Immortal and Martial Dual Cultivation 120 สามปีจะกลับมา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 120 สามปีจะกลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 120 สามปีจะกลับมา

“เขาสามารถสกัดกระหายมรณาใต้สวรรค์ของฮวาหยุ่นเฟย,ฟีนิกซ์น้ำแข็งสยายปีกของตวนมู่ฉิงและแสงนิรันดร์ของจีชางคงเอาไว้ได้ มันช่างคาดไม่ถึง!”

“เกิดบ้าอะไรขึ้น? ข้าเห็นพวกเขาสังหารราชันย์สิงโตทอง คําลงกับตามันกลับมามีชีวิตได้เยี่ยงไร? ยิ่งกว่านั้น,ความแข็งแกร่งของมันฟื้นคืนกลับไปในช่วงที่ทรงพลังที่สุด”

“ไม่สงสัยเลยว่าทําไมเขาถึงกล้าท้าทายสี่ตระกูลใหญ่ สัตว์อสูรทองคําศักดิ์สิทธิ์มันเทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธขั้นสูงสุด หากสี่ตระกูลใหญ่ส่งระ ดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธมาที่นี่,สถานการณ์คงจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบนึ่ง”

“เจ้าจะรู้อะไรเกี่ยวกับระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธ?หากระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธทั้งสิบไม่เผยตัวออกมา,ระดับ ขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด พวกเขาคงไม่ปรากฏตัวมาให้เห็นง่ายๆ นอกจากนั้นเมื่อระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธประมือกัน,คลื่นพลังที่ส่งออกมาจากการต่อสู้จะกินพื้นที่เป็นวงกว้างแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่อาจต้านทานได้”

เสียงของการต่อสู้สั่นสะเทือนโลกา มันดึงดูดนักบ่มเพาะพลังทุกคนที่อยู่ในราชวังใต้ดินให้ตรงเข้ามาถึงอย่างนั้น, พวกเขาก็ได้มาเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

เซียวเฉินสั่งราชันย์สิงโตทองคําพุ่งเข้าไปหาจินต้าเปาและซูเสี่ยวเสี่ยว เขาตะโกนออกมาเสียงดัง“ขึ้นมา!”

เจ้าหมูและซูเสี่ยวเสียวรีบกระโดดขึ้นหลัง เซียวเฉินใช้เม็ดยาหวนคืนพลังฉีเป็นเม็ดที่สามแล้ว แต่พลังปราณของเขาก็ยังคงหดหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหม้อก้นรั่ว

การควบคุมราชันย์สิงโตทองคําผลาญพลังปราณของเซียวเฉินไปเป็นจํานวนมาก มากเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ หากเขาไม่มีเม็ดยามาฟื้นคืนพลังปราณอย่างเม็ดยาหวนคืนพลังฉี เขาคงควบคุมราชันย์สิงโตทองคําไว้ได้ไม่นานนัก

ซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าใบหน้าของเซียวเฉินซีดเล็กน้อย นางถามขึ้นอย่างกังวล “นายน้อยเซียว,ท่านเป็นเช่นไร?”

เซียวเฉินยิ้มบางๆ “ข้าไม่เป็นไรยังไหวอยู่ เกาะให้มั่น,ข้าจะเร่งความเร็ว”

เซียวเฉินผิวปากยาว,และราชันย์สิงโตทองคําเริ่มเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งด้วยร่างกายใหญ่โตของมันที่พุ่งตรงไปข้างหน้า,ชนกวาดทุกอย่างที่ขวางทางกระเด็นไปซ้ายขวา

“ฟุว!”

ขุนนางกุยยี่กระโดดขึ้นมาจากหลุมลึก,สายตาของเขาแหลมคมราวกับปลายหอก มังกรทองลอยขึ้นมาจากด้านหลังของเขาและส่งเสียงคําราม พลังอันกว้างใหญ่และ ทรงอํานาจของมังกรบีบอัดลงไปในหอกยาวขณะที่เขาปามันเล็งไปที่เซียวเฉิน,ร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด

จิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าร้องคํารามออกมาจากบริเวณจุดตันเที่ยนของเซียวเฉิน พลังอํานาจของสัตว์อสูรศักดิ์ สิทธิ์โบราณปะทุออกมา เซียวเฉินใช้จังหวะนี้ชักกระบี่ของเขาออกมา,ตีสกัดหอกของขุนนางกุยยี่เกิดเสียงดังกราว 

ฮวาหยุ่นเฟยเหล่มองไปที่เซียวเฉินที่อยู่ห่างออกไปและตะโกนขึ้นมาเสียงดัง “เซียวเฉิน,วันนี้เจ้าอาจจะหนีไปได้ แต่ไม่ใช่ตลอดไป ตระกูลฮวาของข้าจะออกหมาย งฆ่าไปทั่วเขตตงหมิง ไม่มีที่ยืนของเจ้าในเขตตงหมิงอีกต่อไป”

