Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 361 สามคนร่วมมือ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 361 สามคนร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 361 สามคนร่วมมือ

เซี่ยวเฉินหลอมรวมพลังปราณและพลังกายภาพของเขาก่อนที่จะกระทืบเท้าลง สนามประ ลองอันกว้างขวาง,ที่มีหินภูเขาสวรรค์เป็นากฐานและเคลือบด้วยเหล็กน้ําค้างเหมันต์,ค่อยๆจมท รุดลงไปในพื้น

“ปัง! ปัง! ปัง!”

พื้นดินไม่อาจต้านทานแรงกดจากการทรุดตัวของสนามประลอง เกิดรอยแตกร้าวและขยาย ออกไปอย่างรวดเร็ว

รอยแตกขยายออกไปไม่หยุด ขณะที่พื้นดินแยกออกจากกัน,สนามประลองอื่นๆในลานฝึกฝน เกิดรอยร้าวและแตกสลายในทันที
ลานฝึกฝนขนาดพื้นที่หนึ่งพันเมตรสั่นสะเทือนไม่หยุด แม้แต่อัฒจันทร์ที่ล้อมรอบก็สั่นไหว

แผ่นดินไหวต่อไปช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆหยุดลง สนามประลองที่ใต้เท้าของเซี่ยวเฉินทรุดลงไปอยู่ในระนาบเดียวกับพื้นดิน
มีกระแสพลังพรั่งพล่านออกมาจากตัวของเซี่ยวเฉิน,พุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่มีสิ้นสุด เขาตอบโต้กระแสพลังทั้งสาม,เผยให้เห็นความเฉียบคม

“ข้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้พวกเจ้าร่วมมือกันหรือยัง?”

เสียงของเซียวเฉินมั่นคงนิ่งสงบ เขาเผยให้เห็นความเฉียบแหลมบนใบหน้าอันประณีตของเขา เขาเป็นราวกับกระบี่ล้ําค่า,ที่ถูกชักออกมาและมองหาคนที่จะมาลองคมของเขา

เซี่ยวเฉินอยากที่จะทดสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขามานานแล้ว เขาอยากที่จะรู้ว่าเขาแข็งแกร่งถึงเพียงใด การต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ไม่อาจกดดันให้เขาร็ดความแข็งแกร่งออกมาอย่างเต็มที่

เป็นความรู้สึกตื่นเต้นที่กําลังจะได้ปลดปล่อยพลังเต็มอัตรา,แต่กระนั้นคู่ต่อสู้กลับล้มลงไปก่อนเสียแล้ว,ไม่มีทีที่จะให้ระบายความแข็งแกร่งนี้ออกไป

นี่เกิดขึ้นกับเซี่ยวเฉินซ้ําแล้วซ้ําอีก เขาเหลืออดที่จะทน เขาต้องการเพียงการต่อสู้ที่ออกรส,ใช้กําลังของเขาได้อย่างเต็มที่

บนฐานดาดฟ้า,ฟงซวนยี่,ผู้ที่นิ่งเงียบ,ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้น “หากเจ้าหนูนี่ได้รับชัยชนะ,เขาจะฉกฉวยลาภของเหล่าผู้สืบทอดตระกูลชั้นสูงไปทั้งหมด,เขาอาจจะได้กลายเป็นตํานาน”

ความแข็งแกร่งที่เซี่ยวเฉินแสดงออกมาและกระแสพลังอันแข็งแกร่งของเขาทําให้ทั้งสามคนสีหน้าเปลี่ยน พวกเขาตื่นตระหนกและเกรงกลัว

“เงียบ? เมื่อเป็นเช่นนั้น,ข้าจะถือว่าพวกเขาเห็นดีด้วย” เซียวเฉินกล่าวอย่างเฉยเมยและดีดตัวออกจากพื้น เขาพึ่งพากําลังกายภาพเพียงอย่างเดียวและพุ่งตัวตรงเข้าไปหาทั้งสามคน

จีชางคงตะโกนออกมาอย่างเย็นชาและกล่าว “ในเมื่อเจ้ามองหาความตาย,ข้าก็จะไม่พูดถึงความยุติธรรม ดาบดาราร่ายรํา,แสงดาวรุ่งโรจน์!”

ท้องฟ้าเหนือสนามประลองเริ่มมืดลงดวงดาวนับไม่ถ้วนระยิบระยับบนท้องฟ้า กลางวันพลันเปลี่ยนเป็นกลางคืน

แสงดาวฉายลงมา,และผืนฟ้าดวงดาวปรากฏขึ้นในดวงตาของจีชางคง เขากวัดแกว่งดาบของเขาและพุ่งตรงเข้าไปขณะที่แบกพลังของแสงดาว

“ติง!”

