Immortal and Martial Dual Cultivation 14 การรักษาที่น่าอึดอัด

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 14 การรักษาที่น่าอึดอัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่… อวี่หลาน…ไม่รู้สึกตัวแล้ว”

 

เซี่ยวอวี่หลันเหมือนกำลังฝันร้าย คิ้วนางขมวดแน่นตัวซีดขาวราวกับผี บ่นพึมพำออกมาไม่หยุด แต่ในชีวิตก่อนของเขา เซี่ยวเฉินนั้นชั่วทั้งชีวิตไม่ค่อยติดต่อพูดคุยกับผู้หญิงมากนักก่อน ‘การข้ามภพ’ ของเขา เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่เช่นนั้น สถานการณ์ตอนนี้คงไม่ทำให้เขาอึดอัดใจมากเท่านี้

 

เซี่ยวเฉินสำเร็จการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันเป็นพลังที่มีลักษณะกดกดข่ม แต่ยังคงเป็นทักษะบ่มเพาะความอมตะ อย่างไรก็ตามมีหนึ่งอุปสรรคสำคัญในโลกนี้ นั้นมันไม่มีพลังฉีอมตะในโลกนี้ ถึงอย่างนั้นถ้าเขาใช้พลังปราณของเขา มันน่าจะส่งผลรักษาคล้ายกับพลังฉีอมตะ เซี่ยวเฉินรับหมัดจากผู้เฒ่าจางมาเมื่อเร็วๆนี้เช่นกัน และปอดกับหัวใจของเขาได้รับความเสียหายแต่มันใช้เวลารักษาด้วยพลังปราณเพียงไม่นานก็หายเป็นปกติ

 

มันต้องได้ผลเป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาตัดสินใจที่จะลองดู เขาค่อยๆจัดท่าทางของเซี่ยวอวี่หลันให้นั่งตรง และวางมือของเขาลงบนไหล่ของนาง และหมุนเวียนพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ สายพลังปราณอ่อนโยนค่อยๆไหลเข้าไปในร่างของเซี่ยวอวี่หลันผ่านนิ้วและฝ่ามือของเขา

 

เขามุ่งจิตตามพลังปราณไหลเข้าไปยังเส้นลมปราณของเซี่ยวอวี่หลัน เขาถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นความเสียหายของเส้นลมปราณของนาง มีเส้นลมปราณหลัก 8 เส้นได้รับความเสียหายรูปร่างบิดเบี้ยวเหลือเพียงเส้นใยเล็กๆ ที่เชื่อมกันไว้ซึ่งดูเหมือนพร้อมจะขาดลงได้ทุกเมื่อ เป็นภาพที่น่าสะพรึง

 

เซี่ยวเฉินควบคุมพลังปราณของเขาซ่อมแซมเส้นลมปราณอย่างระมัดระวัง การรักษาดูเหมือนจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเซี่ยวอวี่หลันลงไปได้ สีหน้าของนางเริ่มกลับมา นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลผ่านเส้นลมปราณ รู้ได้ว่าเซี่ยวเฉินคือคนที่กำลังรักษานาง สีแดงระเรื่อก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง

 

เซี่ยวเฉินควบคุมพลังปราณมุ่งจิตไหลไปในตัวของเซี่ยวอวี่หลัน หมุนเวียนเป็นวงก่อนที่จะส่งจิตเข้าไปลึกขึ้น บาดแผลดูเหมือนจะถูกเยียวยาในทุกแห่งที่เขาไป เขาควบคุมพลังปราณไหลไปที่จุดตันเถียนของเซี่ยวอวี่หลัน ซึ่งเป็นที่ที่ดอกสองฤดูอันสวยงามสถิตอยู่ ตอนนี้ มันดูเศร้าซึมและเหงาหงอย

 

“น้องเซี่ยวเฉิน พอแค่นั้น”

 

