Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 355 หากข้าว่าข้าจะล้มเจ้าในสามกระบวณท่า,ข้าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 355 หากข้าว่าข้าจะล้มเจ้าในสามกระบวณท่าข้าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 355 หากข้าว่าข้าจะล้มเจ้าในสามกระบวณท่า,ข้าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว

ข้าจมแล้ว,เย่ฟานครุ่นคิดอย่างหวาดกลัวเขาตัวซีด,รู้สึกราวกับจมลึกสูกันมหาสมุทร

“ปัง!”

พายุเปลวเพลิงที่เติมเต็มบนท้องฟ้าสลายดาบแสงของเย่ฟาน พลังงานอันน่ากลัวซัดเข้าที่เย่ฟานโดยไม่มียั้ง

เย่ฟานกระอักเลือดออกมาค่าใหญ่ เขาถูกโยนลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ ผิวของเขาถูกเผาเกรียม

ในจังหวะนั้นเอง, มีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากพายุเปลวเพลิงและซัดเข้าที่หน้าอกของเย่ฟานอย่างแรงด้วยฝ่ามือของเขา

เย่ฟานยิ่งเจ็บหนัก เขากระอักเลือดออกมาอีกคําและลอยออกไปนอกสนามประลอง

พายุเปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตสลายตัว,เหลือเพียงหลัวหลี่ที่ไร้การบาดจ็บ,ยืนตระหง่านและภาคภูมิ

“ข้ากล่าวเอาไว้ว่าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว;คนต่อไป!” เสียงอันหยิ่งยโสของหลัวหลี่ดังสะท้อนไปในลานฝึกฝน

ดวงตะวันแผดเผาบนท้องฟ้าลานฝึกฝนที่จอแจตกสู่ความเงียบไร้เสียงพูดคุย

เมื่อฝูงชนเห็นเย่ฟานบาดเจ็บหนักที่ถูกห่ามออกไปโดยกลุ่มผู้อาวุโส,พวกเขาตกสู่ความกลัวนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนกระบวณท่า?

เซี่ยวเฉันคิ้วขมวดเล็กน้อย,คนผู้นี้ช่างก้าวร้าว แม้ว่าพายุเปลวเพลิงจะไม่อาจถอนกลับได้หลังจากยิงออกไป,แต่ฝ่ามือสุดท้ายนั้นไม่จําเป็นแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามคนผู้นี้ก็ยังลงมือ เห็นชัดว่าเขาต้องการที่จะลงมือจนกว่าจะปางตาย,ไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย

หลังจากที่ฝูงชนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีคนออกมาท้าทาย มีคนที่มั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ สําหรับพวกเขา,การรับสิบกระบวณท่าไม่ใช่เรื่องยากเย็น

เมื่อพวกเขาผ่านการทดสอบ,พวกเขาจะมีความเป็นไปได้ที่จะได้เข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลังจากนั้น พวกเขาอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลัวหลี่

ผู้ที่ลงมาท้าทายแข็งแกร่งกว่าเย่ฟานเล็กน้อย เขาได้สําเร็จสภาวะแห่งสายลมระดับสมบูรณ์ขั้นต้น เขาสามารถทนรับเก้ากระบวณท่าอย่างยากเย็น

เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและสูญเสียพลังปราณไปจํานวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม,เขาก็ยังอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ เขาครุ่นคิดอย่างยินดี,ข้าเพียงต้องรับอีกหนึ่งกระบวณท่า

อย่างไรก็ตาม,หลัวหลี่ยิ้มอย่างเย็นชา เขาปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณยุทธโบราณออกมาอีกครั้ง จิตวิญญาณยุทธของคู่ต่อสู้สั่นเพิ่ม,และพลังปราณของเขากลายเป็นไม่มั่นคงในตอนที่จุดอ่อนถูกเปิดเผย,เขาก็ใช้หระบวณท่าสุดท้ายส่งคู่ต่อสู้ลอยออกไป

“ไม่คุ้มค่าให้ออกแรง;คนต่อไป!”

“อ่อนแอ;ไร้ค่า! ไสหัวไป!”

“เจ้าเศษขยะ,ยังกล้าที่อยากจะเข้าร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ออกไป!”

