Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 393 ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
ตอนที่ 393 ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
ในตอนที่เสี่ยวไป๋เห็นวังวนกระแสไฟฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาจการวามว่างเปล่า,ใบน่าอันน่ารักของนางเผยความสง่างามออกมา นางไม่ใช่จิ้งจอกน้อยที่ไม่เข้าใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่เสี่ยวไปเปลี่ยนร่างสําเร็จ,นางได้เริ่มบ่มเพาะพลังเช่นกัน อันตรายที่ยิ่งใหญ่จะมาพร้อมกับปรากฏการณ์ลึกลับมหึมานางอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่สาวเยว่,พี่ใหญ่เซียว เฉินจะเป็นอะไรหรือไม่? พวกเราควรไปด?”
เยว่เฉินซีมองไปที่ใบหน้าเป็นกังวลของเสี่ยวไป์ นางครุ่นคิดกับตัวเอง,เซี่ยวเฉินผู้นี้ช่างโชคดีเขาเป็นคนนิสัยประหลาด,กระนั้นยังมีสาวน้อยน่ารักค่อยติดตาม
“เสี่ยวไป,ไม่ต้องกังวล เขาอยู่ในช่วงจังหวะสําคัญ หากพวกเราเข้าไปใกล้ มันอาจจะส่งผลร้าย ข้าเชื่อว่าเขาจะทําสําเร็จ” เยว่เฉินซียมพร้อมกับกล่าวอย่างอ่อนโยน
เมื่อเสี่ยวไปได้ยินดังนี้,นางพยักหน้าอย่างแรง “เสี่ยวไปเชื่อในตัวพี่ใหญ่เซี่ยวเฉิน เขาจะต้องทําสําเร็จอย่างแน่นอน”
ปรากฎการณ์ลึกลับภายนอกไม่ส่งผลกับเซี่ยวเฉินแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาจดจ่อไปที่วังวนฉีภายในของเขา
เดิมที่,วังวนฉีของเซียวเฉินมีของเหลวสีม่วงเติมอยู่เพียงเล็กน้อย หลังจากหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็ก,มันเพิ่มขึ้นถึงครึ่ง ด้วยการช่วยเหลือจากสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้น,ความจุพลังปราณของเซียวเฉินกลายเป็นกว้างขวาง
ตอนนี้ หลังจากหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็ก,มันรู้สึกราวกับมันสามารถเติมวังวนฉีได้ถึงครึ่ง นี่เลทําให้เซียวเฉินตื่นเต้น
เพียงแค่หนึ่งรอบเล็กยังทรงพลังถึงเพียงนี้;ข้าสวสัยว่าครบหนึ่งใหญ่จะทรงพลังถึงเพียงใด,เซี่ยวเฉินสังสัยกับตัวเอง หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินเตรียมพร้อมพลังปราณของเขาเพื่อหมุนเวียนหนึ่งรอบใหญ่:นี่เป็นจังหวะที่สําคัญที่สุดในการทะลวงระดับพลัง
“ฟุ!ฟุ! ฟุ!”
พลังปราณในวังวนฉีไหลไปในเส้นทางของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วมันรวดเร็วจนเซียวเฉินแทบจะตอบสนองไม่ทัน
หากการหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็กเมื่อก่อนหน้านี้เปรียบเทียบได้กับม้าป่านี่ก็เทียบได้กับรถแข่งที่กําลังทําความเร็ว พวกมันอยู่คนละระดับโดยสิ้นเชิง
ไม่ดีแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป,ข้าจะไม่สามารถควบคุมเส้นทางของปราณได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น,พลังปราณจะกลายเป็นแปรปรวน ไม่เพียงข้าจะล้มเหลว,แต่ข้าจะยังได้รับบาดเจ็บภายใน
สีหน้าของเซี่ยวเฉินเปลี่ยนไปอย่างหวาดกลัว
นี่มันราวกับให้คนขับเกวียนไปคุมรถแข่ง คนผู้นี้คุ้นเคยกับความเร็วของเกวียน ในตอนที่จู่ๆเขาไปนั่งบนรถแข่ง,มันยากที่เขาจะควบคุมความเร็วของมันได้
สงบ! ข้าต้องสงบสติ สภาวะจิตใจของเซี่ยวเฉินออกโรงอีกครั้ง หัวใจที่หวาดกลัวและรนรานสงบลงอย่างรวดเร็ว
ทันมดนั้น,ความคิดหนึ่งผิดขึ้นมาในหัวของเซี่ยวเฉิน หลังจากที่เขาสงบสติลง,ในที่สุดเขาก็พบหันทางรับมือ
ที่จริง,เซี่ยวเฉินเดินไปผิดทางตั้งแต่เริ่ม มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะควบคุมปราณที่รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างทันที
การเลื่อนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หกมันไม่ใช่เพียงอุปสรรคใหญ่ธรรมดาเซี่ยวเฉินเชื่อว่าไม่มีใครที่จะสามารถควบคุมมันได้อย่างทันที
ไม่ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อยทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์สู่ชั้นที่หก?
