Immortal and Martial Dual Cultivation 144 วิญญาณชั่วร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 144 วิญญาณชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 144 วิญญาณชั่วร้าย

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาระฆังทองแดงอันเล็กออกมาและมองไปที่ความเสียหายบนพื้นผิวของมัน เขายิ้มบางๆและพูดขึ้น “ด้วยสิ่งนี้ มันอาจจะสามารถซ่อมแซมกลับมาได้สําหรับสัญลักษณ์ค่ายกลที่กําลังปั่นป่วน,ข้าสามารถค่อยๆ จัดเรียงมันขึ้นใหม่ในอนาคต”

 

TLเปลี่ยนจากกระดิ่งเป็นระฆังนะครับ eng ใช้คําว่า belt แล้วมันชิ้นเล็กตอนแรกเลยนึกว่ากระดิ่งครับ ไปดูจีนมาแล้วเป็นระฆังจริงๆครับ

 

เขาวางระฆังทองแดงไว้บนฝ่ามือและห่อหุ้มเหล็กดวงดาราด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา เหล็กดวงดาราค่อยๆลอยขึ้น และเปลวเพลิงสีม่วงอันไร้ขอบเขตในดวงตาข้างขวาของเขาเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว

 

“ซูว!”

 

เปลวเพลิงสีม่วงกระโดดออกมาจากตาขวาของเขาและเผาไหม้เหล็กดวงดารา เหล็กดวงดารามีความต้านทานเปลวไฟสูงมาก;เปลวไฟธรรมดาไม่สามารถหลอมละลายมันได้

 

เวลาไหลผ่านไปช้าๆ สี่ชั่วโมงผ่านไปโดยที่เซี่ยวเฉินไม่รู้ตัว เหล็กดวงดาราภายในเปลวเพลิงสีม่วงไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลง เม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากของเซี่ยวเฉิน;มันไหลลงจากใบหน้าของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เปลวเพลิงที่น่ากลัวทําให้ใบหน้าของเขาเรื่องแดง

 

“ปัง!”

 

เซี่ยวเฉินโยนหินวิญญาณอีกก้อนที่หมดซึ่งพลังทิ้งไป นี้เป็นหินวิญญาณก้อนที่สามแล้วที่เขาโยนทิ้งไป

 

ด้วยการที่ใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงเป็นเวลานานเกินไป เขาผลาญพลังปราณไปเป็นจํานวนมาก ความจริง,ด้วยระดับขอบเขตพลังในปัจจุบันของเซี่ยวเฉิน,เขารีบร้อนเกินไปที่พยายามจะหลอมละลายเหล็กดวงดารา

 

แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังบรรพกาลบนโลก พวกเขายังสามารถละลายเหล็กดวงดาราหลังจากที่พวกเขาขึ้นสู่ระยะหยวนหยิงแล้วเท่านั้น เป็นเช่นนั้น,ของที่มาจากต่างดาว,ไม่ใช่สมบัติธรรมชาติทั่วไป,มันหลอมละลายลงไม่ได้ง่ายๆ 

 

เซี่ยวเฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขาออกเบาๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลเกินไปนัก เขามองอย่างเฉียบคมไปที่เหล็กดวงดาราที่กําลังร้อนขึ้นเรื่อยๆโดยเปลวเพลิงสีม่วง

 

“จี่!”

 

หลังจากเซี่ยวเฉินโยนหินวิญญาณก้อนที่สิบทิ้งไป ก็มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับเหล็กดวงดารา ของเหลวสีแดงเพลิงค่อยๆหยดลงลงไปในขวดหยกที่เซี่ยวเฉินเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

ในจังหวะนั้นเอง,มีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้นวิญญาณชั่วร้ายที่มองเห็นได้บางเบาพุ่งออกมาจากเหล็กดวงดาราเข้าใส่เซี่ยวเฉินและส่งเสียงร้องกดขี่อันน่ากลัวออกมา

 

นี้มันคือวิญญาณชั่วร้ายลึกลับแห่งห้วงอวกาศ เหล็กดวงดาราทุกชิ้นจะมีมันติดมา วิญญาณชั่วร้ายนี้จะไม่มีรูปร่างกายหยาบ,มันเป็นเพียงวิญญาณที่กลืนกินจิตวิญญาณของมนุษย์ ทักษะต่อสู้ไม่มีผลกับมัน

 

ไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณชั่วร้ายก่อตัวขึ้นมาได้เช่นไร เหมือนกับผลแปลกประหลาดของเหล็กดวงดารา,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ตรรกะทั่วไปมาทําความเข้าใจมัน

 

เซี่ยวเฉินตกใจแต่ก็ไม่ได้ตื่นกลัว เขาคาดการณ์ถึงวิญญาณชั่วร้ายเอาไว้แล้ว

 

