Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 352 การมารวมกันของผู้แข็งแกร่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 352 การมารวมกันของผู้แข็งแกร่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 352 การมารวมกันของผู้แข็งแกร่ง

เซี่ยวเฉินไม่ใช่ไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ ในอดีต,ในตอนที่สลักร่างพยัคฆ์มังกรของเขาเลื่อนระดับขึ้น,ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้น หลังจากนั้น,ร่างกายของเขาต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อปรับตัว

อย่างไรก็ตาม,ความเร็งเพิ่มขึ้นมาสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ได้มากมายนัก หลังจากผ่านไปห้านาที,เซียวเฉินก็คุ้นเคยกับความเร็วใหม่ของเขา เขาค่อยๆเปิกประตูและเดินออกไป

หลิวหรูเยว่จ้องมองมาที่เซียวเฉิน,ที่แต่งกายชุดคลุมสีขาว,ดวงตาของนางเป็นประกาย นางยิ้มขึ้นบางๆะกล่าว “ข้าไม่คิดว่าชุดคลุมสีขาวจะเหมาะกับเจ้าด้วยเหมือนกัน ข้ารู้สึกว่าเจ้าน่าจะแต่งชุดสีขาวต่อไป”

เสี่ยวไป, ผู้ที่เพิ่งจะโผล่หัวออกมาจากห้อง,กําลังยึดร่างกายของนางในตอนที่นางเห็นเซียวเฉินแต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาว,นางก็วิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มนางกล่าวขึ้น“พี่ชายเย่เฉิน,วันนี้ท่านดูหล่อเหลา”

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นเบาๆ “ดี,ข้าจะเชื่อพวกเจ้าทั้งสองข้าจะแต่งชุดสีขาวต่อไป”

หลังจากที่ทั้งสามล้างหน้าและกินอาหารเช้า,หลิวสุยเฟิงก็เร่งรีบเข้ามาที่ลานของเซี่ยวเฉินพร้อมกับเสี่ยวเมิ่งและเชาหยาง

เมื่อหลิวสุยเพิ่งเห็นเซียวเฉิน,เขาเดินตรงเข้ามาเพื่อตบลงบนไหล่ของเขา อย่างต่อไรก็ตาม,เมื่อเขานึกถึงความทรงจําที่ผ่านมาของเขา เขารีบดึงมือกลับเขายิ้มขึ้น “เย่เฉินวันนี้เจ้าแต่งตัวดูดีเจ้าจะต้องคว้าชัยชนะมาในกระบวณท่าเดียวอย่างแน่นอน,สร้างชื่อให้กับตัวเจ้าเองใครจะรู้,พวกเขาอาจจะตั้งฉายาให้เจ้ามือกระบี่ชุดขาว”

หลิวหรเยวที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น “ไม่ต้องไปพูดถึงเย่เฉิน เจ้าจะต้องแสดงฝีมือให้ยอดเยี่ยมในวันนี้ อย่าทําให้ยอดเขาฉิงหยุนต้องขายหน้า”

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินดังนั้น,เขารีบเปลี่ยนเรื่อง เขายิ้มขึ้นอย่างเขินอายและกล่าว“พักเรื่องคุยเอาไว้ก่อนพวกเราควรจะรีบไปให้ถึงที่ฐานส่องสวรรค์”

หลิวสุยเฟิงเดินนําไปขณะที่เซี่ยวเฉินและคนอื่นๆตามติดไปอย่างใกล้ชิด หลังจากที่พวกเขาลงมาจากยอดเขา,พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์โดยทันที

ทั้งกลุ่มพบกับฝูงชนยาวไปตลอดทางพวกเขาทั้งหมดเป็นสานุศิษย์ที่กําลังเดินทางไปที่ฐานส่องสวรรค์ ในตอนนี้ สานุศิษย์เกือบทั้งหมด,รวมถึงพวกที่บ่มเพาะพลังอย่างสันโดษและพวกที่เดินทางฝึกฝน,ได้เดินทางกลับมาที่ศาลากระบี่สวรรค์มีจํานวนมากกว่าตอนการทดสอบศิษย์แก่นกลาง

ฝูงชนวุ่นวายไปตลอดทาง เสียงพูดคุยกันดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

สัตว์อสูรวิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนบินผ่านท้องฟ้า,มุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์;พวกมันเกือบจะบดบังท้องฟ้าจนมิด

นอกจากสานุศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์,สัตว์อสูรวิญญาณจํานวนมากยังเป็นของขุมอํานาจยิบย่อยที่ได้รับคําเชิญเข้ามา ขมอ่านาจใหญ่มีเรือสงครามเป็นของตัวเองพวกเขาจะไม่ได้เดิ นทางเข้ามาด้วยสัตว์อสูรวิญญาณแม้ว่าจะมีบ้าง,พวกเขาก็จะขี่สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 เข้ามา,แสดงถึงสถานะของพวกเขา

บางครา,จะมีกระแสพลังที่แข็งแกร่งบินผ่านเป็นบางครั้งโดยปกติมันยากที่จะได้เห็นระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธปรากฏตัวขึ้นจํานวนมหาศาลในวันเดียว

เพียงมองผ่าน,สามารถเห็นระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอยู่หลายคน

“ฟู!”

