Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 358 จะเอาก็เข้ามา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 358 จะเอาก็เข้ามา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 358 จะเอาก็เข้ามา

เซี่ยวเฉินดีดตัวออกจากพื้นและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาหมุนเวียนสลักร่างพยัคฆ์มังกรเต็มกําลังเสียงพยัคฆ์มังกรคํารามก้องออกมาจากจุดลมปราณของเขาพยัคฆ์และมังกรหมุนเวียนอยู่รอบตัวขณะที่เขากําหมัดขึ้นเสียงแตกกราวดังออกมาจากกระดูกที่มือของเขา

เซี่ยวเฉินก้าวเท้ากลับเล็กน้อยและหลบเลี่ยงการโจมตีของชรือเฟิง จากนั้นเขาก็ชกออกไปที่หน้าอกของหรือเพิ่ง

“ปะ! ปะ!”

หินลายสีดําที่ชรือเพิ่งใช้ป้องกันหน้าอกของเขาแตกสลาย,และเขากระอักเลือดออกมากลางอากาศเขาถูกซัดลอยกลับและกระแทกลงบนโต๊ะน้ําชาของวังจิตวิญญาณค่ําคืน

มู่เฉิงเสวี่ยกําลังจะวางถ้วยชาลงในตอนที่หรือเฟิงกระแทกเข้ากับโต๊ะน้ําชา มือมู่บู่เฉิงเสวี่ยต้องหยุดค้างอยู่กลางอากาศ

เมื่อมู่เฉิงเสวี่ยเห็นชรือเพิ่งที่อยู่ในสภาพน่าสมเพชกําลังลุกขึ้นยืนอย่างยากลําบาก,เขาหัวเราและกล่าว “พี่น้องชรือ,ความแข็งแกร่งของเจ้าต่ำต้อยทําไมเจ้าถึงอยากที่จะเข้าไปร่วมวง?”

ชรือเพิ่งรู้สึกหดหู เขากระดูกซี่โครองแตกไปอย่างน้อยห้าซี่และอวัยวะภายในสาหัสอาการบาดเจ็บภายในและภายนอกของเขารวมเข้าด้วยกัน,เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปอย่างสมบูรณ์

“ช่างน่าขายหน้า! ไสหัวไปยืนข้างหลัง อย่าทําให้วงจิตวิญญาณค่าคืนต้องอับอาย!”ผู้อาวุโสหนึ่งของวังจิตวิญญาณค่าคืนดุด่าด้วยสีหน้ามืดมัวอย่างที่สุด

ชรือเฟิงพยายามจะลุกยืน เขารู้สึกผิดและก้มหัวลงต่ำ เขาไม่กล้าที่จะต่อปากต่อค่าใดๆ

มู่เฉิงเสวี่ยคลายมือที่กําลังถือถ้วยชา,ปล่อยให้มันตกลงบนพื้น แต่อย่างไรก็ตามโดยไม่คาดคิด.มันไม่ได้ตกลงไปแตกแต่กลับตกลงถึงพื้นอย่างมันคงไม่ไหวนิ่ง

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปสอดในทุกเรื่องได้” มู่เฉิงเสวี่ยหยิบดาบของเขา,ความงามใต้แสงจันทร์ขึ้นมาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในสนามประลอง

เขามองไปยังเซี่ยวเฉินในชุดขาวที่ถูกเปิดเผยตัวตนออกมาและยิ้มขึ้น “เรื่องของเรายังไม่จบและให้มันจบในวันนี้!”

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่มู่เฉิงเสวียอย่างไร้สีหน้า เขาไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะเฉลียวฉลาดเพียงนี้มู่เฉิงเสวี่ยค้นพบตัวจริงของเขานานมาแล้วแต่ไม่ได้เปิดเผยออกมา

มู่เฉิงเสวี่ยรอจนกระทั่งถึงวันนี้และเปิดเผยตัวตนของเขาต่อหน้าของทุกคน,ต้อนให้เขาจนมุม

ฝูงชนบนอัฒจันทร์ตกตะลึง หกตระกูลชั้นสองร่วมมือกันไล่ล่าเซี่ยวเฉิน ในประวัติศาสตร์อาณาจักรตาฉิน,เซี่ยวเฉินเป็นคนแรกที่ทําได้ถึงเพียงนี้

อย่างไม่คาดคิด,ศิษย์อันดับต้นแห่งวังจิตวิญญาณค่ําคืน,หนึ่งในสามนิกายใหญ่, มู่เฉิงเสวี่ยก็มีเรื่องบาดหมางกับเซียวเฉินเช่นกัน

หากไม่ใช่เพราะเซี่ยวเฉินเพิ่งจะจัดการกับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์,เขาก็คงท้าทายพวกเขาเช่นกันบุคคลที่ผ่าเผยเช่นนี้คงไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกในอนาคต

ด้วยขุมอํานาจมากมายเคลื่อนไหวต่อต้านเซียวเฉิน,แม้หากว่าศาลากระบี่สวรรค์อยากจะปกป้องเขา,พวกเขาก็ต้องคิดตัดสินใจให้ดี

สามตระกูลชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด,ขุนนางกุยยีที่มีตําแหน่งสูงส่งในต่าหนักหลวง,และวังจิตวิญญาณค่ําคืนที่เป็นหนึ่งในสามนิกายใหญ่, มีกลุ่มอํานาจที่แข็งแกร่งมากมาย,พวกเขาสามารถขับเคลื่อนทุกสิ่งที่ต้องการภายในอาณาจักรต้าฉัน

นอกเสียจากเซี่ยวเฉิน,จะมีใครอีกที่กล้าท้าทายพวกเขา? ในอดีตที่ผ่านมาหามีไม่และคงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

“ใครที่คิดจะสังหารเซียวเฉินจะต้องข้ามศพของข้า,หลิวหรูเยว่,ไปก่อน!”ร่างอันงดงามบนฐานดาดฟ้าชักกระบี่เล่มบางของนางออกมา นางยืนอยู่ตรงหน้าของเซียวเฉิน,ปกป้องเขาและปลดปล่อยกระแสพลังระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของนางออกมา

เซี่ยวเฉันมองไปที่แผ่นหลังของหลิวหรูเยวและอดไม่ได้ที่จะเกิดความอบอุ่นขึ้นในใจหนึ่งในไม่กี่คนที่ออกมาปกป้องเขาในทันทีคือหลิวหรูเยว่

“แม้ว่าตัวข้า,หลิวสุยเฟิง,จะไม่ได้แข็งแกร่ง,แต่หากมีใครคิดจะสังหารพี่น้องของข้า,พวกมันต้องผ่านศพข้าไปก่อน” หลิวสุยเฟิงพุ่งตรงเข้ามา

“หากตระกูลชั้นสูงคิดสังหารศาลากระปสวรรค์,พวกเราไม่ยินยอม” จางเลี้ยและมู่เฉินกระโดดอกมาจากฝูงชนและเข้าปกป้องเซียวเฉิน

“เสี่ยวไปก็จะปกป้องพี่ใหญ่เซียวเฉิน เสี่ยวไปจะทุบทุกคนที่ต้องการจะสังหารพี่ชาย”

บนฐานดาดฟ้า,เสี่ยวไปที่ปกติมีพลังงานล้นเหลือ เมื่อนางเห็นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน,นางสับสน:นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อนางตระหนักได้ว่ามีคนที่อยากจะสังหารเซี่ยวเฉิน,ใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนางก็จมลึก

“ฟู ฟิว!”

มีร่างสีขาวอีกร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและลงจอดพื้นพื้นโดยปราศจากเสียงราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงพื้น หยุนเข่อซินออกมาแล้ว

หยุนเข่อซินวางมือขวาของนางลงบนด้ามกระบี่ที่ห้อยอยู่ตรงเอวของนาง นางไม่กล่าววาจาอะไร,แต่ความตั้งใจของนางชัดเจน

หากมีใครที่ต้องการจะสังหารเซี่ยวเฉิน ก็ต้องผ่านนางไปให้ได้เช่นกัน

คนสองกลุ่มปรากฏตัวขึ้นคนละมุมของสนามประลอง,กําลังปลดปล่อยกระแสพลังอันไร้ขอบเขตออกมา

กระแสพลังของพวกเขาปะทะกันในอากาศ,ไม่เปิดทางให้กันและกัน สายลมโหม,และหมู่เมฆหมุนวน:สภาพอากาศแปลเปลี่ยน

สถานการณ์ยังคงพลิกเปลี่ยนไปอีก ฝูงชนเดิมที่คิดว่าเซียวเฉินต้องเผชิญกับความตายพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนมากมายออกมาปกป้องเขา

จากทุกคนในที่นี้ มีอยู่หนึ่งคนที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซ่งเฉวทุกคนรู้สึกสูญเสีย: มีเพียงซ่งเฉวที่ตื่นเต้น

เดิมที่,ซึ่งเฉวคิดว่าสภาสูงกําลังจับตามองพรสวรรค์ของเซียวเฉิน,เขาไม่อาจแตะต้องได้

แต่อย่างไรก็ตาม,ซ่งเฉวพบว่าเซียวเฉินนั้นเป็นผู้หลบหนี นอกจากนั้น มีขุมอ่านาจใหญ่มากมายในอาณาจักรต้าฉันที่ตั้งค่าหัวของเขา เขาได้มีโอกาสอีกครั้ง

สวรรค์ช่างเล่นตลกกับผู้คน ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด,แสงแห่งความหวังได้ปรากฏขึ้นไม่มีอะไรอื่นนอกจากความยินดี

ยิ่งซ่งเฉวคิดไตร่ตรอง,เขายิ่งยินดี เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น เขากล่าวเสียงดัง “ผู้อาวุโสหนึ่ง,เซี่ยวเฉินผู้นี้ได้ปิดบังตัวตนแทรกซึมเข้าสู่ศาลากระบี่สวรรค์ เขาตั้งใจจะชักนําให้พวกเราศาลากระปสวรรค์ขัดแย้งกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเหล่าตระกูลชั้นสูง”

“เห็นชัดว่าเขาตั้งใจจะทําลายศาลากระปสวรรค์ของพวกเรา มรดกที่ตกทอดมานับหมื่นปีเขามีแรงจูงใจชั่วร้ายและน่ากลัว พวกเราต้องสังหารเขาเสีย!”