มีผู้คนมากมายเข้ามาท้าทายหลัวหล แต่อย่างไรก็ตาม,ถูกเขาล้มทิ้งทั้งหมดมีบางคนที่รับได้ ถึงห้ากระบวณท่าก่อนที่จะล้มลงไป

มีบางคนที่รับได้เก้ากระบวณท่าอย่างยากเย็น แต่อย่างไรก็ตาม ในกระบวณท่าสุดท้าย,หลัวหลี่ก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณยุทธวิหคสีชาดออกมา

เมื่อหลัวหลี่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณยุทธ, มันทําให้จิตวิญญาณยุทธของคู่ต่อสู้สันกลัว,และทําให้พลังปราณของพวกเขาไม่มั่นคง เป็นผลทําให้กระบวณท่าของคู่ต่อสู้พังทลาย

หลายสิบคนภายแพ้ลงไปเช่นนี้ คนจํานวนมากเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นภายในภูมิภาคนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขานับได้ว่าน่ากลัว แต่อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครรับกระบวณทท่าที่สิบของหลัวหลได้

นอกจากนั้น ผู้ที่ขึ้นไปท้าทายต่างบาดเจ็บสาหัส:ช่างเป็นภาพที่น่าอดสู ในตอนที่หลัวหลี่ลงมือ,เขาไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย

ขณะที่ฟงซวนยิ้มองดู,เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขากล่าวกับผู้อาวุโสเหยียน “ผู้อาวุโสเหยียน,การทดสอบนี้ดูเหมือนจะยากไปเล็กน้อยในเมื่อมันเป็นเพียงการทดสอบ, งดใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่,ทดสอบพวกเขาเพียงความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว?”

คนอื่นก็คิดเช่นเดียวกับที่ฟังซวนกล่าว ปราศจากการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ จากคนที่ขึ้นไปท้าทายหลัวหลี่เมื่อคร่ มีอย่างน้อยสิบคนที่จะรับได้ถึงสิบกระบวณท่า

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่หลัวหลีใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของวิหคสีชาดออกมา,เขาไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกัน แม่แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้น,ที่ระดับขอบเขตพลังส่งกว่าขึ้นหนึ่งระดับก็ดูเหมือนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ผู้อาวุโสเหยียนยิ้มเบาๆและกล่าวขึ้น “ทุกท่าน,พลังศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งสําคัญที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ หากพวกเขาไม่อาจทนกับพลังศักดิ์สิทธิ์ จะมีความหมายอะไรที่จะรับพวกเขาเข้ามาในนิกาย?”

“นอกจากนั้น,วิหคสีชาดของหลัวหลี่ยังไม่ได้มาจากการสืบทอดโดยตรง สายเลือดของเขาเจือจางเป็นอย่างมากเขาไร้ค่าในนิกายของพวกเรา”

เมื่อผู้อาวุโสเหยียนกล่าวดังนั้น,ฝูงชนไม่อาจหาเหตุผลมาโต้ตอบ

พวกเขาทําได้เพียงเก็บเสียงบ่นเอาไว้ในใจของพวกเขา มีเพียงเขาที่มีสิทธิในการคัดเลือก;พวกเขาจะไปขัดได้อย่างไร?

ขณะที่พวกเขาคุยจบ,ฝ่ามือของหลัวหลีสลายอวัยวะภายในของสานุศิษย์ไปอีกหนึ่งคน สายเลือดไหลออกมาจากปากของเขาพร้อมกับกลิ้งออกไปจากสนามประลองช่างเป็นภาพที่น่าอดสู:เขาตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อมองดูดีๆ,คนผู้นี้คืออันดับที่เก้บนตารางเมฆาล่องของศาลากระบี่สวรรค์,หลี่ยู่เจือ เขาไม่แม้แต่จะรับได้ถึงกระบวณท่าที่เก้า

“ความแข็งแกร่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง แม้แต่อันดับที่เก้าบนตารางเมฆาล่องของศาบากระบี่สวรรค์,หลี่ยู่เจือ,ก็อยู่ไม่ถึงกระบวณท่าที่สิบ”

มีผู้บ่มเพาะพลังหลายคนบนอัฒจันทร์ที่จ่าหลี่ยเจ๋อได้ พวกเขาทั้งหมดตกตะลึง

หลัวหลืมองไปที่คนคนนั้นอย่างไม่แยแสและยิ้มอย่างเย็นชา เขากล่าว “ความแข็งแกร่งเช่นนี้เป็นถึงอันดับที่เก้าของศาลากระบี่สวรรค์? การจัดอันดับของศาลากระปสวรรค์ดูเหมือนจะเป็นการจัดอันดับขยะ”

เมื่อสานุศิษย์หลายคนของศาบากระบี่สวรรค์ได้ยินเช่นนั้น,พวกเขาทั้งหมดหน้าแดงก่ำ พวกเขาอับอายและเกรียวโกรธถึงขีดสุด

พวกเขาทั้งหมดอยากจะกระโดดลงไปสั่งสอนไอ้คนผู้นี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของเขา,พวกเขาก็รู้สึกช่วยไม่ได้

“หากพี่ใหญ่มู่หลงยังอยู่มันคงไม่ได้ปากดีเช่นนี้ การใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับรังแก” สานศิษย์หลายคนของศาลากระปสวรรค์กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

