Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 374 ผสานสภาวะ
ตอนที่ 374 ผสานสภาวะ
มีผู้บ่มเพาะพลังมากประสบการณ์สองสามคนที่ประเมินผลไปขณะที่พวกเขาชมการประลองที่ดุเดือด
“ทําลาย!”
เซี่ยวเฉินสับหมัดวายุที่บินเข้ามาขาดครึ่ง เขายืนขาตายอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน,ราวกับต้นไม้ที่ค้ํายันท้องฟ้า,ขาเป็นรากฝั่งติดกับหลังคา
“ฟู ฟิ่ว!”
ในตอนนั้นเอง,ร่างแสงเจิดจ้าในอากาศวูบไหวและหายลับไป ไม่เพียงแต่แสงที่หายไป,แต่ร่างอันอ่อนช้อยของเยว่เฉินซีก็ลบหายไปเช่นกัน
กระแสพลังที่ดุร้ายพลันหายไป มันราวกับว่าเยว่เฉินซีถูกลบหายไปในอากาศ,น่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยน เขาจ้องมองอย่างสงสัยไปเบื้องหน้าก่อนที่เขาจะแทงกระบออก
แสงสีดำวูบไหวบนคมกระบี่: ตัวกระบี่สีขาวหิมะพลันเปลี่ยนกลายเป็นสีดําสนิท
อาวุธแห่งสวรรค์ปรากฏขึ้น ด้วยการนึกคิด,เซี่ยวเฉินหลอมรวมปราณของเขาเข้าไปในกระบี่แสงกระบี่ยาว 6.6 เมตรก่อตัวขึ้นในทันที
เซี่ยวเฉินร้องคํารามศึกและจวกกระบี่เงาจันทร์ตรงไปข้างหน้าราวกับเขาพยายามจะทะลวงผ่านมิติ
“ยอดเยี่ยม:เจ้าคาดเดาตําแหน่งของข้าได้ถูกต้อง ตอนนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถป้องกัน มันเอาไว้ได้หรือไม่” เยว่เฉินระเบิดแสงออกมาพร้อมกับเสียงอันไพเราะของนาง
“บูม!”
ทันใดนั้นเองแสงรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉิน หมัดวายุระเบิดออกมาจากแสงภายใน, มุ่งหน้าตรงมาที่กระบี่เงาจันทร์พร้อมกับพลังปราณที่หนาแน่น
“ปัง! ปัง! ปัง!”
พลังที่แข็งแกร่งทั้งสองระเบิดออก หลังคาของร้านอาหารทั้งผืนทลายลงในทันที กระเบื้อง และไม่นับไม่ถ้วนลอยพุ่งขึ้นไปในอากาศ
เซี่ยวเฉันรู้สึกถึงพลังงานบริสุทธิ์จํานวนมหาศาลบนกระบี่ของเขา พลังงานนี้ไม่มีธาตุ ใดๆ;มันเป็นเพียงกระแสพลังงานที่ดุร้ายกดข่มเป็นอย่างยิ่ง
พลังงานปะทะรอบๆเส้นปราณในแขนของเซี่ยวเฉิน แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะบ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกร,มันก็ยังเจ็บแสบในเส้นปราณของเขา
เซี่ยวเฉินกัดฟัน ด้วยการนึกคิด,วังวนฉีสีม่วงในจุดตันเทียนของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ปราณเหลวสีม่วงในวังวนฉีไหลเวียผ่านเส้นปราณของเซี่ยวเฉินก่อนที่จะไปรวมตัวที่แขนขวาของเขา
“ฟู ฟิว!”
หลังจากที่เซียวเฉินทะลวงขึ้นมาถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,ความบริสุทธิ์และปริมาณปราณของเขาเพิ่มขึ้นสองเท่า เพียงนึกคิด,เซี่ยวเฉินสามารถรวบรวมปราณจํานวนมหาศาลได้ในทันที
พลังงานสีม่วงรวมตัวและดูดกลืนปราณของเยว่เฉินซี
พลังปราณที่เชี่ยวหลากไม่ได้เสียงความแข็งแกร่งและไหลเข้าสู่กระบี่เงาจันทร์อย่างต่อเนื่อง แสงกระบี่มัวหมองที่ถูกเยว่เฉินซีกดเอาไว้,สว่างเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง
มันผลักพลังงานของเยว่เฉินซีกลับไป เซี่ยวเฉินใช้โอกาสนี้ผสานสภาวะแห่งการฆ่าล้างจากบัลลังก์สีแดงในทันที
ทันใดนั้น,สภาวะแห่งสายฟ้าอันบ้าคลั่งรับคุณลักษณะจู่โจมและไม่อาจหยุดยั้ง สภาวะแห่งการฆ่าล้างและสภาวะแห่งสายฟ้าสผานกันอีกครั้ง
“ทําลาย!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกน,และสายฟ้าแตกตัวดังออกมาจากเมฆาอัสนี้เหนือหัวของเขา กระบี่แสงซัดออกและกดดันให้เยว่เฉินซีล่าถอย
เยว่เฉินซีเผยความตกตะลึงเล็กน้อยบนใบหน้าอันงดงามของนาง อย่างไรก็ตาม ยิ่งกว่าความตกตะลึง,คือความประหลาดใจอย่างยินดี นางเผยรอยยิ้มบางๆและกล่าว “เขาซ่อนสภวาวะอีกหนึ่งประเภทเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่พลังทั้งหมดของหมัดอาทิตย์รุ่งอรุณสลาย!”