จีชางคงกล่าวอย่างเย็นชา “นับแต่นี้ไม่มีที่ยืนให้เจ้าในเขตหนานหลิง”

ขุนนางกุยยี่ตะโกน “ด้วยอํานาจของข้าในฐานะตระกูลราชวงศ์, ข้าขอสั่งตาย นับจากนี้เป็นต้นไป,ไม่มีที่ยืนให้เจ้า บนโลกใบนี้”

ทุกๆคนต่างตกตะลึง,สามตระกูลชั้นสูงออกหมายสั่งตายไปที่คนคนเดียว เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรต้าฉิน

เซียวเฉินเป็นคนแรกในรอบพันปีถึงอย่างนั้น,มันก็ไม่ใช่ เรื่องน่าปลาบปลื้มโดนสามตระกูลชั้นสูงหมายหัวทําให้เขายากที่จะใช้ชีวิต

เซียวเฉินยิ้มเย็นชากับตัวเอง เขาดึงเจียงหมิงเหิงออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและโยนขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ยิงสายเปลวเพลิงสีม่วงออกมาเผาร่างเจียงหมิงเหิงกลายเป็นเถ้าถ่าน

“หมิงเหิง!” เจียงหมิงรุ่นตะโกนขึ้นอย่างปวดร้าวเมื่อเขามองดูเจียงหมิงเหิงที่กลายเป็นเถ้าถ่าน

จีชางคงหน้าซีดที่เห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาตายไปต่อหน้าเขาพูดเสียงเย็น “หากข้า,จีชางคงไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง, ข้าจะไม่ขออยู่เป็นคนอีกต่อไป!”

“ไม่จําเป็นต้องมาไล่สังหารข้าหากสวรรค์ไม่กลั่นแกล้งทําให้ข้าไม่อาจหลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้ของข้าได้จนถึงอายุ 15 ,ข้าคงไม่ต้องถอยหนีอย่างน่าสมเพชในวันนี้”

“สามปี ข้าต้องการเพียงสามปี,และข้าจะไปตามสังหารเจ้าถึงตระกูลตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟย,จีชางคงและขุนนางกุยยี่พวกเจ้าล้างคอรอข้าไว้ ข้าจะกลับมาเด็ดหัวพวกภายในสามปี”

เสียงของเซียวเฉินดังมาจากระยะไกล,ได้ยินถึงหูของฝูงชน มันสะท้อนกลับไปกลับมา “สามปีนับจากนี้,ข้าจะกลับมาฆ่าพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง”

“เจ้าหมอนี้ช่างอวดดี เขากล้าท้าชนตระกูลชั้นสูงด้วยตัวคนเดียว ตระกูลเหล่านั้นที่รอดผ่านกาลเวลามานับพันปี”

“สามปีก็นานเกินไปบางทีเขาอาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่นานถึงเพียงนั้น แต่ถ้าหากเขารอดมาได้ด้วยพรสวรรค์ของเขา,เขาจะต้องทําให้ทุกคนต้องตกตะลึง”

“พอมาคิดดู,เขตตงหมิงของพวกเขาไม่ได้คึกครื้นเช่นนี้มาก็นานมากแล้วช่างเป็นคนที่จิตใจกล้าหาญ… แม้แต่มู่เฉิง เซวจากเขตซี่เขอยังไม่อาจเทียบเท่า”

ฝูงคนต่างถกเถียงกันเรื่องนี้ รู้สึกว่ามันช่างเหลือเชื่อ บางคนก็สงสารเซียวเฉิน,บางคนก็เยาะเย้ยเซียวเฉินที่มองตัวเองสูงเกินไป,เขาถูกหยิบขึ้นไปพูดถึงหลากหลายทิศทาง

อู่เฉาหยุ่นยืนนิ่งอยู่บนยอดเสาหินที่อยู่ไกลออกไป เส้นผมของเขาปลิวไหวไปรอบๆ และดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์ดี เขาซ่อนกายอยู่ในเงามองไปในทิศทางที่เซียวเฉินจากไป พร้อมกับเผยรอยยิ้มบางๆ

อาวุธศักดิ์สิทธิ์บนหลังของเขาสั่นเทิ้ม,ราวกับว่ามัน พยายามจะหลบหนีออกมาจากฝักและตัดผ่านความมืดอันไร้ขอบเขต “มังกรฟ้ามันก็ผ่านมากว่าพันปีแล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทําอะไรให้ข้าได้ปนะหลาดใจ”

เซียวเฉินขี่หลังราชันย์สิงโตทองคํา, พุ่งชนเสาหินหลายต้นและกําแพงหินนับไม่ถ้วน ไม่มีใครหยุดยั้งเขาไว้ได้ในที่สุดเมื่อเขามาถึงพื้นที่ปลายทาง,เขาก็หยุดลง

“บูม!”