เมื่อเจียงชื่อ ผู้ที่อยู่บนฐานดาดฟ้า,ได้ยินคําของหลัวหลี่,สีหน้าของเขาเปลี่ยนมันกลายเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย

ผู้อาวุโสเหยียนยิ้มและกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสเจียงชื่อ,อย่าได้ใส่ใจ คนหนุ่มก็มักจะโอ้อวดเช่นนี้”

เมื่อเจียงชื่อเห็นผู้อาวุโสเหยียนเข้าข้างคําของหลัวหลี,เขาหัวเราะอย่างละอายและทําเป็นไม่เป็นอะไร

จากนั้นเขาก็มองไปที่เซี่ยวเฉินหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เขากล่าว “เย่เฉิน,ลงไปแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากับศิษย์ผู้ปราดเปรื่องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงสิบกระบวณท่าเพียงเท่านั้น”

เพียงสิบกระบวณท่า? ดี.เซียวเฉินมองไปที่หลัวหลีที่มองมาทางเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย

“เย่เฉิน,โปรดระวังตัว” หลิวหรูเยว่กล่าวอย่างกังวลพร้อมกับกุมมือของเซียวเฉินที่ใต้โต๊ะน้ําชา

เซียวเฉินหันไปมองที่หลิวหรูเยว่ ใบหน้าอันธรรมดาและละเอียดอ่อนของเขาปราศจากความกลัว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่ใช่คู่มือของข้า;ข้าสามารถล้มเขาได้ในสามกระบวณท่า”

“ฟุ่มฟิ่ว!”

เซี่ยวเฉันค่อยๆลุกขึ้นยืนและดีดตัวออกจากพื้น เขากลายเป็นเส้นลําแสงสีม่วงและลงจอดบนสนามประลองในทันที

“นั้นเย่เฉิน เย่เฉินก้าวออกมาแล้วไม่มีมู่หลงชง,แต่เย่เฉินสามารถยืนหยัดเพื่อพวกเรา”

“แน่นอน พวกเราลืมเเฉินไปได้อย่างไร? เย่เฉินล้มมู่หลงชงลงได้เขาสามารถอยู่ได้ถึงสิบกระบวณท่าอย่างแน่นอน”

“เย่เฉิน,อย่าทําให้พวกเราผิดหวัง!”

เมื่อสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์เห็นเซียวเฉินในชุดขาวยืนอยู่บนสนามประลอง,ความหมดหวังของพวกเขาลบหายไป,พวกเขากลายเป็นตื่นเต้น พวกเขายังไม่สิ้นหวังและตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

หลี่ยเจ่อ ผู้ที่อยู่ด้านล่างสนามประลอง,เงยหน้าขึ้นเมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของเย่เฉิน

“เขาคือเย่เฉิน? ข้าได้ยินชื่อของเขาบ่อยๆในแคว้นซีเหอ เขาสังหารเจ้าปีศาจนั้นในแม่น้ํามังกรทมิฬ

“ในตอนนั้น,เย่เฉินไม่เพียงสังหารวาฬทูน่าสีดํา,แต่เขายังสังหารผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหญ่,เยวหมิงชาน,ผู้ที่ไล่ล่าหมายจะสังหารเขา”

“ก่อนหน้านี้,ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้เยาว์นามเย่เฉินเขาเดินทางไปรอบๆและสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงมากมาย ดูเหมือนว่าจะเป็นคนผู้นี้”

ตอนนี้ เย่เงินไม่ได้ไร้ชื่อเสียงเหมือนในอดีต ตอนนี้เป็นผู้เยาว์อันดับต้นในแคว้นซีเหอ

ในใจของผู้คน,เขาคือมู่หลงชงคนที่สองหรือแม่แต่ผู้ที่ก้าวผ่านมู่หลงชงไปแล้ว

เซี่ยวเฉินคงความนิ่งสงบเขาเมินเฉยเสียงผู้คนรอบๆตัวเขา เขาไม่ประหลาดใจในชื่อเสียงของเขา ถึงอย่างไรก็ตาม ชื่อปลอมก็ยังคงเป็นชื่อปลอม: ไม่มีอะไรให้ยินดีหรือเป็นกังวล

หลังหลี่ยิ้ม,และใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเผยความเย้ยหยัน เขากล่าว “ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ตามเจ้าก็เป็นเพียงผู้ที่มาจากที่ต่ำ ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด,เจ้าก็เป็นคนเขลา แม้แต่คนที่มากพรสวรรค์ยิ่งกว่าเจ้าก็ไร้ค่าในสายตาข้า”

