Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 392 การฝันเปิดเส้นปราณ
ตอนที่ 392 การฝันเปิดเส้นปราณ
เซี่ยวเฉินโยนเปลือกโสมหิมะทิ้งไปและหยิบเอาสมุนไพรวิญญาณห้าร้อยปีออกมาอีกต้น เขาพึมพํา “นี่เป็นผลไม้ร้อยวิญญาณ สรรพคุณของมันด้อยกว่าโสมหิมะ มันสามารถเพิ่มการบ่มเพาะพลังได้เพียงห้าปีอย่างไรก็ตาม,นั้นก็นับว่ามากแล้ว”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินกินโสมหิมะไป,วังวนฉีของเขาใหญ่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณปราณที่มันสามารถกักเก็บได้เพิ่มขึ้นมาครึ่งหนึ่ง
นอกจากนั้น,ด้วยประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านมา,การย่อยผลไม้ร้อยวิญญาณไม่ได้อันตรายเหมือนก่อนหน้านี้ สองวันต่อมา,เซี่ยวเฉินก็ดูดซับพลังยาของมันจนหมดสิ้น
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินดูดซับสมบัติธรรมชาติที่เพิ่มการบ่มเพาะพลังของเขาต่อไปปริมาณปราณภายในร่างของเขาได้เพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่ากบัว
ปริมาณปราณของเซียวเฉินในตอนนี้เทียบได้กับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลาง หากเขาดูดซับสมุนไพรวิญญาณทั้งหมด,ปริมาณปราณของเขาจะแซงหน้าขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลาง และเทียบเท่าได้กับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน,เซียวเฉินถือสมุนไพรวิญญาณอายุห้าร้อยปีอันสุดท้ายอยู่ในมือเขาคิ้วขมวดเล็กน้อย,กล่าวเบาๆกับตัวเอง “ถึงตอนนี้ผลของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้อ่อนลง สมุนไพรวิญญาณที่เดิมที่สามารถเพิ่มการบ่มเพาะพลังได้สิบปีไม่อาจเพิ่มถึงห้าปีได้แล้วในตอน
นี่เป็นปัญหาของการเกิดการต่อต้านสมุนไพรวิญญาณ เซียวเฉินเคยประสบมาก่อนในตอนที่อยู่ในโลกใต้พิภพก่อนที่เขาจะกินสมุนไพรได้มากเกินไป,เขาเกิดการต่อต้านสมุนไพรวิญญาณอย่างเห็นได้ชัด
นอกเสียจากว่าเซี่ยวเฉินจะพบสมุนไพรพันปี,มันจะยากที่จะใช้วิธีนี้เพิ่มการบ่มเพาะพลัง สมุนไพรวิญญาณอายุต่ํากว่าพันปีไม่มีประโยชน์กับเขามากอีกต่อไป
เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและยิ้มขึ้น “ข้าควรจะพอใจแล้ว ในตอนนี้ ปริมาณปราณของข้าเทียบเท่ากับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูง ในตอนที่ข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ปริมาณปราณของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ถึงตอนนั้น,ขอบเขตกษัตริย์ยุทธผู้ชําชองเหล่านั้นจะไม่ได้เป รียบข้ามากมายอะไรอีกต่อไป”
เซี่ยวเฉินใช้เวลาเพียงครึ่งวันเพื่อย่อยสมุนไพรต้นสุดท้าย
ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์,ด้วยการสนับสนุนของปราณอันมหาศาลของเขา,เซี่ยวเฉินเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดโดยไม่มีติดขัด
หลังจากขอบเขตพลังของเซียวเฉินเพิ่มขึ้น จํานวนเส้นปราณย่อยในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นเขาจําเป็นต้องเปิดอีกสองเส้นปราณย่อยเพื่อที่จะบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิชันที่หก
มันได้เวลาแล้วที่เซียวเฉินจะเปิดเส้นปราณสองเส้นนั้น เขาจําเป็นต้องบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชันที่หก,เลื่อนระดับขอบเขตการบ่มเพาะพลังและทักษะบ่มเพาะของเขาไปพร้อมกัน
ในตอนที่ผู้บ่มเพาะพลังพยายามที่จะก้าวข้ามอุปสรรคใหญ่,โดยปกติพวกเขาจะต้องใช้เวลานาน
ไม่เพียงแต่พลังปราณของพวกเขาจะไม่เพียงพอ,แต่พวกเขายังต้องการจังหวะโอกาสที่เหมาะสม
ปราศจากจังหวะที่เหมาะสม,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หลิวหรูเยว่นางเคยเล่าให้เซี่ยวเฉินฟังครั้งหนึ่งถึงประสบการณ์ในตอนที่เลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
