Immortal and Martial Dual Cultivation 116 ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 116 ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 116 ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง

อย่างไรก็ตาม,ม่านพลังนี้แข็งแกร่งกว่าที่เซียวเฉินพบในป่าทมิฬ แม้ว่าเขาจะบีบให้สัมผัสวิญญาณของเขาให้แหลมคมราวกับหอกสีทอง,เขาก็ไม่อาจเจาะทะลุผ่านมันไปได้

เจ้าหมูพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ “ทำไมข้ารู้สึกว่าถ้ำนี้มันเป็นหนทางลงไปที่สุสาน? มันช่างแปลกประหลาด”

เซียวเฉินยิ้มอย่างไม่แยแส “ใครจะรู้? มันอาจจะเป็นทางลงไปที่สุสานจริงๆก็เป็นได้ ดินแดนที่คนโบราณอยู่และล้มตาย,มันก็คล้ายกับสุสานมิใช่รึ? เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสุสาน”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวทันใดนั้นก็พูดขึ้น “คนพวกนั้นจับตาดูพวกเราอยู่ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ”

เซียวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อยและสำรวจพื้นที่โดยรอบด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา หลังจากนั้นไม่นาน,เขาก็พูดขึ้น “นั้นมันคนของตระกูลฮวา มีระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งหมดห้าคน”

ทันทีที่เขาพูดจบ,ระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งห้าก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อน พวกเขาตั้งแถวเป็นครึ่งวงกลมปิดล้อมเอาไว้ เมื่อหัวหน้าของพวกเขาเห็นเซียวเฉินอยู่กับจินต้าเป่า,เขาก็ประหลาดใจ

“พวกเจ้าสองคน,ถอยไปซะ ตระกูลฮวาของพวกเรา…”

“อัสนีหลบเลี่ยง!”

เซียวเฉินตะโกนออกมาเบาๆและปรากฎตัวขึ้นด้านข้างของระดับขอบเขตปรมจารย์คนที่พูดขึ้นมา ประกายสายฟ้าร่ายรำไปรอบคมกระบี่เงาจันทร์ เขาใช้ชักกระบี่ฟันออกมา,ทำให้คำพูดของคนคนนั้นถูกขัดจังหวะ

เจ้าหมูสาปแช่ง “ข้าคิดว่าหากยังคบค้ากับสหายผู้นี้ต่อไป,ไม่ช้าก็เร็วต้องได้ไปเหยียบตีนตระกูลชั้นสูงครบทุกบ้านเป็นแน่”

“ก็ฆ่าให้หมด!” ซู่เสี่ยวเสี่ยวกล่าวอย่างไม่แยแส มือเรียวบางของนางรีดลงบนสายพิณเบาๆ

คนที่พูดขึ้นไม่ได้คาดคิดว่าเซียวเฉินจะบ้าระห่ำเช่นนี้ ไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาได้พูดให้จบประโยคก็ชักกระบี่มาไล่ฟันแล้ว

“ฟุ่ว!ฟิ่ว!”

เขาถอยหลังกลับไปแต่เซียวเฉินก็ยังฝากไว้หนึ่งแผลที่หน้าอกของเขา กระแสไฟฟ้าพลุ่งพล่านบนกระบี่เงาจันทร์ทะลุผ่านร่างของเขา,ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาลดถอยลง

”ฟาดฟันประกายแสง!”

ตัวกระบี่สร้างประกายแสงขึ้นมา ทุกสิ่งอย่างในระยะสามเมตรเบื้องหน้าของเขาติดอยู่ภายใต้ประกายแสง ขณะที่ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นถูกซัดด้วยกระแสไฟฟ้า,ความเร็วของเขาก็ตกลงเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจตั้งรับได้ทันและถูกกระบี่ประกายแสงฟันขาดครึ่ง

“เบี่ยงร่างกระแทก!”

เซียวเฉินหมุนตัวและเอียงร่างของเขาพุ่งเข้าไปข้างหน้า ผู้บ่มเพาะพลังที่ผลีผลามเข้ามาถูกเซียวเฉินซัดเข้าด้วยไหล่ขวาในทันที

ในตอนแรกคนคนนั้นตั้งใจจะประกบโจมตีเซียวเฉินทั้งหน้าและหลัง อย่างไรก็ตาม,เขาก็นึกไม่ถึงว่าเซียวเฉินจะสังหารระดับขอบเขตปรมจารย์ได้ภายในสองกระบวณท่าก่อนที่จะหันกลับมาโจมตีใส่เขา

