Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส

“คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจหยั่งถึงอย่างแท้จริงพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป”

ฝูงชนทั้งหมดบนอัฒจันทร์คนดูมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อพวกเขาจ้องมองไปที่วิหคสีชาดอันงดงามสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

เทียบกับคนอื่นๆ,เซี่ยวเฉินไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย;เขาไม่รู้สึกแม้แต่แรงกดดัน

ซ่งเฉวได้สลายจิตวิญญาณยุทธของเซียวเฉอนไปแล้ว และมันได้ซ่อนกายอยู่ในจุดปราณกว่าสามร้อยจุดของเขา มีเพียงวังวนฉีที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้น,ท่าทางของเขาจึงนิ่งสงบ

เมื่อเซี่ยวเฉินมองไปที่วิหคสีชาด,มุมปากของเขายกขึ้น,เผยเป็นนัยเยาะเย้ย

นี่มันน่าสนใจ ในจังหวะที่พวกเขาปรากฏตัวออกมา,พวกเขาใช้กระแสพลังของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ข่มขวัญทุกคน,แจ้งให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคือตัวหลักของงานนี้

ตอนนี้,มันบินวนไปในอากาศ,ไม่ยินยอมที่จะลงมาด้านล่าง พวกมันชอบเป็นจุดสนใจถึงขนาดนั้น?

“บูม!”

ห้านาทีต่อมา วิหคสีชาดที่กําลังบินวนเปลี่ยนกายเป็นล่าแสงสีแดงเพลิงแลพพุ่งตรงมาที่ฐานดาดฟ้า มันลงจอดภายในอดใจ

มีคนห้าคนที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของทุกคน วิหคสีชาดทองปักอยู่บนชุดของพวกเขาปกคลุมไปทั้งตัว

มีหนึ่งชายชราและอีกสี่คนที่ดูเยาว์ ชายหนุ่มหล่อเหลาและหญิงสาวก็งดงามพวกเขาช่างน่าเชยชม

พวกเขาไม่ได้ปลดปล่อยกระแสพลังออกมา พลังงานที่ร่วงหล่นลงมาจากหนึ่งหมื่นเมตรผสมผสานกลมกลืนเข้ากับผืนดิน,จางหายเข้าไปในหินผา
นี่แสดงให้เห็นถึงการควบคุมพลังของคนเหล่านี้ เซี่ยวเฉินค่อนข้างประทับใจ หากเป็นเขา,เขาคงไม่อาจทําได้เช่นนี้

ผู้อาวุโสหนึ่ง,เจียงชื่อ รีบลุกยืนขึ้น:ความเคารพเติมเต็มบนใบหน้าของเขา เขามองไปที่ชายชราอย่างคาดหวัง “ผู้อาวุโสเหยียน,พรสวรรค์ของท่านเจ้าศาลาน้อยของพวกเราเป็นเช่นไร?”

ชายชราแซ่เหยียนยิ้มเบาๆและกล่าว “พรสวรรค์ยอดเยี่ยมตั้งแต่กําเนิด นางสามารถบ่มเพาะพลังในตําหนักเฟิงชิงได้เป็นเวลาสามปี หากความสามารถในความเข้าใจของนางอยู่ในระดับสูง,นางสามารถกลายเป็นศิษย์แห่นกลางของต่าหนักเฟิงชิง”

รอยยิ้มเติมเต็มบนใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสศาบากระปสวรรค์ แม้แต่เพียงชื่อที่ปกติจะเยือกเย็นก็มีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

“ขอบคุณท่านผู้อาวโสเหยียน” เจียงชื่อคํานับมือกล่าวขอบคุณ

“คารวะผู้อาวุโสเหยียน!” ผู้นําตระกูลและผู้อาวุโสทั้งหมดบนฐานดาดฟ้ารีบยืนขึ้นและกล่าวทักทายผู้อาวุโสของตําหนักเฟิงชิง

ผู้อาวุโสเหยียนยกมือขึ้นและรักษารอยยิ้มบนใบหน้า มันดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนง่ายๆ,แต่มันยากที่จะมองเห็นความเย่อหยิ่งที่วูบไหวในดวงตาของเขา “ทุกท่าน,ไม่จําเป็นต้องมากพิธีข้าเป็นเพียงผู้อาวุโสชั้นนอกของตําหนักเพิ่งชิงโปรดนั่งลงเถิด”