จู่ๆเสียงนั้นก็ไหลเข้ามาในหัวเขา ทำให้เซี่ยวเฉินสะดุ้ง ใช้เวลาชั่วครู่กว่าเขาจะตั้งสติได้ นั้นเป็นเสียงจากจิตของเซี่ยวอวี่หลันที่พูดคุยกับเขาโดยตรง ณ วินาทีนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ขอความยินยอมจากนางเพื่อส่งจิตเข้าไปในร่าง มันเป็นการเสียมารยาทมากที่เข้าไปในร่างคนอื่นเหมือนที่เขาทำอยู่ตอนนี้ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นหญิงสาว

 

เซี่ยวเฉินเรียกคืนจิตและพลังปราณกลับมาก่อนที่จะลุกขึ้น แต่เขารู้สึกหน้ามืดและนั่งลงอีกครั้ง เขาหัวเราะขมๆ ดูเหมือนการรักษาคนอื่นนั้นช่างเหนื่อยหน่าย

 

เซี่ยวอวี่หลันถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าเป็นเช่นไร น้องเฉิน?”

 

“ข้าไม่เป็นไร พี่อวี่หลานไม่ต้องกังวล ข้าแค่ใช้พลังปราณมากเกินไปเท่านั้น พักสักครู่เดียวก็ดีขึ้น แล้วเจ้าละดีขึ้นหรือยัง?” เซี่ยวเฉินกล่าว

 

เซี่ยวอวี่หลันหน้าแดงพร้อมตอบกลับด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “ขอบคุณ น้องเซี่ยวเฉิน ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก”

 

“ดีแล้ว พักรักษาอีกไม่กี่วัน อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะหายขาด”

 

เวลาผ่านไปรวดเร็วมากภายในห้องหินนี้ เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปถึง 6 วัน เสบียงของพวกเขาหมดไปตั้งแต่ 2 วันก่อน แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้บ่มเพาะพลังถึงจะไม่ได้กินได้ดื่ม 2-3 วัน แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเขาก็คงอดตายอยู่ดี

 

ใน 6 วันนี้ เซี่ยวอวี่หลันอาการดีขึ้นมาก ถึงแม้จะอ่อนล้าจากการอดอาหาร ทุกๆวันหลังจากรักษาอารการบาดเจ็บของเซี่ยวอวี่หลัน เซี่ยวเฉินก็ยังคงฝึกวิชา ตอนนี้เขาสามารถใช้ สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณเปลวเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริงที่ใช้ได้อีก แถมขอบเขตพลังของเขาก็มั่นคงขึ้น

 

วันนี้เป็นวันที่ต้องประลองกับเซี่ยวเจี้ยน ถ้าเขายังกลับออกไปไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมีข่าวลืออะไรตามมา เขาเงยหัวไปมองช่องสูง 10 เมตรบนหัวพวกเขา รู้สึกกระวนกระวายในใจ

 

“น้องเซี่ยวเฉิน ข้าขอดูอาวุธจิตวิญญาณที่เอามาจากเสาศิลาแสงจันทร์ได้หรือไม่?” เซี่ยวอวี่หลันถาม

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้าของเขา หยิบดาบหักๆออกมาแล้วยื่นไปทางเซี่ยวอวี่หลัน “เจ้าอาวุธจิตวิญญาณนี้ดูไม่มีอะไรพิเศษ ข้าลองทดสอบเมื่อหลายวันก่อน”

 

เซี่ยวอวี่หลันไม่พูดอะไร  นางลูบคลำไปตามตัวดาบแล้วก็เอาเส้นด้ายสีเขียววางลงบนดาบช้าๆ เมื่อมันสัมผัสกับคมดาบ มันก็แยกออกเป็นสองชิ้น จากนั้นนางหยิบดาบสั้นข้างๆเท้านางขึ้นมา แล้วลองฟันไปที่ดาบเกิดเป็นเสียงเหล็กปะทะกันก้องกังวาน ดาบสั้นนั้นถูกตัดออกเป็นสองชิ้น

 

“เส้นด้ายขาดเพียงแค่สัมผัส แถมยังตัดเหล็กได้เหมือนตัดโคลน มันไม่ใช่ดาบธรรมดา”

 

เซี่ยวเฉินยิ้ม “ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ยกเว้นมันจะทำให้พวกเราบินได้?”