ซ่งเฉวใช้ฐานะท่านเจ้ายอดเขาซื้อนของเขาและกล่าวหาเซี่ยวเฉิน,ตั้งใจที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างศาลากระบี่สวรรค์และเซี่ยวเฉิน

เจียงชื่อมองซ่งเฉวอย่างเย็นชาและเมินเฉยไป เขาจดจ่อไปกับเสียงของเขาและสื่อสารกับเซียวเฉินแย่างลับๆ “ข้าไม่สนใจถึงตัวตนของเจ้าข้าเพียงจะขอถามเจ้าเพียงอย่างเดียวเจ้าจะเข้าร่วมค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?หากเจ้าตกลง,ศาลากระบี่สวรรค์ของข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้กับ
เจ้า”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินคําของเจียงซื้อ,เขาส่ายหัว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่ศาลากระปสวรรค์“ขอบคุณผู้อาวุโสมากสําหรับความหวังดี ข้าต้องขออภัย:ข้าไม่อาจรับข้อเสนอ

“เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เป็นการตัดสินใจของเจ้า อย่าโทษว่าข้าไม่มีความปรานี”

ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะมีพรสวรรค์ถึงเพียงใด แต่หากว่าพวกเขาไม่อาจดึงตัวบองเขาเอาไว้ที่ศาลากระบี่สวรรค์, ความรุ่งเรืองของเขาในอนาคตก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศาลากระปสวรรค์หากเป็นเช่นนั้น,ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องพยายามช่วยเขาออกจากภัยในครั้งนี้

เจียงชื่อกล่าวอย่างมืดมัว “สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์บนฐานทั้งหมด,ฟังคําสั่งข้าถอยออกมาซะ นี้เป็นเรื่องบาดหมางส่วนบุคคล,ศาลากระบี่สวรรค์จะไม่ขอยุ่งเกี่ยว”

หลังจากสิเนเสียงของเจียงชื่อ,ไม่มีใครบนสนามประลองขยับ กลับเป็นเหล่าผู้อายุโสตระกูลชั้นสูงบนฐานดาดฟ้าที่ได้ยินความตั้งใจของเจียงชื่อ,พวกเขาลุกขึ้นยืน

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่พวกเขายืนได้เต็มเท้า,พงกเขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันอันไร้รูปจู่โจมเข้ามา

“ให้เหล่าผู้เยาว์สะสางกันเอง ผู้อาวุโสจีและผู้อาวุโสฮวา,พวกท่านคิดเช่นไร?” เจียงชื่อมองไปที่เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสูงและยิ้มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมีเจตนาฆ่าฟันที่แฝงไปกับรอย ยิ้มของเขา
ท้ายที่สุด,เจียงชื่อก็อยากที่จะปกป้องเซี่ยวเฉินและไม่ยอมให้สถานการณ์เลวร้ายไปถึงขีดสุด

ฟงซวนยี่,ผู้ที่นิ่งเงียบ,ก็ยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าเห็นด้วย ให้เหล่าผู้เยาว์สะสางกันเอง ให้พวกเรา,เหล่าผู้อาวุโสเพียงมองดู”

“ผู้เยาว์ที่น่าสนใจถึงเพียงนี้ไม่ได้ปรากฏตัวที่อาณาจักรต้าฉันมาเป็นเวลานานมากแล้วชายชราผู้นี้ยินดีที่จะยื่นมือให้กับเขา ผลมันจะออกมาเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา”

ขณะที่ฟงซวนยกล่าวจบ,ความเฉียบคมของยอดกษัตริย์ดาบจับจ้องลงบนผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสูงในทันที พวกเขาทุกคนรู้สึกราวกับมีดาบมาจ่อที่คอของพวกเขา

เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชั้นสูงยิ้มอย่างขมขึ้น แม้ว่าพวกเขาอยากจะลุกขึ้นยืน,พวกเขาก็ไม่กล้าแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกลับทัศนคติของชายชราสองคนนี้,พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงออกมา

เมื่อเซียวเฉินสังเกตเห็นสถานการณ์บนฐานดาดฟ้า,เขารู้สึกอบอุ่นในใจของเขา เขาไม่อาจแสดงความขอบคุณออกมาได้ในตอนนี้แต่เขาจะตอบแทนคืนในอนาคต

“สุยเฟิง,หรูเยา,เข่อซิน,มู่เฉิน,และจางเลี่ย,ข้าเซียวเฉิน,ขอขอบคุณพวกเจ้าทั้งหลายพวกเจ้าควรถอยออกไปในวันนี้เป็นเรื่องบาดหมางของข้ากับเหล่าตระกูลชั้นสูงข้าจะต้องจัดการด้วยตัว
เอง”

เซี่ยวเฉินคํานับมือและแนะนําคนอื่นๆ ก่อนที่หยุนเข่อซินจะจากออกไป,นางกล่าวกับเซียวเฉินอย่างนุ่มนวล “เซี่ยวเฉิน หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้,ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและกล่าวขึ้น “เจ้าเชื่อว่าข้าจะรอดชีวิตไปได้?”