ดังนั้น การหาจังหวะที่เหมาะสมจึงติดอยู่ในใจของเซี่ยวเฉิน โชคดี,เขามีทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ การเลื่อนสู่ชั้นที่หกก็นับได้ว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม
สองวันหลังจากเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,เซี่ยวเฉินก็พร้อมที่จะลองฝืนเปิดเส้นปราณย่อยสองเส้นนั้น
พลังงานธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์มหาศาลหมุนเวียนไปตามเส้นปราณหลักทั้งเก้าของเซียวเฉินหนึ่งรอบเล็ก จากนั้น มันค่อยๆไหลไปตามเส้นปราณย่อยมากมายหยิ่งรอบใหญ่
หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินไม่เร่งรีบที่จะส่งปราณของเขากลับไปที่จุดตันเทียน เขาหยุดพลังปราณ เอาไว้ที่กึ่งกลางเส้นปราณหลักเส้นหยิ่ง เส้นปราณยาอยมากมายรอบๆเส้นปราณหลักเส้นนั้นราวกับเป็นกิ่งก้านที่งอกจากล่าต้นไม้
เซี่ยวเฉินมองไปยังเส้นปราณย่อยที่เขาต้องการ จากนั้นเขาลับปราณของเขาให้เป็นเหมือนกับตะปูและแมงเข้าไปที่เส้นปราณย่อยอย่างช้าๆ
“ชี!”
เส้นปราณย่อยเส้นนั้นเปิดขึ้นมาเพียงเล็กน้อย,และเซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดขึ้นมาในทันที เขาสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไป
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้หยุดมือ ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว เซี่ยวเฉินเตรียมตัวรับมานานแล้ว
เส้นปราณย่อยเปิดออกทีละเล็กละน้อย ความเจ็บปวดรุนแรงทําให้เส้นเลือดที่หน้าผากของเขาบูดขึ้นขณะที่เหงื่อแตกเม็ดออกมาไม่หยุด
หลังจากพยายามหนักมาทั้งคืน,เส้นปราณย่อยเส้นนี้ในที่สุดก็เปิดขึ้นมาสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากพักอยู่ครู่หนึ่ง,เขาก็กลับมาเปิดเส้นปราณต่อ
เซี่ยวเฉินไม่มีเวลามากนัก เปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะคนอื่นๆ,ตัวเขาเริ่มออกเดินช้ากว่ามากคนเหล่านั้นทิ้งเซียวเฉินให้กินฝุ่น
เปรียบเทียบกับคนอื่นๆ,เซี่ยวเฉินต้องการเวลามากที่สุด ผลการเก็บเกี่ยวจากการเผชิญโชคในครั้งนี้สามารถย่นระยะห่างได้เล็กน้อย
ถึงอย่างไร ผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะเหล่านั้นส่วนมากมีนิกายใหญ่หนุนหลัง พวกเขาไม่ขาดแคลนเม็ดยา,สมุนไพร,หรือสมบัติ
ไม่ว่าจะเจ็บปวดถึงเพียงใด,อยากเย็นสักแค่ไหน,หรือมีอันตรายรออยู่มากมาย,เซี่ยวเฉินก็จะต้องทนรับเขาไม่อาจนิ่งเกียจคร้าน
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน,หลังจากผ่านการพยายามอย่างหนัก,ในที่สุดเซียวเฉินก็เปิดเส้นปราณย่อยสองเส้นนั้นได้อย่างสมบูรณ์
เส้นปราณใหม่บอบบางเกินไป;ปราณไม่สามารถไหลผ่านมันได้ ดังนั้น,เซี่ยวเฉินไม่สามารถใช้พวกมันเพื่อบ่มเพาะพลัง อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินได้เตรียมพร้อมมานานแล้วเขาหยิบเอาสมุนไพรวิญญาณมากมายที่มีฤทธิ์บํารุงเส้นปราณออกมา
หลังจากผ่านไปอีกเจ็ดวัน,ด้วยการบํารุงจากสมุนไพรวิญญาณ,เส้นปราณเส้นใหม่ของเซียวเฉินก็มั่นคงเหมือนกับเส้นปราณเส้นอื่นๆ เขาสามารถใช้พวกมันบ่มเพาะพลังได้แล้วในตอนนี้
ดวงจันทร์กลมโตลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า,ฉายแสงอันอ่อนโยนลงมา
เซี่ยวเฉินค่อยๆลุกขึ้นจากก้อนหิน เขาเหลียวมองไปที่ดวงจันทร์สว่างเหนือหัวก่อนที่จะหยิบเอาแก่นกลางวิญญาณสีทองออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล
แก่นกลางวิญญาณอันนี้มีขนาดเท่ากับลูกบาส นี้เป็นแก่นกลางวิญญาณของเจ้าสิงโตทองคํา ที่เซี่ยวเฉินล่าได้จากป่าอํามหิต
