Immortal and Martial Dual Cultivation 117 ถลำลึก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 117 ถลำลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 117 ถลำลึก

 

“ให้ตายเถอะ! ข้าไม่เชื่อว่ากลายเป็นซากผีแล้วยังจะคงทรงพลังได้ถึงเพียงนี้ พวกเจ้า,หลบไป!” ความอดทนของเจ้าหมูทะลุขีดจำกัด เขาเดินฝ่าฝูงคนและตรงเข้าไปที่กำแพงหิน

 

“ทะลวงสวรรค์!”

 

จินต้าเป่ากางพัดสีทองที่ถืออยู่ในมือ บัณฑิตชุดทองปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของเขา พลังฉีเที่ยงธรรมแพร่ขยายไปทั่วพื้นที่

 

“นี่มันก็เป็นกระแสพลังของมหาปราชญ์เช่นกัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณ! เจ้าหมูนั้นถือครองอาวุธโบราณ!”

 

“อย่างไรก็ตาม,พลังรู้แจ้งของมันไม่สมบูรณ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ได้รับความเสียหายร้ายแรงมา”

 

“ถึงอย่างนั้น,มันก็ยังคงทรงพลัง น่าจะเพียงพอที่จะต่อกรกับมหาปราชญ์โบราณ”

 

“บูม! บูม!”

 

ในทันทีที่พลังฉีเที่ยงธรรมขยายออกไป,มหาปราชญ์ที่อยู่บนกำแพงราวกับมีชีวิตขึ้นมา เมื่อทุกคนพบว่าฉากรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป,ราวกับหลุดเข้าไปในโลกใบเล็กบนรูปสลัก

 

มหาปราชญ์ที่อยู่ในรูปสลักปรากฎตัวขึ้นรอบตัวของทุกคน กระแสพลังที่ไหลผ่านกดดันทำให้ทุกคนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ทุกคนล้วนพบว่าแม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงยังทำได้ยาก

 

มีคนถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว “หรือมหาปราชญ์จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา?”

 

จิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าพวยพุ่งออกมา,กระแสพลังไหลทะลักออกมาจากร่างของเซียวเฉิน เซียวเฉินยืนตัวตรงพร้อมมือไขว้หลัง เขาปิดตาลงสัมผัสถึงหนทางรู้แจ้งของโลกนี้

 

ทุกคนถูกลบหายไปจากสายตาของเซียวเฉินและพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่ปรากฎขึ้น มีร่างสีดำนับไม่ถ้วนยืนตระหง่าน คนพวกนนั้นปลดปล่อยหมอกควันสีดำออกมาจากร่างของพวกเขา

 

ยังมีร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนกำลังยืนอยู่เหนือท้องฟ้า พวกเขาบดบังท้องฟ้ายืนขวางแสงอาทิตย์ บนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป,มี 18 มังกรฟ้ากำลังแหวกว่ายไปบนท้องฟ้า เหล่ามังกรส่งเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วทุกทิศ

 

ท่ามกลางเหล่ามังกรฟ้าที่กำลังว่ายวนมีชายคนหนึ่งยืนถือกระบี่ไว้ในมือ ทันทีที่เขาปรากฎตัวขึ้นมา,กระแสพลังอันไร้ขอบเขตถูกลบหายไป แม้แต่มังกรฟ้าทั้ง 18 ตนยังสั่นเทิ้ม

 

ฉากภาพนี้วูบผ่านไป,ก่อนที่เซียวเฉินจะเพ่งดูร่างของชายผู้นั้นได้เต็มตาฉากภาพนี้ก็ถูกลบหายไป ฉากภาพโลกใบเล็กปรากฎกลับขึ้นมา

 

มหาปราชญ์นั่งที่อยู่ในโลกใบเล็ก ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น,ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย โลกใบนี้ดูเหมือนจะเปิดทางออกและพลังอันไร้ขอบเขตถูกปลดปล่อยออกมา

 

เจ้าหมูยืนอย่างภาคภูมิและมีแสงสีทองเงามหาปราชญ์ปรากฎขึ้น เขามองตรงไปอย่างไร้ความหวาดกลัว ทันใดนั้นเกิดระเบิดขึ้นในโลกใบเล็ก

 

ทุกคนต่างรู้สึกพล่ามัว,ฉากเบื้องหน้าของพวกเขากลับมาสู่ความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม,พวกเขาต่างตกตะลึงที่ภาพสลักบนกำแพงถูกลบหายไปจนหมด

 

ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือร่างของเจ้าหมูที่กำลังถือพัดไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎขึ้นมาแทน เบื้องหลังของเขามีร่างสีทองที่ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ของเขา

 

“หรือว่าข้าจะตาฝาด? คนที่อยู่บนกำแพง…ทำไมเหมือนกับเจ้าหมู?”

