Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 349 รับผิดชอบอาวุธเทพ?

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 349 รับผิดชอบอาวุธเทพ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 รับผิดชอบอาวุธเทพ?

หลิวเทียนยู่ไม่รีบเร่งที่จะตอบคําถามของเซี่ยวเฉิน เขาเพียงจ้องมองเซี่ยวเฉินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าที่มีอายุของเขา เขากล่าวอย่างเลื่อนลอย “ข้ามีเรื่องที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า”

เซ็นวเฉินเผยรอยยิ้มจางๆและกล่าว “ผู้อาวุโสล้อเล่นอีกแล้ว ท่านสามารถดึงอาวุธเทพออกมาได้)จะมีอะไรในโลกที่จะมาท้าทายท่านในโลกใบนี้? ข้าอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญ,จะทําอะไรให้ท่านได้?”

เซี่ยวเฉินปฏิเสธคําขอของหลิวเทียนยู่ด้วยไม่มีลังเล

ในเมื่อเซี่ยวเฉินไม่ได้ติดบุญคุณอะไรกับหลิวเทียนยู่ ก็ไม่มีความจําเป็นที่เขาจะต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง มันไม่ง่ายที่จะช่วยคําขอของหลิวเทียน

หลิวเทัยนยู่ไม่ได้แปลกใจที่เซี่ยวเฉินปฏิเสธ เขาเพียงจ้องมาที่เซี่ยวเฉินโดยไม่ได้กล่าวอะไร

สายตาของหลิวเทียนยู่นิ่งสงบไม่มีอารมณ์เจือปน,ไม่มีโกรธหรือโมโห เขาเพียงจ้องมอง เซียวเฉินอย่างเงียบๆ

เซี่ยวเฉินรู้สุกเลิกลักภายใต้สายตาที่จ้องมองมา ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เขากล่าวขึ้น “บอกมาก่อนว่าท่านอยากจะให้ช่วยอะไร”

หลิวเทียนยู่ยิ้ม,และเขาหรี่ตาลง เขากล่าว “ข้ารู้ว่าผู้กล้าเยาเฉินใจอ่อน เจ้ามีจิตใจงดงามและยินดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เจ้าจะต้องเมตตาชายชราผู้นี้”

เซียวเฉินขัดขึ้น “ได้โปรด,ท่าน,อย่าได้ยกย่องข้าสูงส่ง เพียงกล่าวมาตรงๆ”

หลิวเทียนยู่โบกมือของเขา และเกิดแรงดูดกล่องไม้ที่สลักคําว่า เหมือนจักรพรรดิ์เสด็จมาเอง” มันไหลผ่านอากาศอย่างต่อเนื่อง

“ข้าอยากจะส่งมอบอาวุธเทพนี้ให้กับเจ้า” หลิวเทียนยู่กล่าวอย่างจริงจัง,รอยยิ้มของเขาจางหายไป

เซียวเฉินตกตะลึงหัวใจของเขาสันสะเทือน ไม่ว่าจิตใจของเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด มันก็ยากที่เขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าหลิวเทียนยู่จะส่งต่ออาวุธเทพให้กับเขา

อย่างไรก็ตาม,ผ่านไปครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็สงบลง ในตอนที่คนธรรมดาถือครองสิ่งที่ไม่ธรรมดา,มันจะปลุกความอิจฉาแก่ผู้อื่น ปราศจากความแข็งแกร่งที่เพียงพอ,การรับอาวุธเทพไปก็เหมือนกับมองหาความตาย

นอกจากนั้น,หลิวเทียนยู่จะต้องไม่มอบอาวุธเทพให้กับเขาโดยไม่มีเหตุผลนี้เป็นสมบัติของศาลากระบี่สวรรค์ เขาจะส่งมอบมันให้แก่ผู้อื่นอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

“ช่วยข้าส่งมอบมันให้กับคนคนหนึ่ง ในตอนที่เขาเห็นอาวุธเทพชิ้นนี้ เขาจะเข้าใจเอง” แน่นอน,หลิวเทียนยู่รีบกล่าวต่อ

เซียวเฉินยิ้มอย่างขมขึ้นในใจและกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโส,ท่านช่วยกล่าวทั้งหมดใน ครั้งเดียวได้หรือไม่ ท่านไม่กังวลว่าข้าจะเกิดละโมบและเก็บอาวุธเทพเอาไว้เอง?”

หลิวเทัยนยกล่าวอย่างเฉยเมย “แม้ว่าเจ้าอยากจะใช้มัน,เจ้าก็ไม่อาจดึงมันออกมา สําหรับเจ้า,มันก็เหมือนเป็นขยะ”

ท่ามกลางสายลมรุนแรง,เซียวเฉินหลับตาและไตร่ตรอง เขาลืมตาขึ้นหลังจากเว้นช่วงไปนาน เขากล่าว “ขออภัย:ข้าทําไม่ได้ มีผู้เชี่ยวชาญมากมายภายในศาบากระบี่สวรรค์ ทําไมผู้อาวุโสถึงได้เลือดข้าแทนที่จะเป็นคนอื่น?”