เซี่ยวเฉินยิ้มและมองไปที่หลังหลื่อย่างเยือกเย็น เขากล่าว “เจ้าก็เป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ล้มเหลวในการเข้าสู่นิกายชั้นใน อย่าได้คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ในความคิดของข้า,เจ้าต่างหากที่โง่เขลา”

คําของเย่เฉินดูเหมือนจะไปจโดนจุดของหลัวหลี่ ความโกรธวูบไหวในดวงตาของหลัวหลี่เขากล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะไล่เจ้าออกจากสนามประลองในสามกระบวณท่า”

“เอาเช่นนั้น? ข้าได้สัญญาเอาไว้กับคนคนนึงว่าจะล้มเจ้าลงในสามกระบวณท่าเช่นกัน” เซียวเฉินยิ้ม

หลัวหลี่มีสีหน้ามืดมัวพร้อมกับสูดจมูกเย็นชา “โอหัง!”

“บูม!”

หลังหลีร้องคํารามศึก,และเปลวเพลิงสีแดงปะทุขึ้นมาจากเทาของเขาในทันทีเปลวเพลิงหมุนวนรอบกายของเขาก่อนที่จะก่อตัวเป็นวิหคสีชาด จากนั้น,เขาซัดฝ่ามืออกไปอย่างรุนแรง

ใมือจู่โจมนี้ส่งกระแสลมนับไม่ถ้วนออกมา เปลวเพลิงเคลื่อนไหวไปตามสายลม,และพวกมันก็เปลี่ยนกบายเป็นพายุเพลิงสูงนับร้อยเมตรในชั่วพริบตา

พายุหมุนเปลี่ยนรูปทรงอย่างแปลกประหลาด เมื่อมองดูจากระยะไกล,มันเห็นเป็นรูปวิหคสีเพลิงชัดเจน

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต้องพ่ายแพ้ไปเพราะกระบวณท่านี้ หลัวหลีใช้พลังของวิหคสีชาดก่อเกิดเป็นพลังทําลายล้างอันแข็งแกร่ง

ดวงตาของเซียวเฉินเป็นประกาย,และเขาแสดงออกถึงความมั่นใจ เขาวางมือขวาของเขาลงบนกระบี่เงาจันทร์และดึงกระบี่ของเขาออกมาในจังหวะที่พายุเปลวเพลิงมาถึงตรงหน้าของเขา

“บึ้ม…!”

ทันใดนั้น,เสียงสายฟ้าร้องคํารามดังก้องบนท้องฟ้าที่สงบ สายฟ้าสีม่วงทะลวงผ่านอากาศและหลอมรวมเข้าไปในกระบี่เงาจันทร์

กระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะกระพริบไหวด้วยแสงสีม่วงในทันที เซียวเฉินพุ่งขึ้นหน้าและเจาะเข้าไป

คมกระบี่ทะลวงผ่านหัวของวิหคสีชาดเซี่ยวเฉินตั้งใจจะต้านทานกระบวณท่านี้เอาไว้ในการโจมตีครั้งเดียว

กระบี่ที่เฉียบคมแบกสภาวะแห่งสายฟ้าที่บริสุทธิ์ไม่มีอะไรที่กระบี่เล่มนี้ไม่อาจตัดขาด

“ฟุ่ ฟิ่ว!”

ทุกคนในลานฝึกฝนดูราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องของวิหคสีชาดในใจของพวกเขาพายุเปลวเพลิงได้แตกสลาย

สายลมแตกกระจายและเปลวเพลิงไหลออกข้าง,ซัดเข้าที่กําแพงของลานประลอง,ทิ้งเหลือไว้เพียงเสาสี่ต้น

“ปะ! ปะ!”

หลังจากนั้น,เสาทั้งสี่ต้นก็แตกสลาย พวกมันถูกเผาไหม้อย่างสมบูรณ์จากภายในนี่แสดงให้เห็นถึงพลังกดข่มของเปลวเพลิง

“เยี่ยม!” ฝูงชนร้องตะโกนเมื่อพวกเขาเห็นว่าเซี่ยวเฉินทําลายทักษะต่อสู่ของหลัวหลลงได้อย่างง่ายดาย

เมื่อหลัวหลี่เห็นว่าคู่ต่อสู้ทําลายทักษะต่อสู้ที่เขาภาคภูมิใจลงได้อย่างง่ายดายและเด็ดขาด,สีหน้าของเขาเปลี่ยนเล็กน้อย

หลัวหลีดีดตัวออกจากพื้นและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาพร่างวิหคสีชาดกระพือปีกของมันซ้อนทับกับร่างของเขา

ขณะที่วิหคสีชาดกําลังกระพือปีกของมัน,กระแสพลังของหลัวหลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่ช้า,เขาก็เร่งถึงจุดสูงสุดของเขา และสภาวะแห่งไฟก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 355 หากข้าว่าข้าจะล้มเจ้าในสามกระบวณท่า,ข้าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 355 หากข้าว่าข้าจะล้มเจ้าในสามกระบวณท่าข้าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 355 หากข้าว่าข้าจะล้มเจ้าในสามกระบวณท่า,ข้าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว

ข้าจมแล้ว,เย่ฟานครุ่นคิดอย่างหวาดกลัวเขาตัวซีด,รู้สึกราวกับจมลึกสูกันมหาสมุทร

“ปัง!”