ทันทีที่พลังปราณของเซียวเฉินหมดลง,ราชันย์สิงโตทองคําก็กลับกลายไปเป็นรูปสลักสีทอง ทั้งสามคนร่วงลงบนอากาศในทันทีซูเสี่ยวเสี่ยวและจินต้าเป่าตะลึงไปครู่นึงก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว,ลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม, เซียวเฉินราวกับว่าวที่ไร้สายผูกเขาตกลงมาอย่างไร้ทิศทางและไม่อาจทรงตัวไว้ได้เมื่อซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นดังนั้น, นางก็รีบลุกขึ้นไปรับตัวเซียวเฉินเอาไว้

เซียวเฉินตัวซีดขาว,เขาขอบคุณนางและพยายามลุกขึ้น จากนั้นเขาก็รับเอารูปสลักที่กําลังร่วงหล่นลงมา รูปสลักตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว,และหากมันร่วงไปถึงพื้น, มันคงจะแตกออกเป็นชิ้น

เซียวเฉินมองดูรอยแตกที่ลามไปทั่วรูปสลัก เขาใช้กระบีบาดไปที่มือขวาของเขาและหยดเลือดลงบนรูปสลัก ,สร้างความประหลาดใจให้กับอีกสองคน

รูปสลักสีทองดูดซับเลือดของเซียวเฉินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ,อย่างน่าอัศจรรย์ รอยแตกเริ่มประสานกันอย่างช้าๆ เซียวเฉินผ่อนคลายลงและหลังจากที่มันฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ เขาก็เผยรอยยิ้มบางเบาออกมาและหมดสติไป

ในราชวังใต้ดิน,เหล่าตระกูลชั้นสูงไม่รีบร้อนที่จะจากไป มีการบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป และพวกเขาทั้งหมดต้องหยุดพักรักษา,รวมถึงฟื้นคืนพลังปราณของพวกเขา

“ทุกคน,ข้ามีข้อเสนอ พวกเราต่างบาดเจ็บล้มตายจํานวนมาก,ก่อนที่จะได้เริ่มค้นหาร่างมหาปราชญ์ทองคําด้วยซ้ำ ทําไมพวกเราไม่มาร่วมมือและค้นหาไปพร้อมกัน” จีชางคงผู้ที่นั่งอยู่กับพื้นแนะขึ้นปรากฏการณ์ลึกลับของเขาถูกทําลายไปเมื่อครู่ และเพิ่งกลืนเม็ดยาเข้าไป,รอฟื้นคืนพลัง

เหล่าตระกูลชั้นสูงล้มตายกันไปมากมายจากการต่อสู่เมื่อครู่หนึ่งในสามของทัพนักรบทองคําของขุนนางกุยยี่ตกตายไปและมีไม่ถึงหนึ่งร้อยที่อยู่ในสภาพพร้อมสู่

หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาถูกธารศักดิ์สิทธิ์ตีกลับ,ชําระล้างพวกเขาจนไม่เหลือแม้แต่เสื้อผ้า พวกเขาทั้งหมดต้องปิดพื้นที่เบื้องล่างด้วยมือของพวกเขา ฮวาหอุ่นเฟยให้หยิบยืมเสื้อผ้าด้วยสีหน้ามืดมน

หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน พวกเขากําลังปฐมพยาบาลเพื่อฟื้นคืนความแข็งแกร่ง ผู้ที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยก็คือตระกูลจีและตระ กูลเจียง ดังนั้นมันก็สมควรแล้วที่จีชางคงยื่นข้อเสนอเช่นนี้

เมื่อฮวาหยุ่นเฟยได้ยินดังนั้น,สีหน้าเขากลายเป็นเย็น ชาเขาไม่ลงรอยกับจีชางคงมาตั้งแต่ครั้งก่อน ตอนนี้เขาเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไรจากคําของมัน…มันชัดเจนว่ามันอยากจะเป็นหัวหน้ากลุ่มทุกคนที่นี้

เขาหัวเราะเย็นชาขึ้นมาทันที “จีชางคง,ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคิดว่าจะสามารถเป็นผู้นาของทุกคนที่นี่ได้? เจ้าไม่แม้แต่จะสามารถล้มระดับขอบเขตเชี่ยวชาญ ยุทธขั้นสูงลงได้,เจ้าไม่ละอาย?”

จีชางคงลุกขึ้นฤทธิ์ยาภายในร่างของเขาถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น

และสีหน้าของเขาดูดีขึ้น เมื่อเขาเห็นฮวาหยุ่นเฟย เขาดึงคอเสื้อมันทันทีและพูดเย้ยหยัน “มันก็ดีกว่าตระกูลของใครบางคนที่ชอบเปลืองผ้าเดินล่อนจ้อน ดู เหมือนเจ้าจะขาดแคลนเสื้อผ้าเจ้าอยากจะยืมข้าสักตัว?”