“บูม! บูม! บูม!”
ขณะที่เยว่เฉินซีล่าถอย,เมฆสีแดงสลัวปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนาง ขณะที่หมู่เมฆบดบังร่างของนางเอาไว้,นางชกออกมาสามครั้ง
สามหมัดนี้มีแสงเจิดจ้า;พวกมันมีรูปร่างดุร้ายเผด็จการ ภายใต้การชุบของเมฆสีแดง,พวกมันดูยิ่งทรงพลังพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า
เซี่ยวเฉินผสานสภาวะสองประเภทและใช้กระบี่ฉีที่หล่อหลอมด้วยพลังแห่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทําลายแต่ละหมัด
ฟ้าสางหลังตะวันฉายแสง นี่น่าจะเป็นพลังของฟ้าสาง ช่างเป็นทักษะหมัดที่ดุร้ายเผด็จการ
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง เขาเตะกระเบื้องที่กําลังลอยอยู่และพุ่งออกไป หมัดวายุของเยว่เฉินซีดร้ายยิ่ง ข้างทําได้เพียงลองต่อสู้ระยะประชิด
ภายในเมฆสีแดงสลัว,เซียวเฉินและเยว่เฉินซีพุ่งไปรอบๆ มีเสียงร้องตะโกนดังออกมาจากหมู่เมฆสีแดง
เกิดแสงระเบิดหรือสายฟ้ากระพริบไหวออกมาเป็นบางครั้ง พวกเขายิ่งรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป:กระบวบผ่านหมัดวายวับไหว ภายในพริบตา,พวกเขาแลกเปลี่ยนกันนับร้อยกระบวณท่า
เซียวเฉินยืนหยัดท่ามกลางพายุหมัดที่โหมกระหน่ํา กระบี่ฉีที่ผสานเข้ากับสภาวะแห่งการฆ่าล้างของเขาทะลวงผ่านคลื่นพายุหมัดของคู่ต่อสู้,คุกคามเยว่เฉินซีอยู่เล็กน้อย
ฉากเยว่เฉินซีตบตีเซี่ยวเฉินที่จินอุจหวังเอาไว้ มันไม่เกิดขึ้นกลับกัน พวกเขาไม่มีใครเหนือไปกว่ากัน,ไม่มีทีท่าว่าจะชนะ
“มือกระบี่ชุดขาวแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาปะมือกับเยว่เฉินซีจนมาถึงจุดนี้ นี่ก็เป็นความสําเร็จที่น่าทึ่งแล้ว”
“ใช่แล้ว หมัดอาทิตย์รุ่งอรุณเป็นหนึ่งในทักษะหมัดกดข่มเผด็จการที่หายาก มันเกือบที่จะนับได้ว่าเป็นทักษะหมัดระดับสวรรค์ ที่กดดันเยว่เฉินซีให้ใช้พลังฟ้าสาง นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว”
“ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งต่อไป มือกระบี่ชุดขาวผู้นี้อาจจะติดหนึ่งในร้อยอันดับต้น”
เมื่อจินอได้ยินฝูงชนยกยอเซี่ยวเฉิน,เขารู้สึกเกรี้ยวโกรธยิ่งขึ้น พระเอกของงานควรจะเป็นเขา แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินฉวยเอาบทของเขาไป
“ปัง!”
