Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 357 เปิดเผย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 357 เปิดเผย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 357 เปิดเผย

รูปสลักหญิงสาวนี้เป็นรูปสลักขององค์หญิงหยิงเยว่เอง นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ไม่เลว:เขาได้ส่งชิ้นงานของเขามาให้ทุกเดือน นอกจากนั้น ยังเป็นรูปสลักที่แตกต่างกันออกไป”

หนานกงเลีย,ที่อยู่ไม่ไกลออกไป,มีรอยยิ้มใหญ่แปะอยู่บนใบหน้า เขากล่าว “เจ้าหมอน ทําความดีความชอบให้พวกเราโดยไม่รู้ตัว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตํานานกล่าวเป็นเรื่องขบขัน”

หยิงเยว่หุบรอยยิ้มของนางและวางรูปสลักลงข้างๆ สายตาของนางมองผ่านหมู่เมฆ,มองดูสถานการณ์บนลานประลอง นางพึมพํา “ไม่มีสิ่งที่เป็นต่านานอย่างแท้จริงบนโลกใบนี้ แต่อย่างไรก็ตาม,เขาได้ช่วยพวกเราเอาไว้มากในครั้งนี้”

ในที่รกร้างด้านหลังเทือกเข่หลิงหยุน,ตรงที่มีบ่อน้ําแห่งการเกิดใหญ่,ชายชราแดกคนในชุดคลุมสีแดงกําลังสังเกตการณ์ผนึกที่อยู่ในบ่อน้ํา

สีหน้าของผู้นําพลันเปลี่ยน เขาเงยหัวขึ้นและมองไปในทิศทางของฐานส่องสวรรค์

ผู้อาวุโสเก้าของศาลากระปสวรรค์ที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาถามขึ้นอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสโหลว เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้อาวุโสเก้าเป็นกังวลอย่างช่วยไม่ได้ชายชราตรงหน้าของเขาคือผู้อาวุโสหกแห่งวังเฟิงชิงชันใน

คนผู้นี้มีอํานาจอย่างมากภายในนิกายชั้นใน:ผู้อาวุโสนิกายชั้นนอกห่างชั้นอย่างมากเมื่อเป รียบเทียบกับเขา ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาไม่อาจยั้งถึง ที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมผนึกก็ คือคนผู้นี้

ผู้อาวุโสหลัวถอนสายตาของเขากลับมา, มีร่องรอยความเกรี้ยวโกรธที่ยากจะมองเห็นวูบไหวในดวงตาของเขา เขายิ้มเบาๆและกล่าว “ไม่มีอะไร ผนึกนี้อยู่ในสภาพดีกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ ข้าอาจจะสามารถซ่อมแซมรอยแยกมิติอย่างสมบูรณ์ในครั้งนี้ แม้ว่าข้าอาจจะทําไม่ได้,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติปีศาจไปอีกนับร้อยปี”

กลับมาที่ฐานส่องสวรรค์,ในที่สุดหลัวหวงก็สามารถสลายพลังทิ้งไปได้หมดและลงจอดบนพิ้นอย่างมั่นคง เขาวางหลัวหลี่ลงกับพื้นเลาๆและเหลียวไปมองที่เซี่ยวเฉิน

“เจ้าลงมือเกินไปแล้ว ข้าบอกให้เจ้าหยุด” หลัวหวงกล่าวอย่างมืดมัว,สาวตาของเขาเย็นเฉียบ

น่าขัน ตอนนี้เขารู้ว่าข้าลงมือเกินไปและร้องตะโกนให้ข้าหยุดมือ แต่ทําไมเขาไม่ร้องบอกให้หลัวหลี่หยุดในตอนที่เขาลงมือเกินไปเมื่อก่อนหน้านี้? เห็นชัดว่าพวกเราไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ในสายตาของพวกมัน

เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างไม่แยแส “ฝีมือของมันไม่ถึงเอง:มีอะไรให้กล่าวได้อีก?”

หลัวหวงหัวเราะอย่างเย็นชา เขากล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นยะเยือก “ดี;ฝีมือของเขาไม่ถึงเอง เช่นนั้น หากข้าทุบตีเจ้าจนตายเสียตอนนี้,เจ้าก็ไม่มีอะไรจะบ่น?”

เมื่อเซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงฉีฆ่าฟันของอีกฝ่าย,เขาถอยกลับเล็กน้อย เขาเร่งสภาวะในร่างกายของเขาจนถึงขีดสุด เขากล่าวเบาๆ “เจ้าสามารถ? เจ้าแข็งแกร่งกว่าเขาสักเท่าไหร? พลังศักดิ์สิทธิ์ไร้ผลต่อข้า ในสายตาของข้า,เจ้าไม่ต่างไปจากระดับขอบเขตนักบุญทั่วไป”

“ปากดี!”

หลัวหวงสะบัดมือของเขา,และดาบเล่มหนึ่งปรากฎขึ้นในมือ ฉีฆ่าฟันแผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขา เขาส่งดาบแสงออกไปและยิงกระบวณท่าสังหารของเขาไปที่เซียวเฉิน

เซี่ยวเฉินไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาจับกระบี่ด้วยมือเดียวและกระโดดขึ้นไปในอากาศ

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากันในอากาศ ภายในพริบตา,พวกเขาได้แลกกันไปหลายสิบกระบวณท่า อาวุธของพวกเขาปะทะใส่กัน เสียงเหล็กกระทบดังสะท้อนไปมาไม่หยุด

หลังจากที่สองสองผละออกจากกัน,พวกเขาหมุนตัวอย่างรวดเร็วและกระโจมเข้าใส่กันอีกครั้ง พวกเขากําลังรวดเร็วและดุร้ายมากขึ้น ในตอนที่พวกเขาออกกระบวณท่า,พวกเขาไม่มีการออมมือ

เส้นดาบฉีและกระบี่แสงลอยไปมาในสนามประลอง เหล็กน้ําค้างเหมันต์ที่แข็งแกร่งถูกบดสลายกลายเป็นพันชิ้นจากคลื่นกระแทก สนามประลองดูไม่เหมือนสนามประลองอีกต่อไป

ในไม่ช้า,สนามประลองที่ศาลากระบี่สวรรค์ได้จัดเตรียมเอาไว้พังสลาย มันดูราวกับภาพหลังผ่านภัยพิบัติ;ไม่มีจุดที่เป็นพื้นเรียบหลงเหลือ

พวกเขาทั้งสองคนเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จถึงสภาวะ ทุกกระบวณท่าของพวกเขาเคลื่อนพลังงานแห่งสวรรค์และปฐพี

เปลวเพลิงระเบิด,และสายฟ้าวูบไหวสลับกันไปรอบบริเวณที่พวกเขาต่อสู้
อย่างไรก็ตาม,พลังศักดิ์สิทธิ์ของมังกรฟ้าของเซี่ยวเฉินได้หลอมรวมเข้ากับสภาวะของเขา นอกจากนั้น,มันได้ผ่านการชําระจากเตสวรรค์;มันแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก

หลังจากผ่านไปสองร้อยกระบวณท่า,หลัวหวงค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เซียวเฉินคว้าโอกาสนี้ไล่ตามเขา,ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ สภาวะแห่งการฆ่าล้างอันแข็งแกร่งผสานเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้าอีกครั้ง

แสงสีแดงปรากฏขึ้นในแสงกระบี่สีม่วง สภาวะแห่งการฆ่าล้างอันเฉียบคมทําให้สภาวะแห่งสายฟ้ายิ่งบ้าคลั่งและน่ากลัวขึ้นไปอีก

“ปัง! ปัง! ปัง!”

เซี่ยวเฉินกวาดกระบี่สามครั้ง, และดาบของคู่ต่อสู้เป็นราวกับกิ่งไม้ตายแห้ง หลัวหวงไม่สามารถรับทักษะกระบี่ของเซี่ยวเฉินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันได้

เดิมที,หลัวหวงเสียเปรียบเป็นบางจังหวะ ในตอนนี้ ไม่ไร้ทางสู้,พ่ายแพ้อย่างหมดรูป

เซี่ยวเฉินส่งดาบของหลัวหวงลอยออกไปด้วยกระบี่ของเขา เขาพุ่งขึ้นหน้าและคืนหระบี่กลับเข้าฝักของมันก่อนที่จะซัดฝ่ามือลงไปบนหน้าอกของคู่ต่อสู้

หลัวหวงกระอักเลือดออกมาคําใหญ่ก่อนที่จะลอยออกไปจากสนามประลอง เซี่ยวเฉินได้เอาชนะผู้ท้าชิงคนที่สองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยฝ่ามือเดียวเช่นกัน

“ศิษย์พี่หลัว!” สานุศิษย์หญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สองคนบนฐานดาดฟ้าร้องอุทานขึ้นมา และรีบเข้าไปรับตัวของหลัวหวง

หลังจากสองหญิงสาวรักษาบาดแผลของหลัวหวงเบื้องต้น,พวกนางไม่กล่าวอะไรและชักดาบของพวกนางออกมา พวกนางมุ่งหน้าไปที่สนามประลองหมายจะสังหารเซี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “หนึ่งไม่พอมือ,จึงส่งมาสอง? อย่างไรก็ตาม,ฝีมือต่าต้อยไม่อาจทดแทนด้วยจํานวน ไร้ประโยชน์!”

“ปะ! ปะ!”

เซี่ยวเฉินชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาอีกครั้ง เขาใช้ออกทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานและเปิดใช้ รองเท้ากาววายุ

เดิมที่,ทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์นี้ก็ทําให้เซี่ยวเฉินได้เปรียบผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปอย่างมากอยู่แล้วในด้านความเร็ว

แต่ด้วยรองเท้าก้าววายุและเสื้อคลุมวายุใส,ความเร็วของเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ความเร็วของเขาอยู่ที่สองมัค

สามารถมองเห็นได้เพียงภาพเงาสีขาวบนสนามประลอง กระบี่ฉอะนไร้ขอบเขตเคลื่อนไปทั่วทุกที่อย่างไม่อาจคาดเดา

เซียวเฉินรับมือกับสองคนด้วยความได้เปรียบด้านความเร็วของเขา เขากดสานุศิษย์ตําหนักเฟิงชิงสองคนเอาไว้ได้อยู่หมัด

สองหญิงสาวอดกลั้นอย่างขมขึ้น,พยายามจะรับมอกับการโจมตีที่ไม่อาจคาดเดาของเซียวเฉิน นี่เป็นการรังแกกันฝ่ายเดียว หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยกระบวณท่า,เซี่ยวเฉินก็ผสานสภาวะแห่งการฆ่าล้างอีกครั้ง

ความเฉียบคมของทักษะกระบี่เพิ่มขึ้นสองเท่าในทันที หลังอันแข็งแกร่งซัดดาบในมือของสองสาวลอยออกไป
“ปัง! ปัง!”

เซียวเฉินซัดสองฝ่ามือวายุไปที่สองสานุศิษย์หญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งพกวนางลอยออกไปนอกสนามประลองในครั้งเดียว

ผู้ชมบนอัฒจันทร์นิ่งเงียบเหมือนนั่งตาย ทุกสายตาจ้องมองเซียวเฉินอย่างตกตะลึง

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันก็ดีเยี่ยมแล้วที่เซี่ยวเฉินช่วยระบายความอัดอั้นในใจของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม เขาเอาชนะสานุศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สี่คนไปได้ในเวลาอันสั้น นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งของเขา

ไม่เพียงแค่ผู้คนบนอัฒจันทร์ที่ตกใจ,แม้แต่คนบนฐานดาดฟ้าก็ตกตะลึง แม้แต่ผู้อาวุโสเหยียนก็มีสีหน้านิ่งอึ้ง ความไอยากจะเชื่ออยู่ในสายตา มันราวกับว่าสมองของเขาลัดวงจรไปชั่วครู่

แม้ว่าสานุศิษย์เหล่านี้เป็นหนึ่งในร้อยอันดับต้นของนิกาย,แต่ในตอนที่พวกเข้ามาในที่ต่ำกว่า,พวกเขาเป็นยอดอัจฉริยะจากหนึ่งพันคน จะมีใครที่ล้มพวกเขาทั้งหมดลงในเวลาอันสั้นได้อย่างไร?

ม่เฉิงเสวี่ย, ผู้ที่อยู่บนฐานดาดฟ้า,ยกชาขึ้นมาจิบ จากนั้นเขาก็ค่อยๆวางถ้วยชาลง เขาจ้องมองไปที่เซี่ยวเฉินที่อยู่ในชุดสีขาสบนลานประลอง

รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าของมู่เฉิงเสวี่ย จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ารักในการมองดูคนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ยิ่งเจ้าบินขึ้นไปสูง ยิ่งตกลงมาเจ็บ ข้าจะบดขนี้เจ้าในวันนี้”

หลังจากที่มู่เฉิงเสวี่ยกล่าวจบ,กระจกทองแดงที่กําลังหมุนอย่างรวดเร็วที่ส่วนลึกในตาของเขาพลันหยุดนิ่ง แสงสีขาวฉายออกมาจากกระจกทองแดง

แสงสีขาวนี้ไม่ได้แฝงเจตนาฆ่าฟัน มันสงบนิ่วและไม่ได้ก่อเกิดพลังงานผันผวน เซี่ยวเฉินไม่สามารถตอบสนองได้ทันและถูกซัดเวยแสงสีขาว

ในจังหวะต่อมา,เซี่ยวเฉินตื่นตัว กระดูกในร่างของเขาจัดใหม่อย่างรวดเร็ว

เซียวเฉินพยายามจะหยุดมัน, แต่แสงสีขาวที่แปลกประหลาดทําให้ความพยายามของเขาไร้ผล ทุกสิ่งที่เขาทําไม่ช่วยอะไร

รูปร่างดั้งเดิมของเซี่ยวเฉินค่อยๆฟื้นคืนกลับมา

เซี่ยวเฉินมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและดูธรรมดาในตอนที่เป็นเย่เฉิน นอกจากผิวสีขาวของเขา,ตอนนี้เขาเปลี่ยนกลับมาเป็นเด็กหนุ่มที่สง่างามและหล่อเหลาพร้อมรูปร่างที่ละเอียดอ่อน

ผู้คนบนอัฒจันทร์ล้วนคุ้นหน้าคุ้นตาของเขา ใบหน้าของคนผู้นี้ถูกแปะเอาไว้บนกําแพงเมืองทุกเมือง

