเซี่ยวและค่อยจัดการกับผลพวงจากเรื่องที่เขาก่อเอาไว้ จากนั้น,นางก็ขอให้หยิงเยว่เชิญเขาให้มาเข้าร่วมกองทัพจักรวรรดิมังกร,อยากจะช่วยฟื้นฟูตัวตนที่แท้จริงของเขากลับมา,นั้นมันเกินกว่าที่คนธรรมดาเขาจะทํากัน

แต่ละเหตุการณ์เป็นผลให้ติดบุญคุณมหาศาล แต่,เฟิงเฟยเสวี่ยกลับช่วยเหลือเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข นี่ทําให้เซี่ยวเฉินรู้สึกสงสัยอย่างประหลาด

ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ารักแบบไม่มีเงื่อนไขหรือเกลียดแบบไม่มีเหตุผลในโลกใบนี้ สําหรับทุกเหตุการณ์,มันมีจุดเกิด

ความตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของเฟิงเฟยเสวี่ย แต่อย่างไรก็ตาม,นางไม่ได้ประหลาดใจเกินไปนักนางได้คาดถึงคําถามนี้ของเซี่ยวเฉินเอาไว้นานแล้ว

เมื่อเฟิงเฟยเสรี้ยมองไปที่สายตาอันแน่วแน่ของเซี่ยวเฉิน,ความโศกเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนาง นางกล่าว “ช่วยเหลือเจ้าก็เทียบเท่าได้กับช่วยเหลือตัวข้าเองสําหรับเหตุผลแบบจงเจาะ,มันยังไม่สะดวกที่จะบอกกับเจ้าในตอนนี้ รอจนกว่าเจ้าจะสามารถูกมชะตาของตัวเจ้าเองได้อย่างแท้จริง,จากนั้นคําตอบก็จะปรากฏออกมาเอง”

ดูเหมือนว่าเฟิงเฟยเสวี่ยยังคงไม่ยินยอมที่จะบอกเหตุผลกับเขา,ความลับที่ว่าทําไมมังกรฟ้าถึงได้ลบหายไป,หรือที่ว่าทําไมเซี่ยวเฉินถึงได้ถูกไล่ออกจากตระกูล

ความบัพวกนี้ได้กวนใจของเซี่ยวเฉินมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนว่าจะเป็นการยากที่จะได้คําตอบจากเฟิงเฟยเสวี่ย

ที่ว่า กุมชะตาของตัวเองได้อย่าแท้จริง” หมายความเช่นไร? หรือตัวเขาและเฟิงเฟยเสวี่ยไม่ได้กุมชะตาของพวกเขาเองในตอนนี้?

มองเห็นเซี่ยวเฉินนิ่งเงียบ,เฟิงเฟยเสวี่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน “หากเจ้าอยากจะรู้จริงๆ,เจ้าสามารถไปที่เมืองหลวงแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าหวังว่าก่อนที่เจ้าจะไป,เจ้าจะได้รับพลังอันเด็ดขาดมาแล้วมิฉะนั้นหากเจ้าไป,ชะตาของเจ้าก็มีแต่จะถูกผู้อื่นควบคุม

“สําหรับผู้สืบทอดจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าคนสุดท้าย,การมีมีตัวตนอยู่ของเจ้าเป็นภัยต่อผลประโยชน์ของหลายๆคนมีอันตรายมากมายอยู่ในทุกย่างก้าว”

“ในตอนที่บิดาของเจ้าขับไล่เจ้าออกจากตระกูล,หนึ่งในเหตุผลหลักก็คือผลกระทบจากผลประโยชน์เหล่านั้นนี่เป็นสิ่งที่ตระกูลเซี่ยวไม่อาจต้านทานได้ สิ่งที่เจ้าสามารถทําได้ในตอนนี้ก็คือแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่มีเส้นทางอื่นให้เจ้าเลือก”

