Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 387 บุปผารุ่งอรุณกับหมาป่าที่ดุร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 387 บุปผารุ่งอรุณกับหมาป่าที่ดุร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 387 บุปผารุ่งอรุณกับหมาป่าที่ดุร้าย

เยว่เฉินซีตกตะลึง!คําพูดของเซี่ยวเฉินทําให้นางนิ่งงัน ในตอนที่นางครุ่นคิดด,มันก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลอย่างไรก็ตาม,นางก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง

คนผู้นี้ช่างน่าสะพรึง ในอดีต,ในตอนที่เยว่เฉินซีต้องการความช่วยเหลือ,นางไม่จําเป็นต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำมีคนมากมายเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือนางถึงกับต้องเลือกว่าจะให้ใครเป็นคนช่วยเหลือนาง

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินผู้นี้..ในตอนที่เยว่เฉินซีริเริ่มขอความช่วยเหลือ,นางอาจจะต้องติดค้างกับเซียวเฉิน แต่กระนั้น,ไม่คาดคิดว่าเขาจะถามหาค่าเหนื่อย

ติดค้าง…ในตอนที่เยว่เฉินซีคิดถึงค่านี้,นางก็นึกขึ้นได้ว่าอะไรที่ไม่ถูกต้อง นางรีบกล่าวขึ้น “มันสามารถนับได้ว่าข้าติดร้างเจ้ามันจะกลายเป็นการเอาเปรียบไปได้อย่างไร?”

มองเห็นเยว่เฉินซีเกรียวโกรธ,เสี่ยวไปกล่าวอย่างเหนียมๆ “พี่สาวเยว่ นั้นเป็นสิ่งที่เสี่ยวไป่กล่าว,ไม่ใช่พี่ใหญ่เซียวเฉินโปรดอย่าโทษพี่ใหญ่เซียวเฉิน”

เยว่เฉินซีนิ่งงันไปอีกครั้ง ในอตนที่นางครุ่นคิดดู, เป็นเสี่ยวไปที่กล่าวออกมาจริงๆกระนั้น,นางกลับเอาความโกรธไปลงที่เซี่ยวเฉิน

หดห่…ทําไมรู้สึกเหมือนข้ามักจะเอะอะกับเรื่องไม่เป็นเรื่องในตอนที่ข้าอยู่กับเจ้าหมอนี้? เยวเฉินซีคิดอย่างเดือดดาลในใจ

เซี่ยวเฉินยิ้มอ่อนโยนและดึงเสี่ยวไปไปด้านหลังของเขา เขายิ้มขึ้น “อย่าได้โทษตัวเอง ตามจริง,ข้าก็จะกลายออกมาเช่นนั้น,เพียงกล่าวตัดหน้าข้าไป”

หลังจากนั้น ก่อนที่เยว่เฉินซีจะระเบิดความโกรธออกมา,เซียวเฉินกล่าวต่อ “อย่าเพิ่งเดือดดาล อย่างที่เจ้ากล่าวมา:เจ้าติดค้างข้า เมื่อเป็นเช่นนั้น โปรดอธิบายให้ข้าฟังให้ข้าเห็นว่าข้าจะได้อะไรถึงต้องเข้าไปเสี่ยง”

เยว่เฉินซีกล่าวอย่างก้าวร้าว “เจ้า…!ทําไมข้ารู้สึกเหมือนพูดคุยกับเจ้าเหมือนกําลังต่อรองธุรกิจ? เจ้ามันนักธุรกิจไร้ยางอาย”

ในตอนที่เซียวเฉินได้ยินคําว่าธุรกิจ,เขาเกิดความคิด

หากโลกนี้สามารถจัดการได้เหมือนกับเป็นธุรกิจ,ทุกอย่างตกลงกับอย่างยุติธรรม,รวมตัวและ แยกย้าย,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่ามันก็ไม่เลว

น่าเสียดาย,เซี่ยวเฉินเห็นมาเยอะแล้ว ธรรมชาติของโลกใบนี้คือปลาใหญ่กินปลาเล็กไม่มีความยุติธรรมหากปราศจากความแข็งแกร่ง

“ไม่เป็นไร เจ้าอยากจะพูดอะไรก็ตาม บอกข้าถึงรายละเอียดที่อยากจะให้ข้าช่วยเหลือ” เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเฉยเมยหลังจากรวบรวมความคิดของเขา

เยว่เฉินซี่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เรียบเรียงคําพูดของนางก่อนที่จะแบ่งปันรายละเอียดกับเซี่ยวเฉิน

มันกลายเป็นว่า,หลังจากเยว่เฉินซีสําเร็จการเดินทางฝึกฝนของนางในทะเลไร้ขอบเขตแล้ว, นางวางแผนจะกลับไปยังอาณาจักรต้าจิน แต่อย่างไรก็ตาม,นางไปเจอเข้ากับจินอูจที่เกาะสายลมขจีโดยไม่คาดคิด

เยว่เฉินซีเคยพูดคุยกับจินอูจที่การประลองผู้เยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน ดังนั้น การทักทายกันสักหน่อยเป็นเรื่องไม่อาจหลีกเลี่ยง