เขาไม่ได้ทันตั้งตัวและถูกเซียวเฉินซัดกระเด็นกลับหลังไป เขาถอยหลังออกไปสองก้าวก่อนที่จะพยายามอย่างที่สุดในการสหายพลังที่น่ากลัวนี้ออกไป เขารู้สึกหวาดกลัวจับใจ,ช่างเป็นพลังกายที่น่ากลัว

เซียวเฉินขึ้นหน้าสองก้าวและปล่อยหมัดขวาออกไป สายลมกรีดร้องและฟ้าคำรามกึกก้องก่อนที่คนคนนั้นจะตั้งตัวระงับโลหิตและพลังฉีที่ปั่นป่วนลงได้,เขาก็ถูกบังคับให้ตั้งรับ

เกิดเสียงแตกหักดังขึ้น หลังจากที่เสริมกำลังร่างกายด้วยสายฟ้าสวรรค์และบุปผาเจ็ดกลีบ,เซียวเฉินสามารถบดขยี้มือของเขาจนแหลก

“อ้า…”

ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขามองดูมือที่พิกลพิการของเขา,ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เเสงกระบี่วูบผ่าน,เซียวเฉินใช้ชักกระบี่ฟันออกมาฟันร่างของเขาขาดเป็นสองท่อน

เซียวเฉินไร้ซึ่งการเปิดเผยสีหน้าแต่อย่างใด เขาหยิบเอาธนูล่าวิญญาณออกมาตั้งก่อนที่จะดึงลูกศรปราณแสงขึ้นประทับ เขารวบรวมพลังไว้ที่มือขวาและดึงสายธนูกลับจนเป็นรูปจันทร์เต็มดวง เขาเล็งไปที่ระดับขอบเขตปรมจารย์คนที่กำลังประมือกับจินต้าเป่า

ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันจึงกระโดดหนีจากจินต้าเป่าอย่างรวดเร็วออกไปด้านข้าง เซียวเฉินหลับตาลงและใช้ใจของเขาจดจ่อไปกับสัมผัสวิญญาณ

“ฟุ่ว!”

ลูกศรปราณแสงถูกปล่อยออกมาและกลายเป็นลำแสง,เจาะทะลุเป้าหมายที่เล็งเอาไว้ ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นกระอักเลือดออกมาและล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“โซว โซว!”

มือของเซียวเฉินเคลื่อนไหวฉับไวต่อเนื่องและยิงลูกศรปราณแสงออกมาอีกสองลูก ระดับขอบเขตปรมจารย์อีกสองคนถูกลูกศรยิงเจาะทะลุตกตายไปอย่างไร้หนทางต่อต้าน

เจ้าหมูถอนหายใจ “ธนูล่าวิญญาณช่างทรงพลัง ผู้ที่ถูกมันเล็งต่างต้องตาย สหายผู้นี้ก็ทรงพลังเช่นกัน ตามข่าวลือว่ากันว่าต้องใช้พลังมากกว่า 500 กิโลเพื่อดึงสายของธนูล่าวิญญาณ แต่เขากลับยิงออกไปสามนัดต่อเนื่อง”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวอุ้มพิณของนางไว้และความประหลาดใจวูบผ่านดวงตาอันงดงามของนาง “พลังของธนูล่าวิญญาณมันไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ตราบใดที่ร่างกายของผู้ใช้แข็งแกร่งพอ,มันก็รับพลังได้ถึง 5000 กิโลกรัม”

“ย้อนกลับไป,ประมุขของหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ได้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อสร้างธนูล่าวิญญาณขึ้นมา ถึงอย่างนั้น,เขากลับพบว่าไม่มีผู้ใดสามารถดึงสายของมันกลับได้เป็นเพราะว่าไม่สามรถใช้พลังปราณและต้องพึ่งพลังกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

“มันจึงถูกเก็บขึ้นหิ้งทิ้งไว้ในห้องเก็บของ เมื่อประมุขคนก่อนของหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ล่วงลับ,ประมุขคนใหม่ก็ได้ขายมันออกไปทันที ข้าสงสัยว่าเขาจะทำสีหน้าเช่นไรเมื่อเห็นเหตุการณ์ใรวันนี้”

เจ้าหมูถามขึ้นอย่างสงสัย “ประมุขคนก่อน…ทำไมเขาถึงได้สร้างธนูที่ไม่มีใครดึงกลับได้? เขากินข้าวเสร็จแล้วว่างจึงหาอะไรทำ?”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวถอนหายใจ นางพูดขึ้นอย่างเศร้าใจ “มันเป็นเพียงสิ่งที่เขาอาจจะทำได้เพื่อทดแทนบุญคุณ,ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดลงไป”