เมื่อเหล่าผู้บ่มเพาะพลังได้ยินเช่นนี้ พวกเขาเหล่มองไปที่ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาที่หลบซ่อนตัวอยู่และไม่อาจกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้

ฮวาหยุ่นเฟยเดือดดาลใบหน้าเป็นสีแดง เขาหายใจฟืดฟาดพร้อมกับเดินจากไป ตวนมู่ฉิงเห็นว่าหกระดับขอบ เขตนักบุญยังคงเจ็บหนักและพูดขึ้น “ตระกูลตวนมู่ เห็นด้วยกับข้อเสนอของจีชางคง”

ขุนนางกุยยไล่เก็บชุดเกราะสีทองกลับมาจากร่างไร้วิญญาณของนักรบทองคําก่อนที่จะฝังพวกเขา เขาเดินตรงเข้ามาและตอบกลับเรียบง่าย “ตกลง!”

ฮวาหยุ่นเฟยน้ำหกระดับขอบเขตนักบุญที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วตรงเข้ามา แม้ว่า สีหน้าเขาจะดูไม่ค่อยเป็นมิตร เขาก็ยังคงตอบรับ “ตกลง อย่างไรก็ตาม,หากพบสมบัติใดๆ พวกเราจะหารแบ่งตามบ้าน,ไม่ใช่ตามจํานวนคนแล้วก็,ตระกูลจีกับต ระกูลเจียงให้นับเป็นหนึ่งบ้าน”

เจียงหมิงรุ่นพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ฮวาหยุ่นเฟย! เจ้าหมายความเช่นไร? อยากจะลองวัดกันสักหน่อยว่าใครแกร่งใครอ่อน?”

เพียงแค่เจียงหมิงรุ่นพูดจบ,หกระดับขอบเขตนักบุญและ ยี่สิบระดับขอบเขตปรมจารย์เปลี่ยนเป็นท่าพร้อมรบ ด้วยความแข็งแกร่งของฮวาหยุ่นเฟยในตอนนี้เขาเสียเปรียบ 

จีชางคงยิ้มบางๆและดึงเจียงหมิงชุนหลบไปด้านข้าง เขาพูดขึ้น “แน่นอนว่าตระกูลเจียงด้อยกว่าตระกูลอื่นในเรื่องศักดิ์และฐานะ อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันนัก เอาเป็นว่านับพวกเขาเป็นครึ่งบ้าน?”

แม้ว่าจีชางคงตั้งใจจะเพิ่มผลประโยชน์ให้ตระกูลเจียง แต่ตระกูลอื่นก็เห็นด้วยกับคําของฮวาหยุ่นเฟย พวกเขาไม่ยอมให้จีชางคงเอารัดเอาเปรียบเช่นนี้

ต่างคนต่างยอมถอยครึ่งก้าว,ไม่มีใครขัดข้องข้อตกลง ในครั้งนี้ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเดินทาง,พวกเขาหยุดพักครู่หนึ่งเมื่อผู้บ่มเพาะพลังอื่นๆเห็นสถานการณ์

กลับกลายเป็นเช่นนี้ก็พากันถอนหายใจหากขุมพลังใหญ่ร่วมมือกัน,โอกาสในการฉกฉวยผลประโยชน์ของพวกเขาก็ลดต่ําลงไปอีก

หลังจากที่ทั้งกลุ่มเดินมาได้เล็กน้อย,พวกเขาก็พบกับโลงศพสีดําอีกโลง พวกเขาเริ่มถกเถียงกันว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดีในที่สุด, ขุนนางกุยยก็พูดขึ้น “ข้าเปิดมาหลายโลงแล้ว ทั้งหมดเป็นของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธ แม้ว่ามูลค่า ของมันจะสูง,แต่ก็ยังไม่คุ้มกับความเสี่ยง พวกเขาควรเดินหน้าค้นหาโลงศพของระดับขอบเขตมหาปราชญ์!”

เมื่อฝูงชนได้ยินดังนั้น, พวกเขาต่างรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ตระกูลชั้นสูงตระกูลอื่นก็เปิดมาหลายโลงแล้วเช่นกัน พวกเขารู้ว่ามีเพียงแค่ระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธโบราณเท่านั้นตอนนี้ทุกตระกูลต่างเจ็บหนัก, พวกเขาไม่ต้องการที่จะเปลือ งพลังไปกับของเล็กน้อย”

ตลอดทางพวกเขาพบโลงศพสีดํามากมายทุกคนต่างเพิก เฉยหลังจากที่เดินทางมากว่าสองชั่วโมง,พวกเขาพบกับแม่น้ําสีดํา,มีสารควันสีดําลอยปกคลุม

เสียงธารน้ําดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ควันสีดําเหนือแม่น้ำ ช่างดูแปลกประหลาด จีชางคงยื่นมืออกไปดึงเอาควันสีดําเข้ามาอยู่บนฝ่ามือ เขาตรวจดูมันอย่างละเอียด

ควันสีดําดิ้นไปมา,พยายามจะแทรกเข้าไปในเนื้อหนังของเขา มันราวกับว่ามีชีวิต จีชางคงมีม่านพลังล่องหนสกัดกั้นมันเอาไว้ดังนั้นไม่ว่ามันจะพยายามถึงเพียงใด มันก็ไม่อาจแทรกซึมลงไปได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 120 สามปีจะกลับมา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 120 สามปีจะกลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 120 สามปีจะกลับมา

“เขาสามารถสกัดกระหายมรณาใต้สวรรค์ของฮวาหยุ่นเฟย,ฟีนิกซ์น้ำแข็งสยายปีกของตวนมู่ฉิงและแสงนิรันดร์ของจีชางคงเอาไว้ได้ มันช่างคาดไม่ถึง!”

“เกิดบ้าอะไรขึ้น? ข้าเห็นพวกเขาสังหารราชันย์สิงโตทอง คําลงกับตามันกลับมามีชีวิตได้เยี่ยงไร? ยิ่งกว่านั้น,ความแข็งแกร่งของมันฟื้นคืนกลับไปในช่วงที่ทรงพลังที่สุด”

“ไม่สงสัยเลยว่าทําไมเขาถึงกล้าท้าทายสี่ตระกูลใหญ่ สัตว์อสูรทองคําศักดิ์สิทธิ์มันเทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธขั้นสูงสุด หากสี่ตระกูลใหญ่ส่งระ ดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธมาที่นี่,สถานการณ์คงจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบนึ่ง”

“เจ้าจะรู้อะไรเกี่ยวกับระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธ?หากระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธทั้งสิบไม่เผยตัวออกมา,ระดับ ขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด พวกเขาคงไม่ปรากฏตัวมาให้เห็นง่ายๆ นอกจากนั้นเมื่อระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธประมือกัน,คลื่นพลังที่ส่งออกมาจากการต่อสู้จะกินพื้นที่เป็นวงกว้างแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่อาจต้านทานได้”

เสียงของการต่อสู้สั่นสะเทือนโลกา มันดึงดูดนักบ่มเพาะพลังทุกคนที่อยู่ในราชวังใต้ดินให้ตรงเข้ามาถึงอย่างนั้น, พวกเขาก็ได้มาเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

เซียวเฉินสั่งราชันย์สิงโตทองคําพุ่งเข้าไปหาจินต้าเปาและซูเสี่ยวเสี่ยว เขาตะโกนออกมาเสียงดัง“ขึ้นมา!”

เจ้าหมูและซูเสี่ยวเสียวรีบกระโดดขึ้นหลัง เซียวเฉินใช้เม็ดยาหวนคืนพลังฉีเป็นเม็ดที่สามแล้ว แต่พลังปราณของเขาก็ยังคงหดหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหม้อก้นรั่ว

การควบคุมราชันย์สิงโตทองคําผลาญพลังปราณของเซียวเฉินไปเป็นจํานวนมาก มากเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ หากเขาไม่มีเม็ดยามาฟื้นคืนพลังปราณอย่างเม็ดยาหวนคืนพลังฉี เขาคงควบคุมราชันย์สิงโตทองคําไว้ได้ไม่นานนัก

ซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าใบหน้าของเซียวเฉินซีดเล็กน้อย นางถามขึ้นอย่างกังวล “นายน้อยเซียว,ท่านเป็นเช่นไร?”

เซียวเฉินยิ้มบางๆ “ข้าไม่เป็นไรยังไหวอยู่ เกาะให้มั่น,ข้าจะเร่งความเร็ว”

เซียวเฉินผิวปากยาว,และราชันย์สิงโตทองคําเริ่มเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งด้วยร่างกายใหญ่โตของมันที่พุ่งตรงไปข้างหน้า,ชนกวาดทุกอย่างที่ขวางทางกระเด็นไปซ้ายขวา

“ฟุว!”

ขุนนางกุยยี่กระโดดขึ้นมาจากหลุมลึก,สายตาของเขาแหลมคมราวกับปลายหอก มังกรทองลอยขึ้นมาจากด้านหลังของเขาและส่งเสียงคําราม พลังอันกว้างใหญ่และ ทรงอํานาจของมังกรบีบอัดลงไปในหอกยาวขณะที่เขาปามันเล็งไปที่เซียวเฉิน,ร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด

จิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าร้องคํารามออกมาจากบริเวณจุดตันเที่ยนของเซียวเฉิน พลังอํานาจของสัตว์อสูรศักดิ์ สิทธิ์โบราณปะทุออกมา เซียวเฉินใช้จังหวะนี้ชักกระบี่ของเขาออกมา,ตีสกัดหอกของขุนนางกุยยี่เกิดเสียงดังกราว 

ฮวาหยุ่นเฟยเหล่มองไปที่เซียวเฉินที่อยู่ห่างออกไปและตะโกนขึ้นมาเสียงดัง “เซียวเฉิน,วันนี้เจ้าอาจจะหนีไปได้ แต่ไม่ใช่ตลอดไป ตระกูลฮวาของข้าจะออกหมาย งฆ่าไปทั่วเขตตงหมิง ไม่มีที่ยืนของเจ้าในเขตตงหมิงอีกต่อไป”

จีชางคงกล่าวอย่างเย็นชา “นับแต่นี้ไม่มีที่ยืนให้เจ้าในเขตหนานหลิง”

ขุนนางกุยยี่ตะโกน “ด้วยอํานาจของข้าในฐานะตระกูลราชวงศ์, ข้าขอสั่งตาย นับจากนี้เป็นต้นไป,ไม่มีที่ยืนให้เจ้า บนโลกใบนี้”

ทุกๆคนต่างตกตะลึง,สามตระกูลชั้นสูงออกหมายสั่งตายไปที่คนคนเดียว เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรต้าฉิน

เซียวเฉินเป็นคนแรกในรอบพันปีถึงอย่างนั้น,มันก็ไม่ใช่ เรื่องน่าปลาบปลื้มโดนสามตระกูลชั้นสูงหมายหัวทําให้เขายากที่จะใช้ชีวิต

เซียวเฉินยิ้มเย็นชากับตัวเอง เขาดึงเจียงหมิงเหิงออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและโยนขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ยิงสายเปลวเพลิงสีม่วงออกมาเผาร่างเจียงหมิงเหิงกลายเป็นเถ้าถ่าน

“หมิงเหิง!” เจียงหมิงรุ่นตะโกนขึ้นอย่างปวดร้าวเมื่อเขามองดูเจียงหมิงเหิงที่กลายเป็นเถ้าถ่าน

จีชางคงหน้าซีดที่เห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาตายไปต่อหน้าเขาพูดเสียงเย็น “หากข้า,จีชางคงไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง, ข้าจะไม่ขออยู่เป็นคนอีกต่อไป!”

“ไม่จําเป็นต้องมาไล่สังหารข้าหากสวรรค์ไม่กลั่นแกล้งทําให้ข้าไม่อาจหลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้ของข้าได้จนถึงอายุ 15 ,ข้าคงไม่ต้องถอยหนีอย่างน่าสมเพชในวันนี้”

“สามปี ข้าต้องการเพียงสามปี,และข้าจะไปตามสังหารเจ้าถึงตระกูลตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟย,จีชางคงและขุนนางกุยยี่พวกเจ้าล้างคอรอข้าไว้ ข้าจะกลับมาเด็ดหัวพวกภายในสามปี”

เสียงของเซียวเฉินดังมาจากระยะไกล,ได้ยินถึงหูของฝูงชน มันสะท้อนกลับไปกลับมา “สามปีนับจากนี้,ข้าจะกลับมาฆ่าพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง”

“เจ้าหมอนี้ช่างอวดดี เขากล้าท้าชนตระกูลชั้นสูงด้วยตัวคนเดียว ตระกูลเหล่านั้นที่รอดผ่านกาลเวลามานับพันปี”

“สามปีก็นานเกินไปบางทีเขาอาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่นานถึงเพียงนั้น แต่ถ้าหากเขารอดมาได้ด้วยพรสวรรค์ของเขา,เขาจะต้องทําให้ทุกคนต้องตกตะลึง”

“พอมาคิดดู,เขตตงหมิงของพวกเขาไม่ได้คึกครื้นเช่นนี้มาก็นานมากแล้วช่างเป็นคนที่จิตใจกล้าหาญ… แม้แต่มู่เฉิง เซวจากเขตซี่เขอยังไม่อาจเทียบเท่า”

ฝูงคนต่างถกเถียงกันเรื่องนี้ รู้สึกว่ามันช่างเหลือเชื่อ บางคนก็สงสารเซียวเฉิน,บางคนก็เยาะเย้ยเซียวเฉินที่มองตัวเองสูงเกินไป,เขาถูกหยิบขึ้นไปพูดถึงหลากหลายทิศทาง

อู่เฉาหยุ่นยืนนิ่งอยู่บนยอดเสาหินที่อยู่ไกลออกไป เส้นผมของเขาปลิวไหวไปรอบๆ และดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์ดี เขาซ่อนกายอยู่ในเงามองไปในทิศทางที่เซียวเฉินจากไป พร้อมกับเผยรอยยิ้มบางๆ

อาวุธศักดิ์สิทธิ์บนหลังของเขาสั่นเทิ้ม,ราวกับว่ามัน พยายามจะหลบหนีออกมาจากฝักและตัดผ่านความมืดอันไร้ขอบเขต “มังกรฟ้ามันก็ผ่านมากว่าพันปีแล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทําอะไรให้ข้าได้ปนะหลาดใจ”

เซียวเฉินขี่หลังราชันย์สิงโตทองคํา, พุ่งชนเสาหินหลายต้นและกําแพงหินนับไม่ถ้วน ไม่มีใครหยุดยั้งเขาไว้ได้ในที่สุดเมื่อเขามาถึงพื้นที่ปลายทาง,เขาก็หยุดลง

“บูม!”

ทันทีที่พลังปราณของเซียวเฉินหมดลง,ราชันย์สิงโตทองคําก็กลับกลายไปเป็นรูปสลักสีทอง ทั้งสามคนร่วงลงบนอากาศในทันทีซูเสี่ยวเสี่ยวและจินต้าเป่าตะลึงไปครู่นึงก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว,ลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม, เซียวเฉินราวกับว่าวที่ไร้สายผูกเขาตกลงมาอย่างไร้ทิศทางและไม่อาจทรงตัวไว้ได้เมื่อซูเสี่ยวเสี่ยวเห็นดังนั้น, นางก็รีบลุกขึ้นไปรับตัวเซียวเฉินเอาไว้

เซียวเฉินตัวซีดขาว,เขาขอบคุณนางและพยายามลุกขึ้น จากนั้นเขาก็รับเอารูปสลักที่กําลังร่วงหล่นลงมา รูปสลักตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว,และหากมันร่วงไปถึงพื้น, มันคงจะแตกออกเป็นชิ้น

เซียวเฉินมองดูรอยแตกที่ลามไปทั่วรูปสลัก เขาใช้กระบีบาดไปที่มือขวาของเขาและหยดเลือดลงบนรูปสลัก ,สร้างความประหลาดใจให้กับอีกสองคน

รูปสลักสีทองดูดซับเลือดของเซียวเฉินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ,อย่างน่าอัศจรรย์ รอยแตกเริ่มประสานกันอย่างช้าๆ เซียวเฉินผ่อนคลายลงและหลังจากที่มันฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ เขาก็เผยรอยยิ้มบางเบาออกมาและหมดสติไป

ในราชวังใต้ดิน,เหล่าตระกูลชั้นสูงไม่รีบร้อนที่จะจากไป มีการบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป และพวกเขาทั้งหมดต้องหยุดพักรักษา,รวมถึงฟื้นคืนพลังปราณของพวกเขา

“ทุกคน,ข้ามีข้อเสนอ พวกเราต่างบาดเจ็บล้มตายจํานวนมาก,ก่อนที่จะได้เริ่มค้นหาร่างมหาปราชญ์ทองคําด้วยซ้ำ ทําไมพวกเราไม่มาร่วมมือและค้นหาไปพร้อมกัน” จีชางคงผู้ที่นั่งอยู่กับพื้นแนะขึ้นปรากฏการณ์ลึกลับของเขาถูกทําลายไปเมื่อครู่ และเพิ่งกลืนเม็ดยาเข้าไป,รอฟื้นคืนพลัง

เหล่าตระกูลชั้นสูงล้มตายกันไปมากมายจากการต่อสู่เมื่อครู่หนึ่งในสามของทัพนักรบทองคําของขุนนางกุยยี่ตกตายไปและมีไม่ถึงหนึ่งร้อยที่อยู่ในสภาพพร้อมสู่

หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาถูกธารศักดิ์สิทธิ์ตีกลับ,ชําระล้างพวกเขาจนไม่เหลือแม้แต่เสื้อผ้า พวกเขาทั้งหมดต้องปิดพื้นที่เบื้องล่างด้วยมือของพวกเขา ฮวาหอุ่นเฟยให้หยิบยืมเสื้อผ้าด้วยสีหน้ามืดมน

หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน พวกเขากําลังปฐมพยาบาลเพื่อฟื้นคืนความแข็งแกร่ง ผู้ที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยก็คือตระกูลจีและตระ กูลเจียง ดังนั้นมันก็สมควรแล้วที่จีชางคงยื่นข้อเสนอเช่นนี้

เมื่อฮวาหยุ่นเฟยได้ยินดังนั้น,สีหน้าเขากลายเป็นเย็น ชาเขาไม่ลงรอยกับจีชางคงมาตั้งแต่ครั้งก่อน ตอนนี้เขาเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไรจากคําของมัน…มันชัดเจนว่ามันอยากจะเป็นหัวหน้ากลุ่มทุกคนที่นี้

เขาหัวเราะเย็นชาขึ้นมาทันที “จีชางคง,ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคิดว่าจะสามารถเป็นผู้นาของทุกคนที่นี่ได้? เจ้าไม่แม้แต่จะสามารถล้มระดับขอบเขตเชี่ยวชาญ ยุทธขั้นสูงลงได้,เจ้าไม่ละอาย?”

จีชางคงลุกขึ้นฤทธิ์ยาภายในร่างของเขาถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น

และสีหน้าของเขาดูดีขึ้น เมื่อเขาเห็นฮวาหยุ่นเฟย เขาดึงคอเสื้อมันทันทีและพูดเย้ยหยัน “มันก็ดีกว่าตระกูลของใครบางคนที่ชอบเปลืองผ้าเดินล่อนจ้อน ดู เหมือนเจ้าจะขาดแคลนเสื้อผ้าเจ้าอยากจะยืมข้าสักตัว?”