ในตอนที่จินอเชิญชวนนางไปที่การประชุมที่โรงเตี้ยม,นางกําลังเร่งรีบที่จะกลับ นอกจากนั้น,การประชุมครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในระดับสูง

ผู้คนที่เข้าร่วมไม่ได้เป็นสุดยอดอัจฉริยะจากอาณาจักรต่างๆ ยิ่งกว่านั้น,นางไม่ได้สนิทสนมอะไรกับจินอจี้ ดังนั้น,นางจึงไม่ได้ตกลงที่จะเข้าร่วม

เยว่เฉินซีก็พอจะคาดเดาได้ว่าจินอจอยากที่จะใช้ตัวตนของนางเพื่อเพิ่มอิทธิพลให้กับเขา ดังนั้น มันทําให้นางมีเหตุผลที่จะปฏิเสธยิ่งขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม,จินอจให้ข่าวนางว่ามีบุปผารุ่งอรุณอยู่ที่เกาะเชียนเหลิ่นแห่งนี้ ตราบใดที่เยวเฉินซียินดีเข้าร่วมการประชุม,เขาจะบอกตําแหน่งคราวๆของบุปผารุ่งอรุณให้

เยว่เฉินซีฝึกฝนทักษะยุทธหมัดอาทิตย์รุ่งอรุณ;เป็นผลให้นางจําเป็นต้องบ่มเพาะทักษะบ่มเพาะที่เกี่ยวข้องกัน,ทักษะบ่มเพาะอาทิตย์รุ่งอรุณ นอกจากนั้น, มันยังยากอย่างยิ่งที่จะพัฒนา ทักษะอาทิตย์รุ่งอรุณนี้

หากเยว่เฉินได้บุปผารุ่งอรุณมา,นางจะสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของนาง นอกจากนย,ผลของบุปผารุ่งอรุณไม่ได้ส่งผลเพียงชั่วคราวแต่ว่าเป็นตลอดชีวิต

เซียวเฉินมองไปรอบๆและถามขึ้นอย่างสงสัย “คิดดูแล้ว,บุปผารุ่งอรุณน่าจะมีสัตว์อสูรปีศาจหรือสัตว์อสูรวิญญาณคอยเฝ้าเอาไว้ นั้นเป็นเหตุว่าทําไมเจ้าถึงมาให้ข้าช่วย ข้าเชื่อว่าจินอุจจะยินดีอย่างยิ่งที่ช่วยเหลือเจ้า;ทําไมข้าไม่เห็นเขา?”

เยว่เฉินซีกล่าว “เขาได้รับบาดเจ็บจากศพปีศาจโลหิตทมิฬเมื่อก่อหน้านี้และเร่งรีบกลับออกไปแล้ว แค่ตัวเองเขายังดูแลไม่ได้”

เซียวเฉินครุ่นคิดดูอย่างละเอียด เขาไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่อะไร เขามองขึ้นไปและกล่าวขึ้น “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ลืมเรื่องที่ติดค้างข้าไปเถอะ:ถือเสียว่าเป็นค่าปิดปากเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนสมุนไพร

เยว่เฉินซียิ้มอย่างอ่อนโยน:ในที่สุดนางก็ได้ยินเซี่ยวเฉินกล่าวอะไรที่เห็นตรงกัน นางไม่ได้ถือโกรธอีกต่อไปแล้ว “เช่นนั้น,ตามข้ามา”

เยว่เฉินซีนํากลุ่มไปที่ทางเหนือของเกาะเชียนเหลิ่น

เกาะเชียนเหลินมีพื้นที่กว้างมาก,ใหญ่เทียบเท่ากับเกาะสายลมขจี อย่างไรก็ตาม มันดูรกร้างกว่า

นอกจากราชวังที่พังทลาย,ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นบนเกาะแห่งนี้ มีก้อนหินกลบพื้นที่ต้นหญ้าไม่แม้แต่จะงอกขึ้นมาได้

ทันใดนั้น,เยว่เฉินซี ผู้ที่นําทางอยู่ก็หยุดหยุดฝีเท้าลง นางส่งสัญญาณให้ทั้งสองไปซ่อนตัวหลังหินก่อนใหญ่

เยว่เฉินซีชะโงกหัวของนางออกไปละชี้ไปยังพื้นที่ห่างออกไปหนึ่งพันเมตร มันไม่มีอะไรนอกจากหมาป่าสีดําดุร้ายที่สูงมากกว่าสิบเมตร

“บุปผารุ่งอรุณน่าจะอยู่ด้านข้างของหมาป่าตัวนั้น ระวังเอาไว้;ประสาทสัมผัสของมันไวมาก” เยว่เฉินซีกล่าวเบาๆ

ในตอนที่เซียวเฉินมองดูอย่างละเอียด,เขามองไม่เห็นอะไรสักอย่างไม่มีสิ่งใดอยู่ที่ตรงนั้น

เซี่ยวเฉันคิดว่าเยว่เฉินซีพาเขามาผิดที่ ดังนั้น,เขาจึงใช้สัมผัสวิญญาณของเขาครวจสอบรอบๆตัวหมาป่า อย่างไรก็ตาม,ผลก็ยังเป็นเช่นเดิม
เซี่ยวเฉินอดไม่ได้ที่จะมองเยว่เฉินซีอย่างสงสัย “ทําไมข้าไม่เห็นบุปผารุ่งอรุณ?”