เมื่อทุกคนกลับไปนั่งที่พวกเขาพบว่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนสบายๆกว่าที่คิดความ คิดต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม,ดวงตาของเซียวเฉินเฉียบคม;เขาพบเห็นถึงความเย่อหยิ่งในดวงตาของผู้อาวุโสเหยียน นอกจากนั้น ความเย่อหยิ่งของผู้เยาว์ที่อยู่ด้านหลังเด่นชัดยิ่งกว่า

ผู้อาวุโสเหยียนแห่งต่าหนักเฟิงชิงค่อยๆนั่งลงจากนั้น,เขากล่าวขึ้นเบาๆ “จุดประสงค์ที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อช่วยเหลือศาลากระบี่สวรรค์ให้รอดพ้นอะนตรายของรอยแยกมิติ”

“ในขณะเดียวกัน,ข้าก็อยากที่จะตามหาอัจฉริยะภายในอาณาจักรตาฉัน ดังนั้น,ข้าจึงขอให้ผู้อาวุโสเจียงช่วยข้ารวบรวมทุกคนมาที่นี่”

ฟงซวนถามขึ้น “ผู้อาวุโสเหยียน,เกณฑ์การคัดเลือดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นไร? ท่านอธิบายให้พวกเราได้หรือไม่?”

ผู้อาวุโสเหยียนตอบกลับ “ก็อย่างที่ทุกคนคาดเดา จะมีการจัดการแข่งขันขึ้น นี้จะทําให้พวกเราเห็นถึงพลังต่อสู้ของผู้บ่มเพาะพลังหลังจากนั้น,ข้าจะตรวจสอบพรสวรรค์แต่กําเนิดของพวกเขา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น จะมีการทดสอบขึ้นก่อน”

“การทดสอบอะไร?” ฟงซวนถามขึ้น

ผู้อาวุโสเหยียนมองไปด้านหลังของเขา,และหนึ่งในผู้เยวก็เดินเข้ามา “ศิษย์คนนี้มีนามว่าหลัวหลี เขาเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรกของศิษย์ชั้นนอกแห่งตําหนักเฟิงชิงของข้าตราบใดที่พวกเขาสามารถรับได้สิบกระบวณท่า,พวกเขามีสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันมิฉะนั้น มันจะเป็นปัญหาหากมีผู้เข้าร่วมเยอะเกินไป”

เมื่อฝูงชนได้ยินว่าต้องทําเพียงทนรับสิบกระบวณท่าจากศิษย์ชั้นนอก,พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกคนผู้นี้อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญชั้นสูง ไม่มีปัญหาที่จะรับสับกระบวณท่าจากเขา

เมื่อหลัวหลี่เห็นสีหน้าของทุกคน,เขายิ้มอย่างเย็นชากับตัวเอง,คนกลุ่มนี้หยิ่งยโสอย่างแท้จริงพวกเจ้าคิดว่ามันง่ายที่จะทนรับสิบกระบวณท่าจากข้า?

หลัวหลี่ดีดตัวออกจากพื้นและเปลี่ยนกลายเป็นเส้นแสงสีแดงก่อนที่จะลงจอดบนสนามประลอง

หลัวหลีทั้งเส้นสายร่องรอยสีแดงเอาไว้ทุกที่ที่เขาวาดผ่าน มันเป็นประกายและดูสวยงามอย่างยิ่ง

ผู้อาวุโสเหยียนพยักหน้าและกล่าว “เริ่มกันเถอะ หากเจามั่นใจในความแข็งแกร่ง,พวกเจ้าสามารถก้าวขึ้นมาทดสอบผู้ที่ทนรับได้สิบกระบวณท่าจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน

แม้ว่าเสียงของผู้อาวุโสเหยียนจะไม่ดัง, แต่ก็ได้ยินทั่วถึงอย่างน่าประหลาดผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดบนอัฒจันทร์ได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน

ตราบใดที่พวกเขาทนรับได้สิบกระบวณท่า,พวกเขาจะมีสิทธิในการเข้าร่วมการแข่งขัน ในตอนที่พวกเขาได้ยินดังนั้นผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดถูกล่อลวง พวกเขาทั้งหมดตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสานุศิษย์ของตําหนักเพิ่งชิงไม่ธรรมดา แต่มีหลายคนที่รู้สึกว่าเขาสามารถทนรับสิบกระบวณท่าจากเขาได้

“ฟุ!”