 

“ให้ตายเถอะ,ไร้เหตุผลสิ้นดี แม้แต่มหาปราชญ์ก็ถูกกำราบจับถอนขนจนไม่เหลือ”

 

“ไร้สาระ,มันช่างไร้สาระ พอคิดว่ามหาปราชญ์ถึงกับต่อกรกับเขาไม่ได้”

 

เจ้าหมูมองไปอย่างว่างเปล่าไม่รู้จะทำเช่นไร เขามองร่างของตัวเองที่อยู่บนกำแพงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บนกำแพงนั้นคือข้า,ท่านหมูผู้นี้?

 

เซียวเฉินค่อยๆเดินเข้ามาใกล้และยิ้มขึ้น “หยุดโง่งมได้แล้ว นอกจากเจ้า,จะมีใครอีกที่ยิ้มได้ดัดจริตถึงเพียงนี้? มองที่รอยยิ้มนั้นสิ,มองผ่านทีเดียวก็รู้ว่าคือเจ้า”

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวเดินเข้ามาช้าๆและยิ้มขึ้นบางๆ “ไม่ต้องเป็นกังวล อาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เจ้าถือครองอยู่ดูเหมือจะเป็นอาวุธราชา เมื่อมหาปราชญ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าปรากฎตัว,เป็นธรรมดาที่จะปัดเป่ากระแสพลังของผู้อื่นออกไป”

 

“นอกจากนั้น,การรู้แจ้งของคนพวกนี้ถูกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือของเจ้าดูดซับเข้าไป นั้นเป็นโอกาสที่ความเสียหายบนอาวุธของราชาชิ้นนี้จะถูกฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง”

 

เจ้าหมูสัมผัสพัดสีทองที่อยู่ในมือของเขา หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เขาก็มองไปที่กำแพงและหัวเราะออกมาเสียงดัง “ภาพบนกำแพงนี่ออกมาไม่เลว มันดึงเอาเสน่ห์ความสง่างามของท่านหมูผู้นี้ออกมา เสียใจด้วย,พี่น้องเซียว”

 

หลังจากนั้น,เขาก็พึมพำขึ้น “หากมีแม่นางเสี่ยวเสี่ยวและเจ้าหญิงหยิงเยว่มาประกบข้างกายข้า,มันจะสมบูรณ์แบบ”

 

“ปัง!”

 

มีเส้นสีดำปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซู่เสี่ยวเสี่ยว,พิณทุบลงบนหัวของเจ้าหมูจินอย่างแรง เจ้าหมูรีบอธิบาย “แม่นางเสี่ยวเสี่ยวอย่าได้เกรี้ยวกราด มันเป็นเพียงความฝันสูงสุดของเจ้าหมู ข้าไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นเจ้า”

 

ยิ่งเขาอธิบาย,ยิ่งโดนทุบหนักกว่าเดิม,ซู่เสี่ยวเสี่ยวเดือดยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าหมูรีบหลบไปด้านข้าง เมื่อผู้คนรอบข้างเจ้าหมูได้ยินว่าพัดอันนั้นแท้จริงแล้วคืออาวุธราชา,ประกายรวามโลภปรากฎขึ้นในดวงตาของพวกเขา

 

เมื่อเจ้าหมูสังเกตเห็นสถานการณ์,เขาตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเจ้ามองหาอะไร? พวกเจ้าเชื่อไหมว่าท่านหมูผู้นี้จะจับเจ้าหันเป็นชิ้นทั้งเป็น?”

 

“หนี! เร็ว! เจ้าหมูจะไล่ถอนขนพวกเราแล้ว ไอ้โรคจิต!” ฝูงชนนึกถึงชื่อเสียงของเจ้าหมูและได้ยินคำขู่ของเขา พวกเขาต่างละทิ้งความโลภในอาวุธราชาและเผ่นหนีไป

 

เมื่อเจ้าหมูได้ยินเช่นนั้น,ยิ่งเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม,ร่างของเขาสั่นเทิ้ม,เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “เมื่อกี้ใครพูด! ยืนอยู่ตรงนั้น! ถ้าเจ้ากล้าก็อย่าหนี ให้ตายเถอะ! ท่าหมูผู้นี้ไม่ใช่คนเช่นนั้นนะ!”

 

เซียวเฉินไม่อาจระงับกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไปและตบลงบนไหล่เจ้าหมู “หยุดตะโกนได้แล้ว,พวกเขากลัวเจ้ากันหมด ไปกันต่อเถอะ!”

 

“ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นจริงๆ เซียวเฉิน,เจ้าต้องเชื่อข้า!” เจ้าหมูแก้ตัวออกมาเสียงดัง

 

“ไม่เป็นไร,พี่น้องคนนี้เข้าใจเจ้า คนพวกนั้นสติปัญญามันไม่ถึง,พวกเขาไม่อาจเข้าใจเจ้าได้”

 

“ข้า..”