พายุเปลวเพลิงที่เติมเต็มบนท้องฟ้าสลายดาบแสงของเย่ฟาน พลังงานอันน่ากลัวซัดเข้าที่เย่ฟานโดยไม่มียั้ง

เย่ฟานกระอักเลือดออกมาค่าใหญ่ เขาถูกโยนลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ ผิวของเขาถูกเผาเกรียม

ในจังหวะนั้นเอง, มีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากพายุเปลวเพลิงและซัดเข้าที่หน้าอกของเย่ฟานอย่างแรงด้วยฝ่ามือของเขา

เย่ฟานยิ่งเจ็บหนัก เขากระอักเลือดออกมาอีกคําและลอยออกไปนอกสนามประลอง

พายุเปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตสลายตัว,เหลือเพียงหลัวหลี่ที่ไร้การบาดจ็บ,ยืนตระหง่านและภาคภูมิ

“ข้ากล่าวเอาไว้ว่าจะล้มเจ้าในกระบวณท่าเดียว;คนต่อไป!” เสียงอันหยิ่งยโสของหลัวหลี่ดังสะท้อนไปในลานฝึกฝน

ดวงตะวันแผดเผาบนท้องฟ้าลานฝึกฝนที่จอแจตกสู่ความเงียบไร้เสียงพูดคุย

เมื่อฝูงชนเห็นเย่ฟานบาดเจ็บหนักที่ถูกห่ามออกไปโดยกลุ่มผู้อาวุโส,พวกเขาตกสู่ความกลัวนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนกระบวณท่า?

เซี่ยวเฉันคิ้วขมวดเล็กน้อย,คนผู้นี้ช่างก้าวร้าว แม้ว่าพายุเปลวเพลิงจะไม่อาจถอนกลับได้หลังจากยิงออกไป,แต่ฝ่ามือสุดท้ายนั้นไม่จําเป็นแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามคนผู้นี้ก็ยังลงมือ เห็นชัดว่าเขาต้องการที่จะลงมือจนกว่าจะปางตาย,ไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย

หลังจากที่ฝูงชนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีคนออกมาท้าทาย มีคนที่มั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ สําหรับพวกเขา,การรับสิบกระบวณท่าไม่ใช่เรื่องยากเย็น

เมื่อพวกเขาผ่านการทดสอบ,พวกเขาจะมีความเป็นไปได้ที่จะได้เข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลังจากนั้น พวกเขาอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลัวหลี่

ผู้ที่ลงมาท้าทายแข็งแกร่งกว่าเย่ฟานเล็กน้อย เขาได้สําเร็จสภาวะแห่งสายลมระดับสมบูรณ์ขั้นต้น เขาสามารถทนรับเก้ากระบวณท่าอย่างยากเย็น

เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและสูญเสียพลังปราณไปจํานวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม,เขาก็ยังอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ เขาครุ่นคิดอย่างยินดี,ข้าเพียงต้องรับอีกหนึ่งกระบวณท่า

อย่างไรก็ตาม,หลัวหลี่ยิ้มอย่างเย็นชา เขาปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณยุทธโบราณออกมาอีกครั้ง จิตวิญญาณยุทธของคู่ต่อสู้สั่นเพิ่ม,และพลังปราณของเขากลายเป็นไม่มั่นคงในตอนที่จุดอ่อนถูกเปิดเผย,เขาก็ใช้หระบวณท่าสุดท้ายส่งคู่ต่อสู้ลอยออกไป

“ไม่คุ้มค่าให้ออกแรง;คนต่อไป!”

“อ่อนแอ;ไร้ค่า! ไสหัวไป!”

“เจ้าเศษขยะ,ยังกล้าที่อยากจะเข้าร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ออกไป!”