เซียวเฉินเก็บธนูกลับและไล่เก็บลูกศรปราณแสงที่อยู่ตามพื้น พลังของธนูล่าวิญญาณประกอบกับลูกศรปราณแสงแซงจินตนาการของเขาไปไกล ยิ่งกว่านั้น,เขายังรู้สึกได้ว่าพลังของธนูล่าวิญญาณไม่ได้มีเพียงเท่านี้

หลังจากที่เขาไล่เก็บลูกศรปราณแสงจนครบ,เขาก็เริ่มไล่เก็บส่วย,ลูบคลำไปตามร่างของระดับขอบเขตปรมจารย์พวกนี้ เมื่อเจ้าหมูเห็นดังนั้น,เขาก็ไม่รีรอเข้ามาร่วมวงกับเซียวเฉิน

“เจ้าพวกนี้ช่างร่ำรวย ค้นไปสองศพก็ได้มามากกว่า 3000 เหรียญทองแล้วก็เม็ดยาคุณภาพดีอีกสองสามขวด” เจ้าหมูยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ยืนนับตั๋วเงินในมือ

เซียวเฉินไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะของเขา เขายิงเปลวเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริงไปที่กองศพ,เผาพวกมันเป็นเถ้าถ่าน เขามองไปที่ช่องลึกดำมืดข้างหน้าของพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล

จินต้าเป่าและซู่เสี่ยวเสี่ยวรีบเดินตามเขาเข้าไปในทันที ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ช่องนั้นมากเท่าไหร,อากาศหนาวเย็นก็หนาแน่นขึ้นมากเท่านั้น มันทำให้ผู้คนต่างสั่นเทิ่มด้วยความหนาวเย็น พวกเขาทั้งสามต่างไม่พูดอะไร,แม้แต่คนปากมากอย่างเจ้าหมูก็ปิดปากเงียบสนิท

พวกเขาทั้งสามเดินไปอย่างไม่รู้เวลาก่อนที่จะพบกับแสงไฟปรากฎขึ้นตรงหน้าของพวกเขา เซียวเฉินเป็นสุขในใจและเพิ่มความเร็วขึ้นอีก จากนั้นไม่นาน,ราชวังอันใหญ่โตก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าของทุกทุกคน

“หนีเร็ว! ความตายในโลงศพกำลังคลืบคลานออกมา ผู้บ่มเพาะพลังของตระกูลตวนมู่หลายคนถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว”

“มีสัตว์อสูรปีศาจอยู่ที่นี่ ที่นี่มันซากโบราณจริงๆใช่ไหม? น่ากลัวเกินไปแล้ว”

“เมื่อครู่,มีคนถูกพลังฉีปีศาจครอบงำ,เขากลายเป็นปีศาจในทันที”

ก่อนที่ทั้งสามจะมีโอกาสได้ชื่นชมฉากเบื้องหน้า,มีกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังมากมายวิ่งหนีมาข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าตั้งใจหนีอย่างไม่เหลียวมองหลัง ทั้งกลุ่มกลายเป็นกังวลในทันที

เจ้าหมูจินพูดไม่ออกเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนต่างวิ่งกลับมา?”

เซียวเฉินดึงผู้บ่มเพาะพลังไว้คนนึงเพื่อซักถาม ผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นกล่าวว่าตระกูลตวนมู่ไปเปิดหีบศพโบราณสีดำในชั้นใต้ดินของราชวัง ศพที่อยู่ในนั้นกลับกลายเป็นฟื้นคืนชีวิตและเริ่มไล่ฆ่าทุกคนที่อยู่ในสายตา

นอกจากนั้น,ในแม่น้ำนิ่งสงบที่ชั้นใต้ดิน,สัตว์อสูรปีศาจค้าคาวมากมายปรากฎตัวขึ้น มันแข็งแกร่งพอๆกับสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 และมีจำนวนมหาศาล

เซียวเฉินลังเล,จะเดินหน้าต่อหรือจะหันหลังกลับ? ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มนึงกำลังตรวจสอบบางอย่างบนผนังด้านหน้า

“นี่มันจะต้องเป็นทักษะต่อสู้โบราณ บรรพบุรุษแกะสลักมันเอาไว้บนผนังแต่พวกเราไม่อาจเข้าใจมันได้!”