 

พวกเขาทั้งสามมุ่งหน้าต่อไป แม้ว่าจะมีผู้บ่มเพาะพลังบางส่วนเลือกที่จะกลับออกไป,พวกเขาพบว่ายังมีจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะอยู่ต่อ ไม่นานนัก,พวกเขาก็พบเข้ากับคนของตระกูลตวนมู่

 

ตระกูลตวนมู่เป็นตระกูลชั้นสูงที่มีความพิเศษ จิตวิญญาณต่อสู้ที่สืบทอดกันมาจะปรากฎในเพศสตรีเท่านั้น ดังนั้น,ในตระกูลของพวกเขา,สตรีมีอำนาจเหนือบุรุษ ผู้นำตระกูลทุกรุ่นล้วนเป็นสตรีเพศ ในอาณาจักรต้าฉิน,หรือแม้แต่ในทวีปเทียนวู่,พวกเขานั้นโดดเด่น

 

เหมือนกับที่ผู้บ่มเพาะพลังคนก่อนหน้านี้ว่าไว้,ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่กำลังต่อสู้กับร่างที่ส่งกลิ่นเน่าราวกับซากศพ พื้นที่ที่พวกเขาต่อสู้กับปกคลุมไปด้วยลมหนาวเย็น,อุณหภูมิลดต่ำถึงขีดสุด

 

ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่รอบๆต่างทิ้งระยะห่างออกมา พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมเย็นยะเยือกกัดกินเข้าไปในร่างของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดโคจรพลังปราณของพวกเขาต้านทานความหนาวเหน็บเอาไว้

 

การต่อสู้นี้กำลังจะจบลง ทันทีที่เซียวเฉินมาถึง,ร่างสีดำก็ล้มลงไปแล้ว ผู้บ่มเพาะพลังหญิงระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่ที่อยู่รอบๆส่งสายพลังน้ำแข็งซัดเข้าที่ซากศพ

 

หลังจากนั้นครู่ใหญ่,ก้อนน้ำแข็งแตกสลาย เผยให้เห็นโครงกระดูกสีม่วง,พร้อมกับชุดเกราะศึกสีทองเปล่งประกาย

 

“ซากศพนี้เป็นของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธ! โครงกระดูกมันเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว,อีกเพียงก้าวเดียวก็จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตมหาปราชญ์!”

 

“ชุดเกราะศึกนั้นก็เป็นอุปกรณ์โบราณ พลังป้องกันของมันต้องเป็นที่น่าตกตะลึง แม้ว่าตระกูลตวนมู่จะต้องเสียระดับขอบเขตนักบุญไปถึงสองคน,มันก็คุ้มค่าแล้ว”

 

ตวนมู่ฉิงเดินตรงเข้าไปและเก็บโครงกระดูกสีม่วงกับชุดเกราะสีทองเข้าไปในแหวนห้วงอวกาศ จากนั้นนางก็เดินหน้านิ่งนำตระกูลตวนมู่ตรงไปที่โลงศพ

 

ตวนมู่ฉิงหยิบตำราสีทองขึ้นมาจากโลงศพสีดำ นางพัดฝุ่นหนาเตอะบนปกออกเบาๆก่อนที่จะพลิกเปิดดู เมื่อตำราถูกเปิดออกมา,มันก็เรืองแสงอ่อนออกมา

 

อักษรสีทองนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากตำรา ช่างโชคไม่ดี,ไม่มีสักคนที่สามารถเข้าใจอักษรโบราณ อย่างไรก็ตาม,ความรู้แจ้งที่แปรผันไปมาทำให้ผู้คนต่างรู้ว่ามันจะต้องไม่ใช้ของธรรมดา

 

“ตระกูลตวนมู่รับโชคใหญ่แล้วครั้งนี้ พวกเขาได้รับตำราทักษะต่อสู้โบราณ พวกเราเพียงยังไม่รู้ว่ามันเป็นทักษะต่อสู้ประเภทไหน”

 

“ไม่ว่าจะเป็นอะไร,ทักษะต่อสู้ที่ถูกฝังลงไปพร้อมกับร่างของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธโบราณจะต้องไม่ใช่ของธรรมดา”

 

“พวกมันเป็นอักษรโบราณ ข้าไม่เข้าใจสักคำเดียว ให้ตายเถอะ!”

 

เซียวเฉินครุ่นคิด,อักษรโบราณที่กำลังลอยอยู่ในอากาศนั้นเป็นอักษะจีนพื้นเมืองจากโลกของเขา เขารีบตั้งใจเพ่งมองและจดจำทุกตัวอักษรที่ลอยอยู่ในอากาศ

 

ตวนมู่ฉิงมองไปที่อักษรโบราณที่ลอยอยู่ในอากาศ นางขมวดคิ้ว,พึมพำกับตัวเอง,พวกมันเป็นอักษรโบราณทั้งหมด ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสในตระกูลจะสามารถแปลมันได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่?