เหตุการณ์เมื่อสามวันก่อนยังแจ่มแจ้งในใจของเซียวเฉิน อย่างไรก็ตาม,ความยั่วยวนของอาวุธเทพมันมหาศาลเกินไป

ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้สนใจศาลากระบี่สวรรค์และถูกสังหารในทางที่เข้ามา เซียวเฉินเป็นเพียงระดับขอบเขตนักบุญตัวกระจ้อย เขาจะมีความแข็งแกร่วที่จะปกป้องอาวุธเทพได้อย่างไร? ไม่ต้องก ล่าวถึงระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ,ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย

หลิวเทียนยกล่าวเป็นนัยด้วยน้ําเสียงท้อใจ “ใครในศาลากระบี่สวรรค์ที่จะยินยอมให้ข้าส่งมองอาวุธเทพให้กับคนอื่น มีทั้งศึกนอกและปัญหาภายใน นี่เป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดสําหรับนิกายของพวกเขา นี่เป็นคําขอสุดท้ายของชายชราผู้นี้ ข้าหวังว่าน้องชายตัวน้อยจะไม่ปฏิเสธ

เซียวเผอินกล่าวอย่างงุนงง “เหลิงหลิวซูเลื่อนสู่ระดับยอดสุดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นตอนอายุ 17 ปี สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งคนมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ด้วยการสนับสนุนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์, จะมีใครที่กล้าลงมือกับศาลากระบี่สวรรค์?”

หลิวเทียนยู่ส่ายหัวและกล่าว “หากชายชราผู้นี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ,ข้าจะทําทุกทางเพื่อหยุดไม่ให้มันเกิดขึ้น การติดต่อกับสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยจบลงด้วยดี”

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและกล่าว “สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์แยกตัวออกจากโลกใบนี้ พวกเขามีอํานาจเด็ดขาดและไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรใด พวกเขากว้างขวาง มีพวกเขาคอยสนับสนุนพวกเราก็มีแต่ได้กับได้”

หลิวเทียนยู่ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าว “ช่างโอ้อวด มีกี่ขุมอํานาจใหญ่ภายในทวีปแห่งนี้ที่เจ้ารู้จักนอกจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ใครเป็นผู้ควบคุมโลกใบนี้อย่างแท้จริง?”

“เอาเข้าจริง, โลกใบนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถจินตนาการถึงกลเกมหักหลังที่ขุมอานาจสูงสุดเล่นกับผู้อื่น? โลกใบนี้ดําเนินไปด้วยผลประโยชน์และความสนใจ หากพวกเขาไม่ได้ รับอะไร,พวกเขาก็ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นได้มันไป ไม่เคยมีผู้กอบกู้ที่แท้จริงในโลกใบนี้”

โลกใหญ่ถึงเพียงใด มีขุมอํานาจใดในทวีปนี้,และใครคือผู้ปกครองโลกใบนี้อย่างแท้จริง,เซี่ยวเฉินไม่รู้เลย

คําถามของหลิวเทียนยู่ทําเซี่ยวเฉินหมดคําพูดเขาคิดคําที่จะกล่าวไม่ออก

“แค่ก…แค่ก…!” หลังจากที่หลิวเทียนยู่กล่าวจบ,สีหน้าของเขาพลันกลายเป็นราเกลียด เขาไม่อาจหยุดไอ,เส้นสายสีดําแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา;เขาดูเจ็บปวด

นี่ทําให้เซี่ยวเฉินตกใจหนัก เขารีบพุ่งตรงเข้าไปและกล่าว “ผู้อาวุโส,เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”

“อย่าเข้ามาใกล” หลิวเทียนอู่ตะเบ็งเสียงอย่างเกรี้ยวกราด เขาปลดปล่อยกระแสพลังแห่งความตายออกมา

ใบหน้าของเซี่ยวเฉินจมลึก เขาวางมือขวาลงบนด้ามกระบี่และล่าถอยกลับ,ลงจอดที่ขอบหน้าผา

กระแสพลังแห่งความตายทะลวงเข้าลึกในจิตใจ เซียวเฉินไม่เคยเห็นกระแสพลังแห่งความตายที่บริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อน มันทําให้หวาดกลัวจากก้นบึงของจิตใจราวกับความตายล้อมเข้ามา

เส้นหนวดสีดํานับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่าและพันรอบตัวของหลิวเทียนยู่ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวขณะที่อดกลั้นอย่างขมขื่น

หลังจากผ่านไปนาน,หนวดสีดําก็ค่อยๆหดกลับ สีหน้าของหลิวเทียนยู่กลับมาสงบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม, ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะแก่ขึ้นอีกสิบปี

หลิวเทียนยู่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขึ้น “เดิมที่ข้าคิดว่าอาจจะอดทนต่อได้อีกสักสองหรือสามวัน ข้าไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ สหายน้อย นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ชายชราผู้นี้จะขอจากเจ้า โปรดส่งมอบอาวุธเทพให้กับคนผู้นั้น”

“ฟุ ฟิว!”