ขณะที่วิญญาณชั่วร้ายออกมาจากโถและมุ่งตรงไปที่หัวเซี่ยวเฉิน,แสงสีม่วงสองสายก็ยิ่งออกมาจากดวงตาของเขา แสงสีม่วงเจาะทะลุวิญญาณชั่วร้าย ทันทีที่มันถูกเจาะทะลุ,มันปลดปล่อยควันสีดําออกมา วิญญาณชั่วร้ายกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะจางหายไป

 

นี้เป็นลําแสงสีม่วงที่จะลุกออกมาทุกครั้งที่เซี่ยวเฉินเลื่อนระดับขอบเขตพลัง เซี่ยวเฉินไม่เคยรู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทําอะไร

 

อย่างไรก็ตาม,ความปราดเปรื่องของเซี่ยวเฉินบอกกับเขาว่ามันน่าจะสามารถทําลายจิตกลืนวิญญาณนี้ได้ มันราวกับว่าเขาเคยเห็นของบางสิ่งคล้ายคลึงเช่นนี้มาก่อน

 

ขณะที่กําลังวางแผนหลอมละลายเหล็กดวงดารา,เซี่ยวเฉินตัดสินใจว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ทะลวงระดับพลังและก้าวไปสู่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธเพื่อที่จะพึ่งลําแสงสีม่วงในการสังหารวิญญาณชั่วร้าย

 

แม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเลื่อนระดับพลัง,แต่เพื่อลบล้างวิญญาณชั่วร้ายจากต่างดาว,เขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก

 

ทันทีที่วิญญาณชั่วร้ายถูกลบล้างออกไป,เหล็กดวงดาราก็หลอมละลายอย่างสมบูรณ์พอดิบพอดี เซี่ยวเฉินยืนขึ้นและยึดร่างกาย;เขาไม่ได้เร่งรีบตรวจสอบระดับขอบเขตพลังของเขาหลังจากเลื่อนระดับขึ้นมา

 

เขารีบหยิบขวดขึ้นมาตรวจดู เหล็กดวงดาราที่ยืดขยายขนาดได้เท่าภูเขากลับเหลือเพียงของเหลวสิบหยดเมื่อมันหลอมละลาย

 

“แหมะ!”

 

เซี่ยวเฉินค่อยๆหยดของเหลวลงบนระฆังทองแดง ทันทีที่ของเหลวสีแดงหยดลงบนระฆังทองแดง,มันก็แทรกซึมลงไป…ช่างดูแปลกประหลาด

 

หลังจากที่ของเหลวสีแดงลงไปผสม,ระฆังทองแดงโบราณส่งแสงเรืองสีแดงออกมา พร้อมกับเสียง “ซุ่มม มันลอยขึ้นไปในอากาศทันที

 

สัญลักษณ์ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของระฆังทองแดง,ราวกับมีมือล่องหนกําลังบรรจงแกะสลักลงไป รูและรอยแตกเล็กน้อยบนตัวระฆังค่อยๆฟื้นคืนตัวเอง

 

ระฆังทองแดงปลดปล่อยพลังฉีคุณธรรมออกมา ผู้ใดที่ยืนอยู่ข้างมัน,ผู้นั้นสัมผัสได้ถึงความสงบ เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าเป็นสุขขณะที่เขาจ้องมองระฆังทองแดงในอากาศเขาพูดขึ้น “มันเป็นสมบัติลับที่นักปราชญ์โบราณเคยเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน มันคุ้มค่ากับหินวิญญาณสิบก้อนที่เสียไป”

 

“แคร้ง!”

 

เมื่อเมื่อค่ายกลรูปแบบสุดท้ายบนระฆังทองแดงเสร็จสิ้น,ระฆังโบราณที่สมบูรณ์ปรากฏต่อหน้าของเซี่ยวเฉิน พร้อมกับเสียง “ซุ่มม ,ระฆังยืดขยายไปเป็นขนาดเท่าตัวคนและส่งเสียงสั่นดังออกมา

 

เสียงนี้ช่างสงบสุข เซี่ยวเฉินยืนอยู่ใต้ระฆัง เขารู้สึกว่าระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธที่เขาได้รับมาใหม่นิ่งเสถียรราวกับเสียงอันไพเราะนี้

 

เซี่ยวเฉินเงยหัวขึ้นและมองไปข้างในของระฆังทองแดงเป็นหลุมมืด มันลึกลงไปไร้ที่สิ้นสุด เขาอดที่จะคิดไม่ได้ มันดูเหมือนจะมีดินแดนเล็กอยู่ในนั้น

 

“สมบัติลับที่สามารถสร้างดินแดนเล็กขึ้นมาได้…หรือว่ามันอาจจะเป็นสมบัติลับระดับกษัตริย์ที่เสียหาย?” เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองไปที่ช่องลึกและความสงสัย เติมเต็มไปในหัว

 

ธงสีดําลอยออกมาจากดวงตาของเซี่ยวเฉิน ธงสีดํานําพาสัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินและเข้าไปในพื้นที่สีดํา

