Immortal and Martial Dual Cultivation 186 ห่วงโซ่วิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 186 ห่วงโซ่วิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 186 ห่วงโซ่วิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์

 

เย่เหวินกล่าวอย่างเฉยเมย “นี่คือพลังฉีอสูร มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าพลังฉีฆ่าฟันมันจะดึงเอาเจตนาฆ่าฟันในใจของเจ้าออกมา ทําให้ผู้นั้นเกิดบ้าคลั่ง”

 

เซี่ยวเฉินมองอย่างหวาดกลัวไปที่คนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ํา เขาพึมพํากับตัวเอง “พวกเขาสังหารคนไปมากมายแค่ไหนถึงได้มีพลังอสูรที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ว”

 

ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์คือกองกําลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศาลากระบีสวรรค์ พวกเขามาทําอะไรที่นี่? หรือพวกเขากําลังคุ้มกันอะไรบางอย่าง? เหตุใดเย่เหวินถึงถึงได้พาเขามา ที่นี่? เซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง

 

“แค่เพิกเฉยพวกเขาไป;เจ้าจะไม่เป็นไรตราบใดที่เจ้าไม่ข้ามฝั่งแม่น้ําไป ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อมาพักหายใจสักเล็กน้อย อย่าไปคิดมาก!” เย่เหวินขจัดความข้องใจของเซี่ยวเฉิน

 

เย่เหวินนําเซี่ยวเฉินไปที่โต๊ะหินโต๊ะหนึ่งด้านข้างริมฝั่งแม่ นําก่อนที่จะหยุดลง จากนั้นเขาก็หยิบเหล้าออกมาหนึ่งขวดและจอกเหล้าอีกสองจอก,วางลงไว้บนโต๊ะ

 

เย่เหวินเทเหล้าลงจอกและยื่นมาให้กับเซี่ยวเฉิน เย่เหวินยกขึ้นจิบก่อนที่จะพูดขึ้น “นั่งลงก่อน ให้ข้าได้ถามเจ้าเจ้าเข้าร่วมยอดฉิงหยุนตั้งแต่เมื่อใด? สถานการณ์ของยอดเขาฉิงหยุนตอนนี้เป็นเช่นไร?”

 

เซี่ยวเฉินรับจอกเหล้ามาและกระดกลงหมดในอีกเดียว มีสายลมเย็นพัดผ่านมาจากทางแม่น้ํา,ทําให้รู้สึกผ่อนคลาย เซี่ยวเฉินคาดเดาได้นานแล้วว่าเย่เหวินก็เป็นคนของยอดเขา ฉิงหยุนเช่นกัน เขาจึงไม่แปลกใจอะไรที่ถูกถามเช่นนี้

 

“ข้าเข้ามาได้เพียงสามเดือน ตอนที่ข้ามา,ทุกคนได้ทอดทิ้งยอดเขาฉิงหยุนไปหมดแล้ว มีเพียงหลิวหรูเยว่และและน้องชายของนางที่ยังอยู่” เซี่ยวเฉินตอบตามจริงโดยไม่ปิดบังอะไร “ท่านไม่รู้ถึงเรื่องพวกนี้เลย?”

 

เมื่อเย่เหวินได้ยินเช่นนั้น,เขาเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าไม่ได้ออกไปไหนมานับสิบปี ข้าได้ยินถึงสถานการณ์ของพวกเขามาเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อข้าเห็นว่ามีคนจากยอดเขาฉิงหยุนรับงานเฝ้ายามในครั้งนี้ ข้าจึงขอให้เจ้ามาอยู่ในการดูแลของข้า”

 

ไม่ได้ออกไปไหนนับสิบปี เป็นไปได้ว่าเยู่เหวินติดอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปี?

 

ช่างไม่น่าเชื่อ,เซี่ยวเฉินมาที่นี่เพียงหนึ่งอาทิตย์, และเขาก็แทบจะทนอยู่ไม่ได้ เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าจะอยู่ที่นี่เป็นสิบปีได้อย่างไร

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าตกใจ “ที่พวกเรามาอยู่ที่ชั้นนี้ก็เป็นความคิดของท่าน?”