ใบหน้าอันละเอียดอ่อนของหยุนเช่อซินนิ่งสงบยิ่ง นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ข้าเคยกล่าวเอาไว้นานแล้ว ข้ามองคนเก่ง”

หลังจากที่เซียวเฉินส่งหยุนเข่อซินออกไป,เขาก็เดินตรงมาที่หลิวหรูเยว่ รู้สึกผิดเล็กน้อยและกล่าวขึ้นอย่างยากเย็น “หรูเยา,ข้าขอโทษที่โกหกเจ้ามาเป็นเวลานาน”

ดวงตาของหลิวหรูเย่อค่อนข้างนุ่มชื่น นางกล่าว “คนโง่,ทําไมเจ้าไม่บอกข่าก่อนหน้านี้?มีหรือที่ข้าจะกล่าวโทษเจ้า? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเซียวเฉินหรือเย่เฉิน,มันก็ไม่มีอะไรแตกต่างในสายตาของข้า”

ปมสุดท้ายในใจของเซียวเฉินถูกคลานออก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเผยรอยยิ้มมีความสุขขึ้นในทันที “เจ้าควรถอยออกไปก่อน นี่เป็นโชคชะตาของข้า;ข้าจะต้องจัดการด้วยตัวข้าเองเชื่อคําของข้า”

หลิวหรูเยว่รู้ว่าเซียวเฉินได้ตัดสินใจแล้ว นางพวกหน้าเงียบๆและถอยกลับ

หลังจากที่ทุกคนออกไป,นอกจากเหลาลูกหลานตระกูลชั้นสูง,มีเพียงเซียวเฉินที่เหลืออยู่

เซี่ยวเฉอนสวมชุดคลุมสีขาว,และกระบี่เงาจันทร์ถูกชักออกมาแล้ว เขากวาดสายตาผ่านใบหน้าของคนทุกคน,ตัวนมู่ฉิง,จีชางคว,ฮวาหยุนเฟย,มู่เฉิงเสวีย,และขุนนางกุยยี

เป็นเวลากว่าหนึ่งปี, ที่เซียวเฉินได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาและซ่อนตัวจากคนเหล่านี้

แม้แต่คนต่าต้อยก็ไม่รู้สึกยินดีที่ต้องปิดบังตัวตน,วิ่งหลบหนีไปมาราวกับหนู

มีใครที่ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างเที่ยงธรรม,เดินไปมาอย่างผ่าเผย? เหล่าตระกูลชั้นสูงเหลืออดพอแล้ว,เซียวเฉินก็เช่นกัน!

เซี่ยวเฉินจะจบทุกอย่างลงในวันนี้ เขาจะปล่อยให้ชื่อเย่เฉินผ่านไปเป็นอดีตและเหลือเพียงชื่อเซี่ยวเฉินที่โลกต้องจดจํา

เซียวเฉินมองตรงไปอย่างจดจ่อ สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับมือขวาที่กุมกระบี่เงาจันทร์เอาไว้แน่นเขาถามขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกันหรือที่ละคน?”

“ชิ!”

เมื่อตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,มู่เฉิงเสวี่ยและขุนนางกุยได้ยินคําของเซี่ยวเฉิน, พวกเขาทั้งหมดกระโดดลงจากสนามประลอง คนเหล่านี้มีความภาคภูมิใจร่วมมือกันจัดการกับเซี่ยวเฉินไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น

เหลือเพียงเยี่ยนชื่อเสวี่ยและเซี่ยวเฉินที่เหลืออยู่บนสนามประลอง

TL:คนนี้ก็กระโดดลงมาพร้อมกับคนอื่นในตอนก่อนแต่ผมตกข้ามชื่อไปครับ

เยี่ยนชื่อเสวี่ยรู้สึกกดดัน ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอ่อนที่สุดในกลุ่ม เดิมที,เขาคิดจะร่วมมือกับคนอื่นเพื่อจัดการกับเซี่ยวเฉิน

แม้ว่าว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่วมมือกัน,เยี่ยนชื่อเสวี่ยก็วางแผนที่จะรอจนคนอื่นๆต่อสู้กันก่อนที่เขาจะลงมือ

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้, เขียนชื่อเสวี่ยก็ไม่อาจถอยได้ถึงแม้ว่าเขาจะอยากทํามิฉะนั้น,ชื่อเสียงของเขาจะเสียหายหนัก

ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล;เขาได้ต่อสู้ประมือมาอย่างต่อเนื่อง เขาจะต้องเสียพลังปราณไปมากแล้วข้ามีโอกาสครึ่งต่อครึ่งที่จะชนะเยี่ยนชื่อเสวี่ยปลอบใจตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 358 จะเอาก็เข้ามา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 358 จะเอาก็เข้ามา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 358 จะเอาก็เข้ามา