เซียวเฉินรู้สึกว่าเขายังขาดอะไรไปในการเลื่อนระดับสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธจนเขานึกถึงแก่นกลางวิญญาณของเจ้าสิงโตทองคํา
เซี่ยวเฉินในตอนนี้รู้แล้วว่าเขายังขาดพลังภายนอกที่แข็งแกร่ง ในตอนที่เขาเลื่อนระดับทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของเขาสู่ชั้นที่หก,เขาจะใช้พลังภายนอกควบคู่ไปกับพลังปราณของเขาและทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ในครั้งเดียว
เซี่ยวเฉินถือแก่นกลางวิญญาณสีทองที่นอนอยู่ในแหวนห้วงจักรวาลของเขามาเป็นเวลาหนึ่งปี ในที่สุดก็ถึงเวลาได้ใช้มัน
การเลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธภายในสามเดือนนั้นยากราวกับทะยานขึ้นสู่สวรรค์ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าคิดถึงมาก่อน
อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินอยากที่จะเดิมพันดู เขารู้สึกได้ถึงพลังงานอันบริสุทธิ์ของแก่นกลาวิญญาณสีทองอันนี้และกล่าวขึ้น “หลังจากเตรียมตัวมาสองเดือน,ข้ากินสมุนไพรวิญญาณที่เพิ่มการบ่มเพาะพลังของข้าพร้อมกับเสี่ยงฝืนเปิดเส้นปราณย่อย,ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้”
เซี่ยวเฉินต้องสําเร็จเท่านั้น;เขาไม่อาจล้มเหลวได้ เปรียบเทียบกันพวกที่มีนิกายใหญ่หนุนห ลัง,คนเหล่านั้นเป็นอัจฉริยะชั้นยอดสุด,ตัวเขาไม่มีทรัพยากรให้เสียไปกับความล้มเหลวในตอนนี้ เขาพลาด,เขาจะเสียโอกาสในการไล่ตามคนเหล่านั้น
เป็นคืนจันทร์เต็มดวงที่เงียบสงบ
เซี่ยวเฉินสํารวจหาพื้นที่ที่มีพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นที่สุด จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งบนก้อนหินก้อนหนึ่ง
เซี่ยวเฉินแบมือขึ้นและจีบนิ้ว แก่นกลางสีทองขนาดเท่ากับลูกบาสเงียบนิ่งเงียบอยู่เหนือฝ่ามือของเขา พลังงานจิตวิญญาณของแก่นกลางไหลออกมาแต่ไม่ได้กระจัดกระจายออกไปเซี่ยวเฉินเหนี่ยวนํามันด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา
เซี่ยวเฉินสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะหายใจออกเป็นควันสีขาว แม้ว่าเวลาจะผ่านไป,ควันเหล่านี้ก็ไม่กระจัดกระจายหายไป
สําเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับตอนนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว,เซี่ยวเฉินหลับตาลง
วังวนฉีขนาดมหึมาในจุดตันเที่ยนของเซียวเฉินหมุนวนอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาหมุนเวียนไปตามวิธีของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างเงียบๆ
พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าโดยรอบพุ่งเข้าไปภายในร่างของเซียวเฉิน,เกิดวังวนรอบตัวของเขามันไหลเข้าไปในรูขุมขนของเขาและไหลไปตามเส้นปราณ,เข้าไปถึงจุดตันเทียน
“ติง! ติง!”
ปราณเหลวธาตุสายฟ้าก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว,หยดลงมาจากวังวนฉี ในไม่ช้า,พลังงานธาตุสายฟ้าก็เติมเต็มวังวนฉีสีม่วง
นี่เป็นขั้นแรกในการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เซี่ยวเฉินต้องดูดซับพลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าโดยรอบและนําทั้งหมดไปที่จดต้นเทียน
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่จบลง เซี่ยวเฉินต้องสกัดมันอย่างต่อเนื่อง,เปลี่ยนพลังงานจิตวิญญาณให้เป็นปราณที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ของเหลวสีมีวงภายในวังวนฉีหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ในตอนนี้,เซี่ยวเฉินได้ใช้วิธีของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หกเพื่อสกัดพลังงานจิตวิญญาณ ดังนั้น, มันรวดเร็วยิ่งกว่าแต่ก่อนมาก
“ชี! ชี!”