หมู่เมฆสีแดงแตกกระจาย เซี่ยวเฉินและเยว่เฉินซีปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคน เนื้อตัวของพวกเขาบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม,มันเป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย มันเห็นชัดว่าพวกเขาทั้งสองออมมือเอาไว้ นี่เป็นเพียงการประลองแลกเปลี่ยนมุมมอง;ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องต่อสู้จนถึงตาย
เยว่เฉินซียืนตัวตรงในอากาศ นางเผยสีหน้าพึงพอใจ นางกล่าวอย่างนุ่มนวล, “ถือเสียว่าเสมอกัน มือกระบี่ชุดขาว,หากเจ้ามีเวลาในภายภาคหน้า,เจ้าสามารถมาที่นิกายนภาสู.เพื่อประลองกับข้าอีก”
เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและกล่าว “ในครั้งหน้า,ข้าจะทําให้เจ้าต้องใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมาข้าขอตัวก่อน”
ในฉากหน้า,พวกเขาทั้งสองเห็นว่าเสมอกัน แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขายังคงไม่ใช้สภาวะของนางออกมา กระนั้น,เขาได้ใช้ออกทั้งสองสภาวะของเขาและยังคงไม่อาจดึงความได้เปรียบมาได้
เรียกว่าเสมอก็ออกจะเอาเปรียบเยว่เฉินซี แม้แต่เซี่ยวเฉินก็รู้สึกละอาย ดังนั้น,เขาจึงรีบจากไป
เยว่เฉินซีจ้องมองเซี่ยวเฉินที่กําลังจากไป นางพึมพํากับตัวเอง “ในการมาครั้งนี้ของข้า,อาจารย์ลงหนึ่งบอกข้าให้ใส่ใจกับเหล่าอัจฉริยะจากอาณาจักรต่างๆ เซี่ยวเฉินผู้นี้น่าจะตรงกับความต้องการ”
“แม่นางเยว, ท่านเป็นอะไรหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้น พวกเราสามารถพูดคุยกันเกี่ยวกับบุปผาฟ้าสางในภายหลัง” เสียงหัวเราะดังมาจากด้านข้างของเยว่เฉินซี จีนอจี้บินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เยว่เฉินซีถอนสายตาของนางกลับมาและยิ้มอย่างอ่อนโยน นางตอบกลับ “ขอบคุณความเป็นห่วงของนายน้อยจิน พวกเราบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย; ไม่มีปัญหา”
ถ้อยคําของเยว่เฉินซีเรียบง่าย นางรักษารอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอ ในตอนที่นางพูดคุย,นางกล่าวอย่างสุภาพ อย่างไรก็ตามนั้นทําให้จินอูจรู้สึกห่างเหิน
จินอูจี๋อยากที่จะร่นระยะทางนี้ อย่างไร็ตาม,น้ําเสียงสุภาพของเยว่เฉินซีทําความกล้าของเขาหดหาย นี่ทําให้ความพยายามในการใกล้ชิดนางของเขาล้มเหลว
พวกเขาทั้งสองร่อนลงพื้นและกลับเข้าไปในร้านอาหาร จากนั้น, จินอูจีก็ทดใช้ความเสียหายของร้านอาหารอย่างใจกว้าง
ผู้บ่มเพาะพลังที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ก็ร่อนลงมาเช่นกัน หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกับทั้งสองพอเป็นมารยาท,พวกเขาก็ขอตัวจากไป
บทที่จินอจี้เตรียมมาตกไปอยู่ที่คนอื่น, ทําให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง โชคดี,เยว่เฉินซียังไม่ขอตัวจากไป หากเขาสร้างความสัมพันธ์กับนางได้,เรื่องที่เกิดขึ้นเขาก็ไม่ต้องไปใส่ใจ
คิดได้ดังนี้ จินอุจี้ตัดสินใจที่เหลกขณะที่ยังร้อน “แม่นางเยว่ ยังมีห้องนั่งอยู่ที่ชั้นล่าง:ดื่มไปคุยไปกับเถอะ!”
เยว่เฉินซีคิ้วขมวดเล็กน้อย ร่องรอยความรังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางพร้อมกับนางกล่าวขึ้นอย่างเฉญเมย “พวกเราค่อยพูดคุยกันอีกครั้งในตอนกลางคืน ข้ารู้สึกเพลีย”
มันยากยิ่งที่เซียวเฉินและคนอื่นๆจะหาห้องว่างได้ในเมืองตอนนี้ อย่างไรก็ตาม,ด้วยการพึ่งพาจินต้าเป่า,พวกเขาสามารถหาห้องว่างมาได้สามห้อง,ห้องคุณภาพเยี่ยมที่โรงเตี้ยมอื่น
สองสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ําชา จินต้าเป่ายกชาขึ้นมาจิบและยิ้มขึ้น “พี่น้องเซี่ยวเฉิน,ดูเหมือนเจ้าจะฉายแสงอีกครั้งแล้ว เจ้าถึงกับเสมอกับเยว่เฉินซี,และนางยังให้ความเห็นกับเจ้าเอาไว้สูง มันยากที่เจ้าจะไม่โด่งดังขึ้นมา ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่อยากก็ตาม”
เซี่ยวเฉินรู้สึกงุนงง เขาถามขึ้น “เยว่เฉินซีโด่งดังถึงขนาดนั้น?”