หลิวเทียนยู่สะบัดมือของเขาและโยนกล่องไม้ที่บรรจอาวุธเทพไปที่เซียวเฉิน เซียวเฉินไม่อาจหลบเลี่ยงและทําได้เพียงยื่นมืออกไปรับเอาไว้

กล่องไม้จมลงในมือของเขาเล็กน้อย;เห็นชัดว่ามันมีน้ําหนักมหาศาล เซียวเฉินวางกล่องไม้ลงตรงเท้าของเขาและถามขึ้น “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”

หลิวเทียนยโบกมือและกล่าว “ก็แค่ปีศาจระดับสูงที่ครอบงําร่างของข้ามานานนับยี่สิบปี เจ้าไม่ต้องไปสนใจเรื่องนี้”

“หากเจ้าไม่มีสายเลือดของจักรพรรดิกระบี่,เจ้าไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของอาวุธเทพนี้ออกมาได้ ไม่แม้แต่จะดึงมันออกมาจากฝัก ในตอนที่ท่านเจ้าศาลารุ่นก่อนส่งมอบมันให้กับข้า,เขาลงประทับตราศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ข้าจะส่งต่อมันให้กับเจ้าในวันนี้ ในตอนที่เจ้าจําเป็น,เจ้าสามารถดึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ออกมาได้

“ฟุ ฟิว!”

หลวเทียนยู่เหยียดนิ้วออกมา,และตราประทับศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้ว จากนั้น มันก็ลอยเข้าไปในสมุทรแห่งจิตใต้สํานึกของเซียวเฉิน

จิตใจของเซี่ยวเฉินสั่นสะเทือน เขาสัมผัสได้ถึงตราประทับศักดิ์สิทธิ์รุ่งโรจน์ที่อยู่ภายในสมุทร แห่งจิตใต้สํานึกของเขา ในตอนที่เขาตรวจสอบมันอย่างละเอียด,เขาพบว่ามันเป็นหยดเลือดสีทอง

ดูเหมือนเขาจะโยนเผือกร้อนมาใส่มือข้า, เซียวเฉินถอนหายใจในใจ

“คนผู้นั้นคือใคร? ข้าจะหาเขาพบได้อย่างไร? เขาชื่ออะไร?” เซี่ยวเฉินถามขึ้น

หลวเทียนยู่ตอบกลับ “เขาเป็นพี่น้องกับท่านเจ้าศาลารุ่นก่อน ชื่อของเขาคือเหลิงเทียนเหอ เขาออกไปจากศาลากระปสวรรค์เมื่อหลายสิบปีก่อน แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

เซี่ยวเฉันอยากจะออกปากด่า เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าคนผู้นั้นอยู่ที่ไหน:ข้าจะไปตามหาได้อย่างไร?

หลิวเทียนยู่ยิ้มและกล่าว “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องหาเขาพบ ไปเร็ว หลังจากที่ใช้อาวุธเทพไป,ข้าเผาผลาญความแข็งแกร่งของข้าไปมาก ข้าไม่อาจกดข่มเขาได้อีกต่อไป ข้าจะผนึกตัวเองในน้ําแข็ง”

พลังอันแข็งแกร่งผลักตัวของเซียวเฉินออกไปโดยไม่ให้เขาได้ถามอะไรอีก หมอกเยือกแข็ง ค่อยๆปกคลุมร่างของหลิวเทียนยู่ ฉีเยือกแข็งค่อยๆกระจายออกไป,ในไม่ช้า,เขาก็กลายเป็นรูปสลักน้ําแข็ง

ฉีเยือกแข็งแผ่ขยายต่อไปและปกคลุมยอดภูเขาอย่างรวดเร็ว ในทันทีต่อมา,น้ําแข็งก็ผนึก ยอดภูเขาไปพร้อมกับหลิวเทียนยู่

เซียวเฉินถือกล่องไม้ขณะที่ร่อนลงมาอย่างรวดเร็ว สายลมรุนแรงพัดเป่าเข้ามาจากทั้งสอง ข้าง ในตอนที่เขามองไปยังยอดภูเขาที่เต็มไปด้วยน้ําแข็ง,เขารู้สึกซับซ้อนในใจ

เซี่ยวเฉินเก็บกล่องไม้เข้าไปในแหวนหัวงจักรวาล จากนั้น เขารีบมุ่งหน้าไปที่ลานของเขา ห ลิวหรูเยว่ยังไม่ได้เข้านอนและกําลังยืนนิ่งเงียบอยู่ภายในลาน