ขณะที่วังวนฉีหมุนวน,ประกายกระแสไฟฟ้านับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นในอากาศโดยรอบ,แคกตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ในค่ําคืนมืดมิด,มันดูราวกับเส้นสายฟ้าที่กําลังฟาดผ่านไปมา, ฉาบใบหน้าของเซียวเฉินด้วยแสงสีม่วง
“บูม!”
ทันใดนั้น,วังวนทั้งภายนอกและภายในร่างกาย,พลันหยุดหมุนวน ของเหลวสีม่วงที่วังวนภายในเกิดระเบิด,และสีของมันลึกล่ายิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม,จานวนของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด เดิมที่มีปราณเติมเต็มอยู่ทั่วทั้งวังวนฉี,แต่ในตอนนี้มันมีอยู่เพียงเล็กน้อย
รวามเวลาที่จําเป็นต้องใช้ในการสกัดพลังงานจิตวิญญาณให้เป็นพลังปราณลดลงไปครึ่งหนึ่ง
ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งอย่างแท้จริง,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอย่างมีความสุข นี่หมายความว่าข้าสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังเป็นสองเท่า
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินสําเร็จไปเพียงแค่ส่วนหนึ่ง หลังจากน,เขาจําต้องหมุนเวียนปราณของเขาหนึ่งรอบเล็ก,จากนั้นก็หนึ่งรอบใหญ่ ก่อนที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะสามารถเลื่อนระดับไปชั้นที่หก
เซี่ยวเฉินสูดหายใจเข้าลึกและหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ของเหลวสีม่วงหนาแน่นพลุ่งพล่านและไหลเข้าสู่เส้นปราณหลักทั้งเก้า
“ฟู! ฟู!”
พลังปราณบริสุทธิ์และหนาแน่นไหลอย่างรวดเร็วภายในเส้นปราณหลักทั้งเก้า มันราวกับกําลังควบบนหลังม้าป่า จิตใต้สํานึกของเซายวเฉินแทบจะคุมมันไม่อยู่
ช่างเป็นความเร็วที่น่าประทับใจ! เซี่ยวเฉินตกตะลึงง เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น,มันหมายความว่าผลของการบ่มเพาะพบังของเขาพัฒนาขึ้นความคาดหวังเติมเต็มเซี่ยวเฉิน
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะนั้นเอง,เซี่ยวเฉินก็ระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน หากเขาเสียการควบคุมทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,เขาจะล้มเหลวในการพยายามทะลวงขอบเขตพลัง
ไม่ว่าสถานะเป็นเช่นไร.เซี่ยวเฉินจ่าต้องสําเร็จการหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็กไปอย่างราบลื่นความเร็วจะเพิ่มขึ้นในระหว่างหมุนเวียนรอบใหญ่ หากเขาไม่สามารถจัดการไม่ได้แม้แต่การหมุนเวียนรอบเล็ก,เขาจะจัดการกับการหมุนเวียนหนึ่งรอบใหญ่ได้อย่างไร?
เซี่ยวเฉินจมจิตใต้สํานึกของเขาลงไป เขาทําเป็นเหมือนกับเชือกที่กําลังคุมม้าป่า,ไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดการควบคุม
ในที่สุด,เซี่ยวเฉินก็สําเร็จหนึ่งรอบเล็ก
“บูม! บูม! บูม!”
ในตอนที่พลังปราณกลับมาที่วังวนฉี วังวนทั้งภายในและภายนอกร่างกายก็เริ่มหมุนวนอีกครั้งวังวนกระแสไฟฟ้าขนาดมหึมาได้ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า
วังวนกระแสไฟฟ้าไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย:มันเพียงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เสียงฟ้าคํารามก้อง และมีเส้นสายอัสนีร่ายรําวาดผ่านท้องฟ้า,ฉาบแสงลงทั่วทั้งเกาะเชียนเหลิน
เสี่ยวไป์กําลังพูดคุยกับเยว่เฉินซี ในตอนที่พวกนางพบการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า,สีหน้าของพวกนางเปลี่ยน เยว่เฉินซีพึมพํา “นี่เป็นปรากฏการณ์ลึกลับ มีเพียงทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์ที่จะสําแดงปรากฏการณ์ลึกลับเช่นนี้ออกมาในตอนที่มันเลื่อนชั้นเป็นไปได้ว่าเซี่ยวเฉินกําลังบ่ม เพาะทักษะระดับสวรรค์?”