ในตอนที่เดินเข้าเมืองไหนสักเมืองหนึ่ง, พวกเขาจะต้องเคยสังเกตเห็นใบประการขนาดยักษ์ของคนผู้นี้

มีหลายคนที่คิดจะตามจับตัวคนผู้นี้และนํามาขึ้นรางวัล

บนฐานดาดฟ้า,เหล่าลูกหลานของตระกูลชั้นสูงทั้งหมดไม่อาจคุ้นเคยกับใบหน้านี้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก? คนผู้นี้คือเซี่ยวเฉินที่พวกเขาตามล่ามานับปี

บนฐานดาดฟ้า,ขันนางกุยย,ต้วนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,หรือเฟิงทั้งหมดสีหน้าพลันเปลี่ยน แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลชั้นสูงด้านหลังของพวกเขาก็มีสีหน้ามืดมัวอย่างไม่น่าเชื่อ

แม้ว่าพวกเขาจะคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่ด้วยการที่มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน, พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว

บุคคลที่พวกเขาตั้งค่าหัวตามล่ามาเป็นเวลานานได้มาซ่อนตัวที่ศาลากระบี่สวรรค์อย่างคาดไม่ถึง เขาถึงกับแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ของศาลากระบี่สวรรค์: ชื่อของเขาเลื่องลือไปทั่วทั้งแคว้นซีเหอ

สีหน้าของหลิวหรูเยว่เปลืนนเล็กน้อย นางกล่าวอย่างตกตะลึง “เย่เฉินกลายเป็นเซียวเฉินไปได้อย่างไร?”

คนทั้งหมดบนอัฒจันทร์พบว่ามันยากที่จะยอมรับความจริงนี้ ก่อนหน้านี้เขาเป็นสานุศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์, เย่เฉิน ทันใดนั้น,เขากลายเป็นคนที่ถูกตามล่าตัวไปทั่วทั้งแผ่นดินโดยเหล่าตระกูลชั้นสูง

“ฟุ ฟุ!”

ตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,ขุนนางกุยยฟื้นคืนสติ พวกเขารีบเคลื่อนไหวและลงจอดบนสนามประลองอย่างมั่นคง

ฮวาหยุนเฟยมองไปที่เซียวเฉินและกล่าวอย่างเย็นชา “หลังจากที่สังหารผู้อาวุโสตระกูลของข้า,เจ้าก็ซ่อนตัวมานานนับปี เจ้ามาอยู่ที่นี้นี่เอง,ที่ศาลากระปสวรรค์ ไม่สงสัยว่าทําไมข้าถึงหาตัวเจ้าไม่พบ แม้ศาลากระปสวรรค์จะปกป้องเจ้า,เจ้าก็จะไม่มีชีวิตรอดผ่านวันนี้”

“หลังจากเจ้าสังหารท่านลุงของข้า,เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต” จีชางคงกล่าวอย่างไร้สีหน้า พร้อมกับดวงดารากระพริบไหวในดวงตาของเขา

ไม่อาจมองเห็นอารมณ์บนใบหน้างดงามเย็นยะเยือกของต้วนมู่ฉิง นางกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้ากับข้า,มีแต่ต้องสู้กัน”

ขุนนางกุยยี่ที่สวมชุดเกราะสีทอง เขาค่อยๆชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมา,ดาบผ่านภา,และชี้ตรงไปที่เซี่ยวเฉิน เขากล่าว “ไม่มีใครที่รอดชีวิตหลังจากทําร้ายข้า”

“ฟู ฟู!”

มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น นั้นคือYan Chixieจากตระกูลหยานแห่งเชแคว้นซีเหอ เขาจ้องมองมาที่เซี่ยวเฉินและกล่าว “น้องสองของข้าหายตัวไปเพราะเจ้า ข้าจะไม่ทําให้เรื่องยากเย็น;เพียงทิ้งแขนของเจ้าเอาไว้ซะหนึ่งข้าง”

อย่างรวดเร็ว คนผู้นี้กล่าวขึ้นเสียงดัง “เซี่ยวเฉิน,เจ้าคาดไม่ถึงจุดจบเช่นนี้,ใช่หรือไม่? เจ้าทําให้ข้าอับอายที่เมืองซีเหอ ในวันนี้ ข้าจะกระทืบเจ้าให้จมดิน”

เซียวเฉินหลับตาลงและครุ่นคิดกับตัวเอง,ทุกคนล้วนเข้ามาหมายจะรุมทิ้งข้า แต่อย่างไรก็ตาม,เจ้าเป็นใคร.ชรือเฟิง, แม้แต่เจ้าก็กล้ามาตะโกนใส่ข้าเช่นนี้ ทันใดนั้น,เซียวเฉินก็ลืมตาขึ้น และเจตนาฆ่าสังหารก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่กระจ่างชัดเจนของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 357 เปิดเผย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 357 เปิดเผย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 357 เปิดเผย