เซี่ยวเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเล่าให้นางฟังเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนยอด ภูเขา,เล่าให้หลิวหรูเยว่ฟังทุกรายละเอียด

โดยไม่คาดคิด หลังจากที่หลิวหรูเยว่ได้ฟัง,สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนแปลงนางไม่ตกอกตกใจ

หลิวหรเยวยิ้มอย่างขมขึ้นและอธิบา “พ่อของข้าได้บอกข้าแล้วในตอนที่เขาส่งมอบยอดเขาฉิงหยุนให้กับข้า ปีศาจระดับสูงตนนี้เป็นรองจากแม่ทัพปีศาจโลหิต วิญญาณของปีศาจตนนั้นได้ ครอบง่เขามากว่ายี่สิบปีแล้ว”
“ที่จริง,เขาตกอยู่ในความเจ็บปวดตลอดเวลา เขาเพียงไม่บอกกล่าวให้ข้าฟัง บางทีการผนึกตัวเองในน้ําแข็งจะเป็นการดีที่สุดสําหรับเขาแล้ว”

หลิวหรูเยวหยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อ “เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลมากเกี่ยวกับอาวุธเทพ เพียงปล่อยให้มันอยู่ในกล่องไม้จะไม่มีใครสัมผัสถึงมันได้”

เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “นั้นคือทั้งหมดที่ข้าทําได้ มีผู้คนมากมายในโลกใบนี้ มันยากเย็นที่จะตามหาใครสักคนในหมู่ผู้คน เจ้าควรเข้านอนไปก่อน หากมีหนทางช่วยเหลือบิดาของเจ้าในอนาคต,ข้าจะทําทุกอย่างที่ข้าท่าได้”

หลิวหรูเยวพยักหน้าและกล่าว “ขอบคุณเจ้าล่วงหน้า เจ้าควรเข้านอนเร็วเช่นกันอย่างกดดันตัวเองให้มากนัก

ในตอนเช้า,เซี่ยวเฉินฝึกฝนตัวเองอย่างที่ทํามา เขาไม่กดดันตัวเองมากนักเกี่ยวกับเรื่องของอาวุธเทพ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ กลับกัน,เขาจดจ่อไปกับสลักร่างพยัคฆ์มังกร ในเมื่อเขาชนเข้ากับปัญหาในการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,เขาจะจดจ่อไปกับสลักร่างพยัคฆ์มังกรแทน

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้น้ําตกที่ไหลเชี่ยวด้านหลังภูเขา เขาใช้วิธีการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อบ่มเพาะชั้นสุดท้ายของสลักร่างพยัคฆ์มังกร

การบ่มเพาะทักษะเสริมร่างกายนั้นล่าบากและยากเย็นกว่าทักษะบ่มเพาะพลัง นอกจากต้องอดทนต่อความเปล่าเปลี่ยวที่ไม่สิ้นสุด,ร่างกายจะต้องตกอยู่ในความตึงเครียดตลอดเวลา

ภายในพริบตา เจ็ดวันได้ผ่านไปศาลากระปสวรรค์ได้ใช้กําลังคนจํานวนมากเพื่อฟื้นฟูอาคารที่ถูกทําลายกลับมาสมบูรณ์ภายในเจ็ดวัน มันฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีต

ในขณะเดียวกัน,พวกเขาก็ปล่อยข่าวที่น่าตกตะลึง:ท่านเจ้าศาลาน้อย,เหลิงหลิวซ,ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นด้วยอายุสิบเจ็ดปี

ตําหนักเฟิงชิง, หนึ่งในสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์, จะส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขามาที่ศาลากระบี่สวรรค์ในตอนต้นเดือนหน้า พวกเขาจะช่วยศาลากระปสวรรค์ปิดผนึกรอยแยกอย่างสมบูรณ์

ศาลากระบี่สวรรค์จะจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้า ในขณะเดียวกัน,พวกเขาได้ส่งคําเชิญไปที่นิกายหลักและตระกูลใหญ่ทั้งหมดให้มาเข้าร่วม

หนึ่งในสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตํานานจะมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ นอกจากนั้น ท่านเจ้าศาลาน้อยได้เป็นอัจฉริยะที่ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นด้วยอายุเพียงสิบเจ็ดปี

ทันใดนั้นเอง,ข่าวลือเชิงลบของศาลากระปสวรรค์ก็ลบหายไป เหล่านิกายที่มีความสัมพันธ์กับศาลากระบี่สวรรค์ที่ยังกระสับกระส่ายได้ส่งคนไปมอบของบรรณาการแสดงความภักดีของพวกเขาในทันที
มีผู้นําจากขุมอานาจหลักหลายคนที่เข้ามาและส่งมอบของบรรณาการด้วยตัวเอง พวกเขาหวังที่จะเป็นพันธมิตรกับศาบากระบี่สวรรค์ หากพวกเขาได้ซาลากระบี่สวรรค์เป็นผู้หนุนหลัง,สถานะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 349 รับผิดชอบอาวุธเทพ?