ทันใดนั้น,เยว่เฉินซีกล่าวขึ้น “ข้าลืมบอกเจ้าไปบุปผารุ่งอรุณจะบานในช่วงระหว่างรุ่งสางเท่านั้นในแต่ละวัน นอกจากนั้น,มันยังบานเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ,ไม่เกินห้านาที”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนี้,เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเพียงจะบ่ายของวัน หากพวกเขาจําเป็นต้องรอจนถึงรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ พวกเขาต้องการเวลาอีกยี่สิบชั่วโมง

“ตัวตนของหมาป่าตัวนี้เป็นเช่นไร? มันดูเหมือนเป็นเพียงสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า,เจ้าน่าจะจัดการได้ด้วยตัวเอง” เซี่ยวเฉินถามขึ้น

หมาป่าดุร้ายตัวนั้นนั่งลงบนพื้น มันสูงกว่าสิบเมตรและมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ดวงตาของมันดําลึกไม่มีอะไรดูพิเศษ

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงบางอย่างผิดปกติ หมาป่าตัวนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ตาเห็น มิฉะนั้น,เยว่เฉินซีคงไม่มาขอความช่วยเหลือจากเขา

เยว่เฉินซีอธิบาย “นี่เป็นหมาป่ากลืนฝันและมันไม่ใช้หมาป่าปีศาจ มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 7 ความแข็งแกร่งของมันอยู่ระดับทั่วไป แต่มันเก่งอย่างยิ่งในการสร้างภาพลวงตามันหายาก มากละอองของบุปผารุ่งอรุณสามารถเร่งการบ่มเพาะพลังของมันได้

“ทุกที่ที่มีหมาป่ากลืนฝัน, ที่นั้นจะต้องมีบุปผารุ่งอรุณอย่างแน่นอน หลังจากนี้ ข้าจะลงมือดึงความสนใจของมันขณะที่เจ้าเข้าไปเก็บดอกไม้ ตราบใดที่พวกเราไม่ตกอยู่ในภาพลวงตาพร้อมกัน มันก็ง่ายที่จะรับมือ”

เซียวเฉินพยักหน้า เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมาจากแหวนหัวงจักรวาลของเขาและนั่งลงขัดสมาธิ

“นี่,เจ้ากําลังทําอะไร?” เยว่เฉินซีตกตะลึงเมื่อนางเห็นว่าเซี่ยวเฉินเตรียมตัวจะเข้าสู่การบ่มเพาะพลัง “ในตอนนี้, คลื่นยักษ์อ่อนแรงลงที่สุด,มันจะมีคนเข้ามาในเกาะแห่งนี้มากยิ่งขึ้นไปอีกหากพวกเขาไปทําหมาป่ากลืนฝันตื่นตกใจเข้า,มันอาจจะกินบุปผารุ่งอรุณเข้าไป”

เซี่ยวเฉินส่ายหัว “ไม่มีปีญหาที่จะต้องยืนเฝ้ากันทั้งสองคน ความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงพออยู่แล้ว หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น,ปลูกข้าขึ้นมาก็พอ”

ยังมีเวลาอีกตั้งยี่สิบชั่วโมง; นี่เป็นเวลาค่อนข้างนาน เซี่ยวเฉินไม่อยากที่จะเสียเวลาไปอย่างสูญเปล่า นอกจากนั้นจ้องมองดูที่จุดเดียวนาน ๆ มันน่าเบื่อหน่าย

เซียวเฉินค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานจิตวิญญาณภายในหินวิญญาณระดับกลางไหลเข้าไปที่วังวนฉีภายในจุดต้นเทียน

เซี่ยวเฉินเพิ่งจะทะลวงขอบเขตนักบุญขั้นสูงมาไม่นาน เขายังคงต้องใช้เวลาเพื่อสร้างความเสถียรก่อที่เขาจะสามารถใช้สมุนไพรวิญญาณเพื่อทะลวงสู่ขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด

ถึงอย่างไร,สมุนไพรวิญญาณก็เป็นของภายนอก หากรากฐานก่อสร้างมาไม่ดี,มันจะเหมือนเขื่อนที่ไม่มั่นคง พลังงานยาอันแข็งแกร่งก็เหมือนสายน้ําไหลหลากพลุ่งพล่าน หากเขื่อนไม่แน่นแข็งแกร่ง,มันจะแตกออกในทันที

ไม่เพียงแต่ขอบเขตพลังจะไม่เพิ่มขึ้น แต่มันจะทําตวามเสียหายกับร่างกายอย่างร้ายแรง การระมัดระวังเอาไว้เป็นสิ่งจําเป็น

เซี่ยวเฉินไม่มีที่เหลือให้ความผิดพลาดมากนัก ดังนั้น เขาไม่อาจปล่อยให้ยี่สิบชั่วโมงนี้สูญเปล่า

พลังงานวิญญาณบริสุทธิ์ภายในหินวิญญาณจางหายไปอย่างรวดเร็ว มันค่อยๆหมุนเวียนหนึ่งรอบใหญ่ไปตามวิถีของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะไหลเข้าสู่จุดตันเทียน