คําของเฟิงเฟยเสวี่ยทําให้เซี่ยวเฉินปวดหัวเล็กน้อยมันเกี่ยวข้องกับการมีตัวตนของจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า

เซี่ยวเฉินก็พอจะคาดเดาได้ลางๆมาตลอดพลังของที่มังกรฟ้ามีมันยิ่งใหญ่กว่าที่เซี่ยวเฉินจินตนาการอย่างไรก็ตาม,เขาไม่กล้าที่จะคิดเกี่ยวกับมันไปไกลกว่านั้น

เซียวเฉินถึงกับลดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าเป็นเพราะพลังที่ยิ่งใหญ่จะมากับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

เซี่ยวเฉินเพียงจะปีนป่ายขึ้นไปไม่มความจําเป็นที่เขาจะไปมีส่วนร่วมแผนการเมืองเล่ห์เหลี่ยมมั้งหมดนี้

เซี่ยวเฉินเพียงต้องใช้ชีวิตเพื่อตัวเขาเองเท่านั้นเขาเพียงแค่ต้องก้าวอย่างช้าๆไปตามเส้นทางแห่งผู้บ่มเพาะพลัง,ก้าวไปทีละก้าวสู่สุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม,คําของเฟิงเฟยเสวี่ยยืนยันการคาดเดาของเซี่ยวเฉิน

นับตั้งแต่วันที่เขาได้หลอมรวมจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า,ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ,ยินยอมหรือไม่ยินยอม,เขาก็ได้ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพกวนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะทําอะไร,เขาก็จะไม่ อาจหลีกหนีไปได้

เซี่ยวเฉินยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มในอีกเดียวจากนั้นเขาก็วางถ้วยชากลับลงไปบนโต๊ะเขาสงบใจลงและกล่าว “ไม่ว่ามันจะเป็นเช่นไร,ข้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวข้าเองและคนที่ข้าห่วง โชคชะตาก็เป็นสิ่งที่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองอยู่แล้ว”

“น้ําใจที่เจ้ามอบให้กับข้า,ข้าจะตอบแทนมันในอนาคตข้าจะไม่หย่อนยานในหน้าที่นี้ขอลาก่อน!”

หลังจากที่เซี่ยวเฉินกล่าวจบ,เขาออกไปในทันทีขณะที่เพิ่งเฟยเสวี่ยมองดูเซี่ยวเฉินจากไป,มีความตกตะลึงบนใบหน้าของนาง

หลังจากผ่านไปพักใหญ่,ประตูลับในห้องรับแขกก็เปิดออกมีหญิงสาวผู้งดงามในชุดคลุมส์แดงปรากฏตัวออกมา

แม่นางผู้นี้งามสง่าเป็นอย่างยิ่งนางอายุประมาณสามสิบปี,แต่ใบหน้าที่งดงามนี้ดูเหมือนนางเพิ่งจะอายุสิบแปดหรือสิบเก้าปีอายุไม่ได้ทําอะไรใบหน้าของนางแม้แต่น้อย

หากดูอย่างละเอียดแล้ว,อาจจะเห็นได้ว่าแม่นางผู้นี้มีใบหน้าคละคล้ายเซียวเฉิน

เมื่อเฟิงเฟยเสวี่ยเห็นหญิงงามนางนี้ นางกล่าวเสียงเบาๆ “ท่านป้า,เขาอยู่เพียงตรงหน้าของ ท่าน ท่านไม่อยากที่จะพบเขา?”

ความใจสลายปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงนางนี้,ขอบแต่ของนางเบียดชิ้นเล็กน้อยนางกล่าวเสียค่อย“ไม่จําเป็นข้าติดค้างเขามากเกินไปแล้วมันก็เพียงพอแล้วที่ข้าสามารถได้ยินเสียงของเขา”

เฟิงเฟยเสวี่ยเดินไปที่หน้าต่างนางมองออกไปด้านนอกและมองดูเซียวเฉิน,ผู้ที่กลายเป็นเส้นลําแสงสีม่วงเคบื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วนางกล่าว “ข้าเชื่อว่าเขาคือคนที่ข้ารอคอยข้าจะทําอย่างที่สดเพื่อต่อต้านการตัดสินใจของบิดาและผู้อาวุโสพวกเรายึดถือข้อตกลงมานับพันปีแล้ว;เป็นธรรมดา,ที่พวกเราจะต้องสืบทอดมันต่อไป”

ยังคงมีอีกหนึ่งสิ่งในใจของนางที่นางไม่ได้กล่าวออกไป มันเป็นอย่างที่เซี่ยวเฉินได้กล่าวเอาไว้,ถึงอย่างไรโชคชะตาก็เป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว

ผู้ที่เพิ่งเฟยเสวี่ยเรียกว่าท่านป้าจ้องมองมาที่เฟิงเฟยเสวี่ยก่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางหญิงสาวนางนี้ทําให้นางนึกถึงตัวเองในอดีต,นางถอดหายใจยาว

หลังจากที่เซี่ยวเฉินออกมาจากโรงจํานําผู้นําชัย,เขาพักผ่อนอยู่ที่โรงเตี้ยมเป็นเวลาสองวันและเริ่มจัดการกับภารกิจนิกายระดับดําที่เหลืออยู่

ขณะที่เขากําลังไล่ทําภารกิจ,เขาได้ยินข่าวที่เพิ่งเฟยเสวี่ยกระจายออกมา :หม้อมังกรฟินิกซ์อยู่ในมือของตระกูลเฟิง,และพวกเขาเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาเยี่ยมชม

ในตอนที่เซียวเฉินได้ยินข่าวนี้เป็นครั้งแรก,เขาตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม,เขาก็เข้าใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง เฟิงเฟยเสวี่ยดึงความสนใจทั้งหมดบนตัวของเซี่ยวเฉินให้มาอยู่ที่ตระกูลเฟิง

หม้อมังกรฟินิกซ์เป็นเผือกร้อนที่ดูดดึงความนใจของทุกคน ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะไปที่ไหน,เขาจะได้รับความสนใจอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น ยังเป็นความสนใจที่มาพร้อมกับเจตนาร้าย

เซียวเฉินจะหนีไปจากมันกลได้ก็ต่อเมื่อส่งมันให้กับศาลากระปสวรรค์,และได้รับการปกป้องจากขมอํานาจใหญ่ด้วยการกระจายข่าวเช่นนี้,เฟิงเฟยเสวี่ยช่วยเหลือเซียวเฉินได้อย่างมาก

หนึ่งเดือนต่อมา,เซี่ยวเฉินสําเร็ยทุกภารกิจที่เขารับมา เขาเริ่มออกเดินทางกลับไปที่ศาลากระสวรรค์

ไม่มีภารกิจอะไรมาค่อยถ่วงเวลาเขา,เขาสามารถกลับไปถึงศาลากระปสวรรค์ภายในครึ่งเดือนขณะที่เคบื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงสุดในตอนที่เขามาถึง,เขามุ่งหน้าสู่โถงคุณความชอบที่ฐานส่องสวรรค์ในทันที

บนชั้นสองของฐานส่องสวรรค์,ผู้ตรวจสอบยืนยันสัญญาภารกิจทั้งหมดที่เซียวเฉินนํามา

“ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสําเร็จภารกิจระดับดําทั้งฟมดได้ภายในสามเดือน” พนักงานของโถงคุณความชอบกล่าวด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาตรวจสอบสัญญาภารกิจเสร็จเรียบร้อย

เซียวเฉินยิ้มเบาๆและไม่ได้กล่าวอะไรอีกเขาเลือกภารกิจพวกนี้ไปหลังจากที่ไตร่ตรองพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว

หากไม่มั่นใจ,เซียวเฉินคงไม่รับภารกิจมากมายเช่นนี้ในครั้งเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+