 

เย่เหวินยิ้ม “ถูกต้อง เจ้าควรจะขอบคุณข้า หากไม่ใช่เพราะข้า,เจ้าอาจจะถูกส่งไปที่ชั้นยี่สิบ มันลึกกว่า และสภาพแวดล้อมก็เลวร้ายยิ่งกว่า”

 

ไม่น่าแปลกที่เซี่ยวเฉินจะรู้สึกว่างานของพวกเขาช่างดรีย บง่าย ที่พวกเขาปกติไม่ค่อยจะมีอะไรทํานอกจากลาดตะ เวน มันเป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง

 

“ใช่แล้วเท่านพบซากศพกลายพันธุ์ทั้งสองร่างนั้นหรือยัง?” ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้เป็นโอกาสดี,เขาสามารถได้รับการชี้แจงจากเย่เหวิน

 

“พวกเราพบร่องรอยบางอย่างแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ควรถามถึงมันมากเกินไป” เย่เหวินไม่ได้ตอบคําถามของเซี่ยวเฉินตรงๆ จากนั้นเขาก็ถามต่อ “จากที่เจ้าพูดมา อาจารย์ของเจ้าต้องเป็นหลิวหรูเยว่ ใช่หรือไม่?”

 

มองเห็นเซี่ยวเฉินพยักหน้า,เยู่เหวินยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาพึมพํา “นางยังไม่ได้ยอมแพ้?”

 

“บั้ม 1”

 

ในจังหวะนั้นเอง,เกิดเสียงดังกึกก้องมาจากฝั่งตรงข้าม เซี่ยวเฉินมองไปตามทิศทางนั้นและพบว่ามันมีหินก้อนใหญ่ ที่กําลังสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องท่ามกลางพื้นที่ว่างตรงข้ามฝั่งแม่น้ํา

 

พลังมหาศาลสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถ้ํา หินดินนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากเพดาน

 

เซี่ยวเฉินได้เห็นหินก้อนนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจมันมากหลังจากนั้น แต่เดิมเขาคิดว่ามันเป็นเพียง ก้อนหินธรรมดา ถึงอย่างไร มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่จะพบก้อนหินที่ใต้พื้นดิน

 

อย่างไรก็ตาม ในใจังหวะนี้ ห่วงโซ่เส้นหนาก็ปรากฏขึ้นรอบๆของก้อนหินขนาดมหึมา มีกระบี่ปักลงไปในพื้นดินในทิศทั้งแปดของก้อนหิน

 

ห่วงโซ่หนาพันรอบก้อนหินและเชื่อมโยงกับตัวกระบี่ ก้อนหินขนาดใหญ่สั่นสะเทือนไม่หยุดราวกับว่ามันพร้อมที่จะบินหนีออกไปได้ทุกเวลา อย่างไรก็ตาม,กระบี่ทั้งแปดเล่มไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย

 

บางครั้งมีแสงเรืองออกมาจากตัวกระบี่แสงเรืองไหลไป ตามห่วงโซ่และเคลื่อนไปรอบหินก้อนมหึมา ก้อนหินที่กําลังจะเคลื่อนไปจากพื้นถูกกดลงไปในทันที

 

“บี้ม!”

 

หลังจากที่ก้อนหินถูกกดลงไป,มันก็ลอยขึ้นมาอีกครั้ง ทําให้ห่วงโซ่สั่นไหวไม่หยุด มันดูราวกับว่ามีปีศาจถูกปิดผนึกไว้ในก้อนหิน

 

มีเสียงคํารามอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากข้างในมันดังกึกก้องไปทั่วถ้ําที่กว้างใหญ่

 

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่กระบี่ทั้งแปดและห่วงโซ่ เขาแน่ใจว่าเขาไม่เคยพบเห็นพวกมันมาก่อน หากเขาเห็น,เขาคงไม่เมินเฉยก้อนหินขนาดใหญ่นั้นไป

 

เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออก อย่างไรก็ตาม,ในพื้นที่ที่เขาสํารวจ,เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เป็นวัตถุ นอกจากหินก้อนมหึมานั้นเขาไม่สามารถสัมผัส ได้ถึงห่วงโซ่และกระบี่

 

เกิดอะไรขึ้น? ข้าก็มองดูมันอยู่? เซี่ยวเฉินคิดอย่างงุนงง,ข้าสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน,แต่ทําไมข้ารู้สึกถึงมันด้วยสัมผัสวิญญาณของข้าไม่ได้

 