เห็นชัดว่าไม่ใช่เซี่ยวเฉินไม่จําเป็นต้องควบคุมความเร็วแต่เป็นทิศทางของมัน
เขาจําเป็นต้องบังคับปราณให้อยู่ในเส้นทางขอบทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก,หมุนเวียนให้ครบหนึ่งรอบใหญ่
เซี่ยวเฉินรู้สึกรู้แจ้งหลังจากที่คิดได้ดังนี้ ทุกครั้งที่ปราณไหลไปผิดทาง,เขาจะบังคับปราณกลับมาในทิศทางที่ถูกต้องอย่างอ่อนโยน
แม้ว่ามันจะพูดง่าย,แต่ยากที่จะลงมือความเร็วของปราณรวดเร็วเกินไป เซียวเฉินจะต้องลงมือให้ถูกจังหวะในทุกครั้ง ทําให้จิตใจของเขาเหนื่อยล้า อย่างไรก็ตาม,เขาไม่อาจชะล่าใจ
“ยิ้ม…”
ขณะที่ปราณกําลังหมุนเวียนครบหนึ่งรอบใหญ่, วังวนกระแสไฟฟ้าขนาดมหึมาเหนือหัวของเซียวเฉินหมุนวนอย่างรวดเร็ว มันดึงเอาพลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าในรัศมีหนึ่งพันเมตรเข้ามา
เส้นสายฟ้าวาดผ่านตัดกัน,เมฆหมุนวนและเติมเต็มท้องฟ้ารัศมีหนึ่งพันเมตร,แสงสายฟ้าฉายลงบนเกาะเชียนเหลิ่นส่องสว่างราวกับกลางวัน
ภายใต้การควบคุมที่ระมัดระวังของเซียวเฉิน,เขากําลังจะหมุนเวียนครบหนึ่งรอบใหญ่ ก่อนหน้านี้ ปราณเกือบจะไหลไปผิดทางอยู่สองสามครั้ง โชคดีเซียวเฉินสามารถดึงปราณกลับมาได้
เซียวเฉินรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วกว่าปกติหลายเท่า ทุกกระบวณการอันตรายเป็นอย่าง
“ปัง!”
ในตอนที่ปราณทั้งหมดกลับมารวมกันที่จุดตันเทียน,วังวนระเบิดออก พลังปราณที่พลุ่ง พล่านผันผวนอยู่นานก่อนที่จะหยุดลง
ปราณค่อยๆรวมตัวและก่อร่างเป็นวังวนฉีอีกบ่อหนึ่งที่เต็มไปด้วยของเหลวสีม่วง เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ความโป่งพอง หลังจากที่วังวนฉีถูกเต็มเต็ม,มันขยายขึ้นอีกครั้ง
“ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก! สําเร็จ!”
เซี่ยวเฉินตะโกนอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเขาพลันลืมตื่นขึ้น และเส้นลําแสงสรม่วงวูบผ่านท้องฟ้า
ก่อนที่เซียวเฉินจะได้ตอบสนอง,วังวนกระแสไปฟฟ้าที่น่าหวาดกลัวบนท้องฟ้าเข้าไปในดวงตาของเซียวเฉิน
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทําให้เซี่ยวเฉินตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นกลัว เพลิงแท้อัสนีม่วงดูดซับพลังงานทั้งหมดของวังวนกระแสไฟฟ้าเข้าไป
เซี่ยวเฉินไม่เร่งรีบที่จะทดสอบพลังของเพลิงแท้อัสนี้มีวง เขาหลับตาลงอีกครั้งและหมุนเวียนวังวนฉีต่อไป
แก่นกลางวิญญาณสีทองในฝ่ามือของเซี่ยวเฉินเริ่มหมุน เซียวเฉินดูดกลืนพลังงานจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าหินวิญญาณระดับสูงเข้าไป
แก่นกลางวิญญาณสีทองหดลงอย่างสังเกตได้ เซี่ยวเฉินรีบดูดซับพลังงานจิตวิญญาณทั้งหมดของมัน
เซี่ยวเฉินอยากที่นะยืมพลังงานภายนอกนี้เพื่อทะลวงระดับขอบเขตนักบุญสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธในอึดใจเดียว
เมื่อเยว่เฉินซีที่อยู่ห่างออกไปเห็นว่าวังวนกระแสไฟฟ้าลบหายไป,นางถอนหายใจอย่างโล่งอก นางรู้ว่าเซี่ยวเฉินเลื่อนชั้นทักษะบ่มเพาะพลังของเขาสําเร็จ อย่างไรก็ตาม,สีหน้าของนางกลายเป็นร้ายแรงอีกครั้ง
มีกระแสพลังแข็งแกร่งออกมาจากตัวของเซี่ยวเฉิน เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่อย่างมากนอกจากนั้น มันยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เยว่เฉินซีคิ้วขมวดเล็กน้อยและกล่าวขึ้นอย่างมืดมัว “เจ้าหมอนี่…เป็นไปได้ว่าเขากําลังคิดที่จะทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ? บ้าแล้ว!”