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 392 การฝันเปิดเส้นปราณ
ตอนที่ 392 การฝันเปิดเส้นปราณ
เซี่ยวเฉินโยนเปลือกโสมหิมะทิ้งไปและหยิบเอาสมุนไพรวิญญาณห้าร้อยปีออกมาอีกต้น เขาพึมพํา “นี่เป็นผลไม้ร้อยวิญญาณ สรรพคุณของมันด้อยกว่าโสมหิมะ มันสามารถเพิ่มการบ่มเพาะพลังได้เพียงห้าปีอย่างไรก็ตาม,นั้นก็นับว่ามากแล้ว”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินกินโสมหิมะไป,วังวนฉีของเขาใหญ่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณปราณที่มันสามารถกักเก็บได้เพิ่มขึ้นมาครึ่งหนึ่ง
นอกจากนั้น,ด้วยประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านมา,การย่อยผลไม้ร้อยวิญญาณไม่ได้อันตรายเหมือนก่อนหน้านี้ สองวันต่อมา,เซี่ยวเฉินก็ดูดซับพลังยาของมันจนหมดสิ้น
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินดูดซับสมบัติธรรมชาติที่เพิ่มการบ่มเพาะพลังของเขาต่อไปปริมาณปราณภายในร่างของเขาได้เพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่ากบัว
ปริมาณปราณของเซียวเฉินในตอนนี้เทียบได้กับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลาง หากเขาดูดซับสมุนไพรวิญญาณทั้งหมด,ปริมาณปราณของเขาจะแซงหน้าขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลาง และเทียบเท่าได้กับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน,เซียวเฉินถือสมุนไพรวิญญาณอายุห้าร้อยปีอันสุดท้ายอยู่ในมือเขาคิ้วขมวดเล็กน้อย,กล่าวเบาๆกับตัวเอง “ถึงตอนนี้ผลของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้อ่อนลง สมุนไพรวิญญาณที่เดิมที่สามารถเพิ่มการบ่มเพาะพลังได้สิบปีไม่อาจเพิ่มถึงห้าปีได้แล้วในตอน
นี่เป็นปัญหาของการเกิดการต่อต้านสมุนไพรวิญญาณ เซียวเฉินเคยประสบมาก่อนในตอนที่อยู่ในโลกใต้พิภพก่อนที่เขาจะกินสมุนไพรได้มากเกินไป,เขาเกิดการต่อต้านสมุนไพรวิญญาณอย่างเห็นได้ชัด
นอกเสียจากว่าเซี่ยวเฉินจะพบสมุนไพรพันปี,มันจะยากที่จะใช้วิธีนี้เพิ่มการบ่มเพาะพลัง สมุนไพรวิญญาณอายุต่ํากว่าพันปีไม่มีประโยชน์กับเขามากอีกต่อไป
เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและยิ้มขึ้น “ข้าควรจะพอใจแล้ว ในตอนนี้ ปริมาณปราณของข้าเทียบเท่ากับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูง ในตอนที่ข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ปริมาณปราณของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ถึงตอนนั้น,ขอบเขตกษัตริย์ยุทธผู้ชําชองเหล่านั้นจะไม่ได้เป รียบข้ามากมายอะไรอีกต่อไป”
เซี่ยวเฉินใช้เวลาเพียงครึ่งวันเพื่อย่อยสมุนไพรต้นสุดท้าย
ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์,ด้วยการสนับสนุนของปราณอันมหาศาลของเขา,เซี่ยวเฉินเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดโดยไม่มีติดขัด
หลังจากขอบเขตพลังของเซียวเฉินเพิ่มขึ้น จํานวนเส้นปราณย่อยในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นเขาจําเป็นต้องเปิดอีกสองเส้นปราณย่อยเพื่อที่จะบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิชันที่หก
มันได้เวลาแล้วที่เซียวเฉินจะเปิดเส้นปราณสองเส้นนั้น เขาจําเป็นต้องบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชันที่หก,เลื่อนระดับขอบเขตการบ่มเพาะพลังและทักษะบ่มเพาะของเขาไปพร้อมกัน
ในตอนที่ผู้บ่มเพาะพลังพยายามที่จะก้าวข้ามอุปสรรคใหญ่,โดยปกติพวกเขาจะต้องใช้เวลานาน
ไม่เพียงแต่พลังปราณของพวกเขาจะไม่เพียงพอ,แต่พวกเขายังต้องการจังหวะโอกาสที่เหมาะสม
ปราศจากจังหวะที่เหมาะสม,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หลิวหรูเยว่นางเคยเล่าให้เซี่ยวเฉินฟังครั้งหนึ่งถึงประสบการณ์ในตอนที่เลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