เดี๋ยวก่อน,มันไม่ถูกต้อง กระบี่ทั้งแปดนั้นไม่ใช่วัตถุ พวกมันคือห่วงโซวิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นก่อนความตาย,เซี่ยวเฉินคิดอย่างตกตะลึง

 

เซี่ยวเฉินในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันถูกบันทึกอยู่ ในหนังสือโบราณบางเล่มว่าก่อนที่ปราชญ์จะตกตายลง,พวกเขาสามารถผสานการบ่มเพาะพลังของพวกเขาเข้ากับจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาและเปลี่ยนให้มันเป็นดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซวิญญาณ

 

ศัตรประเภทใดที่ต้องใช้ถึงแปดปราชญ์เพื่อเปลี่ยนไปเป็นดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซ่วิญญาณในการปราบมัน? อะไรที่น่ากลัวถึงเพียงนั้น?

 

“มีอะไรอยู่ข้างใน?” เซี่ยวเฉินถามเย่เหวิน

 

เย่เหวินมองไปและพูดขึ้น “ราชันย์มารอสูรจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ราชันย์มารอสูรต้องการเส้นโลหิตวิญญาณ จากศาลากระบี่สวของพวกเรา ท้ายที่สุด,แปดผู้อาวุโสสูงสุดได้ผนึกเขาไว้”

 

พวกเขาสามารถปราบราชันย์จากเผ่ามารลงได้,เซี่ยวเฉินคิดอย่างตกตะลึง เช่นนั้น,เผ่ามารก็มีตัวตนอยู่ในโลกนี้

 

เผ่ามารและปีศาจมีความแตกต่างกัน;พวกมันมีตัวตนอยู่ในทวีปเทียนหวี่ตั้งแต่ยุคโบราณ

 

ตามตํานาน,มีนับหลายพันเผ่าพันธุ์ระหว่างยุคก่อนหน้าของยุคโบราณ มนุษย์เป็นเพียงหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ,เผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายในสงครามร้อยเผ่า

 

ต่อมาในยุคโบราณ,เผ่ามนุษย์ครอบครองตําแหน่งที่โดดเด่น เผ่าพันธุ์อื่นถูกทําลายและแตกหนีไป ดังนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์จึงได้แพร่ขยายไปทั่วทวีปเทียนหวี่

 

นอกจากนั้น หลังจากการโจมตีจากปีศาจไม่กี่ครั้ง,เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอพวกนั้นได้จางหายไปจากประวัติศาสตร์โดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม,เผ่ามารมีตัวตนที่พิเศษพวกมันอยู่รอดมาได้นับพันปี พวกมันสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของปีศาจและไม่ถูกทําลายลง

 

มีข่าวลือว่ายังมีเผ่ามารอยู่มากมายในดินแดนรกร้างของทวีป จากที่เห็นในวันนี้ ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นจริง

 

บูม!”

 

เกิดเสียงระเบิดดัง,ซ้อนทับกับเสียงระเบิดก่อนหน้า,ดึงกึกก้องไปในถ้ําที่กว้างใหญ่ มือที่มีขนได้ขยายออกมาจากให้ก้อนหินขนาดมหึมา

 

พลังพลุ่งพล่านไหลออกมาจากด้านใต้และแผ่ขยายไปทั่ว ถ้ําทําให้ทุกคนรู้สึกหลาดกลัว เผชิญหน้ากับกระแสพลังอันไร้ขอบเขต,พวกเขารู้สึกราวกับเป็นมดปลวก

 

มีกรงเล็บแหลมคมอยู่บนนิ้วทั้งห้าของมือขนาดมหึ มา,ส่องแสงเย็นเฉียบออกมา พวกมันมุ่งหน้าตรงไปที่หนึ่งในกระบี่ที่อยู่บนพื้น มันคว้าจับกระบี่ในทันที

 

เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนมังกรฟ้าในร่างของเขารู้สึกว่าถูกคุกคามและปลดปล่อยพลังกดดันบางเบาออกมา พลังนี้สามารถสยายกระแสพลังที่พรั่งพล่านออกไปอย่างง่ายดาย

 

เซี่ยวเฉินพึมพํา “มันพยายามจะทําอะไร? มันผ่านมากว่าพันปี,ทําไมเขาถึงยังได้มีพลังน่ากลัวเช่นนี้?”