ในขณะเดียวกัน,มู่เฉิงเสวี่ยชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา, โฉมงามใต้แสงจันทร์ ตัวดาบสะท้อนเป็นแสงจันทร์สีทอง

ดูเหมือนกับมีอีกโลกหนึ่งอยู่ภายในแสงจันทร์นั้น มีเสียงดังฟังออกมา,ราวกับเสียงรื่นรมย์ของหญิงสาว;มันดึงดูดใจของผู้ที่ได้ยิน

ต้วนมู่ฉิง,ผู้ที่นิ่งเงียบมาเป็นเวลานาน ก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน ผมสีดงามของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีขาว ดวงตาของนางสูญสิ้นถึงอารมณ์ของมนุษย์;มันเย็นยะเยือกอย่างที่สุด

ดาบเล่มบางปรากฎขึ้นในมือของนาง มันหลอมรวมกับสภาวะแห่งน้ําแข็งที่เย็นไปถึงกระดูก ขณะที่นางแทงดาบตรงไปที่เซี่ยวเฉิน

ในจังหวะนี้ แม้ว่านางจะไม่ยอมรับ แต่นางก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเซี่ยวเฉินอีกต่อไป

เซี่ยวเฉินมองไปยังทั้งสามคนที่ออกกระบวณท่ามาอย่างพร้อมเพรียงกันและยิ้มขึ้นบางๆ เขาพลันหยุดเท้าลงและลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง

เซี่ยวเฉินกวัดแกว่งกระบี่ของเขา และดอกไม้ตูมก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของเซียวเฉิน ผ่านไปครู่หนึ่ง,ดอกหรูขุยที่กระพริบไหวสีแดงม่วงก็ห่อหุ้มเซี่ยวเฉิน

“ปัง! ปัง! ปัง!”

การโจมตีของทั้งสามคนซัดเข้าที่ดอกไม้ตูม แต่อย่างไรก็ตาม,ดอกไม้ตูมไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย มันกระพริบไหวด้วยกระแสไฟฟ้าสีม่วงและแสงสีแดง:มันดูแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

ทั้งสามคนมองกันไปมา พวกเขาเร่งหมุนเวียนปราณของพวกเขาก่อนที่จะส่งกระบวณท่าที่ดุร้ายยิ่งกว่าไปที่เซียวเฉิน

พวกเขาได้หลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบของพวกเขา พลังถูกส่งตรงไปที่พื้น,และเกิดเป็นรอยแตกร้าว แต่อย่างไรก็ตาม,ดอกไม้ตูมแปลกประหลาดก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย

ภายในดอกไม้ตูม,เซี่ยวเฉินมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขากดฉีและโลหิตที่เดือดพล่านในร่างของเขา และทําประทับมือ

“หวี่ขุยผลิบาน!”

เมื่อการโจมตีระลอกที่สามกําลังจะมาถึง,ดอกไม้ตูมสีม่วงแดงพลันปลดปล่อยคลื่นกระแทก

พลุ่งพล่านออกมา

ทั้งสามไม่อาจตอบสนองได้ทัน คลื่นกระแทกซัดทั้งสามคนและโยนพวกเขาถอยกลับหลัง กลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนร่ายรําในอากาศ

กลีบดอกไม้สีม่วงแดงเติมเต็มไปในลานฝึกฝน;มันช่างงดงามที่ได้เห็น เซี่ยวเฉินดีดตัวออกจากพื้น และไล่ตามหลังจีชางคงที่เชื่องช้าที่สุด

ขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านมวลกลีบดอกไม้,ความรวดเร็วของเขาระเบิดเพิ่มขึ้น ภายในทันที,เขาสามารถไล่จีชางคงได้ทัน

สีหน้าของจีชางควกลายเป็นร้ายแรง ทันใดนั้นเขากระโดดขึ้นไปหนึ่งร้อยเมตรและหันกลับมา

ดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นเหนือพวกเขา ดวงดาวที่เป็นดังตัวแทนของจีชางคงส่องสว่างขึ้นในสายธารดารา,และมีเสาแสงรุ่งโรจน์ทอดลงมาจากท้องฟ้า

“ดาบดาราร่ายรํา,อาภานิรันดร์!”

ดาบแสงอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นบนคมดาบขณะที่จีชางคงยิงมันไปที่เซี่ยวเฉินด้วยความรวดเร็ว

“บูม!”

ดาบแสงส่องสว่างเจิดจ้า หลุมลึกไร้กันปรากฏขึ้นบนสนามประลอง เป็นภาพที่น่าตื่นกลัว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในช่วงเวลาที่ประกายแสงดับ มันรวดเร็วจนฝูงชนไม่อาจตามได้ทัน

“โดนหรือไม่?” จีชางคงคิ้วขมวดเล็กน้อยและถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากการใช้ออกกระบวณท่านี้ในระยะเวลาสั้นๆ,เขาก็อ่อนแรงลง

“กระบวณท่านี้ตัดว่าแข็งแกร่ง น่าเสียดาย มันไร้ประโยชน์หากไม่เข้าเป้า”

ทันใดนั้น,เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นที่ด้านหลังของจีชางคง จีชางคงหน้าเสีย,และเขานีบยกดาบของเขาขึ้นป้องกันหน้าอก

“เครั้ง!”

