Immortal and Martial Dual Cultivation 142 ใครจะปล้นใคร

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 142 ใครจะปล้นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 142 ใครจะปล้นใคร

หลิวเฉินยิ้มขมขืน “ศิษย์ชั้นนอกจะได้รับเพียงหินวิญญาณหนึ่งก้อนและหนึ่งพันเหรียญเงินเป็นเบี้ยเลี้ยง นี่มันไม่เพียงพอสําหรับการบ่มเพาะพลัง นอกจากนั้น,การแข่งขันยังสูงเกินไปะทุกคนต่างอยากเข้าไปยังนิกายชั้นใน มันก็เป็นเรื่องง่ายๆก็คือพวกเรามีเงินไม่พอใช้”

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,นี่มันจะต้องเป็นปัญหาสําหรับผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่ นอกจากพวกเขาจะเก็บโชคไว้เยอะ พอหรือไปปล้นสานุศิษย์ตระกูลชั้นสูง,พวกเขาก็ต้องมาตั้งร้านแผงลอยเหมือนคนที่อยู่ที่นี่

 

ทันใดนั้น,หลิวเฉินก็พูดขึ้น “พี่น้องเย่,หากเจ้าต้องการจะตามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มีไม่กี่แห่งบนแผนที่ที่เจ้าจะหามันพบได้แน่นอน”

 

“ที่ไหน?” ความสนใจของเซี่ยวเฉินพองโตขึ้น เขายังคงต้องสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ให้ได้ ถึงอย่างไร, เขาก็ได้ตระเตรียมสิ่งของไว้มากมายแล้วเขาไม่อาจปล่อยทิ้งให้สูญเปล่า

 

หลิวเฉินชี้ไปที่ตําแหน่งบนแผนที่,สัญลักษณ์แสดงว่าสามารถพบสมุนไพรวิญญาณระดับ 5 ได้ “ตรงนี้คือสถานที่ที่สามารถพบสมุนไพรวิญญาณระดับ 5 หญ้าเรืองแสง นอกจากนั้นเจ้ายังสามารถพบสมุนไพรระดับ 6 บุปผาผลึกน้ำแข็ง มันจะมีสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ที่กําลังปกป้องสมุนไพรระดับ 6 อยู่แน่นอน สามารถพบพวกมันได้ที่นี่,นี่,แล้วก็ตรงนี้”

 

เซี่ยวเฉินอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ระดับสูงที่สุดที่พบบนแผนที่คือระดับ 5 ดูเหมือนหลิวเฉินยังปิดซ่อนข้อมูลบางส่วนเอาไว้

 

“ ข้ารู้ว่าข้าอาจจะล้ำเส้น,แต่ข้าสงสัย พี่น้องเย่,ทําไมเจ้าถามถึงสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5?” หลิวเฉินสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าเซี่ยวเฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตเชี่ยวช าญยุทธขั้นสูง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 แล้วจะรอด

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “ไม่มีเหตุผล แค่ถามดูเฉยๆ แผนที่นี้ราคาเท่าไหร? ข้าจะซื้อ”

 

มองดูเซี่ยวเฉินที่ไม่ยินยอมที่จะบอก,หลิวเฉินก็ไม่ไปกดดันถามถึงอีกต่อไป “แผนที่นี้ถูกมาก,เพียง 200 เหรียญเงินเท่านั้น”

 

สองร้อยเหรียญเงินสําหรับแผนที่และเจ้าเรียกมันว่าถูก? เขาจะต้องมองข้าเป็นคนโง่

 

อย่างไรก็ตาม,จํานวนเท่านี้ไม่ได้สะเทือนกระเป๋าตังของเซี่ยวเฉิน: ดังนั้นเขาจึงไม่มัวไปต่อราคา หลังจากที่เขาปล้นทรัพย์สมบัติของตระกูลเจียงมา,นอกจากยี่สิบล้านเห รียญทองที่เขาส่งไปให้คฤหาสน์หิมะล่องลอย,เขายังมีอีกสิบล้านเหรียญทองและเม็ดยากับอาวุธวิญญาณทุกประเภท 

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาตั๋วเงิน 1000 เหรียญเงินออกมาแลกกับแผนที่ เมื่อหลิวเฉินเห็นแหวนห้วงมิติที่อยู่บนนิ้วของเซี่ยวเฉิน, ประกายแสงแห่งความโลภปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัว

 

ถึงกระนั้น,มันก็จางหายไปแทบจะในทันที เขารักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้าและเอาเงินทอนให้เซี่ยวเฉิน เขาพูดขึ้นอย่างอบอุ่น “ข้าหวังว่าพี่น้องเย่เฉินจะเก็บเกี่ยวได้ดีเยี่ยม บางทีพวกเราอาจจะได้ร่วมงานกันในอนาคต”

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินจากไป, แสงแห่งความโลภกลับคืนมาบนดวงตาของเขาขณะที่จ้องมองเซี่ยวเฉินจากไป เขารีบเก็บแผงลอยและบอกผู้คนที่กําลังตรวจดูของด้วยรอยยิ้ม “ต้องขออภัย:แผงลอยของเราปิดแล้ววันนี้”

