Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 365 ในโลกกว้าง
ตอนที่ 365 ในโลกกว้าง
สาหรับในระดับขอบเขตนักบุญด้วยกัน,เซายวเฉินไร้เทียมทาน เซี่ยวเฉินยังมีความมั่นใจที่จะชนะสานุศิษย์แก่นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ท่าเรือที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้อยู่ระหว่างต้นกําเนิดแม่น้ําและมหาสมุทร,มีระยะห่างออกไปจากปากน้ํา นอกจากนั้น,เรือสินค้าไม่สามารถเคชื่อนที่ได้เต็มกําลังขณะที่อยู่ในแม่น้ํา ดังนั้นมันจึงเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ
เซียวเฉินไม่ออกไปจากห้อง นอกจากการกิน,เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะพลัง
โลกภายนอกซาลากระปสวรรค์มีพลังงานจิตวิญญาณเบาบางมาก เซี่ยวเฉินต้องใช้หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งก้อนในทุกวัน
เซียวเฉินไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณ เขาแลกเปลี่ยนแต้มสะสมของเขาประมาณสามหมื่นแต้มเป็นหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งพันก้อน รวมกับที่เขาได้มาจากการขายแก่นกลางปีศาจ,ตอนนี้เขามีหินวิญญาณมากกว่าเก้าหมื่นก่อน
ตราบใดที่เซียวเฉินสามารถเร่งความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขา,เขาไม่รู้สึกเสียใจที่ต้องใช้มันไป
สองเดือนต่อมา วังวนฉีสีม่วงที่จุดตันเที่ยนของเซี่ยวเฉินพลันหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว พลังงานจิตวิญญาณทั้งหมดในหินวิญญาณระดับกลางไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
“ตั้ง! ถึง!”
หยดปราณสีม่วงหยดลงมาตากวังวนอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้า,มันก็เติมสระน้ําฉีจนเต็ม
รูขุมขน,เลือดเนื้อ และกระดูกทั้งหมดในร่างของเขารู้สึกโปร่งพอง ผ่านไปครู่หนึ่ง,สระน้ําฉีก็ระเบิดออก,และจุดตันเทียนกลายเปณวุ่นวาย
สายลมรุนแรงพัดจากเซียวเฉิน กระแสลมเติมเต็มภายในห้อง,ก่อเกิดเป็นพายุหมุนลูกเล็กๆ
ความรู้สึกสบายแพร่กระจายไปทั่วร่างของเซี่ยวเฉิน พลังปราณที่หมุนเวียนในเส้นปราณของเขากลายเป็หนาแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ข้าทะลวงระดับแล้ว?
ด้วยการนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,เขาส่งจิตใต้สํานึกไปที่จุดตันเที่ยนของเขา เขามองเห็นขนาดของวังวนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ปราณเหลวสีม่วง, ที่ก่อนหน้านี้เติมอยู่เต็มสระน้ําฉี,เกือบจะไม่ถึงครึ่ง
เซี่ยวเฉินทะลวงขั้นสําเร็จ หลังจากผ่านไปสี่เดือน, ในที่สุดเขาก็เลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญ
ขั้นสูง
เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มบางๆ เขาหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ ปราณสีม่วงไหลเวียนรอบเล็กตามเส้นปราณหลักทั้งเก่าของเขาในทันที
หลังจากนั้น,ปราณก็หมุนเวียนครบรอบใหญ่ เส้นปราณย่อยใหม่หลายสิบเส้นเปิดขึ้นพร้อมกับเส้นปราณหลัก หนึ่งในนั้นรือเส้นปราณย่อยที่เซี่ยวเฉินจําเป็นต้องใช้เพื่อบ่มเพาะชั้นที่หกของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
ยิ่งมีเส้นปราณย่อยมากเท่าไหร,ปราณที่เซียวเฉินจะได้รับจากการหมุนเวียนครบรอบใหญ่จะมากขึ้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม,เวลาที่ใช้ในการหมุนเวียนครบรอบใหญ่ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,ปราณสีม่วงในที่สุดก็หมุนเวียนครบรอบใหญ่ในเส้นปราณย่อยทั้งหมด พลังปราณในเส้นปราณหลักทั้งเก้ารวมตัวกันเป็นหยดและไหลเข้าสู่วังวนฉีสีม่วง
เซี่ยวเฉินหยุดลงเพียงหลังจากเดิมสระน้ําฉีจนเกือบเต็ม เขาต้องหมุนเวียนอีกหนึ่งรอบใหญ่ ก่อนที่จะเติมมันจนเต็มได้
แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่ได้หมุนเวียนทักษะบ่มเพาะของเขาต่อ แสงสีม่วงวูบไหวในดวงตาของเขา,เผยให้เห็นถึงความเฉียบแหลมของเขา
“พี่ใหญ่เซียวเฉิน,ท่านแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งแล้ว” เสี่ยวไปกล่าวอย่างเป็นสุขขณะที่นางยืนอยู่ข้างๆ
เซียวเฉินโบกมือ,และเศษพลังงานสีม่วงในอากาศก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาลุกขึ้นและยิ้ม “ใช่แล้ว ข้าเดาว่าเจ้าคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยหลังจากไม่ได้ออกไปข้างนอกเป็นเดือนๆ”
เสี่ยวไปกล่าวอย่างตื่นเต้น “เยี่ยม; ข้ายังไม่เคยเห็นเลยว่าแม่น้ํามังกรทมิฬเป็นอย่างไร”
พวกเขาเดินลงมาตามบันไดและมาถึงที่ดาดฟ้า ในตอนนี้,ดวงอาทิตย์กําลังขึ้น แสงอ่อนๆสะท้อนเป็นสีทองบนพื้นผิวน้ํา
ท้องฟ้าเริ่มส่องแสงสว่าง ผู้บ่มเพาะพลังบนดาดฟ้าเดินไปตามสองฝั่งของเรือ พวกเขาจับกลุ่มพูดคุยกันสองหรือสามคน
หลังจากไม่ปรากฏตัวมากว่าหนึ่งเดือน,เมื่อเซี่ยวเฉินรู้สึกถึงสายลมเย็นจากแม่น้ํา,เขารู้สึกผ่อนคลาย,ทําให้จิตใจของเขาแจ่มใส
มีเรือสินค้ามามายในแม่น้ํา นอกจากล่าที่เซียวเฉินนั่งมา, มีเรือใหญ่อีกเจ็ดล่า
หลังจากเดินทางมาครึ่งวัน,แควน้ําขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น เรือสินค้าจํานวนมากหันหางเสือเข้าสู่แควน้ํานี้
เซี่ยวเฉินตรวจสอบแผนที่ก่อนที่จะรู้ว่าแควน้ํานี้นําไปยังสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดของทวีป, ดินแดนรกร้างโบราณ
ดินแดนรกร้างโบราณมีขนาดใหญ่มาก;มันมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของอาณาจักรต้าฉิน เมื่อ รวมพื้นที่ทะเลทรายเข้าไป,มันมีขนาดเท่ากับอาณาจักรต้าฉัน
ที่ตรงกลางของดินแดนรกร้างโบราณเคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งราชวงศ์เทียนหว่ ครั้งหนึ่งมันเป็นเมืองที่คึกคักที่สุดในทวีป
โชคร้าย หลังจากราชวงศ์เทียนหวี่ล่มสลาย,เส้นโลหิตมังกรที่ถูกครอบครองโดยจักรพรรดิเทียนหวี่ถูกแบ่งออกเป็นเก้า
มันกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างที่สุด แม้ว่าพลังงานจิตวิญญาณในดินแดนรกร้างจะหนาแน่นเป็นอย่างมาก ก็ไม่มีอาณาจักรใดจะมาตั้งเมืองที่นี่
เซียวเฉินรวบรวมความคิดของเขา ในเมื่อเขาได้มาถึงที่นี่แล้ว,พวกเขาอยู่ไม่ไกลไปจากทะเล ในไม่ช้า, เรือสินค้าล่านี้ก็จะออกจากทวีปเทียนหอู่และออกสู่ทะเล
“พวกเรากําลังจะไปถึงหุบเขาจักรพรรดิอัสนี หลังจากผ่านหุบเขาจักรพรรดิอัสนีไป,พวกเราก็ จะออกจากทวีปเทียนหว” ผู้บ่มเพาะพลังคนหนึ่งกล่าวขึ้น
ผู้บ่มเพาะพลังอีกคนถอนหายใจ “นับตั้งแต่จักรพรรดิอัสนี,ไม่มียอดผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวขึ้น ในอาณาจักรต้าฉันอีก พวกเขาหายไปเลยจริงๆนับตั้งแต่ตอนนั้น ข้าสงสัยว่าอีกหนึ่งพันปี จะมีใครที่จะยิ่งใหญ่ได้เทียบเท่าจักรพรรดิอัสนีอีกครั้ง”
“ไม่นานมานี้ มีมือกระบี่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ศาลากระปสวรรค์ บางทีเขาอาจจะขึ้นไปถึงในระดับเดียวกับจักรพรรดิอัสนี เขาเป็นคนเดียวในร้อยปีที่ผ่านมาที่เอาชนะทายาทตระกูลชั้นสูงมากมายได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
“มีอัจฉริยะมากมายที่อายุเท่านี้ ในตอนที่สิ่งต่างๆมาถึงสุดปลายสุด,พวกเขาทําให้ได้ก้าวไปในทิศทางอื่น ทวีปที่เงียบสงบมานับพันปีจะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งในโลกที่กว้างใหญ่”
“แร่ภายในอาณาจักรต้าฉิน,พรสวรรค์ของอัจฉริยะตระกูลชั้นสูงเหล่านั้นไม่ได้อ่อนแอ ยังมีเหลิงหลิวซูที่ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นที่อายุสิบเจ็ด,ฉู่ฉาวอวิ่นที่ยังคงไม่เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมา,และเหล่าทหารอัจฉริยะในเมืองหลวงที่ใช้ชีวิตไปกับการฆ่า ฟันในสนามรบ ในยุคนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมื่อหนึ่งพันปีก่อน”
“สําหรับผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรอื่น มีมากยิ่งกว่านี้ เท่าที่ข้ารู้มีไม่ต่ํากว่าร้อยคนที่แข็งแกร่งไม่แพ้ไปกว่าเซี่ยวเฉิน นอกจากนั้น ยังไม่รวมถึงอัจฉริยะจากอาณาจักรต่าจิน”
“ที่จริง,พงกเราไม่อาจรวมพวกอัจฉริยะจากอาณาจักรต้าจิน พวกเขาอยู่ในคนละโลก พวกเราจะไปเปรียบเทียบได้อย่างไร?”
บางทีเราอาจจะได้เห็นอัจฉริยะเหล่านี้บนเกาะสายลมขจี ตามข่าวลือ,มีคนจากอาณาจักรอื่นที่ได้แผนที่สมบัติของทุ่งหญ้ามารอสูรไปด้วย”
มีคนบนเรือเผลี่ยนไปคุยเรื่องจักรพรรดิอัสนี ทันใดนั้น,บนดาดฟ้าก็กลายเป็นคึกคัก ผู้บ่มเพาะพลังที่มีประสบการณ์เริ่มถกเถียงกันเรื่องอัจฉริยะจากทุกอาณาจักร
เซี่ยวเฉินรู้สึกสนใจและเอียงหูฟัง,ได้ความรู้จากคําของพวกเขา
หนึ่งพันปีก่อน ในตอนที่จักรพรรดิอัสนี่ยังมีชีวิต,มีอัจฉริยะในทุกอาณาจักร มีผู้บ่มเพาะพลังที่มีความสามารถมากมาย ตั้งแต่ราชวงศ์เทียนหวี่ล่มสลาย นี่เป็นสุดยอดผู้บ่มเพาะพลังคนแรกของโลก
มีผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะจํานวนมากเกิดขึ้นอีกมากมาย จักรพรรดิอัสนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้
จักรพรรดิอัสนักวาดผ่านอัจฉริยะทั้งหมดภายใต้สวรรค์ก่อนที่จะกลายเป็นหิ่งที่ยืนอยู่จุดเหนือสุด
หลังจากจักรพรรดิอัสนี้ล้มลง,ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ก็ค่อยๆลดหาย โลกแห่งผู้บ่มเพาะพลังตกต่ำ จํานวนสุดยอดผู้บ่มเพาะพลังลดลง เหล่าอัจฉริยะไม่เจิดจ้าดังเช่นในอดีต
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีสัญญาณการเติบโตขึ้นมาอีกครั้ง มันเหมือนกับเมล็ดพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์กําลังงอกเงยอย่างช้าๆ
ในไม่ช้า,ดวงตะวันจะขึ้นสูงสุด,ท้องฟ้าจะกลายเป็สว่างเจิดจ้า ภาพของหุบเขาปรากฏขึ้นจากระยะไกล
ทักคนนิ่งเงียบอย่างเคารพ ความเลื่อมใสเติมเต็มในดวงตาขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป
หุบเขานี้สูงฟลายพันเมตร,อยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ํามังกรทมิฬ พวกมันราวกับดาบสองเล่มที่กําลังทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้า:มีหมู่เมฆปกคลุมที่ยอดของพวกมัน
เมื่อเรือสินค้าได้มาถึงหุบเขามันก็ช้าลง หลังจากที่มันผ่านเข้าไปในช่องเขา, ท้องฟ้ากลายเป็นมืดมิด ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดบนดาดฟ้าเรือกลายเป็งเงียบสนิท
มีเพียงเสียงคลื่นที่ดังขึ้นมาจากแม่น้ําที่เงียบสงบ มันราวกับทุกคนได้หยุดหายใจ
เกิดอะไรขึ้น? เซี่ยวเฉินมองอย่างสงสัยไปทางหุบเขาทั้งสองด้าน ด้วยการกวาดมองอย่างรวดเร็ว,เขากลายเป็นตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
มีรูปสลักคนขนาดใหญ่บนหุบเขาที่สูงตระหง่าน มันสลักออกมาราวกับมีชีวิต สีหน้าของเขามุ่งมั่น เขาสวมชุดคลมรัดรูปและมีดาบห้อยอยู่ที่เอวของเขาขณะที่สายตาของเขามองไปที่ทะเลกว้างไกล
รูปสลักถูกสลักไปตลอดหุบเขา มันสูงกว่าหนึ่งพันเมตร มันดูเหมือนกับมันสามารถทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเซี่ยวเฉินนึกถึงชื่อหับเขาจักรพรรดิอัสนี,เขาเดาถึงตัวตนของคนผู้นี้ได้อย่างทันที
“บั้ม…!”
ทันใดนั้น, เสียงฟ้าคํารามต่อเนื่องแตกเสียงบนท้องฟ้าที่สดใสด้านบน เมื่อเซี่ยวเฉินมองขึ้น
สายลมพัดเป่าอย่างดุเดือด,และบางครั้ง,มีเส้นสายฟ้าวาดผ่าน ความบ้าคลั่งของเสียงฟ้าร้องดังก้องไปในหุบเขา
นี่ทําให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันน่ากลัว มันราวกับสายอัสนีสวรรค์จะฟาดฟันใส่พวกเขา,ทําให้วิญญาณของพวกเขาสลายและศพแตกหายไม่สมบูรณ์
เสี่ยวไปมองไปยังกระแสไฟฟ้าน่ากลัวบนท้องฟ้าและนึกถึงแสงกระแสไฟฟ้าที่ปรากฏขึ้นในตอนที่นางเปลี่ยนร่าง นางกลัวหน้าซีดและเกาะแขนของเซี่ยวเฉินไม่ยอมปล่อย
“พี่ใหญ่เซียวเฉิน,เสี่ยวไปกลัว!”
เมื่อเซี่ยวเฉินรู้สึกถึงเสี่ยวไป์กําลังสั่นเทา,เขาวางมือของเขาลงบนปากของเสี่ยวไป์เบาๆ เขากล่าวอย่างนิ่มนวล “อย่ากลัวไปเลยไม่ต้องกล่าวอะไร”
นี่เป็นเจตนารมณ์แห่งสายฟ้า,สภาวะแห่งสายฟ้าที่บริสุทธิ์ที่สุด แม้ว่าจะผ่านมานับพันปี,มันก็ยังคงความน่ากลัว,ทําให้ผู้คนไม่กล้าขยับเขยื้อน
ไม่สงสัยว่าทําไมผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดบนดาดฟ้าถึงไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรในตอนที่พวกเขาเข้ามาในหุบเขา พวกเขาทั้งหมดเกรงกลัวว่าพวกเขาจะไปยั่วยุเจตนารมณ์แห่งสายฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจและถูกลงทัณฑ์
เซี่ยวเฉินมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและรู้สึกคุ้นเคยกับเมฆาอัสนี้อย่างน่าประหลาด กระบี่เงาจันทร์ที่แขวนอยู่ตรงเอวของเขาเริ่มสั่นไหวไม่หยุด
กระบี่เงาจันทร์รู้สึกตื่นตัวราวกับมันจะกระโดดออกไปได้ทุกเมื่อ เซียวเฉินจับมันลง,ป้องกันไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นความผิดปกติอ่าวเจียว
หรือเจ้าก็รู้สึกเช่นกัน? เซียวเฉินสงสัยเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงระยะห่างที่ไม่อาจวัดได้ระหว่างจักรพรรดิอัสนีและตัวเขาจากเจตนารมณ์แห่งสายฟ้านี้
เจตนารมณ์แห่งสายฟ้าจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อนยังแข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง หากเซียวเฉินเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอัสนีในสภาวะสูงสุดของเขา,เขาไม่รู้ว่าเขาจะมีความกล้าพอที่จะยืนตรงอยู่ได้หรือไม่
หุบเขานี้ช่างมืดมิด เรือสินค้าดูเหมือนจะเดินทางผ่านมานานมากแล้ว ทันทีที่ออกมาจากหุบเขา,ดวงตะวันฉายลงมาบนใบหน้าของทุกคนอีกครั้ง
ทุกคนถอยหายใจหนัก มือเย็นเฉียบหยดเต็มหลังของพวกเขา ในตอนที่พวกเขามองกลับไปยังหุบเขาอันมืดมิด,พวกเขาล้วนรู้สึกหวาดกลัว
เซี่ยวเฉินแกะเสี่ยวไป๋ออกมาและกล่าว “เสี่ยวไป,ไม่ต้องกลัวแล้ว พวกเราผ่านมันมาแล้ว”
เม็ดสีฟื้นคืนบนใบหน้าของเสี่ยวไปJ นางออกจากอ้อมกอดของเซียวเฉินอย่างไม่เต็มใจและกล่าว “เสี่ยวไปหายกลัวนานแล้ว อ้อมกอดของพี่ใหญ่เซียวเฉินเป็นที่ปลอดภัยที่สุด”
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 365 ในโลกกว้าง
ตอนที่ 365 ในโลกกว้าง
สาหรับในระดับขอบเขตนักบุญด้วยกัน,เซายวเฉินไร้เทียมทาน เซี่ยวเฉินยังมีความมั่นใจที่จะชนะสานุศิษย์แก่นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ท่าเรือที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้อยู่ระหว่างต้นกําเนิดแม่น้ําและมหาสมุทร,มีระยะห่างออกไปจากปากน้ํา นอกจากนั้น,เรือสินค้าไม่สามารถเคชื่อนที่ได้เต็มกําลังขณะที่อยู่ในแม่น้ํา ดังนั้นมันจึงเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ
เซียวเฉินไม่ออกไปจากห้อง นอกจากการกิน,เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะพลัง
โลกภายนอกซาลากระปสวรรค์มีพลังงานจิตวิญญาณเบาบางมาก เซี่ยวเฉินต้องใช้หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งก้อนในทุกวัน
เซียวเฉินไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณ เขาแลกเปลี่ยนแต้มสะสมของเขาประมาณสามหมื่นแต้มเป็นหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งพันก้อน รวมกับที่เขาได้มาจากการขายแก่นกลางปีศาจ,ตอนนี้เขามีหินวิญญาณมากกว่าเก้าหมื่นก่อน
ตราบใดที่เซียวเฉินสามารถเร่งความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขา,เขาไม่รู้สึกเสียใจที่ต้องใช้มันไป
สองเดือนต่อมา วังวนฉีสีม่วงที่จุดตันเที่ยนของเซี่ยวเฉินพลันหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว พลังงานจิตวิญญาณทั้งหมดในหินวิญญาณระดับกลางไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
“ตั้ง! ถึง!”
หยดปราณสีม่วงหยดลงมาตากวังวนอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้า,มันก็เติมสระน้ําฉีจนเต็ม
รูขุมขน,เลือดเนื้อ และกระดูกทั้งหมดในร่างของเขารู้สึกโปร่งพอง ผ่านไปครู่หนึ่ง,สระน้ําฉีก็ระเบิดออก,และจุดตันเทียนกลายเปณวุ่นวาย
สายลมรุนแรงพัดจากเซียวเฉิน กระแสลมเติมเต็มภายในห้อง,ก่อเกิดเป็นพายุหมุนลูกเล็กๆ
ความรู้สึกสบายแพร่กระจายไปทั่วร่างของเซี่ยวเฉิน พลังปราณที่หมุนเวียนในเส้นปราณของเขากลายเป็หนาแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ข้าทะลวงระดับแล้ว?
ด้วยการนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,เขาส่งจิตใต้สํานึกไปที่จุดตันเที่ยนของเขา เขามองเห็นขนาดของวังวนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ปราณเหลวสีม่วง, ที่ก่อนหน้านี้เติมอยู่เต็มสระน้ําฉี,เกือบจะไม่ถึงครึ่ง
เซี่ยวเฉินทะลวงขั้นสําเร็จ หลังจากผ่านไปสี่เดือน, ในที่สุดเขาก็เลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญ
ขั้นสูง
เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มบางๆ เขาหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ ปราณสีม่วงไหลเวียนรอบเล็กตามเส้นปราณหลักทั้งเก่าของเขาในทันที
หลังจากนั้น,ปราณก็หมุนเวียนครบรอบใหญ่ เส้นปราณย่อยใหม่หลายสิบเส้นเปิดขึ้นพร้อมกับเส้นปราณหลัก หนึ่งในนั้นรือเส้นปราณย่อยที่เซี่ยวเฉินจําเป็นต้องใช้เพื่อบ่มเพาะชั้นที่หกของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
ยิ่งมีเส้นปราณย่อยมากเท่าไหร,ปราณที่เซียวเฉินจะได้รับจากการหมุนเวียนครบรอบใหญ่จะมากขึ้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม,เวลาที่ใช้ในการหมุนเวียนครบรอบใหญ่ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,ปราณสีม่วงในที่สุดก็หมุนเวียนครบรอบใหญ่ในเส้นปราณย่อยทั้งหมด พลังปราณในเส้นปราณหลักทั้งเก้ารวมตัวกันเป็นหยดและไหลเข้าสู่วังวนฉีสีม่วง
เซี่ยวเฉินหยุดลงเพียงหลังจากเดิมสระน้ําฉีจนเกือบเต็ม เขาต้องหมุนเวียนอีกหนึ่งรอบใหญ่ ก่อนที่จะเติมมันจนเต็มได้
แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่ได้หมุนเวียนทักษะบ่มเพาะของเขาต่อ แสงสีม่วงวูบไหวในดวงตาของเขา,เผยให้เห็นถึงความเฉียบแหลมของเขา
“พี่ใหญ่เซียวเฉิน,ท่านแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งแล้ว” เสี่ยวไปกล่าวอย่างเป็นสุขขณะที่นางยืนอยู่ข้างๆ
เซียวเฉินโบกมือ,และเศษพลังงานสีม่วงในอากาศก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาลุกขึ้นและยิ้ม “ใช่แล้ว ข้าเดาว่าเจ้าคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยหลังจากไม่ได้ออกไปข้างนอกเป็นเดือนๆ”
เสี่ยวไปกล่าวอย่างตื่นเต้น “เยี่ยม; ข้ายังไม่เคยเห็นเลยว่าแม่น้ํามังกรทมิฬเป็นอย่างไร”
พวกเขาเดินลงมาตามบันไดและมาถึงที่ดาดฟ้า ในตอนนี้,ดวงอาทิตย์กําลังขึ้น แสงอ่อนๆสะท้อนเป็นสีทองบนพื้นผิวน้ํา
ท้องฟ้าเริ่มส่องแสงสว่าง ผู้บ่มเพาะพลังบนดาดฟ้าเดินไปตามสองฝั่งของเรือ พวกเขาจับกลุ่มพูดคุยกันสองหรือสามคน
หลังจากไม่ปรากฏตัวมากว่าหนึ่งเดือน,เมื่อเซี่ยวเฉินรู้สึกถึงสายลมเย็นจากแม่น้ํา,เขารู้สึกผ่อนคลาย,ทําให้จิตใจของเขาแจ่มใส
มีเรือสินค้ามามายในแม่น้ํา นอกจากล่าที่เซียวเฉินนั่งมา, มีเรือใหญ่อีกเจ็ดล่า
หลังจากเดินทางมาครึ่งวัน,แควน้ําขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น เรือสินค้าจํานวนมากหันหางเสือเข้าสู่แควน้ํานี้
เซี่ยวเฉินตรวจสอบแผนที่ก่อนที่จะรู้ว่าแควน้ํานี้นําไปยังสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดของทวีป, ดินแดนรกร้างโบราณ
ดินแดนรกร้างโบราณมีขนาดใหญ่มาก;มันมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของอาณาจักรต้าฉิน เมื่อ รวมพื้นที่ทะเลทรายเข้าไป,มันมีขนาดเท่ากับอาณาจักรต้าฉัน
ที่ตรงกลางของดินแดนรกร้างโบราณเคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งราชวงศ์เทียนหว่ ครั้งหนึ่งมันเป็นเมืองที่คึกคักที่สุดในทวีป
โชคร้าย หลังจากราชวงศ์เทียนหวี่ล่มสลาย,เส้นโลหิตมังกรที่ถูกครอบครองโดยจักรพรรดิเทียนหวี่ถูกแบ่งออกเป็นเก้า
มันกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างที่สุด แม้ว่าพลังงานจิตวิญญาณในดินแดนรกร้างจะหนาแน่นเป็นอย่างมาก ก็ไม่มีอาณาจักรใดจะมาตั้งเมืองที่นี่
เซียวเฉินรวบรวมความคิดของเขา ในเมื่อเขาได้มาถึงที่นี่แล้ว,พวกเขาอยู่ไม่ไกลไปจากทะเล ในไม่ช้า, เรือสินค้าล่านี้ก็จะออกจากทวีปเทียนหอู่และออกสู่ทะเล
“พวกเรากําลังจะไปถึงหุบเขาจักรพรรดิอัสนี หลังจากผ่านหุบเขาจักรพรรดิอัสนีไป,พวกเราก็ จะออกจากทวีปเทียนหว” ผู้บ่มเพาะพลังคนหนึ่งกล่าวขึ้น
ผู้บ่มเพาะพลังอีกคนถอนหายใจ “นับตั้งแต่จักรพรรดิอัสนี,ไม่มียอดผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวขึ้น ในอาณาจักรต้าฉันอีก พวกเขาหายไปเลยจริงๆนับตั้งแต่ตอนนั้น ข้าสงสัยว่าอีกหนึ่งพันปี จะมีใครที่จะยิ่งใหญ่ได้เทียบเท่าจักรพรรดิอัสนีอีกครั้ง”
“ไม่นานมานี้ มีมือกระบี่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ศาลากระปสวรรค์ บางทีเขาอาจจะขึ้นไปถึงในระดับเดียวกับจักรพรรดิอัสนี เขาเป็นคนเดียวในร้อยปีที่ผ่านมาที่เอาชนะทายาทตระกูลชั้นสูงมากมายได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
“มีอัจฉริยะมากมายที่อายุเท่านี้ ในตอนที่สิ่งต่างๆมาถึงสุดปลายสุด,พวกเขาทําให้ได้ก้าวไปในทิศทางอื่น ทวีปที่เงียบสงบมานับพันปีจะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งในโลกที่กว้างใหญ่”
“แร่ภายในอาณาจักรต้าฉิน,พรสวรรค์ของอัจฉริยะตระกูลชั้นสูงเหล่านั้นไม่ได้อ่อนแอ ยังมีเหลิงหลิวซูที่ขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นที่อายุสิบเจ็ด,ฉู่ฉาวอวิ่นที่ยังคงไม่เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมา,และเหล่าทหารอัจฉริยะในเมืองหลวงที่ใช้ชีวิตไปกับการฆ่า ฟันในสนามรบ ในยุคนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมื่อหนึ่งพันปีก่อน”
“สําหรับผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรอื่น มีมากยิ่งกว่านี้ เท่าที่ข้ารู้มีไม่ต่ํากว่าร้อยคนที่แข็งแกร่งไม่แพ้ไปกว่าเซี่ยวเฉิน นอกจากนั้น ยังไม่รวมถึงอัจฉริยะจากอาณาจักรต่าจิน”
“ที่จริง,พงกเราไม่อาจรวมพวกอัจฉริยะจากอาณาจักรต้าจิน พวกเขาอยู่ในคนละโลก พวกเราจะไปเปรียบเทียบได้อย่างไร?”
บางทีเราอาจจะได้เห็นอัจฉริยะเหล่านี้บนเกาะสายลมขจี ตามข่าวลือ,มีคนจากอาณาจักรอื่นที่ได้แผนที่สมบัติของทุ่งหญ้ามารอสูรไปด้วย”
มีคนบนเรือเผลี่ยนไปคุยเรื่องจักรพรรดิอัสนี ทันใดนั้น,บนดาดฟ้าก็กลายเป็นคึกคัก ผู้บ่มเพาะพลังที่มีประสบการณ์เริ่มถกเถียงกันเรื่องอัจฉริยะจากทุกอาณาจักร
เซี่ยวเฉินรู้สึกสนใจและเอียงหูฟัง,ได้ความรู้จากคําของพวกเขา
หนึ่งพันปีก่อน ในตอนที่จักรพรรดิอัสนี่ยังมีชีวิต,มีอัจฉริยะในทุกอาณาจักร มีผู้บ่มเพาะพลังที่มีความสามารถมากมาย ตั้งแต่ราชวงศ์เทียนหวี่ล่มสลาย นี่เป็นสุดยอดผู้บ่มเพาะพลังคนแรกของโลก
มีผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะจํานวนมากเกิดขึ้นอีกมากมาย จักรพรรดิอัสนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้
จักรพรรดิอัสนักวาดผ่านอัจฉริยะทั้งหมดภายใต้สวรรค์ก่อนที่จะกลายเป็นหิ่งที่ยืนอยู่จุดเหนือสุด
หลังจากจักรพรรดิอัสนี้ล้มลง,ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ก็ค่อยๆลดหาย โลกแห่งผู้บ่มเพาะพลังตกต่ำ จํานวนสุดยอดผู้บ่มเพาะพลังลดลง เหล่าอัจฉริยะไม่เจิดจ้าดังเช่นในอดีต
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีสัญญาณการเติบโตขึ้นมาอีกครั้ง มันเหมือนกับเมล็ดพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์กําลังงอกเงยอย่างช้าๆ
ในไม่ช้า,ดวงตะวันจะขึ้นสูงสุด,ท้องฟ้าจะกลายเป็สว่างเจิดจ้า ภาพของหุบเขาปรากฏขึ้นจากระยะไกล
ทักคนนิ่งเงียบอย่างเคารพ ความเลื่อมใสเติมเต็มในดวงตาขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป
หุบเขานี้สูงฟลายพันเมตร,อยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ํามังกรทมิฬ พวกมันราวกับดาบสองเล่มที่กําลังทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้า:มีหมู่เมฆปกคลุมที่ยอดของพวกมัน
เมื่อเรือสินค้าได้มาถึงหุบเขามันก็ช้าลง หลังจากที่มันผ่านเข้าไปในช่องเขา, ท้องฟ้ากลายเป็นมืดมิด ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดบนดาดฟ้าเรือกลายเป็งเงียบสนิท
มีเพียงเสียงคลื่นที่ดังขึ้นมาจากแม่น้ําที่เงียบสงบ มันราวกับทุกคนได้หยุดหายใจ
เกิดอะไรขึ้น? เซี่ยวเฉินมองอย่างสงสัยไปทางหุบเขาทั้งสองด้าน ด้วยการกวาดมองอย่างรวดเร็ว,เขากลายเป็นตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
มีรูปสลักคนขนาดใหญ่บนหุบเขาที่สูงตระหง่าน มันสลักออกมาราวกับมีชีวิต สีหน้าของเขามุ่งมั่น เขาสวมชุดคลมรัดรูปและมีดาบห้อยอยู่ที่เอวของเขาขณะที่สายตาของเขามองไปที่ทะเลกว้างไกล
รูปสลักถูกสลักไปตลอดหุบเขา มันสูงกว่าหนึ่งพันเมตร มันดูเหมือนกับมันสามารถทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเซี่ยวเฉินนึกถึงชื่อหับเขาจักรพรรดิอัสนี,เขาเดาถึงตัวตนของคนผู้นี้ได้อย่างทันที
“บั้ม…!”
ทันใดนั้น, เสียงฟ้าคํารามต่อเนื่องแตกเสียงบนท้องฟ้าที่สดใสด้านบน เมื่อเซี่ยวเฉินมองขึ้น
สายลมพัดเป่าอย่างดุเดือด,และบางครั้ง,มีเส้นสายฟ้าวาดผ่าน ความบ้าคลั่งของเสียงฟ้าร้องดังก้องไปในหุบเขา
นี่ทําให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันน่ากลัว มันราวกับสายอัสนีสวรรค์จะฟาดฟันใส่พวกเขา,ทําให้วิญญาณของพวกเขาสลายและศพแตกหายไม่สมบูรณ์
เสี่ยวไปมองไปยังกระแสไฟฟ้าน่ากลัวบนท้องฟ้าและนึกถึงแสงกระแสไฟฟ้าที่ปรากฏขึ้นในตอนที่นางเปลี่ยนร่าง นางกลัวหน้าซีดและเกาะแขนของเซี่ยวเฉินไม่ยอมปล่อย
“พี่ใหญ่เซียวเฉิน,เสี่ยวไปกลัว!”
เมื่อเซี่ยวเฉินรู้สึกถึงเสี่ยวไป์กําลังสั่นเทา,เขาวางมือของเขาลงบนปากของเสี่ยวไป์เบาๆ เขากล่าวอย่างนิ่มนวล “อย่ากลัวไปเลยไม่ต้องกล่าวอะไร”
นี่เป็นเจตนารมณ์แห่งสายฟ้า,สภาวะแห่งสายฟ้าที่บริสุทธิ์ที่สุด แม้ว่าจะผ่านมานับพันปี,มันก็ยังคงความน่ากลัว,ทําให้ผู้คนไม่กล้าขยับเขยื้อน
ไม่สงสัยว่าทําไมผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดบนดาดฟ้าถึงไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรในตอนที่พวกเขาเข้ามาในหุบเขา พวกเขาทั้งหมดเกรงกลัวว่าพวกเขาจะไปยั่วยุเจตนารมณ์แห่งสายฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจและถูกลงทัณฑ์
เซี่ยวเฉินมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและรู้สึกคุ้นเคยกับเมฆาอัสนี้อย่างน่าประหลาด กระบี่เงาจันทร์ที่แขวนอยู่ตรงเอวของเขาเริ่มสั่นไหวไม่หยุด
กระบี่เงาจันทร์รู้สึกตื่นตัวราวกับมันจะกระโดดออกไปได้ทุกเมื่อ เซียวเฉินจับมันลง,ป้องกันไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นความผิดปกติอ่าวเจียว
หรือเจ้าก็รู้สึกเช่นกัน? เซียวเฉินสงสัยเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงระยะห่างที่ไม่อาจวัดได้ระหว่างจักรพรรดิอัสนีและตัวเขาจากเจตนารมณ์แห่งสายฟ้านี้
เจตนารมณ์แห่งสายฟ้าจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อนยังแข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง หากเซียวเฉินเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอัสนีในสภาวะสูงสุดของเขา,เขาไม่รู้ว่าเขาจะมีความกล้าพอที่จะยืนตรงอยู่ได้หรือไม่
หุบเขานี้ช่างมืดมิด เรือสินค้าดูเหมือนจะเดินทางผ่านมานานมากแล้ว ทันทีที่ออกมาจากหุบเขา,ดวงตะวันฉายลงมาบนใบหน้าของทุกคนอีกครั้ง
ทุกคนถอยหายใจหนัก มือเย็นเฉียบหยดเต็มหลังของพวกเขา ในตอนที่พวกเขามองกลับไปยังหุบเขาอันมืดมิด,พวกเขาล้วนรู้สึกหวาดกลัว
เซี่ยวเฉินแกะเสี่ยวไป๋ออกมาและกล่าว “เสี่ยวไป,ไม่ต้องกลัวแล้ว พวกเราผ่านมันมาแล้ว”
เม็ดสีฟื้นคืนบนใบหน้าของเสี่ยวไปJ นางออกจากอ้อมกอดของเซียวเฉินอย่างไม่เต็มใจและกล่าว “เสี่ยวไปหายกลัวนานแล้ว อ้อมกอดของพี่ใหญ่เซียวเฉินเป็นที่ปลอดภัยที่สุด”
Comments