 

เซี่ยวอวี่หลันยิ้มอ่อน “ใครว่าไม่ได้?”

 

เซี่ยวเฉินมองนางกระโดดขึ้นไปอย่างนุ่มนวล อีกประมาณ 3 เมตรก็จะถึงปากหลุม นางใช้ดาบหักๆนั้นแทงเข้าไปในกำแพง กระบี่เสียบเข้าไปในกำแพงจนมิด มือขวานางจับด้ามกระบี่ไว้ม้วนตัวใช้แรงเหวี่ยงพุ่งไปบนอากาศอีกครั้ง จากนั้นนางก็ขึ้นไปถึงปากหลุม

 

เซี่ยวเฉินยืนตะลึงตาค้างอยู่ข้างล่าง มีเสียงกระทบดังขึ้น เป็นดาบเล่มนั้นที่ตอนนี้กลับมาอยู่ก้นหลุมอีกครั้ง เซี่ยวอวี่หลันตะโกนลงมาจากปากหลุม “น้องเฉิน รีบขึ้นมาเร็ว คนพวกนั้นไปกันหมดแล้ว”

 

เซี่ยวเฉินหยิบดาบขึ้นมา รู้สึกตื่นเต้น เขาเลียนแบบเซี่ยวอวี่หลัน หลังจากกระโดด 2-3 ครั้ง เข้าก็ขึ้นออกมาจากหลุมได้ สายลมสดชื่นปะทะหน้าเขาจนเขารู้สึกอยากจะตะโกนออกมาให้ดัง

 

เพราะเหตุผลบางอย่างร่างไร้วิญญาณของผู้เฒ่าจางไม่เน่าเปื่อย เซี่ยวเฉินไม่เก็บไปใส่ใจ และสำรวจพื้นที่รอบๆเพื่อเก็บเศษศิลาแสงจันทร์ที่เหลือให้หมด

 

ทั้งสองกลับไปยังทางที่พวกเขาเข้ามา จากความช่วยเหลือของดาบหักๆนี้ กำแพงหินที่เคยลงมาบังทางถูกฟันเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะลงจากภูเขาเซี่ยวเฉินชวนให้เซี่ยวอวี่หลันไปกับเขา

 

เซี่ยวอวี่หลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบตกลง หลังจากติดอยู่ในนั้นกับเซี่ยวเฉิน นางก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่จะประลองกับเซี่ยวเจี้ยน นางเป็นห่วงเซี่ยวเฉินเล็กน้อยจึงตัดสินใจลงจากภูเขาตามไปดู

 

ตระกูลเซี่ยว โถงฝึก

 

ในตอนนี้โถงฝึกขนาดใหญ่นี้เต็มไปด้วยผู้คน พวกสานุศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหลายล้วนตามกันมาเพื่อรับชม เพราะว่าข่าวลือที่กระจายออกไป จึงมีคนสนใจจำนวนมาก

 

“พี่ใหญ่ เจ้าเซี่ยวเฉินคงจะไม่มา?” ศิษย์ของตระกูลเซี่ยวคนสนิทของเซี่ยวเจี้ยนเปิดปากถามจากด้านล่างสนามประลองในโถงฝึก

 

“ใช่ ข้าว่ามันขี้ขลาดเกินกว่าจะออกมา เจ้าขยะที่หยุดอยู่ที่ระดับขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 กล้ามาท้าประลองกับพี่ใหญ่ ช่างโอหังสิ้นดี”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด