Immortal and Martial Dual Cultivation 160 ช่องว่าง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 160 ช่องว่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 160 ช่องว่าง

 

สีหน้าของเซี่ยวเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงพร้อมกับกางนิ้วมือของเขาออก กําปั้นยักษ์สีดําเลียนแบบท่าทางของเขาและกลายมาเป็นฝ่ามือ

 

“มันเป็นไปได้เยี่ยงไร? ปราศจากจิตวิญญาณยุทธสืบทอดของตระกูลเจี้ยน,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ออกหัตถ์จับมังกร เขาร่ำเรียนมันได้เยี่ยงไร?”

 

ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อของเอี้ยนเทียนเจิ้ง,มือยักษ์ตบลงมาที่เขา,กดเขาลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก

 

เซี่ยวเฉินมองกลับไป,และมังกรฟ้าที่จุดตันเที่ยนของเขา ร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด พลังปราณไร้ขอบเขตไหลตรงไปที่มือขวาของเขา และเขาก็ซัดกระบี่เงาจันทร์ออกไป เกิดเป็นสายลมแรงขณะที่เขาผลักคนสามคนลอยไปในอากาศ

 

เส้นสายฟ้าร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,กระบี่เงาจันทร์ยกขึ้นพร้อมกับประกายแสงรุ่งโรจน์ เซี่ยวเฉินใช้ออกวาดกระบี่อย่างรวดเร็ว นี่คือทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันที่เกือบจะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

 

การจู่โจมนี้รวดเร็วราวกับสายฟ้า มันนําพาสายวายุเย็นพร้อมกับสับลงไปยังคนที่เตรียมจะลอบโจมตีเขาจากด้านหลังขาดครึ่ง

 

เมื่อเหล่าศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นสามคนเห็นสหายของพวกเขาถูกสับขาดครึ่งโดยเซี่ยวเฉิน, พวกเขารู้สึกหนาวเหน็บในใจไปกับฉากตรงหน้า

 

พวกเขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะกํากระบี่ของพวกเขาไว้แน่นและพุ่งเข้ามา เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆ และก้าวขึ้นหน้าไปสายฟ้าอีกเส้นวูบไหวบนท้องฟ้าพร้อมกับความเร็วของเซี่ยวเฉินที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น

 

เผชิญหน้ากับสามศิษย์ของยอดเขาปี้อวิ๋นที่พุ่งตรงเข้ามา,เซี่ยวเฉินกุมด้ามกระบี่ของเขาไว้แน่น เขากวาดมันออกไปอย่างสบายๆ และประกายแสงรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้น

 

“ปัง!” เซี่ยวเฉินตะโกนขึ้น และประกายแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

มันส่งเสียงดังและก่อกําเนิดคลื่นกระแทกหนาแน่นระเบิดออกมา สามนักบ่มเพาะพลังถูกผลักถอยไปในทันที

 

มีเสียงฝีเท้ากําลังเข้ามาที่ด้านหลังของเขานักบ่มเพาะพลังที่เหลืออีกสามคนกําลังเข้ามาจากด้านหลังของเขา เซี่ยวเฉินเมินพวกเขาไปและเขาก็ทะยานขึ้นไปในอากาศ,มาพร้อมกับเสียงเสียงฟ้าปะทุคําราม

 

เซี่ยวเฉินได้ใช้สายฟ้าผ่าสวรรค์ออกมาสมบูรณ์แบบ ร่างของเขาราวกับฉีกทะลุผ่านมิติ,ก่อเกิดเป็นแสงสีรุ้ง 

 

แสงสีรุ่งจางหายไปในทันที หลังจากเสียงเงียบหายไปนานเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น มันเจาะทะลุร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นและระเบิดร่างของเขากลายเป็นเศษเนื้อ

 

เซี่ยวเฉินไปหยุดอยู่ที่กลางอากาศ,กําลังยืนอยู่บนความ ว่างเปล่า เสียงสายฟ้ายังคงปะทุต่อเนื่องเบื้องหลังของเขา เสียงคลื่นสะท้อนไปทั่วภายในบริเวณ เป็นผลให้ใบของต้นไม้ ที่หนาแน่นอยู่ในปาร่วงโรย

 

เป็นเพราะเขาไม่อยากวอกแวก,ซ่งเชียนเหอจึงไม่ได้ไปสนใจการต่อสู้ของอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เซี่ยวเฉินนั้นได้สร้างความปั่นป่วน,เขาต้องหันไปมองดูอย่างช่วยไม่ได้

 

ท้ายที่สุด เมื่อเขาหันไปมองดู,ซ่งเชียนเหอกลายเป็นหน้าซีด แต่เดิมนั้นเขาคิดว่าเขาสามารถจัดการเซี่ยวเฉินได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินได้สังหารศิษย์ของยอดเขา ปิ้อวิ๋นไปถึงสามคนและเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์

 

หลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋นตกตะลึงในความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉินด้วยเช่นกัน พวกเขารีบขัดขวางซ่งเชียนเหอ,ปิดกั้นไม่ให้เขาปลีกตัวไปช่วยเหลือ การต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสามกลายเป็นดุเดือดยิ่งขึ้น

 

ซ่งเชียนเหอกลายเป็นกังวลหนักกว่าเดิมะเขาระเบิดพลังหนักยิ่งขึ้น ทําให้ทั้งสองคนต้องถอยกลับ อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่ฉู่ชินอวิ๋นเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนาง,ไม่มีปัญหาที่จะรับมือกับการโจมตีของซ่งเชียนเหอ

 

“อัสนี้ฟาดฟัน!”