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 349 รับผิดชอบอาวุธเทพ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 รับผิดชอบอาวุธเทพ?

หลิวเทียนยู่ไม่รีบเร่งที่จะตอบคําถามของเซี่ยวเฉิน เขาเพียงจ้องมองเซี่ยวเฉินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าที่มีอายุของเขา เขากล่าวอย่างเลื่อนลอย “ข้ามีเรื่องที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า”

เซ็นวเฉินเผยรอยยิ้มจางๆและกล่าว “ผู้อาวุโสล้อเล่นอีกแล้ว ท่านสามารถดึงอาวุธเทพออกมาได้)จะมีอะไรในโลกที่จะมาท้าทายท่านในโลกใบนี้? ข้าอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญ,จะทําอะไรให้ท่านได้?”

เซี่ยวเฉินปฏิเสธคําขอของหลิวเทียนยู่ด้วยไม่มีลังเล

ในเมื่อเซี่ยวเฉินไม่ได้ติดบุญคุณอะไรกับหลิวเทียนยู่ ก็ไม่มีความจําเป็นที่เขาจะต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง มันไม่ง่ายที่จะช่วยคําขอของหลิวเทียน

หลิวเทัยนยู่ไม่ได้แปลกใจที่เซี่ยวเฉินปฏิเสธ เขาเพียงจ้องมาที่เซี่ยวเฉินโดยไม่ได้กล่าวอะไร

สายตาของหลิวเทียนยู่นิ่งสงบไม่มีอารมณ์เจือปน,ไม่มีโกรธหรือโมโห เขาเพียงจ้องมอง เซียวเฉินอย่างเงียบๆ

เซี่ยวเฉินรู้สุกเลิกลักภายใต้สายตาที่จ้องมองมา ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เขากล่าวขึ้น “บอกมาก่อนว่าท่านอยากจะให้ช่วยอะไร”

หลิวเทียนยู่ยิ้ม,และเขาหรี่ตาลง เขากล่าว “ข้ารู้ว่าผู้กล้าเยาเฉินใจอ่อน เจ้ามีจิตใจงดงามและยินดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เจ้าจะต้องเมตตาชายชราผู้นี้”

เซียวเฉินขัดขึ้น “ได้โปรด,ท่าน,อย่าได้ยกย่องข้าสูงส่ง เพียงกล่าวมาตรงๆ”

หลิวเทียนยู่โบกมือของเขา และเกิดแรงดูดกล่องไม้ที่สลักคําว่า เหมือนจักรพรรดิ์เสด็จมาเอง” มันไหลผ่านอากาศอย่างต่อเนื่อง

“ข้าอยากจะส่งมอบอาวุธเทพนี้ให้กับเจ้า” หลิวเทียนยู่กล่าวอย่างจริงจัง,รอยยิ้มของเขาจางหายไป

เซียวเฉินตกตะลึงหัวใจของเขาสันสะเทือน ไม่ว่าจิตใจของเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด มันก็ยากที่เขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าหลิวเทียนยู่จะส่งต่ออาวุธเทพให้กับเขา

อย่างไรก็ตาม,ผ่านไปครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็สงบลง ในตอนที่คนธรรมดาถือครองสิ่งที่ไม่ธรรมดา,มันจะปลุกความอิจฉาแก่ผู้อื่น ปราศจากความแข็งแกร่งที่เพียงพอ,การรับอาวุธเทพไปก็เหมือนกับมองหาความตาย

นอกจากนั้น,หลิวเทียนยู่จะต้องไม่มอบอาวุธเทพให้กับเขาโดยไม่มีเหตุผลนี้เป็นสมบัติของศาลากระบี่สวรรค์ เขาจะส่งมอบมันให้แก่ผู้อื่นอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

“ช่วยข้าส่งมอบมันให้กับคนคนหนึ่ง ในตอนที่เขาเห็นอาวุธเทพชิ้นนี้ เขาจะเข้าใจเอง” แน่นอน,หลิวเทียนยู่รีบกล่าวต่อ

เซียวเฉินยิ้มอย่างขมขึ้นในใจและกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโส,ท่านช่วยกล่าวทั้งหมดใน ครั้งเดียวได้หรือไม่ ท่านไม่กังวลว่าข้าจะเกิดละโมบและเก็บอาวุธเทพเอาไว้เอง?”

หลิวเทัยนยกล่าวอย่างเฉยเมย “แม้ว่าเจ้าอยากจะใช้มัน,เจ้าก็ไม่อาจดึงมันออกมา สําหรับเจ้า,มันก็เหมือนเป็นขยะ”

ท่ามกลางสายลมรุนแรง,เซียวเฉินหลับตาและไตร่ตรอง เขาลืมตาขึ้นหลังจากเว้นช่วงไปนาน เขากล่าว “ขออภัย:ข้าทําไม่ได้ มีผู้เชี่ยวชาญมากมายภายในศาบากระบี่สวรรค์ ทําไมผู้อาวุโสถึงได้เลือดข้าแทนที่จะเป็นคนอื่น?”