มีร่างชุดสีเทาร่อนลงมาจากอัฒจันทร์และลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง นักบ่มเพาะพลังผู้นี้ มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง,ก้าวขึ้นมาหมายจะท้าทาย

ผู้บ่มเพาะพลังชุดเทาอายุเพียงยี่สิบปี เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยม,คิ้วหนา,และดวงตาใหญ่ มีดาบยาวสองเมตรแขวนอยู่ที่เอวของเขา สายตาของเขาจดจ่อ,และก้าวเดินไปอย่างเข้มแข็ง เพียงมองดู ก็เห็นชัดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ

คนผู้นี่คํานับมือและกล่าว “เยี่ฟานจากนิกายเมฆาไหลแคว้นซีเหอ โปรดชี้แนะ”

“นั้นมันเยี่ฟานจากนิกายเมฆาไหล นิกายเมฆาไหลนับได้ว่าเป็นนิกายใหญ่ในแคว้นซีเหอ เย่ฟานผู้นี้เป็นศิษย์ชั้นยอดของพวกเขา เขาน่าจะทําให้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เผยความแข็งแกร่งออกมาบ้าง”

เยี่ฟานกลายเป็นระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางมานานแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาที่เขาจะทนรับได้สิบกระบวณท่าหากเขาพลาด,เช่นนั้นคนกว่าครึ่งก็ถูกคัดตกไปแล้ว”

มีบางคนที่จดเยี่ฟานได้;พวกเขาเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงเบา

หลัวหลีสวมชุดคลุมสีแดง,ผมของเขาไหวไปตามสายลม ร่องรอยความดูถูกวูบไหวในดวงตาของเขา เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าไม่คุ้มค่ากับคําแนะนําของข้าหนึ่งกระบวณท่าก็เพียงพอที่จะล้มเจ้า”

“ช่างหยิ่งยโส! มาดก่อนว่าคนของดินแดนศักดิ์สิทธิจะมีความสามารถเพียงใด”

เมี่เยี่ฟานได้ยินคําของใยตรงข้าม,เขาของขึ้น เขาวางมือขวาลงบนด้ามดาบของเขาและชักออกมาอย่างรวดเร็ว

เยี่ฟานกวัดแกว่งดาบของเขาและส่งดาบแสงนับพันเล่มออกไปในชั่วอึดใจยิงตรงไปที่หลัวห

ภาพติดตาของดาบแสงสว่างเจิดจ้า,สายลมร้องดัง ดาบแสงทุกเล่มบรรจุไปด้วยฉีเยือกแข็งดาบแสงหนึ่งพันเล่ม,เส้นเยือกแข็งหนึ่งพันเส้น

อุณหภูมิในสนามประลองลดลงในทันที ฉีเยือกแข็งหลอมรวมเข้ากับพื้นผิวของลานประลอง,เคลือบเป็นชั้นน้ําแข็ง

“นี่มันดาบเงาเยือกแข็งของนิกายเมฆาไหล มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงสุด ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ฟานจะบ่มเพาะมันไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น เขาสามารถส่งกระบี่แสงนับพันเล่มออกไป๋าดในอึดใจ มีฉีเยือกแข็งปกคลุมดาบแสงเหล่านั้นเอาไว้: กระบวณท่านี้ไม่ง่ายที่จะทําลาย”

หนึ่งในผู้อาวุโสของนิกายดาบเงาหมอกบนฐานดาดฟ้าแสดงความคิดเห็นออกมา

นิกายดาบเงาหมอกแห่งอาณาจักรต้าฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดาบ พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับดาบสูงกว่าคนทั่วไป ทุกคนเห็นพ้องกับการประมาณการณ์ของผู้อาวุโสคนนี้

ยอดกษัตริย์ดาบเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้,ฟงซวน ก็รู้สึกว่ากระบวณท่านี้ทําลายลงไม่ได้ง่ายเช่นกัน แม้ว่าเยี่ฟานจะยังไม่ได้สําเร็จสภาวะแห่งน้ําแข็ง,แต่จากน้ําแข็งที่ปกคลุมบนพื้น,มันเห็นชัดว่าเขากําลังจะสําเร็จมัน

เมื่อผู้อาวุโสของตําหนักเพิ่งชิงเห็นดังนั้นเขายิ้มออกมาเขาไม่ได้เป็นกังวลแม้แต่น้อย

ผู้อาวุโสเหยียนครุ่นคิดกับตัวเอง,หากหลัวหลี่ไม่อาจทําลายกระบวณท่านี้ลงได้,ข้าจะส่งเขาลงไปทําไมให้ขายหน้าตัวเอง?

ขณะที่หลัวหลี่จ้องมองดาบเงาเยือกแข็งที่เติมเต็มไปในอากาศกําลังบินมาทางเขา,มุมปากของเขายกขึ้น เขาเผยสีหน้าเย้ยหยันและกล่าวขึ้น “เจ้ายังไม่แม้แต่สําเร็จสภาวะแห่งน้ําแข็ง, แต่เจ้ากลับกลามาโอ้อวด ละลายไปซะ!”