 

“ฮ่ะ!”

 

ในจังหวะที่ตวนมู่ฉิงกำลังจะเก็บทักษะต่อสู่โบราณลงในแหวนห้วงอวกาศ ระดับขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินที่ซ่อนกายอยู่ในฝูงชนทันใดนั้นก็กระโดดออกมาพุ่งตัวไปทางตวนมู่ฉิง

 

ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินคนนั้นเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ เขาไม่ได้เล็งในช่วงที่ตวนมู่ฉิงหยิบทักษะโบราณขึ้นมา เขาเลือกจังหวะที่นางกำลังจะเก็บมันลงในแหวนห้วงอวกาศ

 

ในจังหวะที่ตระกูลตวนมู่เบาใจเป็นที่สุด นอกจากมองดูแล้ว,ตวนมู่ฉิงเปิดตำราทีกษะโบราณดูอยู่เป็นระยะเวลานานทำให้คนของนางต่างอยู่ในโหมดระวังตัว

 

เดิมที,พวกเขาไม่คิดว่าจะมีหาญกล้าบุกเข้ามาชิงมัน ใครจะรู้ได้ว่าจะมีระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดปรากฎตัวขึ้นในตอนสุดท้าย

 

ระดับขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินช่างรวดเร็ว เขาปรากฎตัวขึ้นข้างกายตวนมู่ฉิงในทันทีและฉกตำราทักษะโบราณไปจากมือนาง จากนั้นก็พุ่งตรงหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่รอบข้างต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าเล็งตระกูลตวนมู่ แม้ว่าระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมูาสองคนจะตกตายไป,แต่ยังเหลือระดับขอบเขตนักบุญอยู่หกคนและระดับขอบเขตปรมจารย์อีกสิบคน นั้นไม่ใช่กองกำลังที่คนคนเดียวจะไปต่อกรได้

 

ตวนมู่ฉิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง,และใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นเย็นชา อุณหภูมิรอบข้างดูราวกับลดลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยองศา พลังฉีเยือกเย็นแพร่ขยายไปในอากาศ ความเร็วของระดับขอบเขตนักบุญคนนั้นลดลงในทันที

 

ระดับขอบเขตนักบุญรอบกายนางตอบสนองรวดเร็ว พร้อมกับเสียง ‘ชี’ ,หกเสาน้ำแข็งงอกขึ้นมาจากพื้นดินกลายเป็นกรงขัง,จับตัวขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินคนนั้นเอาไว้

 

“แตกสลาย!”

 

ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินตะโกนออกมาเสียงดัง คลื่นพลังงานระเบิดออกมาจากร่างของเขาและเสาน้ำแข็งทั้งหกก็แตกกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน ชายชุดน้ำเงินหนีออกไปจากกรงขังได้

 

อย่างไรก็ตาม,เขายังไม่อาจเบาใจได้ ทันทีที่เขาก้าวขาออกมา,เสาน้ำแข็งทั้งหกก็งอกขึ้นมาอีกครั้ง,จับตัวเขาไว้อีกครา

 

“แตก!” ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินตะโกนออกมาอีกครั้ง,ระเบิดคลื่นพลังงานออกมา กรงขังแตกสลายไปอีกครั้งและเขาหลบหนีออกไปได้อีกครา

 

“บูม! บูม! บูม! บูม!”

 

ทุกก้าวที่ขอบเขตนักบุญคนนั้นก้าวเดิน,เขาก็จะถูกขังเอาไว้เหมือนเดิม เขาต้องระเบิดพลังออกมาฝ่าออกไปทุกครั้ง ถึงกระนั้น,เขาก็ใช้พลังปราณไปไม่น้อยในกระบวณท่านี้ ในที่สุด,เวลาที่เขาใช้ในการหลบหนีแต่ละครั้งก็เพิ่มขึ้น

 

จากที่ระเบิดพลังออกมาได้ทันที,ตอนนี้เขาต้องรอหลายอึดใจกว่าจะพังเสาน้ำแข็งออกไปได้ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เป็นหลักฐานว่าพลังปราณของเขาใกล้หมดลงเต็มที

 

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกไป เขาเห็นระดับขอบเขตนักบุญตระกูลตวนมู่ทั้งหกคนมีเส้นสายน้ำแข็งที่มองไม่เห็นอยู่ใต้เท้าของพวกเขา มีแสงเรืองออกมาจากเส้นด้าย,เชื่อมกันก่อตัวเป็นรูปแบบค่ายกลแปลกประหลาด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 117 ถลำลึก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 117 ถลำลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 117 ถลำลึก

 

“ให้ตายเถอะ! ข้าไม่เชื่อว่ากลายเป็นซากผีแล้วยังจะคงทรงพลังได้ถึงเพียงนี้ พวกเจ้า,หลบไป!” ความอดทนของเจ้าหมูทะลุขีดจำกัด เขาเดินฝ่าฝูงคนและตรงเข้าไปที่กำแพงหิน

 

“ทะลวงสวรรค์!”