 

ท่ามกลางสายตางุนงงของผู้คน,หลิวเฉินรีบจากไปและวิ่งเข้าไปที่ป่ารกร้างด้านนอกหุบเขาสายลมอสูร ภายในป่า,มีคนหนุ่มสองสามคนที่สวมชุดเครื่องแบบศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ เบื้องหน้าของพวกเขามีศพนอนอยู่ 

 

“ลูกพี่เจ้าหมอนี้มันยาจกโดยแท้เขามีติดตัวเพียงสองพันเหรียญเงิน นอกจากนั้นยังเป็นเศษทั้งหมด พวกเม็ดยาก็เป็นขยะระดับ 2” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นพ่นคําหยาบ

 

ผู้นํากลุ่มพวกเขาถูกเรียกว่าจางถู,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต่ำ,ท่าทางร้ายกาจแสดงออกมาบนใบหน้า พร้อมกับพูดขึ้นอย่างมืดมัว “อีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปี หากข้าไม่อาจยกระดับพลังขึ้นไประดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง,จะหมดโอกาสที่ข้าจะได้เข้าไปนิกายชั้นใน”

 

คนพวกนี้ทั้งหมดเป็นศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์,พวกเขาต่างเป็นนักบ่มเพาะพลังอิสระ เพื่อที่จะได้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง,พวกเขามักจะมาดักปล้นนักบ่ม เพาะพลังโดดเดียวในหุบเขาสายลมอสูรบ่อยๆ มีโจมตีคนจากนิกายเดียวกันบ้างเป็นครั้งคราว

 

TL: จางถูใช้อักษรคนละตัวกับจางเย่นะครับ จางนี้ตัวประกอบ

 

เมื่อจางถูเห็นหลิวเฉินวิ่งเข้ามา,เขามีสีหน้าไม่เป็นสุข เขาพูดขึ้น “เจ้ามาทําอะไรที่นี้? หนีเอาชีวิตรอด? ทําไมถึงได้วิ่งเร็วนัก?”

 

หลิวเฉินรู้สึกเป็นกังวลจึงรีบอธิบายทุกอย่างที่เขาเห็นเมื่อครู่กับจางถู

 

จางถูเผยสีหน้าครุ่นคิดลึก เขาพูดขึ้น “เจ้าแน่ใจว่าเขามาคนเดียว? หากเขามีแหวนห้วงมิติ,เขาน่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลชั้นสูง เขาจะมาคนเดียวได้เยี่ยงไร?”

 

หลิวเฉินหยักหน้า “ข้าแน่ใจที่สุด นอกจากนั้นมช, คนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนใหม่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี้สักอย่าง เขาถามคําถามแปลกๆหลายข้อ ดูเหมือนจะเป็นระดับขอบเขตเชียวชาญยุทธขั้นสูง”

 

“ตอนเขาจ่ายเงิน,เขาหยิบเอาตั๋วเงิน 1000 เหรียญเงินออกมาใช้อย่างสบายๆ คนผู้นี้ไม่ใช่ยาจกอย่างแน่นอน นอกจากนั้น,เขาไม่แม้แต่จะต่อราคาแม้แต่น้อย มันจะต้อง เป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ลูกพี่,ไปลุยกันเถอะ!” หนึ่งในคนที่อยู่ด้านหลังตาลุกวาวเมื่อเขาได้ยินรายงานของหลิวเฉิน

 

“แน่นอน,ระดับขอบเขตเชียวชาญยุทธขั้นสูง…ลูกพี่, ท่านคนเดียวก็สามารถรับมือมันได้แม้แต่พวกเราแค่สองสามคนก็จัดการได้ง่ายดาย ผู้ที่อ่อนที่สุดของพวกเราอยู่ระ ดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นกลางไม่มีปัญหา”

 

“ใช่แล้วไม่ใช่ว่าลูกพี่จะไม่เคยทํามาก่อน ใครจะรู้คนคนนี้อาจจะมีหินวิญญาณติดตัวมาด้วย นั้นคือสิ่งที่เราต้องการ,ลูกพี่!”

 

จางถูเผยสีหน้าลังเล,ความมีเหตุผลของเขากําลังบอกเขาว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ระดับเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงมาถามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มันไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน อย่างไรก็ตาม ความโลภในใจของเขาก็ไหลทะลัก,โหมกระหน่ำใส่ความมีเหตุผลของเขา

 

เมื่อจางถูได้ยินคําว่า “หินวิญญาณ” ความโลภก็เอาชนะความมีเหตุผลของเขาไปในทันที เขาปลอบใจตนเอง “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอะไร เขาก็เป็นแค่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง”

 

หลังจากที่เขาตัดสินใจได้ เขาพูดขึ้น “หลิวเฉิน,เจ้าทิ้งผงยาไว้บนตัวของเขาแล้วใช่ไหม?”