ทันใดนั้น มีกระแสพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากบินผ่านไป นั้นคือชายชราที่แต่งกายชุดคลุมสีดํา,กําลังแบกผู้เยาว์คนหนึ่งวูบผ่านอากาศไป

เมื่อเซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงกระแสพลังนี้,เขาอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองดู ความรู้สึกที่คนผู้นี้ปล่อยออกมาราวกับดาบที่กําลังฉีกท้องนภา เรืองแสงของมันฉายออกไปทั่วทุกที่มันไม่อาจหยุดยั้งได้

แม้ว่ามันจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ในตอนที่คนนั้นผลดปล่อยกระแสพลังของเขา,เซียวเฉินรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากลัว

“ผู้ที่เพิ่งบินผ่านไปน่าจะเป็นFeng Xuanyข้าไม่คิดว่าเขาจะมาด้วยตัวเอง ผู้เยาว์ที่เขาอุ้มอยู่น่าจะเป็นหลานของเขามีข่าวลือว่าเขานั้นมีพรสวรรค์เป็นเลิศเขาจะต้องมาเพื่อลองเสี่ยงโชคดู”

“แรงดึงดูดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ช่างมหาศาล ข้าจําได้ว่า ในอดีต,ท่านเจ้านิกายดาบเงาหมอกอยากจะรับหลายของเขาเป็นศิษย์คนสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตามผู้เฒ่าคนนั้นปฏิเสธ

“ไม่มีอะไรต้องกล่าว: นิกายดาบเงาหมอกจะไปเมียบชั้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ไม่แม้แต่จะหยิบมากล่าวถึง”

คนด้านข้างหลิวสุยเฟิงพูดคุยกับเกี่ยวกับชายชราที่บินผ่านพวกเขาไป
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขารู้สึกสงสัยเขาถามหลวสุยเฟิง“ใครคือFeng Xuany? เขาดูค่อนข้างมีชื่อเสียง

หลิวสุยเฟิงอธิบาย “คนผู้นั้นคือนักดาบชื่อดังในอาณาจักรตาฉัน เขาอยู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ, แม้ว่าจะเพิ่งอายุเจ็ดสิบปี ตามข่าวลือ,มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะกลายเป็นปราชญ์ดาบในไม่ช้า อย่างไรก็ตามเขาเป็นนักดาบอิสระไม่ขึ้นกับขุมอํานาจใด”

ไม่แปลกใจที่คนผู้นั้นทําให้เซี่ยวเฉินรู้สึกกดดันหนัก เขาคือนักดาบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างแท้จริง แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังที่อาจจะได้กลายเป็นปราชญ์ดาบก็ไม่อาจต้านทานแรงดึงดูด

ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป,พวกเขาก็เห็นผู้ยอดเชี่ยวชาญคนอื่นที่เหมือนFeng Xuany

มีอีกหลายคนที่ครึ่งก้าวสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ เซียวเฉินเห็นมากมายหลายสิบอย่างที่หลิวสุยเฟิงได้กล่าวเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดภายในอาณาจักรต้าฉันมาปรากฏตัว

ที่ด้านล่างฐานส่องสวรรค์,มันเป็นไปไมาได้ที่จะหาสัตว์อสูรวิญญาณขึ้นไปส่ง มีผู้คนมากมายเกินไป

ในจังหวะที่สานุศิษย์พร้อมกับสัตว์อสูรวิญญาณบินลงมา,ผู้คนมากมายเข้าไปลุมในทันที

เมื่อหลิวสุยเฟองเห็นดังนี้,เขาถอนหายใจและกล่าว “ดูเหมือนจะต้องเดินขึ้นไปเท่านั้นด้วยความเร็วของพวกเรา,หากรีบหน่อย,พวกเขาสามารถไปถึงในสี่ชั่วโมง

หลิวหรเยวแนะขึ้น “ไม่มีปัญหา เซียวเฉินและข้าสามารถแบกคนได้คนละสองคนแม้ว่ามันจะช้ากว่าการบินเต็มกําลัง แต่มันก็รวดเร็วกว่าเดินด้วยเท้า”

ความคิดดี;เซี่ยวเฉินแบกหลิวสุยเฟิงและเชาหยาง,และหลิวหรูเยวแบกเสี่ยวเมิ่งและเสี่ยวไปพวกเขาสามารถบินขึ้นไปพร้อมกัน

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง,พวกเขาทั้งหกคนก็ลงจอดบนฐานส่องสวรรค์ มีคนมากมายยิ่งกว่าที่ด้านล่างเสียอีกฝูงชนทําให้ทั้งหกเกือบหลงกัน