จินต้าเป่ายิ้มและกล่าวขึ้น “มากกว่าที่เจ้าคิด ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน, นางเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ห้าสิบอันดับต้น นอกจากนั้น นางยังเป็นผู้แข่งขันหญิงที่อายุน้อยที่สุด นางมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมและรูปร่างหน้าต่างนิสัยใจคอโดดเด่น ชื่อของนางเป็นที่รู้จักทั่วทั้งทวีปแห่งนี้”
“ด้วยข่าวที่เจ้าเสมอกับนาง,ข้ารับรองได้ว่าจะมีแถวยาวห้ากิโลเมตรเข้าคิวมาท้าประลองกับเจ้าหากเจ้าไปที่อาณาจักรต้าจิน”
นี่มันเป็นปัญหาอย่างไม่คาดคิด เซี่ยวเฉินไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม,เขาไม่มีความตั้งใจที่จะไปยังอาณาจักนต้าฉินอีกนาน ดังนั้นเขาไม่จําเป็นต้องไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้
“ใช่แล้ว;เจ้ามาที่นี่เพื่อสมบัติราชาทุ่งหญ้ามารอสูรใช่หรือไม่?” เซียวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและถามขึ้น
ซูเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าและกล่าว “เหตุผลหลักที่พวกเรามาที่นี่ก็คือเรื่องของกลุ่มมังกรทมิฬ อย่างไรก็ตาม,การเจรจามาถึงทางตัน ดังนั้นพวกเราจึงมาเสี่ยงโชคดู”
เจ้าหมูจินหยิบเอาแผนที่ออกมาและส่งให้กับเซียวเฉิน “ตําแหน่งคราวๆของเกาะเชียนเหลิ่นอยู่ตรงนี้ เจ้าน่าจะลองดู หากเจ้ามีแผนที่นี้,เจ้าสามารถศึกษาดูได้ ฮ่าฮ่า! หากเจ้าเจออะไรมีค่า,จําเอาไว้ให้ขอความช่วยเหลือจากข้า”
พวกเขาพูดคุยกันอยู่อีกครู่ก่อนที่จินต้าเป่าและซูเสียวเสียวจะขอตัวจากไป
ในตอนประมาณเที่ยงคืน,เซี่ยวเฉินออกจากภาวะบ่มเพาะพลัง เขาตรวจสอบแผนที่ของจินต้าเป๋าและเปรียบเทียบกับแผนที่สมบัติของเขาอย่างละเอียด
นี้เป็นแผนภูมิทะเล มีเครื่องหมายชัดเจนบนแผนที่สมบัติ ในตอนที่เซียวเฉินมองดู,เขาเข้าใจทุกอย่าง
หลังจากผ่านไปนาน,เซี่ยวเฉินเก่บแผนที่กลับไป เขากล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าจะลองไปดูที่คลื่นยักษ์ในวันพรุ่งนี้ ข้าสงสัยว่าอะไรที่ทําให้ขอบเขตยอดกษัตริน์ยุทธถึงกับลําบากที่จะฝ่าเข้าไป”
ในตอนเช้า,เซี่ยวเฉินฝากเสี่ยวเป่าเอาไว้กับซูเสี่ยวเสี่ยว จากนั้นเขารีบมุ่งหน้าไปที่สุดขอบทางตะวันออกของเกาะสายลมขจี
เกาะสายลมขจีตั้งอยู่ที่ชายแดนของทะเลไร้ขอบเขต พื้นผิวทะเลไม่ได้สงบเหมือนกับทะเลชายฝั่ง มีคลื่นลมแรงพลุ่งพล่าน
เซี่ยวเฉินใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินส.ขึ้นไปในอากาศ เขารีบเคลื่อนที่ไปข้างหน้า,บางครั้งเขาก็หยิบแผนที่ขึ้นมาตรอจสอบทิศทางก่อนที่จะบินต่อไป
ตลอดทาง,เซี่ยวเฉินพบกับผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่กําลังบินไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ เป็นบางครั้ง,ที่เขาเจอกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง, ในที่สุดเซียวเฉินก็มาถึงจุดหมายของเขา มีผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่มารวมตัวกันที่นี่:พวกเขาทั้งหมดมาส่องแนมทางข้างหน้า
เซี่ยวเฉินมองตรงไปและสูดหายใจเข้าลึก
เขามองเห็นเพียงคลื่นยักษ์ที่พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า,พลุ่งพล่านรุนแรง เขาไม่อาจคาดคะแนว่ามันสูงถึงเพียงใด
กําแพงน้ําถูกดึงวนไปรอบๆ ก่อตัวบนกระแสน้ำเชี่ยวหลาก บางครั้ง เกิดเป็นวังวนขนาดใหญ่ขึ้น
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 374 ผสานสภาวะ
ตอนที่ 374 ผสานสภาวะ
มีผู้บ่มเพาะพลังมากประสบการณ์สองสามคนที่ประเมินผลไปขณะที่พวกเขาชมการประลองที่ดุเดือด
“ทําลาย!”