 

จินต้าเป่ากางพัดสีทองที่ถืออยู่ในมือ บัณฑิตชุดทองปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของเขา พลังฉีเที่ยงธรรมแพร่ขยายไปทั่วพื้นที่

 

“นี่มันก็เป็นกระแสพลังของมหาปราชญ์เช่นกัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณ! เจ้าหมูนั้นถือครองอาวุธโบราณ!”

 

“อย่างไรก็ตาม,พลังรู้แจ้งของมันไม่สมบูรณ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ได้รับความเสียหายร้ายแรงมา”

 

“ถึงอย่างนั้น,มันก็ยังคงทรงพลัง น่าจะเพียงพอที่จะต่อกรกับมหาปราชญ์โบราณ”

 

“บูม! บูม!”

 

ในทันทีที่พลังฉีเที่ยงธรรมขยายออกไป,มหาปราชญ์ที่อยู่บนกำแพงราวกับมีชีวิตขึ้นมา เมื่อทุกคนพบว่าฉากรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป,ราวกับหลุดเข้าไปในโลกใบเล็กบนรูปสลัก

 

มหาปราชญ์ที่อยู่ในรูปสลักปรากฎตัวขึ้นรอบตัวของทุกคน กระแสพลังที่ไหลผ่านกดดันทำให้ทุกคนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ทุกคนล้วนพบว่าแม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงยังทำได้ยาก

 

มีคนถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว “หรือมหาปราชญ์จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา?”

 

จิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าพวยพุ่งออกมา,กระแสพลังไหลทะลักออกมาจากร่างของเซียวเฉิน เซียวเฉินยืนตัวตรงพร้อมมือไขว้หลัง เขาปิดตาลงสัมผัสถึงหนทางรู้แจ้งของโลกนี้

 

ทุกคนถูกลบหายไปจากสายตาของเซียวเฉินและพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่ปรากฎขึ้น มีร่างสีดำนับไม่ถ้วนยืนตระหง่าน คนพวกนนั้นปลดปล่อยหมอกควันสีดำออกมาจากร่างของพวกเขา

 

ยังมีร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนกำลังยืนอยู่เหนือท้องฟ้า พวกเขาบดบังท้องฟ้ายืนขวางแสงอาทิตย์ บนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป,มี 18 มังกรฟ้ากำลังแหวกว่ายไปบนท้องฟ้า เหล่ามังกรส่งเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วทุกทิศ

 

ท่ามกลางเหล่ามังกรฟ้าที่กำลังว่ายวนมีชายคนหนึ่งยืนถือกระบี่ไว้ในมือ ทันทีที่เขาปรากฎตัวขึ้นมา,กระแสพลังอันไร้ขอบเขตถูกลบหายไป แม้แต่มังกรฟ้าทั้ง 18 ตนยังสั่นเทิ้ม

 

ฉากภาพนี้วูบผ่านไป,ก่อนที่เซียวเฉินจะเพ่งดูร่างของชายผู้นั้นได้เต็มตาฉากภาพนี้ก็ถูกลบหายไป ฉากภาพโลกใบเล็กปรากฎกลับขึ้นมา

 

มหาปราชญ์นั่งที่อยู่ในโลกใบเล็ก ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น,ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย โลกใบนี้ดูเหมือนจะเปิดทางออกและพลังอันไร้ขอบเขตถูกปลดปล่อยออกมา

 

เจ้าหมูยืนอย่างภาคภูมิและมีแสงสีทองเงามหาปราชญ์ปรากฎขึ้น เขามองตรงไปอย่างไร้ความหวาดกลัว ทันใดนั้นเกิดระเบิดขึ้นในโลกใบเล็ก

 

ทุกคนต่างรู้สึกพล่ามัว,ฉากเบื้องหน้าของพวกเขากลับมาสู่ความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม,พวกเขาต่างตกตะลึงที่ภาพสลักบนกำแพงถูกลบหายไปจนหมด

 

ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือร่างของเจ้าหมูที่กำลังถือพัดไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎขึ้นมาแทน เบื้องหลังของเขามีร่างสีทองที่ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ของเขา

 

“หรือว่าข้าจะตาฝาด? คนที่อยู่บนกำแพง…ทำไมเหมือนกับเจ้าหมู?”