รูปสลักหญิงสาวนี้เป็นรูปสลักขององค์หญิงหยิงเยว่เอง นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ไม่เลว:เขาได้ส่งชิ้นงานของเขามาให้ทุกเดือน นอกจากนั้น ยังเป็นรูปสลักที่แตกต่างกันออกไป”

หนานกงเลีย,ที่อยู่ไม่ไกลออกไป,มีรอยยิ้มใหญ่แปะอยู่บนใบหน้า เขากล่าว “เจ้าหมอน ทําความดีความชอบให้พวกเราโดยไม่รู้ตัว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตํานานกล่าวเป็นเรื่องขบขัน”

หยิงเยว่หุบรอยยิ้มของนางและวางรูปสลักลงข้างๆ สายตาของนางมองผ่านหมู่เมฆ,มองดูสถานการณ์บนลานประลอง นางพึมพํา “ไม่มีสิ่งที่เป็นต่านานอย่างแท้จริงบนโลกใบนี้ แต่อย่างไรก็ตาม,เขาได้ช่วยพวกเราเอาไว้มากในครั้งนี้”

ในที่รกร้างด้านหลังเทือกเข่หลิงหยุน,ตรงที่มีบ่อน้ําแห่งการเกิดใหญ่,ชายชราแดกคนในชุดคลุมสีแดงกําลังสังเกตการณ์ผนึกที่อยู่ในบ่อน้ํา

สีหน้าของผู้นําพลันเปลี่ยน เขาเงยหัวขึ้นและมองไปในทิศทางของฐานส่องสวรรค์

ผู้อาวุโสเก้าของศาลากระปสวรรค์ที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาถามขึ้นอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสโหลว เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้อาวุโสเก้าเป็นกังวลอย่างช่วยไม่ได้ชายชราตรงหน้าของเขาคือผู้อาวุโสหกแห่งวังเฟิงชิงชันใน

คนผู้นี้มีอํานาจอย่างมากภายในนิกายชั้นใน:ผู้อาวุโสนิกายชั้นนอกห่างชั้นอย่างมากเมื่อเป รียบเทียบกับเขา ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาไม่อาจยั้งถึง ที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมผนึกก็ คือคนผู้นี้

ผู้อาวุโสหลัวถอนสายตาของเขากลับมา, มีร่องรอยความเกรี้ยวโกรธที่ยากจะมองเห็นวูบไหวในดวงตาของเขา เขายิ้มเบาๆและกล่าว “ไม่มีอะไร ผนึกนี้อยู่ในสภาพดีกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ ข้าอาจจะสามารถซ่อมแซมรอยแยกมิติอย่างสมบูรณ์ในครั้งนี้ แม้ว่าข้าอาจจะทําไม่ได้,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติปีศาจไปอีกนับร้อยปี”

กลับมาที่ฐานส่องสวรรค์,ในที่สุดหลัวหวงก็สามารถสลายพลังทิ้งไปได้หมดและลงจอดบนพิ้นอย่างมั่นคง เขาวางหลัวหลี่ลงกับพื้นเลาๆและเหลียวไปมองที่เซี่ยวเฉิน

“เจ้าลงมือเกินไปแล้ว ข้าบอกให้เจ้าหยุด” หลัวหวงกล่าวอย่างมืดมัว,สาวตาของเขาเย็นเฉียบ

น่าขัน ตอนนี้เขารู้ว่าข้าลงมือเกินไปและร้องตะโกนให้ข้าหยุดมือ แต่ทําไมเขาไม่ร้องบอกให้หลัวหลี่หยุดในตอนที่เขาลงมือเกินไปเมื่อก่อนหน้านี้? เห็นชัดว่าพวกเราไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ในสายตาของพวกมัน

เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างไม่แยแส “ฝีมือของมันไม่ถึงเอง:มีอะไรให้กล่าวได้อีก?”

หลัวหวงหัวเราะอย่างเย็นชา เขากล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นยะเยือก “ดี;ฝีมือของเขาไม่ถึงเอง เช่นนั้น หากข้าทุบตีเจ้าจนตายเสียตอนนี้,เจ้าก็ไม่มีอะไรจะบ่น?”

เมื่อเซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงฉีฆ่าฟันของอีกฝ่าย,เขาถอยกลับเล็กน้อย เขาเร่งสภาวะในร่างกายของเขาจนถึงขีดสุด เขากล่าวเบาๆ “เจ้าสามารถ? เจ้าแข็งแกร่งกว่าเขาสักเท่าไหร? พลังศักดิ์สิทธิ์ไร้ผลต่อข้า ในสายตาของข้า,เจ้าไม่ต่างไปจากระดับขอบเขตนักบุญทั่วไป”

“ปากดี!”