เซี่ยวเฉินสับหมัดวายุที่บินเข้ามาขาดครึ่ง เขายืนขาตายอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน,ราวกับต้นไม้ที่ค้ํายันท้องฟ้า,ขาเป็นรากฝั่งติดกับหลังคา
“ฟู ฟิ่ว!”
ในตอนนั้นเอง,ร่างแสงเจิดจ้าในอากาศวูบไหวและหายลับไป ไม่เพียงแต่แสงที่หายไป,แต่ร่างอันอ่อนช้อยของเยว่เฉินซีก็ลบหายไปเช่นกัน
กระแสพลังที่ดุร้ายพลันหายไป มันราวกับว่าเยว่เฉินซีถูกลบหายไปในอากาศ,น่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยน เขาจ้องมองอย่างสงสัยไปเบื้องหน้าก่อนที่เขาจะแทงกระบออก
แสงสีดำวูบไหวบนคมกระบี่: ตัวกระบี่สีขาวหิมะพลันเปลี่ยนกลายเป็นสีดําสนิท
อาวุธแห่งสวรรค์ปรากฏขึ้น ด้วยการนึกคิด,เซี่ยวเฉินหลอมรวมปราณของเขาเข้าไปในกระบี่แสงกระบี่ยาว 6.6 เมตรก่อตัวขึ้นในทันที
เซี่ยวเฉินร้องคํารามศึกและจวกกระบี่เงาจันทร์ตรงไปข้างหน้าราวกับเขาพยายามจะทะลวงผ่านมิติ
“ยอดเยี่ยม:เจ้าคาดเดาตําแหน่งของข้าได้ถูกต้อง ตอนนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถป้องกัน มันเอาไว้ได้หรือไม่” เยว่เฉินระเบิดแสงออกมาพร้อมกับเสียงอันไพเราะของนาง
“บูม!”
ทันใดนั้นเองแสงรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉิน หมัดวายุระเบิดออกมาจากแสงภายใน, มุ่งหน้าตรงมาที่กระบี่เงาจันทร์พร้อมกับพลังปราณที่หนาแน่น
“ปัง! ปัง! ปัง!”
พลังที่แข็งแกร่งทั้งสองระเบิดออก หลังคาของร้านอาหารทั้งผืนทลายลงในทันที กระเบื้อง และไม่นับไม่ถ้วนลอยพุ่งขึ้นไปในอากาศ
เซี่ยวเฉันรู้สึกถึงพลังงานบริสุทธิ์จํานวนมหาศาลบนกระบี่ของเขา พลังงานนี้ไม่มีธาตุ ใดๆ;มันเป็นเพียงกระแสพลังงานที่ดุร้ายกดข่มเป็นอย่างยิ่ง
พลังงานปะทะรอบๆเส้นปราณในแขนของเซี่ยวเฉิน แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะบ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกร,มันก็ยังเจ็บแสบในเส้นปราณของเขา
เซี่ยวเฉินกัดฟัน ด้วยการนึกคิด,วังวนฉีสีม่วงในจุดตันเทียนของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ปราณเหลวสีม่วงในวังวนฉีไหลเวียผ่านเส้นปราณของเซี่ยวเฉินก่อนที่จะไปรวมตัวที่แขนขวาของเขา
“ฟู ฟิว!”
หลังจากที่เซียวเฉินทะลวงขึ้นมาถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,ความบริสุทธิ์และปริมาณปราณของเขาเพิ่มขึ้นสองเท่า เพียงนึกคิด,เซี่ยวเฉินสามารถรวบรวมปราณจํานวนมหาศาลได้ในทันที
พลังงานสีม่วงรวมตัวและดูดกลืนปราณของเยว่เฉินซี
พลังปราณที่เชี่ยวหลากไม่ได้เสียงความแข็งแกร่งและไหลเข้าสู่กระบี่เงาจันทร์อย่างต่อเนื่อง แสงกระบี่มัวหมองที่ถูกเยว่เฉินซีกดเอาไว้,สว่างเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง
มันผลักพลังงานของเยว่เฉินซีกลับไป เซี่ยวเฉินใช้โอกาสนี้ผสานสภาวะแห่งการฆ่าล้างจากบัลลังก์สีแดงในทันที
ทันใดนั้น,สภาวะแห่งสายฟ้าอันบ้าคลั่งรับคุณลักษณะจู่โจมและไม่อาจหยุดยั้ง สภาวะแห่งการฆ่าล้างและสภาวะแห่งสายฟ้าสผานกันอีกครั้ง
“ทําลาย!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกน,และสายฟ้าแตกตัวดังออกมาจากเมฆาอัสนี้เหนือหัวของเขา กระบี่แสงซัดออกและกดดันให้เยว่เฉินซีล่าถอย
เยว่เฉินซีเผยความตกตะลึงเล็กน้อยบนใบหน้าอันงดงามของนาง อย่างไรก็ตาม ยิ่งกว่าความตกตะลึง,คือความประหลาดใจอย่างยินดี นางเผยรอยยิ้มบางๆและกล่าว “เขาซ่อนสภวาวะอีกหนึ่งประเภทเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่พลังทั้งหมดของหมัดอาทิตย์รุ่งอรุณสลาย!”