ดังนั้น การหาจังหวะที่เหมาะสมจึงติดอยู่ในใจของเซี่ยวเฉิน โชคดี,เขามีทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ การเลื่อนสู่ชั้นที่หกก็นับได้ว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม
สองวันหลังจากเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,เซี่ยวเฉินก็พร้อมที่จะลองฝืนเปิดเส้นปราณย่อยสองเส้นนั้น
พลังงานธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์มหาศาลหมุนเวียนไปตามเส้นปราณหลักทั้งเก้าของเซียวเฉินหนึ่งรอบเล็ก จากนั้น มันค่อยๆไหลไปตามเส้นปราณย่อยมากมายหยิ่งรอบใหญ่
หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินไม่เร่งรีบที่จะส่งปราณของเขากลับไปที่จุดตันเทียน เขาหยุดพลังปราณ เอาไว้ที่กึ่งกลางเส้นปราณหลักเส้นหยิ่ง เส้นปราณยาอยมากมายรอบๆเส้นปราณหลักเส้นนั้นราวกับเป็นกิ่งก้านที่งอกจากล่าต้นไม้
เซี่ยวเฉินมองไปยังเส้นปราณย่อยที่เขาต้องการ จากนั้นเขาลับปราณของเขาให้เป็นเหมือนกับตะปูและแมงเข้าไปที่เส้นปราณย่อยอย่างช้าๆ
“ชี!”
เส้นปราณย่อยเส้นนั้นเปิดขึ้นมาเพียงเล็กน้อย,และเซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดขึ้นมาในทันที เขาสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไป
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้หยุดมือ ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว เซี่ยวเฉินเตรียมตัวรับมานานแล้ว
เส้นปราณย่อยเปิดออกทีละเล็กละน้อย ความเจ็บปวดรุนแรงทําให้เส้นเลือดที่หน้าผากของเขาบูดขึ้นขณะที่เหงื่อแตกเม็ดออกมาไม่หยุด
หลังจากพยายามหนักมาทั้งคืน,เส้นปราณย่อยเส้นนี้ในที่สุดก็เปิดขึ้นมาสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากพักอยู่ครู่หนึ่ง,เขาก็กลับมาเปิดเส้นปราณต่อ
เซี่ยวเฉินไม่มีเวลามากนัก เปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะคนอื่นๆ,ตัวเขาเริ่มออกเดินช้ากว่ามากคนเหล่านั้นทิ้งเซียวเฉินให้กินฝุ่น
เปรียบเทียบกับคนอื่นๆ,เซี่ยวเฉินต้องการเวลามากที่สุด ผลการเก็บเกี่ยวจากการเผชิญโชคในครั้งนี้สามารถย่นระยะห่างได้เล็กน้อย
ถึงอย่างไร ผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะเหล่านั้นส่วนมากมีนิกายใหญ่หนุนหลัง พวกเขาไม่ขาดแคลนเม็ดยา,สมุนไพร,หรือสมบัติ
ไม่ว่าจะเจ็บปวดถึงเพียงใด,อยากเย็นสักแค่ไหน,หรือมีอันตรายรออยู่มากมาย,เซี่ยวเฉินก็จะต้องทนรับเขาไม่อาจนิ่งเกียจคร้าน
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน,หลังจากผ่านการพยายามอย่างหนัก,ในที่สุดเซียวเฉินก็เปิดเส้นปราณย่อยสองเส้นนั้นได้อย่างสมบูรณ์
เส้นปราณใหม่บอบบางเกินไป;ปราณไม่สามารถไหลผ่านมันได้ ดังนั้น,เซี่ยวเฉินไม่สามารถใช้พวกมันเพื่อบ่มเพาะพลัง อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินได้เตรียมพร้อมมานานแล้วเขาหยิบเอาสมุนไพรวิญญาณมากมายที่มีฤทธิ์บํารุงเส้นปราณออกมา
หลังจากผ่านไปอีกเจ็ดวัน,ด้วยการบํารุงจากสมุนไพรวิญญาณ,เส้นปราณเส้นใหม่ของเซียวเฉินก็มั่นคงเหมือนกับเส้นปราณเส้นอื่นๆ เขาสามารถใช้พวกมันบ่มเพาะพลังได้แล้วในตอนนี้
ดวงจันทร์กลมโตลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า,ฉายแสงอันอ่อนโยนลงมา
เซี่ยวเฉินค่อยๆลุกขึ้นจากก้อนหิน เขาเหลียวมองไปที่ดวงจันทร์สว่างเหนือหัวก่อนที่จะหยิบเอาแก่นกลางวิญญาณสีทองออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล
แก่นกลางวิญญาณอันนี้มีขนาดเท่ากับลูกบาส นี้เป็นแก่นกลางวิญญาณของเจ้าสิงโตทองคํา ที่เซี่ยวเฉินล่าได้จากป่าอํามหิต