 

หลิวเฉินหัวเราะ “แน่นอน,ข้าโรยมันไว้บนแผนที่นานแล้ว พวกเราจะสามารถติดตามหาเขาตอนไหนก็ได้”

 

อยู่นอกบ้าน,ใจมนุษย์แสนคดเคี้ยว ความมั่งคั่งไม่ควรเผยออกมา นี้มันเป็นเรื่องพื้นฐาน,โดยเฉพาะในทวีปเทียนหวู่มือมนุษย์เปื้อนเลือดคนยิ่งกว่าคมเขี้ยวของสัตว์อสูร

 

ไม่ใช่ว่าเซี่ยวเฉินไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐานพวกนี้ ช่างโชคร้าย,เซี่ยวเฉินด้อยประสบการณ์และเผยตัวตนไปอย่างไม่ตั้งใจ เขาคิดว่ามันไม่ใช่อะไรสําคัญนัก อย่างไรก็ตาม,ในหุบเขาสายลมอสูรแห่งนี้ใจมนุษย์โฉดชั่ว ผู้คนต้องระวังตัวให้ดี

 

โดยรอบหุบเขาสายลมอสูรเป็นภูเขาสูง เรียกมันว่าหุบเขาอาจจะไม่ค่อยถูกต้องนักเมื่อเทียบกับขนาดของมันที่ใหญ่มาก ภายในหุบเขา,มีป่าไม้,ลําธารแม่น้ำ และแท่นหินแปลกประหลาด มันกว้างใหญ่และไม่สิ้นสุด

 

มีผู้บ่มเพาะพลังมากมายสัญจรเข้าออกหุบเขาสายลมอสูร หลังจากข้ามแม่น้ำไป,เซี่ยวเฉินก็เข้าไปในป่าทึบ ป่าไม้มันกว้างใหมญ่มากะผู้คนต่างแยกย้ายกระจายกันไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาเดินต่อไป,จํานวนคนที่เขาพบเจอก็น้อยลงไปเรื่อยๆ

 

“ปุ!”

 

เสี่ยวไป๋กระโดดออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือดอย่างร่าเริง สองสามวันมานี้ นอกจากตอนอยู่ในบ้าน,เซี่ยวเฉินไม่ให้มันออกมา

 

เหตุผลหลักก็คือมันเตะตาเกินไป ตัวของมันเป็นสีขาวหิมะทั้งตัวไร้จุดด่างพร้อย,และดวงตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณหน้าตาเช่นนี้,เห็นชัดว่าไม่ใช่ธรรมดา

 

เสี่ยวไป๋ตื่นเต้นร่าเริงเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในป่าไม้ เมื่อมันลงมาถึงพื้น,มันวิ่งไกลออกไปในทันที เซี่ยวเฉินเพียงแค่ยิ้มและไม่ไปรบกวนมัน ด้วยความรวดเร็วของมัน,ไม่มีสัตว์อสูรวิญญาณตัวไหนไล่จับได้ทัน”

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินก็เตือนมันว่าอย่าได้ออกไปไกลนัก เขาไม่ได้กลัวสัตว์อสูรวิญญาณโจมตี,แต่เขาเกรงว่าเสี่ยวไป๋จะถูกผู้บ่มเพาะพลังบางคนพบตัวเข้าและมันจะเป็นปัญหา

 

เซี่ยวเฉินหยิบแผนที่ออกมาดูอย่างละเอียด เขาตัดสินใจไปตรวจสอบตรงจุดที่มีบุปผาผลึกน้ำแข็ง เขาตั้งใจจะไปตรวจสอบดูทุกจุดที่ละจุด

 

มันไม่สําคัญว่าเก่อหยุนปินคิดอะไร:หลังจากที่ตระเตรียมการมามากมาย,เขาต้องใช้ทุกอย่างที่เขามี หากเก่อหยุนปินยังอยากจะเล่นตุกติก,มันก็ยังไม่สายที่จะไปมีเรื่อง กับเขา

 

ภายในหุบเขาสายลมอสูร,จางถูตามรอยเส้นทางที่เซียวเฉินใช้ เขาตามหลังไปอย่างไม่รีบร้อน บางครั้ง,หลิวเฉินก็ ยุดลงและสูดดมอากาศ

 

จิตวิญญาณยุทธของเขาคือสุนัขธรรมดา มันไร้ประโยชน์ในการต่อสู้แต่ดีเยี่ยมสําหรับการตามรอย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทําเช่นนี้ ทุกคนต่างมีสีหน้าผ่อนคลายและไม่ได้สนใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ลูกพี่,ดูเหมือนเขาจะไปทางบุปผาผลึกน้ำแข็ง” หลิวเฉินพูดขึ้นหลังจากสูดดมอากาศอยู่ครู่หนึ่ง

 

จางถูคิ้วขมวดเล็กน้อย,และสีหน้าเขากลายเป็นมืดมน เขาพึมพํากับตัวเอง “เป็นไปได้ว่าเขาตามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 จริงๆ? เขาเป็นเพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญ ยุทธขั้นสูงเขาเอาความมั่นใจมาจากไหน?”