หลัวหวงสะบัดมือของเขา,และดาบเล่มหนึ่งปรากฎขึ้นในมือ ฉีฆ่าฟันแผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขา เขาส่งดาบแสงออกไปและยิงกระบวณท่าสังหารของเขาไปที่เซียวเฉิน

เซี่ยวเฉินไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาจับกระบี่ด้วยมือเดียวและกระโดดขึ้นไปในอากาศ

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากันในอากาศ ภายในพริบตา,พวกเขาได้แลกกันไปหลายสิบกระบวณท่า อาวุธของพวกเขาปะทะใส่กัน เสียงเหล็กกระทบดังสะท้อนไปมาไม่หยุด

หลังจากที่สองสองผละออกจากกัน,พวกเขาหมุนตัวอย่างรวดเร็วและกระโจมเข้าใส่กันอีกครั้ง พวกเขากําลังรวดเร็วและดุร้ายมากขึ้น ในตอนที่พวกเขาออกกระบวณท่า,พวกเขาไม่มีการออมมือ

เส้นดาบฉีและกระบี่แสงลอยไปมาในสนามประลอง เหล็กน้ําค้างเหมันต์ที่แข็งแกร่งถูกบดสลายกลายเป็นพันชิ้นจากคลื่นกระแทก สนามประลองดูไม่เหมือนสนามประลองอีกต่อไป

ในไม่ช้า,สนามประลองที่ศาลากระบี่สวรรค์ได้จัดเตรียมเอาไว้พังสลาย มันดูราวกับภาพหลังผ่านภัยพิบัติ;ไม่มีจุดที่เป็นพื้นเรียบหลงเหลือ

พวกเขาทั้งสองคนเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จถึงสภาวะ ทุกกระบวณท่าของพวกเขาเคลื่อนพลังงานแห่งสวรรค์และปฐพี

เปลวเพลิงระเบิด,และสายฟ้าวูบไหวสลับกันไปรอบบริเวณที่พวกเขาต่อสู้
อย่างไรก็ตาม,พลังศักดิ์สิทธิ์ของมังกรฟ้าของเซี่ยวเฉินได้หลอมรวมเข้ากับสภาวะของเขา นอกจากนั้น,มันได้ผ่านการชําระจากเตสวรรค์;มันแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก

หลังจากผ่านไปสองร้อยกระบวณท่า,หลัวหวงค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เซียวเฉินคว้าโอกาสนี้ไล่ตามเขา,ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ สภาวะแห่งการฆ่าล้างอันแข็งแกร่งผสานเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้าอีกครั้ง

แสงสีแดงปรากฏขึ้นในแสงกระบี่สีม่วง สภาวะแห่งการฆ่าล้างอันเฉียบคมทําให้สภาวะแห่งสายฟ้ายิ่งบ้าคลั่งและน่ากลัวขึ้นไปอีก

“ปัง! ปัง! ปัง!”

เซี่ยวเฉินกวาดกระบี่สามครั้ง, และดาบของคู่ต่อสู้เป็นราวกับกิ่งไม้ตายแห้ง หลัวหวงไม่สามารถรับทักษะกระบี่ของเซี่ยวเฉินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันได้

เดิมที,หลัวหวงเสียเปรียบเป็นบางจังหวะ ในตอนนี้ ไม่ไร้ทางสู้,พ่ายแพ้อย่างหมดรูป

เซี่ยวเฉินส่งดาบของหลัวหวงลอยออกไปด้วยกระบี่ของเขา เขาพุ่งขึ้นหน้าและคืนหระบี่กลับเข้าฝักของมันก่อนที่จะซัดฝ่ามือลงไปบนหน้าอกของคู่ต่อสู้

หลัวหวงกระอักเลือดออกมาคําใหญ่ก่อนที่จะลอยออกไปจากสนามประลอง เซี่ยวเฉินได้เอาชนะผู้ท้าชิงคนที่สองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยฝ่ามือเดียวเช่นกัน

“ศิษย์พี่หลัว!” สานุศิษย์หญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สองคนบนฐานดาดฟ้าร้องอุทานขึ้นมา และรีบเข้าไปรับตัวของหลัวหวง

หลังจากสองหญิงสาวรักษาบาดแผลของหลัวหวงเบื้องต้น,พวกนางไม่กล่าวอะไรและชักดาบของพวกนางออกมา พวกนางมุ่งหน้าไปที่สนามประลองหมายจะสังหารเซี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “หนึ่งไม่พอมือ,จึงส่งมาสอง? อย่างไรก็ตาม,ฝีมือต่าต้อยไม่อาจทดแทนด้วยจํานวน ไร้ประโยชน์!”

“ปะ! ปะ!”