“บูม! บูม! บูม!”
ขณะที่เยว่เฉินซีล่าถอย,เมฆสีแดงสลัวปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนาง ขณะที่หมู่เมฆบดบังร่างของนางเอาไว้,นางชกออกมาสามครั้ง
สามหมัดนี้มีแสงเจิดจ้า;พวกมันมีรูปร่างดุร้ายเผด็จการ ภายใต้การชุบของเมฆสีแดง,พวกมันดูยิ่งทรงพลังพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า
เซี่ยวเฉินผสานสภาวะสองประเภทและใช้กระบี่ฉีที่หล่อหลอมด้วยพลังแห่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทําลายแต่ละหมัด
ฟ้าสางหลังตะวันฉายแสง นี่น่าจะเป็นพลังของฟ้าสาง ช่างเป็นทักษะหมัดที่ดุร้ายเผด็จการ
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง เขาเตะกระเบื้องที่กําลังลอยอยู่และพุ่งออกไป หมัดวายุของเยว่เฉินซีดร้ายยิ่ง ข้างทําได้เพียงลองต่อสู้ระยะประชิด
ภายในเมฆสีแดงสลัว,เซียวเฉินและเยว่เฉินซีพุ่งไปรอบๆ มีเสียงร้องตะโกนดังออกมาจากหมู่เมฆสีแดง
เกิดแสงระเบิดหรือสายฟ้ากระพริบไหวออกมาเป็นบางครั้ง พวกเขายิ่งรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป:กระบวบผ่านหมัดวายวับไหว ภายในพริบตา,พวกเขาแลกเปลี่ยนกันนับร้อยกระบวณท่า
เซียวเฉินยืนหยัดท่ามกลางพายุหมัดที่โหมกระหน่ํา กระบี่ฉีที่ผสานเข้ากับสภาวะแห่งการฆ่าล้างของเขาทะลวงผ่านคลื่นพายุหมัดของคู่ต่อสู้,คุกคามเยว่เฉินซีอยู่เล็กน้อย
ฉากเยว่เฉินซีตบตีเซี่ยวเฉินที่จินอุจหวังเอาไว้ มันไม่เกิดขึ้นกลับกัน พวกเขาไม่มีใครเหนือไปกว่ากัน,ไม่มีทีท่าว่าจะชนะ
“มือกระบี่ชุดขาวแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาปะมือกับเยว่เฉินซีจนมาถึงจุดนี้ นี่ก็เป็นความสําเร็จที่น่าทึ่งแล้ว”
“ใช่แล้ว หมัดอาทิตย์รุ่งอรุณเป็นหนึ่งในทักษะหมัดกดข่มเผด็จการที่หายาก มันเกือบที่จะนับได้ว่าเป็นทักษะหมัดระดับสวรรค์ ที่กดดันเยว่เฉินซีให้ใช้พลังฟ้าสาง นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว”
“ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งต่อไป มือกระบี่ชุดขาวผู้นี้อาจจะติดหนึ่งในร้อยอันดับต้น”
เมื่อจินอได้ยินฝูงชนยกยอเซี่ยวเฉิน,เขารู้สึกเกรี้ยวโกรธยิ่งขึ้น พระเอกของงานควรจะเป็นเขา แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินฉวยเอาบทของเขาไป
“ปัง!”