กระบี่ฟันลงมา,และจีชางคงไถลกลับหลังไปหลายเมตร แรงสั่นสะเทือนที่ดาบทําให้มือของเขาเหน็บชา ดังนั้น,เขาจึงเปลี่ยนมาจับดาบสองมือ

กลีบดอกไม้ที่เติมเต็มในอากาศส่องแสงที่มองไม่เห็นออกมา เมื่อแสงฉายลงบนตัวของเซี่ยวเฉิน,ความรวดเร็วของเขาเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์

จีชางคงที่เพิ่งจะถอยออกมา,แต่เซียวเฉินก็มาถึงที่ด้านข้างของเขาอีกครั้ง กระบี่แสงของเซายวเฉินวบไหว:เขาส่งออกไปมากกว่าหนึ่งร้อยกระบในทันที

ถอย! ถอย! ถอย! ถอย! ถอยหนีอีกครั้ง!

จีชางคงแทบจะกันกระบีของเซียวเฉินเอาไว้ไม่อยู่ เขาถูกกดดันจนไม่มีโอกาสได้พักหายใจในช่วงอึดใจเดียว,เขาถอยหนีไปหลายร้อยเมตร

“ฟ ฟิว!”

มีฉีฆ่าฟันมาจากด้านหลังของเซียวเฉิน เขาบิดตัวของเขาออกด้านข้าง,และเขาเห็นว่านั้นคือเฉิงเสวี่ย,ก่าลังพุ่งเข้ามาพร้อมกวัดแกว่งโฉมงามใต้แสงจันทร์ จีชางคงสูดหายใจลึกขณะที่ล่าถอยไปอีกหนึ่งร้อยเมตร

หลังจากที่เซี่ยวเฉินหลบการโจมตีของมู่เฉิงเสวี่ย ก็มีกระแสพลังเยือกเย็นออกมาจากด้านบนต้วนมู่ฉิงก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและกวาดกระบี่ของเขาไปรอบๆ เขาเบี่ยงดาบของมู่เฉิงเสวี่ยก่อนที่จะตีลังกาหลบการโจมตีของทั้งสองคน

“เคร่ง! เครั้ง! เครั้ง!”

ทั้งสองคนส่งการโจมตีไปที่เซียวเฉินอย่างไม่ลดละ สภาวะแห่งแข็งถูกแสดงออกมาถึงขีดสุด ฉีเยือกแข็งซึมซาบเข้าสู่ร่างของเซี่ยวเฉินผ่านผิวหนังของเขา ทําให้ความเร็วของเขาตกเล็กน้อย

บางครั้ง, มีเสียงดึงเบาๆดังออกมาจากดาบของมู่เฉิงเสวี่ย มันช่างฟังดูไพเราะ,ทําให้อยากที่จะได้ยิน นี่ทําให้ใจของเซี่ยวเฉินไขว้เขว

เซียวเฉินหลอมรวมสภาวะแห่งการฆ่าล้างของเขาเข้ากับทักษะกระบี่ เขารักษาความคิดจิตใจ ขณะที่โบกกระบี่ของเขา, ป้องกันการโจมตีจากทั้งสอง

แม้ว่าเซียวเฉอนจะสามารถป้องกันการโจมตีจากดาบ,แต่เขาไม่อาจป้องกันดาบแสง เกิดแผลเลือดออกปรากฏขึ้นบนผิวสีขาวนวลของเขา

ต้วนมู่ฉิงและมู่เฉิงเสวี่ยก็อยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างกัน กระบี่แสงของเซียวเฉินหลอมรวมสองสภาวะที่แตกต่างกัน ในตอนที่มันซัดโดนร่างของพวกเขาเกิดบาดแผลขึ้นอย่างชัดเจน

“ฮ่ะ!”

มีล่าแสงดวงดาวทอดลงมาที่ด้านหลังของเซี่ยวเฉิน จีชางคงที่ได้พักหายใจกลับเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาทั้งสามคนวางตําแหน่งเป็นวงกลมปิดล้อมเซี่ยวเฉิน

พวกเขาทั้งสี่ต่อสู้ประมือกันท่ามกลางมวลกลีบดอกไม้ ฝุ่นควันถูกตบขึ้นมาจากพื้น มีน้ําแข็ง,แสงดาว,แสงจันทร์และแสงกระแสไฟฟ้าสีม่วงแดงกระพริบไหว

ฝุ่นควันเติมเต็มไปในอากาศคลื่นกระแทกลอยไปทั่วทุกที่ ดวงตาของผู้ชมเปิดกว้างขณะที่พวกเขามองดูการต่อสู้อย่างตึงเครียด

การต่อสู้ที่ดเดือดเช่นนี้มันเกิดความคาดหมายของพวกเขา เซียวเฉินถูกล้อมไปด้วยคู่ต่อสู้ที่อันตรายในเวลาเดียวกัน

มันราวกับเรือเล็กที่อยู่ท่ากลางพายุกระหน่าและท้องทะเลที่คลุ้มคลั่ง มันสั่นไหวไปราวกับพร้อมที่จะจมลงได้ทุกเมื่อ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่จมลงเสียที

ในจังหวะที่ทุกคนคิดว่าเซี่ยวเฉินจะต้องตาย,เขาสามารถหลบกระบวณท่าสังหารและตอบโต้กลับไปได้อย่างเฉียบคมในเวลาเดียวกัน