เหตุการณ์เมื่อสามวันก่อนยังแจ่มแจ้งในใจของเซียวเฉิน อย่างไรก็ตาม,ความยั่วยวนของอาวุธเทพมันมหาศาลเกินไป

ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้สนใจศาลากระบี่สวรรค์และถูกสังหารในทางที่เข้ามา เซียวเฉินเป็นเพียงระดับขอบเขตนักบุญตัวกระจ้อย เขาจะมีความแข็งแกร่วที่จะปกป้องอาวุธเทพได้อย่างไร? ไม่ต้องก ล่าวถึงระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ,ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย

หลิวเทียนยกล่าวเป็นนัยด้วยน้ําเสียงท้อใจ “ใครในศาลากระบี่สวรรค์ที่จะยินยอมให้ข้าส่งมองอาวุธเทพให้กับคนอื่น มีทั้งศึกนอกและปัญหาภายใน นี่เป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดสําหรับนิกายของพวกเขา นี่เป็นคําขอสุดท้ายของชายชราผู้นี้ ข้าหวังว่าน้องชายตัวน้อยจะไม่ปฏิเสธ

เซียวเผอินกล่าวอย่างงุนงง “เหลิงหลิวซูเลื่อนสู่ระดับยอดสุดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นตอนอายุ 17 ปี สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะส่งคนมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ด้วยการสนับสนุนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์, จะมีใครที่กล้าลงมือกับศาลากระบี่สวรรค์?”

หลิวเทียนยู่ส่ายหัวและกล่าว “หากชายชราผู้นี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ,ข้าจะทําทุกทางเพื่อหยุดไม่ให้มันเกิดขึ้น การติดต่อกับสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยจบลงด้วยดี”

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและกล่าว “สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์แยกตัวออกจากโลกใบนี้ พวกเขามีอํานาจเด็ดขาดและไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรใด พวกเขากว้างขวาง มีพวกเขาคอยสนับสนุนพวกเราก็มีแต่ได้กับได้”

หลิวเทียนยู่ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าว “ช่างโอ้อวด มีกี่ขุมอํานาจใหญ่ภายในทวีปแห่งนี้ที่เจ้ารู้จักนอกจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ใครเป็นผู้ควบคุมโลกใบนี้อย่างแท้จริง?”

“เอาเข้าจริง, โลกใบนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถจินตนาการถึงกลเกมหักหลังที่ขุมอานาจสูงสุดเล่นกับผู้อื่น? โลกใบนี้ดําเนินไปด้วยผลประโยชน์และความสนใจ หากพวกเขาไม่ได้ รับอะไร,พวกเขาก็ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นได้มันไป ไม่เคยมีผู้กอบกู้ที่แท้จริงในโลกใบนี้”

โลกใหญ่ถึงเพียงใด มีขุมอํานาจใดในทวีปนี้,และใครคือผู้ปกครองโลกใบนี้อย่างแท้จริง,เซี่ยวเฉินไม่รู้เลย

คําถามของหลิวเทียนยู่ทําเซี่ยวเฉินหมดคําพูดเขาคิดคําที่จะกล่าวไม่ออก

“แค่ก…แค่ก…!” หลังจากที่หลิวเทียนยู่กล่าวจบ,สีหน้าของเขาพลันกลายเป็นราเกลียด เขาไม่อาจหยุดไอ,เส้นสายสีดําแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา;เขาดูเจ็บปวด

นี่ทําให้เซี่ยวเฉินตกใจหนัก เขารีบพุ่งตรงเข้าไปและกล่าว “ผู้อาวุโส,เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”

“อย่าเข้ามาใกล” หลิวเทียนอู่ตะเบ็งเสียงอย่างเกรี้ยวกราด เขาปลดปล่อยกระแสพลังแห่งความตายออกมา

ใบหน้าของเซี่ยวเฉินจมลึก เขาวางมือขวาลงบนด้ามกระบี่และล่าถอยกลับ,ลงจอดที่ขอบหน้าผา

กระแสพลังแห่งความตายทะลวงเข้าลึกในจิตใจ เซียวเฉินไม่เคยเห็นกระแสพลังแห่งความตายที่บริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อน มันทําให้หวาดกลัวจากก้นบึงของจิตใจราวกับความตายล้อมเข้ามา

เส้นหนวดสีดํานับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่าและพันรอบตัวของหลิวเทียนยู่ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวขณะที่อดกลั้นอย่างขมขื่น

หลังจากผ่านไปนาน,หนวดสีดําก็ค่อยๆหดกลับ สีหน้าของหลิวเทียนยู่กลับมาสงบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม, ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะแก่ขึ้นอีกสิบปี

หลิวเทียนยู่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขึ้น “เดิมที่ข้าคิดว่าอาจจะอดทนต่อได้อีกสักสองหรือสามวัน ข้าไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ สหายน้อย นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ชายชราผู้นี้จะขอจากเจ้า โปรดส่งมอบอาวุธเทพให้กับคนผู้นั้น”

“ฟุ ฟิว!”