“หากไม่มีความเข้าใจในระดับหนึ่ง,ก็ไร้ทางที่จะเข้าใจมันได้ ก่อนหน้านี้,ข้าเห็นจีชางคงมาหยุดยืนที่จุดนี้ หลังจากที่เขามองดูมัน,เขาก็ทำลายงานแกะสลักสามชิ้นสุดท้ายในทันที”

“เขาจะต้องเข้าใจอะไรบางอย่างเป็นแน่,มิเช่นนั้นเขาคงไม่ทำลายงานแกะสลักสามชิ้นสุดท้าย”

กลุ่มของเซียวเฉินรีบตรงเข้าไปทันที พวกเขาเห็นงานแกะสลักบนผนัง,เป็นรูปแกะสลักรูปคน บ้างก็กำลังร่ายรำดาบ,บ้างก็นั่งลง,บ้างก็ยืนนิ่ง

แต่ละรูปสลักแสดงท่าทางแตกต่างกันไป,แต่ท่าทางของพวกเขาทั้งหมดมีความรู้แจ้ง แต่ละคนแต่ละท่าทางของพวกเขาบรรจุไปด้วยกระแสพลังของสวรรค์และปฐพี

เซียวเฉินกวาดตามองไปทีละรูปสลัก,ใช้สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านพวกมันไป เพียงแค่สัมผัสวิญญาณของเขาไหลเข้าไป,เขารู้สึกเหมือนมีภาพเสมือนจริงปรากฎขึ้นตรงหน้า

เขารู้สึกว่าได้รับอะไรบางอย่างจากมาจากแต่ละรูปสลัก ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนโคจรไปเองแบบอัตโนมัติ เขาสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกประหลาด เมื่อเขาไล่มาถึงส่วนสุดท้าย,เขาพบว่ารูปสลักสามชิ้นสุดท้ายถูกบางคนทำลายไป

“ดูเหมือนจีชางคงจะเข้าใจถึงอะไรบางอย่างที่นี้,เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทำลายพวกมันทิ้ง” เซียวเฉินรู้สึกเสียดายพร้อมกับพูดขึ้น ส่วนที่สำคัญที่สุดสามชิ้นถูกทำลาย การโคจรพลังของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หยุดชะงัก ความรู้สึกลึกลับนั้นถูกลบหายไป

ถึงกระนั้น,เซียวเฉินรู้สึกได้ว่าพลังปราณในร่างของเขาอุดมสมบูรณ์ขึ้น ขอบเขตพลังระดับเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงของเขากล้าแกร่งขึ้น

ซู่เสี่ยวเสี่ยวทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น นางพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “”ภาพเหล่านี้คือภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง คนเหล่านี้คือมหาปราชญ์ที่เคยปรากฎตัวขึ้นในยุคโบราณ”

“ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งสามภาพสุดท้ายถูกจีชางคงทำลายไป มิเช่นนั้น,มันจะมองออกได้ง่ายกว่านี้”

เจ้าหมูจ้องมองไปเป็นเวลานานและไม่เห็นจะรู้แจ้งในภาพพวกนี้ เขาพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์ “ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งมันมีดีอะไรหนักหนา มันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ ผู้ที่แกะสลักมันก็ช่างโหดร้าย ทำไมไม่เพียงแค่วาดแผนภาพลงไปตรงๆ?”

**ตรงนี้ผมงง ไปดูจีนมาก็งงถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาแก้ให้ครับ

ทันทีที่เจ้าหมูพูดจบ,ภาพแกะสลักมหาปราชญ์ที่อยู่ในท่านั่งราวกับได้ยินคำสบประมาทของเจ้าหมู หางตาของเขากระตุกสองครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น,ข้าเห็นหางตาของคนคนนั้นกระตุก”

“หรือจะเป็นผี? ข้าก็เห็นเหมือนกัน”

“ปัง!”

พลังงานที่ดูราวกับอยู่เหนือช่องว่างและกาลเวลาถูกปล่อยออกมา ทุกคนตาพล่ามัว,เมื่อทุกคนตั้งตัวได้,พวกเขาก็เห็นเจ้าหมูลอยกลิ้งไปไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตร เขาไหลม้วนกลิ้งไปอย่างต่อเนื่อง,ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“จิตวิญญาณของมหาปราชญ์แสดงพลังออกมาแล้ว พลังจากหนึ่งหมื่นปีก่อนช่างทรงอำนาจ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก”

“แม้ว่ามหาปราชญ์จะสิ้นชัวิตไปแล้ว,พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ยังคงอยู่ แม้จะผ่านกาลเวลามามากว่าหนึ่งหมื่นปี,มันก็ไม่ได้จางหายไปไหน”

“แน่นอน,ดูเจ้าหมูโรคจิตนั้น ต่อหน้ามหาปราชญ์,เขาก็เป็นเพียงมดปลวก”

เซียวเฉินเร่งตรงเข้ามาและช่วยเจ้าหมู “เจ้ารู้สึกเช่นไร?”