วังวนฉีสีม่วงขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นหนาแน่น

เวลาไหลผ่านไปในตอนที่เซียวเฉินลืมตาขึ้น, ท้องฟ้าก็มืด มันถึงช่วงค่ําคืนแล้ว

ในตอนที่เสี่ยวไปเห็นเซี่ยวเฉินตื่นขึ้น,นางกล่าวอย่างน่าสงสาร “พี่ใหญ่เซียวเฉินเสี่ยวไปหิวแล้ว”

เซี่ยวเฉินยิ้มอ่อนโยนและเก็บหินวิญญาณที่ใช้ไปครึ่งหนึ่งเข้าไป จากนั้นเขากล่าว “เช่นนั้นพวกเราควรกินอะไรกันก่อน;ข้าก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”

เมื่อเสี่ยวไปได้ยินดังนั้น,นางดีใจขึ้นมาในทันทีนางรับอาหารที่เซียวเฉินส่งให้และทานอย่างเอร็ดอร่อย

นอกจากเป็นช่องเก็บของ,แหวนหัวงมิติของเซียวเฉินยังมีความสามารถในการเก็บรักษา ดังนั้น,อาหารที่เซียวเฉินเอาออกมาจะอร่อยและสดใหม่อย่างยิ่ง

กลิ่นของอาหารหอมหวลในจมูกของทั้งสองขณะที่พวกเขากินจนพอใจ จากนั้น,เซี่ยวเฉินก็หยิบเอาแก้วเหล้าออกมารินและจิบเบาๆ

เสียวไปหยิบขวดน้ําเต้าที่ห้อยอยู่ตรงเอวของนางออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่เป็นประกายของนางดูราวกับจันทร์เสี้ยวนางหูน่ารักเป็นอย่างมาก

“พี่ใหญ่เซียวเฉิน,ดื่ม!”

เซี่ยวเฉินยิ้มและชนแก้วเหล้าของเขากับขวดน้ําเต้าของเสี่ยวไป จากนั้นเขาก็ยกดื่มรวดเดียวหมด

เยว่เฉินซีหันกลับมามองเห็นทั้งสองกําลังสังสรรค์กันอย่างมีความสุข ดวงตาของนางสว่างไสว นางรู้สึกหมดคําจะพูดพร้อมกับกล่าวขึ้น “มือกระบี่ชุดขาว,เจ้ากําลังทําอะไร?”

เซียวเฉินวางแก้วเหล้าลงเบาๆและพึมพํา “กําลังกิน”

เยว่เฉินซีมีนโหขึ้นมาเล็กน้อย “บุปผารุ่งอรุณนี่สําคัญกับข้าอย่างมาก หากข้าพลาดโอกาสนี้ไป,ข้าไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ที่ข้าจะได้พบกับมันอีก”

“หากพวกเราไปทําให้หมาป่ากลืนฝันรู้ตัว,ทั้งหมดจะสูญเปล่า ข้าขอร้องเจ้า,มือกระบี่ชุดขาว,เจ้าจริงจังกว่านี้ได้หรือไม่? ในฐานะผู้บ่มเพาะพลัง,ไม่มีปัญหาที่จะไม่ดื่มกินตอนนี้ขอให้อดทน”

“บั้ม…!”

สิ้นเสียงของเยว่เฉินซี,มีเสียงคารามแปลกประหลาดออกมาจากท้องของนาง

ทันใดนั้น,เยว่เฉินซีหน้าแดงฉาด นางนึกขึ้นได้ว่าในตอนที่นางกลับมาจากทะเลไร้ขอบเขต,นางเร่งตรงมาที่เกาะเชียนเหลิ่นในทันที มันก็สักพักแล้วที่นางไม่ได้กินอะไร

เสี่ยวไปรีบนําอาหารไปให้เยว่เฉินซีและกล่าว “พี่สาวเยว,ท้องท่านกําลังหิว;มันกําลังเรียกร้องหาอาหาร ท่านน่าจะกินอะไรบ้าง หากท่านไม่กินท่านจะรู้สึกไม่สบายตัวในอดีต,เสียวไปมักจะลืมกินข้าวอยู่บ่อยๆ”

เยว่เฉินซีขวยเขินหนัก;นางทําได้เพียงกล่าวโทษท้องของนางที่ทําให้นางต้องเสียหน้า เวลามีตั้งมากมายแต่กลับมาร้องในจังหวะนี้ นางเพิ่งจะกล่าวออกไป,ว่าผู้บ่มเพาะพลังอดข้าวก็ไม่เป็นไร

เยว่เฉินซีเพิ่งจะหยิบหลักการนี้มาต่อว่าเซียวเฉิน,แต่ในจังหวะต่อมาท้องของนางกลับทรยศเจ้าหมอนี้จะต้องหยิบเรื่องนี้มาล้อข้า,นางคิดกับตัวเองในใจ

“กินอะไรบ้าง สําหรับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลางท้องร้องออกมาได้เช่นนี้,เจ้าคงไม่ได้กินอะไรมากว่าครึ่งเดือนแล้วบุปผารุ่งอรุณสําคัญกับเจ้า,เจ้าก็ยิ่งต้องกินข้าจะช่วยเฝ้าระวังให้เจ้าเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 387 บุปผารุ่งอรุณกับหมาป่าที่ดุร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 387 บุปผารุ่งอรุณกับหมาป่าที่ดุร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 387 บุปผารุ่งอรุณกับหมาป่าที่ดุร้าย