เซี่ยวเฉินดีดตัวออกจากพื้นและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาหมุนเวียนสลักร่างพยัคฆ์มังกรเต็มกําลังเสียงพยัคฆ์มังกรคํารามก้องออกมาจากจุดลมปราณของเขาพยัคฆ์และมังกรหมุนเวียนอยู่รอบตัวขณะที่เขากําหมัดขึ้นเสียงแตกกราวดังออกมาจากกระดูกที่มือของเขา

เซี่ยวเฉินก้าวเท้ากลับเล็กน้อยและหลบเลี่ยงการโจมตีของชรือเฟิง จากนั้นเขาก็ชกออกไปที่หน้าอกของหรือเพิ่ง

“ปะ! ปะ!”

หินลายสีดําที่ชรือเพิ่งใช้ป้องกันหน้าอกของเขาแตกสลาย,และเขากระอักเลือดออกมากลางอากาศเขาถูกซัดลอยกลับและกระแทกลงบนโต๊ะน้ําชาของวังจิตวิญญาณค่ําคืน

มู่เฉิงเสวี่ยกําลังจะวางถ้วยชาลงในตอนที่หรือเฟิงกระแทกเข้ากับโต๊ะน้ําชา มือมู่บู่เฉิงเสวี่ยต้องหยุดค้างอยู่กลางอากาศ

เมื่อมู่เฉิงเสวี่ยเห็นชรือเพิ่งที่อยู่ในสภาพน่าสมเพชกําลังลุกขึ้นยืนอย่างยากลําบาก,เขาหัวเราและกล่าว “พี่น้องชรือ,ความแข็งแกร่งของเจ้าต่ำต้อยทําไมเจ้าถึงอยากที่จะเข้าไปร่วมวง?”

ชรือเพิ่งรู้สึกหดหู เขากระดูกซี่โครองแตกไปอย่างน้อยห้าซี่และอวัยวะภายในสาหัสอาการบาดเจ็บภายในและภายนอกของเขารวมเข้าด้วยกัน,เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปอย่างสมบูรณ์

“ช่างน่าขายหน้า! ไสหัวไปยืนข้างหลัง อย่าทําให้วงจิตวิญญาณค่าคืนต้องอับอาย!”ผู้อาวุโสหนึ่งของวังจิตวิญญาณค่าคืนดุด่าด้วยสีหน้ามืดมัวอย่างที่สุด

ชรือเฟิงพยายามจะลุกยืน เขารู้สึกผิดและก้มหัวลงต่ำ เขาไม่กล้าที่จะต่อปากต่อค่าใดๆ

มู่เฉิงเสวี่ยคลายมือที่กําลังถือถ้วยชา,ปล่อยให้มันตกลงบนพื้น แต่อย่างไรก็ตามโดยไม่คาดคิด.มันไม่ได้ตกลงไปแตกแต่กลับตกลงถึงพื้นอย่างมันคงไม่ไหวนิ่ง

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปสอดในทุกเรื่องได้” มู่เฉิงเสวี่ยหยิบดาบของเขา,ความงามใต้แสงจันทร์ขึ้นมาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในสนามประลอง

เขามองไปยังเซี่ยวเฉินในชุดขาวที่ถูกเปิดเผยตัวตนออกมาและยิ้มขึ้น “เรื่องของเรายังไม่จบและให้มันจบในวันนี้!”

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่มู่เฉิงเสวียอย่างไร้สีหน้า เขาไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะเฉลียวฉลาดเพียงนี้มู่เฉิงเสวี่ยค้นพบตัวจริงของเขานานมาแล้วแต่ไม่ได้เปิดเผยออกมา

มู่เฉิงเสวี่ยรอจนกระทั่งถึงวันนี้และเปิดเผยตัวตนของเขาต่อหน้าของทุกคน,ต้อนให้เขาจนมุม

ฝูงชนบนอัฒจันทร์ตกตะลึง หกตระกูลชั้นสองร่วมมือกันไล่ล่าเซี่ยวเฉิน ในประวัติศาสตร์อาณาจักรตาฉิน,เซี่ยวเฉินเป็นคนแรกที่ทําได้ถึงเพียงนี้

อย่างไม่คาดคิด,ศิษย์อันดับต้นแห่งวังจิตวิญญาณค่ําคืน,หนึ่งในสามนิกายใหญ่, มู่เฉิงเสวี่ยก็มีเรื่องบาดหมางกับเซียวเฉินเช่นกัน

หากไม่ใช่เพราะเซี่ยวเฉินเพิ่งจะจัดการกับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์,เขาก็คงท้าทายพวกเขาเช่นกันบุคคลที่ผ่าเผยเช่นนี้คงไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกในอนาคต

ด้วยขุมอํานาจมากมายเคลื่อนไหวต่อต้านเซียวเฉิน,แม้หากว่าศาลากระบี่สวรรค์อยากจะปกป้องเขา,พวกเขาก็ต้องคิดตัดสินใจให้ดี

สามตระกูลชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด,ขุนนางกุยยีที่มีตําแหน่งสูงส่งในต่าหนักหลวง,และวังจิตวิญญาณค่ําคืนที่เป็นหนึ่งในสามนิกายใหญ่, มีกลุ่มอํานาจที่แข็งแกร่งมากมาย,พวกเขาสามารถขับเคลื่อนทุกสิ่งที่ต้องการภายในอาณาจักรต้าฉัน

นอกเสียจากเซี่ยวเฉิน,จะมีใครอีกที่กล้าท้าทายพวกเขา? ในอดีตที่ผ่านมาหามีไม่และคงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

“ใครที่คิดจะสังหารเซียวเฉินจะต้องข้ามศพของข้า,หลิวหรูเยว่,ไปก่อน!”ร่างอันงดงามบนฐานดาดฟ้าชักกระบี่เล่มบางของนางออกมา นางยืนอยู่ตรงหน้าของเซียวเฉิน,ปกป้องเขาและปลดปล่อยกระแสพลังระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของนางออกมา

เซี่ยวเฉันมองไปที่แผ่นหลังของหลิวหรูเยวและอดไม่ได้ที่จะเกิดความอบอุ่นขึ้นในใจหนึ่งในไม่กี่คนที่ออกมาปกป้องเขาในทันทีคือหลิวหรูเยว่

“แม้ว่าตัวข้า,หลิวสุยเฟิง,จะไม่ได้แข็งแกร่ง,แต่หากมีใครคิดจะสังหารพี่น้องของข้า,พวกมันต้องผ่านศพข้าไปก่อน” หลิวสุยเฟิงพุ่งตรงเข้ามา

“หากตระกูลชั้นสูงคิดสังหารศาลากระปสวรรค์,พวกเราไม่ยินยอม” จางเลี้ยและมู่เฉินกระโดดอกมาจากฝูงชนและเข้าปกป้องเซียวเฉิน

“เสี่ยวไปก็จะปกป้องพี่ใหญ่เซียวเฉิน เสี่ยวไปจะทุบทุกคนที่ต้องการจะสังหารพี่ชาย”

บนฐานดาดฟ้า,เสี่ยวไปที่ปกติมีพลังงานล้นเหลือ เมื่อนางเห็นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน,นางสับสน:นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อนางตระหนักได้ว่ามีคนที่อยากจะสังหารเซี่ยวเฉิน,ใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนางก็จมลึก

“ฟู ฟิว!”

มีร่างสีขาวอีกร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและลงจอดพื้นพื้นโดยปราศจากเสียงราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงพื้น หยุนเข่อซินออกมาแล้ว

หยุนเข่อซินวางมือขวาของนางลงบนด้ามกระบี่ที่ห้อยอยู่ตรงเอวของนาง นางไม่กล่าววาจาอะไร,แต่ความตั้งใจของนางชัดเจน

หากมีใครที่ต้องการจะสังหารเซี่ยวเฉิน ก็ต้องผ่านนางไปให้ได้เช่นกัน

คนสองกลุ่มปรากฏตัวขึ้นคนละมุมของสนามประลอง,กําลังปลดปล่อยกระแสพลังอันไร้ขอบเขตออกมา

กระแสพลังของพวกเขาปะทะกันในอากาศ,ไม่เปิดทางให้กันและกัน สายลมโหม,และหมู่เมฆหมุนวน:สภาพอากาศแปลเปลี่ยน

สถานการณ์ยังคงพลิกเปลี่ยนไปอีก ฝูงชนเดิมที่คิดว่าเซียวเฉินต้องเผชิญกับความตายพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนมากมายออกมาปกป้องเขา

จากทุกคนในที่นี้ มีอยู่หนึ่งคนที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซ่งเฉวทุกคนรู้สึกสูญเสีย: มีเพียงซ่งเฉวที่ตื่นเต้น

เดิมที่,ซึ่งเฉวคิดว่าสภาสูงกําลังจับตามองพรสวรรค์ของเซียวเฉิน,เขาไม่อาจแตะต้องได้

แต่อย่างไรก็ตาม,ซ่งเฉวพบว่าเซียวเฉินนั้นเป็นผู้หลบหนี นอกจากนั้น มีขุมอ่านาจใหญ่มากมายในอาณาจักรต้าฉันที่ตั้งค่าหัวของเขา เขาได้มีโอกาสอีกครั้ง

สวรรค์ช่างเล่นตลกกับผู้คน ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด,แสงแห่งความหวังได้ปรากฏขึ้นไม่มีอะไรอื่นนอกจากความยินดี

ยิ่งซ่งเฉวคิดไตร่ตรอง,เขายิ่งยินดี เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น เขากล่าวเสียงดัง “ผู้อาวุโสหนึ่ง,เซี่ยวเฉินผู้นี้ได้ปิดบังตัวตนแทรกซึมเข้าสู่ศาลากระบี่สวรรค์ เขาตั้งใจจะชักนําให้พวกเราศาลากระปสวรรค์ขัดแย้งกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเหล่าตระกูลชั้นสูง”

“เห็นชัดว่าเขาตั้งใจจะทําลายศาลากระปสวรรค์ของพวกเรา มรดกที่ตกทอดมานับหมื่นปีเขามีแรงจูงใจชั่วร้ายและน่ากลัว พวกเราต้องสังหารเขาเสีย!”