เจ้าหมูปัดฝู่นตามเสื้อผ้าออกและเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวของเขาก็พูดขึ้น “ข้าเห็นดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ก่อนที่ข้าจะได้ตอบโต้อะไร,ข้าก็ถูกซัดลอยออกมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 116 ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 116 ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 116 ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง

อย่างไรก็ตาม,ม่านพลังนี้แข็งแกร่งกว่าที่เซียวเฉินพบในป่าทมิฬ แม้ว่าเขาจะบีบให้สัมผัสวิญญาณของเขาให้แหลมคมราวกับหอกสีทอง,เขาก็ไม่อาจเจาะทะลุผ่านมันไปได้

เจ้าหมูพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ “ทำไมข้ารู้สึกว่าถ้ำนี้มันเป็นหนทางลงไปที่สุสาน? มันช่างแปลกประหลาด”

เซียวเฉินยิ้มอย่างไม่แยแส “ใครจะรู้? มันอาจจะเป็นทางลงไปที่สุสานจริงๆก็เป็นได้ ดินแดนที่คนโบราณอยู่และล้มตาย,มันก็คล้ายกับสุสานมิใช่รึ? เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสุสาน”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวทันใดนั้นก็พูดขึ้น “คนพวกนั้นจับตาดูพวกเราอยู่ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ”

เซียวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อยและสำรวจพื้นที่โดยรอบด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา หลังจากนั้นไม่นาน,เขาก็พูดขึ้น “นั้นมันคนของตระกูลฮวา มีระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งหมดห้าคน”

ทันทีที่เขาพูดจบ,ระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งห้าก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อน พวกเขาตั้งแถวเป็นครึ่งวงกลมปิดล้อมเอาไว้ เมื่อหัวหน้าของพวกเขาเห็นเซียวเฉินอยู่กับจินต้าเป่า,เขาก็ประหลาดใจ

“พวกเจ้าสองคน,ถอยไปซะ ตระกูลฮวาของพวกเรา…”

“อัสนีหลบเลี่ยง!”

เซียวเฉินตะโกนออกมาเบาๆและปรากฎตัวขึ้นด้านข้างของระดับขอบเขตปรมจารย์คนที่พูดขึ้นมา ประกายสายฟ้าร่ายรำไปรอบคมกระบี่เงาจันทร์ เขาใช้ชักกระบี่ฟันออกมา,ทำให้คำพูดของคนคนนั้นถูกขัดจังหวะ

เจ้าหมูสาปแช่ง “ข้าคิดว่าหากยังคบค้ากับสหายผู้นี้ต่อไป,ไม่ช้าก็เร็วต้องได้ไปเหยียบตีนตระกูลชั้นสูงครบทุกบ้านเป็นแน่”

“ก็ฆ่าให้หมด!” ซู่เสี่ยวเสี่ยวกล่าวอย่างไม่แยแส มือเรียวบางของนางรีดลงบนสายพิณเบาๆ

คนที่พูดขึ้นไม่ได้คาดคิดว่าเซียวเฉินจะบ้าระห่ำเช่นนี้ ไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาได้พูดให้จบประโยคก็ชักกระบี่มาไล่ฟันแล้ว

“ฟุ่ว!ฟิ่ว!”

เขาถอยหลังกลับไปแต่เซียวเฉินก็ยังฝากไว้หนึ่งแผลที่หน้าอกของเขา กระแสไฟฟ้าพลุ่งพล่านบนกระบี่เงาจันทร์ทะลุผ่านร่างของเขา,ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาลดถอยลง

”ฟาดฟันประกายแสง!”

ตัวกระบี่สร้างประกายแสงขึ้นมา ทุกสิ่งอย่างในระยะสามเมตรเบื้องหน้าของเขาติดอยู่ภายใต้ประกายแสง ขณะที่ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นถูกซัดด้วยกระแสไฟฟ้า,ความเร็วของเขาก็ตกลงเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจตั้งรับได้ทันและถูกกระบี่ประกายแสงฟันขาดครึ่ง

“เบี่ยงร่างกระแทก!”

เซียวเฉินหมุนตัวและเอียงร่างของเขาพุ่งเข้าไปข้างหน้า ผู้บ่มเพาะพลังที่ผลีผลามเข้ามาถูกเซียวเฉินซัดเข้าด้วยไหล่ขวาในทันที

ในตอนแรกคนคนนั้นตั้งใจจะประกบโจมตีเซียวเฉินทั้งหน้าและหลัง อย่างไรก็ตาม,เขาก็นึกไม่ถึงว่าเซียวเฉินจะสังหารระดับขอบเขตปรมจารย์ได้ภายในสองกระบวณท่าก่อนที่จะหันกลับมาโจมตีใส่เขา

เขาไม่ได้ทันตั้งตัวและถูกเซียวเฉินซัดกระเด็นกลับหลังไป เขาถอยหลังออกไปสองก้าวก่อนที่จะพยายามอย่างที่สุดในการสหายพลังที่น่ากลัวนี้ออกไป เขารู้สึกหวาดกลัวจับใจ,ช่างเป็นพลังกายที่น่ากลัว

