Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 347 ไพ่ตายของศาลากระบี่สวรรค์
ตอนที่ 347 ไพ่ตายของศาลากระบี่สวรรค์
เพื่อป้องกันไม่ให้ศาลากระบี่สวรรค์ฟื้นคืนกลับสู่ความรุ่งเรืองในอดีตกลับมา,ราชสํานักหลวงได้มองหาโอกาสที่จะสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับศาบากระบี่สวรรค์อีกครั้ง
จักรพรรดิฉินได้ตัดสินใจลงทือ,ต้องการส่งกองเรือเข้ามาที่ศาลากระบี่สวรรค์ นี่เป็นเหมือนการปักกระบี่ลงมาที่ศาลากระบี่สวรรค์,จํากัดการเติบโตของพวกเขา
เมื่อเจียงชื่อมองเห็นประตูปืนใหญ่เปิดออกและกองเรือสีทองที่เตรียมพร้อมเข้าสู่สมรภูมิ,เขายังคงสีหน้าเงียบสงบ เขากล่าวอย่างเฉยเมย “หนานกงเลี่ย,ดูเหมือนว่าเจ้าจะสนุกกับการเล่นกับไฟ ข้าจะเล่นกับเจ้า!”
หัวใจของหนานกงเลี่ยสั่นระรัว เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,เป็นไปได้ว่าศาลากระบีสวรรค์ยังมีไฟตายอื่นอยู่อีก?
เป็นไปไม่ได้ ในตอนที่หนานกงเลี่ยคิดเช่นนั้น,เขาส่ายหัว หากพวกมันยังมีไพ่ตายอื่น,ศาลากระบี่สวรรค์คงไม่กลายเป็นซากปรักหักพังเช่นนี้
พวกมันเป็นหนึ่งในสามนิกายใหญ่พวกมันจะทนดูนิกายของพวกมันถูกทําลายลงไปเช่นนี้ได้อย่างไร? แม้ว่าพวกมันมีไพ่ตายอื่นอยู่อีก,พวกมันจะต้องใช้ออกไปแล้ว หลังจากศึกใหญ่ที่ยึดเยื้อ,พวกมันไม่เหลือพลังต่อสู้มากนัก
หนานกงเลี้ยยังคงยิ้มกระหยิ่ม “พี่น้องเจียง,ความตั้งใจที่เข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์ไม่ใช้ของข้า,ท่านน่าจะรู้ว่าเป็นของใคร ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทําให้เป็นเรื่องยากสําหรับข้า”
เจียงชื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “เมื่อเป็นเช่นนั้น,ให้เขาเข้ามาพูดกับข้าตัวต่อตัว”
ก่อนที่หนานกงเลี้ยจะได้กล่าวอะไรต่อ,ผู้ช่วยคนหนึ่งข้างตัวเขาร้องตะโกนขึ้น “โอหัง,คิดว่าเจ้าเป็นใคร?! ถึงได้กล้าพันคําเหล่านี้ออกมา? ฝ่าบาทคือผู้ที่เจ้าเรียกพบได้ตามต้องการ?”
“เจ้ากล้ากล่าวกับผู้อาวุโสเจียงเช่นนี้ได้อย่างไร ขอขมาผู้อาวุโสเจียงเดียวนี้” หนานกงเลี้ยหันไปดุด่าผู้ช่วยคนนั้นอย่างเสแสร้ง จากนั้นเขาก็หันไปพบหน้าเพียงช่อและยิ้มขึ้น “ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าไร้ระเบียบ ข้าจะสั่งสอนเขาในตอนที่พวกเรากลับไปแล้ว”
สีหน้าของเจียงช่อคงความนิ่งสงบ,ดวงตาของเขานิ่งดุจน้ําในบ่อ เขากล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่จําเป็น:เขาได้ตายไปแล้ว”
สีหน้าของหนานกงเลี้ยเปลี่ยน,และรีบหันกลับไปที่ด้านข้าง มีบาดแผลเล็กปรากฏขึ้นบนคอของผู้ช่วยคนนั้นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบ
บาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้สามารถถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย ผู้ช่วยคนนั้นไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วยเช่นกัน;เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเกอดแผลขึ้นที่คอของเขา
“เจ้าอยากจะสังหารข้า? ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า,ไม่มีทาง” ผู้ช่วยคนนั้นกล่าวอย่างไม่แยแสขณะที่จ้องมองไปยังเจียงซื้อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ช่วยคนนั้นเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหนานกงเลีย,ผู้ช่วยคนนั้นก็มองกลับหลังไปอย่างงุนงง เขามองเห็นศพไร้หัวที่สวมชุดเกราะสีทองด้านหลังของเขา
ทําไมร่างนี้ช่างดูคุ้นตา? นี่เป็นความคิดสุดท้ายของหัวของผู้ช่วยที่ลอยอยู่ในอากาศ
“ปัง!