 

หลิวเฉิน ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ได้ยินจางถูพึมพํา เขาพูดขึ้น “เขาอาจจะมีสมบัติลับ พวกเราอาจจะตกได้ปลาตัวใหญ่แล้วครั้งนี้”

 

เมื่อจางถูได้ยินดังนั้นเขาครุ่นคิดลึก ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด “นั้นเป็นไปได้เหตุผลเดียว มันผู้นี้ไม่ใช่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงธรรมดา พวกเราเดินตามแผนปกติไม่ได้”

 

“น้องสี่,สิ่งนั้นของเจ้ามันสามารถใช้ออกมาได้กี่ครั้ง?” จางถูหันไปถามผู้บ่มเพาะพลังตัวผอมคนหนึ่ง

 

“ผู้บ่มเพาะพลังตัวผอมคนนั้นหยิบก้อนโลหะที่ดูธรรมดาออกมาด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย “ไม่น่าจะมีปัญหาใช้มันสองหรือสามครั้ง พวกเราต้องใช้มันจริงๆ?”

 

ความเหี้ยมโหดปรากฏขึ้นในดวงตาของจางถูพร้อมกับหยิบเอาก้อนโลหะไป เขาพูดขึ้น “เจ้าหมอนี้จะต้องไม่ใช่ธรรมดา จะไม่มีอะไรผิดพลาดต้องฟังข้า เมื่อพวกเราเข้า ไปใกล้,พวกเราจะซ่อนตัวอยู่ก่อนพวกเราต้องชิงลงมือก่อน ไม่ให้เขารู้ตัวพวกเราต้องไร้ซึ่งร่องรอย”

 

แม้ว่าแผนที่แผ่นนี้จะแพงเกินไป, สัญลักษณ์ตําแหน่งสัตว์อสูรวิญญาณแม่นยํามาก เซี่ยวเฉินเดินตามไปและสามารถหลบเลี้ยงสัตว์อสูรวิญญาณที่มาเป็นกลุ่มไปได้ ตลอดทางเขาพบเพียงสัตว์อสูรวิญญาณโดดเดี่ยวและสังหารมันลงโดยง่าย

 

หลังจากจัดการกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 ที่ขวางทางเขา,เซี่ยวเฉินก็เก็บเอาแก่นวิญญาณออกมาและใส่ลงในแหวนห้วงจักรวาล เขายึดตามหลักไม่ทิ้งของให้สูญเปล่า

 

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเขาหยิบเอาแผนที่ออกมาอีกครั้งและมองไปที่มันอย่างละเอียด

 

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวไป๋วิ่งมาจากที่ไหนไม่รู้และกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเซี่ยวเฉิน

 

เมื่อมันเห็นแผนที่ในมือของเซี่ยวเฉิน,มันก็เดินเข้าไปดมอย่างสงสัย “อะชิ่ว!” ก่อนที่จะเข้าไปใกล้,มันจามออกมา ฝุ่นผงลอยขึ้นจากแผนที่

 

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดและกลั้นหายใจ เขารีบโยนแผนที่ทิ้งลงพื้น จากนั้นเขาก็หยิบเอาชิ้นกระดาษสีขาวออกมาห่อเก็บผงพวกนั้นไว้ทั้งหมด

 

แก่นกลางสีเขียวในห้วงทะเลจิตสํานึกของเขาขยายออกมาพร้อมสัมผัสวิญญาณและวิเคราะห์ผงบนกระดาษอย่างละเอียด แก่นกลางสีเขียวนี้คือแก่นกลางจิตวิญญาณที่เฉพาะนักปรุงยาเท่านั้นที่ได้ครอบครอง เซี่ยวเฉินไม่ได้ใช้มันมานานมาก ตอนนี้ถึงเวลางานของมันแล้ว

 

TL: แก่นกลางสีเขียวนี้ไม่ได้ออกมานานมากถ้าใครลืมให้ไปดูตอนที่ 25 ได้ครับ

 

ดึงสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา,เซี่ยวเฉินทิ้งกระดาษสีขาว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก,มันเป็นแค่ผงที่มีกลิ่นเฉพาะตัว

 

ช่างโชคดี,ที่มันไม่ใช่ยาพิษ หากมันใช่แล้วคงโดนพิษไปเรียบร้อยแล้ว

 

มุมปากของเซี่ยวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขาตรวจดูบนแผนที่อีกครั้งอย่างละเอียดและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หัวใจมนุษย์สุดจะหยั่งถึง”

 

เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป และทุกอย่างในรัศมี 800 เมตรปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา:ดอกไม้ทุกดอก,ต้นไม้ทุกต้น,และผู้บ่มเพาะพลังบางคนที่กําลังต่อสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณ ไม่มีอะไรรอดพ้นไปจากเซี่ยวเฉิน

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินจับร่างหกร่างซ่อนตัวอยู่ตลอดเส้นทางที่เขาผ่านมาเพื่อไปยังบุปผาผลึกน้ำแข็ง ร่างของหลิวเฉินอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 142 ใครจะปล้นใคร