เยว่เฉินซีตกตะลึง!คําพูดของเซี่ยวเฉินทําให้นางนิ่งงัน ในตอนที่นางครุ่นคิดด,มันก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลอย่างไรก็ตาม,นางก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง

คนผู้นี้ช่างน่าสะพรึง ในอดีต,ในตอนที่เยว่เฉินซีต้องการความช่วยเหลือ,นางไม่จําเป็นต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำมีคนมากมายเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือนางถึงกับต้องเลือกว่าจะให้ใครเป็นคนช่วยเหลือนาง

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินผู้นี้..ในตอนที่เยว่เฉินซีริเริ่มขอความช่วยเหลือ,นางอาจจะต้องติดค้างกับเซียวเฉิน แต่กระนั้น,ไม่คาดคิดว่าเขาจะถามหาค่าเหนื่อย

ติดค้าง…ในตอนที่เยว่เฉินซีคิดถึงค่านี้,นางก็นึกขึ้นได้ว่าอะไรที่ไม่ถูกต้อง นางรีบกล่าวขึ้น “มันสามารถนับได้ว่าข้าติดร้างเจ้ามันจะกลายเป็นการเอาเปรียบไปได้อย่างไร?”

มองเห็นเยว่เฉินซีเกรียวโกรธ,เสี่ยวไปกล่าวอย่างเหนียมๆ “พี่สาวเยว่ นั้นเป็นสิ่งที่เสี่ยวไป่กล่าว,ไม่ใช่พี่ใหญ่เซียวเฉินโปรดอย่าโทษพี่ใหญ่เซียวเฉิน”

เยว่เฉินซีนิ่งงันไปอีกครั้ง ในอตนที่นางครุ่นคิดดู, เป็นเสี่ยวไปที่กล่าวออกมาจริงๆกระนั้น,นางกลับเอาความโกรธไปลงที่เซี่ยวเฉิน

หดห่…ทําไมรู้สึกเหมือนข้ามักจะเอะอะกับเรื่องไม่เป็นเรื่องในตอนที่ข้าอยู่กับเจ้าหมอนี้? เยวเฉินซีคิดอย่างเดือดดาลในใจ

เซี่ยวเฉินยิ้มอ่อนโยนและดึงเสี่ยวไปไปด้านหลังของเขา เขายิ้มขึ้น “อย่าได้โทษตัวเอง ตามจริง,ข้าก็จะกลายออกมาเช่นนั้น,เพียงกล่าวตัดหน้าข้าไป”

หลังจากนั้น ก่อนที่เยว่เฉินซีจะระเบิดความโกรธออกมา,เซียวเฉินกล่าวต่อ “อย่าเพิ่งเดือดดาล อย่างที่เจ้ากล่าวมา:เจ้าติดค้างข้า เมื่อเป็นเช่นนั้น โปรดอธิบายให้ข้าฟังให้ข้าเห็นว่าข้าจะได้อะไรถึงต้องเข้าไปเสี่ยง”

เยว่เฉินซีกล่าวอย่างก้าวร้าว “เจ้า…!ทําไมข้ารู้สึกเหมือนพูดคุยกับเจ้าเหมือนกําลังต่อรองธุรกิจ? เจ้ามันนักธุรกิจไร้ยางอาย”

ในตอนที่เซียวเฉินได้ยินคําว่าธุรกิจ,เขาเกิดความคิด

หากโลกนี้สามารถจัดการได้เหมือนกับเป็นธุรกิจ,ทุกอย่างตกลงกับอย่างยุติธรรม,รวมตัวและ แยกย้าย,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่ามันก็ไม่เลว

น่าเสียดาย,เซี่ยวเฉินเห็นมาเยอะแล้ว ธรรมชาติของโลกใบนี้คือปลาใหญ่กินปลาเล็กไม่มีความยุติธรรมหากปราศจากความแข็งแกร่ง

“ไม่เป็นไร เจ้าอยากจะพูดอะไรก็ตาม บอกข้าถึงรายละเอียดที่อยากจะให้ข้าช่วยเหลือ” เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเฉยเมยหลังจากรวบรวมความคิดของเขา

เยว่เฉินซี่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เรียบเรียงคําพูดของนางก่อนที่จะแบ่งปันรายละเอียดกับเซี่ยวเฉิน

มันกลายเป็นว่า,หลังจากเยว่เฉินซีสําเร็จการเดินทางฝึกฝนของนางในทะเลไร้ขอบเขตแล้ว, นางวางแผนจะกลับไปยังอาณาจักรต้าจิน แต่อย่างไรก็ตาม,นางไปเจอเข้ากับจินอูจที่เกาะสายลมขจีโดยไม่คาดคิด

เยว่เฉินซีเคยพูดคุยกับจินอูจที่การประลองผู้เยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน ดังนั้น การทักทายกันสักหน่อยเป็นเรื่องไม่อาจหลีกเลี่ยง