ซ่งเฉวใช้ฐานะท่านเจ้ายอดเขาซื้อนของเขาและกล่าวหาเซี่ยวเฉิน,ตั้งใจที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างศาลากระบี่สวรรค์และเซี่ยวเฉิน

เจียงชื่อมองซ่งเฉวอย่างเย็นชาและเมินเฉยไป เขาจดจ่อไปกับเสียงของเขาและสื่อสารกับเซียวเฉินแย่างลับๆ “ข้าไม่สนใจถึงตัวตนของเจ้าข้าเพียงจะขอถามเจ้าเพียงอย่างเดียวเจ้าจะเข้าร่วมค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?หากเจ้าตกลง,ศาลากระบี่สวรรค์ของข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้กับ
เจ้า”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินคําของเจียงซื้อ,เขาส่ายหัว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่ศาลากระปสวรรค์“ขอบคุณผู้อาวุโสมากสําหรับความหวังดี ข้าต้องขออภัย:ข้าไม่อาจรับข้อเสนอ

“เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เป็นการตัดสินใจของเจ้า อย่าโทษว่าข้าไม่มีความปรานี”

ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะมีพรสวรรค์ถึงเพียงใด แต่หากว่าพวกเขาไม่อาจดึงตัวบองเขาเอาไว้ที่ศาลากระบี่สวรรค์, ความรุ่งเรืองของเขาในอนาคตก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศาลากระปสวรรค์หากเป็นเช่นนั้น,ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องพยายามช่วยเขาออกจากภัยในครั้งนี้

เจียงชื่อกล่าวอย่างมืดมัว “สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์บนฐานทั้งหมด,ฟังคําสั่งข้าถอยออกมาซะ นี้เป็นเรื่องบาดหมางส่วนบุคคล,ศาลากระบี่สวรรค์จะไม่ขอยุ่งเกี่ยว”

หลังจากสิเนเสียงของเจียงชื่อ,ไม่มีใครบนสนามประลองขยับ กลับเป็นเหล่าผู้อายุโสตระกูลชั้นสูงบนฐานดาดฟ้าที่ได้ยินความตั้งใจของเจียงชื่อ,พวกเขาลุกขึ้นยืน

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่พวกเขายืนได้เต็มเท้า,พงกเขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันอันไร้รูปจู่โจมเข้ามา

“ให้เหล่าผู้เยาว์สะสางกันเอง ผู้อาวุโสจีและผู้อาวุโสฮวา,พวกท่านคิดเช่นไร?” เจียงชื่อมองไปที่เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสูงและยิ้มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมีเจตนาฆ่าฟันที่แฝงไปกับรอย ยิ้มของเขา
ท้ายที่สุด,เจียงชื่อก็อยากที่จะปกป้องเซี่ยวเฉินและไม่ยอมให้สถานการณ์เลวร้ายไปถึงขีดสุด

ฟงซวนยี่,ผู้ที่นิ่งเงียบ,ก็ยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าเห็นด้วย ให้เหล่าผู้เยาว์สะสางกันเอง ให้พวกเรา,เหล่าผู้อาวุโสเพียงมองดู”

“ผู้เยาว์ที่น่าสนใจถึงเพียงนี้ไม่ได้ปรากฏตัวที่อาณาจักรต้าฉันมาเป็นเวลานานมากแล้วชายชราผู้นี้ยินดีที่จะยื่นมือให้กับเขา ผลมันจะออกมาเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา”

ขณะที่ฟงซวนยกล่าวจบ,ความเฉียบคมของยอดกษัตริย์ดาบจับจ้องลงบนผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสูงในทันที พวกเขาทุกคนรู้สึกราวกับมีดาบมาจ่อที่คอของพวกเขา

เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชั้นสูงยิ้มอย่างขมขึ้น แม้ว่าพวกเขาอยากจะลุกขึ้นยืน,พวกเขาก็ไม่กล้าแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกลับทัศนคติของชายชราสองคนนี้,พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงออกมา

เมื่อเซียวเฉินสังเกตเห็นสถานการณ์บนฐานดาดฟ้า,เขารู้สึกอบอุ่นในใจของเขา เขาไม่อาจแสดงความขอบคุณออกมาได้ในตอนนี้แต่เขาจะตอบแทนคืนในอนาคต

“สุยเฟิง,หรูเยา,เข่อซิน,มู่เฉิน,และจางเลี่ย,ข้าเซียวเฉิน,ขอขอบคุณพวกเจ้าทั้งหลายพวกเจ้าควรถอยออกไปในวันนี้เป็นเรื่องบาดหมางของข้ากับเหล่าตระกูลชั้นสูงข้าจะต้องจัดการด้วยตัว
เอง”

เซี่ยวเฉินคํานับมือและแนะนําคนอื่นๆ ก่อนที่หยุนเข่อซินจะจากออกไป,นางกล่าวกับเซียวเฉินอย่างนุ่มนวล “เซี่ยวเฉิน หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้,ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและกล่าวขึ้น “เจ้าเชื่อว่าข้าจะรอดชีวิตไปได้?”