เซี่ยวเฉินชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาอีกครั้ง เขาใช้ออกทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานและเปิดใช้ รองเท้ากาววายุ

เดิมที่,ทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์นี้ก็ทําให้เซี่ยวเฉินได้เปรียบผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปอย่างมากอยู่แล้วในด้านความเร็ว

แต่ด้วยรองเท้าก้าววายุและเสื้อคลุมวายุใส,ความเร็วของเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ความเร็วของเขาอยู่ที่สองมัค

สามารถมองเห็นได้เพียงภาพเงาสีขาวบนสนามประลอง กระบี่ฉอะนไร้ขอบเขตเคลื่อนไปทั่วทุกที่อย่างไม่อาจคาดเดา

เซียวเฉินรับมือกับสองคนด้วยความได้เปรียบด้านความเร็วของเขา เขากดสานุศิษย์ตําหนักเฟิงชิงสองคนเอาไว้ได้อยู่หมัด

สองหญิงสาวอดกลั้นอย่างขมขึ้น,พยายามจะรับมอกับการโจมตีที่ไม่อาจคาดเดาของเซียวเฉิน นี่เป็นการรังแกกันฝ่ายเดียว หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยกระบวณท่า,เซี่ยวเฉินก็ผสานสภาวะแห่งการฆ่าล้างอีกครั้ง

ความเฉียบคมของทักษะกระบี่เพิ่มขึ้นสองเท่าในทันที หลังอันแข็งแกร่งซัดดาบในมือของสองสาวลอยออกไป
“ปัง! ปัง!”

เซียวเฉินซัดสองฝ่ามือวายุไปที่สองสานุศิษย์หญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งพกวนางลอยออกไปนอกสนามประลองในครั้งเดียว

ผู้ชมบนอัฒจันทร์นิ่งเงียบเหมือนนั่งตาย ทุกสายตาจ้องมองเซียวเฉินอย่างตกตะลึง

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันก็ดีเยี่ยมแล้วที่เซี่ยวเฉินช่วยระบายความอัดอั้นในใจของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม เขาเอาชนะสานุศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สี่คนไปได้ในเวลาอันสั้น นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งของเขา

ไม่เพียงแค่ผู้คนบนอัฒจันทร์ที่ตกใจ,แม้แต่คนบนฐานดาดฟ้าก็ตกตะลึง แม้แต่ผู้อาวุโสเหยียนก็มีสีหน้านิ่งอึ้ง ความไอยากจะเชื่ออยู่ในสายตา มันราวกับว่าสมองของเขาลัดวงจรไปชั่วครู่

แม้ว่าสานุศิษย์เหล่านี้เป็นหนึ่งในร้อยอันดับต้นของนิกาย,แต่ในตอนที่พวกเข้ามาในที่ต่ำกว่า,พวกเขาเป็นยอดอัจฉริยะจากหนึ่งพันคน จะมีใครที่ล้มพวกเขาทั้งหมดลงในเวลาอันสั้นได้อย่างไร?

ม่เฉิงเสวี่ย, ผู้ที่อยู่บนฐานดาดฟ้า,ยกชาขึ้นมาจิบ จากนั้นเขาก็ค่อยๆวางถ้วยชาลง เขาจ้องมองไปที่เซี่ยวเฉินที่อยู่ในชุดสีขาสบนลานประลอง

รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าของมู่เฉิงเสวี่ย จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้ารักในการมองดูคนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ยิ่งเจ้าบินขึ้นไปสูง ยิ่งตกลงมาเจ็บ ข้าจะบดขนี้เจ้าในวันนี้”

หลังจากที่มู่เฉิงเสวี่ยกล่าวจบ,กระจกทองแดงที่กําลังหมุนอย่างรวดเร็วที่ส่วนลึกในตาของเขาพลันหยุดนิ่ง แสงสีขาวฉายออกมาจากกระจกทองแดง

แสงสีขาวนี้ไม่ได้แฝงเจตนาฆ่าฟัน มันสงบนิ่วและไม่ได้ก่อเกิดพลังงานผันผวน เซี่ยวเฉินไม่สามารถตอบสนองได้ทันและถูกซัดเวยแสงสีขาว

ในจังหวะต่อมา,เซี่ยวเฉินตื่นตัว กระดูกในร่างของเขาจัดใหม่อย่างรวดเร็ว

เซียวเฉินพยายามจะหยุดมัน, แต่แสงสีขาวที่แปลกประหลาดทําให้ความพยายามของเขาไร้ผล ทุกสิ่งที่เขาทําไม่ช่วยอะไร

รูปร่างดั้งเดิมของเซี่ยวเฉินค่อยๆฟื้นคืนกลับมา

เซี่ยวเฉินมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและดูธรรมดาในตอนที่เป็นเย่เฉิน นอกจากผิวสีขาวของเขา,ตอนนี้เขาเปลี่ยนกลับมาเป็นเด็กหนุ่มที่สง่างามและหล่อเหลาพร้อมรูปร่างที่ละเอียดอ่อน

ผู้คนบนอัฒจันทร์ล้วนคุ้นหน้าคุ้นตาของเขา ใบหน้าของคนผู้นี้ถูกแปะเอาไว้บนกําแพงเมืองทุกเมือง