หลังจากที่หบัวหลีกล่าวจบ,เปลวเพลิงสีแดงลุกขึ้นมาจากเท้าของเขา เปลวเพลิงลุกลามมาจากใต้เท้าของเขาและหมุนวนรอบกายของเขาในที่สุด,มันก็กลายเป็นวิหคเพลิงสีแดง

“ซี่ ซี่!”

คลื่นความร้อนที่ไร้รูปล้อมรอบกายของหลัวหลี่ น้ําแข็งบนพื้นกลายเป็นไอในทันที

หลังจากนั้น,ดาบเงาเยือกแข็งที่บินมาทางเขาก็ค่อยๆละลายหายไปในอากาศในตอนที่พวกมันหากจากหลัวหลไปสิบเมตร, ฉีเยอกแข็งบนดาบแสงทั้งหมดก็ละเหยกลายเป็นไอ

ในตอนที่ฉีเยือกแข็งจางหายไป,ดาบเงาเยือกแข็งก็แตกสลายโดยสมบูรณ์ ดาบแสงทั้งหมดลบหายออกไป

ฝูงชนตกตะลึง,ปากของพวกเขาเปิดค้าง พวกเขาไม่คาดคิดว่าดาบแสงพันเล่มจะถูกทําลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้

ฝูงชนรู้อยู่ว่าดาบเงาเยือกแข็งไม่อาจทําอันตรายกับหลัวหลี แต่อย่างไรก็ตาม,พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะถูกทําลายลงก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนไหวเสียอีก

ฟงซวนรู้แจ้ง,เขาพึมพํา “ผู้บ่มเพาะพลังที่ยังไม่สําเร็จถึงสภาวะและผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จถึงสภาวะแห่งไฟระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม…นอกจากนั้น,เขายังได้รับการสนับสนุนจากสัตว์อสรศักดิ์สิทธิ์โบราณพวกเขาอยู่ในระดับที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ไอน้ําบดบังสนามประลอง, ปิดซ่อนหลัวหลีในหมอกควัน

“ฟุฟว!”

ร่างสีแดงเพลิงทะยานออกมาจากไอน้ําและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นลําแสงสีแดงมุ่งหน้าเข้าไปหาเยี่ฟาน

“ปะ!”

ก่อนที่หลัวหลี่จะเข้าไปใกล์,เขาส่งฝ่ามือจู่โจมออกไป สายลมจากใมือซัดเข้ากับอากาศ,ทําให้เกิดเสียงกรีดร้องและเปลี่ยนกลายเป็นพายุหมุนรุนแรง

เขาปลดปล่อยเปลวเพลิงเข้าไปในพายุหมุน ทันใดนั้น,ฝ่ามือของหลัวหลีก็สร้างพายุเปลวเพลงขนาดใหญ่ขึ้นมา

พายุเปลวเพลิงเคลื่อนตัวอย่างประหลาด;มันดูราวกับเงาวิหคสีชาด ฝ่ามือนี้อาจจะดูเรียบง่าย,แต่มันเต็มไปด้วยความลึกล้ํา

เมื่อเยี่ฟานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า,ที่พายุเปลวเพลิง,สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขาวางสองนิ้วลงบนคมดาบและรูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่นิ้วของเขารูดขึ้นไป,แสงบนตัวดาบก็เจิดจ้ายิ่งขึ้น เมื่อนิ้วของเขาเคลื่อนจนไปถึงปลายดาบ,ดาบแสงก็เปล่งประกายไร้ขอบเขต

ดาบแสงนี้ยาว 33 เมตรและมีกว้างใหญ่ทรงพลัง มันดูราวกับสามารถสลายพายุเปลวเพลิงบนท้องฟ้า

ทันใดนั้น,หลัวหลี,ผู้ที่อยู่บนท้องฟ้า,ส่งเสียงร้องคํารามศึก,และจิตวิญญาณวิหคสีชาดที่จุดต้นเที่ยนของเขาก็ส่งเสียงร้องไพเราะออกมา เส้นพลังศักดิ์สิทธิ์ยิงตรงไปที่เยี่ฟาน

พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ยิ่งใหญ่และทรงพลังจิตวิญญาณยุทธของเยี่ฟานอดไม่ได้ที่จะสั่นเพิ่ม พลังปราณของเขาสั่นคลอนในทันที

คมดาบแสงซีดจางลงและลบหายไปหลังจากนั้นไม่นาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส

“คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจหยั่งถึงอย่างแท้จริงพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป”

ฝูงชนทั้งหมดบนอัฒจันทร์คนดูมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อพวกเขาจ้องมองไปที่วิหคสีชาดอันงดงามสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

เทียบกับคนอื่นๆ,เซี่ยวเฉินไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย;เขาไม่รู้สึกแม้แต่แรงกดดัน

ซ่งเฉวได้สลายจิตวิญญาณยุทธของเซียวเฉอนไปแล้ว และมันได้ซ่อนกายอยู่ในจุดปราณกว่าสามร้อยจุดของเขา มีเพียงวังวนฉีที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้น,ท่าทางของเขาจึงนิ่งสงบ

เมื่อเซี่ยวเฉินมองไปที่วิหคสีชาด,มุมปากของเขายกขึ้น,เผยเป็นนัยเยาะเย้ย

นี่มันน่าสนใจ ในจังหวะที่พวกเขาปรากฏตัวออกมา,พวกเขาใช้กระแสพลังของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ข่มขวัญทุกคน,แจ้งให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคือตัวหลักของงานนี้

ตอนนี้,มันบินวนไปในอากาศ,ไม่ยินยอมที่จะลงมาด้านล่าง พวกมันชอบเป็นจุดสนใจถึงขนาดนั้น?

“บูม!”

ห้านาทีต่อมา วิหคสีชาดที่กําลังบินวนเปลี่ยนกายเป็นล่าแสงสีแดงเพลิงแลพพุ่งตรงมาที่ฐานดาดฟ้า มันลงจอดภายในอดใจ

มีคนห้าคนที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของทุกคน วิหคสีชาดทองปักอยู่บนชุดของพวกเขาปกคลุมไปทั้งตัว

มีหนึ่งชายชราและอีกสี่คนที่ดูเยาว์ ชายหนุ่มหล่อเหลาและหญิงสาวก็งดงามพวกเขาช่างน่าเชยชม

พวกเขาไม่ได้ปลดปล่อยกระแสพลังออกมา พลังงานที่ร่วงหล่นลงมาจากหนึ่งหมื่นเมตรผสมผสานกลมกลืนเข้ากับผืนดิน,จางหายเข้าไปในหินผา
นี่แสดงให้เห็นถึงการควบคุมพลังของคนเหล่านี้ เซี่ยวเฉินค่อนข้างประทับใจ หากเป็นเขา,เขาคงไม่อาจทําได้เช่นนี้

ผู้อาวุโสหนึ่ง,เจียงชื่อ รีบลุกยืนขึ้น:ความเคารพเติมเต็มบนใบหน้าของเขา เขามองไปที่ชายชราอย่างคาดหวัง “ผู้อาวุโสเหยียน,พรสวรรค์ของท่านเจ้าศาลาน้อยของพวกเราเป็นเช่นไร?”

ชายชราแซ่เหยียนยิ้มเบาๆและกล่าว “พรสวรรค์ยอดเยี่ยมตั้งแต่กําเนิด นางสามารถบ่มเพาะพลังในตําหนักเฟิงชิงได้เป็นเวลาสามปี หากความสามารถในความเข้าใจของนางอยู่ในระดับสูง,นางสามารถกลายเป็นศิษย์แห่นกลางของต่าหนักเฟิงชิง”

รอยยิ้มเติมเต็มบนใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสศาบากระปสวรรค์ แม้แต่เพียงชื่อที่ปกติจะเยือกเย็นก็มีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

“ขอบคุณท่านผู้อาวโสเหยียน” เจียงชื่อคํานับมือกล่าวขอบคุณ

“คารวะผู้อาวุโสเหยียน!” ผู้นําตระกูลและผู้อาวุโสทั้งหมดบนฐานดาดฟ้ารีบยืนขึ้นและกล่าวทักทายผู้อาวุโสของตําหนักเฟิงชิง

ผู้อาวุโสเหยียนยกมือขึ้นและรักษารอยยิ้มบนใบหน้า มันดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนง่ายๆ,แต่มันยากที่จะมองเห็นความเย่อหยิ่งที่วูบไหวในดวงตาของเขา “ทุกท่าน,ไม่จําเป็นต้องมากพิธีข้าเป็นเพียงผู้อาวุโสชั้นนอกของตําหนักเพิ่งชิงโปรดนั่งลงเถิด”