เซียวเฉินรู้สึกว่าเขายังขาดอะไรไปในการเลื่อนระดับสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธจนเขานึกถึงแก่นกลางวิญญาณของเจ้าสิงโตทองคํา
เซี่ยวเฉินในตอนนี้รู้แล้วว่าเขายังขาดพลังภายนอกที่แข็งแกร่ง ในตอนที่เขาเลื่อนระดับทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของเขาสู่ชั้นที่หก,เขาจะใช้พลังภายนอกควบคู่ไปกับพลังปราณของเขาและทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ในครั้งเดียว
เซี่ยวเฉินถือแก่นกลางวิญญาณสีทองที่นอนอยู่ในแหวนห้วงจักรวาลของเขามาเป็นเวลาหนึ่งปี ในที่สุดก็ถึงเวลาได้ใช้มัน
การเลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธภายในสามเดือนนั้นยากราวกับทะยานขึ้นสู่สวรรค์ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าคิดถึงมาก่อน
อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินอยากที่จะเดิมพันดู เขารู้สึกได้ถึงพลังงานอันบริสุทธิ์ของแก่นกลาวิญญาณสีทองอันนี้และกล่าวขึ้น “หลังจากเตรียมตัวมาสองเดือน,ข้ากินสมุนไพรวิญญาณที่เพิ่มการบ่มเพาะพลังของข้าพร้อมกับเสี่ยงฝืนเปิดเส้นปราณย่อย,ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้”
เซี่ยวเฉินต้องสําเร็จเท่านั้น;เขาไม่อาจล้มเหลวได้ เปรียบเทียบกันพวกที่มีนิกายใหญ่หนุนห ลัง,คนเหล่านั้นเป็นอัจฉริยะชั้นยอดสุด,ตัวเขาไม่มีทรัพยากรให้เสียไปกับความล้มเหลวในตอนนี้ เขาพลาด,เขาจะเสียโอกาสในการไล่ตามคนเหล่านั้น
เป็นคืนจันทร์เต็มดวงที่เงียบสงบ
เซี่ยวเฉินสํารวจหาพื้นที่ที่มีพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นที่สุด จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งบนก้อนหินก้อนหนึ่ง
เซี่ยวเฉินแบมือขึ้นและจีบนิ้ว แก่นกลางสีทองขนาดเท่ากับลูกบาสเงียบนิ่งเงียบอยู่เหนือฝ่ามือของเขา พลังงานจิตวิญญาณของแก่นกลางไหลออกมาแต่ไม่ได้กระจัดกระจายออกไปเซี่ยวเฉินเหนี่ยวนํามันด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา
เซี่ยวเฉินสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะหายใจออกเป็นควันสีขาว แม้ว่าเวลาจะผ่านไป,ควันเหล่านี้ก็ไม่กระจัดกระจายหายไป
สําเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับตอนนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว,เซี่ยวเฉินหลับตาลง
วังวนฉีขนาดมหึมาในจุดตันเที่ยนของเซียวเฉินหมุนวนอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาหมุนเวียนไปตามวิธีของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างเงียบๆ
พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าโดยรอบพุ่งเข้าไปภายในร่างของเซียวเฉิน,เกิดวังวนรอบตัวของเขามันไหลเข้าไปในรูขุมขนของเขาและไหลไปตามเส้นปราณ,เข้าไปถึงจุดตันเทียน
“ติง! ติง!”
ปราณเหลวธาตุสายฟ้าก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว,หยดลงมาจากวังวนฉี ในไม่ช้า,พลังงานธาตุสายฟ้าก็เติมเต็มวังวนฉีสีม่วง
นี่เป็นขั้นแรกในการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เซี่ยวเฉินต้องดูดซับพลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าโดยรอบและนําทั้งหมดไปที่จดต้นเทียน
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่จบลง เซี่ยวเฉินต้องสกัดมันอย่างต่อเนื่อง,เปลี่ยนพลังงานจิตวิญญาณให้เป็นปราณที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ของเหลวสีมีวงภายในวังวนฉีหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ในตอนนี้,เซี่ยวเฉินได้ใช้วิธีของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หกเพื่อสกัดพลังงานจิตวิญญาณ ดังนั้น, มันรวดเร็วยิ่งกว่าแต่ก่อนมาก
“ชี! ชี!”