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 142 ใครจะปล้นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 142 ใครจะปล้นใคร

หลิวเฉินยิ้มขมขืน “ศิษย์ชั้นนอกจะได้รับเพียงหินวิญญาณหนึ่งก้อนและหนึ่งพันเหรียญเงินเป็นเบี้ยเลี้ยง นี่มันไม่เพียงพอสําหรับการบ่มเพาะพลัง นอกจากนั้น,การแข่งขันยังสูงเกินไปะทุกคนต่างอยากเข้าไปยังนิกายชั้นใน มันก็เป็นเรื่องง่ายๆก็คือพวกเรามีเงินไม่พอใช้”

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,นี่มันจะต้องเป็นปัญหาสําหรับผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่ นอกจากพวกเขาจะเก็บโชคไว้เยอะ พอหรือไปปล้นสานุศิษย์ตระกูลชั้นสูง,พวกเขาก็ต้องมาตั้งร้านแผงลอยเหมือนคนที่อยู่ที่นี่

 

ทันใดนั้น,หลิวเฉินก็พูดขึ้น “พี่น้องเย่,หากเจ้าต้องการจะตามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มีไม่กี่แห่งบนแผนที่ที่เจ้าจะหามันพบได้แน่นอน”

 

“ที่ไหน?” ความสนใจของเซี่ยวเฉินพองโตขึ้น เขายังคงต้องสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ให้ได้ ถึงอย่างไร, เขาก็ได้ตระเตรียมสิ่งของไว้มากมายแล้วเขาไม่อาจปล่อยทิ้งให้สูญเปล่า

 

หลิวเฉินชี้ไปที่ตําแหน่งบนแผนที่,สัญลักษณ์แสดงว่าสามารถพบสมุนไพรวิญญาณระดับ 5 ได้ “ตรงนี้คือสถานที่ที่สามารถพบสมุนไพรวิญญาณระดับ 5 หญ้าเรืองแสง นอกจากนั้นเจ้ายังสามารถพบสมุนไพรระดับ 6 บุปผาผลึกน้ำแข็ง มันจะมีสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ที่กําลังปกป้องสมุนไพรระดับ 6 อยู่แน่นอน สามารถพบพวกมันได้ที่นี่,นี่,แล้วก็ตรงนี้”

 

เซี่ยวเฉินอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ระดับสูงที่สุดที่พบบนแผนที่คือระดับ 5 ดูเหมือนหลิวเฉินยังปิดซ่อนข้อมูลบางส่วนเอาไว้

 

“ ข้ารู้ว่าข้าอาจจะล้ำเส้น,แต่ข้าสงสัย พี่น้องเย่,ทําไมเจ้าถามถึงสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5?” หลิวเฉินสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าเซี่ยวเฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตเชี่ยวช าญยุทธขั้นสูง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 แล้วจะรอด

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “ไม่มีเหตุผล แค่ถามดูเฉยๆ แผนที่นี้ราคาเท่าไหร? ข้าจะซื้อ”

 

มองดูเซี่ยวเฉินที่ไม่ยินยอมที่จะบอก,หลิวเฉินก็ไม่ไปกดดันถามถึงอีกต่อไป “แผนที่นี้ถูกมาก,เพียง 200 เหรียญเงินเท่านั้น”

 

สองร้อยเหรียญเงินสําหรับแผนที่และเจ้าเรียกมันว่าถูก? เขาจะต้องมองข้าเป็นคนโง่

 

อย่างไรก็ตาม,จํานวนเท่านี้ไม่ได้สะเทือนกระเป๋าตังของเซี่ยวเฉิน: ดังนั้นเขาจึงไม่มัวไปต่อราคา หลังจากที่เขาปล้นทรัพย์สมบัติของตระกูลเจียงมา,นอกจากยี่สิบล้านเห รียญทองที่เขาส่งไปให้คฤหาสน์หิมะล่องลอย,เขายังมีอีกสิบล้านเหรียญทองและเม็ดยากับอาวุธวิญญาณทุกประเภท 

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาตั๋วเงิน 1000 เหรียญเงินออกมาแลกกับแผนที่ เมื่อหลิวเฉินเห็นแหวนห้วงมิติที่อยู่บนนิ้วของเซี่ยวเฉิน, ประกายแสงแห่งความโลภปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัว

 

ถึงกระนั้น,มันก็จางหายไปแทบจะในทันที เขารักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้าและเอาเงินทอนให้เซี่ยวเฉิน เขาพูดขึ้นอย่างอบอุ่น “ข้าหวังว่าพี่น้องเย่เฉินจะเก็บเกี่ยวได้ดีเยี่ยม บางทีพวกเราอาจจะได้ร่วมงานกันในอนาคต”

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินจากไป, แสงแห่งความโลภกลับคืนมาบนดวงตาของเขาขณะที่จ้องมองเซี่ยวเฉินจากไป เขารีบเก็บแผงลอยและบอกผู้คนที่กําลังตรวจดูของด้วยรอยยิ้ม “ต้องขออภัย:แผงลอยของเราปิดแล้ววันนี้”