เมื่อทุกคนกลับไปนั่งที่พวกเขาพบว่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนสบายๆกว่าที่คิดความ คิดต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม,ดวงตาของเซียวเฉินเฉียบคม;เขาพบเห็นถึงความเย่อหยิ่งในดวงตาของผู้อาวุโสเหยียน นอกจากนั้น ความเย่อหยิ่งของผู้เยาว์ที่อยู่ด้านหลังเด่นชัดยิ่งกว่า

ผู้อาวุโสเหยียนแห่งต่าหนักเฟิงชิงค่อยๆนั่งลงจากนั้น,เขากล่าวขึ้นเบาๆ “จุดประสงค์ที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อช่วยเหลือศาลากระบี่สวรรค์ให้รอดพ้นอะนตรายของรอยแยกมิติ”

“ในขณะเดียวกัน,ข้าก็อยากที่จะตามหาอัจฉริยะภายในอาณาจักรตาฉัน ดังนั้น,ข้าจึงขอให้ผู้อาวุโสเจียงช่วยข้ารวบรวมทุกคนมาที่นี่”

ฟงซวนถามขึ้น “ผู้อาวุโสเหยียน,เกณฑ์การคัดเลือดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นไร? ท่านอธิบายให้พวกเราได้หรือไม่?”

ผู้อาวุโสเหยียนตอบกลับ “ก็อย่างที่ทุกคนคาดเดา จะมีการจัดการแข่งขันขึ้น นี้จะทําให้พวกเราเห็นถึงพลังต่อสู้ของผู้บ่มเพาะพลังหลังจากนั้น,ข้าจะตรวจสอบพรสวรรค์แต่กําเนิดของพวกเขา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น จะมีการทดสอบขึ้นก่อน”

“การทดสอบอะไร?” ฟงซวนถามขึ้น

ผู้อาวุโสเหยียนมองไปด้านหลังของเขา,และหนึ่งในผู้เยวก็เดินเข้ามา “ศิษย์คนนี้มีนามว่าหลัวหลี เขาเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรกของศิษย์ชั้นนอกแห่งตําหนักเฟิงชิงของข้าตราบใดที่พวกเขาสามารถรับได้สิบกระบวณท่า,พวกเขามีสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันมิฉะนั้น มันจะเป็นปัญหาหากมีผู้เข้าร่วมเยอะเกินไป”

เมื่อฝูงชนได้ยินว่าต้องทําเพียงทนรับสิบกระบวณท่าจากศิษย์ชั้นนอก,พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกคนผู้นี้อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญชั้นสูง ไม่มีปัญหาที่จะรับสับกระบวณท่าจากเขา

เมื่อหลัวหลี่เห็นสีหน้าของทุกคน,เขายิ้มอย่างเย็นชากับตัวเอง,คนกลุ่มนี้หยิ่งยโสอย่างแท้จริงพวกเจ้าคิดว่ามันง่ายที่จะทนรับสิบกระบวณท่าจากข้า?

หลัวหลี่ดีดตัวออกจากพื้นและเปลี่ยนกลายเป็นเส้นแสงสีแดงก่อนที่จะลงจอดบนสนามประลอง

หลัวหลีทั้งเส้นสายร่องรอยสีแดงเอาไว้ทุกที่ที่เขาวาดผ่าน มันเป็นประกายและดูสวยงามอย่างยิ่ง

ผู้อาวุโสเหยียนพยักหน้าและกล่าว “เริ่มกันเถอะ หากเจามั่นใจในความแข็งแกร่ง,พวกเจ้าสามารถก้าวขึ้นมาทดสอบผู้ที่ทนรับได้สิบกระบวณท่าจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน

แม้ว่าเสียงของผู้อาวุโสเหยียนจะไม่ดัง, แต่ก็ได้ยินทั่วถึงอย่างน่าประหลาดผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดบนอัฒจันทร์ได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน

ตราบใดที่พวกเขาทนรับได้สิบกระบวณท่า,พวกเขาจะมีสิทธิในการเข้าร่วมการแข่งขัน ในตอนที่พวกเขาได้ยินดังนั้นผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดถูกล่อลวง พวกเขาทั้งหมดตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสานุศิษย์ของตําหนักเพิ่งชิงไม่ธรรมดา แต่มีหลายคนที่รู้สึกว่าเขาสามารถทนรับสิบกระบวณท่าจากเขาได้

“ฟุ!”