ในตอนที่เดินเข้าเมืองไหนสักเมืองหนึ่ง, พวกเขาจะต้องเคยสังเกตเห็นใบประการขนาดยักษ์ของคนผู้นี้

มีหลายคนที่คิดจะตามจับตัวคนผู้นี้และนํามาขึ้นรางวัล

บนฐานดาดฟ้า,เหล่าลูกหลานของตระกูลชั้นสูงทั้งหมดไม่อาจคุ้นเคยกับใบหน้านี้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก? คนผู้นี้คือเซี่ยวเฉินที่พวกเขาตามล่ามานับปี

บนฐานดาดฟ้า,ขันนางกุยย,ต้วนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,หรือเฟิงทั้งหมดสีหน้าพลันเปลี่ยน แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลชั้นสูงด้านหลังของพวกเขาก็มีสีหน้ามืดมัวอย่างไม่น่าเชื่อ

แม้ว่าพวกเขาจะคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่ด้วยการที่มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน, พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว

บุคคลที่พวกเขาตั้งค่าหัวตามล่ามาเป็นเวลานานได้มาซ่อนตัวที่ศาลากระบี่สวรรค์อย่างคาดไม่ถึง เขาถึงกับแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ของศาลากระบี่สวรรค์: ชื่อของเขาเลื่องลือไปทั่วทั้งแคว้นซีเหอ

สีหน้าของหลิวหรูเยว่เปลืนนเล็กน้อย นางกล่าวอย่างตกตะลึง “เย่เฉินกลายเป็นเซียวเฉินไปได้อย่างไร?”

คนทั้งหมดบนอัฒจันทร์พบว่ามันยากที่จะยอมรับความจริงนี้ ก่อนหน้านี้เขาเป็นสานุศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์, เย่เฉิน ทันใดนั้น,เขากลายเป็นคนที่ถูกตามล่าตัวไปทั่วทั้งแผ่นดินโดยเหล่าตระกูลชั้นสูง

“ฟุ ฟุ!”

ตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,ขุนนางกุยยฟื้นคืนสติ พวกเขารีบเคลื่อนไหวและลงจอดบนสนามประลองอย่างมั่นคง

ฮวาหยุนเฟยมองไปที่เซียวเฉินและกล่าวอย่างเย็นชา “หลังจากที่สังหารผู้อาวุโสตระกูลของข้า,เจ้าก็ซ่อนตัวมานานนับปี เจ้ามาอยู่ที่นี้นี่เอง,ที่ศาลากระปสวรรค์ ไม่สงสัยว่าทําไมข้าถึงหาตัวเจ้าไม่พบ แม้ศาลากระปสวรรค์จะปกป้องเจ้า,เจ้าก็จะไม่มีชีวิตรอดผ่านวันนี้”

“หลังจากเจ้าสังหารท่านลุงของข้า,เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต” จีชางคงกล่าวอย่างไร้สีหน้า พร้อมกับดวงดารากระพริบไหวในดวงตาของเขา

ไม่อาจมองเห็นอารมณ์บนใบหน้างดงามเย็นยะเยือกของต้วนมู่ฉิง นางกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้ากับข้า,มีแต่ต้องสู้กัน”

ขุนนางกุยยี่ที่สวมชุดเกราะสีทอง เขาค่อยๆชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมา,ดาบผ่านภา,และชี้ตรงไปที่เซี่ยวเฉิน เขากล่าว “ไม่มีใครที่รอดชีวิตหลังจากทําร้ายข้า”

“ฟู ฟู!”

มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น นั้นคือYan Chixieจากตระกูลหยานแห่งเชแคว้นซีเหอ เขาจ้องมองมาที่เซี่ยวเฉินและกล่าว “น้องสองของข้าหายตัวไปเพราะเจ้า ข้าจะไม่ทําให้เรื่องยากเย็น;เพียงทิ้งแขนของเจ้าเอาไว้ซะหนึ่งข้าง”

อย่างรวดเร็ว คนผู้นี้กล่าวขึ้นเสียงดัง “เซี่ยวเฉิน,เจ้าคาดไม่ถึงจุดจบเช่นนี้,ใช่หรือไม่? เจ้าทําให้ข้าอับอายที่เมืองซีเหอ ในวันนี้ ข้าจะกระทืบเจ้าให้จมดิน”

เซียวเฉินหลับตาลงและครุ่นคิดกับตัวเอง,ทุกคนล้วนเข้ามาหมายจะรุมทิ้งข้า แต่อย่างไรก็ตาม,เจ้าเป็นใคร.ชรือเฟิง, แม้แต่เจ้าก็กล้ามาตะโกนใส่ข้าเช่นนี้ ทันใดนั้น,เซียวเฉินก็ลืมตาขึ้น และเจตนาฆ่าสังหารก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่กระจ่างชัดเจนของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+