 

“บูม”

 

โลกที่เซี่ยวเฉินมองเห็นทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนไป พื้นที่ว่างเปล่าปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา ธงสีดําใต้เท้าของเขามุ่งหน้าลงไปอย่างต่อเนื่อง

 

“ปัง!” หลังจากดิ่งลงมาไม่รู้ระยะ

 

ธงสีดําก็ไปติดเข้ากับพื้นเส้นทาง,ที่ปรากฏขึ้นมาในพื้นที่ว่างเปล่า ดินแดนเล็กเริ่มขยายออกไป,เริ่มจากจุดที่ธงอยู่

 

สายลมกรรโชกรุนแรง,และฝุ่นดินเติมเต็มในอากาศ มีเสียงโห่ร้องคําราม ฉากเบื้องหน้าที่สร้างขึ้นมาโดยดินแดนเล็กคือหนึ่งในสนามรบบรรพกาล

 

เหนือพื้นที่ว่างเปล่า, สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนยืนนิ่งในท่าทางหนักแน่น สิ่งมีชีวิตพวกนี้มีสามหัวหกแขน;พวกเขาถืออาวุธหลากชนิดอยู่ในมือ,พลังฉีสีดําปกคลุมร่างของพวกเขา

 

ยังมีบางคนที่มีปีกเหมือนนก พวกเขาลอยอยู่บนท้องฟ้า,ทําประทับมือไปอย่างต่อเนื่อง สายธารแห่งพลังงานอันสูงส่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า

 

แม้แต่จุดที่ไกลออกไป,ยังมีร่างเจ็ดร่างที่สูงมากกว่า 300 เมตรมันดูราวกับว่าหัวของพวกเขาได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของท้องฟ้า เมฆสีดําอันไร้ขอบเขตรวมกลุ่มก้อนรอบหัวของพวกเขา,ทอดยาวไปหลายพันกิโลเมตรเป็นพื้นที่ยาวไกลไปสุดที่ดวงตาจะมองถึงได้เรียงเป็นชั้นไปมองดูยิ่งใหญ่และทรงพลัง

 

ท่ามกลางพวกเขา,มีมนุษย์ผู้หนึ่งหัวเราะขึ้นเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความอาจหาญและจิตวิญญาณ,มันทําให้เลือดของผู้ที่ได้ยินเดือดระอุ

 

ระฆังทองแดงขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือหัวของเขา เสียงของระฆังช่างฟังดูศักดิ์สิทธิ์ กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง รอยแยกที่มองเห็นได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า,เปิดเส้นทางแห่งท้อง ฟ้า

 

มันเหมือนกับกิ่งไม้ตายกําลังร่วงหล่นออกจากต้นไม้ ร่างคล้ายมนุษย์นับไม่ถ้วยบนท้องฟ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน เขากระโดดออกจากพื้นด้วยเท้าของเขา และพื้นเกิดสันสะเทือน,ท้องฟ้าไหวขยับ:ภูเขาแตกแยก,และแม่น้ำพลุ่งพล่าน

 

เขายื่นมือจะออกไปคว้าจับทันใดนั้นนิ้วมือของเขากลายเป็นใหญ่โตขึ้นมา เขาขี้ร่างคล้ายมนุษย์ทั้งหมดตกตายไปอย่างง่ายดายราวกับมดปลวก

 

เซี่ยวเฉินยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว เขาครุ่นคิดอย่างหนักพร้อมกับพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “นั้นคือหัตถ์จับมังกร หรือคนผู้นี้จะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเอี้ยน? ช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ เขาสามารถทําลายกฏของพื้นที่แห่งนี้ด้วยฝ่ามือเดียว

 

เซี่ยวเฉินราวกับเป็นผู้ชมยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนี้ เมื่อกองทัพปีศาจล้อมเข้ามาพลังฉีสีดําเดินผ่าน,ราวกับว่ามันสังเกตเห็นเซี่ยวเฉิน พวกมันมุ่งหน้าตรงไปที่บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้น

 

อย่างไรก็ตาม,บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนเคยไร้ซึ่งผู้เทียบเคียง ระฆังทองแดงเหนือหัวของเขายิงสายพลังฉีสีเหลืองดําออกมาและปิดกั้นการโจมตีทั้งหมด ไม่มีหน้าไหนเข้าไปใกล้ได้

 

ในที่สุด,ไกลออกไป,เสียงเย็นชาออกมาจากระหว่างร่างใหญ่ยักษ์ทั้งเจ็ด “สมบัติลับป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์,ระฆังจักรพรรดิตะวันตก?”