เสื้อคลุมสีขาวของเซี่ยวเฉินถูกย้อมไปด้วยเลือด เขายิ้มอย่างขมขื่นกับตัวเอง นี่มันช่างสําราญใจ,แต่ก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่สูง

พวกเรา,เหล่าผู้บ่มเพาะพลัง,ที่เกิดในยุคที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะ,ในยุคที่เต็มไปด้วยการ แก่งแย่งที่รุนแรง

ปราศจากการท้าทายสวรรค์และเผชิญหน้าความยากลําบาก,พวเราจะโดดเด่นไปจากฝูงชน ได้อย่างไร? พวกเราจะปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในการบ่มเพาะพลังได้อย่างไร?

เซี่ยวเฉินหัวเราะขึ้นไปบนท้องฟ้า วิญญาณผู้กล้าก่อเกิดขึ้นในจิตใจของเขา การเคลื่อนไหวมือของเขารวดเร็วขึ้นเล็กน้อย,เบนการโจมตีทั้งสามที่ส่งมาทางเขา

“ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะทนต่อไปอีกได้สักกี่น้ํา! อีกครั้ง!” จีชางคงร้องคําราม,แสงดาวเจิดจ้าระเบิดออกมารอบตัวของเขาขณะที่พุ่งเข้าหาเซียวเฉอนอีกครั้ง

จากตั้งแต่เริ่มการต่อสู้,ทั้งสองฝ่ายต่อสู้เต็มกําลัง นี่ไม่ใช่การแข่งขันในเรื่องพลังอีกต่อไป มันเป็นการแข็งขันความเพียรและความมุ่งมั่นของพวกเขา ผู้ที่ยืนหยัดได้นานที่สุดจะไม่ร่วงหล่น ใครที่จะเป็นคนสุดท้ายที่ได้หัวเราะ?

เส้นผมของต้วนมู่ฉิงไหวไปรอบใบหน้าของนางสีหน้าของนางไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีร่องรอยความผันผวนแม้แต่นยอ ทั่วทั้งร่างของนางปลดปล่อยฉีเยือกแข็งออกมา แม้ว่ามันจะหนาวเหน็บไปถึงกระดูก,มู่เฉิงเสวี่ยและจีชางคงก็ยินยอมที่จะอยู่ใกล้นาง

มันยากที่จะจินตนาการว่าเซี่ยวเฉินยืนหยัดได้อย่างไร, ด้วยฉีเยือกแข็งที่มุ่งมาทางเขาโดยตรง

มันหนาวเหน็บ แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินได้บ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกรร่างของเขาราวกับได้ชุบร่างเกิดใหม่ ฉีเยือกแข็งไม่สามารถเจาะเข้าเส้นปราณของเขา แม้ว่ามันจะรู้สึกไม่สบายตัว,แต่เซียวเฉอนก็สามารถทนได้

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

การต่อสู้ดําเนินต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง ภายใต้การโจมตีที่เฉียบคม,พวกเขาทั้งสี่ได้รับบาดแผลมากมาย

แต่อย่างไรก็ตาม,อาวุธในมือของพวกเขาก็ไม่หยุดนิ่ง การต่อสู้ที่ดุเดือดหนาแน่นเช่นนี้เป็นการทดสอบความเพียรของพวกเขา

“ซิว!”

เปลวเพลิงดุร้ายเริ่มเผาไหม้ในดวงตาของเซี่ยวเฉิน ท้ายที่สุด,เปลวเพลิงทั้งหมดรวมตัวกัน ก่อนที่จะขยายเป็นลูกศรสีม่วง

ภัยอันตรายที่สุดสําหรับเซียวเฉอนคือต้วนมู่ฉิง ดังนั้น,เซียวเฉินจึงไปยิงมันไปที่นาง สีหน้าของต้วนมู่ฉิงเปลี่ยนเล็กน้อย:นางรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันตราย นางรีบถอยกลับและปิดล้อมตัวเองด้วยม่านน้ําแข็ง

เซียวเฉินยิ้มเบาๆและเมินเฉยนางไป แสงสีม่วงนี้จะสร้างความเสียหายได้เพียงใด? เขาเป็นสายตาของเขาและโจมตีไปที่จีชางคง

เซี่ยวเฉอนรอโอกาสนี้อยู่นานแล้ว จากในสามคนนี้,จีชางคงอ่อนแอที่สุด เขาทําได้เพียงมองหาจุดอ่อน

หลังจากที่เซียวเฉินหักเหความสนใจคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือต้วนมู่ฉิงออกไปได้,เขาแหวกออกจากวงล้อมและลงมืออย่าวรวดเร็ว

ในจังหวะที่ต้วนม่ฉิงถอยออกไป,ฉีเยอกแข็งในร่างของเซี่ยวเฉอนก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด การเคลื่อนไหวที่คาดเดาไม่ได้ของเขาแสดงออกมาอีกครั้ง เขาหมุนตัวและแทงกระบี่ไปที่หน้าอกของเซี่ยวเฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 361 สามคนร่วมมือ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 361 สามคนร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 361 สามคนร่วมมือ

เซี่ยวเฉินหลอมรวมพลังปราณและพลังกายภาพของเขาก่อนที่จะกระทืบเท้าลง สนามประ ลองอันกว้างขวาง,ที่มีหินภูเขาสวรรค์เป็นากฐานและเคลือบด้วยเหล็กน้ําค้างเหมันต์,ค่อยๆจมท รุดลงไปในพื้น

“ปัง! ปัง! ปัง!”

พื้นดินไม่อาจต้านทานแรงกดจากการทรุดตัวของสนามประลอง เกิดรอยแตกร้าวและขยาย ออกไปอย่างรวดเร็ว

รอยแตกขยายออกไปไม่หยุด ขณะที่พื้นดินแยกออกจากกัน,สนามประลองอื่นๆในลานฝึกฝน เกิดรอยร้าวและแตกสลายในทันที
ลานฝึกฝนขนาดพื้นที่หนึ่งพันเมตรสั่นสะเทือนไม่หยุด แม้แต่อัฒจันทร์ที่ล้อมรอบก็สั่นไหว

แผ่นดินไหวต่อไปช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆหยุดลง สนามประลองที่ใต้เท้าของเซี่ยวเฉินทรุดลงไปอยู่ในระนาบเดียวกับพื้นดิน
มีกระแสพลังพรั่งพล่านออกมาจากตัวของเซี่ยวเฉิน,พุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่มีสิ้นสุด เขาตอบโต้กระแสพลังทั้งสาม,เผยให้เห็นความเฉียบคม

“ข้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้พวกเจ้าร่วมมือกันหรือยัง?”

เสียงของเซียวเฉินมั่นคงนิ่งสงบ เขาเผยให้เห็นความเฉียบแหลมบนใบหน้าอันประณีตของเขา เขาเป็นราวกับกระบี่ล้ําค่า,ที่ถูกชักออกมาและมองหาคนที่จะมาลองคมของเขา

เซี่ยวเฉินอยากที่จะทดสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขามานานแล้ว เขาอยากที่จะรู้ว่าเขาแข็งแกร่งถึงเพียงใด การต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ไม่อาจกดดันให้เขาร็ดความแข็งแกร่งออกมาอย่างเต็มที่

เป็นความรู้สึกตื่นเต้นที่กําลังจะได้ปลดปล่อยพลังเต็มอัตรา,แต่กระนั้นคู่ต่อสู้กลับล้มลงไปก่อนเสียแล้ว,ไม่มีทีที่จะให้ระบายความแข็งแกร่งนี้ออกไป

นี่เกิดขึ้นกับเซี่ยวเฉินซ้ําแล้วซ้ําอีก เขาเหลืออดที่จะทน เขาต้องการเพียงการต่อสู้ที่ออกรส,ใช้กําลังของเขาได้อย่างเต็มที่

บนฐานดาดฟ้า,ฟงซวนยี่,ผู้ที่นิ่งเงียบ,ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้น “หากเจ้าหนูนี่ได้รับชัยชนะ,เขาจะฉกฉวยลาภของเหล่าผู้สืบทอดตระกูลชั้นสูงไปทั้งหมด,เขาอาจจะได้กลายเป็นตํานาน”

ความแข็งแกร่งที่เซี่ยวเฉินแสดงออกมาและกระแสพลังอันแข็งแกร่งของเขาทําให้ทั้งสามคนสีหน้าเปลี่ยน พวกเขาตื่นตระหนกและเกรงกลัว

“เงียบ? เมื่อเป็นเช่นนั้น,ข้าจะถือว่าพวกเขาเห็นดีด้วย” เซียวเฉินกล่าวอย่างเฉยเมยและดีดตัวออกจากพื้น เขาพึ่งพากําลังกายภาพเพียงอย่างเดียวและพุ่งตัวตรงเข้าไปหาทั้งสามคน

จีชางคงตะโกนออกมาอย่างเย็นชาและกล่าว “ในเมื่อเจ้ามองหาความตาย,ข้าก็จะไม่พูดถึงความยุติธรรม ดาบดาราร่ายรํา,แสงดาวรุ่งโรจน์!”

ท้องฟ้าเหนือสนามประลองเริ่มมืดลงดวงดาวนับไม่ถ้วนระยิบระยับบนท้องฟ้า กลางวันพลันเปลี่ยนเป็นกลางคืน

แสงดาวฉายลงมา,และผืนฟ้าดวงดาวปรากฏขึ้นในดวงตาของจีชางคง เขากวัดแกว่งดาบของเขาและพุ่งตรงเข้าไปขณะที่แบกพลังของแสงดาว

“ติง!”