ในตอนที่จินอเชิญชวนนางไปที่การประชุมที่โรงเตี้ยม,นางกําลังเร่งรีบที่จะกลับ นอกจากนั้น,การประชุมครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในระดับสูง

ผู้คนที่เข้าร่วมไม่ได้เป็นสุดยอดอัจฉริยะจากอาณาจักรต่างๆ ยิ่งกว่านั้น,นางไม่ได้สนิทสนมอะไรกับจินอจี้ ดังนั้น,นางจึงไม่ได้ตกลงที่จะเข้าร่วม

เยว่เฉินซีก็พอจะคาดเดาได้ว่าจินอจอยากที่จะใช้ตัวตนของนางเพื่อเพิ่มอิทธิพลให้กับเขา ดังนั้น มันทําให้นางมีเหตุผลที่จะปฏิเสธยิ่งขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม,จินอจให้ข่าวนางว่ามีบุปผารุ่งอรุณอยู่ที่เกาะเชียนเหลิ่นแห่งนี้ ตราบใดที่เยวเฉินซียินดีเข้าร่วมการประชุม,เขาจะบอกตําแหน่งคราวๆของบุปผารุ่งอรุณให้

เยว่เฉินซีฝึกฝนทักษะยุทธหมัดอาทิตย์รุ่งอรุณ;เป็นผลให้นางจําเป็นต้องบ่มเพาะทักษะบ่มเพาะที่เกี่ยวข้องกัน,ทักษะบ่มเพาะอาทิตย์รุ่งอรุณ นอกจากนั้น, มันยังยากอย่างยิ่งที่จะพัฒนา ทักษะอาทิตย์รุ่งอรุณนี้

หากเยว่เฉินได้บุปผารุ่งอรุณมา,นางจะสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของนาง นอกจากนย,ผลของบุปผารุ่งอรุณไม่ได้ส่งผลเพียงชั่วคราวแต่ว่าเป็นตลอดชีวิต

เซียวเฉินมองไปรอบๆและถามขึ้นอย่างสงสัย “คิดดูแล้ว,บุปผารุ่งอรุณน่าจะมีสัตว์อสูรปีศาจหรือสัตว์อสูรวิญญาณคอยเฝ้าเอาไว้ นั้นเป็นเหตุว่าทําไมเจ้าถึงมาให้ข้าช่วย ข้าเชื่อว่าจินอุจจะยินดีอย่างยิ่งที่ช่วยเหลือเจ้า;ทําไมข้าไม่เห็นเขา?”

เยว่เฉินซีกล่าว “เขาได้รับบาดเจ็บจากศพปีศาจโลหิตทมิฬเมื่อก่อหน้านี้และเร่งรีบกลับออกไปแล้ว แค่ตัวเองเขายังดูแลไม่ได้”

เซียวเฉินครุ่นคิดดูอย่างละเอียด เขาไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่อะไร เขามองขึ้นไปและกล่าวขึ้น “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ลืมเรื่องที่ติดค้างข้าไปเถอะ:ถือเสียว่าเป็นค่าปิดปากเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนสมุนไพร

เยว่เฉินซียิ้มอย่างอ่อนโยน:ในที่สุดนางก็ได้ยินเซี่ยวเฉินกล่าวอะไรที่เห็นตรงกัน นางไม่ได้ถือโกรธอีกต่อไปแล้ว “เช่นนั้น,ตามข้ามา”

เยว่เฉินซีนํากลุ่มไปที่ทางเหนือของเกาะเชียนเหลิ่น

เกาะเชียนเหลินมีพื้นที่กว้างมาก,ใหญ่เทียบเท่ากับเกาะสายลมขจี อย่างไรก็ตาม มันดูรกร้างกว่า

นอกจากราชวังที่พังทลาย,ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นบนเกาะแห่งนี้ มีก้อนหินกลบพื้นที่ต้นหญ้าไม่แม้แต่จะงอกขึ้นมาได้

ทันใดนั้น,เยว่เฉินซี ผู้ที่นําทางอยู่ก็หยุดหยุดฝีเท้าลง นางส่งสัญญาณให้ทั้งสองไปซ่อนตัวหลังหินก่อนใหญ่

เยว่เฉินซีชะโงกหัวของนางออกไปละชี้ไปยังพื้นที่ห่างออกไปหนึ่งพันเมตร มันไม่มีอะไรนอกจากหมาป่าสีดําดุร้ายที่สูงมากกว่าสิบเมตร

“บุปผารุ่งอรุณน่าจะอยู่ด้านข้างของหมาป่าตัวนั้น ระวังเอาไว้;ประสาทสัมผัสของมันไวมาก” เยว่เฉินซีกล่าวเบาๆ

ในตอนที่เซียวเฉินมองดูอย่างละเอียด,เขามองไม่เห็นอะไรสักอย่างไม่มีสิ่งใดอยู่ที่ตรงนั้น

เซี่ยวเฉันคิดว่าเยว่เฉินซีพาเขามาผิดที่ ดังนั้น,เขาจึงใช้สัมผัสวิญญาณของเขาครวจสอบรอบๆตัวหมาป่า อย่างไรก็ตาม,ผลก็ยังเป็นเช่นเดิม
เซี่ยวเฉินอดไม่ได้ที่จะมองเยว่เฉินซีอย่างสงสัย “ทําไมข้าไม่เห็นบุปผารุ่งอรุณ?”