มีเวทีประลองนับไม่ถ้วนสร้างขึ้นบนลานฝึกฝน เวทีทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากศิลาผาสวรรค์และเคลือบด้วยชั้นเหล็กน้ําค้างเหมันต์
เป็นการฟุ่มเฟือยที่ใช้เหล็กน้ําค้างเหมันต์เคลือบเวทีประลอง มีเพียงนิกายใหญ่อย่างศาลากระบี่สวรรค์เท่านั้นที่สามารถทําได้เช่นนี้

มีอัฒจันทร์สูงตระหง่านล้อมรอบเวทีประลอง ในตอนนี้ มีผู้บ่มเพาะพลังจับจองที่นั่งเกือบเต็มพื้นที่แล้ว นอกจากสานุศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์,ยังมีผู้บ่มเพาะพลังมาจากที่อื่นแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

พวกเขาได้ต่อเติมส่วนหน้าสุดของพื้นที่ ตอนนี้มันมีขนาดเป็นสามเท่าจากเมื่อก่อนหน้านี้

มีแถวโต๊ะและเก้าอี้อยู่ที่ด้านหลังของฐาน มีสมาชิกสภาสูงได้นั่งประจําที่มาครู่หนึ่งแล้ว

หากสังเกตดูอย่างละเอียด,พวกเขาจะพบว่าผู้อาวุโสหนึ่งเจียงซื้อ,ผู้ที่ปกติจะนั่งอยู่ตรงกลาง,ไม่ได้นั่งประจําตําแหน่งที่เคยนั่งปกติ เขากลับนั่งที่ด้านข้าง

เรียบง่าย แต่มีสไตล์,มีโต๊ะน้ําชาตั้งอยู่แต่ละด้านของฐาน ไม่มีปัญหาที่จะรองรับคนหนึ่งพันคนตรงนี้

คนของศาลากระปสวรรค์นั่งอยู่ด้านซ้าย ยอดเขาเทียนเยว่อยู่ติดกับฐานมากที่สุด,ตามมาด้วยยอดเขากางอ,ยอดเขาสตรีหยก,และยอดเขาเขียนตัวน ยอดเขาทั้งเจ็ดถูกจัดตามลําดับจากแข็งแกร่งที่สุดไปอ่อนที่สุด

นอกจากยอดเขาฉิงหยุย,คนจากยอดเขาอื่นๆได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้ายอดเขาเหล่านี้มีเรือสงครามเป็นของตัวเองไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะมาถึงรวดเร็วกว่า

มีโต๊ะน้ําชามายิ่งกว่าที่ด้านขวา ที่นั่งอยู่คือเหล่าตระกูลใหญ่ภายในอาณาจักรตาฉันแม้แต่ที่อ่อนแอที่สุดก็มีอานาจอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเจียงแห่งเมืองสุ่ยไป

โต๊ะน้ําชาที่ใกล้กับฐานมากที่สุดตอนนี้ยังว่างเปล่า พวกนี้จัดเอาไว้สําหรับตระกูลชั้นสูงที่มีจิตวิญญาณยุทธสืบทอดและเหล่านิกายใหญ่หากไม่มีความแข็งแกร่ง,ลืมที่จะได้นั่งใกล้ชิดไปได้เลย

“สหายเฒ่าเจียง,ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงตอนไหน?”

ผู้ที่กล่าวขึ้นคือนักดาบยอดกษัตริย์ยุทธ,ฟงซวน เขานั่งอยู่ทางขวาและอยู่ใกล้กับฐานมากที่สุดมีเพียงผู้ที่มีความคุ้นเคยกันที่จะเรียกผู้อาวุโสหนึ่งเป็นสหายเฒ่าเจียง

เจียงชื่อไม่ได้โกรธที่ถูกเรียกเช่นนั้น คนผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าเขามาก,ดังนั้น,ตามเหตุผล,เขานับได้ว่ามีความอาวุโสกว่า

เจียงชื่อยิ้มและกล่าว “พี่น้องเฟิง,อย่าได้กังวล คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึงแล้วเมื่อวานตอนนี้พวกเขากําลังตรวจสอบเจ้าศาลาน้อยของพวกเรา”

ฟงซวน ยกถ้วยชาเป็นโต๊ะขึ้นมาจิบ เขากล่าว “ข้าขอแสดงความยินดีกับสหายเฒ่าเจียงล่วงหน้า อัจฉริยะที่แท้จริงได้ปรากฏตัวขึ้นที่ศาลากระบี่สวรรค์,ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นด้วยอายุสิบเจ็ดปี ความรุ่งเรืองของเจ้าในอดีตกําลังจะกลับมา”

“แน่นอน, ยินดีด้วย,ผู้อาวุโสเจียง” ผู้นําตระกูลและผู้เชี่ยวชาญอิสระทั้งหมดที่นั่งอยู่ด้านขวากล่าวขึ้นพร้อมกัน