พลังงานสีทองหลั่งไหลเข้ามา,พลังงานที่รวมตัวกันภายในจุดตันเที่ยนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เซี่ยวเฉินสามารรู้สึกได้ถึงม่านพลังตรงหน้าของพลังงานนี้
นี่เป็นอุปสรรคสุดท้ายในการขึ้นสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ ข้าจะทะลวงผ่านไปในอึดใจเดียว สลายไปซะ! ข้าจะก้าวสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ! ไม่มีใครมาหยุดข้าได้!
เซี่ยวเฉินตะโกนอย่างเกรียวกราดในใจ เขาเพิ่มความเร็วในการดูดกลืนพลังงานจากแก่นกลางวิญญาณ
“สลาย!”
ในตอนที่แก่นกลางวิญญาณถูกดูดพลังจนหมดสิ้น เซียวเฉินร้องตะโกนขึ้น จากนั้น,เขาใช้พลังงานอันแข็งแกร่งนี้และพลังปราณที่หมุนเวียนชนเข้ากับม่านพลัง
“ปะ! ปะ!”
เสียงกรอบแกรบดังขึ้นภายในร่างของเซี่ยวเฉิน ม่านพลังที่คั่นขอบเขตนักบุญแตกสลายโดยไม่อาจต่อต้าน
พลังงานมหาศาลเติมเต็มเซี่ยวเฉินในทันที เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เซี่ยวเฉินสามารถบินได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องใช้คาถาแรงโน้มถ่วง เขาลืมตาขึ้นและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
หลังจากพยายามอย่างหนักอยู่สองเดือน,และการระเบิดพลังในตอนสุดท้าย,ในที่สุดเซียวเฉินก็ก้าวสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
“คําราม!”
ฉีและโลหิตของเซียวเฉินพลุ่งพล่าน มันรู้สึกราวกับเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด แม้แต่เลอดของเขาก็ราวกับลุกติดไฟ นี่หรือคือความแข็งแกร่งของขอบเขตกษัตริย์ยุทธ?
ขณะที่เซียวเฉินกําลังเลือดร้อน,เขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคํารามยาวออกมา เสียงของเขาราวกับฟ้าคําราม,ดังสะท้อนไปภายในเกาะเชียนเหลิ่น,ก๊กก้องไปมาเป็นเวลานาน
เขาทําสําเร็จจริงๆ! สายตาของเยว่เฉินซีเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาเลื่อนระดับจากขอบเขตนักบุญขั้นสูงสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธภายในเวลาสองเดือน
นี่เป็นขอบเขตพลังที่ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนไม่อาจเอื้อมไปถึงชั่วชีวิต กระนั้น,เซี่ยวเฉินใช้เวลาเพียงสองเดือน
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป,มันจะเป็นที่ตื่นตะลึง ดูเหมือนว่าข้าจะเลือกคนไม่ผิด เขาจะต้องเป็นคนที่ท่านลุงหนึ่งบอกให้ข้าตามหาอย่างแน่นอน
เซี่ยวเฉินสงบอารมณ์ของเขาลงและมองไปรอบๆ เขามองเห็นเยว่เฉินซีที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันเมตรและยิ้มขึ้น
จิตวิญญาณนักสู่ไหลออกมาจากดวงตาของเซียวเฉิน กระแสพลังของเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างหนักหน่วงจากนั้นมันก็กดลงบนตัวของเยว่เฉินซีอย่างรุนแรง
เยว่เฉินซียิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวด้วยเสียงต่า “หรือเจ้าอยากจะสู้? ช่างบังเอิญ,ข้าเพิ่งจะทะลวงระดับทักษะอาทิตย์รุ่งอรุณของข้าแต่ข้ายังไม่เจอกระสอบทรายเหมาะๆ”
“บูม!”
กระแสพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของเซี่ยวเฉินพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างของเยว่เฉินซีวูบไหวมุ่งหน้าไปหาเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว
“เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเยว่เฉินซีทะยานขึ้นมาบนท้องฟ้า,เปลวเพลิงสีม่วงดุร้ายในตาขวาของเขาก่อเกิดเป็นวังวนราวกับกําลังจะดูดกลืนโลกใบนี้
“ยิ่ง!”
เซียวเฉินตะโกน,และเปลวเพลิงสีม่วงไหลออกมาจากตาขวาของเขา แสงสีม่วงกระพริบไหวและทําให้ท้องฟ้าดูเป็นสีเขียวเลือนลาง
ทุกที่ที่มันวาดผ่าน,เปลวเพลิงสีม่วงดูราวกับเผาผลาญแม้กระทั่งอากาศ,ทิ้งเป็นช่องว่างสีดําในเส้นทางของมัน
“ช่างเป็นเพลงที่แข็งแกร่ง
ความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเยว่เฉินซี,แต่นางไม่ได้ตื่นกลัว กําปั้นอันอ่อนช้อยของนางกําแน่นขณะที่รวบรวมพลังอันไร้ขอบเขต กระแสพลังของนางทะยานขึ้นอยู่สงต่อเนื่อง
เมื่อกระแสพลังของเยว่เฉินซีเร่งถึงขีดสุด,นางร่องคํารามศึกและปล่อยหมัดออกไป
แสงรุ่งโรจน์ระเบิดออกจากกําปั้นของนางราวกับเป็นแสงของอาทิตย์ขึ้น มันทําลายล้างความมืดมิดโดยรอบ
“บึม!”
กําปั้นอันดร้ายปะทะกับเปลวเพลิงอย่างรุนแรง ในตอนที่การโจมตีของทั้งสองปะทะกัน,พวกมันเข้าน้ํานั่นไม่ยอมหลีกทางให้กัน เกิดคลื่นกระแทกรุนแรงกระจายออกไป
“ชี!ชี!ชี!”
คลื่นรุนแรงปะทะเข้ากับภูเขาสูงสองสามแห่งภายในเหาะแห่งนี้ พวกมันแตกสลาย,หินดินโรยลงมาจากท้องฟ้าราวกับห่าฝน
ช่างคาดไม่ถึง, ในตอนที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาถึงชั้นที่หก,เพียงการโจมตีทั่วไปจากเพลิงแท้อัสนีม่วงก็สามารถทรงพลังถึงเพียงนี้ แม้แต่หมัดอาทิตย์รุ่งอรุณของเยว่เฉินซีก็ไม่อาจสลายมัน,เซียวเฉินครุ่ยคิดอย่างเป็นสุข
หมัดอาทิตย์รุ่งอรุณเป็นหนึ่งในทักษะหมักที่มีชื่อเสียงในเรื่องความดุร้ายของมัน แม้แต่ทักษะยุทธระดับสวรรค์ขั้นต่ําก็ไม่อาจเทียบกับมันได้ในด้านพลัง
การโจมตีของทั้งสองน้ํานั่นกันก่อนที่ตะค่อยๆสลายไป เซียวเฉินวางมือของเขาลงบนด้ามกระบี่และชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาอย่างรวดเร็ว
“หวี่ขยแพรวพราว!”
กระบี่ฉีสีม่วงเจิดจ้าปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แสงหนาแน่นปรากฏขึ้นบนกระบี่ฉี บนท้องฟ้ายามค่ําคืน,มันดูราวกับแสงเลเซอร์
นี่เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของขอบเขตกษัตริย์ยุทธ์พลังปราณของเซียวเฉินหนาแน่นขึ้นทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ,มันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าขอบเขตนักบุญ
ถึงตอนนี้เองที่เซียวเฉินใช้พลังที่แท้จริงขแงทักษะยุทธโบราณนี้ออกมาได้ ก่อนหน้านี้, ที่แขาสําแดงออกมาเป็นเพียงยอดภูเขาน้ําแข็ง
ช่างเป็นพลังปราณที่พลุ่งพล่าน:ปริมาณปราณของเซียวเฉินน่าจะไม่ด้อยไปกว่าขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูง
เยว่เฉินซีหยตา ในตอนที่กระบี่ฉีสีม่วงอยู่ห่างจากนางไปหนึ่งเมตร,นางชกออกไปที่ปลายกระบี่ฉี
“เคร้ง!”