 

เซี่ยวเฉินตะโกนขึ้นเบาๆ และกระบี่ก็ระเบิดแสงออกมาเขาราวเส้นสายฟ้า,ตกลงมาจากฟากฟ้าและลงจอดบนหัวของศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋น กระบี่เงาจันทร์สับลงเกิดเป็นเสียง “เคร้ง เคร้ง!”

 

อาวุธวิญญาณที่ผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นยกขึ้นมาปัดป้องแตกสลายเป็นชิ้นในทันที กระบี่เงาจันทร์ยังไม่หยุด ลงเพียงเท่านั้น มันผ่าร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นออกเป็นสองซีก, จากแนวตั้งลงไปข้างล่าง

 

มองดูสองคนที่อยู่ด้านข้าง,เซี่ยวเฉินยังไม่หยุดพัก เชื่อมต่อท่วงท่าได้อย่างลื่นไหวดุจสายน้ำเขาใช้ออกอัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสอง

 

ความรวดเร็วของเซี่ยวเฉินถูกเร่งขึ้นมาถึงขีดสุด สัมผัสที่เขาปลดปล่อยออกมามันราวกับเทพเจ้าสายฟ้า

 

ด้วยความรวดเร็วที่สะสมมาจากสี่ท่วงท่าก่อนหน้านี้, ตัวกระบี่ในตอนนี้แบกพลังอํานาจมหาศาลเอาไว้ มันยังรวดเร็วถึงขีดสุดมันไม่อาจหยุดยั้งได้

 

“เหลืออีกสาม” เซี่ยวเฉินถอนกระบี่กลับมาและยืนตัวตรง, ความรวดเร็วที่เขาสะสมมาค่อยๆจางหายไป 

 

นักบ่มเพาะพลังอีกสามคนที่เหลือในตอนนี้หวาดกลัวอย่างสมบูรณ์,พวกเขาอยากจะวิ่งหนีไปแต่ก็ไม่อาจทําได้ พวกเขาเกรงว่าซ่งเชียนเหอจะนําปัญหามาสู่พวกเขาหากพวกเขาทําเช่นนั้น หากมันเป็นเช่นนั้น, พวกเขาจะประสบช่วงเวลายากลําบากในยอดเขาปี้อวิ๋น

 

“พลังปราณของเขาน่าจะเหือดแห้งเกือบหมดแล้ว:ไม่มีอะไรต้องไปกลัว!”

 

พวกเขาทั้งสามปลอบโยนกันและกันพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาพร้อมกับทันใดนั้นก็กลายเป็นเลือนลาง กระบี่เงาจันทร์กลายเป็นสาม,และความเร็วของเขากลายเป็นสองเท่า

 

“นี่มันมโนภาพสามกระแสเมฆา:เขาร่ำเรียนมันได้เยี่ยงไร?!”

 

นี่เป็นทักษะลับที่มีเพียงผู้สืบทอดของยอดเขาปี้อวิ๋นที่แท้จริงเท่านั้นสามารถร่ำเรียนได้ หลังจากที่มันขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันจะเทียบเท่าได้กับทักษะต่อสู้ระดับปฐพี พวกเขาทั้งสามไม่อาจเข้าใจได้ว่าเซี่ยวเฉินใช้ออกได้อย่างไร

 

พวกเขาทั้งสามลดการป้องกันลงขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านพวกเขาไปอย่างไหลลื่น,ทิ้งบาดแผลน่ากลัวไว้บนร่างของพวกเขาเลือดสาดกระเซ็นไม่หยุดหย่อน

 

“น่าสนใจ” เซี่ยวเฉินพึมพํากับตัวเอง เขาไม่คาดคิดว่ามโนภาพสามกระแสเมฆาจะทรงพลังถึงเพียงนี้ในครั้งแรกที่เขาใช้รูปแบบแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธลอกเลียนใช้มันออกมา

 

มันทั้งนุ่มนวลและเงียบเชียบราวกับสายน้ำไหล แต่ทั้งนั้น มันยังทรงพลังราวกับแม่น้ำพลุ่งพล่าน:พลุ่งพล่านไม่หยุดยั้ง แต่กลับเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ

 

เป็นผลให้ผู้นั้นไม่อาจมองตามได้ด้วยตาเปล่านี้เป็นแก่นแท้ของมโนภาพสามกระแสเมฆา

 