หนานกงเลี่ยชกใส่อากาศไปที่ด้านขวา กําปั้นซัดโดนเพียงอากาศแต่กลับส่งเสียงสั่นสะเทือนแก้วหู เรือสงครามล่มหึมาสั่นสะเทือนอย่างไร้การควบคุมจากพลังของกําปั้นนี้
มิติแตกร้าว,และมีร่างสีแดงโผล่ออกมาจากรอยแตก ร่างนั้นมีหน้ากากหน้ายิ้มที่ดูไม่เหมือนอมยิ้ม เขาจับหน้ากากที่ส่องประกายแวววาวด้วยมือขวาของเขา
ร่างสีแดงจางหายไปและปรากฏตัวขึ้นบนจุดยอดสุดของเรือสงครามราวกับเงา
เมื่อหนานกงเลี่ยมองเห็นคนผู้นี้,สีหน้าของเขากลายเป็รายแรงไปครู่หนึ่ง เขากล่าวอย่างตกตะลึง “ซีเมื่นจ้าน! เจ้ายังไม่ตาย!”
ซีเมื่นจานเป็นผู้บัญชาการคนก่อนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ เขามีอายุอย่างน้อย 190 ปี ก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากโลกใบนี้,เขาได้อยู่ที่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดแล้ว
ซีเมื่นจานยิ้มเบาๆ “เจ้าหนูหนานกง,แล้วเจ้าหวังให้ข้าตายหรือไม่?”
“บูม! บูม! บูม!”
กระแสพลังอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาจากทิศเหนือ,ใต้,ออก,ตก กระแสพลังเหล่านี้ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่องปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า พวกมันล้วนเป็นกระแสพลังของระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด
เมื่อหนานกงเลี่ยมองเห็นบุคคลเหล่านี้ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาพึมพํากับตัวเอง “เฉินม่านจวิน,ท่านเจ้ายอดเขาสตรีหยกสองชั่วอายุคน เสี่ยวเฟิง,ท่านเจ้ายอดเขารุ่นก่อนแห่งยอดเขาเขียนตัวน ซึ่งไป,ท่านเจ้ายอดเขารุ่นก่อนแห่งยอดเขาซื้อวิน หลิวเสี่ยวเหอ,ท่านเจ้า ยอดเขารุ่นก่อนแห่งยอดเขากางอว์”
คนพวกนี้ยังไม่ตาย! นอกจากนั้น,กระแสพลังของพวกเขากลับยิ่งรุ่งโรจน์ ฉีและโลหิตพลุ่งพล่าน เห็นชัดว่าพวกเขาไม่ได้ผ่านศึกอะไรมา;พวกเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์สุด
ในสี่คนนี้ มีร่างชุดขาวนวลลอยตรงเข้ามาอย่างช้าๆ เป็นนางฟ้าแห่งยอดเขาสตรีหยก,เฉินม่านจวน
หนานกงเลี้ยมองไปยังตัวตนเงินม่านจวนที่สูงส่งและไม่กล้าที่จะแสดงความไม่เคารพ ก่อนที่เขาจะกลายมามีชื่อเสียง, ชื่อนี้เคยสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉัน
ในตอนที่หนานกงเลี้ยยังเยาว์,เขาได้ชื่นชมนางอยู่อย่างเงียบๆ เดิมที่เขาคิดว่านางได้ตายไปแล้ว เขาไม่คาดคิดว่านางจะมาปรากฏตัวต่อหน้าของเขาเช่นนี้
“หนานกงเลี่ย,ในเมื่อเจียงซื้อไม่ได้เหมาะสมที่จะเชื้อเชิญจักรพรรดิฉินให้มาที่นี่,แล้วข้าล่ะเป็นเช่นไร?” เฉินม่านจนกล่าวอย่างเฉยเมยและจ้องมองไปทางหนานกงเลี่ย
หนานกงเลี่ยรู้สึกขมขึ้นในใจ เขาไม่คาดคิดว่าศาลากระบี่สวรรค์จะคงมีห้ายอดกษัตริย์ยุทธที่สภาพพร้อมรบเช่นนี้ นอกจากนั้น ยังมีระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพจักรวรรดิมังกร,มีความเป็นไปได้ที่จะล้มคนเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาต้องเอาเข้าแลกมันสูงเกินไป
จักรพรรดิไม่ได้ตั้งใจจะล้างบางศาลากระบี่สวรรค์จนสิ้น ท่านเพียงต้องการใช้โอกาสนี้ในการกดข่มขุมอานาจอื่นเอาไว้,ค่อยๆทําไปทีละขั้น
จักรพรรดิไม่ได้อยากที่จะเผิดสงครามเต็มรูปแบบกับศาลากระบี่สวรรค์ มันโจ่งแจ้งเกินไปที่จะเปิดศึกกับมหานิกายใหญ่ มันจะต้องเกิดข้อสงสัยให้กับอีกสองนิกายใหญ่อย่างแน่นอน
สีหน้าของหนานกงเลี่ยเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาค่อยๆสงบใจลงและยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “รุ่นพี่เฉิน นี่เป็นการเข้าใจผิด ในเมื่อศาลากระปสวรรค์ได้คลี่คลายสถานการณ์อันตายลงไปแล้ว,กองทัพจักรวรรดิมังกรก็ไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ต่อ”
หลังจากที่หนานกงเลี้ยกล่าวจบ,เขาพยิบเอากล่องไม้กล่องหนึ่งออกมาและกล่าว “มีหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งหมื่นก้อนพวกในกล่องนี้ ถือเสียว่าเป็นค่าเสียหายที่กองทัพจักรวรรดิ มังกรได้ฟังม่านพลังเข้ามา ข้าขอตัวก่อน”
เจียงชื่อรับเอากล่องไม้มา,แต่ก็รู้สึกละอายในใจ เขาอยากที่จะทุบกล่องใบนี้ให้แหลกด้วยกำปั้นของเขา
เฉินม่านจวุ่นวางมือของนางลงบนไหล่ของเลี้ยงชื่อ และส่งผ่านพลังปราณที่อ่อนโยน,สงบจิตใจที่หงุดหงิดของเจียงซื้อ
เจียงชื่อกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณท่านอาจารย์ป้า เจียงชื่อผู้นี้ไร้ความสามารถ;การกระท่าของข้านความอับอายมาสู่ศาลากระปสวรรค์”
เฉินม่านจวนยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “เจ้าทําได้ดีแล้ว อย่าได้โทษตัวเอง ยังมีความหวังสําหรับศาลากระบี่สวรรค์ ข่าวจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์น่าจะมาถึงในวันพรุ่งนี้”
กองเรือสีทองของกองทัพจักรวรรดิมังกรหันกลับและจากไปในทันที ภายใต้การมองดูของเหล่าผู้เชี่ยวชาญในแคว้นซีเหอ,พวกเขาค่อยๆถอยห่างออกไปจากเมือกเขาหลิงหยุน
กองทัพจักรวรรดิมังกองมาไวก็ไปไว นี้ทําให้เหล่าผู้คนเกาหัวอย่างงุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างด้านใน
ในตอนที่กองทัพจักรวรรดิมังกรมาถึง,เห็นชัดว่าพวกเขาคิดจะใช้ความได้เปรียบในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไป พวกเขาก็ล่าถอยออกมาในทันที ดูเหมือนไม่มีการปะทะกันแม้แต่น้อย
ที่กลางยอดเขาจึงหยุน,เซี่ยวเฉินมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาส่ายหัวและครุ่นคิด,ท้ายที่สุด,ศาลากระบีสวรรค์ยังทรุดโทรม
แม้ว่ากองทัพจักรวรรดิมังกรจะทิ้งหินวิญญาณหนึ่งหมื่นก่อนเอาไว้ให้ แต่พวกเขาก็เข้ามาและออกไปตามใจชอบ เห็นชัดว่าฝ่ายไหนที่แข็งแกร่งกว่าและฝ่ายไหนที่อ่อนแอ
หลิวหรูเยวมองไปยังซากปรักหักพังในลานของนาง นางส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขึ้น “เย่เฉิน,ดูเหมือนข้าจะเป็นคนไร้บ้านไปแล้ว”
เซียวเฉินถึงความคิดของเขากลับมาและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าสามารถมาอยู่กับข้าได้สักระยะหนึ่ง ยังมีห้องว่างในลานของข้า ไว้เจ้าค่อยกลับมาหลังจากที่บ้านใหม่ของเจ้าสร้างเสร็จ”
หลิวหรูเยวี่ยิ้มและกล่าว “งั้นก็ตกลงตามนั้น ข้าจะไปที่ยอดเขาเพื่อพบพ่อของข้าก่อน ข้าจะไปเจอกับเจ้าในวันพรุ่งนี้”
เซียวเฉินตกตะลึงไผเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าหลิวหรูเยว่จะตอบตกลงตรงไปตรงมาเช่นนี้ เขาเพียงแค่พูดออกไปลอยๆ ในตอนที่เขาฟื้นสติกลับมา,นางก็หายตัวไปแล้ว
เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มบางๆและส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้น,เขาก็มุ่งหน้าไปที่ลานของเขาอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเซี่ยวเฉินมาก่อน เขาเรียนรู้ไปหลายสิ่งจากเหตุการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพลังทําลายล้างของยอดมนุษยชาติ
ที่ว่ากันว่า “ผ่าภูเขาบดหินผา,เคลื่อนแม่น้ําพลิกสมุทรไม่ได้เป็นเพียงตํานาน ในอดีต,เซียว เฉินได้ยินเพียงคําบอกเล่า ในวันนี้ เขาได้มาเห็นกับตา เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในจิตวิญญาณของเขา
นอกจากนั้น นี่ยังเป็นเพียงความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธทั่วไป เหนือกว่า พวกเขายังมีระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธและจักรพรรดิยุทธ เพียงแค่คิดถึงก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ยังมีหนทางอีกยาวไกลสําหรับข้า สักวันหนึ่ง,ข้า,เซี่ยวเฉิน,จะสําเร็จความแข็งแกร่งในระดับนั้นเช่นกัน
ไม่! ข้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนพวกนี้ ข้าจะมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุด,ที่ยอดสุดในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง นามของข้าจะก้าวข้ามผ่านกาลเวลาเหมือนกับจักรพรรดิเทียนหวี่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และจักรพรรดิอัสนี้เมื่อหนึ่งพันปีก่อน
เซี่ยวเฉันรู้สึกตื่นเต้นพร้อมกับสาบานเอาไว้ในใจ,ข้าจะต้องทําให้สําเร็จ
ดวงตะวันลอยสูงบนท้องฟ้า;มันเป็นวันที่น่ารื่นรมย์ ไม่มีหมู่เมฆบดบัง
ในสถานที่ที่อุดมไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณด้านหลังยอดเขาฉิงหยุน,เซี่ยวเฉินกําลังนั่งขัดสมาธิ เขาค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
พลังปราณสีม่วงหมุนเวียนอย่างรวดเร็วในเส้นปราณของเขา พวกเขาฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมด และหมุนวนไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
มีเส้นปราณหลักเก้าเส้นในร่างของผู้บ่มเพาะพลังแต่ละคน ในทันทีที่ผู้บ่มเพาะพลังหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาขึ้นมาได้ เขาจะเปิดเส้นปราณทั้งเก้าออกในทันที
เส้นปราณเก้าเส้นนี้สําคัญเป็นอย่างมาก พวกมันเป็นพื้นฐานในการบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะพลัง ที่เรียกว่าหมุนเวียนปราณรอบเล็กคือการหมุนเวียนปราณผ่านเส้นปราณเก้าเส้นหลักนี้ครบหนึ่งรอบ
การบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะพลังจะเพิ่มขึ้น กิ่งก้านจะแตกขยายจากเส้นปราณหลัก กิ่งก้านเหล่านี้มากมายราวกับดาวบนท้องฟ้า ในแต่ละครั้งที่ขอบเขตพลังยกระดับขึ้น,จํานวนกิ่งก้านเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
กิ่งก้านเหล่านี้เป็นการขยายตัวของเส้นปราณหลัก เหมือนกับต้นไม้ ต้นไม้จะเติบโตก็ต่อไม้แตกกิ่งก้าน
การบ่มเพาะพลังเป็นไปตามหลักการเดียวกัน ยิ่งมีกิ่งก้าน,พลังปราณในร่างยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ที่เรียกว่า การหมุนเวียนพลังปราณหนึ่งรอบใหญ่หมายถึงการหมุนเวียนปราณในเก้าเส้นปราณหลักก่อนหนึ่งรอบ,จาหนั้นก็หมุนวนไปตามกิ่งก้านสาขา, ที่เป็นเส้นปราณที่แตกยิบย่อยออกไป.ก่อนที่จะกลับไปยังจุดตันเทียน
พลังปราณจะเติบโตเป็นทวีคูณ ทุกครั้งที่หมุนเวียนครบหนึ่งรอบใหญ่,คุณภาพและปริมาณของพลังปราณจะเพิ่มขึ้น นี่คือหลักการในการบ่มเพาะพลัง
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินในตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดกับเส้นปราณยิบย่อยพวกนี้
ไม่นานมานี้,เขาพึ่งพาพลังงานจิตวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขาหลิงหยุน,ในที่สุดเขาก็ดันทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของชั้นที่ห้า ขณะที่เขาเตรียมตัวกําลังจะทะลวง ขึ้นสู่ชั้นที่หก, ทันใดนั้นเขาก็พบว่าเขายังไม่ได้เปิดเส้นปราณย่อยที่ต้องการสําหรับชั้นที่หก ยังมีสี่เส้นปราณย่อยที่ปิดอยู่
นี่หมายถึงเส้นทางที่จะก้าวขึ้นสู่ชั้นที่หกยังไม่สมบูรณ์ ไม่มีทางที่จะหมุนเวียนได้ครบรอบ ไม่มีทางที่จะบ่มเพาะพลังชั้นที่หก
มีสองวิธีในการแก้ไขปัญหานี้ หนึ่งคือพักเรื่องการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ชั่วคราว เขาสามารถรอจนขอบเขตพลังของเขาเพิ่มขึ้นและเส้นปราณย่อยเหล่านั้นจะเปิดออกก่อนที่จะทําการทะลวงชั้น
ในความเป็นจริงวิธีนี้เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังมากมายในทวีปเทียนหวี่เลือกจะทํา เป็นเพราะมีทักษะบ่มเพาะพลังมากมายที่มีข้อจํากัดที่เข้มงวดในขอบเขตพลัง
นอกจากนั้นผู้ที่สร้างทักษะบ่มเพาะพลังขึ้นมาไม่ได้กําหนดเงื่อนไขอย่างจงใจ ใครๆก็สามารถหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะได้หากขอบเขตพลังของพวกเขาไปถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 347 ไพ่ตายของศาลากระบี่สวรรค์
ตอนที่ 347 ไพ่ตายของศาลากระบี่สวรรค์
เพื่อป้องกันไม่ให้ศาลากระบี่สวรรค์ฟื้นคืนกลับสู่ความรุ่งเรืองในอดีตกลับมา,ราชสํานักหลวงได้มองหาโอกาสที่จะสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับศาบากระบี่สวรรค์อีกครั้ง
จักรพรรดิฉินได้ตัดสินใจลงทือ,ต้องการส่งกองเรือเข้ามาที่ศาลากระบี่สวรรค์ นี่เป็นเหมือนการปักกระบี่ลงมาที่ศาลากระบี่สวรรค์,จํากัดการเติบโตของพวกเขา
เมื่อเจียงชื่อมองเห็นประตูปืนใหญ่เปิดออกและกองเรือสีทองที่เตรียมพร้อมเข้าสู่สมรภูมิ,เขายังคงสีหน้าเงียบสงบ เขากล่าวอย่างเฉยเมย “หนานกงเลี่ย,ดูเหมือนว่าเจ้าจะสนุกกับการเล่นกับไฟ ข้าจะเล่นกับเจ้า!”
หัวใจของหนานกงเลี่ยสั่นระรัว เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,เป็นไปได้ว่าศาลากระบีสวรรค์ยังมีไฟตายอื่นอยู่อีก?
เป็นไปไม่ได้ ในตอนที่หนานกงเลี่ยคิดเช่นนั้น,เขาส่ายหัว หากพวกมันยังมีไพ่ตายอื่น,ศาลากระบี่สวรรค์คงไม่กลายเป็นซากปรักหักพังเช่นนี้
พวกมันเป็นหนึ่งในสามนิกายใหญ่พวกมันจะทนดูนิกายของพวกมันถูกทําลายลงไปเช่นนี้ได้อย่างไร? แม้ว่าพวกมันมีไพ่ตายอื่นอยู่อีก,พวกมันจะต้องใช้ออกไปแล้ว หลังจากศึกใหญ่ที่ยึดเยื้อ,พวกมันไม่เหลือพลังต่อสู้มากนัก
หนานกงเลี้ยยังคงยิ้มกระหยิ่ม “พี่น้องเจียง,ความตั้งใจที่เข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์ไม่ใช้ของข้า,ท่านน่าจะรู้ว่าเป็นของใคร ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทําให้เป็นเรื่องยากสําหรับข้า”
เจียงชื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “เมื่อเป็นเช่นนั้น,ให้เขาเข้ามาพูดกับข้าตัวต่อตัว”
ก่อนที่หนานกงเลี้ยจะได้กล่าวอะไรต่อ,ผู้ช่วยคนหนึ่งข้างตัวเขาร้องตะโกนขึ้น “โอหัง,คิดว่าเจ้าเป็นใคร?! ถึงได้กล้าพันคําเหล่านี้ออกมา? ฝ่าบาทคือผู้ที่เจ้าเรียกพบได้ตามต้องการ?”
“เจ้ากล้ากล่าวกับผู้อาวุโสเจียงเช่นนี้ได้อย่างไร ขอขมาผู้อาวุโสเจียงเดียวนี้” หนานกงเลี้ยหันไปดุด่าผู้ช่วยคนนั้นอย่างเสแสร้ง จากนั้นเขาก็หันไปพบหน้าเพียงช่อและยิ้มขึ้น “ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าไร้ระเบียบ ข้าจะสั่งสอนเขาในตอนที่พวกเรากลับไปแล้ว”
สีหน้าของเจียงช่อคงความนิ่งสงบ,ดวงตาของเขานิ่งดุจน้ําในบ่อ เขากล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่จําเป็น:เขาได้ตายไปแล้ว”
สีหน้าของหนานกงเลี้ยเปลี่ยน,และรีบหันกลับไปที่ด้านข้าง มีบาดแผลเล็กปรากฏขึ้นบนคอของผู้ช่วยคนนั้นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบ
บาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้สามารถถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย ผู้ช่วยคนนั้นไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วยเช่นกัน;เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเกอดแผลขึ้นที่คอของเขา
“เจ้าอยากจะสังหารข้า? ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า,ไม่มีทาง” ผู้ช่วยคนนั้นกล่าวอย่างไม่แยแสขณะที่จ้องมองไปยังเจียงซื้อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ช่วยคนนั้นเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหนานกงเลีย,ผู้ช่วยคนนั้นก็มองกลับหลังไปอย่างงุนงง เขามองเห็นศพไร้หัวที่สวมชุดเกราะสีทองด้านหลังของเขา
ทําไมร่างนี้ช่างดูคุ้นตา? นี่เป็นความคิดสุดท้ายของหัวของผู้ช่วยที่ลอยอยู่ในอากาศ
“ปัง!
หนานกงเลี่ยชกใส่อากาศไปที่ด้านขวา กําปั้นซัดโดนเพียงอากาศแต่กลับส่งเสียงสั่นสะเทือนแก้วหู เรือสงครามล่มหึมาสั่นสะเทือนอย่างไร้การควบคุมจากพลังของกําปั้นนี้
มิติแตกร้าว,และมีร่างสีแดงโผล่ออกมาจากรอยแตก ร่างนั้นมีหน้ากากหน้ายิ้มที่ดูไม่เหมือนอมยิ้ม เขาจับหน้ากากที่ส่องประกายแวววาวด้วยมือขวาของเขา
ร่างสีแดงจางหายไปและปรากฏตัวขึ้นบนจุดยอดสุดของเรือสงครามราวกับเงา
เมื่อหนานกงเลี่ยมองเห็นคนผู้นี้,สีหน้าของเขากลายเป็รายแรงไปครู่หนึ่ง เขากล่าวอย่างตกตะลึง “ซีเมื่นจ้าน! เจ้ายังไม่ตาย!”
ซีเมื่นจานเป็นผู้บัญชาการคนก่อนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ เขามีอายุอย่างน้อย 190 ปี ก่อนที่เขาจะหายตัวไปจากโลกใบนี้,เขาได้อยู่ที่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดแล้ว
ซีเมื่นจานยิ้มเบาๆ “เจ้าหนูหนานกง,แล้วเจ้าหวังให้ข้าตายหรือไม่?”
“บูม! บูม! บูม!”
กระแสพลังอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาจากทิศเหนือ,ใต้,ออก,ตก กระแสพลังเหล่านี้ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่องปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า พวกมันล้วนเป็นกระแสพลังของระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด
เมื่อหนานกงเลี่ยมองเห็นบุคคลเหล่านี้ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาพึมพํากับตัวเอง “เฉินม่านจวิน,ท่านเจ้ายอดเขาสตรีหยกสองชั่วอายุคน เสี่ยวเฟิง,ท่านเจ้ายอดเขารุ่นก่อนแห่งยอดเขาเขียนตัวน ซึ่งไป,ท่านเจ้ายอดเขารุ่นก่อนแห่งยอดเขาซื้อวิน หลิวเสี่ยวเหอ,ท่านเจ้า ยอดเขารุ่นก่อนแห่งยอดเขากางอว์”
คนพวกนี้ยังไม่ตาย! นอกจากนั้น,กระแสพลังของพวกเขากลับยิ่งรุ่งโรจน์ ฉีและโลหิตพลุ่งพล่าน เห็นชัดว่าพวกเขาไม่ได้ผ่านศึกอะไรมา;พวกเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์สุด
ในสี่คนนี้ มีร่างชุดขาวนวลลอยตรงเข้ามาอย่างช้าๆ เป็นนางฟ้าแห่งยอดเขาสตรีหยก,เฉินม่านจวน
หนานกงเลี้ยมองไปยังตัวตนเงินม่านจวนที่สูงส่งและไม่กล้าที่จะแสดงความไม่เคารพ ก่อนที่เขาจะกลายมามีชื่อเสียง, ชื่อนี้เคยสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉัน
ในตอนที่หนานกงเลี้ยยังเยาว์,เขาได้ชื่นชมนางอยู่อย่างเงียบๆ เดิมที่เขาคิดว่านางได้ตายไปแล้ว เขาไม่คาดคิดว่านางจะมาปรากฏตัวต่อหน้าของเขาเช่นนี้
“หนานกงเลี่ย,ในเมื่อเจียงซื้อไม่ได้เหมาะสมที่จะเชื้อเชิญจักรพรรดิฉินให้มาที่นี่,แล้วข้าล่ะเป็นเช่นไร?” เฉินม่านจนกล่าวอย่างเฉยเมยและจ้องมองไปทางหนานกงเลี่ย
หนานกงเลี่ยรู้สึกขมขึ้นในใจ เขาไม่คาดคิดว่าศาลากระบี่สวรรค์จะคงมีห้ายอดกษัตริย์ยุทธที่สภาพพร้อมรบเช่นนี้ นอกจากนั้น ยังมีระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพจักรวรรดิมังกร,มีความเป็นไปได้ที่จะล้มคนเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาต้องเอาเข้าแลกมันสูงเกินไป
จักรพรรดิไม่ได้ตั้งใจจะล้างบางศาลากระบี่สวรรค์จนสิ้น ท่านเพียงต้องการใช้โอกาสนี้ในการกดข่มขุมอานาจอื่นเอาไว้,ค่อยๆทําไปทีละขั้น
จักรพรรดิไม่ได้อยากที่จะเผิดสงครามเต็มรูปแบบกับศาลากระบี่สวรรค์ มันโจ่งแจ้งเกินไปที่จะเปิดศึกกับมหานิกายใหญ่ มันจะต้องเกิดข้อสงสัยให้กับอีกสองนิกายใหญ่อย่างแน่นอน
สีหน้าของหนานกงเลี่ยเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาค่อยๆสงบใจลงและยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “รุ่นพี่เฉิน นี่เป็นการเข้าใจผิด ในเมื่อศาลากระปสวรรค์ได้คลี่คลายสถานการณ์อันตายลงไปแล้ว,กองทัพจักรวรรดิมังกรก็ไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ต่อ”
หลังจากที่หนานกงเลี้ยกล่าวจบ,เขาพยิบเอากล่องไม้กล่องหนึ่งออกมาและกล่าว “มีหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งหมื่นก้อนพวกในกล่องนี้ ถือเสียว่าเป็นค่าเสียหายที่กองทัพจักรวรรดิ มังกรได้ฟังม่านพลังเข้ามา ข้าขอตัวก่อน”
เจียงชื่อรับเอากล่องไม้มา,แต่ก็รู้สึกละอายในใจ เขาอยากที่จะทุบกล่องใบนี้ให้แหลกด้วยกำปั้นของเขา
เฉินม่านจวุ่นวางมือของนางลงบนไหล่ของเลี้ยงชื่อ และส่งผ่านพลังปราณที่อ่อนโยน,สงบจิตใจที่หงุดหงิดของเจียงซื้อ
เจียงชื่อกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณท่านอาจารย์ป้า เจียงชื่อผู้นี้ไร้ความสามารถ;การกระท่าของข้านความอับอายมาสู่ศาลากระปสวรรค์”
เฉินม่านจวนยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว “เจ้าทําได้ดีแล้ว อย่าได้โทษตัวเอง ยังมีความหวังสําหรับศาลากระบี่สวรรค์ ข่าวจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์น่าจะมาถึงในวันพรุ่งนี้”
กองเรือสีทองของกองทัพจักรวรรดิมังกรหันกลับและจากไปในทันที ภายใต้การมองดูของเหล่าผู้เชี่ยวชาญในแคว้นซีเหอ,พวกเขาค่อยๆถอยห่างออกไปจากเมือกเขาหลิงหยุน
กองทัพจักรวรรดิมังกองมาไวก็ไปไว นี้ทําให้เหล่าผู้คนเกาหัวอย่างงุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างด้านใน
ในตอนที่กองทัพจักรวรรดิมังกรมาถึง,เห็นชัดว่าพวกเขาคิดจะใช้ความได้เปรียบในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไป พวกเขาก็ล่าถอยออกมาในทันที ดูเหมือนไม่มีการปะทะกันแม้แต่น้อย
ที่กลางยอดเขาจึงหยุน,เซี่ยวเฉินมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาส่ายหัวและครุ่นคิด,ท้ายที่สุด,ศาลากระบีสวรรค์ยังทรุดโทรม
แม้ว่ากองทัพจักรวรรดิมังกรจะทิ้งหินวิญญาณหนึ่งหมื่นก่อนเอาไว้ให้ แต่พวกเขาก็เข้ามาและออกไปตามใจชอบ เห็นชัดว่าฝ่ายไหนที่แข็งแกร่งกว่าและฝ่ายไหนที่อ่อนแอ
หลิวหรูเยวมองไปยังซากปรักหักพังในลานของนาง นางส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขึ้น “เย่เฉิน,ดูเหมือนข้าจะเป็นคนไร้บ้านไปแล้ว”
เซียวเฉินถึงความคิดของเขากลับมาและยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าสามารถมาอยู่กับข้าได้สักระยะหนึ่ง ยังมีห้องว่างในลานของข้า ไว้เจ้าค่อยกลับมาหลังจากที่บ้านใหม่ของเจ้าสร้างเสร็จ”
หลิวหรูเยวี่ยิ้มและกล่าว “งั้นก็ตกลงตามนั้น ข้าจะไปที่ยอดเขาเพื่อพบพ่อของข้าก่อน ข้าจะไปเจอกับเจ้าในวันพรุ่งนี้”
เซียวเฉินตกตะลึงไผเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าหลิวหรูเยว่จะตอบตกลงตรงไปตรงมาเช่นนี้ เขาเพียงแค่พูดออกไปลอยๆ ในตอนที่เขาฟื้นสติกลับมา,นางก็หายตัวไปแล้ว
เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มบางๆและส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้น,เขาก็มุ่งหน้าไปที่ลานของเขาอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเซี่ยวเฉินมาก่อน เขาเรียนรู้ไปหลายสิ่งจากเหตุการณ์นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพลังทําลายล้างของยอดมนุษยชาติ
ที่ว่ากันว่า “ผ่าภูเขาบดหินผา,เคลื่อนแม่น้ําพลิกสมุทรไม่ได้เป็นเพียงตํานาน ในอดีต,เซียว เฉินได้ยินเพียงคําบอกเล่า ในวันนี้ เขาได้มาเห็นกับตา เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในจิตวิญญาณของเขา
นอกจากนั้น นี่ยังเป็นเพียงความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธทั่วไป เหนือกว่า พวกเขายังมีระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธและจักรพรรดิยุทธ เพียงแค่คิดถึงก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ยังมีหนทางอีกยาวไกลสําหรับข้า สักวันหนึ่ง,ข้า,เซี่ยวเฉิน,จะสําเร็จความแข็งแกร่งในระดับนั้นเช่นกัน