เซียวเฉินขึ้นหน้าสองก้าวและปล่อยหมัดขวาออกไป สายลมกรีดร้องและฟ้าคำรามกึกก้องก่อนที่คนคนนั้นจะตั้งตัวระงับโลหิตและพลังฉีที่ปั่นป่วนลงได้,เขาก็ถูกบังคับให้ตั้งรับ

เกิดเสียงแตกหักดังขึ้น หลังจากที่เสริมกำลังร่างกายด้วยสายฟ้าสวรรค์และบุปผาเจ็ดกลีบ,เซียวเฉินสามารถบดขยี้มือของเขาจนแหลก

“อ้า…”

ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขามองดูมือที่พิกลพิการของเขา,ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เเสงกระบี่วูบผ่าน,เซียวเฉินใช้ชักกระบี่ฟันออกมาฟันร่างของเขาขาดเป็นสองท่อน

เซียวเฉินไร้ซึ่งการเปิดเผยสีหน้าแต่อย่างใด เขาหยิบเอาธนูล่าวิญญาณออกมาตั้งก่อนที่จะดึงลูกศรปราณแสงขึ้นประทับ เขารวบรวมพลังไว้ที่มือขวาและดึงสายธนูกลับจนเป็นรูปจันทร์เต็มดวง เขาเล็งไปที่ระดับขอบเขตปรมจารย์คนที่กำลังประมือกับจินต้าเป่า

ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันจึงกระโดดหนีจากจินต้าเป่าอย่างรวดเร็วออกไปด้านข้าง เซียวเฉินหลับตาลงและใช้ใจของเขาจดจ่อไปกับสัมผัสวิญญาณ

“ฟุ่ว!”

ลูกศรปราณแสงถูกปล่อยออกมาและกลายเป็นลำแสง,เจาะทะลุเป้าหมายที่เล็งเอาไว้ ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นกระอักเลือดออกมาและล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“โซว โซว!”

มือของเซียวเฉินเคลื่อนไหวฉับไวต่อเนื่องและยิงลูกศรปราณแสงออกมาอีกสองลูก ระดับขอบเขตปรมจารย์อีกสองคนถูกลูกศรยิงเจาะทะลุตกตายไปอย่างไร้หนทางต่อต้าน

เจ้าหมูถอนหายใจ “ธนูล่าวิญญาณช่างทรงพลัง ผู้ที่ถูกมันเล็งต่างต้องตาย สหายผู้นี้ก็ทรงพลังเช่นกัน ตามข่าวลือว่ากันว่าต้องใช้พลังมากกว่า 500 กิโลเพื่อดึงสายของธนูล่าวิญญาณ แต่เขากลับยิงออกไปสามนัดต่อเนื่อง”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวอุ้มพิณของนางไว้และความประหลาดใจวูบผ่านดวงตาอันงดงามของนาง “พลังของธนูล่าวิญญาณมันไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ตราบใดที่ร่างกายของผู้ใช้แข็งแกร่งพอ,มันก็รับพลังได้ถึง 5000 กิโลกรัม”

“ย้อนกลับไป,ประมุขของหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ได้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อสร้างธนูล่าวิญญาณขึ้นมา ถึงอย่างนั้น,เขากลับพบว่าไม่มีผู้ใดสามารถดึงสายของมันกลับได้เป็นเพราะว่าไม่สามรถใช้พลังปราณและต้องพึ่งพลังกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

“มันจึงถูกเก็บขึ้นหิ้งทิ้งไว้ในห้องเก็บของ เมื่อประมุขคนก่อนของหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ล่วงลับ,ประมุขคนใหม่ก็ได้ขายมันออกไปทันที ข้าสงสัยว่าเขาจะทำสีหน้าเช่นไรเมื่อเห็นเหตุการณ์ใรวันนี้”

เจ้าหมูถามขึ้นอย่างสงสัย “ประมุขคนก่อน…ทำไมเขาถึงได้สร้างธนูที่ไม่มีใครดึงกลับได้? เขากินข้าวเสร็จแล้วว่างจึงหาอะไรทำ?”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวถอนหายใจ นางพูดขึ้นอย่างเศร้าใจ “มันเป็นเพียงสิ่งที่เขาอาจจะทำได้เพื่อทดแทนบุญคุณ,ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดลงไป”

เซียวเฉินเก็บธนูกลับและไล่เก็บลูกศรปราณแสงที่อยู่ตามพื้น พลังของธนูล่าวิญญาณประกอบกับลูกศรปราณแสงแซงจินตนาการของเขาไปไกล ยิ่งกว่านั้น,เขายังรู้สึกได้ว่าพลังของธนูล่าวิญญาณไม่ได้มีเพียงเท่านี้