ทันใดนั้น,เยว่เฉินซีกล่าวขึ้น “ข้าลืมบอกเจ้าไปบุปผารุ่งอรุณจะบานในช่วงระหว่างรุ่งสางเท่านั้นในแต่ละวัน นอกจากนั้น,มันยังบานเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ,ไม่เกินห้านาที”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนี้,เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเพียงจะบ่ายของวัน หากพวกเขาจําเป็นต้องรอจนถึงรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ พวกเขาต้องการเวลาอีกยี่สิบชั่วโมง

“ตัวตนของหมาป่าตัวนี้เป็นเช่นไร? มันดูเหมือนเป็นเพียงสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า,เจ้าน่าจะจัดการได้ด้วยตัวเอง” เซี่ยวเฉินถามขึ้น

หมาป่าดุร้ายตัวนั้นนั่งลงบนพื้น มันสูงกว่าสิบเมตรและมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ดวงตาของมันดําลึกไม่มีอะไรดูพิเศษ

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงบางอย่างผิดปกติ หมาป่าตัวนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ตาเห็น มิฉะนั้น,เยว่เฉินซีคงไม่มาขอความช่วยเหลือจากเขา

เยว่เฉินซีอธิบาย “นี่เป็นหมาป่ากลืนฝันและมันไม่ใช้หมาป่าปีศาจ มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 7 ความแข็งแกร่งของมันอยู่ระดับทั่วไป แต่มันเก่งอย่างยิ่งในการสร้างภาพลวงตามันหายาก มากละอองของบุปผารุ่งอรุณสามารถเร่งการบ่มเพาะพลังของมันได้

“ทุกที่ที่มีหมาป่ากลืนฝัน, ที่นั้นจะต้องมีบุปผารุ่งอรุณอย่างแน่นอน หลังจากนี้ ข้าจะลงมือดึงความสนใจของมันขณะที่เจ้าเข้าไปเก็บดอกไม้ ตราบใดที่พวกเราไม่ตกอยู่ในภาพลวงตาพร้อมกัน มันก็ง่ายที่จะรับมือ”

เซียวเฉินพยักหน้า เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมาจากแหวนหัวงจักรวาลของเขาและนั่งลงขัดสมาธิ

“นี่,เจ้ากําลังทําอะไร?” เยว่เฉินซีตกตะลึงเมื่อนางเห็นว่าเซี่ยวเฉินเตรียมตัวจะเข้าสู่การบ่มเพาะพลัง “ในตอนนี้, คลื่นยักษ์อ่อนแรงลงที่สุด,มันจะมีคนเข้ามาในเกาะแห่งนี้มากยิ่งขึ้นไปอีกหากพวกเขาไปทําหมาป่ากลืนฝันตื่นตกใจเข้า,มันอาจจะกินบุปผารุ่งอรุณเข้าไป”

เซี่ยวเฉินส่ายหัว “ไม่มีปีญหาที่จะต้องยืนเฝ้ากันทั้งสองคน ความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงพออยู่แล้ว หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น,ปลูกข้าขึ้นมาก็พอ”

ยังมีเวลาอีกตั้งยี่สิบชั่วโมง; นี่เป็นเวลาค่อนข้างนาน เซี่ยวเฉินไม่อยากที่จะเสียเวลาไปอย่างสูญเปล่า นอกจากนั้นจ้องมองดูที่จุดเดียวนาน ๆ มันน่าเบื่อหน่าย

เซียวเฉินค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานจิตวิญญาณภายในหินวิญญาณระดับกลางไหลเข้าไปที่วังวนฉีภายในจุดต้นเทียน

เซี่ยวเฉินเพิ่งจะทะลวงขอบเขตนักบุญขั้นสูงมาไม่นาน เขายังคงต้องใช้เวลาเพื่อสร้างความเสถียรก่อที่เขาจะสามารถใช้สมุนไพรวิญญาณเพื่อทะลวงสู่ขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด

ถึงอย่างไร,สมุนไพรวิญญาณก็เป็นของภายนอก หากรากฐานก่อสร้างมาไม่ดี,มันจะเหมือนเขื่อนที่ไม่มั่นคง พลังงานยาอันแข็งแกร่งก็เหมือนสายน้ําไหลหลากพลุ่งพล่าน หากเขื่อนไม่แน่นแข็งแกร่ง,มันจะแตกออกในทันที

ไม่เพียงแต่ขอบเขตพลังจะไม่เพิ่มขึ้น แต่มันจะทําตวามเสียหายกับร่างกายอย่างร้ายแรง การระมัดระวังเอาไว้เป็นสิ่งจําเป็น

เซี่ยวเฉินไม่มีที่เหลือให้ความผิดพลาดมากนัก ดังนั้น เขาไม่อาจปล่อยให้ยี่สิบชั่วโมงนี้สูญเปล่า

พลังงานวิญญาณบริสุทธิ์ภายในหินวิญญาณจางหายไปอย่างรวดเร็ว มันค่อยๆหมุนเวียนหนึ่งรอบใหญ่ไปตามวิถีของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะไหลเข้าสู่จุดตันเทียน