มีผู้คนมากมายเข้ามาท้าทายหลัวหล แต่อย่างไรก็ตาม,ถูกเขาล้มทิ้งทั้งหมดมีบางคนที่รับได้ ถึงห้ากระบวณท่าก่อนที่จะล้มลงไป

มีบางคนที่รับได้เก้ากระบวณท่าอย่างยากเย็น แต่อย่างไรก็ตาม ในกระบวณท่าสุดท้าย,หลัวหลี่ก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณยุทธวิหคสีชาดออกมา

เมื่อหลัวหลี่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณยุทธ, มันทําให้จิตวิญญาณยุทธของคู่ต่อสู้สันกลัว,และทําให้พลังปราณของพวกเขาไม่มั่นคง เป็นผลทําให้กระบวณท่าของคู่ต่อสู้พังทลาย

หลายสิบคนภายแพ้ลงไปเช่นนี้ คนจํานวนมากเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นภายในภูมิภาคนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขานับได้ว่าน่ากลัว แต่อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครรับกระบวณทท่าที่สิบของหลัวหลได้

นอกจากนั้น ผู้ที่ขึ้นไปท้าทายต่างบาดเจ็บสาหัส:ช่างเป็นภาพที่น่าอดสู ในตอนที่หลัวหลี่ลงมือ,เขาไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย

ขณะที่ฟงซวนยิ้มองดู,เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขากล่าวกับผู้อาวุโสเหยียน “ผู้อาวุโสเหยียน,การทดสอบนี้ดูเหมือนจะยากไปเล็กน้อยในเมื่อมันเป็นเพียงการทดสอบ, งดใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่,ทดสอบพวกเขาเพียงความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว?”

คนอื่นก็คิดเช่นเดียวกับที่ฟังซวนกล่าว ปราศจากการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ จากคนที่ขึ้นไปท้าทายหลัวหลี่เมื่อคร่ มีอย่างน้อยสิบคนที่จะรับได้ถึงสิบกระบวณท่า

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่หลัวหลีใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของวิหคสีชาดออกมา,เขาไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกัน แม่แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้น,ที่ระดับขอบเขตพลังส่งกว่าขึ้นหนึ่งระดับก็ดูเหมือนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ผู้อาวุโสเหยียนยิ้มเบาๆและกล่าวขึ้น “ทุกท่าน,พลังศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งสําคัญที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ หากพวกเขาไม่อาจทนกับพลังศักดิ์สิทธิ์ จะมีความหมายอะไรที่จะรับพวกเขาเข้ามาในนิกาย?”

“นอกจากนั้น,วิหคสีชาดของหลัวหลี่ยังไม่ได้มาจากการสืบทอดโดยตรง สายเลือดของเขาเจือจางเป็นอย่างมากเขาไร้ค่าในนิกายของพวกเรา”

เมื่อผู้อาวุโสเหยียนกล่าวดังนั้น,ฝูงชนไม่อาจหาเหตุผลมาโต้ตอบ

พวกเขาทําได้เพียงเก็บเสียงบ่นเอาไว้ในใจของพวกเขา มีเพียงเขาที่มีสิทธิในการคัดเลือก;พวกเขาจะไปขัดได้อย่างไร?

ขณะที่พวกเขาคุยจบ,ฝ่ามือของหลัวหลีสลายอวัยวะภายในของสานุศิษย์ไปอีกหนึ่งคน สายเลือดไหลออกมาจากปากของเขาพร้อมกับกลิ้งออกไปจากสนามประลองช่างเป็นภาพที่น่าอดสู:เขาตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อมองดูดีๆ,คนผู้นี้คืออันดับที่เก้บนตารางเมฆาล่องของศาลากระบี่สวรรค์,หลี่ยู่เจือ เขาไม่แม้แต่จะรับได้ถึงกระบวณท่าที่เก้า

“ความแข็งแกร่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง แม้แต่อันดับที่เก้าบนตารางเมฆาล่องของศาบากระบี่สวรรค์,หลี่ยู่เจือ,ก็อยู่ไม่ถึงกระบวณท่าที่สิบ”

มีผู้บ่มเพาะพลังหลายคนบนอัฒจันทร์ที่จ่าหลี่ยเจ๋อได้ พวกเขาทั้งหมดตกตะลึง

หลัวหลืมองไปที่คนคนนั้นอย่างไม่แยแสและยิ้มอย่างเย็นชา เขากล่าว “ความแข็งแกร่งเช่นนี้เป็นถึงอันดับที่เก้าของศาลากระบี่สวรรค์? การจัดอันดับของศาลากระปสวรรค์ดูเหมือนจะเป็นการจัดอันดับขยะ”

เมื่อสานุศิษย์หลายคนของศาบากระบี่สวรรค์ได้ยินเช่นนั้น,พวกเขาทั้งหมดหน้าแดงก่ำ พวกเขาอับอายและเกรียวโกรธถึงขีดสุด

พวกเขาทั้งหมดอยากจะกระโดดลงไปสั่งสอนไอ้คนผู้นี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของเขา,พวกเขาก็รู้สึกช่วยไม่ได้

“หากพี่ใหญ่มู่หลงยังอยู่มันคงไม่ได้ปากดีเช่นนี้ การใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับรังแก” สานศิษย์หลายคนของศาลากระปสวรรค์กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