ในขณะเดียวกัน,มู่เฉิงเสวี่ยชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา, โฉมงามใต้แสงจันทร์ ตัวดาบสะท้อนเป็นแสงจันทร์สีทอง

ดูเหมือนกับมีอีกโลกหนึ่งอยู่ภายในแสงจันทร์นั้น มีเสียงดังฟังออกมา,ราวกับเสียงรื่นรมย์ของหญิงสาว;มันดึงดูดใจของผู้ที่ได้ยิน

ต้วนมู่ฉิง,ผู้ที่นิ่งเงียบมาเป็นเวลานาน ก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน ผมสีดงามของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีขาว ดวงตาของนางสูญสิ้นถึงอารมณ์ของมนุษย์;มันเย็นยะเยือกอย่างที่สุด

ดาบเล่มบางปรากฎขึ้นในมือของนาง มันหลอมรวมกับสภาวะแห่งน้ําแข็งที่เย็นไปถึงกระดูก ขณะที่นางแทงดาบตรงไปที่เซี่ยวเฉิน

ในจังหวะนี้ แม้ว่านางจะไม่ยอมรับ แต่นางก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเซี่ยวเฉินอีกต่อไป

เซี่ยวเฉินมองไปยังทั้งสามคนที่ออกกระบวณท่ามาอย่างพร้อมเพรียงกันและยิ้มขึ้นบางๆ เขาพลันหยุดเท้าลงและลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง

เซี่ยวเฉินกวัดแกว่งกระบี่ของเขา และดอกไม้ตูมก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของเซียวเฉิน ผ่านไปครู่หนึ่ง,ดอกหรูขุยที่กระพริบไหวสีแดงม่วงก็ห่อหุ้มเซี่ยวเฉิน

“ปัง! ปัง! ปัง!”

การโจมตีของทั้งสามคนซัดเข้าที่ดอกไม้ตูม แต่อย่างไรก็ตาม,ดอกไม้ตูมไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย มันกระพริบไหวด้วยกระแสไฟฟ้าสีม่วงและแสงสีแดง:มันดูแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

ทั้งสามคนมองกันไปมา พวกเขาเร่งหมุนเวียนปราณของพวกเขาก่อนที่จะส่งกระบวณท่าที่ดุร้ายยิ่งกว่าไปที่เซียวเฉิน

พวกเขาได้หลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบของพวกเขา พลังถูกส่งตรงไปที่พื้น,และเกิดเป็นรอยแตกร้าว แต่อย่างไรก็ตาม,ดอกไม้ตูมแปลกประหลาดก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย

ภายในดอกไม้ตูม,เซี่ยวเฉินมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขากดฉีและโลหิตที่เดือดพล่านในร่างของเขา และทําประทับมือ

“หวี่ขุยผลิบาน!”

เมื่อการโจมตีระลอกที่สามกําลังจะมาถึง,ดอกไม้ตูมสีม่วงแดงพลันปลดปล่อยคลื่นกระแทก

พลุ่งพล่านออกมา

ทั้งสามไม่อาจตอบสนองได้ทัน คลื่นกระแทกซัดทั้งสามคนและโยนพวกเขาถอยกลับหลัง กลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนร่ายรําในอากาศ

กลีบดอกไม้สีม่วงแดงเติมเต็มไปในลานฝึกฝน;มันช่างงดงามที่ได้เห็น เซี่ยวเฉินดีดตัวออกจากพื้น และไล่ตามหลังจีชางคงที่เชื่องช้าที่สุด

ขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านมวลกลีบดอกไม้,ความรวดเร็วของเขาระเบิดเพิ่มขึ้น ภายในทันที,เขาสามารถไล่จีชางคงได้ทัน

สีหน้าของจีชางควกลายเป็นร้ายแรง ทันใดนั้นเขากระโดดขึ้นไปหนึ่งร้อยเมตรและหันกลับมา

ดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นเหนือพวกเขา ดวงดาวที่เป็นดังตัวแทนของจีชางคงส่องสว่างขึ้นในสายธารดารา,และมีเสาแสงรุ่งโรจน์ทอดลงมาจากท้องฟ้า

“ดาบดาราร่ายรํา,อาภานิรันดร์!”

ดาบแสงอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นบนคมดาบขณะที่จีชางคงยิงมันไปที่เซี่ยวเฉินด้วยความรวดเร็ว

“บูม!”

ดาบแสงส่องสว่างเจิดจ้า หลุมลึกไร้กันปรากฏขึ้นบนสนามประลอง เป็นภาพที่น่าตื่นกลัว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในช่วงเวลาที่ประกายแสงดับ มันรวดเร็วจนฝูงชนไม่อาจตามได้ทัน

“โดนหรือไม่?” จีชางคงคิ้วขมวดเล็กน้อยและถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากการใช้ออกกระบวณท่านี้ในระยะเวลาสั้นๆ,เขาก็อ่อนแรงลง

“กระบวณท่านี้ตัดว่าแข็งแกร่ง น่าเสียดาย มันไร้ประโยชน์หากไม่เข้าเป้า”

ทันใดนั้น,เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นที่ด้านหลังของจีชางคง จีชางคงหน้าเสีย,และเขานีบยกดาบของเขาขึ้นป้องกันหน้าอก

“เครั้ง!”

กระบี่ฟันลงมา,และจีชางคงไถลกลับหลังไปหลายเมตร แรงสั่นสะเทือนที่ดาบทําให้มือของเขาเหน็บชา ดังนั้น,เขาจึงเปลี่ยนมาจับดาบสองมือ

กลีบดอกไม้ที่เติมเต็มในอากาศส่องแสงที่มองไม่เห็นออกมา เมื่อแสงฉายลงบนตัวของเซี่ยวเฉิน,ความรวดเร็วของเขาเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์

จีชางคงที่เพิ่งจะถอยออกมา,แต่เซียวเฉินก็มาถึงที่ด้านข้างของเขาอีกครั้ง กระบี่แสงของเซายวเฉินวบไหว:เขาส่งออกไปมากกว่าหนึ่งร้อยกระบในทันที

ถอย! ถอย! ถอย! ถอย! ถอยหนีอีกครั้ง!

จีชางคงแทบจะกันกระบีของเซียวเฉินเอาไว้ไม่อยู่ เขาถูกกดดันจนไม่มีโอกาสได้พักหายใจในช่วงอึดใจเดียว,เขาถอยหนีไปหลายร้อยเมตร

“ฟ ฟิว!”

มีฉีฆ่าฟันมาจากด้านหลังของเซียวเฉิน เขาบิดตัวของเขาออกด้านข้าง,และเขาเห็นว่านั้นคือเฉิงเสวี่ย,ก่าลังพุ่งเข้ามาพร้อมกวัดแกว่งโฉมงามใต้แสงจันทร์ จีชางคงสูดหายใจลึกขณะที่ล่าถอยไปอีกหนึ่งร้อยเมตร

หลังจากที่เซี่ยวเฉินหลบการโจมตีของมู่เฉิงเสวี่ย ก็มีกระแสพลังเยือกเย็นออกมาจากด้านบนต้วนมู่ฉิงก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและกวาดกระบี่ของเขาไปรอบๆ เขาเบี่ยงดาบของมู่เฉิงเสวี่ยก่อนที่จะตีลังกาหลบการโจมตีของทั้งสองคน

“เคร่ง! เครั้ง! เครั้ง!”

ทั้งสองคนส่งการโจมตีไปที่เซียวเฉินอย่างไม่ลดละ สภาวะแห่งแข็งถูกแสดงออกมาถึงขีดสุด ฉีเยือกแข็งซึมซาบเข้าสู่ร่างของเซี่ยวเฉินผ่านผิวหนังของเขา ทําให้ความเร็วของเขาตกเล็กน้อย

บางครั้ง, มีเสียงดึงเบาๆดังออกมาจากดาบของมู่เฉิงเสวี่ย มันช่างฟังดูไพเราะ,ทําให้อยากที่จะได้ยิน นี่ทําให้ใจของเซี่ยวเฉินไขว้เขว

เซียวเฉินหลอมรวมสภาวะแห่งการฆ่าล้างของเขาเข้ากับทักษะกระบี่ เขารักษาความคิดจิตใจ ขณะที่โบกกระบี่ของเขา, ป้องกันการโจมตีจากทั้งสอง

แม้ว่าเซียวเฉอนจะสามารถป้องกันการโจมตีจากดาบ,แต่เขาไม่อาจป้องกันดาบแสง เกิดแผลเลือดออกปรากฏขึ้นบนผิวสีขาวนวลของเขา

ต้วนมู่ฉิงและมู่เฉิงเสวี่ยก็อยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างกัน กระบี่แสงของเซียวเฉินหลอมรวมสองสภาวะที่แตกต่างกัน ในตอนที่มันซัดโดนร่างของพวกเขาเกิดบาดแผลขึ้นอย่างชัดเจน

“ฮ่ะ!”

มีล่าแสงดวงดาวทอดลงมาที่ด้านหลังของเซี่ยวเฉิน จีชางคงที่ได้พักหายใจกลับเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาทั้งสามคนวางตําแหน่งเป็นวงกลมปิดล้อมเซี่ยวเฉิน

พวกเขาทั้งสี่ต่อสู้ประมือกันท่ามกลางมวลกลีบดอกไม้ ฝุ่นควันถูกตบขึ้นมาจากพื้น มีน้ําแข็ง,แสงดาว,แสงจันทร์และแสงกระแสไฟฟ้าสีม่วงแดงกระพริบไหว

ฝุ่นควันเติมเต็มไปในอากาศคลื่นกระแทกลอยไปทั่วทุกที่ ดวงตาของผู้ชมเปิดกว้างขณะที่พวกเขามองดูการต่อสู้อย่างตึงเครียด

การต่อสู้ที่ดเดือดเช่นนี้มันเกิดความคาดหมายของพวกเขา เซียวเฉินถูกล้อมไปด้วยคู่ต่อสู้ที่อันตรายในเวลาเดียวกัน

มันราวกับเรือเล็กที่อยู่ท่ากลางพายุกระหน่าและท้องทะเลที่คลุ้มคลั่ง มันสั่นไหวไปราวกับพร้อมที่จะจมลงได้ทุกเมื่อ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่จมลงเสียที

ในจังหวะที่ทุกคนคิดว่าเซี่ยวเฉินจะต้องตาย,เขาสามารถหลบกระบวณท่าสังหารและตอบโต้กลับไปได้อย่างเฉียบคมในเวลาเดียวกัน

