Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 370 พิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 370 พิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 370 พิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือ

“ใช่แล้ว:เขาไม่แม้แต่จะฝ่าทะลวงคลื่นใหญ่เข้าไปได้ หากเขาไม่แม้แต่จะเข้าไปบนเกาะเชียนเหลิ่น,ก็ไม่มีความจําเป็นที่เขาจะต้องทําข้อตกลงสุภาพชน”

“บางที เขารู้ตัวว่าความแข็งแกร่งของเขาต่ําเกินไปและอับอายที่จะกล่าวออกมา”

มองเห็นเซี่ยวเฉินปฏิเสธที่จะพูด,ผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาทั้งหมดต่างเยาะเย้ยเขา

หากไม่เห็นเพราะซเสียวเสี่ยว,ที่พวกเขากล่าวออกมาควจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ นี่เป็นความจริงของทวีปเทียนหว่ ปราศจากความแข็งแกร่ง,ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่แห่งใดก็ไร้ซึ่งคนเคารพ”

สีหน้าของเซี่ยวเฉินไม่เปลี่ยนแปลง อย่าน้อยเขาก็ไม่สนใจคํากล่าวเหล่านี้ เขาเพียงยกกระบี่ของเขาขึ้นมาห้ามปรามจินต้าเป่าและซูเสี่ยวเสี่ยว,ผู้ที่ตั้งใจจะกล่าวปกป้องเขา

วิธีที่ดีที่สุดตอกหน้าคนพวกนี้คือการพิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือของเขา คําพูดไร้น้ําหนัก;กระบี่เถรตรงยิ่งกว่า

จินอจีรู้สึกไม่ยินดีที่เซียวเฉินไม่ทําข้อตกลงสุภาพชน มีหลายคนที่ทําข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว กระนั้น,เจ้า,ผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรตาฉันกลับไม่แยแส

เห็นชัดว่าเจ้าหมอนี่ไม่ไว้หน้าข้า,จินอจี้,แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,เขาเป็นสหายกับซูเสียวเสี่ยว ข้าไม่อาจแสดงออกชัดเจนเกินไป

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจินอจี้ เขากล่าว “ในเมื่อพวกเราทําข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกล่าวอีก เปลี่ยนเป็นหัวข้อต่อไป พวกเราจะประลองกันทีละคู่ หลังจากนั้น,แต่ละฝ่ายให้ความคิดกับกันและกัน ด้วยวิธีนี้,ทุกคนสามารถเปิดกว้างขึ้น”

ทันทีที่สิ้นเสียงของจินอจ,มีสองคนเดินเข้าไปตรงที่ว่างตรงกลางในทันที หลังจากที่โต๊ะทั้งหมดถูกย้ายออกไป,มีพื้นที่เหลือกว้างขวาง หากเป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากันเล็กน้อย มีพื้นที่เหลือเสียยิ่งกว่าพอ

“พวกเจ้าทั้งสองจําเอาไว้ให้สงวนพลัง อย่าทําร้ายไมตรีของกันและกัน” ในเมื่อจินอเป็นเจ้าบ้าน,เขาทําหน้าที่ผู้ตัดสิน ในตอนที่เขาเห็นคนต้องการจะแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากัน,เขาย้ําเตือนให้รักษาไมตรี

“ฮ่าฮ่า, พี่น้องจินไว้ใจได้ ข้า,หลิวเมิง,รู้ขีดจํากัดดี ข้าจะไม่ทําให้พี่น้องโฉวบาดเจ็บอย่างแน่นอน”

“พี่น้องจินไว้ใจได้ ข้าจะใช้พลังอย่างมากเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์

สองคนที่ก้าวออกมามีรอยยิ้มบางๆและน้ําเสียงสงบนิ่ง อย่างไรก็ตามล,พวกเขาก็หมายที่จะแข่งขันกัน,ไม่ยอมเปิดทางให้กันและกัน
จินอุจีคิ้วขมวดเล็กน้อยและกลับไปที่นั่งของเขาด้านข้างเยว่เฉินซี เขากล่าว “เช่นนั้น,เริ่มได้!”

“บูม!”

สิ้นเสียงของจินอจ,ทั้งสองเริ่มลงมือ หมัดเท้าปะทะกันในอากาศ คลื่นกระแทกรุนแรงขยายออกไป,และพวกเขาทั้งคู่ล่าถอยกลับไปสิบเมตร

ผ่านไปครู่หนึ่ง,พวกเขากระโดดขึ้นหน้าและต่อสู้กันต่อ แสงสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นบนตัวของหนึ่งในพวกเขา,และสายลมไร้รูปไหลรอบตัวคนทั้งสอง

คนหนึ่งสาเร็จสภาวะแห่งไฟ,และอีกคนหนึ่ง,สําเร็จสภาวะแห่งสายลม นอกจากนั้น,ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขามีความเข้าใจในสภาวะค่อนข้างสูง