มันราวกับกําปั้นอันอ่อนช้อยของเยว่เฉินไม่ได้ทํามาจากเลือดเนื้อของมนุษย์ ในตอนที่มันซัดเข้ากับกระบี่ฉี,มันส่งเสียงเหล็กกระทบออกมา
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 393 ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
ตอนที่ 393 ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
ในตอนที่เสี่ยวไป๋เห็นวังวนกระแสไฟฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาจการวามว่างเปล่า,ใบน่าอันน่ารักของนางเผยความสง่างามออกมา นางไม่ใช่จิ้งจอกน้อยที่ไม่เข้าใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่เสี่ยวไปเปลี่ยนร่างสําเร็จ,นางได้เริ่มบ่มเพาะพลังเช่นกัน อันตรายที่ยิ่งใหญ่จะมาพร้อมกับปรากฏการณ์ลึกลับมหึมานางอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่สาวเยว่,พี่ใหญ่เซียว เฉินจะเป็นอะไรหรือไม่? พวกเราควรไปด?”
เยว่เฉินซีมองไปที่ใบหน้าเป็นกังวลของเสี่ยวไป์ นางครุ่นคิดกับตัวเอง,เซี่ยวเฉินผู้นี้ช่างโชคดีเขาเป็นคนนิสัยประหลาด,กระนั้นยังมีสาวน้อยน่ารักค่อยติดตาม
“เสี่ยวไป,ไม่ต้องกังวล เขาอยู่ในช่วงจังหวะสําคัญ หากพวกเราเข้าไปใกล้ มันอาจจะส่งผลร้าย ข้าเชื่อว่าเขาจะทําสําเร็จ” เยว่เฉินซียมพร้อมกับกล่าวอย่างอ่อนโยน
เมื่อเสี่ยวไปได้ยินดังนี้,นางพยักหน้าอย่างแรง “เสี่ยวไปเชื่อในตัวพี่ใหญ่เซี่ยวเฉิน เขาจะต้องทําสําเร็จอย่างแน่นอน”
ปรากฎการณ์ลึกลับภายนอกไม่ส่งผลกับเซี่ยวเฉินแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาจดจ่อไปที่วังวนฉีภายในของเขา
เดิมที่,วังวนฉีของเซียวเฉินมีของเหลวสีม่วงเติมอยู่เพียงเล็กน้อย หลังจากหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็ก,มันเพิ่มขึ้นถึงครึ่ง ด้วยการช่วยเหลือจากสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้น,ความจุพลังปราณของเซียวเฉินกลายเป็นกว้างขวาง
ตอนนี้ หลังจากหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็ก,มันรู้สึกราวกับมันสามารถเติมวังวนฉีได้ถึงครึ่ง นี่เลทําให้เซียวเฉินตื่นเต้น
เพียงแค่หนึ่งรอบเล็กยังทรงพลังถึงเพียงนี้;ข้าสวสัยว่าครบหนึ่งใหญ่จะทรงพลังถึงเพียงใด,เซี่ยวเฉินสังสัยกับตัวเอง หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินเตรียมพร้อมพลังปราณของเขาเพื่อหมุนเวียนหนึ่งรอบใหญ่:นี่เป็นจังหวะที่สําคัญที่สุดในการทะลวงระดับพลัง
“ฟุ!ฟุ! ฟุ!”
พลังปราณในวังวนฉีไหลไปในเส้นทางของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วมันรวดเร็วจนเซียวเฉินแทบจะตอบสนองไม่ทัน
หากการหมุนเวียนหนึ่งรอบเล็กเมื่อก่อนหน้านี้เปรียบเทียบได้กับม้าป่านี่ก็เทียบได้กับรถแข่งที่กําลังทําความเร็ว พวกมันอยู่คนละระดับโดยสิ้นเชิง
ไม่ดีแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป,ข้าจะไม่สามารถควบคุมเส้นทางของปราณได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น,พลังปราณจะกลายเป็นแปรปรวน ไม่เพียงข้าจะล้มเหลว,แต่ข้าจะยังได้รับบาดเจ็บภายใน
สีหน้าของเซี่ยวเฉินเปลี่ยนไปอย่างหวาดกลัว
นี่มันราวกับให้คนขับเกวียนไปคุมรถแข่ง คนผู้นี้คุ้นเคยกับความเร็วของเกวียน ในตอนที่จู่ๆเขาไปนั่งบนรถแข่ง,มันยากที่เขาจะควบคุมความเร็วของมันได้
สงบ! ข้าต้องสงบสติ สภาวะจิตใจของเซี่ยวเฉินออกโรงอีกครั้ง หัวใจที่หวาดกลัวและรนรานสงบลงอย่างรวดเร็ว
ทันมดนั้น,ความคิดหนึ่งผิดขึ้นมาในหัวของเซี่ยวเฉิน หลังจากที่เขาสงบสติลง,ในที่สุดเขาก็พบหันทางรับมือ
ที่จริง,เซี่ยวเฉินเดินไปผิดทางตั้งแต่เริ่ม มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะควบคุมปราณที่รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างทันที
การเลื่อนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หกมันไม่ใช่เพียงอุปสรรคใหญ่ธรรมดาเซี่ยวเฉินเชื่อว่าไม่มีใครที่จะสามารถควบคุมมันได้อย่างทันที
ไม่ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อยทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์สู่ชั้นที่หก?
เห็นชัดว่าไม่ใช่เซี่ยวเฉินไม่จําเป็นต้องควบคุมความเร็วแต่เป็นทิศทางของมัน
เขาจําเป็นต้องบังคับปราณให้อยู่ในเส้นทางขอบทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก,หมุนเวียนให้ครบหนึ่งรอบใหญ่
เซี่ยวเฉินรู้สึกรู้แจ้งหลังจากที่คิดได้ดังนี้ ทุกครั้งที่ปราณไหลไปผิดทาง,เขาจะบังคับปราณกลับมาในทิศทางที่ถูกต้องอย่างอ่อนโยน
แม้ว่ามันจะพูดง่าย,แต่ยากที่จะลงมือความเร็วของปราณรวดเร็วเกินไป เซียวเฉินจะต้องลงมือให้ถูกจังหวะในทุกครั้ง ทําให้จิตใจของเขาเหนื่อยล้า อย่างไรก็ตาม,เขาไม่อาจชะล่าใจ
“ยิ้ม…”
ขณะที่ปราณกําลังหมุนเวียนครบหนึ่งรอบใหญ่, วังวนกระแสไฟฟ้าขนาดมหึมาเหนือหัวของเซียวเฉินหมุนวนอย่างรวดเร็ว มันดึงเอาพลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าในรัศมีหนึ่งพันเมตรเข้ามา
เส้นสายฟ้าวาดผ่านตัดกัน,เมฆหมุนวนและเติมเต็มท้องฟ้ารัศมีหนึ่งพันเมตร,แสงสายฟ้าฉายลงบนเกาะเชียนเหลิ่นส่องสว่างราวกับกลางวัน
ภายใต้การควบคุมที่ระมัดระวังของเซียวเฉิน,เขากําลังจะหมุนเวียนครบหนึ่งรอบใหญ่ ก่อนหน้านี้ ปราณเกือบจะไหลไปผิดทางอยู่สองสามครั้ง โชคดีเซียวเฉินสามารถดึงปราณกลับมาได้
เซียวเฉินรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วกว่าปกติหลายเท่า ทุกกระบวณการอันตรายเป็นอย่าง
“ปัง!”
ในตอนที่ปราณทั้งหมดกลับมารวมกันที่จุดตันเทียน,วังวนระเบิดออก พลังปราณที่พลุ่ง พล่านผันผวนอยู่นานก่อนที่จะหยุดลง
ปราณค่อยๆรวมตัวและก่อร่างเป็นวังวนฉีอีกบ่อหนึ่งที่เต็มไปด้วยของเหลวสีม่วง เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ความโป่งพอง หลังจากที่วังวนฉีถูกเต็มเต็ม,มันขยายขึ้นอีกครั้ง
“ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก! สําเร็จ!”
เซี่ยวเฉินตะโกนอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเขาพลันลืมตื่นขึ้น และเส้นลําแสงสรม่วงวูบผ่านท้องฟ้า
ก่อนที่เซียวเฉินจะได้ตอบสนอง,วังวนกระแสไปฟฟ้าที่น่าหวาดกลัวบนท้องฟ้าเข้าไปในดวงตาของเซียวเฉิน
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทําให้เซี่ยวเฉินตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นกลัว เพลิงแท้อัสนีม่วงดูดซับพลังงานทั้งหมดของวังวนกระแสไฟฟ้าเข้าไป
เซี่ยวเฉินไม่เร่งรีบที่จะทดสอบพลังของเพลิงแท้อัสนี้มีวง เขาหลับตาลงอีกครั้งและหมุนเวียนวังวนฉีต่อไป
แก่นกลางวิญญาณสีทองในฝ่ามือของเซี่ยวเฉินเริ่มหมุน เซียวเฉินดูดกลืนพลังงานจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าหินวิญญาณระดับสูงเข้าไป
แก่นกลางวิญญาณสีทองหดลงอย่างสังเกตได้ เซี่ยวเฉินรีบดูดซับพลังงานจิตวิญญาณทั้งหมดของมัน
เซี่ยวเฉินอยากที่นะยืมพลังงานภายนอกนี้เพื่อทะลวงระดับขอบเขตนักบุญสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธในอึดใจเดียว
เมื่อเยว่เฉินซีที่อยู่ห่างออกไปเห็นว่าวังวนกระแสไฟฟ้าลบหายไป,นางถอนหายใจอย่างโล่งอก นางรู้ว่าเซี่ยวเฉินเลื่อนชั้นทักษะบ่มเพาะพลังของเขาสําเร็จ อย่างไรก็ตาม,สีหน้าของนางกลายเป็นร้ายแรงอีกครั้ง
มีกระแสพลังแข็งแกร่งออกมาจากตัวของเซี่ยวเฉิน เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่อย่างมากนอกจากนั้น มันยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เยว่เฉินซีคิ้วขมวดเล็กน้อยและกล่าวขึ้นอย่างมืดมัว “เจ้าหมอนี่…เป็นไปได้ว่าเขากําลังคิดที่จะทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ? บ้าแล้ว!”