หลังจากที่เขาใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆา,เซี่ยวเฉินก็ได้ประสบกับความเข้าใจฉับพลัน นี้คือสภาวะอภินิหารมันเป็นบางสิ่งที่สามารถประสบพบได้โดยไม่ร้องขอ

 

เซี่ยวเฉินลืมถึงสถานการณ์โดยรอบ:เขาถูกฝังอยู่ในสภาวะอภินิหาร

 

รูปแบบแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธจําลองแบบทักษะมโนภาพสามกระแสเมฆาอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งร่างของเซี่ยวเฉินราวกับธารเล็กๆ ไหลไปอย่างต่อเนื่อง

 

ธารน้ำค่อยๆไหลหลากรุนแรงและกลายเป็นแม่น้ำที่พลุ่งพล่าน มันเพิ่มระดับขึ้นและเชี่ยวกราก,สร้างคลื่นสาดกระเซ็น

 

ไม่,นั้นมันไม่ถูกต้องนี่มันไม่ใช่สัมผัสของมโนภาพสามก ระแสเมฆา,เซี่ยวเฉินคิดกับตัวเองพร้อมกับเปลี่ยนรูปแบบ การเคลื่อนไหวเท้าของเขา

 

แม่น้ำไหลหลากค่อยๆสงบลงและเปลี่ยนไปเป็นผืนทะเลสงบนิ่ง

 

ไม่มีคลื่นบนพื้นทะเละพื้นผิวของมันราวกับกระจก เมฆไหลเวียนไปบนพื้นผิวอย่างรวดเร็ว,ราวกับเป็นท้องฟ้าอีกผืนห

 

กระแสน้ำไหลเบาใต้พื้นผิวภายใต้กระแสน้ำเงียบเชียบและไหลเคลื่อนไม่หยุดยั้ง,ก้อนหิน,ขนาดใหญ่โตเท่าภูเขา,ก็กลายเป็นราบเรียบเช่นพื้นดินได้

 

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินตื่นขึ้น เขาตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเขามองไปบริเวณโดยรอบเขาได้เดินมาเป็นระยะทางกว่าหนึ่งรอยเมตรโดยไม่รู้ตัว

 

สามศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นถูกเขาลากติดมาด้วยเช่นกัน ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผล,แต่ละแผลบาดลงไปลึกพวกเขาราวกับพร้อมจะตกตายได้ทุกเมื่อ

 

พื้นที่เซี่ยวเฉินเดินผ่านมีรอยแยกลึกกว่าหนึ่งเมตร:ราวกับเป็นทางน้ำไหลผ่านมันไป;มันช่างเรียบเนียนไร้ซึ่งหลุมบ่อ 

 

ซ่งเชียนเหอจ้องมองอย่างตกตะลึงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาพึมพํากับตัวเอง “นี่คือสภาวะสมบูรณ์ดุจสายน้ำ แม้แต่พ่อของข้ายังไม่สําเร็จถึงขั้น นี้”

 

คว้าโอกาสในตอนที่ซ่งเชียนเหอกําลังวอกแวก,หลิวสุยเฟิงร้องตะโกนขึ้น,และทันใดนั้นแสงกระบี่ก็ปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่ของเขา พร้อมกับกระบี่แสงที่กดตรงไปข้างหน้า,ซ่งเชียนเหอสัมผัสได้ถึงอันตราย เขารีบหันความสนใจของเขากลับมาและปัดป้องการโจมตี

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินเดินเข้ามาเขาจ้องมองไปที่ซ่งเชียนเหอ.ผู้ที่กําลังต่อสู้ติดพัน เอี้ยนเทียนเจิ้ง ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ค่อยๆฟื้นสติขึ้นมา,ดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้นยืน

 

“หัตถ์จับมังกร!” เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะชายตามองเขาเมื่อยักษ์สีดําปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและห่อเป็นกําปั้น ปฐพีสั่นสะเทือน,เอี้ยนเทียนเจิ้งถูกบดกลายเป็นชิ้นเนื้อ

 

เซี่ยวเฉินสวมรอยยิ้มบางๆพร้อมกับเดินเข้าไปหาซ่งเชียนเหออย่างช้าๆ เขาสําแดงสัมผัสวิญญาณของเขาไปเป็นเทพในอากาศ

 

เทพนั้นลืมตาขึ้น สายตาของมันส่องสว่างราวกับคบเพลิงเส้นแสงนั้นแทงทะลุไปในอากาศ,ฉายไปที่ซ่งเชียนเหอ นี่เป็นเทพที่นักปราชญ์โบราณจําลองเลียนแบบขึ้นมา สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินไม่ได้แข็งแกร่งดั่งเช่นนักปราชญ์โบราณ,แต่มันเพียงพอที่จะจัดการกับซ่งเชียนเหอ 

 

ซ่งเชียนเหอ.ผู้ที่กําลังต่อสู้ติดพันกับหลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋น รู้สึกถึงแรงกดที่ไร้รูปร่าง มันราวกับดวงตาคู่หนึ่งเจาะทะลุมิติและกาลเวลา,จ้องมองไปในจิตใจของเขา 

 