 

“ให้ตายเถอะ,ไร้เหตุผลสิ้นดี แม้แต่มหาปราชญ์ก็ถูกกำราบจับถอนขนจนไม่เหลือ”

 

“ไร้สาระ,มันช่างไร้สาระ พอคิดว่ามหาปราชญ์ถึงกับต่อกรกับเขาไม่ได้”

 

เจ้าหมูมองไปอย่างว่างเปล่าไม่รู้จะทำเช่นไร เขามองร่างของตัวเองที่อยู่บนกำแพงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บนกำแพงนั้นคือข้า,ท่านหมูผู้นี้?

 

เซียวเฉินค่อยๆเดินเข้ามาใกล้และยิ้มขึ้น “หยุดโง่งมได้แล้ว นอกจากเจ้า,จะมีใครอีกที่ยิ้มได้ดัดจริตถึงเพียงนี้? มองที่รอยยิ้มนั้นสิ,มองผ่านทีเดียวก็รู้ว่าคือเจ้า”

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวเดินเข้ามาช้าๆและยิ้มขึ้นบางๆ “ไม่ต้องเป็นกังวล อาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เจ้าถือครองอยู่ดูเหมือจะเป็นอาวุธราชา เมื่อมหาปราชญ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าปรากฎตัว,เป็นธรรมดาที่จะปัดเป่ากระแสพลังของผู้อื่นออกไป”

 

“นอกจากนั้น,การรู้แจ้งของคนพวกนี้ถูกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือของเจ้าดูดซับเข้าไป นั้นเป็นโอกาสที่ความเสียหายบนอาวุธของราชาชิ้นนี้จะถูกฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง”

 

เจ้าหมูสัมผัสพัดสีทองที่อยู่ในมือของเขา หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เขาก็มองไปที่กำแพงและหัวเราะออกมาเสียงดัง “ภาพบนกำแพงนี่ออกมาไม่เลว มันดึงเอาเสน่ห์ความสง่างามของท่านหมูผู้นี้ออกมา เสียใจด้วย,พี่น้องเซียว”

 

หลังจากนั้น,เขาก็พึมพำขึ้น “หากมีแม่นางเสี่ยวเสี่ยวและเจ้าหญิงหยิงเยว่มาประกบข้างกายข้า,มันจะสมบูรณ์แบบ”

 

“ปัง!”

 

มีเส้นสีดำปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซู่เสี่ยวเสี่ยว,พิณทุบลงบนหัวของเจ้าหมูจินอย่างแรง เจ้าหมูรีบอธิบาย “แม่นางเสี่ยวเสี่ยวอย่าได้เกรี้ยวกราด มันเป็นเพียงความฝันสูงสุดของเจ้าหมู ข้าไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นเจ้า”

 

ยิ่งเขาอธิบาย,ยิ่งโดนทุบหนักกว่าเดิม,ซู่เสี่ยวเสี่ยวเดือดยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าหมูรีบหลบไปด้านข้าง เมื่อผู้คนรอบข้างเจ้าหมูได้ยินว่าพัดอันนั้นแท้จริงแล้วคืออาวุธราชา,ประกายรวามโลภปรากฎขึ้นในดวงตาของพวกเขา

 

เมื่อเจ้าหมูสังเกตเห็นสถานการณ์,เขาตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเจ้ามองหาอะไร? พวกเจ้าเชื่อไหมว่าท่านหมูผู้นี้จะจับเจ้าหันเป็นชิ้นทั้งเป็น?”

 

“หนี! เร็ว! เจ้าหมูจะไล่ถอนขนพวกเราแล้ว ไอ้โรคจิต!” ฝูงชนนึกถึงชื่อเสียงของเจ้าหมูและได้ยินคำขู่ของเขา พวกเขาต่างละทิ้งความโลภในอาวุธราชาและเผ่นหนีไป

 

เมื่อเจ้าหมูได้ยินเช่นนั้น,ยิ่งเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม,ร่างของเขาสั่นเทิ้ม,เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “เมื่อกี้ใครพูด! ยืนอยู่ตรงนั้น! ถ้าเจ้ากล้าก็อย่าหนี ให้ตายเถอะ! ท่าหมูผู้นี้ไม่ใช่คนเช่นนั้นนะ!”

 

เซียวเฉินไม่อาจระงับกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไปและตบลงบนไหล่เจ้าหมู “หยุดตะโกนได้แล้ว,พวกเขากลัวเจ้ากันหมด ไปกันต่อเถอะ!”

 

“ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นจริงๆ เซียวเฉิน,เจ้าต้องเชื่อข้า!” เจ้าหมูแก้ตัวออกมาเสียงดัง

 

“ไม่เป็นไร,พี่น้องคนนี้เข้าใจเจ้า คนพวกนั้นสติปัญญามันไม่ถึง,พวกเขาไม่อาจเข้าใจเจ้าได้”

 

“ข้า..”