เจียงชื่อยิ้มเบาๆและกล่าวรับสองสามคํา เขากําลังอยู่ในอารมณ์ดี

ในตอนนั้นเอง,เรือสงครามสีด่าสนิทปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า มีธงสีด่าโบกสะบัดอยู่ที่หัวเรือมีตัวอักษร {lf (จ)

“ตระกูลจีแห่งแคว้นหนานหลิงได้มาถึงแล้ว ผู้ที่กําลังยืนอยู่ตรงหัวเรือดูเหมือนจะเป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลจี,จีชางคง”ผู้ชมที่อยู่ในพื้นที่อทานขึ้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง,เรือสงครามลําอื่นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและค่อยๆบินมาที่ฐานส่องสวรรค์นั้นคือตระกูลฮวาแห่งแคว้นตงหมิง

ไม่นานหลังจากนั้น,วิหคน้ําแข็งแข็งตัวมหึมาพร้อมมีพระราชวังอยู่บนหลังบินผ่านหัวของฝูงชน

“นั้นพระราชวังเหมันต์ลึกล้ําของตระกูลต้วน ตัวนมู่ฉิงได้มาถึงแล้วเช่นกัน”

ขุนนางกุยยีแห่งราชสํานักหลวง,หยิงเสี่ยวมาถึงแล้ว ขุนนางกุยยี่เป็นอัจฉริยะผู้กวัดแกว่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ขาสงสัยว่าในวันนี้ไมือของเขาไปถึงขั้นไหน”

“เรือสงครามของวังจิตวิญญาณค่ําคืนก็มาแล้วเช่นกัน นี่หมายความว่าสองสุดยอดอัจฉริยะแห่งแคว้นหนานหลิง,ม่เฉิงเสวี่ยและจีชางคงได้มาถึงแล้ว”

“อะไรกัน;เรือสงครามระดับราชาของนิกายดาบเงาหมอกมาที่นี่ หรือท่าเจ้านิกายของพวกเขาจะมาด้วย? สามมหานิกายใหญ่ทั้งหมดมาอยู่ที่นี่นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรต้า ฉัน”

ฝูงชนเริ่มตื่นเต้นตระกูลและนิกายที่แข็งแกร่งเหล่านี้ ที่เป็นใหญ่ในภูมิภาคของพวกเขาทั้งหมดมาปรากฏตัวขึ้น ที่สําคัญยิ่งกว่านั้น อัจฉริยะของพวกเขาก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน

อัจฉริยะนับร้อยได้มารวมตัวกัน ผู้คนที่อยู่ด้านล่างทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นจนถึงขีดสุด

ในไม่ช้า,โต๊ะน้ําชาที่ด้านขวาก็เต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีใครปนะหลาดใจ, ที่โต๊ะน้ําชาที่ใกล้ฐานมากที่สุดถูกจัดเอาไว้ใฟนิกายดาบเงาหมอก,ตามมาด้วยวงจิตวิญญาณค่าคืน

ท่าเจ้านกายดาบเงาหมอกไม่ได้มาที่น;กลับเป็นผู้อาวุโสหนึ่งของพวกเขา,หลิงเฉิน ที่เป็นคนมา เขาอยู่ระดับอีกครึ่งก้าวจะขึ้นสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธและเป็นอะนดับสองรองจากท่าเจ้านิกายในด้านอ่านาจในด้านสถานะ,เขาเทียบเท่ากับเจียงชื่อ

หลิงเฉิน เหลียวมองไปหาฟงซวน ที่อยู่ใกล้ๆ เขายิ้มและกล่าวขึ้น “พี่เฟิง,ท่านเจ้านิกายของพวกเราได้เข้าไปหาท่านเป็นการส่วนตัว,อยากจะรับหลานชายของท่านมาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของเขาพี่เฟิงไม่ยินยอม แต่กระนั้น,ตอนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้ามา,ท่านกลับมาโดยไม่ได้รับคําเชิญนี่มันค่อนข้างไม่เหมาะสม,ใช่หรือไม่?”

ใบหน้ามีอายุของฟงซวน เรื่องขึ้นเขาไม่ได้ดูแก่ชราแม้แต่น้อย ในตอนที่เขาได้ยินคําของหลิงเฉิน ,เขากล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าคนนี้ชื่นชมความสําเร็จในดาบของท่านเจ้านิกายดาบเงาหมอกแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าไม่ได้เคารพอะไรพวกเขา”

“พรสวรรค์ของหลานชายของข้านําหน้าข้าไปไกล เขาจะกลายเป็นยอดกษัตริย์ดาบอย่างแน่นอนหากปราศจากความมั่นใจว่าเขาจะได้กบายเป็นปราชญ์ดาบ,ข้าจะไม่ให้เขาเข้าร่วมนิกายใดการสั่งสอนด้วยตัวข้าเองก็เพียงพอแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 352 การมารวมกันของผู้แข็งแกร่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 352 การมารวมกันของผู้แข็งแกร่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 352 การมารวมกันของผู้แข็งแกร่ง