 

ขณะที่เสียงนั้นดังออกมา,ร่างใหญ่ยักษ์ทั้งเจ็ดได้พุ่งออกไป พวกมันก้าวยาวไปและมาถึงตัวบรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้น คนที่ล้อมรอบอยู่ถอยออกไปทันที

 

เกิดเป็นเสียงดังสนั่น.และเกิดหลมใหญ่ขึ้นในพื้นที่ ระฆังจักรพรรดิตะวันตกสั่นเสียงออกมาไม่หยุด บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้นกําลังต่อสู้หนึ่งต่อเจ็ด,แต่เขาไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การต่อสู้ยืดเยื้อออกไป,รอยแตกปรากฏขึ้นบนระฆังจักรพรรดิตะวันตก ในจังหวะสุดท้าย,มันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และสัญลักษณ์ค่ายกลของมันก็พังลงโดยสมบูรณ์

 

ด้วยเสียงอันดัง,มันเปลี่ยนไปเป็นชิ้นเล็ก,ระฆังประณีตสวยงามร่วงหล่นไปที่พื้น,ตกลงข้างเท้าของเซี่ยวเฉิน บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังและทันใดนั้นร่างของเขาก็ระเบิดเขาได้ระเบิดตัวเอง

 

ทันทีที่เกิดระเบิดขึ้น,สนามรบบรรพกาลถูกลบหายไปไม่เหลือร่องรอย พื้นที่อันไร้ขอบเขตเหลือเพียงเล็กน้อย,ระฆังอันงดงาม,กําลังพิสูจน์ว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริง

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาระฆังทองแดงขึ้นมาและปัดฝุ่นออก เขาส่งสายสัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างในมันและพบว่าไม่มีร่องรอยว่าบรรพบุรุษตระกูลเอียนผู้นั้นทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้

 

นี้มันจัดการได้ง่ายกว่ามาก เซี่ยวเฉินทิ้งสัมผัสวิญญาณไว้ข้างในมัน,แปรเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์พร้อมกับผสานเข้ากับระฆังจักรพรรดิตะวันตกอย่างช้าๆ จากนั้นเขาควบคุมธงสีดําเพื่อทะลวงช่องว่างและกลับออกมา

 

เมื่อธงสีดํากลับเข้าไปในดวงตาของเซี่ยวเฉิน,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินก็กลับเข้าไปในร่าง เมื่อเขามองไปที่ระฆังจักรพรรดิตะวันตกบนท้องฟ้าอีกครั้ง เซี่ยวเฉินมีสายเชื่อมโยงลึกลับกับมัน

 

สะบัดมือของเขา,ระฆังทองแดงหดลงไปเหลือขนาดเท่านิ้วมือวางอยู่บนฝ่ามือของเซี่ยวเฉิน เขาพึมพําขึ้น “ระฆังจักรพรรดิตะวันตก..สมบัติลับป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าสงสัยว่าพลังของมันในตอนนี้จะเหลืออยู่เพียงกี่ส่วน?”

 

เซี่ยวเฉินเก็บระฆังทองแดงเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาลและออกจากค่ายกลลวงตาไป หากมีใครบางคนอยู่แถวนี้ หากพวกเขามาเจอเข้าพวกเขาจะต้องประหลาดใจที่ร่างของเซี่ยวเฉินปรากฏตัวออกมาในอากาศ

 

“หือ?!”

 

มีเสียงหายใจบางเบาลอยมาเข้าหูของเซี่ยวเฉิน สีหน้าของเซี่ยวเฉินกลายเป็นซีดเทา,และเขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปทันที ตั้งแต่ที่เขาออกจากบ้านท่านเจ้าเมืองมา,เขารู้สึกได้ว่ามีบางคนกําลังสะกดรอยตามเขาอยู่

 

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ชัดเจน ในตอนนี้เขาก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธ,การรับรู้ของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกในตอนนี้ชัดเจนขึ้น 

 

เขาตรวจสอบพื้นที่ด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาอย่างละเอียดสองสามครั้ง แต่เขาก็ไม่พบใคร เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างงุนงง “หรือว่าข้าจะคิดไปเอง? หากมีใครสักคนอยู่จริงๆ สัมผัสวิญญาณของข้าต้องตรวจพบนานแล้ว”

 

ส่ายหัวไปมา,เซี่ยวเฉินหยุดไปคิดเกี่ยวกับมัน เขามองไปข้างหน้าเดินมุ่งหน้าต่อไป

 

ในจังหวะนั้นเอง เสี่ยวไปวิ่งมาแต่ไกล มีกิ่งก้านสมุนไพรคาบอยู่ในปากของมัน มันกระโดดลงตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน,อวดโอ้สมบัติที่มันหาเจอ

 

เซี่ยวเฉินรับพวกมันมามองดู เขาอดยิ้มขึ้นไม่ได้:พวกมันเป็นสมุนไพรระดับ 5 หญ้าเรืองแสง เซี่ยวเฉินเดิมที่ไม่ได้สนใจจะไปเก็บพวกมัน ใครจะรู้ว่าเสี่ยวไป๋จะวิ่งไปวิ่งมาคาบมันกลับมาหาเขา?