หลังจากที่เขาไล่เก็บลูกศรปราณแสงจนครบ,เขาก็เริ่มไล่เก็บส่วย,ลูบคลำไปตามร่างของระดับขอบเขตปรมจารย์พวกนี้ เมื่อเจ้าหมูเห็นดังนั้น,เขาก็ไม่รีรอเข้ามาร่วมวงกับเซียวเฉิน

“เจ้าพวกนี้ช่างร่ำรวย ค้นไปสองศพก็ได้มามากกว่า 3000 เหรียญทองแล้วก็เม็ดยาคุณภาพดีอีกสองสามขวด” เจ้าหมูยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ยืนนับตั๋วเงินในมือ

เซียวเฉินไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะของเขา เขายิงเปลวเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริงไปที่กองศพ,เผาพวกมันเป็นเถ้าถ่าน เขามองไปที่ช่องลึกดำมืดข้างหน้าของพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล

จินต้าเป่าและซู่เสี่ยวเสี่ยวรีบเดินตามเขาเข้าไปในทันที ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ช่องนั้นมากเท่าไหร,อากาศหนาวเย็นก็หนาแน่นขึ้นมากเท่านั้น มันทำให้ผู้คนต่างสั่นเทิ่มด้วยความหนาวเย็น พวกเขาทั้งสามต่างไม่พูดอะไร,แม้แต่คนปากมากอย่างเจ้าหมูก็ปิดปากเงียบสนิท

พวกเขาทั้งสามเดินไปอย่างไม่รู้เวลาก่อนที่จะพบกับแสงไฟปรากฎขึ้นตรงหน้าของพวกเขา เซียวเฉินเป็นสุขในใจและเพิ่มความเร็วขึ้นอีก จากนั้นไม่นาน,ราชวังอันใหญ่โตก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าของทุกทุกคน

“หนีเร็ว! ความตายในโลงศพกำลังคลืบคลานออกมา ผู้บ่มเพาะพลังของตระกูลตวนมู่หลายคนถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว”

“มีสัตว์อสูรปีศาจอยู่ที่นี่ ที่นี่มันซากโบราณจริงๆใช่ไหม? น่ากลัวเกินไปแล้ว”

“เมื่อครู่,มีคนถูกพลังฉีปีศาจครอบงำ,เขากลายเป็นปีศาจในทันที”

ก่อนที่ทั้งสามจะมีโอกาสได้ชื่นชมฉากเบื้องหน้า,มีกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังมากมายวิ่งหนีมาข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าตั้งใจหนีอย่างไม่เหลียวมองหลัง ทั้งกลุ่มกลายเป็นกังวลในทันที

เจ้าหมูจินพูดไม่ออกเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนต่างวิ่งกลับมา?”

เซียวเฉินดึงผู้บ่มเพาะพลังไว้คนนึงเพื่อซักถาม ผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นกล่าวว่าตระกูลตวนมู่ไปเปิดหีบศพโบราณสีดำในชั้นใต้ดินของราชวัง ศพที่อยู่ในนั้นกลับกลายเป็นฟื้นคืนชีวิตและเริ่มไล่ฆ่าทุกคนที่อยู่ในสายตา

นอกจากนั้น,ในแม่น้ำนิ่งสงบที่ชั้นใต้ดิน,สัตว์อสูรปีศาจค้าคาวมากมายปรากฎตัวขึ้น มันแข็งแกร่งพอๆกับสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 และมีจำนวนมหาศาล

เซียวเฉินลังเล,จะเดินหน้าต่อหรือจะหันหลังกลับ? ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มนึงกำลังตรวจสอบบางอย่างบนผนังด้านหน้า

“นี่มันจะต้องเป็นทักษะต่อสู้โบราณ บรรพบุรุษแกะสลักมันเอาไว้บนผนังแต่พวกเราไม่อาจเข้าใจมันได้!”