เซี่ยวเฉินไม่ใช่ไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ ในอดีต,ในตอนที่สลักร่างพยัคฆ์มังกรของเขาเลื่อนระดับขึ้น,ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้น หลังจากนั้น,ร่างกายของเขาต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อปรับตัว

อย่างไรก็ตาม,ความเร็งเพิ่มขึ้นมาสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ได้มากมายนัก หลังจากผ่านไปห้านาที,เซียวเฉินก็คุ้นเคยกับความเร็วใหม่ของเขา เขาค่อยๆเปิกประตูและเดินออกไป

หลิวหรูเยว่จ้องมองมาที่เซียวเฉิน,ที่แต่งกายชุดคลุมสีขาว,ดวงตาของนางเป็นประกาย นางยิ้มขึ้นบางๆะกล่าว “ข้าไม่คิดว่าชุดคลุมสีขาวจะเหมาะกับเจ้าด้วยเหมือนกัน ข้ารู้สึกว่าเจ้าน่าจะแต่งชุดสีขาวต่อไป”

เสี่ยวไป, ผู้ที่เพิ่งจะโผล่หัวออกมาจากห้อง,กําลังยึดร่างกายของนางในตอนที่นางเห็นเซียวเฉินแต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาว,นางก็วิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มนางกล่าวขึ้น“พี่ชายเย่เฉิน,วันนี้ท่านดูหล่อเหลา”

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นเบาๆ “ดี,ข้าจะเชื่อพวกเจ้าทั้งสองข้าจะแต่งชุดสีขาวต่อไป”

หลังจากที่ทั้งสามล้างหน้าและกินอาหารเช้า,หลิวสุยเฟิงก็เร่งรีบเข้ามาที่ลานของเซี่ยวเฉินพร้อมกับเสี่ยวเมิ่งและเชาหยาง

เมื่อหลิวสุยเพิ่งเห็นเซียวเฉิน,เขาเดินตรงเข้ามาเพื่อตบลงบนไหล่ของเขา อย่างต่อไรก็ตาม,เมื่อเขานึกถึงความทรงจําที่ผ่านมาของเขา เขารีบดึงมือกลับเขายิ้มขึ้น “เย่เฉินวันนี้เจ้าแต่งตัวดูดีเจ้าจะต้องคว้าชัยชนะมาในกระบวณท่าเดียวอย่างแน่นอน,สร้างชื่อให้กับตัวเจ้าเองใครจะรู้,พวกเขาอาจจะตั้งฉายาให้เจ้ามือกระบี่ชุดขาว”

หลิวหรเยวที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น “ไม่ต้องไปพูดถึงเย่เฉิน เจ้าจะต้องแสดงฝีมือให้ยอดเยี่ยมในวันนี้ อย่าทําให้ยอดเขาฉิงหยุนต้องขายหน้า”

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินดังนั้น,เขารีบเปลี่ยนเรื่อง เขายิ้มขึ้นอย่างเขินอายและกล่าว“พักเรื่องคุยเอาไว้ก่อนพวกเราควรจะรีบไปให้ถึงที่ฐานส่องสวรรค์”

หลิวสุยเฟิงเดินนําไปขณะที่เซี่ยวเฉินและคนอื่นๆตามติดไปอย่างใกล้ชิด หลังจากที่พวกเขาลงมาจากยอดเขา,พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์โดยทันที

ทั้งกลุ่มพบกับฝูงชนยาวไปตลอดทางพวกเขาทั้งหมดเป็นสานุศิษย์ที่กําลังเดินทางไปที่ฐานส่องสวรรค์ ในตอนนี้ สานุศิษย์เกือบทั้งหมด,รวมถึงพวกที่บ่มเพาะพลังอย่างสันโดษและพวกที่เดินทางฝึกฝน,ได้เดินทางกลับมาที่ศาลากระบี่สวรรค์มีจํานวนมากกว่าตอนการทดสอบศิษย์แก่นกลาง

ฝูงชนวุ่นวายไปตลอดทาง เสียงพูดคุยกันดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

สัตว์อสูรวิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วนบินผ่านท้องฟ้า,มุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์;พวกมันเกือบจะบดบังท้องฟ้าจนมิด

นอกจากสานุศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์,สัตว์อสูรวิญญาณจํานวนมากยังเป็นของขุมอํานาจยิบย่อยที่ได้รับคําเชิญเข้ามา ขมอ่านาจใหญ่มีเรือสงครามเป็นของตัวเองพวกเขาจะไม่ได้เดิ นทางเข้ามาด้วยสัตว์อสูรวิญญาณแม้ว่าจะมีบ้าง,พวกเขาก็จะขี่สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 เข้ามา,แสดงถึงสถานะของพวกเขา

บางครา,จะมีกระแสพลังที่แข็งแกร่งบินผ่านเป็นบางครั้งโดยปกติมันยากที่จะได้เห็นระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธปรากฏตัวขึ้นจํานวนมหาศาลในวันเดียว

เพียงมองผ่าน,สามารถเห็นระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอยู่หลายคน

“ฟู!”

ทันใดนั้น มีกระแสพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากบินผ่านไป นั้นคือชายชราที่แต่งกายชุดคลุมสีดํา,กําลังแบกผู้เยาว์คนหนึ่งวูบผ่านอากาศไป

เมื่อเซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงกระแสพลังนี้,เขาอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองดู ความรู้สึกที่คนผู้นี้ปล่อยออกมาราวกับดาบที่กําลังฉีกท้องนภา เรืองแสงของมันฉายออกไปทั่วทุกที่มันไม่อาจหยุดยั้งได้

แม้ว่ามันจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ในตอนที่คนนั้นผลดปล่อยกระแสพลังของเขา,เซียวเฉินรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากลัว

“ผู้ที่เพิ่งบินผ่านไปน่าจะเป็นFeng Xuanyข้าไม่คิดว่าเขาจะมาด้วยตัวเอง ผู้เยาว์ที่เขาอุ้มอยู่น่าจะเป็นหลานของเขามีข่าวลือว่าเขานั้นมีพรสวรรค์เป็นเลิศเขาจะต้องมาเพื่อลองเสี่ยงโชคดู”

“แรงดึงดูดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ช่างมหาศาล ข้าจําได้ว่า ในอดีต,ท่านเจ้านิกายดาบเงาหมอกอยากจะรับหลายของเขาเป็นศิษย์คนสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตามผู้เฒ่าคนนั้นปฏิเสธ

“ไม่มีอะไรต้องกล่าว: นิกายดาบเงาหมอกจะไปเมียบชั้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ไม่แม้แต่จะหยิบมากล่าวถึง”

คนด้านข้างหลิวสุยเฟิงพูดคุยกับเกี่ยวกับชายชราที่บินผ่านพวกเขาไป
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขารู้สึกสงสัยเขาถามหลวสุยเฟิง“ใครคือFeng Xuany? เขาดูค่อนข้างมีชื่อเสียง

หลิวสุยเฟิงอธิบาย “คนผู้นั้นคือนักดาบชื่อดังในอาณาจักรตาฉัน เขาอยู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ, แม้ว่าจะเพิ่งอายุเจ็ดสิบปี ตามข่าวลือ,มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะกลายเป็นปราชญ์ดาบในไม่ช้า อย่างไรก็ตามเขาเป็นนักดาบอิสระไม่ขึ้นกับขุมอํานาจใด”

ไม่แปลกใจที่คนผู้นั้นทําให้เซี่ยวเฉินรู้สึกกดดันหนัก เขาคือนักดาบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างแท้จริง แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังที่อาจจะได้กลายเป็นปราชญ์ดาบก็ไม่อาจต้านทานแรงดึงดูด

ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป,พวกเขาก็เห็นผู้ยอดเชี่ยวชาญคนอื่นที่เหมือนFeng Xuany

มีอีกหลายคนที่ครึ่งก้าวสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ เซียวเฉินเห็นมากมายหลายสิบอย่างที่หลิวสุยเฟิงได้กล่าวเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดภายในอาณาจักรต้าฉันมาปรากฏตัว

ที่ด้านล่างฐานส่องสวรรค์,มันเป็นไปไมาได้ที่จะหาสัตว์อสูรวิญญาณขึ้นไปส่ง มีผู้คนมากมายเกินไป

ในจังหวะที่สานุศิษย์พร้อมกับสัตว์อสูรวิญญาณบินลงมา,ผู้คนมากมายเข้าไปลุมในทันที

เมื่อหลิวสุยเฟองเห็นดังนี้,เขาถอนหายใจและกล่าว “ดูเหมือนจะต้องเดินขึ้นไปเท่านั้นด้วยความเร็วของพวกเรา,หากรีบหน่อย,พวกเขาสามารถไปถึงในสี่ชั่วโมง

หลิวหรเยวแนะขึ้น “ไม่มีปัญหา เซียวเฉินและข้าสามารถแบกคนได้คนละสองคนแม้ว่ามันจะช้ากว่าการบินเต็มกําลัง แต่มันก็รวดเร็วกว่าเดินด้วยเท้า”

ความคิดดี;เซี่ยวเฉินแบกหลิวสุยเฟิงและเชาหยาง,และหลิวหรูเยวแบกเสี่ยวเมิ่งและเสี่ยวไปพวกเขาสามารถบินขึ้นไปพร้อมกัน

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง,พวกเขาทั้งหกคนก็ลงจอดบนฐานส่องสวรรค์ มีคนมากมายยิ่งกว่าที่ด้านล่างเสียอีกฝูงชนทําให้ทั้งหกเกือบหลงกัน