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 144 วิญญาณชั่วร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 144 วิญญาณชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 144 วิญญาณชั่วร้าย

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาระฆังทองแดงอันเล็กออกมาและมองไปที่ความเสียหายบนพื้นผิวของมัน เขายิ้มบางๆและพูดขึ้น “ด้วยสิ่งนี้ มันอาจจะสามารถซ่อมแซมกลับมาได้สําหรับสัญลักษณ์ค่ายกลที่กําลังปั่นป่วน,ข้าสามารถค่อยๆ จัดเรียงมันขึ้นใหม่ในอนาคต”

 

TLเปลี่ยนจากกระดิ่งเป็นระฆังนะครับ eng ใช้คําว่า belt แล้วมันชิ้นเล็กตอนแรกเลยนึกว่ากระดิ่งครับ ไปดูจีนมาแล้วเป็นระฆังจริงๆครับ

 

เขาวางระฆังทองแดงไว้บนฝ่ามือและห่อหุ้มเหล็กดวงดาราด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา เหล็กดวงดาราค่อยๆลอยขึ้น และเปลวเพลิงสีม่วงอันไร้ขอบเขตในดวงตาข้างขวาของเขาเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว

 

“ซูว!”

 

เปลวเพลิงสีม่วงกระโดดออกมาจากตาขวาของเขาและเผาไหม้เหล็กดวงดารา เหล็กดวงดารามีความต้านทานเปลวไฟสูงมาก;เปลวไฟธรรมดาไม่สามารถหลอมละลายมันได้

 

เวลาไหลผ่านไปช้าๆ สี่ชั่วโมงผ่านไปโดยที่เซี่ยวเฉินไม่รู้ตัว เหล็กดวงดาราภายในเปลวเพลิงสีม่วงไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลง เม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากของเซี่ยวเฉิน;มันไหลลงจากใบหน้าของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เปลวเพลิงที่น่ากลัวทําให้ใบหน้าของเขาเรื่องแดง

 

“ปัง!”

 

เซี่ยวเฉินโยนหินวิญญาณอีกก้อนที่หมดซึ่งพลังทิ้งไป นี้เป็นหินวิญญาณก้อนที่สามแล้วที่เขาโยนทิ้งไป

 

ด้วยการที่ใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงเป็นเวลานานเกินไป เขาผลาญพลังปราณไปเป็นจํานวนมาก ความจริง,ด้วยระดับขอบเขตพลังในปัจจุบันของเซี่ยวเฉิน,เขารีบร้อนเกินไปที่พยายามจะหลอมละลายเหล็กดวงดารา

 

แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังบรรพกาลบนโลก พวกเขายังสามารถละลายเหล็กดวงดาราหลังจากที่พวกเขาขึ้นสู่ระยะหยวนหยิงแล้วเท่านั้น เป็นเช่นนั้น,ของที่มาจากต่างดาว,ไม่ใช่สมบัติธรรมชาติทั่วไป,มันหลอมละลายลงไม่ได้ง่ายๆ 

 

เซี่ยวเฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขาออกเบาๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลเกินไปนัก เขามองอย่างเฉียบคมไปที่เหล็กดวงดาราที่กําลังร้อนขึ้นเรื่อยๆโดยเปลวเพลิงสีม่วง

 

“จี่!”

 

หลังจากเซี่ยวเฉินโยนหินวิญญาณก้อนที่สิบทิ้งไป ก็มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับเหล็กดวงดารา ของเหลวสีแดงเพลิงค่อยๆหยดลงลงไปในขวดหยกที่เซี่ยวเฉินเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

ในจังหวะนั้นเอง,มีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้นวิญญาณชั่วร้ายที่มองเห็นได้บางเบาพุ่งออกมาจากเหล็กดวงดาราเข้าใส่เซี่ยวเฉินและส่งเสียงร้องกดขี่อันน่ากลัวออกมา

 

นี้มันคือวิญญาณชั่วร้ายลึกลับแห่งห้วงอวกาศ เหล็กดวงดาราทุกชิ้นจะมีมันติดมา วิญญาณชั่วร้ายนี้จะไม่มีรูปร่างกายหยาบ,มันเป็นเพียงวิญญาณที่กลืนกินจิตวิญญาณของมนุษย์ ทักษะต่อสู้ไม่มีผลกับมัน

 

ไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณชั่วร้ายก่อตัวขึ้นมาได้เช่นไร เหมือนกับผลแปลกประหลาดของเหล็กดวงดารา,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ตรรกะทั่วไปมาทําความเข้าใจมัน

 

เซี่ยวเฉินตกใจแต่ก็ไม่ได้ตื่นกลัว เขาคาดการณ์ถึงวิญญาณชั่วร้ายเอาไว้แล้ว

 