 

พวกเขาทั้งสามมุ่งหน้าต่อไป แม้ว่าจะมีผู้บ่มเพาะพลังบางส่วนเลือกที่จะกลับออกไป,พวกเขาพบว่ายังมีจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะอยู่ต่อ ไม่นานนัก,พวกเขาก็พบเข้ากับคนของตระกูลตวนมู่

 

ตระกูลตวนมู่เป็นตระกูลชั้นสูงที่มีความพิเศษ จิตวิญญาณต่อสู้ที่สืบทอดกันมาจะปรากฎในเพศสตรีเท่านั้น ดังนั้น,ในตระกูลของพวกเขา,สตรีมีอำนาจเหนือบุรุษ ผู้นำตระกูลทุกรุ่นล้วนเป็นสตรีเพศ ในอาณาจักรต้าฉิน,หรือแม้แต่ในทวีปเทียนวู่,พวกเขานั้นโดดเด่น

 

เหมือนกับที่ผู้บ่มเพาะพลังคนก่อนหน้านี้ว่าไว้,ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่กำลังต่อสู้กับร่างที่ส่งกลิ่นเน่าราวกับซากศพ พื้นที่ที่พวกเขาต่อสู้กับปกคลุมไปด้วยลมหนาวเย็น,อุณหภูมิลดต่ำถึงขีดสุด

 

ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่รอบๆต่างทิ้งระยะห่างออกมา พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมเย็นยะเยือกกัดกินเข้าไปในร่างของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดโคจรพลังปราณของพวกเขาต้านทานความหนาวเหน็บเอาไว้

 

การต่อสู้นี้กำลังจะจบลง ทันทีที่เซียวเฉินมาถึง,ร่างสีดำก็ล้มลงไปแล้ว ผู้บ่มเพาะพลังหญิงระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่ที่อยู่รอบๆส่งสายพลังน้ำแข็งซัดเข้าที่ซากศพ

 

หลังจากนั้นครู่ใหญ่,ก้อนน้ำแข็งแตกสลาย เผยให้เห็นโครงกระดูกสีม่วง,พร้อมกับชุดเกราะศึกสีทองเปล่งประกาย

 

“ซากศพนี้เป็นของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธ! โครงกระดูกมันเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว,อีกเพียงก้าวเดียวก็จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตมหาปราชญ์!”

 

“ชุดเกราะศึกนั้นก็เป็นอุปกรณ์โบราณ พลังป้องกันของมันต้องเป็นที่น่าตกตะลึง แม้ว่าตระกูลตวนมู่จะต้องเสียระดับขอบเขตนักบุญไปถึงสองคน,มันก็คุ้มค่าแล้ว”

 

ตวนมู่ฉิงเดินตรงเข้าไปและเก็บโครงกระดูกสีม่วงกับชุดเกราะสีทองเข้าไปในแหวนห้วงอวกาศ จากนั้นนางก็เดินหน้านิ่งนำตระกูลตวนมู่ตรงไปที่โลงศพ

 

ตวนมู่ฉิงหยิบตำราสีทองขึ้นมาจากโลงศพสีดำ นางพัดฝุ่นหนาเตอะบนปกออกเบาๆก่อนที่จะพลิกเปิดดู เมื่อตำราถูกเปิดออกมา,มันก็เรืองแสงอ่อนออกมา

 

อักษรสีทองนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากตำรา ช่างโชคไม่ดี,ไม่มีสักคนที่สามารถเข้าใจอักษรโบราณ อย่างไรก็ตาม,ความรู้แจ้งที่แปรผันไปมาทำให้ผู้คนต่างรู้ว่ามันจะต้องไม่ใช้ของธรรมดา

 

“ตระกูลตวนมู่รับโชคใหญ่แล้วครั้งนี้ พวกเขาได้รับตำราทักษะต่อสู้โบราณ พวกเราเพียงยังไม่รู้ว่ามันเป็นทักษะต่อสู้ประเภทไหน”

 

“ไม่ว่าจะเป็นอะไร,ทักษะต่อสู้ที่ถูกฝังลงไปพร้อมกับร่างของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธโบราณจะต้องไม่ใช่ของธรรมดา”

 

“พวกมันเป็นอักษรโบราณ ข้าไม่เข้าใจสักคำเดียว ให้ตายเถอะ!”

 

เซียวเฉินครุ่นคิด,อักษรโบราณที่กำลังลอยอยู่ในอากาศนั้นเป็นอักษะจีนพื้นเมืองจากโลกของเขา เขารีบตั้งใจเพ่งมองและจดจำทุกตัวอักษรที่ลอยอยู่ในอากาศ

 

ตวนมู่ฉิงมองไปที่อักษรโบราณที่ลอยอยู่ในอากาศ นางขมวดคิ้ว,พึมพำกับตัวเอง,พวกมันเป็นอักษรโบราณทั้งหมด ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสในตระกูลจะสามารถแปลมันได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่?