หลิวเทียนยู่สะบัดมือของเขาและโยนกล่องไม้ที่บรรจอาวุธเทพไปที่เซียวเฉิน เซียวเฉินไม่อาจหลบเลี่ยงและทําได้เพียงยื่นมืออกไปรับเอาไว้

กล่องไม้จมลงในมือของเขาเล็กน้อย;เห็นชัดว่ามันมีน้ําหนักมหาศาล เซียวเฉินวางกล่องไม้ลงตรงเท้าของเขาและถามขึ้น “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”

หลิวเทียนยโบกมือและกล่าว “ก็แค่ปีศาจระดับสูงที่ครอบงําร่างของข้ามานานนับยี่สิบปี เจ้าไม่ต้องไปสนใจเรื่องนี้”

“หากเจ้าไม่มีสายเลือดของจักรพรรดิกระบี่,เจ้าไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของอาวุธเทพนี้ออกมาได้ ไม่แม้แต่จะดึงมันออกมาจากฝัก ในตอนที่ท่านเจ้าศาลารุ่นก่อนส่งมอบมันให้กับข้า,เขาลงประทับตราศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ข้าจะส่งต่อมันให้กับเจ้าในวันนี้ ในตอนที่เจ้าจําเป็น,เจ้าสามารถดึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ออกมาได้

“ฟุ ฟิว!”

หลวเทียนยู่เหยียดนิ้วออกมา,และตราประทับศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้ว จากนั้น มันก็ลอยเข้าไปในสมุทรแห่งจิตใต้สํานึกของเซียวเฉิน

จิตใจของเซี่ยวเฉินสั่นสะเทือน เขาสัมผัสได้ถึงตราประทับศักดิ์สิทธิ์รุ่งโรจน์ที่อยู่ภายในสมุทร แห่งจิตใต้สํานึกของเขา ในตอนที่เขาตรวจสอบมันอย่างละเอียด,เขาพบว่ามันเป็นหยดเลือดสีทอง

ดูเหมือนเขาจะโยนเผือกร้อนมาใส่มือข้า, เซียวเฉินถอนหายใจในใจ

“คนผู้นั้นคือใคร? ข้าจะหาเขาพบได้อย่างไร? เขาชื่ออะไร?” เซี่ยวเฉินถามขึ้น

หลวเทียนยู่ตอบกลับ “เขาเป็นพี่น้องกับท่านเจ้าศาลารุ่นก่อน ชื่อของเขาคือเหลิงเทียนเหอ เขาออกไปจากศาลากระปสวรรค์เมื่อหลายสิบปีก่อน แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

เซี่ยวเฉันอยากจะออกปากด่า เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าคนผู้นั้นอยู่ที่ไหน:ข้าจะไปตามหาได้อย่างไร?

หลิวเทียนยู่ยิ้มและกล่าว “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องหาเขาพบ ไปเร็ว หลังจากที่ใช้อาวุธเทพไป,ข้าเผาผลาญความแข็งแกร่งของข้าไปมาก ข้าไม่อาจกดข่มเขาได้อีกต่อไป ข้าจะผนึกตัวเองในน้ําแข็ง”

พลังอันแข็งแกร่งผลักตัวของเซียวเฉินออกไปโดยไม่ให้เขาได้ถามอะไรอีก หมอกเยือกแข็ง ค่อยๆปกคลุมร่างของหลิวเทียนยู่ ฉีเยือกแข็งค่อยๆกระจายออกไป,ในไม่ช้า,เขาก็กลายเป็นรูปสลักน้ําแข็ง

ฉีเยือกแข็งแผ่ขยายต่อไปและปกคลุมยอดภูเขาอย่างรวดเร็ว ในทันทีต่อมา,น้ําแข็งก็ผนึก ยอดภูเขาไปพร้อมกับหลิวเทียนยู่

เซียวเฉินถือกล่องไม้ขณะที่ร่อนลงมาอย่างรวดเร็ว สายลมรุนแรงพัดเป่าเข้ามาจากทั้งสอง ข้าง ในตอนที่เขามองไปยังยอดภูเขาที่เต็มไปด้วยน้ําแข็ง,เขารู้สึกซับซ้อนในใจ

เซี่ยวเฉินเก็บกล่องไม้เข้าไปในแหวนหัวงจักรวาล จากนั้น เขารีบมุ่งหน้าไปที่ลานของเขา ห ลิวหรูเยว่ยังไม่ได้เข้านอนและกําลังยืนนิ่งเงียบอยู่ภายในลาน