“หากไม่มีความเข้าใจในระดับหนึ่ง,ก็ไร้ทางที่จะเข้าใจมันได้ ก่อนหน้านี้,ข้าเห็นจีชางคงมาหยุดยืนที่จุดนี้ หลังจากที่เขามองดูมัน,เขาก็ทำลายงานแกะสลักสามชิ้นสุดท้ายในทันที”

“เขาจะต้องเข้าใจอะไรบางอย่างเป็นแน่,มิเช่นนั้นเขาคงไม่ทำลายงานแกะสลักสามชิ้นสุดท้าย”

กลุ่มของเซียวเฉินรีบตรงเข้าไปทันที พวกเขาเห็นงานแกะสลักบนผนัง,เป็นรูปแกะสลักรูปคน บ้างก็กำลังร่ายรำดาบ,บ้างก็นั่งลง,บ้างก็ยืนนิ่ง

แต่ละรูปสลักแสดงท่าทางแตกต่างกันไป,แต่ท่าทางของพวกเขาทั้งหมดมีความรู้แจ้ง แต่ละคนแต่ละท่าทางของพวกเขาบรรจุไปด้วยกระแสพลังของสวรรค์และปฐพี

เซียวเฉินกวาดตามองไปทีละรูปสลัก,ใช้สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านพวกมันไป เพียงแค่สัมผัสวิญญาณของเขาไหลเข้าไป,เขารู้สึกเหมือนมีภาพเสมือนจริงปรากฎขึ้นตรงหน้า

เขารู้สึกว่าได้รับอะไรบางอย่างจากมาจากแต่ละรูปสลัก ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนโคจรไปเองแบบอัตโนมัติ เขาสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกประหลาด เมื่อเขาไล่มาถึงส่วนสุดท้าย,เขาพบว่ารูปสลักสามชิ้นสุดท้ายถูกบางคนทำลายไป

“ดูเหมือนจีชางคงจะเข้าใจถึงอะไรบางอย่างที่นี้,เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทำลายพวกมันทิ้ง” เซียวเฉินรู้สึกเสียดายพร้อมกับพูดขึ้น ส่วนที่สำคัญที่สุดสามชิ้นถูกทำลาย การโคจรพลังของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หยุดชะงัก ความรู้สึกลึกลับนั้นถูกลบหายไป

ถึงกระนั้น,เซียวเฉินรู้สึกได้ว่าพลังปราณในร่างของเขาอุดมสมบูรณ์ขึ้น ขอบเขตพลังระดับเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงของเขากล้าแกร่งขึ้น

ซู่เสี่ยวเสี่ยวทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น นางพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “”ภาพเหล่านี้คือภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง คนเหล่านี้คือมหาปราชญ์ที่เคยปรากฎตัวขึ้นในยุคโบราณ”

“ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งสามภาพสุดท้ายถูกจีชางคงทำลายไป มิเช่นนั้น,มันจะมองออกได้ง่ายกว่านี้”

เจ้าหมูจ้องมองไปเป็นเวลานานและไม่เห็นจะรู้แจ้งในภาพพวกนี้ เขาพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์ “ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งมันมีดีอะไรหนักหนา มันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ ผู้ที่แกะสลักมันก็ช่างโหดร้าย ทำไมไม่เพียงแค่วาดแผนภาพลงไปตรงๆ?”

**ตรงนี้ผมงง ไปดูจีนมาก็งงถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาแก้ให้ครับ

ทันทีที่เจ้าหมูพูดจบ,ภาพแกะสลักมหาปราชญ์ที่อยู่ในท่านั่งราวกับได้ยินคำสบประมาทของเจ้าหมู หางตาของเขากระตุกสองครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น,ข้าเห็นหางตาของคนคนนั้นกระตุก”

“หรือจะเป็นผี? ข้าก็เห็นเหมือนกัน”

“ปัง!”

พลังงานที่ดูราวกับอยู่เหนือช่องว่างและกาลเวลาถูกปล่อยออกมา ทุกคนตาพล่ามัว,เมื่อทุกคนตั้งตัวได้,พวกเขาก็เห็นเจ้าหมูลอยกลิ้งไปไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตร เขาไหลม้วนกลิ้งไปอย่างต่อเนื่อง,ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“จิตวิญญาณของมหาปราชญ์แสดงพลังออกมาแล้ว พลังจากหนึ่งหมื่นปีก่อนช่างทรงอำนาจ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก”

“แม้ว่ามหาปราชญ์จะสิ้นชัวิตไปแล้ว,พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ยังคงอยู่ แม้จะผ่านกาลเวลามามากว่าหนึ่งหมื่นปี,มันก็ไม่ได้จางหายไปไหน”

“แน่นอน,ดูเจ้าหมูโรคจิตนั้น ต่อหน้ามหาปราชญ์,เขาก็เป็นเพียงมดปลวก”

เซียวเฉินเร่งตรงเข้ามาและช่วยเจ้าหมู “เจ้ารู้สึกเช่นไร?”

เจ้าหมูปัดฝู่นตามเสื้อผ้าออกและเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวของเขาก็พูดขึ้น “ข้าเห็นดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ก่อนที่ข้าจะได้ตอบโต้อะไร,ข้าก็ถูกซัดลอยออกมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+