พวกเขาปะทะกันมากกว่าหนึ่งยกระบวณท่า,ไม่ยอมถอยให้กันและกัน ในที่สุด,พวกเขาก็เคลื่อนกลับ,เตรียมที่จะเข้าสู่กระบวณท่าจริง

หลิวเมิงชักกระบี่เล่มใหญ่ออกมาจากหลังของเขา กระบี่เล่มนี้กว้างสามนิ้วและยาวสองเมตร มันเป็นกระบี่เล่มหนา,ดูดุร้าย เพียงนึกคิด,มีเปลวเพลิงสีแดงผุดขึ้นมาล้อมรอบตัวกระบี่

ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวหยิบดาบออกมาจากแหวนมิติของเขาและกุมเอาไว้แน่นอย่างไม่คาดคิด,เขาใช้รูปแบบดาบคู่ที่หาได้ยาก

ดาบคู่นี้ยาวประมาณ 1.7 เมตรและกว้างสองนิ้ว พวกมันเป็นสีขาวหิมะและกระพริบไหวด้วย แสงเยือกเย็น บางครั้ง,จะมีพายุเล็กปรากฏขึ้นจากคมดาบ

“ปัง! ปัง! ปัง!”

ทั้งสองร้องคํารามและพุ่งเข้าใส่กัน ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวใช้ความได้เปรียบด้านความเร็วของสภาวะแห่งสายลม เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆหลิวเมิงและส่งการโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง,ดาบคู่ของเขากําลังร่ายรํา

ภาพเงาดาบเคบอนไหวไปรอบๆ เกิดเป็นกรงแสงล้อมรอบหลิวเมิงเอาไว้ ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง และด้วยความได้เปรียบในรูปแบบดาบคู่,กดหลิวเมิงเอาไว้จนเขาทําได้เพียงส่งการโจมตีสวนออกมาเป็นบางครั้งเท่านั้น

แม้ว่าหลิวเมิงจะเคลื่อนไหวได้เพียงเล็กน้อยและดูเหมือนว่ากําลังจะพ่าย,แต่เขาจะระเบิดกระบวณท่าออกมา,กระบวณท่าต่อต้านได้เตรียมพร้อมเสร็จแล้ว

ดังนั้น,ในช่วงเวลานี้ ยังไม่มีใครมีชัยไปกว่ากัน มองดูสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวดูเหมือนจะมีความได้เปรียบกว่า หลิวเมิงไม่อาจตามความเร็วของเขาได้ทัน

จินต้าเป้าแนะนํา “สองคนนี้สามารถเข้าไปถึงรอบที่สองของการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักร คนที่ใช้กระบี่คือหลิวเมิง ผู้ที่ใช้ดาบคู่คือโฉวหลิงเหิง ในอาณาจักรของพวกเขา,พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนอก ตอนนี้พวกเขาอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น”

“เปรียบเทียบกับพรสวรรค์ระดับนี้กับในอาณาจักรต้าฉัน,พวกเขาน่าจะเทียบได้กับจีชางคง อย่างไรก็ตาม,การแข่งขันภายในอาณาจักรของพวกเขารุนแรงกว้างอาณาจักรต้าฉิน ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าจีชางคงแล้ว”

เซี่ยวเฉินพยักหน้า;เขาเห็นด้วยกับความคิดเห็นของจินต้าเป่า พวกเขาทั้งสองสําเร็จสภาวะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากระดับสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายสําหรับพวกเขาที่จะฝึกฝนไปถึงระดับนั้น

“เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?” จินต้าเป่าถามขึ้นขณะที่มองดูการประลอง

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าว “น่าจะเป็นหลิวเมิง ความเข้าใจในสภาวะแห่งไฟของเขาลึกล้ํากว่า เขามีเจตจํานงหลอมรวมอยู่บ้างแล้ว ทุกครั้งที่เขาออกกระบวณท่า,เขาจํากัดความได้ เปรียบในด้านความเร็วของคู่ต่อสู้ไปชั่วขณะ”

“ในทางกลับกัน,โฉวหลิงเหิงใช้เพียงความรวดเร็วของสภาวะแห่งสายลม ไม่มีร่องรอยในความเข้าใจของเขาแม้แต่น้อย ข้าคาดเดาว่าความเข้าใจในสภาวะของเขาเพิ่มขึ้นได้เป็นผลมา จากการชี้แนะจากอาจารย์ของเขาและไม่ได้เข้าใจได้ด้วยตัวเอง”

สภาวะแห่งสายลมไม่ได้ประกอบเพียงแต่ความเร็ว เซียวเฉินเข้าใจในตอนที่ได้ประมือกับมู่หลงชง ลักษณะพิเศษของสภาวะแห่งสายลมคือรวดเร็ว,เลือนลาง,ไร้รูป,ไร้สีสัน,และเคลื่อนไหวดังใจนึก