ยิ่งเซี่ยวเฉินเข้าใกล้แรงกดดันยิ่งหนักขึ้น เขารู้สึกราวกับจังหวะหัวใจของเขาตรงกันกับจังหวะฝีเท้าของเซี่ยวเฉิน

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

จังหวะเต้นหัวใจของเขากลายเป็นหนักขึ้นและหนักขึ้น,ราวกับว่ามันสามารถกระโดดออกมาจากหน้าอกของเขา ซ่งเชียนเหอครุ่นคิด เกิดอะไรขึ้น?ไอ้คนผู้นี้อยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นกลัว ข้าจะต้องใจเย็น

 

แม้ว่าซ่งดชียนเหอจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ใจเย็น,แต่แขนและขาของเขาราวกับยอมแพ้แล้ว เขาเผยจุดอ่อนออกมาในทันทีหลิวสุยเฟิงคว้าโอากาสนั้นและสร้างบาดแผลมากมายปรากฎบนร่างของเขา

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเขาเพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ, จดจ่อสัมผัสวิญญาณของเขาไปที่องค์เทพอย่างต่อเนื่อง แสงสีทองปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเทพล่องหน;แสงสีทองนี้ช่างรุ่งโรจน์แพรวพราว

 

ทันใดนั้นมีแสงสีทองยิงออกมาจากดวงตาของเทพ แสงสีทองเจาะทะลุวิญญาณของซ่งเชียนเหอ ซ่งเชียนเหอสั่นเทิ้มขณะที่ดวงตาของเขาเปิดกว้าง,ร่างของเขาถูกตรึงไว้ชั่วคราวด้วยพลังที่มองไม่เห็น

 

หลังจากที่เทพยิงแสงสีทองออกไป,มันก็แตกสลายไปในทันที เซี่ยวเฉินคว้าโอกาสนี้และใช้ออกทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขาดูราวกับแปลงไปเป็นมังกรพุ่งทะยานและผงาดขึ้นไปในอากาศ

 

เมฆควันถูกตบขึ้นมาขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านหลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋น เขาได้มาถึงเบื้องหน้าซ่งเชียนเหอในทันทีและใช้กระบี่ของเขาฟันลงไปที่หน้าอก

 

“บูม!”

 

เกิดเสียงเหล็กกระทบเหล็ก ไอ้หมอนี่สวมชุดเกราะศึกระดับปฐพีขั้นสูงเอาไว้ การโจมตีของเซี่ยวเฉินไม่อาจสังหารเขาได้ในครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตาม,พลังมหาศาลที่รวบรวมอยู่ในกระบีผลักเขาลอยถอยหลังไป มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขามันชัดเจนว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย

 

ซ่งเชียนเหอตื่นคืนสู่ความเป็นจริงเขาเห็นว่าเขาเสียความได้เปรียบไปแล้ว และเขากหันหลังเพื่อจากไปอย่างรวดเร็ว

 

“คิดหนี? ทิ้งบุปผาผลึกน้ำแข็งเอาไว้ซะ!” หลิวสุยเฟิงตะโกนอย่างดุดัน เขากระโดดขึ้นจากพื้นและเขาก็เริ่มหมุนฝ่ามือของเขา

 

หลิวสุยเฟิงรีบโยนกระบี่ที่หมุนวนอย่างรวดเร็วออกไปเกิดเป็นพายุหมุนหนาแน่น ทันใดนั้นพายุหมุนก็พันรอบซ่งเชียนเหอและดึงเขาลอยขึ้นไปในอากาศ:เกิดเป็นเสียงร้องโหยหวนดังมาจากภายใน

 

เมื่อในที่สุดมันก็หยุดลง,ซ่งเชียนเหอเต็มไปด้วยบาดแผลและร่วงลงจากท้องฟ้ากระแทกพื้นอย่างหนัก เซี่ยวเฉินเดินตรงเข้าไปและปลดเอาแหวนห้วงมิติของเขาออกมา

 

เทสิ่งของทุกอย่างออกมา,หินวิญญาณระดับตําร่วงลงมากองพะเนินที่พื้น,ตลอดจนเม็ดยาคุณภาพดีและตั๋วเงิน

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาบุปผาผลึกน้ำแข็งออกมาจากกองข้าวของและยื่นให้กับหลิวสุยเฟิง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวสุยเฟิงพร้อมกับรับมันเอาไว้

 

มองดูกองหินวิญญาณระดับต่ำอย่างน้อยหนึ่งร้อยก้อน,หลิวสุยเฟิงกลายเป็นยิ้มกว้าง เขาถามเซี่ยวเฉิน “พวกเราจะทําอย่าไรกับหินวิญญาณพวกนี้?”