เมื่อเจียงชื่อ ผู้ที่อยู่บนฐานดาดฟ้า,ได้ยินคําของหลัวหลี่,สีหน้าของเขาเปลี่ยนมันกลายเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย

ผู้อาวุโสเหยียนยิ้มและกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสเจียงชื่อ,อย่าได้ใส่ใจ คนหนุ่มก็มักจะโอ้อวดเช่นนี้”

เมื่อเจียงชื่อเห็นผู้อาวุโสเหยียนเข้าข้างคําของหลัวหลี,เขาหัวเราะอย่างละอายและทําเป็นไม่เป็นอะไร

จากนั้นเขาก็มองไปที่เซี่ยวเฉินหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เขากล่าว “เย่เฉิน,ลงไปแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากับศิษย์ผู้ปราดเปรื่องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงสิบกระบวณท่าเพียงเท่านั้น”

เพียงสิบกระบวณท่า? ดี.เซียวเฉินมองไปที่หลัวหลีที่มองมาทางเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย

“เย่เฉิน,โปรดระวังตัว” หลิวหรูเยว่กล่าวอย่างกังวลพร้อมกับกุมมือของเซียวเฉินที่ใต้โต๊ะน้ําชา

เซียวเฉินหันไปมองที่หลิวหรูเยว่ ใบหน้าอันธรรมดาและละเอียดอ่อนของเขาปราศจากความกลัว เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่ใช่คู่มือของข้า;ข้าสามารถล้มเขาได้ในสามกระบวณท่า”

“ฟุ่มฟิ่ว!”

เซี่ยวเฉันค่อยๆลุกขึ้นยืนและดีดตัวออกจากพื้น เขากลายเป็นเส้นลําแสงสีม่วงและลงจอดบนสนามประลองในทันที

“นั้นเย่เฉิน เย่เฉินก้าวออกมาแล้วไม่มีมู่หลงชง,แต่เย่เฉินสามารถยืนหยัดเพื่อพวกเรา”

“แน่นอน พวกเราลืมเเฉินไปได้อย่างไร? เย่เฉินล้มมู่หลงชงลงได้เขาสามารถอยู่ได้ถึงสิบกระบวณท่าอย่างแน่นอน”

“เย่เฉิน,อย่าทําให้พวกเราผิดหวัง!”

เมื่อสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์เห็นเซียวเฉินในชุดขาวยืนอยู่บนสนามประลอง,ความหมดหวังของพวกเขาลบหายไป,พวกเขากลายเป็นตื่นเต้น พวกเขายังไม่สิ้นหวังและตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

หลี่ยเจ่อ ผู้ที่อยู่ด้านล่างสนามประลอง,เงยหน้าขึ้นเมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของเย่เฉิน

“เขาคือเย่เฉิน? ข้าได้ยินชื่อของเขาบ่อยๆในแคว้นซีเหอ เขาสังหารเจ้าปีศาจนั้นในแม่น้ํามังกรทมิฬ

“ในตอนนั้น,เย่เฉินไม่เพียงสังหารวาฬทูน่าสีดํา,แต่เขายังสังหารผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหญ่,เยวหมิงชาน,ผู้ที่ไล่ล่าหมายจะสังหารเขา”

“ก่อนหน้านี้,ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้เยาว์นามเย่เฉินเขาเดินทางไปรอบๆและสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงมากมาย ดูเหมือนว่าจะเป็นคนผู้นี้”

ตอนนี้ เย่เงินไม่ได้ไร้ชื่อเสียงเหมือนในอดีต ตอนนี้เป็นผู้เยาว์อันดับต้นในแคว้นซีเหอ

ในใจของผู้คน,เขาคือมู่หลงชงคนที่สองหรือแม่แต่ผู้ที่ก้าวผ่านมู่หลงชงไปแล้ว

เซี่ยวเฉินคงความนิ่งสงบเขาเมินเฉยเสียงผู้คนรอบๆตัวเขา เขาไม่ประหลาดใจในชื่อเสียงของเขา ถึงอย่างไรก็ตาม ชื่อปลอมก็ยังคงเป็นชื่อปลอม: ไม่มีอะไรให้ยินดีหรือเป็นกังวล

หลังหลี่ยิ้ม,และใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเผยความเย้ยหยัน เขากล่าว “ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ตามเจ้าก็เป็นเพียงผู้ที่มาจากที่ต่ำ ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด,เจ้าก็เป็นคนเขลา แม้แต่คนที่มากพรสวรรค์ยิ่งกว่าเจ้าก็ไร้ค่าในสายตาข้า”