ในตอนที่เยว่เฉินซี,ที่นั่งอยู่ด้านข้าวของจินอูจี,ได้ยินดังนี้ ความประหลาดใจวูบไหวในดวงตาของนาง นางเหลียวไปมองที่เซี่ยวเฉินอย่างสงสัย จากที่นางรู้สภาวะที่โฉวหลิงเหิงมี,เกิดขึ้นจากการชี้แนะของอาจารย์ของเขา
“เจ้าเป็นเพียงแค่ขอบเขตนักบุญต่ําต้อย เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะมาวิจารณ์การประลองของระดับขอบเขตกษัตริย์ตั้งแต่เมื่อไหร่? เหตุผลอะไรที่เจ้าคิดว่าโฉวหลิงเหิงจะพ่ายแพ้? หากเจ้าไม่เข้าใจอย่าได้พูดพร่อย ระวังจะกัดลิ้นตัวเอง”

เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่มีความสนิทสนมกับโฉวหลิงเหิงได้ยินสิ่งที่เซียวเฉินกล่าว,เขาแย้งขึ้นในทันที

มีคนอื่นที่อยู่ด้านหลังเขากล่าวต่อขึ้นมา “ใช่แล้ว โฉวหลิงเหิงกดหลิวเมิงเอาไว้ได้จนเขาไม่อาจโจมตีสวนกลับ เขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร”

“นายน้อยจนไม่ได้เชิญเจ้ามาในการประชุมครั้งนี้ เจ้าไม่เป็นที่ต้อนรับ,ฉะนั้นอย่างได้ปากพร่อย นั่งชมอยู่เงียบๆซะ รอให้การต่อสู้จบก่อนเจ้าถึงค่อยแสดงความคิดเห็น”

จินต้าเป่าเหลืออดและกําลังจะเปิดปากด่าพวกเขา แต่เซียวเฉินหยุดเขาเอาไว้และกล่าวอย่างเฉยเมย “โฉวหลิงเหิงกําลังจะพ่ายแพ้ในสามกระบวณท่า เมินเฉยสิ่งที่พวกมันกล่าวไป”

พวกมันเป็นเพียงตัวตลกเต้นแร้งเต้นกา;เซียวเฉินไม่คิดไปใส่ใจ ในตอนที่ความจริงเผยออกมา,เท่ากับพวกเขาตบหน้าตัวเอง

“โอหัง! หลิวเมิงจะพลิกกลับมาชนะได้อย่างไรภายในสามกระบวณท่า?”
“โฉวหลิงเหิงกําลังกดหลิวเมิงเอาไว้ได้ หลิวเมิงดิ้นรนอย่างหนักเพื่อโจมตีสวนกลับ เขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงภายในสามกระบวณท่าเด็กอวดดี,ข้ารู้ว่าเจ้าแค่คนเขลากล่าวไร้สาระ

“คนผู้นี้คงจะอยู่ที่อาณาจักรต้าฉันมาเป็นเวลานาน เขาไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดิน เขาคิดว่าหลังจากที่ออกมาจากอาณาจักรต้าฉิน

เขายังคงเป็นอัจฉริยะโดดเด่น”

“อาณาจักรต่าฉันอ่อนแอที่สุดจากหาอาณาจักร กระนั้น,เขายังมาอวดดีแสดงความคิดเห็น”

การประลองกลดําเนินต่อไป การถกเถียงไม่ได้รบกวนพวกเขา หากผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากโดยรอบได้อย่างง่ายดาย,เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่นับว่าเป็นอัจฉริยะ

ในตอนที่แรงเหนี่ยวนําของโฉวหลิงเหิงกําลังจะถึงขีดสุดของเขา,เขาจดจ่อสายตาและคมดาบเข้าด้วยกัน เขากําลังจะออกกระบวณท่าตัดสิน

“เครั้ง!”

อย่างไรก็ตามจังหวะนั้นเอง,หลิวเมิงพลันออกกระบวณท่า และอีกครั้ง ขณะที่แรงเหนี่ยวนําของโฉวหลิงเหิงกําลังจะถึงขีดสุด,เขาใช้กระบี่ฉีเพลิงของเขาผลักกระบวณท่าของโฉวหลิงเหิงกลับไป

นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว หลิวเมิงทําลายกระบวณท่าตัดสินของโฉวหลิงเหิงถึงสามครั้ง นอกจากนั้น ยังเกิดขึ้นในจังหวะที่แรงเหนี่ยวนําของเขากําลังจะขึ้นถึงขีดสุด

จินอูและเยว่เฉินซีส่ายหัวพร้อมกัน อย่างที่กล่าว,มันไม่ได้เกิดขึ้นสามครั้งติดโดยบังเอิญ หลังจากทําไม่สําเร็จสามครั้งติด,ไม่มีโอาสในชัยชนะอีกแล้ว;โฉวหลิงเหิงกําลังจะพ่ายแพ้

ให้ตาย! เขาทําลานมันอีกแล้ว,ความหงุดหงิดปรากฎขึ้นในใจของโฉวหลิงเหิง อย่างไรก็ตาม,เขาไม่ได้คิดอะไรมาก คู่ต่อสู้ไล่ตามความเร็วของเขาไม่ทัน เขาสามารถสร้างแรงเหนี่ยวนําขึ้นอีกครั้ง

“บูม!”