 

เจตนาของเขาชัดเจน, พวกเขาจะแบ่งของกัน? อย่างไรก็ตาม,ต่อหน้าฉู่ชินอวิ๋น,หลิวสุยเฟิงไม่อาจเผยความคิดเช่นนี้ออกมาได้เขาอยากให้เซี่ยวเฉินเป็นคนเปิดหัวข้อนี้ขึ้นมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 160 ช่องว่าง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 160 ช่องว่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 160 ช่องว่าง

 

สีหน้าของเซี่ยวเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงพร้อมกับกางนิ้วมือของเขาออก กําปั้นยักษ์สีดําเลียนแบบท่าทางของเขาและกลายมาเป็นฝ่ามือ

 

“มันเป็นไปได้เยี่ยงไร? ปราศจากจิตวิญญาณยุทธสืบทอดของตระกูลเจี้ยน,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ออกหัตถ์จับมังกร เขาร่ำเรียนมันได้เยี่ยงไร?”

 

ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อของเอี้ยนเทียนเจิ้ง,มือยักษ์ตบลงมาที่เขา,กดเขาลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก

 

เซี่ยวเฉินมองกลับไป,และมังกรฟ้าที่จุดตันเที่ยนของเขา ร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด พลังปราณไร้ขอบเขตไหลตรงไปที่มือขวาของเขา และเขาก็ซัดกระบี่เงาจันทร์ออกไป เกิดเป็นสายลมแรงขณะที่เขาผลักคนสามคนลอยไปในอากาศ

 

เส้นสายฟ้าร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,กระบี่เงาจันทร์ยกขึ้นพร้อมกับประกายแสงรุ่งโรจน์ เซี่ยวเฉินใช้ออกวาดกระบี่อย่างรวดเร็ว นี่คือทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันที่เกือบจะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

 

การจู่โจมนี้รวดเร็วราวกับสายฟ้า มันนําพาสายวายุเย็นพร้อมกับสับลงไปยังคนที่เตรียมจะลอบโจมตีเขาจากด้านหลังขาดครึ่ง

 

เมื่อเหล่าศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นสามคนเห็นสหายของพวกเขาถูกสับขาดครึ่งโดยเซี่ยวเฉิน, พวกเขารู้สึกหนาวเหน็บในใจไปกับฉากตรงหน้า

 

พวกเขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะกํากระบี่ของพวกเขาไว้แน่นและพุ่งเข้ามา เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆ และก้าวขึ้นหน้าไปสายฟ้าอีกเส้นวูบไหวบนท้องฟ้าพร้อมกับความเร็วของเซี่ยวเฉินที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น

 

เผชิญหน้ากับสามศิษย์ของยอดเขาปี้อวิ๋นที่พุ่งตรงเข้ามา,เซี่ยวเฉินกุมด้ามกระบี่ของเขาไว้แน่น เขากวาดมันออกไปอย่างสบายๆ และประกายแสงรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้น

 

“ปัง!” เซี่ยวเฉินตะโกนขึ้น และประกายแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

มันส่งเสียงดังและก่อกําเนิดคลื่นกระแทกหนาแน่นระเบิดออกมา สามนักบ่มเพาะพลังถูกผลักถอยไปในทันที

 

มีเสียงฝีเท้ากําลังเข้ามาที่ด้านหลังของเขานักบ่มเพาะพลังที่เหลืออีกสามคนกําลังเข้ามาจากด้านหลังของเขา เซี่ยวเฉินเมินพวกเขาไปและเขาก็ทะยานขึ้นไปในอากาศ,มาพร้อมกับเสียงเสียงฟ้าปะทุคําราม

 

เซี่ยวเฉินได้ใช้สายฟ้าผ่าสวรรค์ออกมาสมบูรณ์แบบ ร่างของเขาราวกับฉีกทะลุผ่านมิติ,ก่อเกิดเป็นแสงสีรุ้ง 

 

แสงสีรุ่งจางหายไปในทันที หลังจากเสียงเงียบหายไปนานเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น มันเจาะทะลุร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นและระเบิดร่างของเขากลายเป็นเศษเนื้อ

 

เซี่ยวเฉินไปหยุดอยู่ที่กลางอากาศ,กําลังยืนอยู่บนความ ว่างเปล่า เสียงสายฟ้ายังคงปะทุต่อเนื่องเบื้องหลังของเขา เสียงคลื่นสะท้อนไปทั่วภายในบริเวณ เป็นผลให้ใบของต้นไม้ ที่หนาแน่นอยู่ในปาร่วงโรย

 

เป็นเพราะเขาไม่อยากวอกแวก,ซ่งเชียนเหอจึงไม่ได้ไปสนใจการต่อสู้ของอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เซี่ยวเฉินนั้นได้สร้างความปั่นป่วน,เขาต้องหันไปมองดูอย่างช่วยไม่ได้

 

ท้ายที่สุด เมื่อเขาหันไปมองดู,ซ่งเชียนเหอกลายเป็นหน้าซีด แต่เดิมนั้นเขาคิดว่าเขาสามารถจัดการเซี่ยวเฉินได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินได้สังหารศิษย์ของยอดเขา ปิ้อวิ๋นไปถึงสามคนและเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์

 

หลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋นตกตะลึงในความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉินด้วยเช่นกัน พวกเขารีบขัดขวางซ่งเชียนเหอ,ปิดกั้นไม่ให้เขาปลีกตัวไปช่วยเหลือ การต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสามกลายเป็นดุเดือดยิ่งขึ้น

 

ซ่งเชียนเหอกลายเป็นกังวลหนักกว่าเดิมะเขาระเบิดพลังหนักยิ่งขึ้น ทําให้ทั้งสองคนต้องถอยกลับ อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่ฉู่ชินอวิ๋นเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนาง,ไม่มีปัญหาที่จะรับมือกับการโจมตีของซ่งเชียนเหอ

 

“อัสนี้ฟาดฟัน!”