มีร่างชุดสีเทาร่อนลงมาจากอัฒจันทร์และลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง นักบ่มเพาะพลังผู้นี้ มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง,ก้าวขึ้นมาหมายจะท้าทาย

ผู้บ่มเพาะพลังชุดเทาอายุเพียงยี่สิบปี เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยม,คิ้วหนา,และดวงตาใหญ่ มีดาบยาวสองเมตรแขวนอยู่ที่เอวของเขา สายตาของเขาจดจ่อ,และก้าวเดินไปอย่างเข้มแข็ง เพียงมองดู ก็เห็นชัดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ

คนผู้นี่คํานับมือและกล่าว “เยี่ฟานจากนิกายเมฆาไหลแคว้นซีเหอ โปรดชี้แนะ”

“นั้นมันเยี่ฟานจากนิกายเมฆาไหล นิกายเมฆาไหลนับได้ว่าเป็นนิกายใหญ่ในแคว้นซีเหอ เย่ฟานผู้นี้เป็นศิษย์ชั้นยอดของพวกเขา เขาน่าจะทําให้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เผยความแข็งแกร่งออกมาบ้าง”

เยี่ฟานกลายเป็นระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางมานานแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาที่เขาจะทนรับได้สิบกระบวณท่าหากเขาพลาด,เช่นนั้นคนกว่าครึ่งก็ถูกคัดตกไปแล้ว”

มีบางคนที่จดเยี่ฟานได้;พวกเขาเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงเบา

หลัวหลีสวมชุดคลุมสีแดง,ผมของเขาไหวไปตามสายลม ร่องรอยความดูถูกวูบไหวในดวงตาของเขา เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าไม่คุ้มค่ากับคําแนะนําของข้าหนึ่งกระบวณท่าก็เพียงพอที่จะล้มเจ้า”

“ช่างหยิ่งยโส! มาดก่อนว่าคนของดินแดนศักดิ์สิทธิจะมีความสามารถเพียงใด”

เมี่เยี่ฟานได้ยินคําของใยตรงข้าม,เขาของขึ้น เขาวางมือขวาลงบนด้ามดาบของเขาและชักออกมาอย่างรวดเร็ว

เยี่ฟานกวัดแกว่งดาบของเขาและส่งดาบแสงนับพันเล่มออกไปในชั่วอึดใจยิงตรงไปที่หลัวห

ภาพติดตาของดาบแสงสว่างเจิดจ้า,สายลมร้องดัง ดาบแสงทุกเล่มบรรจุไปด้วยฉีเยือกแข็งดาบแสงหนึ่งพันเล่ม,เส้นเยือกแข็งหนึ่งพันเส้น

อุณหภูมิในสนามประลองลดลงในทันที ฉีเยือกแข็งหลอมรวมเข้ากับพื้นผิวของลานประลอง,เคลือบเป็นชั้นน้ําแข็ง

“นี่มันดาบเงาเยือกแข็งของนิกายเมฆาไหล มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงสุด ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ฟานจะบ่มเพาะมันไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น เขาสามารถส่งกระบี่แสงนับพันเล่มออกไป๋าดในอึดใจ มีฉีเยือกแข็งปกคลุมดาบแสงเหล่านั้นเอาไว้: กระบวณท่านี้ไม่ง่ายที่จะทําลาย”

หนึ่งในผู้อาวุโสของนิกายดาบเงาหมอกบนฐานดาดฟ้าแสดงความคิดเห็นออกมา

นิกายดาบเงาหมอกแห่งอาณาจักรต้าฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดาบ พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับดาบสูงกว่าคนทั่วไป ทุกคนเห็นพ้องกับการประมาณการณ์ของผู้อาวุโสคนนี้

ยอดกษัตริย์ดาบเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้,ฟงซวน ก็รู้สึกว่ากระบวณท่านี้ทําลายลงไม่ได้ง่ายเช่นกัน แม้ว่าเยี่ฟานจะยังไม่ได้สําเร็จสภาวะแห่งน้ําแข็ง,แต่จากน้ําแข็งที่ปกคลุมบนพื้น,มันเห็นชัดว่าเขากําลังจะสําเร็จมัน

เมื่อผู้อาวุโสของตําหนักเพิ่งชิงเห็นดังนั้นเขายิ้มออกมาเขาไม่ได้เป็นกังวลแม้แต่น้อย

ผู้อาวุโสเหยียนครุ่นคิดกับตัวเอง,หากหลัวหลี่ไม่อาจทําลายกระบวณท่านี้ลงได้,ข้าจะส่งเขาลงไปทําไมให้ขายหน้าตัวเอง?

ขณะที่หลัวหลี่จ้องมองดาบเงาเยือกแข็งที่เติมเต็มไปในอากาศกําลังบินมาทางเขา,มุมปากของเขายกขึ้น เขาเผยสีหน้าเย้ยหยันและกล่าวขึ้น “เจ้ายังไม่แม้แต่สําเร็จสภาวะแห่งน้ําแข็ง, แต่เจ้ากลับกลามาโอ้อวด ละลายไปซะ!”