ขณะที่โฉวหลิงเหองกําลังจะเริ่มจู่โจมอีกครั้ง หลิวเมิงพลันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “พี่น้องโฉว,เจ้าคิดว่ายังจะมีโอกาสอีกครั้ง? ตื่นขึ้น!”

กระแสพลังที่หลิวเมิงได้เด็บกดเอาไว้ระเบิดออก สัตว์อสูรชั่วร้ายปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขา มันเปิดปากกว้าง,และส่งเสียงคํารามไปในอากาศ

ในตอนที่สัตว์อสูรชั่วร้ายร้องคําราม,สภาวะแห่งไฟของหลิวเมิงเร่งถึงขีดสุด เขากดโฉวหลิงเพิ่งเอาไว้ได้ในทันที สภาวะแห่งไฟกดสภาวะแห่งลมอย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้า โฉวหลิงเหิงถูกต้อนจนมุมเขาไม่อาจขยับเขยื้อน สีหน้าของเขาเปลี่ยน,เขาเสร็จแล้ว สภาวะของข้าถูกกดเอาไว้ และข้าไม่มีข้อได้เปรียบในด้านความเร็วอีกแล้ว

หลิวเมิงฟันลงไปและโฉวหลิงเหิงยกสองดาบของเขาขึ้นป้องกัน อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าหลิวเพิ่ง
ณ จุดนี้,สภาวะของโฉวหลิงเหิงถูกกดเอาไว้สมบูรณ์;เขาไม่อาจป้องกันรับการโจมตี เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มบนหน้าผากขณะที่เขาตั้งรับเอาไว้อย่างขมขื่น

“ข้าขอยอมแพ้!”

หลิวเมิงร้องตะโกนและก้าวไปข้างหน้า ทั่วทั้งชั้นสี่สั่นสะเทือน พลังมหาศาลซัดโฉวหลิงเหิงลอยไปในทันที,และเขาร่วงลงกับพื้นอย่างน่าสังเวช

โฉวหลิงเหิงพ่ายแพ้ในสามกระบวณท่า มันเป็นไปตามที่เซียวเฉินได้กล่าวเอาไว้ เหล่าคนที่เยาะเย้ยเซียวเฉินเอาไว้ต่างรู้สึกหน้าชา
“เจ้าเด็กนี่คาดการณ์ถูกต้อง? เขาเป็นเพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง!”
“มันแค่เดาถูก เป็นเพียงการเดา หากพวกเราไม่อาจบอกได้,เขาจะทําได้อย่างไร?” สองสามคนกดดันหนัก และทําได้เพียงกล่าวค่าออกมาเพื่อหลอกตัวเอง

“ใช่แล้ว,มันจะต้องเป็นคลแค่การเผลอเดาถูก อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้น,ข้าไม่สบายตาที่เห็น เขาเช่นนี้เขาอวดดีเกินไปแล้ว”

“หากไม่ใช่เพราะแม่นางเสียวเสี่ยว,ข้าจะไม่ทน ข้าจะสั่งสอนเจ้าเด็กน้อยนี่”

“เห้,ดูเหมือนว่าจะมีคนทนไม่ได้ ไปสู่ยเหิงลุกขึ้นมาแล้ว”

ชายหนุ่มแต่งกายชุดสีขาวพร้อมกับมีดาบห้อยอยู่ตรงเอวของเขาเดินตรงมาที่เซียวเฉิน เขากล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าไปสู่ยเหิง ข้าได้ยินการประเมินของเจ้าเมื่อครู่นี้,และดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความแข็งแรก่งอยู่บ้าง ข้าอยากจะขอคําชี้แนะจากเจ้า;พอจะเป็นไปได้หรือไม่?”