หมู่เมฆสีแดงแตกกระจาย เซี่ยวเฉินและเยว่เฉินซีปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคน เนื้อตัวของพวกเขาบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม,มันเป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย มันเห็นชัดว่าพวกเขาทั้งสองออมมือเอาไว้ นี่เป็นเพียงการประลองแลกเปลี่ยนมุมมอง;ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องต่อสู้จนถึงตาย
เยว่เฉินซียืนตัวตรงในอากาศ นางเผยสีหน้าพึงพอใจ นางกล่าวอย่างนุ่มนวล, “ถือเสียว่าเสมอกัน มือกระบี่ชุดขาว,หากเจ้ามีเวลาในภายภาคหน้า,เจ้าสามารถมาที่นิกายนภาสู.เพื่อประลองกับข้าอีก”
เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและกล่าว “ในครั้งหน้า,ข้าจะทําให้เจ้าต้องใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมาข้าขอตัวก่อน”
ในฉากหน้า,พวกเขาทั้งสองเห็นว่าเสมอกัน แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขายังคงไม่ใช้สภาวะของนางออกมา กระนั้น,เขาได้ใช้ออกทั้งสองสภาวะของเขาและยังคงไม่อาจดึงความได้เปรียบมาได้
เรียกว่าเสมอก็ออกจะเอาเปรียบเยว่เฉินซี แม้แต่เซี่ยวเฉินก็รู้สึกละอาย ดังนั้น,เขาจึงรีบจากไป
เยว่เฉินซีจ้องมองเซี่ยวเฉินที่กําลังจากไป นางพึมพํากับตัวเอง “ในการมาครั้งนี้ของข้า,อาจารย์ลงหนึ่งบอกข้าให้ใส่ใจกับเหล่าอัจฉริยะจากอาณาจักรต่างๆ เซี่ยวเฉินผู้นี้น่าจะตรงกับความต้องการ”
“แม่นางเยว, ท่านเป็นอะไรหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้น พวกเราสามารถพูดคุยกันเกี่ยวกับบุปผาฟ้าสางในภายหลัง” เสียงหัวเราะดังมาจากด้านข้างของเยว่เฉินซี จีนอจี้บินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เยว่เฉินซีถอนสายตาของนางกลับมาและยิ้มอย่างอ่อนโยน นางตอบกลับ “ขอบคุณความเป็นห่วงของนายน้อยจิน พวกเราบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย; ไม่มีปัญหา”
ถ้อยคําของเยว่เฉินซีเรียบง่าย นางรักษารอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอ ในตอนที่นางพูดคุย,นางกล่าวอย่างสุภาพ อย่างไรก็ตามนั้นทําให้จินอูจรู้สึกห่างเหิน
จินอูจี๋อยากที่จะร่นระยะทางนี้ อย่างไร็ตาม,น้ําเสียงสุภาพของเยว่เฉินซีทําความกล้าของเขาหดหาย นี่ทําให้ความพยายามในการใกล้ชิดนางของเขาล้มเหลว
พวกเขาทั้งสองร่อนลงพื้นและกลับเข้าไปในร้านอาหาร จากนั้น, จินอูจีก็ทดใช้ความเสียหายของร้านอาหารอย่างใจกว้าง
ผู้บ่มเพาะพลังที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ก็ร่อนลงมาเช่นกัน หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกับทั้งสองพอเป็นมารยาท,พวกเขาก็ขอตัวจากไป
บทที่จินอจี้เตรียมมาตกไปอยู่ที่คนอื่น, ทําให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง โชคดี,เยว่เฉินซียังไม่ขอตัวจากไป หากเขาสร้างความสัมพันธ์กับนางได้,เรื่องที่เกิดขึ้นเขาก็ไม่ต้องไปใส่ใจ
คิดได้ดังนี้ จินอุจี้ตัดสินใจที่เหลกขณะที่ยังร้อน “แม่นางเยว่ ยังมีห้องนั่งอยู่ที่ชั้นล่าง:ดื่มไปคุยไปกับเถอะ!”
เยว่เฉินซีคิ้วขมวดเล็กน้อย ร่องรอยความรังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางพร้อมกับนางกล่าวขึ้นอย่างเฉญเมย “พวกเราค่อยพูดคุยกันอีกครั้งในตอนกลางคืน ข้ารู้สึกเพลีย”
มันยากยิ่งที่เซียวเฉินและคนอื่นๆจะหาห้องว่างได้ในเมืองตอนนี้ อย่างไรก็ตาม,ด้วยการพึ่งพาจินต้าเป่า,พวกเขาสามารถหาห้องว่างมาได้สามห้อง,ห้องคุณภาพเยี่ยมที่โรงเตี้ยมอื่น
สองสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ําชา จินต้าเป่ายกชาขึ้นมาจิบและยิ้มขึ้น “พี่น้องเซี่ยวเฉิน,ดูเหมือนเจ้าจะฉายแสงอีกครั้งแล้ว เจ้าถึงกับเสมอกับเยว่เฉินซี,และนางยังให้ความเห็นกับเจ้าเอาไว้สูง มันยากที่เจ้าจะไม่โด่งดังขึ้นมา ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่อยากก็ตาม”
เซี่ยวเฉินรู้สึกงุนงง เขาถามขึ้น “เยว่เฉินซีโด่งดังถึงขนาดนั้น?”