มีเวทีประลองนับไม่ถ้วนสร้างขึ้นบนลานฝึกฝน เวทีทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากศิลาผาสวรรค์และเคลือบด้วยชั้นเหล็กน้ําค้างเหมันต์
เป็นการฟุ่มเฟือยที่ใช้เหล็กน้ําค้างเหมันต์เคลือบเวทีประลอง มีเพียงนิกายใหญ่อย่างศาลากระบี่สวรรค์เท่านั้นที่สามารถทําได้เช่นนี้

มีอัฒจันทร์สูงตระหง่านล้อมรอบเวทีประลอง ในตอนนี้ มีผู้บ่มเพาะพลังจับจองที่นั่งเกือบเต็มพื้นที่แล้ว นอกจากสานุศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์,ยังมีผู้บ่มเพาะพลังมาจากที่อื่นแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

พวกเขาได้ต่อเติมส่วนหน้าสุดของพื้นที่ ตอนนี้มันมีขนาดเป็นสามเท่าจากเมื่อก่อนหน้านี้

มีแถวโต๊ะและเก้าอี้อยู่ที่ด้านหลังของฐาน มีสมาชิกสภาสูงได้นั่งประจําที่มาครู่หนึ่งแล้ว

หากสังเกตดูอย่างละเอียด,พวกเขาจะพบว่าผู้อาวุโสหนึ่งเจียงซื้อ,ผู้ที่ปกติจะนั่งอยู่ตรงกลาง,ไม่ได้นั่งประจําตําแหน่งที่เคยนั่งปกติ เขากลับนั่งที่ด้านข้าง

เรียบง่าย แต่มีสไตล์,มีโต๊ะน้ําชาตั้งอยู่แต่ละด้านของฐาน ไม่มีปัญหาที่จะรองรับคนหนึ่งพันคนตรงนี้

คนของศาลากระปสวรรค์นั่งอยู่ด้านซ้าย ยอดเขาเทียนเยว่อยู่ติดกับฐานมากที่สุด,ตามมาด้วยยอดเขากางอ,ยอดเขาสตรีหยก,และยอดเขาเขียนตัวน ยอดเขาทั้งเจ็ดถูกจัดตามลําดับจากแข็งแกร่งที่สุดไปอ่อนที่สุด

นอกจากยอดเขาฉิงหยุย,คนจากยอดเขาอื่นๆได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้ายอดเขาเหล่านี้มีเรือสงครามเป็นของตัวเองไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะมาถึงรวดเร็วกว่า

มีโต๊ะน้ําชามายิ่งกว่าที่ด้านขวา ที่นั่งอยู่คือเหล่าตระกูลใหญ่ภายในอาณาจักรตาฉันแม้แต่ที่อ่อนแอที่สุดก็มีอานาจอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเจียงแห่งเมืองสุ่ยไป

โต๊ะน้ําชาที่ใกล้กับฐานมากที่สุดตอนนี้ยังว่างเปล่า พวกนี้จัดเอาไว้สําหรับตระกูลชั้นสูงที่มีจิตวิญญาณยุทธสืบทอดและเหล่านิกายใหญ่หากไม่มีความแข็งแกร่ง,ลืมที่จะได้นั่งใกล้ชิดไปได้เลย

“สหายเฒ่าเจียง,ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงตอนไหน?”

ผู้ที่กล่าวขึ้นคือนักดาบยอดกษัตริย์ยุทธ,ฟงซวน เขานั่งอยู่ทางขวาและอยู่ใกล้กับฐานมากที่สุดมีเพียงผู้ที่มีความคุ้นเคยกันที่จะเรียกผู้อาวุโสหนึ่งเป็นสหายเฒ่าเจียง

เจียงชื่อไม่ได้โกรธที่ถูกเรียกเช่นนั้น คนผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าเขามาก,ดังนั้น,ตามเหตุผล,เขานับได้ว่ามีความอาวุโสกว่า

เจียงชื่อยิ้มและกล่าว “พี่น้องเฟิง,อย่าได้กังวล คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึงแล้วเมื่อวานตอนนี้พวกเขากําลังตรวจสอบเจ้าศาลาน้อยของพวกเรา”

ฟงซวน ยกถ้วยชาเป็นโต๊ะขึ้นมาจิบ เขากล่าว “ข้าขอแสดงความยินดีกับสหายเฒ่าเจียงล่วงหน้า อัจฉริยะที่แท้จริงได้ปรากฏตัวขึ้นที่ศาลากระบี่สวรรค์,ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นด้วยอายุสิบเจ็ดปี ความรุ่งเรืองของเจ้าในอดีตกําลังจะกลับมา”

“แน่นอน, ยินดีด้วย,ผู้อาวุโสเจียง” ผู้นําตระกูลและผู้เชี่ยวชาญอิสระทั้งหมดที่นั่งอยู่ด้านขวากล่าวขึ้นพร้อมกัน