เซี่ยวเฉินยิ้มและมองไปที่หลังหลื่อย่างเยือกเย็น เขากล่าว “เจ้าก็เป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ล้มเหลวในการเข้าสู่นิกายชั้นใน อย่าได้คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ในความคิดของข้า,เจ้าต่างหากที่โง่เขลา”

คําของเย่เฉินดูเหมือนจะไปจโดนจุดของหลัวหลี่ ความโกรธวูบไหวในดวงตาของหลัวหลี่เขากล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะไล่เจ้าออกจากสนามประลองในสามกระบวณท่า”

“เอาเช่นนั้น? ข้าได้สัญญาเอาไว้กับคนคนนึงว่าจะล้มเจ้าลงในสามกระบวณท่าเช่นกัน” เซียวเฉินยิ้ม

หลัวหลี่มีสีหน้ามืดมัวพร้อมกับสูดจมูกเย็นชา “โอหัง!”

“บูม!”

หลังหลีร้องคํารามศึก,และเปลวเพลิงสีแดงปะทุขึ้นมาจากเทาของเขาในทันทีเปลวเพลิงหมุนวนรอบกายของเขาก่อนที่จะก่อตัวเป็นวิหคสีชาด จากนั้น,เขาซัดฝ่ามืออกไปอย่างรุนแรง

ใมือจู่โจมนี้ส่งกระแสลมนับไม่ถ้วนออกมา เปลวเพลิงเคลื่อนไหวไปตามสายลม,และพวกมันก็เปลี่ยนกบายเป็นพายุเพลิงสูงนับร้อยเมตรในชั่วพริบตา

พายุหมุนเปลี่ยนรูปทรงอย่างแปลกประหลาด เมื่อมองดูจากระยะไกล,มันเห็นเป็นรูปวิหคสีเพลิงชัดเจน

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต้องพ่ายแพ้ไปเพราะกระบวณท่านี้ หลัวหลีใช้พลังของวิหคสีชาดก่อเกิดเป็นพลังทําลายล้างอันแข็งแกร่ง

ดวงตาของเซียวเฉินเป็นประกาย,และเขาแสดงออกถึงความมั่นใจ เขาวางมือขวาของเขาลงบนกระบี่เงาจันทร์และดึงกระบี่ของเขาออกมาในจังหวะที่พายุเปลวเพลิงมาถึงตรงหน้าของเขา

“บึ้ม…!”

ทันใดนั้น,เสียงสายฟ้าร้องคํารามดังก้องบนท้องฟ้าที่สงบ สายฟ้าสีม่วงทะลวงผ่านอากาศและหลอมรวมเข้าไปในกระบี่เงาจันทร์

กระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะกระพริบไหวด้วยแสงสีม่วงในทันที เซียวเฉินพุ่งขึ้นหน้าและเจาะเข้าไป

คมกระบี่ทะลวงผ่านหัวของวิหคสีชาดเซี่ยวเฉินตั้งใจจะต้านทานกระบวณท่านี้เอาไว้ในการโจมตีครั้งเดียว

กระบี่ที่เฉียบคมแบกสภาวะแห่งสายฟ้าที่บริสุทธิ์ไม่มีอะไรที่กระบี่เล่มนี้ไม่อาจตัดขาด

“ฟุ่ ฟิ่ว!”

ทุกคนในลานฝึกฝนดูราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องของวิหคสีชาดในใจของพวกเขาพายุเปลวเพลิงได้แตกสลาย

สายลมแตกกระจายและเปลวเพลิงไหลออกข้าง,ซัดเข้าที่กําแพงของลานประลอง,ทิ้งเหลือไว้เพียงเสาสี่ต้น

“ปะ! ปะ!”

หลังจากนั้น,เสาทั้งสี่ต้นก็แตกสลาย พวกมันถูกเผาไหม้อย่างสมบูรณ์จากภายในนี่แสดงให้เห็นถึงพลังกดข่มของเปลวเพลิง

“เยี่ยม!” ฝูงชนร้องตะโกนเมื่อพวกเขาเห็นว่าเซี่ยวเฉินทําลายทักษะต่อสู่ของหลัวหลลงได้อย่างง่ายดาย

เมื่อหลัวหลี่เห็นว่าคู่ต่อสู้ทําลายทักษะต่อสู้ที่เขาภาคภูมิใจลงได้อย่างง่ายดายและเด็ดขาด,สีหน้าของเขาเปลี่ยนเล็กน้อย

หลัวหลีดีดตัวออกจากพื้นและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาพร่างวิหคสีชาดกระพือปีกของมันซ้อนทับกับร่างของเขา

ขณะที่วิหคสีชาดกําลังกระพือปีกของมัน,กระแสพลังของหลัวหลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่ช้า,เขาก็เร่งถึงจุดสูงสุดของเขา และสภาวะแห่งไฟก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+