ขณะที่วิญญาณชั่วร้ายออกมาจากโถและมุ่งตรงไปที่หัวเซี่ยวเฉิน,แสงสีม่วงสองสายก็ยิ่งออกมาจากดวงตาของเขา แสงสีม่วงเจาะทะลุวิญญาณชั่วร้าย ทันทีที่มันถูกเจาะทะลุ,มันปลดปล่อยควันสีดําออกมา วิญญาณชั่วร้ายกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะจางหายไป

 

นี้เป็นลําแสงสีม่วงที่จะลุกออกมาทุกครั้งที่เซี่ยวเฉินเลื่อนระดับขอบเขตพลัง เซี่ยวเฉินไม่เคยรู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทําอะไร

 

อย่างไรก็ตาม,ความปราดเปรื่องของเซี่ยวเฉินบอกกับเขาว่ามันน่าจะสามารถทําลายจิตกลืนวิญญาณนี้ได้ มันราวกับว่าเขาเคยเห็นของบางสิ่งคล้ายคลึงเช่นนี้มาก่อน

 

ขณะที่กําลังวางแผนหลอมละลายเหล็กดวงดารา,เซี่ยวเฉินตัดสินใจว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ทะลวงระดับพลังและก้าวไปสู่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธเพื่อที่จะพึ่งลําแสงสีม่วงในการสังหารวิญญาณชั่วร้าย

 

แม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเลื่อนระดับพลัง,แต่เพื่อลบล้างวิญญาณชั่วร้ายจากต่างดาว,เขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก

 

ทันทีที่วิญญาณชั่วร้ายถูกลบล้างออกไป,เหล็กดวงดาราก็หลอมละลายอย่างสมบูรณ์พอดิบพอดี เซี่ยวเฉินยืนขึ้นและยึดร่างกาย;เขาไม่ได้เร่งรีบตรวจสอบระดับขอบเขตพลังของเขาหลังจากเลื่อนระดับขึ้นมา

 

เขารีบหยิบขวดขึ้นมาตรวจดู เหล็กดวงดาราที่ยืดขยายขนาดได้เท่าภูเขากลับเหลือเพียงของเหลวสิบหยดเมื่อมันหลอมละลาย

 

“แหมะ!”

 

เซี่ยวเฉินค่อยๆหยดของเหลวลงบนระฆังทองแดง ทันทีที่ของเหลวสีแดงหยดลงบนระฆังทองแดง,มันก็แทรกซึมลงไป…ช่างดูแปลกประหลาด

 

หลังจากที่ของเหลวสีแดงลงไปผสม,ระฆังทองแดงโบราณส่งแสงเรืองสีแดงออกมา พร้อมกับเสียง “ซุ่มม มันลอยขึ้นไปในอากาศทันที

 

สัญลักษณ์ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของระฆังทองแดง,ราวกับมีมือล่องหนกําลังบรรจงแกะสลักลงไป รูและรอยแตกเล็กน้อยบนตัวระฆังค่อยๆฟื้นคืนตัวเอง

 

ระฆังทองแดงปลดปล่อยพลังฉีคุณธรรมออกมา ผู้ใดที่ยืนอยู่ข้างมัน,ผู้นั้นสัมผัสได้ถึงความสงบ เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าเป็นสุขขณะที่เขาจ้องมองระฆังทองแดงในอากาศเขาพูดขึ้น “มันเป็นสมบัติลับที่นักปราชญ์โบราณเคยเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน มันคุ้มค่ากับหินวิญญาณสิบก้อนที่เสียไป”

 

“แคร้ง!”

 

เมื่อเมื่อค่ายกลรูปแบบสุดท้ายบนระฆังทองแดงเสร็จสิ้น,ระฆังโบราณที่สมบูรณ์ปรากฏต่อหน้าของเซี่ยวเฉิน พร้อมกับเสียง “ซุ่มม ,ระฆังยืดขยายไปเป็นขนาดเท่าตัวคนและส่งเสียงสั่นดังออกมา

 

เสียงนี้ช่างสงบสุข เซี่ยวเฉินยืนอยู่ใต้ระฆัง เขารู้สึกว่าระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธที่เขาได้รับมาใหม่นิ่งเสถียรราวกับเสียงอันไพเราะนี้

 

เซี่ยวเฉินเงยหัวขึ้นและมองไปข้างในของระฆังทองแดงเป็นหลุมมืด มันลึกลงไปไร้ที่สิ้นสุด เขาอดที่จะคิดไม่ได้ มันดูเหมือนจะมีดินแดนเล็กอยู่ในนั้น

 

“สมบัติลับที่สามารถสร้างดินแดนเล็กขึ้นมาได้…หรือว่ามันอาจจะเป็นสมบัติลับระดับกษัตริย์ที่เสียหาย?” เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองไปที่ช่องลึกและความสงสัย เติมเต็มไปในหัว

 

ธงสีดําลอยออกมาจากดวงตาของเซี่ยวเฉิน ธงสีดํานําพาสัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินและเข้าไปในพื้นที่สีดํา