ไม่! ข้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนพวกนี้ ข้าจะมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุด,ที่ยอดสุดในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง นามของข้าจะก้าวข้ามผ่านกาลเวลาเหมือนกับจักรพรรดิเทียนหวี่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และจักรพรรดิอัสนี้เมื่อหนึ่งพันปีก่อน
เซี่ยวเฉันรู้สึกตื่นเต้นพร้อมกับสาบานเอาไว้ในใจ,ข้าจะต้องทําให้สําเร็จ
ดวงตะวันลอยสูงบนท้องฟ้า;มันเป็นวันที่น่ารื่นรมย์ ไม่มีหมู่เมฆบดบัง
ในสถานที่ที่อุดมไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณด้านหลังยอดเขาฉิงหยุน,เซี่ยวเฉินกําลังนั่งขัดสมาธิ เขาค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์
พลังปราณสีม่วงหมุนเวียนอย่างรวดเร็วในเส้นปราณของเขา พวกเขาฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมด และหมุนวนไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
มีเส้นปราณหลักเก้าเส้นในร่างของผู้บ่มเพาะพลังแต่ละคน ในทันทีที่ผู้บ่มเพาะพลังหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาขึ้นมาได้ เขาจะเปิดเส้นปราณทั้งเก้าออกในทันที
เส้นปราณเก้าเส้นนี้สําคัญเป็นอย่างมาก พวกมันเป็นพื้นฐานในการบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะพลัง ที่เรียกว่าหมุนเวียนปราณรอบเล็กคือการหมุนเวียนปราณผ่านเส้นปราณเก้าเส้นหลักนี้ครบหนึ่งรอบ
การบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะพลังจะเพิ่มขึ้น กิ่งก้านจะแตกขยายจากเส้นปราณหลัก กิ่งก้านเหล่านี้มากมายราวกับดาวบนท้องฟ้า ในแต่ละครั้งที่ขอบเขตพลังยกระดับขึ้น,จํานวนกิ่งก้านเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
กิ่งก้านเหล่านี้เป็นการขยายตัวของเส้นปราณหลัก เหมือนกับต้นไม้ ต้นไม้จะเติบโตก็ต่อไม้แตกกิ่งก้าน
การบ่มเพาะพลังเป็นไปตามหลักการเดียวกัน ยิ่งมีกิ่งก้าน,พลังปราณในร่างยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ที่เรียกว่า การหมุนเวียนพลังปราณหนึ่งรอบใหญ่หมายถึงการหมุนเวียนปราณในเก้าเส้นปราณหลักก่อนหนึ่งรอบ,จาหนั้นก็หมุนวนไปตามกิ่งก้านสาขา, ที่เป็นเส้นปราณที่แตกยิบย่อยออกไป.ก่อนที่จะกลับไปยังจุดตันเทียน
พลังปราณจะเติบโตเป็นทวีคูณ ทุกครั้งที่หมุนเวียนครบหนึ่งรอบใหญ่,คุณภาพและปริมาณของพลังปราณจะเพิ่มขึ้น นี่คือหลักการในการบ่มเพาะพลัง
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินในตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดกับเส้นปราณยิบย่อยพวกนี้
ไม่นานมานี้,เขาพึ่งพาพลังงานจิตวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขาหลิงหยุน,ในที่สุดเขาก็ดันทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของชั้นที่ห้า ขณะที่เขาเตรียมตัวกําลังจะทะลวง ขึ้นสู่ชั้นที่หก, ทันใดนั้นเขาก็พบว่าเขายังไม่ได้เปิดเส้นปราณย่อยที่ต้องการสําหรับชั้นที่หก ยังมีสี่เส้นปราณย่อยที่ปิดอยู่
นี่หมายถึงเส้นทางที่จะก้าวขึ้นสู่ชั้นที่หกยังไม่สมบูรณ์ ไม่มีทางที่จะหมุนเวียนได้ครบรอบ ไม่มีทางที่จะบ่มเพาะพลังชั้นที่หก
มีสองวิธีในการแก้ไขปัญหานี้ หนึ่งคือพักเรื่องการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ชั่วคราว เขาสามารถรอจนขอบเขตพลังของเขาเพิ่มขึ้นและเส้นปราณย่อยเหล่านั้นจะเปิดออกก่อนที่จะทําการทะลวงชั้น
ในความเป็นจริงวิธีนี้เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังมากมายในทวีปเทียนหวี่เลือกจะทํา เป็นเพราะมีทักษะบ่มเพาะพลังมากมายที่มีข้อจํากัดที่เข้มงวดในขอบเขตพลัง
นอกจากนั้นผู้ที่สร้างทักษะบ่มเพาะพลังขึ้นมาไม่ได้กําหนดเงื่อนไขอย่างจงใจ ใครๆก็สามารถหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะได้หากขอบเขตพลังของพวกเขาไปถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว
Comments