ขณะที่วังวนฉีหมุนวน,ประกายกระแสไฟฟ้านับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นในอากาศโดยรอบ,แคกตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ในค่ําคืนมืดมิด,มันดูราวกับเส้นสายฟ้าที่กําลังฟาดผ่านไปมา, ฉาบใบหน้าของเซียวเฉินด้วยแสงสีม่วง
“บูม!”
ทันใดนั้น,วังวนทั้งภายนอกและภายในร่างกาย,พลันหยุดหมุนวน ของเหลวสีม่วงที่วังวนภายในเกิดระเบิด,และสีของมันลึกล่ายิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม,จานวนของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด เดิมที่มีปราณเติมเต็มอยู่ทั่วทั้งวังวนฉี,แต่ในตอนนี้มันมีอยู่เพียงเล็กน้อย
รวามเวลาที่จําเป็นต้องใช้ในการสกัดพลังงานจิตวิญญาณให้เป็นพลังปราณลดลงไปครึ่งหนึ่ง
ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งอย่างแท้จริง,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอย่างมีความสุข นี่หมายความว่าข้าสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังเป็นสองเท่า
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินสําเร็จไปเพียงแค่ส่วนหนึ่ง หลังจากน,เขาจําต้องหมุนเวียนปราณของเขาหนึ่งรอบเล็ก,จากนั้นก็หนึ่งรอบใหญ่ ก่อนที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะสามารถเลื่อนระดับไปชั้นที่หก
เซี่ยวเฉินสูดหายใจเข้าลึกและหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ของเหลวสีม่วงหนาแน่นพลุ่งพล่านและไหลเข้าสู่เส้นปราณหลักทั้งเก้า
“ฟู! ฟู!”
พลังปราณบริสุทธิ์และหนาแน่นไหลอย่างรวดเร็วภายในเส้นปราณหลักทั้งเก้า มันราวกับกําลังควบบนหลังม้าป่า จิตใต้สํานึกของเซายวเฉินแทบจะคุมมันไม่อยู่
ช่างเป็นความเร็วที่น่าประทับใจ! เซี่ยวเฉินตกตะลึงง เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น,มันหมายความว่าผลของการบ่มเพาะพบังของเขาพัฒนาขึ้นความคาดหวังเติมเต็มเซี่ยวเฉิน
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะนั้นเอง,เซี่ยวเฉินก็ระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน หากเขาเสียการควบคุมทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,เขาจะล้มเหลวในการพยายามทะลวงขอบเขตพลัง
ไม่ว่าสถานะเป็นเช่นไร.เซี่ยวเฉินจ่าต้องสําเร็จการหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็กไปอย่างราบลื่นความเร็วจะเพิ่มขึ้นในระหว่างหมุนเวียนรอบใหญ่ หากเขาไม่สามารถจัดการไม่ได้แม้แต่การหมุนเวียนรอบเล็ก,เขาจะจัดการกับการหมุนเวียนหนึ่งรอบใหญ่ได้อย่างไร?
เซี่ยวเฉินจมจิตใต้สํานึกของเขาลงไป เขาทําเป็นเหมือนกับเชือกที่กําลังคุมม้าป่า,ไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดการควบคุม
ในที่สุด,เซี่ยวเฉินก็สําเร็จหนึ่งรอบเล็ก
“บูม! บูม! บูม!”
ในตอนที่พลังปราณกลับมาที่วังวนฉี วังวนทั้งภายในและภายนอกร่างกายก็เริ่มหมุนวนอีกครั้งวังวนกระแสไฟฟ้าขนาดมหึมาได้ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า
วังวนกระแสไฟฟ้าไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย:มันเพียงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เสียงฟ้าคํารามก้อง และมีเส้นสายอัสนีร่ายรําวาดผ่านท้องฟ้า,ฉาบแสงลงทั่วทั้งเกาะเชียนเหลิน
เสี่ยวไป์กําลังพูดคุยกับเยว่เฉินซี ในตอนที่พวกนางพบการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า,สีหน้าของพวกนางเปลี่ยน เยว่เฉินซีพึมพํา “นี่เป็นปรากฏการณ์ลึกลับ มีเพียงทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์ที่จะสําแดงปรากฏการณ์ลึกลับเช่นนี้ออกมาในตอนที่มันเลื่อนชั้นเป็นไปได้ว่าเซี่ยวเฉินกําลังบ่ม เพาะทักษะระดับสวรรค์?”
Comments