 

ท่ามกลางสายตางุนงงของผู้คน,หลิวเฉินรีบจากไปและวิ่งเข้าไปที่ป่ารกร้างด้านนอกหุบเขาสายลมอสูร ภายในป่า,มีคนหนุ่มสองสามคนที่สวมชุดเครื่องแบบศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ เบื้องหน้าของพวกเขามีศพนอนอยู่ 

 

“ลูกพี่เจ้าหมอนี้มันยาจกโดยแท้เขามีติดตัวเพียงสองพันเหรียญเงิน นอกจากนั้นยังเป็นเศษทั้งหมด พวกเม็ดยาก็เป็นขยะระดับ 2” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นพ่นคําหยาบ

 

ผู้นํากลุ่มพวกเขาถูกเรียกว่าจางถู,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต่ำ,ท่าทางร้ายกาจแสดงออกมาบนใบหน้า พร้อมกับพูดขึ้นอย่างมืดมัว “อีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปี หากข้าไม่อาจยกระดับพลังขึ้นไประดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง,จะหมดโอกาสที่ข้าจะได้เข้าไปนิกายชั้นใน”

 

คนพวกนี้ทั้งหมดเป็นศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์,พวกเขาต่างเป็นนักบ่มเพาะพลังอิสระ เพื่อที่จะได้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง,พวกเขามักจะมาดักปล้นนักบ่ม เพาะพลังโดดเดียวในหุบเขาสายลมอสูรบ่อยๆ มีโจมตีคนจากนิกายเดียวกันบ้างเป็นครั้งคราว

 

TL: จางถูใช้อักษรคนละตัวกับจางเย่นะครับ จางนี้ตัวประกอบ

 

เมื่อจางถูเห็นหลิวเฉินวิ่งเข้ามา,เขามีสีหน้าไม่เป็นสุข เขาพูดขึ้น “เจ้ามาทําอะไรที่นี้? หนีเอาชีวิตรอด? ทําไมถึงได้วิ่งเร็วนัก?”

 

หลิวเฉินรู้สึกเป็นกังวลจึงรีบอธิบายทุกอย่างที่เขาเห็นเมื่อครู่กับจางถู

 

จางถูเผยสีหน้าครุ่นคิดลึก เขาพูดขึ้น “เจ้าแน่ใจว่าเขามาคนเดียว? หากเขามีแหวนห้วงมิติ,เขาน่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลชั้นสูง เขาจะมาคนเดียวได้เยี่ยงไร?”

 

หลิวเฉินหยักหน้า “ข้าแน่ใจที่สุด นอกจากนั้นมช, คนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนใหม่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี้สักอย่าง เขาถามคําถามแปลกๆหลายข้อ ดูเหมือนจะเป็นระดับขอบเขตเชียวชาญยุทธขั้นสูง”

 

“ตอนเขาจ่ายเงิน,เขาหยิบเอาตั๋วเงิน 1000 เหรียญเงินออกมาใช้อย่างสบายๆ คนผู้นี้ไม่ใช่ยาจกอย่างแน่นอน นอกจากนั้น,เขาไม่แม้แต่จะต่อราคาแม้แต่น้อย มันจะต้อง เป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ลูกพี่,ไปลุยกันเถอะ!” หนึ่งในคนที่อยู่ด้านหลังตาลุกวาวเมื่อเขาได้ยินรายงานของหลิวเฉิน

 

“แน่นอน,ระดับขอบเขตเชียวชาญยุทธขั้นสูง…ลูกพี่, ท่านคนเดียวก็สามารถรับมือมันได้แม้แต่พวกเราแค่สองสามคนก็จัดการได้ง่ายดาย ผู้ที่อ่อนที่สุดของพวกเราอยู่ระ ดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นกลางไม่มีปัญหา”

 

“ใช่แล้วไม่ใช่ว่าลูกพี่จะไม่เคยทํามาก่อน ใครจะรู้คนคนนี้อาจจะมีหินวิญญาณติดตัวมาด้วย นั้นคือสิ่งที่เราต้องการ,ลูกพี่!”

 

จางถูเผยสีหน้าลังเล,ความมีเหตุผลของเขากําลังบอกเขาว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ระดับเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงมาถามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มันไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน อย่างไรก็ตาม ความโลภในใจของเขาก็ไหลทะลัก,โหมกระหน่ำใส่ความมีเหตุผลของเขา

 

เมื่อจางถูได้ยินคําว่า “หินวิญญาณ” ความโลภก็เอาชนะความมีเหตุผลของเขาไปในทันที เขาปลอบใจตนเอง “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอะไร เขาก็เป็นแค่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง”

 

หลังจากที่เขาตัดสินใจได้ เขาพูดขึ้น “หลิวเฉิน,เจ้าทิ้งผงยาไว้บนตัวของเขาแล้วใช่ไหม?”

 

หลิวเฉินหัวเราะ “แน่นอน,ข้าโรยมันไว้บนแผนที่นานแล้ว พวกเราจะสามารถติดตามหาเขาตอนไหนก็ได้”

 

อยู่นอกบ้าน,ใจมนุษย์แสนคดเคี้ยว ความมั่งคั่งไม่ควรเผยออกมา นี้มันเป็นเรื่องพื้นฐาน,โดยเฉพาะในทวีปเทียนหวู่มือมนุษย์เปื้อนเลือดคนยิ่งกว่าคมเขี้ยวของสัตว์อสูร

 

ไม่ใช่ว่าเซี่ยวเฉินไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐานพวกนี้ ช่างโชคร้าย,เซี่ยวเฉินด้อยประสบการณ์และเผยตัวตนไปอย่างไม่ตั้งใจ เขาคิดว่ามันไม่ใช่อะไรสําคัญนัก อย่างไรก็ตาม,ในหุบเขาสายลมอสูรแห่งนี้ใจมนุษย์โฉดชั่ว ผู้คนต้องระวังตัวให้ดี

 

โดยรอบหุบเขาสายลมอสูรเป็นภูเขาสูง เรียกมันว่าหุบเขาอาจจะไม่ค่อยถูกต้องนักเมื่อเทียบกับขนาดของมันที่ใหญ่มาก ภายในหุบเขา,มีป่าไม้,ลําธารแม่น้ำ และแท่นหินแปลกประหลาด มันกว้างใหญ่และไม่สิ้นสุด

 

มีผู้บ่มเพาะพลังมากมายสัญจรเข้าออกหุบเขาสายลมอสูร หลังจากข้ามแม่น้ำไป,เซี่ยวเฉินก็เข้าไปในป่าทึบ ป่าไม้มันกว้างใหมญ่มากะผู้คนต่างแยกย้ายกระจายกันไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาเดินต่อไป,จํานวนคนที่เขาพบเจอก็น้อยลงไปเรื่อยๆ

 

“ปุ!”

 

เสี่ยวไป๋กระโดดออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือดอย่างร่าเริง สองสามวันมานี้ นอกจากตอนอยู่ในบ้าน,เซี่ยวเฉินไม่ให้มันออกมา

 

เหตุผลหลักก็คือมันเตะตาเกินไป ตัวของมันเป็นสีขาวหิมะทั้งตัวไร้จุดด่างพร้อย,และดวงตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณหน้าตาเช่นนี้,เห็นชัดว่าไม่ใช่ธรรมดา

 

เสี่ยวไป๋ตื่นเต้นร่าเริงเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในป่าไม้ เมื่อมันลงมาถึงพื้น,มันวิ่งไกลออกไปในทันที เซี่ยวเฉินเพียงแค่ยิ้มและไม่ไปรบกวนมัน ด้วยความรวดเร็วของมัน,ไม่มีสัตว์อสูรวิญญาณตัวไหนไล่จับได้ทัน”

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินก็เตือนมันว่าอย่าได้ออกไปไกลนัก เขาไม่ได้กลัวสัตว์อสูรวิญญาณโจมตี,แต่เขาเกรงว่าเสี่ยวไป๋จะถูกผู้บ่มเพาะพลังบางคนพบตัวเข้าและมันจะเป็นปัญหา

 

เซี่ยวเฉินหยิบแผนที่ออกมาดูอย่างละเอียด เขาตัดสินใจไปตรวจสอบตรงจุดที่มีบุปผาผลึกน้ำแข็ง เขาตั้งใจจะไปตรวจสอบดูทุกจุดที่ละจุด

 

มันไม่สําคัญว่าเก่อหยุนปินคิดอะไร:หลังจากที่ตระเตรียมการมามากมาย,เขาต้องใช้ทุกอย่างที่เขามี หากเก่อหยุนปินยังอยากจะเล่นตุกติก,มันก็ยังไม่สายที่จะไปมีเรื่อง กับเขา

 

ภายในหุบเขาสายลมอสูร,จางถูตามรอยเส้นทางที่เซียวเฉินใช้ เขาตามหลังไปอย่างไม่รีบร้อน บางครั้ง,หลิวเฉินก็ ยุดลงและสูดดมอากาศ

 

จิตวิญญาณยุทธของเขาคือสุนัขธรรมดา มันไร้ประโยชน์ในการต่อสู้แต่ดีเยี่ยมสําหรับการตามรอย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทําเช่นนี้ ทุกคนต่างมีสีหน้าผ่อนคลายและไม่ได้สนใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ลูกพี่,ดูเหมือนเขาจะไปทางบุปผาผลึกน้ำแข็ง” หลิวเฉินพูดขึ้นหลังจากสูดดมอากาศอยู่ครู่หนึ่ง

 

จางถูคิ้วขมวดเล็กน้อย,และสีหน้าเขากลายเป็นมืดมน เขาพึมพํากับตัวเอง “เป็นไปได้ว่าเขาตามหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 จริงๆ? เขาเป็นเพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญ ยุทธขั้นสูงเขาเอาความมั่นใจมาจากไหน?”