 

“บูม”

 

โลกที่เซี่ยวเฉินมองเห็นทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนไป พื้นที่ว่างเปล่าปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา ธงสีดําใต้เท้าของเขามุ่งหน้าลงไปอย่างต่อเนื่อง

 

“ปัง!” หลังจากดิ่งลงมาไม่รู้ระยะ

 

ธงสีดําก็ไปติดเข้ากับพื้นเส้นทาง,ที่ปรากฏขึ้นมาในพื้นที่ว่างเปล่า ดินแดนเล็กเริ่มขยายออกไป,เริ่มจากจุดที่ธงอยู่

 

สายลมกรรโชกรุนแรง,และฝุ่นดินเติมเต็มในอากาศ มีเสียงโห่ร้องคําราม ฉากเบื้องหน้าที่สร้างขึ้นมาโดยดินแดนเล็กคือหนึ่งในสนามรบบรรพกาล

 

เหนือพื้นที่ว่างเปล่า, สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนยืนนิ่งในท่าทางหนักแน่น สิ่งมีชีวิตพวกนี้มีสามหัวหกแขน;พวกเขาถืออาวุธหลากชนิดอยู่ในมือ,พลังฉีสีดําปกคลุมร่างของพวกเขา

 

ยังมีบางคนที่มีปีกเหมือนนก พวกเขาลอยอยู่บนท้องฟ้า,ทําประทับมือไปอย่างต่อเนื่อง สายธารแห่งพลังงานอันสูงส่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า

 

แม้แต่จุดที่ไกลออกไป,ยังมีร่างเจ็ดร่างที่สูงมากกว่า 300 เมตรมันดูราวกับว่าหัวของพวกเขาได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของท้องฟ้า เมฆสีดําอันไร้ขอบเขตรวมกลุ่มก้อนรอบหัวของพวกเขา,ทอดยาวไปหลายพันกิโลเมตรเป็นพื้นที่ยาวไกลไปสุดที่ดวงตาจะมองถึงได้เรียงเป็นชั้นไปมองดูยิ่งใหญ่และทรงพลัง

 

ท่ามกลางพวกเขา,มีมนุษย์ผู้หนึ่งหัวเราะขึ้นเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความอาจหาญและจิตวิญญาณ,มันทําให้เลือดของผู้ที่ได้ยินเดือดระอุ

 

ระฆังทองแดงขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือหัวของเขา เสียงของระฆังช่างฟังดูศักดิ์สิทธิ์ กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง รอยแยกที่มองเห็นได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า,เปิดเส้นทางแห่งท้อง ฟ้า

 

มันเหมือนกับกิ่งไม้ตายกําลังร่วงหล่นออกจากต้นไม้ ร่างคล้ายมนุษย์นับไม่ถ้วยบนท้องฟ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน เขากระโดดออกจากพื้นด้วยเท้าของเขา และพื้นเกิดสันสะเทือน,ท้องฟ้าไหวขยับ:ภูเขาแตกแยก,และแม่น้ำพลุ่งพล่าน

 

เขายื่นมือจะออกไปคว้าจับทันใดนั้นนิ้วมือของเขากลายเป็นใหญ่โตขึ้นมา เขาขี้ร่างคล้ายมนุษย์ทั้งหมดตกตายไปอย่างง่ายดายราวกับมดปลวก

 

เซี่ยวเฉินยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว เขาครุ่นคิดอย่างหนักพร้อมกับพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “นั้นคือหัตถ์จับมังกร หรือคนผู้นี้จะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเอี้ยน? ช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ เขาสามารถทําลายกฏของพื้นที่แห่งนี้ด้วยฝ่ามือเดียว

 

เซี่ยวเฉินราวกับเป็นผู้ชมยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนี้ เมื่อกองทัพปีศาจล้อมเข้ามาพลังฉีสีดําเดินผ่าน,ราวกับว่ามันสังเกตเห็นเซี่ยวเฉิน พวกมันมุ่งหน้าตรงไปที่บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้น

 

อย่างไรก็ตาม,บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนเคยไร้ซึ่งผู้เทียบเคียง ระฆังทองแดงเหนือหัวของเขายิงสายพลังฉีสีเหลืองดําออกมาและปิดกั้นการโจมตีทั้งหมด ไม่มีหน้าไหนเข้าไปใกล้ได้

 

ในที่สุด,ไกลออกไป,เสียงเย็นชาออกมาจากระหว่างร่างใหญ่ยักษ์ทั้งเจ็ด “สมบัติลับป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์,ระฆังจักรพรรดิตะวันตก?”