จินต้าเป่ายิ้มและกล่าวขึ้น “มากกว่าที่เจ้าคิด ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน, นางเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ห้าสิบอันดับต้น นอกจากนั้น นางยังเป็นผู้แข่งขันหญิงที่อายุน้อยที่สุด นางมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมและรูปร่างหน้าต่างนิสัยใจคอโดดเด่น ชื่อของนางเป็นที่รู้จักทั่วทั้งทวีปแห่งนี้”
“ด้วยข่าวที่เจ้าเสมอกับนาง,ข้ารับรองได้ว่าจะมีแถวยาวห้ากิโลเมตรเข้าคิวมาท้าประลองกับเจ้าหากเจ้าไปที่อาณาจักรต้าจิน”
นี่มันเป็นปัญหาอย่างไม่คาดคิด เซี่ยวเฉินไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม,เขาไม่มีความตั้งใจที่จะไปยังอาณาจักนต้าฉินอีกนาน ดังนั้นเขาไม่จําเป็นต้องไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้
“ใช่แล้ว;เจ้ามาที่นี่เพื่อสมบัติราชาทุ่งหญ้ามารอสูรใช่หรือไม่?” เซียวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและถามขึ้น
ซูเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าและกล่าว “เหตุผลหลักที่พวกเรามาที่นี่ก็คือเรื่องของกลุ่มมังกรทมิฬ อย่างไรก็ตาม,การเจรจามาถึงทางตัน ดังนั้นพวกเราจึงมาเสี่ยงโชคดู”
เจ้าหมูจินหยิบเอาแผนที่ออกมาและส่งให้กับเซียวเฉิน “ตําแหน่งคราวๆของเกาะเชียนเหลิ่นอยู่ตรงนี้ เจ้าน่าจะลองดู หากเจ้ามีแผนที่นี้,เจ้าสามารถศึกษาดูได้ ฮ่าฮ่า! หากเจ้าเจออะไรมีค่า,จําเอาไว้ให้ขอความช่วยเหลือจากข้า”
พวกเขาพูดคุยกันอยู่อีกครู่ก่อนที่จินต้าเป่าและซูเสียวเสียวจะขอตัวจากไป
ในตอนประมาณเที่ยงคืน,เซี่ยวเฉินออกจากภาวะบ่มเพาะพลัง เขาตรวจสอบแผนที่ของจินต้าเป๋าและเปรียบเทียบกับแผนที่สมบัติของเขาอย่างละเอียด
นี้เป็นแผนภูมิทะเล มีเครื่องหมายชัดเจนบนแผนที่สมบัติ ในตอนที่เซียวเฉินมองดู,เขาเข้าใจทุกอย่าง
หลังจากผ่านไปนาน,เซี่ยวเฉินเก่บแผนที่กลับไป เขากล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าจะลองไปดูที่คลื่นยักษ์ในวันพรุ่งนี้ ข้าสงสัยว่าอะไรที่ทําให้ขอบเขตยอดกษัตริน์ยุทธถึงกับลําบากที่จะฝ่าเข้าไป”
ในตอนเช้า,เซี่ยวเฉินฝากเสี่ยวเป่าเอาไว้กับซูเสี่ยวเสี่ยว จากนั้นเขารีบมุ่งหน้าไปที่สุดขอบทางตะวันออกของเกาะสายลมขจี
เกาะสายลมขจีตั้งอยู่ที่ชายแดนของทะเลไร้ขอบเขต พื้นผิวทะเลไม่ได้สงบเหมือนกับทะเลชายฝั่ง มีคลื่นลมแรงพลุ่งพล่าน
เซี่ยวเฉินใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินส.ขึ้นไปในอากาศ เขารีบเคลื่อนที่ไปข้างหน้า,บางครั้งเขาก็หยิบแผนที่ขึ้นมาตรอจสอบทิศทางก่อนที่จะบินต่อไป
ตลอดทาง,เซี่ยวเฉินพบกับผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่กําลังบินไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ เป็นบางครั้ง,ที่เขาเจอกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง, ในที่สุดเซียวเฉินก็มาถึงจุดหมายของเขา มีผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่มารวมตัวกันที่นี่:พวกเขาทั้งหมดมาส่องแนมทางข้างหน้า
เซี่ยวเฉินมองตรงไปและสูดหายใจเข้าลึก
เขามองเห็นเพียงคลื่นยักษ์ที่พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า,พลุ่งพล่านรุนแรง เขาไม่อาจคาดคะแนว่ามันสูงถึงเพียงใด
กําแพงน้ําถูกดึงวนไปรอบๆ ก่อตัวบนกระแสน้ำเชี่ยวหลาก บางครั้ง เกิดเป็นวังวนขนาดใหญ่ขึ้น
Comments