ใบหน้าอันละเอียดอ่อนของหยุนเช่อซินนิ่งสงบยิ่ง นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “ข้าเคยกล่าวเอาไว้นานแล้ว ข้ามองคนเก่ง”

หลังจากที่เซียวเฉินส่งหยุนเข่อซินออกไป,เขาก็เดินตรงมาที่หลิวหรูเยว่ รู้สึกผิดเล็กน้อยและกล่าวขึ้นอย่างยากเย็น “หรูเยา,ข้าขอโทษที่โกหกเจ้ามาเป็นเวลานาน”

ดวงตาของหลิวหรูเย่อค่อนข้างนุ่มชื่น นางกล่าว “คนโง่,ทําไมเจ้าไม่บอกข่าก่อนหน้านี้?มีหรือที่ข้าจะกล่าวโทษเจ้า? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเซียวเฉินหรือเย่เฉิน,มันก็ไม่มีอะไรแตกต่างในสายตาของข้า”

ปมสุดท้ายในใจของเซียวเฉินถูกคลานออก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเผยรอยยิ้มมีความสุขขึ้นในทันที “เจ้าควรถอยออกไปก่อน นี่เป็นโชคชะตาของข้า;ข้าจะต้องจัดการด้วยตัวข้าเองเชื่อคําของข้า”

หลิวหรูเยว่รู้ว่าเซียวเฉินได้ตัดสินใจแล้ว นางพวกหน้าเงียบๆและถอยกลับ

หลังจากที่ทุกคนออกไป,นอกจากเหลาลูกหลานตระกูลชั้นสูง,มีเพียงเซียวเฉินที่เหลืออยู่

เซี่ยวเฉอนสวมชุดคลุมสีขาว,และกระบี่เงาจันทร์ถูกชักออกมาแล้ว เขากวาดสายตาผ่านใบหน้าของคนทุกคน,ตัวนมู่ฉิง,จีชางคว,ฮวาหยุนเฟย,มู่เฉิงเสวีย,และขุนนางกุยยี

เป็นเวลากว่าหนึ่งปี, ที่เซียวเฉินได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาและซ่อนตัวจากคนเหล่านี้

แม้แต่คนต่าต้อยก็ไม่รู้สึกยินดีที่ต้องปิดบังตัวตน,วิ่งหลบหนีไปมาราวกับหนู

มีใครที่ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างเที่ยงธรรม,เดินไปมาอย่างผ่าเผย? เหล่าตระกูลชั้นสูงเหลืออดพอแล้ว,เซียวเฉินก็เช่นกัน!

เซี่ยวเฉินจะจบทุกอย่างลงในวันนี้ เขาจะปล่อยให้ชื่อเย่เฉินผ่านไปเป็นอดีตและเหลือเพียงชื่อเซี่ยวเฉินที่โลกต้องจดจํา

เซียวเฉินมองตรงไปอย่างจดจ่อ สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับมือขวาที่กุมกระบี่เงาจันทร์เอาไว้แน่นเขาถามขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกันหรือที่ละคน?”

“ชิ!”

เมื่อตัวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,มู่เฉิงเสวี่ยและขุนนางกุยได้ยินคําของเซี่ยวเฉิน, พวกเขาทั้งหมดกระโดดลงจากสนามประลอง คนเหล่านี้มีความภาคภูมิใจร่วมมือกันจัดการกับเซี่ยวเฉินไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น

เหลือเพียงเยี่ยนชื่อเสวี่ยและเซี่ยวเฉินที่เหลืออยู่บนสนามประลอง

TL:คนนี้ก็กระโดดลงมาพร้อมกับคนอื่นในตอนก่อนแต่ผมตกข้ามชื่อไปครับ

เยี่ยนชื่อเสวี่ยรู้สึกกดดัน ความแข็งแกร่งของเขานับว่าอ่อนที่สุดในกลุ่ม เดิมที,เขาคิดจะร่วมมือกับคนอื่นเพื่อจัดการกับเซี่ยวเฉิน

แม้ว่าว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่วมมือกัน,เยี่ยนชื่อเสวี่ยก็วางแผนที่จะรอจนคนอื่นๆต่อสู้กันก่อนที่เขาจะลงมือ

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้, เขียนชื่อเสวี่ยก็ไม่อาจถอยได้ถึงแม้ว่าเขาจะอยากทํามิฉะนั้น,ชื่อเสียงของเขาจะเสียหายหนัก

ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล;เขาได้ต่อสู้ประมือมาอย่างต่อเนื่อง เขาจะต้องเสียพลังปราณไปมากแล้วข้ามีโอกาสครึ่งต่อครึ่งที่จะชนะเยี่ยนชื่อเสวี่ยปลอบใจตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+