 

หลิวเฉิน ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ได้ยินจางถูพึมพํา เขาพูดขึ้น “เขาอาจจะมีสมบัติลับ พวกเราอาจจะตกได้ปลาตัวใหญ่แล้วครั้งนี้”

 

เมื่อจางถูได้ยินดังนั้นเขาครุ่นคิดลึก ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด “นั้นเป็นไปได้เหตุผลเดียว มันผู้นี้ไม่ใช่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงธรรมดา พวกเราเดินตามแผนปกติไม่ได้”

 

“น้องสี่,สิ่งนั้นของเจ้ามันสามารถใช้ออกมาได้กี่ครั้ง?” จางถูหันไปถามผู้บ่มเพาะพลังตัวผอมคนหนึ่ง

 

“ผู้บ่มเพาะพลังตัวผอมคนนั้นหยิบก้อนโลหะที่ดูธรรมดาออกมาด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย “ไม่น่าจะมีปัญหาใช้มันสองหรือสามครั้ง พวกเราต้องใช้มันจริงๆ?”

 

ความเหี้ยมโหดปรากฏขึ้นในดวงตาของจางถูพร้อมกับหยิบเอาก้อนโลหะไป เขาพูดขึ้น “เจ้าหมอนี้จะต้องไม่ใช่ธรรมดา จะไม่มีอะไรผิดพลาดต้องฟังข้า เมื่อพวกเราเข้า ไปใกล้,พวกเราจะซ่อนตัวอยู่ก่อนพวกเราต้องชิงลงมือก่อน ไม่ให้เขารู้ตัวพวกเราต้องไร้ซึ่งร่องรอย”

 

แม้ว่าแผนที่แผ่นนี้จะแพงเกินไป, สัญลักษณ์ตําแหน่งสัตว์อสูรวิญญาณแม่นยํามาก เซี่ยวเฉินเดินตามไปและสามารถหลบเลี้ยงสัตว์อสูรวิญญาณที่มาเป็นกลุ่มไปได้ ตลอดทางเขาพบเพียงสัตว์อสูรวิญญาณโดดเดี่ยวและสังหารมันลงโดยง่าย

 

หลังจากจัดการกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 ที่ขวางทางเขา,เซี่ยวเฉินก็เก็บเอาแก่นวิญญาณออกมาและใส่ลงในแหวนห้วงจักรวาล เขายึดตามหลักไม่ทิ้งของให้สูญเปล่า

 

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเขาหยิบเอาแผนที่ออกมาอีกครั้งและมองไปที่มันอย่างละเอียด

 

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวไป๋วิ่งมาจากที่ไหนไม่รู้และกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเซี่ยวเฉิน

 

เมื่อมันเห็นแผนที่ในมือของเซี่ยวเฉิน,มันก็เดินเข้าไปดมอย่างสงสัย “อะชิ่ว!” ก่อนที่จะเข้าไปใกล้,มันจามออกมา ฝุ่นผงลอยขึ้นจากแผนที่

 

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดและกลั้นหายใจ เขารีบโยนแผนที่ทิ้งลงพื้น จากนั้นเขาก็หยิบเอาชิ้นกระดาษสีขาวออกมาห่อเก็บผงพวกนั้นไว้ทั้งหมด

 

แก่นกลางสีเขียวในห้วงทะเลจิตสํานึกของเขาขยายออกมาพร้อมสัมผัสวิญญาณและวิเคราะห์ผงบนกระดาษอย่างละเอียด แก่นกลางสีเขียวนี้คือแก่นกลางจิตวิญญาณที่เฉพาะนักปรุงยาเท่านั้นที่ได้ครอบครอง เซี่ยวเฉินไม่ได้ใช้มันมานานมาก ตอนนี้ถึงเวลางานของมันแล้ว

 

TL: แก่นกลางสีเขียวนี้ไม่ได้ออกมานานมากถ้าใครลืมให้ไปดูตอนที่ 25 ได้ครับ

 

ดึงสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา,เซี่ยวเฉินทิ้งกระดาษสีขาว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก,มันเป็นแค่ผงที่มีกลิ่นเฉพาะตัว

 

ช่างโชคดี,ที่มันไม่ใช่ยาพิษ หากมันใช่แล้วคงโดนพิษไปเรียบร้อยแล้ว

 

มุมปากของเซี่ยวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขาตรวจดูบนแผนที่อีกครั้งอย่างละเอียดและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หัวใจมนุษย์สุดจะหยั่งถึง”

 

เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป และทุกอย่างในรัศมี 800 เมตรปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา:ดอกไม้ทุกดอก,ต้นไม้ทุกต้น,และผู้บ่มเพาะพลังบางคนที่กําลังต่อสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณ ไม่มีอะไรรอดพ้นไปจากเซี่ยวเฉิน

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินจับร่างหกร่างซ่อนตัวอยู่ตลอดเส้นทางที่เขาผ่านมาเพื่อไปยังบุปผาผลึกน้ำแข็ง ร่างของหลิวเฉินอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+