 

ขณะที่เสียงนั้นดังออกมา,ร่างใหญ่ยักษ์ทั้งเจ็ดได้พุ่งออกไป พวกมันก้าวยาวไปและมาถึงตัวบรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้น คนที่ล้อมรอบอยู่ถอยออกไปทันที

 

เกิดเป็นเสียงดังสนั่น.และเกิดหลมใหญ่ขึ้นในพื้นที่ ระฆังจักรพรรดิตะวันตกสั่นเสียงออกมาไม่หยุด บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้นกําลังต่อสู้หนึ่งต่อเจ็ด,แต่เขาไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การต่อสู้ยืดเยื้อออกไป,รอยแตกปรากฏขึ้นบนระฆังจักรพรรดิตะวันตก ในจังหวะสุดท้าย,มันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และสัญลักษณ์ค่ายกลของมันก็พังลงโดยสมบูรณ์

 

ด้วยเสียงอันดัง,มันเปลี่ยนไปเป็นชิ้นเล็ก,ระฆังประณีตสวยงามร่วงหล่นไปที่พื้น,ตกลงข้างเท้าของเซี่ยวเฉิน บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังและทันใดนั้นร่างของเขาก็ระเบิดเขาได้ระเบิดตัวเอง

 

ทันทีที่เกิดระเบิดขึ้น,สนามรบบรรพกาลถูกลบหายไปไม่เหลือร่องรอย พื้นที่อันไร้ขอบเขตเหลือเพียงเล็กน้อย,ระฆังอันงดงาม,กําลังพิสูจน์ว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริง

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาระฆังทองแดงขึ้นมาและปัดฝุ่นออก เขาส่งสายสัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างในมันและพบว่าไม่มีร่องรอยว่าบรรพบุรุษตระกูลเอียนผู้นั้นทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้

 

นี้มันจัดการได้ง่ายกว่ามาก เซี่ยวเฉินทิ้งสัมผัสวิญญาณไว้ข้างในมัน,แปรเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์พร้อมกับผสานเข้ากับระฆังจักรพรรดิตะวันตกอย่างช้าๆ จากนั้นเขาควบคุมธงสีดําเพื่อทะลวงช่องว่างและกลับออกมา

 

เมื่อธงสีดํากลับเข้าไปในดวงตาของเซี่ยวเฉิน,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินก็กลับเข้าไปในร่าง เมื่อเขามองไปที่ระฆังจักรพรรดิตะวันตกบนท้องฟ้าอีกครั้ง เซี่ยวเฉินมีสายเชื่อมโยงลึกลับกับมัน

 

สะบัดมือของเขา,ระฆังทองแดงหดลงไปเหลือขนาดเท่านิ้วมือวางอยู่บนฝ่ามือของเซี่ยวเฉิน เขาพึมพําขึ้น “ระฆังจักรพรรดิตะวันตก..สมบัติลับป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าสงสัยว่าพลังของมันในตอนนี้จะเหลืออยู่เพียงกี่ส่วน?”

 

เซี่ยวเฉินเก็บระฆังทองแดงเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาลและออกจากค่ายกลลวงตาไป หากมีใครบางคนอยู่แถวนี้ หากพวกเขามาเจอเข้าพวกเขาจะต้องประหลาดใจที่ร่างของเซี่ยวเฉินปรากฏตัวออกมาในอากาศ

 

“หือ?!”

 

มีเสียงหายใจบางเบาลอยมาเข้าหูของเซี่ยวเฉิน สีหน้าของเซี่ยวเฉินกลายเป็นซีดเทา,และเขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปทันที ตั้งแต่ที่เขาออกจากบ้านท่านเจ้าเมืองมา,เขารู้สึกได้ว่ามีบางคนกําลังสะกดรอยตามเขาอยู่

 

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ชัดเจน ในตอนนี้เขาก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธ,การรับรู้ของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกในตอนนี้ชัดเจนขึ้น 

 

เขาตรวจสอบพื้นที่ด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาอย่างละเอียดสองสามครั้ง แต่เขาก็ไม่พบใคร เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างงุนงง “หรือว่าข้าจะคิดไปเอง? หากมีใครสักคนอยู่จริงๆ สัมผัสวิญญาณของข้าต้องตรวจพบนานแล้ว”

 

ส่ายหัวไปมา,เซี่ยวเฉินหยุดไปคิดเกี่ยวกับมัน เขามองไปข้างหน้าเดินมุ่งหน้าต่อไป

 

ในจังหวะนั้นเอง เสี่ยวไปวิ่งมาแต่ไกล มีกิ่งก้านสมุนไพรคาบอยู่ในปากของมัน มันกระโดดลงตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน,อวดโอ้สมบัติที่มันหาเจอ

 

เซี่ยวเฉินรับพวกมันมามองดู เขาอดยิ้มขึ้นไม่ได้:พวกมันเป็นสมุนไพรระดับ 5 หญ้าเรืองแสง เซี่ยวเฉินเดิมที่ไม่ได้สนใจจะไปเก็บพวกมัน ใครจะรู้ว่าเสี่ยวไป๋จะวิ่งไปวิ่งมาคาบมันกลับมาหาเขา?

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+