 

เซี่ยวเฉินตะโกนขึ้นเบาๆ และกระบี่ก็ระเบิดแสงออกมาเขาราวเส้นสายฟ้า,ตกลงมาจากฟากฟ้าและลงจอดบนหัวของศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋น กระบี่เงาจันทร์สับลงเกิดเป็นเสียง “เคร้ง เคร้ง!”

 

อาวุธวิญญาณที่ผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นยกขึ้นมาปัดป้องแตกสลายเป็นชิ้นในทันที กระบี่เงาจันทร์ยังไม่หยุด ลงเพียงเท่านั้น มันผ่าร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นออกเป็นสองซีก, จากแนวตั้งลงไปข้างล่าง

 

มองดูสองคนที่อยู่ด้านข้าง,เซี่ยวเฉินยังไม่หยุดพัก เชื่อมต่อท่วงท่าได้อย่างลื่นไหวดุจสายน้ำเขาใช้ออกอัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสอง

 

ความรวดเร็วของเซี่ยวเฉินถูกเร่งขึ้นมาถึงขีดสุด สัมผัสที่เขาปลดปล่อยออกมามันราวกับเทพเจ้าสายฟ้า

 

ด้วยความรวดเร็วที่สะสมมาจากสี่ท่วงท่าก่อนหน้านี้, ตัวกระบี่ในตอนนี้แบกพลังอํานาจมหาศาลเอาไว้ มันยังรวดเร็วถึงขีดสุดมันไม่อาจหยุดยั้งได้

 

“เหลืออีกสาม” เซี่ยวเฉินถอนกระบี่กลับมาและยืนตัวตรง, ความรวดเร็วที่เขาสะสมมาค่อยๆจางหายไป 

 

นักบ่มเพาะพลังอีกสามคนที่เหลือในตอนนี้หวาดกลัวอย่างสมบูรณ์,พวกเขาอยากจะวิ่งหนีไปแต่ก็ไม่อาจทําได้ พวกเขาเกรงว่าซ่งเชียนเหอจะนําปัญหามาสู่พวกเขาหากพวกเขาทําเช่นนั้น หากมันเป็นเช่นนั้น, พวกเขาจะประสบช่วงเวลายากลําบากในยอดเขาปี้อวิ๋น

 

“พลังปราณของเขาน่าจะเหือดแห้งเกือบหมดแล้ว:ไม่มีอะไรต้องไปกลัว!”

 

พวกเขาทั้งสามปลอบโยนกันและกันพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาพร้อมกับทันใดนั้นก็กลายเป็นเลือนลาง กระบี่เงาจันทร์กลายเป็นสาม,และความเร็วของเขากลายเป็นสองเท่า

 

“นี่มันมโนภาพสามกระแสเมฆา:เขาร่ำเรียนมันได้เยี่ยงไร?!”

 

นี่เป็นทักษะลับที่มีเพียงผู้สืบทอดของยอดเขาปี้อวิ๋นที่แท้จริงเท่านั้นสามารถร่ำเรียนได้ หลังจากที่มันขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันจะเทียบเท่าได้กับทักษะต่อสู้ระดับปฐพี พวกเขาทั้งสามไม่อาจเข้าใจได้ว่าเซี่ยวเฉินใช้ออกได้อย่างไร

 

พวกเขาทั้งสามลดการป้องกันลงขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านพวกเขาไปอย่างไหลลื่น,ทิ้งบาดแผลน่ากลัวไว้บนร่างของพวกเขาเลือดสาดกระเซ็นไม่หยุดหย่อน

 

“น่าสนใจ” เซี่ยวเฉินพึมพํากับตัวเอง เขาไม่คาดคิดว่ามโนภาพสามกระแสเมฆาจะทรงพลังถึงเพียงนี้ในครั้งแรกที่เขาใช้รูปแบบแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธลอกเลียนใช้มันออกมา

 

มันทั้งนุ่มนวลและเงียบเชียบราวกับสายน้ำไหล แต่ทั้งนั้น มันยังทรงพลังราวกับแม่น้ำพลุ่งพล่าน:พลุ่งพล่านไม่หยุดยั้ง แต่กลับเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ

 

เป็นผลให้ผู้นั้นไม่อาจมองตามได้ด้วยตาเปล่านี้เป็นแก่นแท้ของมโนภาพสามกระแสเมฆา

 

หลังจากที่เขาใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆา,เซี่ยวเฉินก็ได้ประสบกับความเข้าใจฉับพลัน นี้คือสภาวะอภินิหารมันเป็นบางสิ่งที่สามารถประสบพบได้โดยไม่ร้องขอ