เมื่อเหล่าผู้บ่มเพาะพลังได้ยินเช่นนี้ พวกเขาเหล่มองไปที่ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาที่หลบซ่อนตัวอยู่และไม่อาจกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้

ฮวาหยุ่นเฟยเดือดดาลใบหน้าเป็นสีแดง เขาหายใจฟืดฟาดพร้อมกับเดินจากไป ตวนมู่ฉิงเห็นว่าหกระดับขอบ เขตนักบุญยังคงเจ็บหนักและพูดขึ้น “ตระกูลตวนมู่ เห็นด้วยกับข้อเสนอของจีชางคง”

ขุนนางกุยยไล่เก็บชุดเกราะสีทองกลับมาจากร่างไร้วิญญาณของนักรบทองคําก่อนที่จะฝังพวกเขา เขาเดินตรงเข้ามาและตอบกลับเรียบง่าย “ตกลง!”

ฮวาหยุ่นเฟยน้ำหกระดับขอบเขตนักบุญที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วตรงเข้ามา แม้ว่า สีหน้าเขาจะดูไม่ค่อยเป็นมิตร เขาก็ยังคงตอบรับ “ตกลง อย่างไรก็ตาม,หากพบสมบัติใดๆ พวกเราจะหารแบ่งตามบ้าน,ไม่ใช่ตามจํานวนคนแล้วก็,ตระกูลจีกับต ระกูลเจียงให้นับเป็นหนึ่งบ้าน”

เจียงหมิงรุ่นพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ฮวาหยุ่นเฟย! เจ้าหมายความเช่นไร? อยากจะลองวัดกันสักหน่อยว่าใครแกร่งใครอ่อน?”

เพียงแค่เจียงหมิงรุ่นพูดจบ,หกระดับขอบเขตนักบุญและ ยี่สิบระดับขอบเขตปรมจารย์เปลี่ยนเป็นท่าพร้อมรบ ด้วยความแข็งแกร่งของฮวาหยุ่นเฟยในตอนนี้เขาเสียเปรียบ 

จีชางคงยิ้มบางๆและดึงเจียงหมิงชุนหลบไปด้านข้าง เขาพูดขึ้น “แน่นอนว่าตระกูลเจียงด้อยกว่าตระกูลอื่นในเรื่องศักดิ์และฐานะ อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันนัก เอาเป็นว่านับพวกเขาเป็นครึ่งบ้าน?”

แม้ว่าจีชางคงตั้งใจจะเพิ่มผลประโยชน์ให้ตระกูลเจียง แต่ตระกูลอื่นก็เห็นด้วยกับคําของฮวาหยุ่นเฟย พวกเขาไม่ยอมให้จีชางคงเอารัดเอาเปรียบเช่นนี้

ต่างคนต่างยอมถอยครึ่งก้าว,ไม่มีใครขัดข้องข้อตกลง ในครั้งนี้ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเดินทาง,พวกเขาหยุดพักครู่หนึ่งเมื่อผู้บ่มเพาะพลังอื่นๆเห็นสถานการณ์

กลับกลายเป็นเช่นนี้ก็พากันถอนหายใจหากขุมพลังใหญ่ร่วมมือกัน,โอกาสในการฉกฉวยผลประโยชน์ของพวกเขาก็ลดต่ําลงไปอีก

หลังจากที่ทั้งกลุ่มเดินมาได้เล็กน้อย,พวกเขาก็พบกับโลงศพสีดําอีกโลง พวกเขาเริ่มถกเถียงกันว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดีในที่สุด, ขุนนางกุยยก็พูดขึ้น “ข้าเปิดมาหลายโลงแล้ว ทั้งหมดเป็นของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธ แม้ว่ามูลค่า ของมันจะสูง,แต่ก็ยังไม่คุ้มกับความเสี่ยง พวกเขาควรเดินหน้าค้นหาโลงศพของระดับขอบเขตมหาปราชญ์!”

เมื่อฝูงชนได้ยินดังนั้น, พวกเขาต่างรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ตระกูลชั้นสูงตระกูลอื่นก็เปิดมาหลายโลงแล้วเช่นกัน พวกเขารู้ว่ามีเพียงแค่ระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธโบราณเท่านั้นตอนนี้ทุกตระกูลต่างเจ็บหนัก, พวกเขาไม่ต้องการที่จะเปลือ งพลังไปกับของเล็กน้อย”

ตลอดทางพวกเขาพบโลงศพสีดํามากมายทุกคนต่างเพิก เฉยหลังจากที่เดินทางมากว่าสองชั่วโมง,พวกเขาพบกับแม่น้ําสีดํา,มีสารควันสีดําลอยปกคลุม

เสียงธารน้ําดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ควันสีดําเหนือแม่น้ำ ช่างดูแปลกประหลาด จีชางคงยื่นมืออกไปดึงเอาควันสีดําเข้ามาอยู่บนฝ่ามือ เขาตรวจดูมันอย่างละเอียด

ควันสีดําดิ้นไปมา,พยายามจะแทรกเข้าไปในเนื้อหนังของเขา มันราวกับว่ามีชีวิต จีชางคงมีม่านพลังล่องหนสกัดกั้นมันเอาไว้ดังนั้นไม่ว่ามันจะพยายามถึงเพียงใด มันก็ไม่อาจแทรกซึมลงไปได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+