หลังจากที่หบัวหลีกล่าวจบ,เปลวเพลิงสีแดงลุกขึ้นมาจากเท้าของเขา เปลวเพลิงลุกลามมาจากใต้เท้าของเขาและหมุนวนรอบกายของเขาในที่สุด,มันก็กลายเป็นวิหคเพลิงสีแดง

“ซี่ ซี่!”

คลื่นความร้อนที่ไร้รูปล้อมรอบกายของหลัวหลี่ น้ําแข็งบนพื้นกลายเป็นไอในทันที

หลังจากนั้น,ดาบเงาเยือกแข็งที่บินมาทางเขาก็ค่อยๆละลายหายไปในอากาศในตอนที่พวกมันหากจากหลัวหลไปสิบเมตร, ฉีเยอกแข็งบนดาบแสงทั้งหมดก็ละเหยกลายเป็นไอ

ในตอนที่ฉีเยือกแข็งจางหายไป,ดาบเงาเยือกแข็งก็แตกสลายโดยสมบูรณ์ ดาบแสงทั้งหมดลบหายออกไป

ฝูงชนตกตะลึง,ปากของพวกเขาเปิดค้าง พวกเขาไม่คาดคิดว่าดาบแสงพันเล่มจะถูกทําลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้

ฝูงชนรู้อยู่ว่าดาบเงาเยือกแข็งไม่อาจทําอันตรายกับหลัวหลี แต่อย่างไรก็ตาม,พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะถูกทําลายลงก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนไหวเสียอีก

ฟงซวนรู้แจ้ง,เขาพึมพํา “ผู้บ่มเพาะพลังที่ยังไม่สําเร็จถึงสภาวะและผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จถึงสภาวะแห่งไฟระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม…นอกจากนั้น,เขายังได้รับการสนับสนุนจากสัตว์อสรศักดิ์สิทธิ์โบราณพวกเขาอยู่ในระดับที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ไอน้ําบดบังสนามประลอง, ปิดซ่อนหลัวหลีในหมอกควัน

“ฟุฟว!”

ร่างสีแดงเพลิงทะยานออกมาจากไอน้ําและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นลําแสงสีแดงมุ่งหน้าเข้าไปหาเยี่ฟาน

“ปะ!”

ก่อนที่หลัวหลี่จะเข้าไปใกล์,เขาส่งฝ่ามือจู่โจมออกไป สายลมจากใมือซัดเข้ากับอากาศ,ทําให้เกิดเสียงกรีดร้องและเปลี่ยนกลายเป็นพายุหมุนรุนแรง

เขาปลดปล่อยเปลวเพลิงเข้าไปในพายุหมุน ทันใดนั้น,ฝ่ามือของหลัวหลีก็สร้างพายุเปลวเพลงขนาดใหญ่ขึ้นมา

พายุเปลวเพลิงเคลื่อนตัวอย่างประหลาด;มันดูราวกับเงาวิหคสีชาด ฝ่ามือนี้อาจจะดูเรียบง่าย,แต่มันเต็มไปด้วยความลึกล้ํา

เมื่อเยี่ฟานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า,ที่พายุเปลวเพลิง,สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขาวางสองนิ้วลงบนคมดาบและรูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่นิ้วของเขารูดขึ้นไป,แสงบนตัวดาบก็เจิดจ้ายิ่งขึ้น เมื่อนิ้วของเขาเคลื่อนจนไปถึงปลายดาบ,ดาบแสงก็เปล่งประกายไร้ขอบเขต

ดาบแสงนี้ยาว 33 เมตรและมีกว้างใหญ่ทรงพลัง มันดูราวกับสามารถสลายพายุเปลวเพลิงบนท้องฟ้า

ทันใดนั้น,หลัวหลี,ผู้ที่อยู่บนท้องฟ้า,ส่งเสียงร้องคํารามศึก,และจิตวิญญาณวิหคสีชาดที่จุดต้นเที่ยนของเขาก็ส่งเสียงร้องไพเราะออกมา เส้นพลังศักดิ์สิทธิ์ยิงตรงไปที่เยี่ฟาน

พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ยิ่งใหญ่และทรงพลังจิตวิญญาณยุทธของเยี่ฟานอดไม่ได้ที่จะสั่นเพิ่ม พลังปราณของเขาสั่นคลอนในทันที

คมดาบแสงซีดจางลงและลบหายไปหลังจากนั้นไม่นาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+