เซี่ยวเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเล่าให้นางฟังเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนยอด ภูเขา,เล่าให้หลิวหรูเยว่ฟังทุกรายละเอียด

โดยไม่คาดคิด หลังจากที่หลิวหรูเยว่ได้ฟัง,สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนแปลงนางไม่ตกอกตกใจ

หลิวหรเยวยิ้มอย่างขมขึ้นและอธิบา “พ่อของข้าได้บอกข้าแล้วในตอนที่เขาส่งมอบยอดเขาฉิงหยุนให้กับข้า ปีศาจระดับสูงตนนี้เป็นรองจากแม่ทัพปีศาจโลหิต วิญญาณของปีศาจตนนั้นได้ ครอบง่เขามากว่ายี่สิบปีแล้ว”
“ที่จริง,เขาตกอยู่ในความเจ็บปวดตลอดเวลา เขาเพียงไม่บอกกล่าวให้ข้าฟัง บางทีการผนึกตัวเองในน้ําแข็งจะเป็นการดีที่สุดสําหรับเขาแล้ว”

หลิวหรูเยวหยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อ “เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลมากเกี่ยวกับอาวุธเทพ เพียงปล่อยให้มันอยู่ในกล่องไม้จะไม่มีใครสัมผัสถึงมันได้”

เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “นั้นคือทั้งหมดที่ข้าทําได้ มีผู้คนมากมายในโลกใบนี้ มันยากเย็นที่จะตามหาใครสักคนในหมู่ผู้คน เจ้าควรเข้านอนไปก่อน หากมีหนทางช่วยเหลือบิดาของเจ้าในอนาคต,ข้าจะทําทุกอย่างที่ข้าท่าได้”

หลิวหรูเยวพยักหน้าและกล่าว “ขอบคุณเจ้าล่วงหน้า เจ้าควรเข้านอนเร็วเช่นกันอย่างกดดันตัวเองให้มากนัก

ในตอนเช้า,เซี่ยวเฉินฝึกฝนตัวเองอย่างที่ทํามา เขาไม่กดดันตัวเองมากนักเกี่ยวกับเรื่องของอาวุธเทพ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ กลับกัน,เขาจดจ่อไปกับสลักร่างพยัคฆ์มังกร ในเมื่อเขาชนเข้ากับปัญหาในการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,เขาจะจดจ่อไปกับสลักร่างพยัคฆ์มังกรแทน

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้น้ําตกที่ไหลเชี่ยวด้านหลังภูเขา เขาใช้วิธีการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อบ่มเพาะชั้นสุดท้ายของสลักร่างพยัคฆ์มังกร

การบ่มเพาะทักษะเสริมร่างกายนั้นล่าบากและยากเย็นกว่าทักษะบ่มเพาะพลัง นอกจากต้องอดทนต่อความเปล่าเปลี่ยวที่ไม่สิ้นสุด,ร่างกายจะต้องตกอยู่ในความตึงเครียดตลอดเวลา

ภายในพริบตา เจ็ดวันได้ผ่านไปศาลากระปสวรรค์ได้ใช้กําลังคนจํานวนมากเพื่อฟื้นฟูอาคารที่ถูกทําลายกลับมาสมบูรณ์ภายในเจ็ดวัน มันฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีต

ในขณะเดียวกัน,พวกเขาก็ปล่อยข่าวที่น่าตกตะลึง:ท่านเจ้าศาลาน้อย,เหลิงหลิวซ,ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นด้วยอายุสิบเจ็ดปี

ตําหนักเฟิงชิง, หนึ่งในสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์, จะส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขามาที่ศาลากระบี่สวรรค์ในตอนต้นเดือนหน้า พวกเขาจะช่วยศาลากระปสวรรค์ปิดผนึกรอยแยกอย่างสมบูรณ์

ศาลากระบี่สวรรค์จะจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้า ในขณะเดียวกัน,พวกเขาได้ส่งคําเชิญไปที่นิกายหลักและตระกูลใหญ่ทั้งหมดให้มาเข้าร่วม

หนึ่งในสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตํานานจะมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ นอกจากนั้น ท่านเจ้าศาลาน้อยได้เป็นอัจฉริยะที่ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นด้วยอายุเพียงสิบเจ็ดปี

ทันใดนั้นเอง,ข่าวลือเชิงลบของศาลากระปสวรรค์ก็ลบหายไป เหล่านิกายที่มีความสัมพันธ์กับศาลากระบี่สวรรค์ที่ยังกระสับกระส่ายได้ส่งคนไปมอบของบรรณาการแสดงความภักดีของพวกเขาในทันที
มีผู้นําจากขุมอานาจหลักหลายคนที่เข้ามาและส่งมอบของบรรณาการด้วยตัวเอง พวกเขาหวังที่จะเป็นพันธมิตรกับศาบากระบี่สวรรค์ หากพวกเขาได้ซาลากระบี่สวรรค์เป็นผู้หนุนหลัง,สถานะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+