Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 369 เยวเฉินซี

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 369 เยวเฉินซี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 369 เยวเฉินซี

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส “อย่าฝัน แม้ว่าข้าจะให้เจ้าไป,เจ้าก็ต้องการวิธีการควบคุมที่สอดคล้องกันก่อนที่เจ้าจะสามารถควบคุมมันได้”

เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงเรือสงครามสีเงินล่านี้หลังจากที่เขากําจัดสัมผัสวิญญาณโบราณที่อยู่ด้านในของมัน เขาพยายามอย่างมากเพื่อที่จะกู้คืนมันกลับมาในตอนนั้นเขาจะขายมันให้กับคนอื่นได้อย่างไร?

ไม่นานนัก,ภาพเมืองแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่สองเท่าของเมืองซีเหอได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเซี่ยวเฉิน เขาค่อยๆลดระดับความเร็วและร่อนลงจอดที่ด้านนอกของเมือง

เวลาผ่านไปเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น พวกเขายังมีเวลาอีกเยอะก่อนที่จะถึงช่วงบ่าย ภายใต้การนําทางของซูเสี่ยวเสี่ยว,หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในเมือง,พวกเขามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่คึกคักที่สุดในเมือง

ทันทีที่ทั้งกลุ่มเดินมาถึงทางเข้าโรงเตี้ยม,พนักงานในร้านอาหารมองไปดูที่ภาพเหมือนเปรียบเทียบกับกลุมของเขา เขาเดินเข้ามาถึงตรงหน้าของซูเสี่ยวเสี่ยวและลดศีรษะลงในทันที เขายิ้มและกล่าวขึ้น “ท่านจะต้องเป็นแม่นางเสียวเสี่ยว นายน้อยจินจองที่นั่งทั้งหมดบนชั้นสี่เอาไว้แล้ว พวกเขากําลังรอคอยท่านอยู่, โปรดตามข้ามา”

ภายในร้านขนาดค่อนข้างใหญ่:มันมีพื้นที่มากกว่าสองร้อยตารางเมตร แต่ถึงกระนั้น,ที่ชั้นหนึ่งก็ยังแน่นไปด้วยฝูงชน:มันคึกคักเป็นอย่างมาก ฝูงชนล้นไปถึงชั้นสองและชั้นสาม

มีโต๊ะว่างเพียงสองสามที่ เสียงตะโกนโหวกเหวกดังไปทั่วทั้งโรงเตี้ยม สถานการณ์ดีขึ้นหลังจากที่พวกเขาขึ้นไปถึงชั้นสาม

บูธและห้องส่วนตัวจะจัดอยู่ที่ชั้นสาม ผู้คนธรรมดาไม่สามารถขึ้นมาถึงชั้นนี้ แต่กระนั้น มันก็แทบจะไม่มีที่ว่าง

“สมบัติของราชาทุ่งหญ้าดึงดูดผู้คนเข้ามามากมายอย่างคาดไม่ถึง น่าประหลาดใจไม่น้อย”

คนที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้คือเจ้าหมูจิน ผู้ที่หัวเราะอย่างไร้ยางอาย

บริกรน่าทางพวกเขายิ้มและกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว,ต้องขอบคุณเจ้าอ้วนที่เอาแผนที่ออกมาปล่อยทุกคนด่าสาปด่าเจ้าอ้วนนั้น,แต่สําหรับธุรกิจร้านอาหารห้องพักกลับขอบคุณยิ่ง ตั้งแต่เดือนที่แล้ว,ธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองมาก”

เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น,เซี่ยวเฉินและซูเสียวเสี่ยวหัวเราะคิกคัก เจ้าหมูหน้าเสียใน ทันที;รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง

เมื่อบริกรเห็นว่าสีหน้าของจินตาเป่าผิดปกติ,เขารีบกล่าวขึ้น “ท่าน,ข้าไม่ได้หมายถึงท่าน ข้าพูดถึงเจ้าอ้วนที่เอาแผนที่ออกมาขาย คนอย่างทานไม่นับว่าอ้วนสัดส่วนของท่านสมส่วนและงดงาม เจ้าอ้วนนั้นเทียบกันท่านไม่ได้

เมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้น,แม้แต่ซูเสี่ยวเสี่ยวที่ปกติจะไม่ค่อยพูดจาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางกล่าว “เจ้าออกไปได้แล้วพวกเราขึ้นไปเองได้”

ด้วยความเกรงว่าเจ้าหมูจะไม่อาจระงับความโมโหเอาไว้ได้,ซูเสี่ยวเสี่ยวรีบกล่าวให้บริกรคนนั้นออกไป

จินต้าเป่ารู้สึกหดหูเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม,บริกรคนนั้นออกไปไกลแล้ว แต่กระนั้น,บริกรคนนั้นก็กล่าวเรื่องดีๆกับเขาเอาไว้เยอะแม้ว่าเขาอยากจะโกรธ,เขาก็โกรธไม่ลง

ความหดหูและเสียหน้านี้ทําให้ทุกคนไม่อาจหุบยิ้มลงได้

พวกเขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่ เปรียบเทียบกับชั้นสาม,มันค่อนข้างเงียบกว่ามาก ไม่มีเสียงจอแจแม้แต่น้อย

โต๊ะทั้งหมดถูกยกออกไปเหลือเป็นที่ว่างขนาดใหญ่

โต๊ะนั่งตั้งอยู่ตามกําแพงโดยรอบ ผู้บ่มเพาะพลังจากหลากหลายอาณาจักรนั่งอยู่ที่โต๊ะ,พูดคุยกันถึงการฝึกฝนวิชายุทธด้วยเสียงเบา

เซี่ยวเฉินมองกวาดอย่างรวดเร็วและเห็นว่ามีคนประมาณหนึ่งร้อยคนอยู่ที่นี่ พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นมีเพียงเล็กน้อยที่ยังไม่ถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

อย่างไรก็ตาม,กระแสพลังของพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เห็นชัดว่าพวกเขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดแล้วและได้ติดขัดอยู่ที่ตรงนี้มาเป็นเวลานาน พวกเขาเหลืออีกเพียงก้าวเล็กๆที่จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

คนเหล่านี้ล้วนอายุถึงยี่สิบปี:เปรียบเทียบกับเหลิ่งหลิวซู,พวกเขาอ่อนด้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตาม,กลายเป็นกษัตริย์ยุทธตั้งแต่ก่อนอายุ 25 ปี,พวกเขาควรค่าแก่คําว่า อัจฉริยะ” แล้ว

โดยเฉพาะผู้เยาว์ที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาดูหล่อเหลาลุ่มลึก กระแสพลังของเขาดุร้ายราวกับพยัคฆ์ ขณะที่เขานั่งอย่างนิ่งเงียบ,เขาได้ปลดปล่อยแรงกดดันบางเบาออกมา

คนผู้นี้อยู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นแล้ว จากหนึ่งร้อยคนที่อยู่ที่นี่ เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น

การเพิ่มขึ้นภายในขอบเขตกษัตริย์ยุทธมีความแตกต่างอย่างชัดเจนมากกว่าในขอบเขตนักบุญ ปราศจากทักษะต่อสู้ระดับสูงหรือสภาวะที่แข็งแกร่ง,มันยากอย่างยิ่งที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ขั้นพลังสูงกว่าได้

หากเซี่ยวเฉินเดาไม่ผิด,คนผู้นี้น่าจะเป็นคนที่จินต้าเป่ากล่าวถึง หนึ่งในร้อยอันดับต้นในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,จินอูจี๋

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังประเมินผู้คน,สายตานับไม่ถ้วนก็กําลังวัดพลังของเขาเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเห็นว่าอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,ความเหยียดหยามปรากฎขึ้นในดวงตาขอบพวกเขา ไม่นานนัก,พวกเขาก็ละสายตาหันไปมองที่เสี่ยวไป เพียงจ้องมองไม่กี่ครั้งก็เกิดความปราถนารุนแรง

“ฮ่าฮ่า,ข้าคิดว่าแม่นางเสี่ยวเสี่ยวจะไม่มาเสียแล้ว พี่น้องจิน!เจ้าก็มาเช่นกัน แล้วสองคนที่อยู่ด้านหลังพวกเจ้าคือ?” เมื่อจินอูจี๋มองเห็นกลุ่มของซูเสี่ยวเสี่ยว,เขารีบลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาในทันที

ซูเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเบาๆและกล่าวขึ้น “สองคนนี้คือสหายของข้าจากอาณาจักรตาฉัน ข้าขออภัยที่ไม่ได้แจ้งให้เจ้าทราบล่วงหน้า”

จินอูจี๋เพียงยิ้มและกล่าวขึ้น “ไม่มีปัญหา,สหายของแม่นางเสียวเสียวก็คือสหายของข้าเช่นกัน โปรดนั่งก่อน หลังจากที่อีกคนมาถึง,การประชุมก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ซูเสี่ยวเสี่ยวมองไปรอบๆอย่างสงสัย นางถามขึ้น “ใครยังมาไม่ถึง?”

จินอูจี๋ยิ้มอย่างมีเล่ห์ “เป็นความลับสําหรับตอนนี้ ท่านตะรู้เองในตอนที่นางมาถึง,นางเป็นตัวหลัก แต่อย่างไรก็ตาม,นางเพียงแค่ผ่านทางมาเท่านั้น”

“พี่น้องจิน,บอกพวกเรามาเถอะ!”

“ใช่แล้ว!ใช่แล้ว! พี่น้องจินหยุดล้อเล่นได้แล้ว เพียงบอกพวกเรามา!”

จินอูจี๋เป็นศิษย์อันดับหนึ่งแห่งประตูดาบสวรรค์ของอาณาจักรต้าชู พวกเขามีผู้อาวุโสระดับสูง หลายคนที่อยู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ พวกเขานับได้ว่าเป็นขุมอานาจชั้นน่าภายในทั่วทั้งทวีป นอกจากนั้น,อันดับของพวกเขาค่อนข้างสูง

สถานะของจีนอจีนับว่าสูงมากอยู่แล้ว มิฉะนั้น,เขาสามารถรวบรวมเหล่าอัจฉริยะจากหลากหลายอาณาจักรมาได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จินอูจี๋ให้ความเคาระ,คนผู้นี้จะต้องมีสถานะสูงส่งมากอย่างแน่นอน สิ่งนี้กระตุ้นความอยากรู้ของฝูงชน

ในตอนนั้นเอง มีกระแสพลังอันแข็งแกร่งปะทุขึ้นมาในทิศทางของร้านอาหารแห่งนี้ ทุกคนนิ่งอึ้งไป,และรีบมองตรงไปที่หน้าต่าง

จินอูจี๋ชื่นชมยินดี เขากล่าวขึ้นเบาๆ “นางมาแล้ว!”

“ฟุ!”

ร่างตัวเล็กผ่านเข้ามาจากหน้าต่างของชั้นสี่ เป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าโค้งมนสวยงามและรอยยิ้มที่อบอุ่น นางสวมชุดสีเขียวพร้อมกับลอยเข้ามา

เมื่อเด็กสาวชุดสีเขียวเท้าสัมผัสกับพื้น,นางถอนกระแสพลังของนางกลับมาและเผยรอยยิ้มเชิงขอโทษ

เด็กสาวมองไปรอบๆตัวนางและกล่าว “เยว่เฉินซีขออภัยทุกท่าน มีบางอย่างเกิดขึ้น ทําให้ข้าล่าช้า”

อย่างไม่คาดคิด นี่คือเยว่เฉินซี เมื่อทุกคนบนชั้นสี่ได้ยินนาง,พวกเขาทั้งหมดเผยสีหน้าตกตะลึง คนผู้นี้คือตัวหลักจริงๆ

ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,นางอยู่ในห้าสิบอันดับต้น,อันดับที่ 36

การขึ้นจากหนึ่งร้อยไปสู่ห้าสิบอันดับแรกนั้นมีอุปสรรคใหญ่ จากห้าสิบไปสู่สิบอันดับต้นยิ่งใหญ่กว่า แต่ละอุปสรรคแสดงถึงความแตกต่างในพลังต่อสู้ของพวกเขา

ที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรในครั้งก่อน,เยว่เฉินซีอายุเพียงสิบหกปี ในตอนอายุสิบหกปี,นางอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขันต้น

นอกจากนั้น,เยว่เฉินซียังขึ้นไปถึงห้าสิบอันดับต้น พรสวรรค์และความแข็งแกร่งเช่นนี้อธิบายออกมาได้คําเดียวคือ “ปีศาจ”

นิกายนภาเหนือ,คือที่ที่เยว่เฉินซีสังกัดอยู่, เป็นหนึ่งในสิบนิกายใหญ่แห่งอาณาจักรต้าจิน ในทวีปแห่งนี้,พวกเขาเป็นนิกายชั้นหนึ่งและเป็นหนึ่งในหมาอ่านาจสูงสุด พวกเขามีผู้อาวุโสระดับสูงหลายคนที่อยู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ

ด้วยพรสวรรค์ที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ถูกบ่มเพาะจากหนึ่งในนิกายที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเข้าถึงพลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นของอาณาจักรต้าจิน อนาคตของนางมั่นคง,นางเป็นดวงดาวเจิดจ้าที่กําลังพุ่งทะยาน

เมื่อจินอูจี๋เห็นว่าเยว่เฉินซีมาถึงแล้ว,เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่านางจะไม่มาเสียแล้ว เขายิ้มและกล่าวขึ้น “แม่นางเยว่ มันยังไม่ถึงเวลาบ่าย ดังนั้น ท่านไม่ได้ล่าช้า เพียงแต่พวกเราทั้งหมดมาเร็วเกินไป”

“ใช่แล้ว,แม่นางเยว่ไม่ต้องรู้สึกแย่พวกเราเพิ่งจะมาถึง

ในจังหวะที่เยว่เฉินซีมาถึง,นางกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ไม่มีใครสนใจถึงนางจะมาสาย

จินอูจี๋เชิญเยว่เฉินซีไปที่โต๊ะตรงกลาง หลังจากที่นางนั่งลง,เขาก็ลุกขึ้นและกล่าวเบาๆ “ข้า เข้าร่วมกลุ่มในนามของข้า”

“ข้ามีสองวัตถุประสงค์ในการประชุมครั้งนี้ หนึ่งคือป้องกันการหลีกเลี่ยงการต่อสู้ถึงตาย ข้าอยากจะให้ทุกคนคุ้นเคยกับกันและกัน พวกเราจะตั้งข้อตกลงอย่างสุภาพชนที่จะไม่มีการลอบโจมตีหรือใช้วิธีการน่ารังเกียจ”

“พวกเรามาต่างสถานที่และต่างนิกายจากหลากหลายอาณาจักร มันยากนักที่พวกเราจะมีโอกาสพบกัน จุดประสงค์ที่สองของข้าคือใช่โอกาสนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกระบวณท่า,ช่วยชี้แนะและรับข้อเสนอของกันและกัน”

สําหรับจุดประสงค์แรก,เซี่ยวเฉันคิดว่ามันไม่ค่อยเป็นประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ที่นี่ มันยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี้

ถึงแม้ว่าทุกคนที่นี่จะทําข้อตกลงกัน,เซี่ยวเฉินก็ไม่เชื่อว่าในตอนที่สมบัติที่แท้จริงปรากฎขึ้น,ทุกคนจะสนใจข้อตกลงนี้

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินเชื่อว่าทุกคนจะยอมรับข้อตกลงเพียงผิวเผิน พวกเขาพูดอีกอย่างและจะทําอีกอย่างหนึ่ง

“ข้า,หลิวเมิง,สนับสนุนคําแนะนําของพี่น้องจิน ข้าจะเป็นคนแรกที่ทําข้อตกลงสุภาพชน หากมีใครที่นี่ได้สมบัติไป,ข้าจะไม่ใช้การลอบโจมตี” ผู้บ่มเพาะพลังที่ร่างบึกบึนพร้อมกับดาบขนาดใหญ่กล่าวเป็นคนแรก

“ข้า,หวังเหา,สนับสนุนค่าแนะนําของพี่น้องจินเช่นกัน…ข้าจะทําข้อตกลงสุภาพชน”

“ข้าหล่อ ,สนับสนุนคําแนะนําของพี่น้องจินด้วยเช่นกัน…ยินดีจะทําข้อตกลงสุภาพชน”

ตามที่เซี่ยวเฉินคาดเอาไว้,ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดระบุว่ายินดีจะทําตามคําแนะนําของจินอูจี๋

ในไม่ช้า,ทุกคนก็แสดงความตั้งใจของพวกเขา เหลือเพียงสี่คนที่โต๊ะของเซี่ยวเฉิน ทุกคนมองไปที่พวกเขา

จินต้าเป่าและซูเสี่ยวเสี่ยวมีสถานะพิเศษและสามารถเพิกเฉย จากกระแสพลัง,เสี่ยวไปปรากฎว่าเพิ่งจะขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ:อ่อนปวกเปียกเช่นนี้สามารถเพิกเฉยได้เช่นกัน

ที่พวกเขากําลังให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือเซี่ยวเฉิน เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,และกระแสพลังของเขาแข็งแกร่ง เขาแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าคลื่นที่อ่อนแรงลงของเกาะเชียนเหลิน

แม้ว่าจะผ่านความนิ่งเงียบไปนาน,เซี่ยวเฉินก็ไม่กล่าวอะไร เขาไม่อาจทําให้ตัวเองกล่าวคําหลอกลวง

“เมินเฉยเขาไป,มันไม่มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรต้าฉิน แค่นักบุญขั้นสูงมาที่นี่เพื่อพอเป็นพิธีไม่มีปัญหาที่เขาจะไม่ทําข้อตกลงสุภาพชน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 369 เยวเฉินซี

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 369 เยวเฉินซี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 369 เยวเฉินซี

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส “อย่าฝัน แม้ว่าข้าจะให้เจ้าไป,เจ้าก็ต้องการวิธีการควบคุมที่สอดคล้องกันก่อนที่เจ้าจะสามารถควบคุมมันได้”

เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงเรือสงครามสีเงินล่านี้หลังจากที่เขากําจัดสัมผัสวิญญาณโบราณที่อยู่ด้านในของมัน เขาพยายามอย่างมากเพื่อที่จะกู้คืนมันกลับมาในตอนนั้นเขาจะขายมันให้กับคนอื่นได้อย่างไร?

ไม่นานนัก,ภาพเมืองแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่สองเท่าของเมืองซีเหอได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเซี่ยวเฉิน เขาค่อยๆลดระดับความเร็วและร่อนลงจอดที่ด้านนอกของเมือง

เวลาผ่านไปเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น พวกเขายังมีเวลาอีกเยอะก่อนที่จะถึงช่วงบ่าย ภายใต้การนําทางของซูเสี่ยวเสี่ยว,หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในเมือง,พวกเขามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่คึกคักที่สุดในเมือง

ทันทีที่ทั้งกลุ่มเดินมาถึงทางเข้าโรงเตี้ยม,พนักงานในร้านอาหารมองไปดูที่ภาพเหมือนเปรียบเทียบกับกลุมของเขา เขาเดินเข้ามาถึงตรงหน้าของซูเสี่ยวเสี่ยวและลดศีรษะลงในทันที เขายิ้มและกล่าวขึ้น “ท่านจะต้องเป็นแม่นางเสียวเสี่ยว นายน้อยจินจองที่นั่งทั้งหมดบนชั้นสี่เอาไว้แล้ว พวกเขากําลังรอคอยท่านอยู่, โปรดตามข้ามา”

ภายในร้านขนาดค่อนข้างใหญ่:มันมีพื้นที่มากกว่าสองร้อยตารางเมตร แต่ถึงกระนั้น,ที่ชั้นหนึ่งก็ยังแน่นไปด้วยฝูงชน:มันคึกคักเป็นอย่างมาก ฝูงชนล้นไปถึงชั้นสองและชั้นสาม

มีโต๊ะว่างเพียงสองสามที่ เสียงตะโกนโหวกเหวกดังไปทั่วทั้งโรงเตี้ยม สถานการณ์ดีขึ้นหลังจากที่พวกเขาขึ้นไปถึงชั้นสาม

บูธและห้องส่วนตัวจะจัดอยู่ที่ชั้นสาม ผู้คนธรรมดาไม่สามารถขึ้นมาถึงชั้นนี้ แต่กระนั้น มันก็แทบจะไม่มีที่ว่าง

“สมบัติของราชาทุ่งหญ้าดึงดูดผู้คนเข้ามามากมายอย่างคาดไม่ถึง น่าประหลาดใจไม่น้อย”

คนที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้คือเจ้าหมูจิน ผู้ที่หัวเราะอย่างไร้ยางอาย

บริกรน่าทางพวกเขายิ้มและกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว,ต้องขอบคุณเจ้าอ้วนที่เอาแผนที่ออกมาปล่อยทุกคนด่าสาปด่าเจ้าอ้วนนั้น,แต่สําหรับธุรกิจร้านอาหารห้องพักกลับขอบคุณยิ่ง ตั้งแต่เดือนที่แล้ว,ธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองมาก”

เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น,เซี่ยวเฉินและซูเสียวเสี่ยวหัวเราะคิกคัก เจ้าหมูหน้าเสียใน ทันที;รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง

เมื่อบริกรเห็นว่าสีหน้าของจินตาเป่าผิดปกติ,เขารีบกล่าวขึ้น “ท่าน,ข้าไม่ได้หมายถึงท่าน ข้าพูดถึงเจ้าอ้วนที่เอาแผนที่ออกมาขาย คนอย่างทานไม่นับว่าอ้วนสัดส่วนของท่านสมส่วนและงดงาม เจ้าอ้วนนั้นเทียบกันท่านไม่ได้

เมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้น,แม้แต่ซูเสี่ยวเสี่ยวที่ปกติจะไม่ค่อยพูดจาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางกล่าว “เจ้าออกไปได้แล้วพวกเราขึ้นไปเองได้”

ด้วยความเกรงว่าเจ้าหมูจะไม่อาจระงับความโมโหเอาไว้ได้,ซูเสี่ยวเสี่ยวรีบกล่าวให้บริกรคนนั้นออกไป

จินต้าเป่ารู้สึกหดหูเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม,บริกรคนนั้นออกไปไกลแล้ว แต่กระนั้น,บริกรคนนั้นก็กล่าวเรื่องดีๆกับเขาเอาไว้เยอะแม้ว่าเขาอยากจะโกรธ,เขาก็โกรธไม่ลง

ความหดหูและเสียหน้านี้ทําให้ทุกคนไม่อาจหุบยิ้มลงได้

พวกเขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่ เปรียบเทียบกับชั้นสาม,มันค่อนข้างเงียบกว่ามาก ไม่มีเสียงจอแจแม้แต่น้อย

โต๊ะทั้งหมดถูกยกออกไปเหลือเป็นที่ว่างขนาดใหญ่

โต๊ะนั่งตั้งอยู่ตามกําแพงโดยรอบ ผู้บ่มเพาะพลังจากหลากหลายอาณาจักรนั่งอยู่ที่โต๊ะ,พูดคุยกันถึงการฝึกฝนวิชายุทธด้วยเสียงเบา

เซี่ยวเฉินมองกวาดอย่างรวดเร็วและเห็นว่ามีคนประมาณหนึ่งร้อยคนอยู่ที่นี่ พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นมีเพียงเล็กน้อยที่ยังไม่ถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

อย่างไรก็ตาม,กระแสพลังของพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เห็นชัดว่าพวกเขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดแล้วและได้ติดขัดอยู่ที่ตรงนี้มาเป็นเวลานาน พวกเขาเหลืออีกเพียงก้าวเล็กๆที่จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

คนเหล่านี้ล้วนอายุถึงยี่สิบปี:เปรียบเทียบกับเหลิ่งหลิวซู,พวกเขาอ่อนด้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตาม,กลายเป็นกษัตริย์ยุทธตั้งแต่ก่อนอายุ 25 ปี,พวกเขาควรค่าแก่คําว่า อัจฉริยะ” แล้ว

โดยเฉพาะผู้เยาว์ที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาดูหล่อเหลาลุ่มลึก กระแสพลังของเขาดุร้ายราวกับพยัคฆ์ ขณะที่เขานั่งอย่างนิ่งเงียบ,เขาได้ปลดปล่อยแรงกดดันบางเบาออกมา

คนผู้นี้อยู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นแล้ว จากหนึ่งร้อยคนที่อยู่ที่นี่ เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น

การเพิ่มขึ้นภายในขอบเขตกษัตริย์ยุทธมีความแตกต่างอย่างชัดเจนมากกว่าในขอบเขตนักบุญ ปราศจากทักษะต่อสู้ระดับสูงหรือสภาวะที่แข็งแกร่ง,มันยากอย่างยิ่งที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ขั้นพลังสูงกว่าได้

หากเซี่ยวเฉินเดาไม่ผิด,คนผู้นี้น่าจะเป็นคนที่จินต้าเป่ากล่าวถึง หนึ่งในร้อยอันดับต้นในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,จินอูจี๋

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังประเมินผู้คน,สายตานับไม่ถ้วนก็กําลังวัดพลังของเขาเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเห็นว่าอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,ความเหยียดหยามปรากฎขึ้นในดวงตาขอบพวกเขา ไม่นานนัก,พวกเขาก็ละสายตาหันไปมองที่เสี่ยวไป เพียงจ้องมองไม่กี่ครั้งก็เกิดความปราถนารุนแรง

“ฮ่าฮ่า,ข้าคิดว่าแม่นางเสี่ยวเสี่ยวจะไม่มาเสียแล้ว พี่น้องจิน!เจ้าก็มาเช่นกัน แล้วสองคนที่อยู่ด้านหลังพวกเจ้าคือ?” เมื่อจินอูจี๋มองเห็นกลุ่มของซูเสี่ยวเสี่ยว,เขารีบลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาในทันที

ซูเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเบาๆและกล่าวขึ้น “สองคนนี้คือสหายของข้าจากอาณาจักรตาฉัน ข้าขออภัยที่ไม่ได้แจ้งให้เจ้าทราบล่วงหน้า”

จินอูจี๋เพียงยิ้มและกล่าวขึ้น “ไม่มีปัญหา,สหายของแม่นางเสียวเสียวก็คือสหายของข้าเช่นกัน โปรดนั่งก่อน หลังจากที่อีกคนมาถึง,การประชุมก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ซูเสี่ยวเสี่ยวมองไปรอบๆอย่างสงสัย นางถามขึ้น “ใครยังมาไม่ถึง?”

จินอูจี๋ยิ้มอย่างมีเล่ห์ “เป็นความลับสําหรับตอนนี้ ท่านตะรู้เองในตอนที่นางมาถึง,นางเป็นตัวหลัก แต่อย่างไรก็ตาม,นางเพียงแค่ผ่านทางมาเท่านั้น”

“พี่น้องจิน,บอกพวกเรามาเถอะ!”

“ใช่แล้ว!ใช่แล้ว! พี่น้องจินหยุดล้อเล่นได้แล้ว เพียงบอกพวกเรามา!”

จินอูจี๋เป็นศิษย์อันดับหนึ่งแห่งประตูดาบสวรรค์ของอาณาจักรต้าชู พวกเขามีผู้อาวุโสระดับสูง หลายคนที่อยู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ พวกเขานับได้ว่าเป็นขุมอานาจชั้นน่าภายในทั่วทั้งทวีป นอกจากนั้น,อันดับของพวกเขาค่อนข้างสูง

สถานะของจีนอจีนับว่าสูงมากอยู่แล้ว มิฉะนั้น,เขาสามารถรวบรวมเหล่าอัจฉริยะจากหลากหลายอาณาจักรมาได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จินอูจี๋ให้ความเคาระ,คนผู้นี้จะต้องมีสถานะสูงส่งมากอย่างแน่นอน สิ่งนี้กระตุ้นความอยากรู้ของฝูงชน

ในตอนนั้นเอง มีกระแสพลังอันแข็งแกร่งปะทุขึ้นมาในทิศทางของร้านอาหารแห่งนี้ ทุกคนนิ่งอึ้งไป,และรีบมองตรงไปที่หน้าต่าง

จินอูจี๋ชื่นชมยินดี เขากล่าวขึ้นเบาๆ “นางมาแล้ว!”

“ฟุ!”

ร่างตัวเล็กผ่านเข้ามาจากหน้าต่างของชั้นสี่ เป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าโค้งมนสวยงามและรอยยิ้มที่อบอุ่น นางสวมชุดสีเขียวพร้อมกับลอยเข้ามา

เมื่อเด็กสาวชุดสีเขียวเท้าสัมผัสกับพื้น,นางถอนกระแสพลังของนางกลับมาและเผยรอยยิ้มเชิงขอโทษ

เด็กสาวมองไปรอบๆตัวนางและกล่าว “เยว่เฉินซีขออภัยทุกท่าน มีบางอย่างเกิดขึ้น ทําให้ข้าล่าช้า”

อย่างไม่คาดคิด นี่คือเยว่เฉินซี เมื่อทุกคนบนชั้นสี่ได้ยินนาง,พวกเขาทั้งหมดเผยสีหน้าตกตะลึง คนผู้นี้คือตัวหลักจริงๆ

ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,นางอยู่ในห้าสิบอันดับต้น,อันดับที่ 36

การขึ้นจากหนึ่งร้อยไปสู่ห้าสิบอันดับแรกนั้นมีอุปสรรคใหญ่ จากห้าสิบไปสู่สิบอันดับต้นยิ่งใหญ่กว่า แต่ละอุปสรรคแสดงถึงความแตกต่างในพลังต่อสู้ของพวกเขา

ที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรในครั้งก่อน,เยว่เฉินซีอายุเพียงสิบหกปี ในตอนอายุสิบหกปี,นางอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขันต้น

นอกจากนั้น,เยว่เฉินซียังขึ้นไปถึงห้าสิบอันดับต้น พรสวรรค์และความแข็งแกร่งเช่นนี้อธิบายออกมาได้คําเดียวคือ “ปีศาจ”

นิกายนภาเหนือ,คือที่ที่เยว่เฉินซีสังกัดอยู่, เป็นหนึ่งในสิบนิกายใหญ่แห่งอาณาจักรต้าจิน ในทวีปแห่งนี้,พวกเขาเป็นนิกายชั้นหนึ่งและเป็นหนึ่งในหมาอ่านาจสูงสุด พวกเขามีผู้อาวุโสระดับสูงหลายคนที่อยู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ

ด้วยพรสวรรค์ที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ถูกบ่มเพาะจากหนึ่งในนิกายที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเข้าถึงพลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นของอาณาจักรต้าจิน อนาคตของนางมั่นคง,นางเป็นดวงดาวเจิดจ้าที่กําลังพุ่งทะยาน

เมื่อจินอูจี๋เห็นว่าเยว่เฉินซีมาถึงแล้ว,เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่านางจะไม่มาเสียแล้ว เขายิ้มและกล่าวขึ้น “แม่นางเยว่ มันยังไม่ถึงเวลาบ่าย ดังนั้น ท่านไม่ได้ล่าช้า เพียงแต่พวกเราทั้งหมดมาเร็วเกินไป”

“ใช่แล้ว,แม่นางเยว่ไม่ต้องรู้สึกแย่พวกเราเพิ่งจะมาถึง

ในจังหวะที่เยว่เฉินซีมาถึง,นางกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ไม่มีใครสนใจถึงนางจะมาสาย

จินอูจี๋เชิญเยว่เฉินซีไปที่โต๊ะตรงกลาง หลังจากที่นางนั่งลง,เขาก็ลุกขึ้นและกล่าวเบาๆ “ข้า เข้าร่วมกลุ่มในนามของข้า”

“ข้ามีสองวัตถุประสงค์ในการประชุมครั้งนี้ หนึ่งคือป้องกันการหลีกเลี่ยงการต่อสู้ถึงตาย ข้าอยากจะให้ทุกคนคุ้นเคยกับกันและกัน พวกเราจะตั้งข้อตกลงอย่างสุภาพชนที่จะไม่มีการลอบโจมตีหรือใช้วิธีการน่ารังเกียจ”

“พวกเรามาต่างสถานที่และต่างนิกายจากหลากหลายอาณาจักร มันยากนักที่พวกเราจะมีโอกาสพบกัน จุดประสงค์ที่สองของข้าคือใช่โอกาสนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกระบวณท่า,ช่วยชี้แนะและรับข้อเสนอของกันและกัน”

สําหรับจุดประสงค์แรก,เซี่ยวเฉันคิดว่ามันไม่ค่อยเป็นประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ที่นี่ มันยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี้

ถึงแม้ว่าทุกคนที่นี่จะทําข้อตกลงกัน,เซี่ยวเฉินก็ไม่เชื่อว่าในตอนที่สมบัติที่แท้จริงปรากฎขึ้น,ทุกคนจะสนใจข้อตกลงนี้

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินเชื่อว่าทุกคนจะยอมรับข้อตกลงเพียงผิวเผิน พวกเขาพูดอีกอย่างและจะทําอีกอย่างหนึ่ง

“ข้า,หลิวเมิง,สนับสนุนคําแนะนําของพี่น้องจิน ข้าจะเป็นคนแรกที่ทําข้อตกลงสุภาพชน หากมีใครที่นี่ได้สมบัติไป,ข้าจะไม่ใช้การลอบโจมตี” ผู้บ่มเพาะพลังที่ร่างบึกบึนพร้อมกับดาบขนาดใหญ่กล่าวเป็นคนแรก

“ข้า,หวังเหา,สนับสนุนค่าแนะนําของพี่น้องจินเช่นกัน…ข้าจะทําข้อตกลงสุภาพชน”

“ข้าหล่อ ,สนับสนุนคําแนะนําของพี่น้องจินด้วยเช่นกัน…ยินดีจะทําข้อตกลงสุภาพชน”

ตามที่เซี่ยวเฉินคาดเอาไว้,ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดระบุว่ายินดีจะทําตามคําแนะนําของจินอูจี๋

ในไม่ช้า,ทุกคนก็แสดงความตั้งใจของพวกเขา เหลือเพียงสี่คนที่โต๊ะของเซี่ยวเฉิน ทุกคนมองไปที่พวกเขา

จินต้าเป่าและซูเสี่ยวเสี่ยวมีสถานะพิเศษและสามารถเพิกเฉย จากกระแสพลัง,เสี่ยวไปปรากฎว่าเพิ่งจะขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ:อ่อนปวกเปียกเช่นนี้สามารถเพิกเฉยได้เช่นกัน

ที่พวกเขากําลังให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือเซี่ยวเฉิน เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,และกระแสพลังของเขาแข็งแกร่ง เขาแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าคลื่นที่อ่อนแรงลงของเกาะเชียนเหลิน

แม้ว่าจะผ่านความนิ่งเงียบไปนาน,เซี่ยวเฉินก็ไม่กล่าวอะไร เขาไม่อาจทําให้ตัวเองกล่าวคําหลอกลวง

“เมินเฉยเขาไป,มันไม่มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรต้าฉิน แค่นักบุญขั้นสูงมาที่นี่เพื่อพอเป็นพิธีไม่มีปัญหาที่เขาจะไม่ทําข้อตกลงสุภาพชน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+