วังวนฉีสีม่วงขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นหนาแน่น

เวลาไหลผ่านไปในตอนที่เซียวเฉินลืมตาขึ้น, ท้องฟ้าก็มืด มันถึงช่วงค่ําคืนแล้ว

ในตอนที่เสี่ยวไปเห็นเซี่ยวเฉินตื่นขึ้น,นางกล่าวอย่างน่าสงสาร “พี่ใหญ่เซียวเฉินเสี่ยวไปหิวแล้ว”

เซี่ยวเฉินยิ้มอ่อนโยนและเก็บหินวิญญาณที่ใช้ไปครึ่งหนึ่งเข้าไป จากนั้นเขากล่าว “เช่นนั้นพวกเราควรกินอะไรกันก่อน;ข้าก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”

เมื่อเสี่ยวไปได้ยินดังนั้น,นางดีใจขึ้นมาในทันทีนางรับอาหารที่เซียวเฉินส่งให้และทานอย่างเอร็ดอร่อย

นอกจากเป็นช่องเก็บของ,แหวนหัวงมิติของเซียวเฉินยังมีความสามารถในการเก็บรักษา ดังนั้น,อาหารที่เซียวเฉินเอาออกมาจะอร่อยและสดใหม่อย่างยิ่ง

กลิ่นของอาหารหอมหวลในจมูกของทั้งสองขณะที่พวกเขากินจนพอใจ จากนั้น,เซี่ยวเฉินก็หยิบเอาแก้วเหล้าออกมารินและจิบเบาๆ

เสียวไปหยิบขวดน้ําเต้าที่ห้อยอยู่ตรงเอวของนางออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่เป็นประกายของนางดูราวกับจันทร์เสี้ยวนางหูน่ารักเป็นอย่างมาก

“พี่ใหญ่เซียวเฉิน,ดื่ม!”

เซี่ยวเฉินยิ้มและชนแก้วเหล้าของเขากับขวดน้ําเต้าของเสี่ยวไป จากนั้นเขาก็ยกดื่มรวดเดียวหมด

เยว่เฉินซีหันกลับมามองเห็นทั้งสองกําลังสังสรรค์กันอย่างมีความสุข ดวงตาของนางสว่างไสว นางรู้สึกหมดคําจะพูดพร้อมกับกล่าวขึ้น “มือกระบี่ชุดขาว,เจ้ากําลังทําอะไร?”

เซียวเฉินวางแก้วเหล้าลงเบาๆและพึมพํา “กําลังกิน”

เยว่เฉินซีมีนโหขึ้นมาเล็กน้อย “บุปผารุ่งอรุณนี่สําคัญกับข้าอย่างมาก หากข้าพลาดโอกาสนี้ไป,ข้าไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ที่ข้าจะได้พบกับมันอีก”

“หากพวกเราไปทําให้หมาป่ากลืนฝันรู้ตัว,ทั้งหมดจะสูญเปล่า ข้าขอร้องเจ้า,มือกระบี่ชุดขาว,เจ้าจริงจังกว่านี้ได้หรือไม่? ในฐานะผู้บ่มเพาะพลัง,ไม่มีปัญหาที่จะไม่ดื่มกินตอนนี้ขอให้อดทน”

“บั้ม…!”

สิ้นเสียงของเยว่เฉินซี,มีเสียงคารามแปลกประหลาดออกมาจากท้องของนาง

ทันใดนั้น,เยว่เฉินซีหน้าแดงฉาด นางนึกขึ้นได้ว่าในตอนที่นางกลับมาจากทะเลไร้ขอบเขต,นางเร่งตรงมาที่เกาะเชียนเหลิ่นในทันที มันก็สักพักแล้วที่นางไม่ได้กินอะไร

เสี่ยวไปรีบนําอาหารไปให้เยว่เฉินซีและกล่าว “พี่สาวเยว,ท้องท่านกําลังหิว;มันกําลังเรียกร้องหาอาหาร ท่านน่าจะกินอะไรบ้าง หากท่านไม่กินท่านจะรู้สึกไม่สบายตัวในอดีต,เสียวไปมักจะลืมกินข้าวอยู่บ่อยๆ”

เยว่เฉินซีขวยเขินหนัก;นางทําได้เพียงกล่าวโทษท้องของนางที่ทําให้นางต้องเสียหน้า เวลามีตั้งมากมายแต่กลับมาร้องในจังหวะนี้ นางเพิ่งจะกล่าวออกไป,ว่าผู้บ่มเพาะพลังอดข้าวก็ไม่เป็นไร

เยว่เฉินซีเพิ่งจะหยิบหลักการนี้มาต่อว่าเซียวเฉิน,แต่ในจังหวะต่อมาท้องของนางกลับทรยศเจ้าหมอนี้จะต้องหยิบเรื่องนี้มาล้อข้า,นางคิดกับตัวเองในใจ

“กินอะไรบ้าง สําหรับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลางท้องร้องออกมาได้เช่นนี้,เจ้าคงไม่ได้กินอะไรมากว่าครึ่งเดือนแล้วบุปผารุ่งอรุณสําคัญกับเจ้า,เจ้าก็ยิ่งต้องกินข้าจะช่วยเฝ้าระวังให้เจ้าเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+