 

เซี่ยวเฉินลืมถึงสถานการณ์โดยรอบ:เขาถูกฝังอยู่ในสภาวะอภินิหาร

 

รูปแบบแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธจําลองแบบทักษะมโนภาพสามกระแสเมฆาอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งร่างของเซี่ยวเฉินราวกับธารเล็กๆ ไหลไปอย่างต่อเนื่อง

 

ธารน้ำค่อยๆไหลหลากรุนแรงและกลายเป็นแม่น้ำที่พลุ่งพล่าน มันเพิ่มระดับขึ้นและเชี่ยวกราก,สร้างคลื่นสาดกระเซ็น

 

ไม่,นั้นมันไม่ถูกต้องนี่มันไม่ใช่สัมผัสของมโนภาพสามก ระแสเมฆา,เซี่ยวเฉินคิดกับตัวเองพร้อมกับเปลี่ยนรูปแบบ การเคลื่อนไหวเท้าของเขา

 

แม่น้ำไหลหลากค่อยๆสงบลงและเปลี่ยนไปเป็นผืนทะเลสงบนิ่ง

 

ไม่มีคลื่นบนพื้นทะเละพื้นผิวของมันราวกับกระจก เมฆไหลเวียนไปบนพื้นผิวอย่างรวดเร็ว,ราวกับเป็นท้องฟ้าอีกผืนห

 

กระแสน้ำไหลเบาใต้พื้นผิวภายใต้กระแสน้ำเงียบเชียบและไหลเคลื่อนไม่หยุดยั้ง,ก้อนหิน,ขนาดใหญ่โตเท่าภูเขา,ก็กลายเป็นราบเรียบเช่นพื้นดินได้

 

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินตื่นขึ้น เขาตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเขามองไปบริเวณโดยรอบเขาได้เดินมาเป็นระยะทางกว่าหนึ่งรอยเมตรโดยไม่รู้ตัว

 

สามศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นถูกเขาลากติดมาด้วยเช่นกัน ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผล,แต่ละแผลบาดลงไปลึกพวกเขาราวกับพร้อมจะตกตายได้ทุกเมื่อ

 

พื้นที่เซี่ยวเฉินเดินผ่านมีรอยแยกลึกกว่าหนึ่งเมตร:ราวกับเป็นทางน้ำไหลผ่านมันไป;มันช่างเรียบเนียนไร้ซึ่งหลุมบ่อ 

 

ซ่งเชียนเหอจ้องมองอย่างตกตะลึงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาพึมพํากับตัวเอง “นี่คือสภาวะสมบูรณ์ดุจสายน้ำ แม้แต่พ่อของข้ายังไม่สําเร็จถึงขั้น นี้”

 

คว้าโอกาสในตอนที่ซ่งเชียนเหอกําลังวอกแวก,หลิวสุยเฟิงร้องตะโกนขึ้น,และทันใดนั้นแสงกระบี่ก็ปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่ของเขา พร้อมกับกระบี่แสงที่กดตรงไปข้างหน้า,ซ่งเชียนเหอสัมผัสได้ถึงอันตราย เขารีบหันความสนใจของเขากลับมาและปัดป้องการโจมตี

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินเดินเข้ามาเขาจ้องมองไปที่ซ่งเชียนเหอ.ผู้ที่กําลังต่อสู้ติดพัน เอี้ยนเทียนเจิ้ง ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ค่อยๆฟื้นสติขึ้นมา,ดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้นยืน

 

“หัตถ์จับมังกร!” เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะชายตามองเขาเมื่อยักษ์สีดําปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและห่อเป็นกําปั้น ปฐพีสั่นสะเทือน,เอี้ยนเทียนเจิ้งถูกบดกลายเป็นชิ้นเนื้อ

 

เซี่ยวเฉินสวมรอยยิ้มบางๆพร้อมกับเดินเข้าไปหาซ่งเชียนเหออย่างช้าๆ เขาสําแดงสัมผัสวิญญาณของเขาไปเป็นเทพในอากาศ

 

เทพนั้นลืมตาขึ้น สายตาของมันส่องสว่างราวกับคบเพลิงเส้นแสงนั้นแทงทะลุไปในอากาศ,ฉายไปที่ซ่งเชียนเหอ นี่เป็นเทพที่นักปราชญ์โบราณจําลองเลียนแบบขึ้นมา สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินไม่ได้แข็งแกร่งดั่งเช่นนักปราชญ์โบราณ,แต่มันเพียงพอที่จะจัดการกับซ่งเชียนเหอ 

 

ซ่งเชียนเหอ.ผู้ที่กําลังต่อสู้ติดพันกับหลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋น รู้สึกถึงแรงกดที่ไร้รูปร่าง มันราวกับดวงตาคู่หนึ่งเจาะทะลุมิติและกาลเวลา,จ้องมองไปในจิตใจของเขา 

 