 

“ฮ่ะ!”

 

ในจังหวะที่ตวนมู่ฉิงกำลังจะเก็บทักษะต่อสู่โบราณลงในแหวนห้วงอวกาศ ระดับขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินที่ซ่อนกายอยู่ในฝูงชนทันใดนั้นก็กระโดดออกมาพุ่งตัวไปทางตวนมู่ฉิง

 

ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินคนนั้นเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ เขาไม่ได้เล็งในช่วงที่ตวนมู่ฉิงหยิบทักษะโบราณขึ้นมา เขาเลือกจังหวะที่นางกำลังจะเก็บมันลงในแหวนห้วงอวกาศ

 

ในจังหวะที่ตระกูลตวนมู่เบาใจเป็นที่สุด นอกจากมองดูแล้ว,ตวนมู่ฉิงเปิดตำราทีกษะโบราณดูอยู่เป็นระยะเวลานานทำให้คนของนางต่างอยู่ในโหมดระวังตัว

 

เดิมที,พวกเขาไม่คิดว่าจะมีหาญกล้าบุกเข้ามาชิงมัน ใครจะรู้ได้ว่าจะมีระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดปรากฎตัวขึ้นในตอนสุดท้าย

 

ระดับขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินช่างรวดเร็ว เขาปรากฎตัวขึ้นข้างกายตวนมู่ฉิงในทันทีและฉกตำราทักษะโบราณไปจากมือนาง จากนั้นก็พุ่งตรงหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่รอบข้างต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าเล็งตระกูลตวนมู่ แม้ว่าระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมูาสองคนจะตกตายไป,แต่ยังเหลือระดับขอบเขตนักบุญอยู่หกคนและระดับขอบเขตปรมจารย์อีกสิบคน นั้นไม่ใช่กองกำลังที่คนคนเดียวจะไปต่อกรได้

 

ตวนมู่ฉิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง,และใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นเย็นชา อุณหภูมิรอบข้างดูราวกับลดลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยองศา พลังฉีเยือกเย็นแพร่ขยายไปในอากาศ ความเร็วของระดับขอบเขตนักบุญคนนั้นลดลงในทันที

 

ระดับขอบเขตนักบุญรอบกายนางตอบสนองรวดเร็ว พร้อมกับเสียง ‘ชี’ ,หกเสาน้ำแข็งงอกขึ้นมาจากพื้นดินกลายเป็นกรงขัง,จับตัวขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินคนนั้นเอาไว้

 

“แตกสลาย!”

 

ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินตะโกนออกมาเสียงดัง คลื่นพลังงานระเบิดออกมาจากร่างของเขาและเสาน้ำแข็งทั้งหกก็แตกกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน ชายชุดน้ำเงินหนีออกไปจากกรงขังได้

 

อย่างไรก็ตาม,เขายังไม่อาจเบาใจได้ ทันทีที่เขาก้าวขาออกมา,เสาน้ำแข็งทั้งหกก็งอกขึ้นมาอีกครั้ง,จับตัวเขาไว้อีกครา

 

“แตก!” ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินตะโกนออกมาอีกครั้ง,ระเบิดคลื่นพลังงานออกมา กรงขังแตกสลายไปอีกครั้งและเขาหลบหนีออกไปได้อีกครา

 

“บูม! บูม! บูม! บูม!”

 

ทุกก้าวที่ขอบเขตนักบุญคนนั้นก้าวเดิน,เขาก็จะถูกขังเอาไว้เหมือนเดิม เขาต้องระเบิดพลังออกมาฝ่าออกไปทุกครั้ง ถึงกระนั้น,เขาก็ใช้พลังปราณไปไม่น้อยในกระบวณท่านี้ ในที่สุด,เวลาที่เขาใช้ในการหลบหนีแต่ละครั้งก็เพิ่มขึ้น

 

จากที่ระเบิดพลังออกมาได้ทันที,ตอนนี้เขาต้องรอหลายอึดใจกว่าจะพังเสาน้ำแข็งออกไปได้ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เป็นหลักฐานว่าพลังปราณของเขาใกล้หมดลงเต็มที

 

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกไป เขาเห็นระดับขอบเขตนักบุญตระกูลตวนมู่ทั้งหกคนมีเส้นสายน้ำแข็งที่มองไม่เห็นอยู่ใต้เท้าของพวกเขา มีแสงเรืองออกมาจากเส้นด้าย,เชื่อมกันก่อตัวเป็นรูปแบบค่ายกลแปลกประหลาด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+