เจียงชื่อยิ้มเบาๆและกล่าวรับสองสามคํา เขากําลังอยู่ในอารมณ์ดี

ในตอนนั้นเอง,เรือสงครามสีด่าสนิทปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า มีธงสีด่าโบกสะบัดอยู่ที่หัวเรือมีตัวอักษร {lf (จ)

“ตระกูลจีแห่งแคว้นหนานหลิงได้มาถึงแล้ว ผู้ที่กําลังยืนอยู่ตรงหัวเรือดูเหมือนจะเป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลจี,จีชางคง”ผู้ชมที่อยู่ในพื้นที่อทานขึ้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง,เรือสงครามลําอื่นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและค่อยๆบินมาที่ฐานส่องสวรรค์นั้นคือตระกูลฮวาแห่งแคว้นตงหมิง

ไม่นานหลังจากนั้น,วิหคน้ําแข็งแข็งตัวมหึมาพร้อมมีพระราชวังอยู่บนหลังบินผ่านหัวของฝูงชน

“นั้นพระราชวังเหมันต์ลึกล้ําของตระกูลต้วน ตัวนมู่ฉิงได้มาถึงแล้วเช่นกัน”

ขุนนางกุยยีแห่งราชสํานักหลวง,หยิงเสี่ยวมาถึงแล้ว ขุนนางกุยยี่เป็นอัจฉริยะผู้กวัดแกว่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ขาสงสัยว่าในวันนี้ไมือของเขาไปถึงขั้นไหน”

“เรือสงครามของวังจิตวิญญาณค่ําคืนก็มาแล้วเช่นกัน นี่หมายความว่าสองสุดยอดอัจฉริยะแห่งแคว้นหนานหลิง,ม่เฉิงเสวี่ยและจีชางคงได้มาถึงแล้ว”

“อะไรกัน;เรือสงครามระดับราชาของนิกายดาบเงาหมอกมาที่นี่ หรือท่าเจ้านิกายของพวกเขาจะมาด้วย? สามมหานิกายใหญ่ทั้งหมดมาอยู่ที่นี่นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรต้า ฉัน”

ฝูงชนเริ่มตื่นเต้นตระกูลและนิกายที่แข็งแกร่งเหล่านี้ ที่เป็นใหญ่ในภูมิภาคของพวกเขาทั้งหมดมาปรากฏตัวขึ้น ที่สําคัญยิ่งกว่านั้น อัจฉริยะของพวกเขาก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน

อัจฉริยะนับร้อยได้มารวมตัวกัน ผู้คนที่อยู่ด้านล่างทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นจนถึงขีดสุด

ในไม่ช้า,โต๊ะน้ําชาที่ด้านขวาก็เต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีใครปนะหลาดใจ, ที่โต๊ะน้ําชาที่ใกล้ฐานมากที่สุดถูกจัดเอาไว้ใฟนิกายดาบเงาหมอก,ตามมาด้วยวงจิตวิญญาณค่าคืน

ท่าเจ้านกายดาบเงาหมอกไม่ได้มาที่น;กลับเป็นผู้อาวุโสหนึ่งของพวกเขา,หลิงเฉิน ที่เป็นคนมา เขาอยู่ระดับอีกครึ่งก้าวจะขึ้นสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธและเป็นอะนดับสองรองจากท่าเจ้านิกายในด้านอ่านาจในด้านสถานะ,เขาเทียบเท่ากับเจียงชื่อ

หลิงเฉิน เหลียวมองไปหาฟงซวน ที่อยู่ใกล้ๆ เขายิ้มและกล่าวขึ้น “พี่เฟิง,ท่านเจ้านิกายของพวกเราได้เข้าไปหาท่านเป็นการส่วนตัว,อยากจะรับหลานชายของท่านมาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของเขาพี่เฟิงไม่ยินยอม แต่กระนั้น,ตอนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้ามา,ท่านกลับมาโดยไม่ได้รับคําเชิญนี่มันค่อนข้างไม่เหมาะสม,ใช่หรือไม่?”

ใบหน้ามีอายุของฟงซวน เรื่องขึ้นเขาไม่ได้ดูแก่ชราแม้แต่น้อย ในตอนที่เขาได้ยินคําของหลิงเฉิน ,เขากล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าคนนี้ชื่นชมความสําเร็จในดาบของท่านเจ้านิกายดาบเงาหมอกแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าไม่ได้เคารพอะไรพวกเขา”

“พรสวรรค์ของหลานชายของข้านําหน้าข้าไปไกล เขาจะกลายเป็นยอดกษัตริย์ดาบอย่างแน่นอนหากปราศจากความมั่นใจว่าเขาจะได้กบายเป็นปราชญ์ดาบ,ข้าจะไม่ให้เขาเข้าร่วมนิกายใดการสั่งสอนด้วยตัวข้าเองก็เพียงพอแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+