พลังงานสีทองหลั่งไหลเข้ามา,พลังงานที่รวมตัวกันภายในจุดตันเที่ยนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เซี่ยวเฉินสามารรู้สึกได้ถึงม่านพลังตรงหน้าของพลังงานนี้
นี่เป็นอุปสรรคสุดท้ายในการขึ้นสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ ข้าจะทะลวงผ่านไปในอึดใจเดียว สลายไปซะ! ข้าจะก้าวสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ! ไม่มีใครมาหยุดข้าได้!
เซี่ยวเฉินตะโกนอย่างเกรียวกราดในใจ เขาเพิ่มความเร็วในการดูดกลืนพลังงานจากแก่นกลางวิญญาณ
“สลาย!”
ในตอนที่แก่นกลางวิญญาณถูกดูดพลังจนหมดสิ้น เซียวเฉินร้องตะโกนขึ้น จากนั้น,เขาใช้พลังงานอันแข็งแกร่งนี้และพลังปราณที่หมุนเวียนชนเข้ากับม่านพลัง
“ปะ! ปะ!”
เสียงกรอบแกรบดังขึ้นภายในร่างของเซี่ยวเฉิน ม่านพลังที่คั่นขอบเขตนักบุญแตกสลายโดยไม่อาจต่อต้าน
พลังงานมหาศาลเติมเต็มเซี่ยวเฉินในทันที เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เซี่ยวเฉินสามารถบินได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องใช้คาถาแรงโน้มถ่วง เขาลืมตาขึ้นและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
หลังจากพยายามอย่างหนักอยู่สองเดือน,และการระเบิดพลังในตอนสุดท้าย,ในที่สุดเซียวเฉินก็ก้าวสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
“คําราม!”
ฉีและโลหิตของเซียวเฉินพลุ่งพล่าน มันรู้สึกราวกับเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด แม้แต่เลอดของเขาก็ราวกับลุกติดไฟ นี่หรือคือความแข็งแกร่งของขอบเขตกษัตริย์ยุทธ?
ขณะที่เซียวเฉินกําลังเลือดร้อน,เขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคํารามยาวออกมา เสียงของเขาราวกับฟ้าคําราม,ดังสะท้อนไปภายในเกาะเชียนเหลิ่น,ก๊กก้องไปมาเป็นเวลานาน
เขาทําสําเร็จจริงๆ! สายตาของเยว่เฉินซีเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาเลื่อนระดับจากขอบเขตนักบุญขั้นสูงสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธภายในเวลาสองเดือน
นี่เป็นขอบเขตพลังที่ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนไม่อาจเอื้อมไปถึงชั่วชีวิต กระนั้น,เซี่ยวเฉินใช้เวลาเพียงสองเดือน
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป,มันจะเป็นที่ตื่นตะลึง ดูเหมือนว่าข้าจะเลือกคนไม่ผิด เขาจะต้องเป็นคนที่ท่านลุงหนึ่งบอกให้ข้าตามหาอย่างแน่นอน
เซี่ยวเฉินสงบอารมณ์ของเขาลงและมองไปรอบๆ เขามองเห็นเยว่เฉินซีที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันเมตรและยิ้มขึ้น
จิตวิญญาณนักสู่ไหลออกมาจากดวงตาของเซียวเฉิน กระแสพลังของเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างหนักหน่วงจากนั้นมันก็กดลงบนตัวของเยว่เฉินซีอย่างรุนแรง
เยว่เฉินซียิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวด้วยเสียงต่า “หรือเจ้าอยากจะสู้? ช่างบังเอิญ,ข้าเพิ่งจะทะลวงระดับทักษะอาทิตย์รุ่งอรุณของข้าแต่ข้ายังไม่เจอกระสอบทรายเหมาะๆ”
“บูม!”
กระแสพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของเซี่ยวเฉินพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างของเยว่เฉินซีวูบไหวมุ่งหน้าไปหาเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว
“เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเยว่เฉินซีทะยานขึ้นมาบนท้องฟ้า,เปลวเพลิงสีม่วงดุร้ายในตาขวาของเขาก่อเกิดเป็นวังวนราวกับกําลังจะดูดกลืนโลกใบนี้
“ยิ่ง!”
เซียวเฉินตะโกน,และเปลวเพลิงสีม่วงไหลออกมาจากตาขวาของเขา แสงสีม่วงกระพริบไหวและทําให้ท้องฟ้าดูเป็นสีเขียวเลือนลาง
ทุกที่ที่มันวาดผ่าน,เปลวเพลิงสีม่วงดูราวกับเผาผลาญแม้กระทั่งอากาศ,ทิ้งเป็นช่องว่างสีดําในเส้นทางของมัน
“ช่างเป็นเพลงที่แข็งแกร่ง
ความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเยว่เฉินซี,แต่นางไม่ได้ตื่นกลัว กําปั้นอันอ่อนช้อยของนางกําแน่นขณะที่รวบรวมพลังอันไร้ขอบเขต กระแสพลังของนางทะยานขึ้นอยู่สงต่อเนื่อง
เมื่อกระแสพลังของเยว่เฉินซีเร่งถึงขีดสุด,นางร่องคํารามศึกและปล่อยหมัดออกไป
แสงรุ่งโรจน์ระเบิดออกจากกําปั้นของนางราวกับเป็นแสงของอาทิตย์ขึ้น มันทําลายล้างความมืดมิดโดยรอบ
“บึม!”
กําปั้นอันดร้ายปะทะกับเปลวเพลิงอย่างรุนแรง ในตอนที่การโจมตีของทั้งสองปะทะกัน,พวกมันเข้าน้ํานั่นไม่ยอมหลีกทางให้กัน เกิดคลื่นกระแทกรุนแรงกระจายออกไป
“ชี!ชี!ชี!”
คลื่นรุนแรงปะทะเข้ากับภูเขาสูงสองสามแห่งภายในเหาะแห่งนี้ พวกมันแตกสลาย,หินดินโรยลงมาจากท้องฟ้าราวกับห่าฝน
ช่างคาดไม่ถึง, ในตอนที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาถึงชั้นที่หก,เพียงการโจมตีทั่วไปจากเพลิงแท้อัสนีม่วงก็สามารถทรงพลังถึงเพียงนี้ แม้แต่หมัดอาทิตย์รุ่งอรุณของเยว่เฉินซีก็ไม่อาจสลายมัน,เซียวเฉินครุ่ยคิดอย่างเป็นสุข
หมัดอาทิตย์รุ่งอรุณเป็นหนึ่งในทักษะหมักที่มีชื่อเสียงในเรื่องความดุร้ายของมัน แม้แต่ทักษะยุทธระดับสวรรค์ขั้นต่ําก็ไม่อาจเทียบกับมันได้ในด้านพลัง
การโจมตีของทั้งสองน้ํานั่นกันก่อนที่ตะค่อยๆสลายไป เซียวเฉินวางมือของเขาลงบนด้ามกระบี่และชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาอย่างรวดเร็ว
“หวี่ขยแพรวพราว!”
กระบี่ฉีสีม่วงเจิดจ้าปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แสงหนาแน่นปรากฏขึ้นบนกระบี่ฉี บนท้องฟ้ายามค่ําคืน,มันดูราวกับแสงเลเซอร์
นี่เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของขอบเขตกษัตริย์ยุทธ์พลังปราณของเซียวเฉินหนาแน่นขึ้นทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ,มันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าขอบเขตนักบุญ
ถึงตอนนี้เองที่เซียวเฉินใช้พลังที่แท้จริงขแงทักษะยุทธโบราณนี้ออกมาได้ ก่อนหน้านี้, ที่แขาสําแดงออกมาเป็นเพียงยอดภูเขาน้ําแข็ง
ช่างเป็นพลังปราณที่พลุ่งพล่าน:ปริมาณปราณของเซียวเฉินน่าจะไม่ด้อยไปกว่าขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูง
เยว่เฉินซีหยตา ในตอนที่กระบี่ฉีสีม่วงอยู่ห่างจากนางไปหนึ่งเมตร,นางชกออกไปที่ปลายกระบี่ฉี
“เคร้ง!”
มันราวกับกําปั้นอันอ่อนช้อยของเยว่เฉินไม่ได้ทํามาจากเลือดเนื้อของมนุษย์ ในตอนที่มันซัดเข้ากับกระบี่ฉี,มันส่งเสียงเหล็กกระทบออกมา
Comments