ยิ่งเซี่ยวเฉินเข้าใกล้แรงกดดันยิ่งหนักขึ้น เขารู้สึกราวกับจังหวะหัวใจของเขาตรงกันกับจังหวะฝีเท้าของเซี่ยวเฉิน

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

จังหวะเต้นหัวใจของเขากลายเป็นหนักขึ้นและหนักขึ้น,ราวกับว่ามันสามารถกระโดดออกมาจากหน้าอกของเขา ซ่งเชียนเหอครุ่นคิด เกิดอะไรขึ้น?ไอ้คนผู้นี้อยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นกลัว ข้าจะต้องใจเย็น

 

แม้ว่าซ่งดชียนเหอจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ใจเย็น,แต่แขนและขาของเขาราวกับยอมแพ้แล้ว เขาเผยจุดอ่อนออกมาในทันทีหลิวสุยเฟิงคว้าโอากาสนั้นและสร้างบาดแผลมากมายปรากฎบนร่างของเขา

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเขาเพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ, จดจ่อสัมผัสวิญญาณของเขาไปที่องค์เทพอย่างต่อเนื่อง แสงสีทองปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเทพล่องหน;แสงสีทองนี้ช่างรุ่งโรจน์แพรวพราว

 

ทันใดนั้นมีแสงสีทองยิงออกมาจากดวงตาของเทพ แสงสีทองเจาะทะลุวิญญาณของซ่งเชียนเหอ ซ่งเชียนเหอสั่นเทิ้มขณะที่ดวงตาของเขาเปิดกว้าง,ร่างของเขาถูกตรึงไว้ชั่วคราวด้วยพลังที่มองไม่เห็น

 

หลังจากที่เทพยิงแสงสีทองออกไป,มันก็แตกสลายไปในทันที เซี่ยวเฉินคว้าโอกาสนี้และใช้ออกทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขาดูราวกับแปลงไปเป็นมังกรพุ่งทะยานและผงาดขึ้นไปในอากาศ

 

เมฆควันถูกตบขึ้นมาขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านหลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋น เขาได้มาถึงเบื้องหน้าซ่งเชียนเหอในทันทีและใช้กระบี่ของเขาฟันลงไปที่หน้าอก

 

“บูม!”

 

เกิดเสียงเหล็กกระทบเหล็ก ไอ้หมอนี่สวมชุดเกราะศึกระดับปฐพีขั้นสูงเอาไว้ การโจมตีของเซี่ยวเฉินไม่อาจสังหารเขาได้ในครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตาม,พลังมหาศาลที่รวบรวมอยู่ในกระบีผลักเขาลอยถอยหลังไป มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขามันชัดเจนว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย

 

ซ่งเชียนเหอตื่นคืนสู่ความเป็นจริงเขาเห็นว่าเขาเสียความได้เปรียบไปแล้ว และเขากหันหลังเพื่อจากไปอย่างรวดเร็ว

 

“คิดหนี? ทิ้งบุปผาผลึกน้ำแข็งเอาไว้ซะ!” หลิวสุยเฟิงตะโกนอย่างดุดัน เขากระโดดขึ้นจากพื้นและเขาก็เริ่มหมุนฝ่ามือของเขา

 

หลิวสุยเฟิงรีบโยนกระบี่ที่หมุนวนอย่างรวดเร็วออกไปเกิดเป็นพายุหมุนหนาแน่น ทันใดนั้นพายุหมุนก็พันรอบซ่งเชียนเหอและดึงเขาลอยขึ้นไปในอากาศ:เกิดเป็นเสียงร้องโหยหวนดังมาจากภายใน

 

เมื่อในที่สุดมันก็หยุดลง,ซ่งเชียนเหอเต็มไปด้วยบาดแผลและร่วงลงจากท้องฟ้ากระแทกพื้นอย่างหนัก เซี่ยวเฉินเดินตรงเข้าไปและปลดเอาแหวนห้วงมิติของเขาออกมา

 

เทสิ่งของทุกอย่างออกมา,หินวิญญาณระดับตําร่วงลงมากองพะเนินที่พื้น,ตลอดจนเม็ดยาคุณภาพดีและตั๋วเงิน

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาบุปผาผลึกน้ำแข็งออกมาจากกองข้าวของและยื่นให้กับหลิวสุยเฟิง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวสุยเฟิงพร้อมกับรับมันเอาไว้

 

มองดูกองหินวิญญาณระดับต่ำอย่างน้อยหนึ่งร้อยก้อน,หลิวสุยเฟิงกลายเป็นยิ้มกว้าง เขาถามเซี่ยวเฉิน “พวกเราจะทําอย่าไรกับหินวิญญาณพวกนี้?”

 

เจตนาของเขาชัดเจน, พวกเขาจะแบ่งของกัน? อย่างไรก็ตาม,ต่อหน้าฉู่ชินอวิ๋น,หลิวสุยเฟิงไม่อาจเผยความคิดเช่นนี้ออกมาได้เขาอยากให้เซี่ยวเฉินเป็นคนเปิดหัวข้อนี้ขึ้นมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+