เจ้าหมูกระซิบ “คนผู้นี้คือสหายคนสนิทของโฉวหลิงเหิง เขาน่าจะเข้ามาเพื่อช่วยกู้หน้าของสหาย ระวังเอาไว้”

จินอจ,ผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลาง,คิ้วขมวดเล็กน้อย เขากล่าว “ไปสู่ยเหิงอีกเพียงหนึ่งก้าวจะขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้น มันไม่เหมาะสมที่เจ้าจะไปหาเรื่องทะเลาะกับขอบเขตนักบุญมิใช่รึ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 370 พิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 370 พิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 370 พิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือ

“ใช่แล้ว:เขาไม่แม้แต่จะฝ่าทะลวงคลื่นใหญ่เข้าไปได้ หากเขาไม่แม้แต่จะเข้าไปบนเกาะเชียนเหลิ่น,ก็ไม่มีความจําเป็นที่เขาจะต้องทําข้อตกลงสุภาพชน”

“บางที เขารู้ตัวว่าความแข็งแกร่งของเขาต่ําเกินไปและอับอายที่จะกล่าวออกมา”

มองเห็นเซี่ยวเฉินปฏิเสธที่จะพูด,ผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาทั้งหมดต่างเยาะเย้ยเขา

หากไม่เห็นเพราะซเสียวเสี่ยว,ที่พวกเขากล่าวออกมาควจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ นี่เป็นความจริงของทวีปเทียนหว่ ปราศจากความแข็งแกร่ง,ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่แห่งใดก็ไร้ซึ่งคนเคารพ”

สีหน้าของเซี่ยวเฉินไม่เปลี่ยนแปลง อย่าน้อยเขาก็ไม่สนใจคํากล่าวเหล่านี้ เขาเพียงยกกระบี่ของเขาขึ้นมาห้ามปรามจินต้าเป่าและซูเสี่ยวเสี่ยว,ผู้ที่ตั้งใจจะกล่าวปกป้องเขา

วิธีที่ดีที่สุดตอกหน้าคนพวกนี้คือการพิสูจน์ตัวเองด้วยกระบี่ในมือของเขา คําพูดไร้น้ําหนัก;กระบี่เถรตรงยิ่งกว่า

จินอจีรู้สึกไม่ยินดีที่เซียวเฉินไม่ทําข้อตกลงสุภาพชน มีหลายคนที่ทําข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว กระนั้น,เจ้า,ผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรตาฉันกลับไม่แยแส

เห็นชัดว่าเจ้าหมอนี่ไม่ไว้หน้าข้า,จินอจี้,แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,เขาเป็นสหายกับซูเสียวเสี่ยว ข้าไม่อาจแสดงออกชัดเจนเกินไป

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจินอจี้ เขากล่าว “ในเมื่อพวกเราทําข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกล่าวอีก เปลี่ยนเป็นหัวข้อต่อไป พวกเราจะประลองกันทีละคู่ หลังจากนั้น,แต่ละฝ่ายให้ความคิดกับกันและกัน ด้วยวิธีนี้,ทุกคนสามารถเปิดกว้างขึ้น”

ทันทีที่สิ้นเสียงของจินอจ,มีสองคนเดินเข้าไปตรงที่ว่างตรงกลางในทันที หลังจากที่โต๊ะทั้งหมดถูกย้ายออกไป,มีพื้นที่เหลือกว้างขวาง หากเป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากันเล็กน้อย มีพื้นที่เหลือเสียยิ่งกว่าพอ

“พวกเจ้าทั้งสองจําเอาไว้ให้สงวนพลัง อย่าทําร้ายไมตรีของกันและกัน” ในเมื่อจินอเป็นเจ้าบ้าน,เขาทําหน้าที่ผู้ตัดสิน ในตอนที่เขาเห็นคนต้องการจะแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากัน,เขาย้ําเตือนให้รักษาไมตรี

“ฮ่าฮ่า, พี่น้องจินไว้ใจได้ ข้า,หลิวเมิง,รู้ขีดจํากัดดี ข้าจะไม่ทําให้พี่น้องโฉวบาดเจ็บอย่างแน่นอน”

“พี่น้องจินไว้ใจได้ ข้าจะใช้พลังอย่างมากเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์

สองคนที่ก้าวออกมามีรอยยิ้มบางๆและน้ําเสียงสงบนิ่ง อย่างไรก็ตามล,พวกเขาก็หมายที่จะแข่งขันกัน,ไม่ยอมเปิดทางให้กันและกัน
จินอุจีคิ้วขมวดเล็กน้อยและกลับไปที่นั่งของเขาด้านข้างเยว่เฉินซี เขากล่าว “เช่นนั้น,เริ่มได้!”

“บูม!”

สิ้นเสียงของจินอจ,ทั้งสองเริ่มลงมือ หมัดเท้าปะทะกันในอากาศ คลื่นกระแทกรุนแรงขยายออกไป,และพวกเขาทั้งคู่ล่าถอยกลับไปสิบเมตร

ผ่านไปครู่หนึ่ง,พวกเขากระโดดขึ้นหน้าและต่อสู้กันต่อ แสงสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นบนตัวของหนึ่งในพวกเขา,และสายลมไร้รูปไหลรอบตัวคนทั้งสอง

คนหนึ่งสาเร็จสภาวะแห่งไฟ,และอีกคนหนึ่ง,สําเร็จสภาวะแห่งสายลม นอกจากนั้น,ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขามีความเข้าใจในสภาวะค่อนข้างสูง

พวกเขาปะทะกันมากกว่าหนึ่งยกระบวณท่า,ไม่ยอมถอยให้กันและกัน ในที่สุด,พวกเขาก็เคลื่อนกลับ,เตรียมที่จะเข้าสู่กระบวณท่าจริง

หลิวเมิงชักกระบี่เล่มใหญ่ออกมาจากหลังของเขา กระบี่เล่มนี้กว้างสามนิ้วและยาวสองเมตร มันเป็นกระบี่เล่มหนา,ดูดุร้าย เพียงนึกคิด,มีเปลวเพลิงสีแดงผุดขึ้นมาล้อมรอบตัวกระบี่

ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวหยิบดาบออกมาจากแหวนมิติของเขาและกุมเอาไว้แน่นอย่างไม่คาดคิด,เขาใช้รูปแบบดาบคู่ที่หาได้ยาก

ดาบคู่นี้ยาวประมาณ 1.7 เมตรและกว้างสองนิ้ว พวกมันเป็นสีขาวหิมะและกระพริบไหวด้วย แสงเยือกเย็น บางครั้ง,จะมีพายุเล็กปรากฏขึ้นจากคมดาบ

“ปัง! ปัง! ปัง!”

ทั้งสองร้องคํารามและพุ่งเข้าใส่กัน ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวใช้ความได้เปรียบด้านความเร็วของสภาวะแห่งสายลม เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆหลิวเมิงและส่งการโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง,ดาบคู่ของเขากําลังร่ายรํา

ภาพเงาดาบเคบอนไหวไปรอบๆ เกิดเป็นกรงแสงล้อมรอบหลิวเมิงเอาไว้ ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง และด้วยความได้เปรียบในรูปแบบดาบคู่,กดหลิวเมิงเอาไว้จนเขาทําได้เพียงส่งการโจมตีสวนออกมาเป็นบางครั้งเท่านั้น

แม้ว่าหลิวเมิงจะเคลื่อนไหวได้เพียงเล็กน้อยและดูเหมือนว่ากําลังจะพ่าย,แต่เขาจะระเบิดกระบวณท่าออกมา,กระบวณท่าต่อต้านได้เตรียมพร้อมเสร็จแล้ว

ดังนั้น,ในช่วงเวลานี้ ยังไม่มีใครมีชัยไปกว่ากัน มองดูสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้บ่มเพาะพลังแซ่โฉวดูเหมือนจะมีความได้เปรียบกว่า หลิวเมิงไม่อาจตามความเร็วของเขาได้ทัน

จินต้าเป้าแนะนํา “สองคนนี้สามารถเข้าไปถึงรอบที่สองของการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักร คนที่ใช้กระบี่คือหลิวเมิง ผู้ที่ใช้ดาบคู่คือโฉวหลิงเหิง ในอาณาจักรของพวกเขา,พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนอก ตอนนี้พวกเขาอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น”

“เปรียบเทียบกับพรสวรรค์ระดับนี้กับในอาณาจักรต้าฉัน,พวกเขาน่าจะเทียบได้กับจีชางคง อย่างไรก็ตาม,การแข่งขันภายในอาณาจักรของพวกเขารุนแรงกว้างอาณาจักรต้าฉิน ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าจีชางคงแล้ว”

เซี่ยวเฉินพยักหน้า;เขาเห็นด้วยกับความคิดเห็นของจินต้าเป่า พวกเขาทั้งสองสําเร็จสภาวะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากระดับสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายสําหรับพวกเขาที่จะฝึกฝนไปถึงระดับนั้น

“เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?” จินต้าเป่าถามขึ้นขณะที่มองดูการประลอง

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าว “น่าจะเป็นหลิวเมิง ความเข้าใจในสภาวะแห่งไฟของเขาลึกล้ํากว่า เขามีเจตจํานงหลอมรวมอยู่บ้างแล้ว ทุกครั้งที่เขาออกกระบวณท่า,เขาจํากัดความได้ เปรียบในด้านความเร็วของคู่ต่อสู้ไปชั่วขณะ”

“ในทางกลับกัน,โฉวหลิงเหิงใช้เพียงความรวดเร็วของสภาวะแห่งสายลม ไม่มีร่องรอยในความเข้าใจของเขาแม้แต่น้อย ข้าคาดเดาว่าความเข้าใจในสภาวะของเขาเพิ่มขึ้นได้เป็นผลมา จากการชี้แนะจากอาจารย์ของเขาและไม่ได้เข้าใจได้ด้วยตัวเอง”

สภาวะแห่งสายลมไม่ได้ประกอบเพียงแต่ความเร็ว เซียวเฉินเข้าใจในตอนที่ได้ประมือกับมู่หลงชง ลักษณะพิเศษของสภาวะแห่งสายลมคือรวดเร็ว,เลือนลาง,ไร้รูป,ไร้สีสัน,และเคลื่อนไหวดังใจนึก

ในตอนที่เยว่เฉินซี,ที่นั่งอยู่ด้านข้าวของจินอูจี,ได้ยินดังนี้ ความประหลาดใจวูบไหวในดวงตาของนาง นางเหลียวไปมองที่เซี่ยวเฉินอย่างสงสัย จากที่นางรู้สภาวะที่โฉวหลิงเหิงมี,เกิดขึ้นจากการชี้แนะของอาจารย์ของเขา
“เจ้าเป็นเพียงแค่ขอบเขตนักบุญต่ําต้อย เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะมาวิจารณ์การประลองของระดับขอบเขตกษัตริย์ตั้งแต่เมื่อไหร่? เหตุผลอะไรที่เจ้าคิดว่าโฉวหลิงเหิงจะพ่ายแพ้? หากเจ้าไม่เข้าใจอย่าได้พูดพร่อย ระวังจะกัดลิ้นตัวเอง”

เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่มีความสนิทสนมกับโฉวหลิงเหิงได้ยินสิ่งที่เซียวเฉินกล่าว,เขาแย้งขึ้นในทันที

มีคนอื่นที่อยู่ด้านหลังเขากล่าวต่อขึ้นมา “ใช่แล้ว โฉวหลิงเหิงกดหลิวเมิงเอาไว้ได้จนเขาไม่อาจโจมตีสวนกลับ เขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร”

“นายน้อยจนไม่ได้เชิญเจ้ามาในการประชุมครั้งนี้ เจ้าไม่เป็นที่ต้อนรับ,ฉะนั้นอย่างได้ปากพร่อย นั่งชมอยู่เงียบๆซะ รอให้การต่อสู้จบก่อนเจ้าถึงค่อยแสดงความคิดเห็น”

จินต้าเป่าเหลืออดและกําลังจะเปิดปากด่าพวกเขา แต่เซียวเฉินหยุดเขาเอาไว้และกล่าวอย่างเฉยเมย “โฉวหลิงเหิงกําลังจะพ่ายแพ้ในสามกระบวณท่า เมินเฉยสิ่งที่พวกมันกล่าวไป”

พวกมันเป็นเพียงตัวตลกเต้นแร้งเต้นกา;เซียวเฉินไม่คิดไปใส่ใจ ในตอนที่ความจริงเผยออกมา,เท่ากับพวกเขาตบหน้าตัวเอง

“โอหัง! หลิวเมิงจะพลิกกลับมาชนะได้อย่างไรภายในสามกระบวณท่า?”
“โฉวหลิงเหิงกําลังกดหลิวเมิงเอาไว้ได้ หลิวเมิงดิ้นรนอย่างหนักเพื่อโจมตีสวนกลับ เขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงภายในสามกระบวณท่าเด็กอวดดี,ข้ารู้ว่าเจ้าแค่คนเขลากล่าวไร้สาระ

“คนผู้นี้คงจะอยู่ที่อาณาจักรต้าฉันมาเป็นเวลานาน เขาไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดิน เขาคิดว่าหลังจากที่ออกมาจากอาณาจักรต้าฉิน

เขายังคงเป็นอัจฉริยะโดดเด่น”

“อาณาจักรต่าฉันอ่อนแอที่สุดจากหาอาณาจักร กระนั้น,เขายังมาอวดดีแสดงความคิดเห็น”

การประลองกลดําเนินต่อไป การถกเถียงไม่ได้รบกวนพวกเขา หากผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากโดยรอบได้อย่างง่ายดาย,เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่นับว่าเป็นอัจฉริยะ

ในตอนที่แรงเหนี่ยวนําของโฉวหลิงเหิงกําลังจะถึงขีดสุดของเขา,เขาจดจ่อสายตาและคมดาบเข้าด้วยกัน เขากําลังจะออกกระบวณท่าตัดสิน

“เครั้ง!”

อย่างไรก็ตามจังหวะนั้นเอง,หลิวเมิงพลันออกกระบวณท่า และอีกครั้ง ขณะที่แรงเหนี่ยวนําของโฉวหลิงเหิงกําลังจะถึงขีดสุด,เขาใช้กระบี่ฉีเพลิงของเขาผลักกระบวณท่าของโฉวหลิงเหิงกลับไป

นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว หลิวเมิงทําลายกระบวณท่าตัดสินของโฉวหลิงเหิงถึงสามครั้ง นอกจากนั้น ยังเกิดขึ้นในจังหวะที่แรงเหนี่ยวนําของเขากําลังจะขึ้นถึงขีดสุด

จินอูและเยว่เฉินซีส่ายหัวพร้อมกัน อย่างที่กล่าว,มันไม่ได้เกิดขึ้นสามครั้งติดโดยบังเอิญ หลังจากทําไม่สําเร็จสามครั้งติด,ไม่มีโอาสในชัยชนะอีกแล้ว;โฉวหลิงเหิงกําลังจะพ่ายแพ้

ให้ตาย! เขาทําลานมันอีกแล้ว,ความหงุดหงิดปรากฎขึ้นในใจของโฉวหลิงเหิง อย่างไรก็ตาม,เขาไม่ได้คิดอะไรมาก คู่ต่อสู้ไล่ตามความเร็วของเขาไม่ทัน เขาสามารถสร้างแรงเหนี่ยวนําขึ้นอีกครั้ง

“บูม!”

ขณะที่โฉวหลิงเหองกําลังจะเริ่มจู่โจมอีกครั้ง หลิวเมิงพลันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “พี่น้องโฉว,เจ้าคิดว่ายังจะมีโอกาสอีกครั้ง? ตื่นขึ้น!”

กระแสพลังที่หลิวเมิงได้เด็บกดเอาไว้ระเบิดออก สัตว์อสูรชั่วร้ายปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขา มันเปิดปากกว้าง,และส่งเสียงคํารามไปในอากาศ

ในตอนที่สัตว์อสูรชั่วร้ายร้องคําราม,สภาวะแห่งไฟของหลิวเมิงเร่งถึงขีดสุด เขากดโฉวหลิงเพิ่งเอาไว้ได้ในทันที สภาวะแห่งไฟกดสภาวะแห่งลมอย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้า โฉวหลิงเหิงถูกต้อนจนมุมเขาไม่อาจขยับเขยื้อน สีหน้าของเขาเปลี่ยน,เขาเสร็จแล้ว สภาวะของข้าถูกกดเอาไว้ และข้าไม่มีข้อได้เปรียบในด้านความเร็วอีกแล้ว

หลิวเมิงฟันลงไปและโฉวหลิงเหิงยกสองดาบของเขาขึ้นป้องกัน อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าหลิวเพิ่ง
ณ จุดนี้,สภาวะของโฉวหลิงเหิงถูกกดเอาไว้สมบูรณ์;เขาไม่อาจป้องกันรับการโจมตี เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มบนหน้าผากขณะที่เขาตั้งรับเอาไว้อย่างขมขื่น

“ข้าขอยอมแพ้!”

หลิวเมิงร้องตะโกนและก้าวไปข้างหน้า ทั่วทั้งชั้นสี่สั่นสะเทือน พลังมหาศาลซัดโฉวหลิงเหิงลอยไปในทันที,และเขาร่วงลงกับพื้นอย่างน่าสังเวช

โฉวหลิงเหิงพ่ายแพ้ในสามกระบวณท่า มันเป็นไปตามที่เซียวเฉินได้กล่าวเอาไว้ เหล่าคนที่เยาะเย้ยเซียวเฉินเอาไว้ต่างรู้สึกหน้าชา
“เจ้าเด็กนี่คาดการณ์ถูกต้อง? เขาเป็นเพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง!”
“มันแค่เดาถูก เป็นเพียงการเดา หากพวกเราไม่อาจบอกได้,เขาจะทําได้อย่างไร?” สองสามคนกดดันหนัก และทําได้เพียงกล่าวค่าออกมาเพื่อหลอกตัวเอง

“ใช่แล้ว,มันจะต้องเป็นคลแค่การเผลอเดาถูก อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้น,ข้าไม่สบายตาที่เห็น เขาเช่นนี้เขาอวดดีเกินไปแล้ว”

“หากไม่ใช่เพราะแม่นางเสียวเสี่ยว,ข้าจะไม่ทน ข้าจะสั่งสอนเจ้าเด็กน้อยนี่”

“เห้,ดูเหมือนว่าจะมีคนทนไม่ได้ ไปสู่ยเหิงลุกขึ้นมาแล้ว”

ชายหนุ่มแต่งกายชุดสีขาวพร้อมกับมีดาบห้อยอยู่ตรงเอวของเขาเดินตรงมาที่เซียวเฉิน เขากล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าไปสู่ยเหิง ข้าได้ยินการประเมินของเจ้าเมื่อครู่นี้,และดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความแข็งแรก่งอยู่บ้าง ข้าอยากจะขอคําชี้แนะจากเจ้า;พอจะเป็นไปได้หรือไม่?”

เจ้าหมูกระซิบ “คนผู้นี้คือสหายคนสนิทของโฉวหลิงเหิง เขาน่าจะเข้ามาเพื่อช่วยกู้หน้าของสหาย ระวังเอาไว้”

จินอจ,ผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลาง,คิ้วขมวดเล็กน้อย เขากล่าว “ไปสู่ยเหิงอีกเพียงหนึ่งก้าวจะขึ้นสู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้น มันไม่เหมาะสมที่เจ้าจะไปหาเรื่องทะเลาะกับขอบเขตนักบุญมิใช่รึ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+