เสื้อคลุมสีขาวของเซี่ยวเฉินถูกย้อมไปด้วยเลือด เขายิ้มอย่างขมขื่นกับตัวเอง นี่มันช่างสําราญใจ,แต่ก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่สูง

พวกเรา,เหล่าผู้บ่มเพาะพลัง,ที่เกิดในยุคที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะ,ในยุคที่เต็มไปด้วยการ แก่งแย่งที่รุนแรง

ปราศจากการท้าทายสวรรค์และเผชิญหน้าความยากลําบาก,พวเราจะโดดเด่นไปจากฝูงชน ได้อย่างไร? พวกเราจะปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในการบ่มเพาะพลังได้อย่างไร?

เซี่ยวเฉินหัวเราะขึ้นไปบนท้องฟ้า วิญญาณผู้กล้าก่อเกิดขึ้นในจิตใจของเขา การเคลื่อนไหวมือของเขารวดเร็วขึ้นเล็กน้อย,เบนการโจมตีทั้งสามที่ส่งมาทางเขา

“ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะทนต่อไปอีกได้สักกี่น้ํา! อีกครั้ง!” จีชางคงร้องคําราม,แสงดาวเจิดจ้าระเบิดออกมารอบตัวของเขาขณะที่พุ่งเข้าหาเซียวเฉอนอีกครั้ง

จากตั้งแต่เริ่มการต่อสู้,ทั้งสองฝ่ายต่อสู้เต็มกําลัง นี่ไม่ใช่การแข่งขันในเรื่องพลังอีกต่อไป มันเป็นการแข็งขันความเพียรและความมุ่งมั่นของพวกเขา ผู้ที่ยืนหยัดได้นานที่สุดจะไม่ร่วงหล่น ใครที่จะเป็นคนสุดท้ายที่ได้หัวเราะ?

เส้นผมของต้วนมู่ฉิงไหวไปรอบใบหน้าของนางสีหน้าของนางไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีร่องรอยความผันผวนแม้แต่นยอ ทั่วทั้งร่างของนางปลดปล่อยฉีเยือกแข็งออกมา แม้ว่ามันจะหนาวเหน็บไปถึงกระดูก,มู่เฉิงเสวี่ยและจีชางคงก็ยินยอมที่จะอยู่ใกล้นาง

มันยากที่จะจินตนาการว่าเซี่ยวเฉินยืนหยัดได้อย่างไร, ด้วยฉีเยือกแข็งที่มุ่งมาทางเขาโดยตรง

มันหนาวเหน็บ แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินได้บ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกรร่างของเขาราวกับได้ชุบร่างเกิดใหม่ ฉีเยือกแข็งไม่สามารถเจาะเข้าเส้นปราณของเขา แม้ว่ามันจะรู้สึกไม่สบายตัว,แต่เซียวเฉอนก็สามารถทนได้

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

การต่อสู้ดําเนินต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง ภายใต้การโจมตีที่เฉียบคม,พวกเขาทั้งสี่ได้รับบาดแผลมากมาย

แต่อย่างไรก็ตาม,อาวุธในมือของพวกเขาก็ไม่หยุดนิ่ง การต่อสู้ที่ดุเดือดหนาแน่นเช่นนี้เป็นการทดสอบความเพียรของพวกเขา

“ซิว!”

เปลวเพลิงดุร้ายเริ่มเผาไหม้ในดวงตาของเซี่ยวเฉิน ท้ายที่สุด,เปลวเพลิงทั้งหมดรวมตัวกัน ก่อนที่จะขยายเป็นลูกศรสีม่วง

ภัยอันตรายที่สุดสําหรับเซียวเฉอนคือต้วนมู่ฉิง ดังนั้น,เซียวเฉินจึงไปยิงมันไปที่นาง สีหน้าของต้วนมู่ฉิงเปลี่ยนเล็กน้อย:นางรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันตราย นางรีบถอยกลับและปิดล้อมตัวเองด้วยม่านน้ําแข็ง

เซียวเฉินยิ้มเบาๆและเมินเฉยนางไป แสงสีม่วงนี้จะสร้างความเสียหายได้เพียงใด? เขาเป็นสายตาของเขาและโจมตีไปที่จีชางคง

เซี่ยวเฉอนรอโอกาสนี้อยู่นานแล้ว จากในสามคนนี้,จีชางคงอ่อนแอที่สุด เขาทําได้เพียงมองหาจุดอ่อน

หลังจากที่เซียวเฉินหักเหความสนใจคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือต้วนมู่ฉิงออกไปได้,เขาแหวกออกจากวงล้อมและลงมืออย่าวรวดเร็ว

ในจังหวะที่ต้วนม่ฉิงถอยออกไป,ฉีเยอกแข็งในร่างของเซี่ยวเฉอนก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด การเคลื่อนไหวที่คาดเดาไม่ได้ของเขาแสดงออกมาอีกครั้ง เขาหมุนตัวและแทงกระบี่ไปที่หน้าอกของเซี่ยวเฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+