 

“ทุกๆเดือนประมาณสองสามวัน,มันจะหงุดหงิดมากขึ้น ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซวิญญาณไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ นอกจากนั้นยังมีเหล่าค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

 

เมื่อเย่เหวินเห็นว่าเซี่ยวเฉินวิตกกังวล

 

เขาก็รีบอธิบายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

 

“ฟิว!”

 

แน่นอนเป็นไปตามที่เย่เหวินกล่าวในทันทีที่กรงเล็บยักษ์ สัมผัสกับด้ามกระบี่,ห่วงโซวิญญาณก็แตกแสงสายฟ้าออก มา ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดเรืองแสงรุ่งโรจน์ขึ้นมาเช่ นกัน

 

“อ่า!” มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านใต้ก้อนหินข นาดมหึมา ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซ่วิญญาณโจมตี ใส่จิตของมันโดยตรง,มันไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ไม่ว่าร่าง กายของมันจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด

 

“ปัง!”

 

ผู้บ่มเพาะพลังจากร่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ตะโกนอย่างเย็นชา ร่างของเขาวูบไหวในอากาศ:เขากระโดดขึ้นไปบนหินก้อนมหึมาและกระทืบลงไปอย่างหนัก

 

ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดหมุนวนอย่างรวดเร็ว,หมุนวนห่วงโซ่วิญญาณอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใต้

 

ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงร้องโหยหวนหยุดลง ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดและห่วงโซ่วิญญาณจางหายไปถ้ําห้วนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

 

เย่เฉินยิ้มขึ้นและยิ้มไปที่เซี่ยวเฉิน “ไปกันเถอะ การแสดงจบลงแล้ว และพวกเราก็ได้พักหายใจแล้ว มันก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไร,ใช่หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า,แต่เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ลืมอะไรไป ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้เขาถามขึ้น “รอก่อน,ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าทําไมพวกเราไม่สังหารหนอนสูบวิญญาณพวกนั้น!”

 

เยาเหวินยิ้มขึ้น “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่สามารถฆ่าพวกมันได้เจ้า แค่ไม่อาจฆ่าพวกมันเยอะเกินไป หากเส้นโลหิตวิญญาณของเทือกเขาหลิงหยุนไม่มีหนอนสูบวิญญาณพวกนี้มันควรจะเดือดแห้งไป, เมื่อเวลาผ่านไปหมื่นปี”

 

“หลังจากที่หนอนสูบวิญญาณกินแร่ดิบหินวิญญาณเข้าไป,แก่นกลางที่พวกมันสร้างขึ้นมาเป็นสิ่งบํารุงที่ดีที่สุด สําหรับต้นกําเนิดเส้นโลหิตวิญญาณ หากเจ้าฆ่าพวกมันทั้งหมด,เส้นโลหิตวิญญาณก็จะเหือดแห้งไป”

 

ต้นกําเนิดเส้นโลหิตวิญญาณคือสิ่งที่ผลิตแร่ดิบหินวิญญาณออกมา หากเส้นโลหิตวิญญาณเดือดแห้งไปเหมืองวิญญาณแห่งนี้ก็ไม่สามารถผลิตหินวิญญาณได้อีกต่อไป

 

เซี่ยวเฉินสามารถเข้าใจถึงหลักการนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่บํารุงต้นกําเนิดเส้นโลหิตวิญญาณ จะเป็นแก่นกลางของหนอนสูบวิญญาณ “มันไม่ถูกต้อง,ทําไมท่านถึงได้กล่าวว่าหนอนสูบวิญญาณเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหมืองวิญญาณ?”

 

เยาเหวินอธิบาย “เราไม่อาจมีพวกมันมากเกินไปได้เช่นกัน หากพวกมันกินแร่ดิบวิญญาณไปจนหมด แล้วพวกเราจะมาขุดหาอะไร? นั้นคือเหตุผลว่าทําไมพวกเราต้องรักษาส มดุลของพวกมันเอาไว้ในบางครั้ง,พวกเราก็ต้องฆ่าตัดจํานวนของพวกมัน”

 

“ข้าบอกไปว่าเจ้ามีเหตุผลที่จะฆ่าหนอนสูบวิญญาณ แต่ถึงอย่างไร,เจ้าไม่สามารถฆ่าพวกมันมากเกินไป”

 

พวกเขาทั้งสองเดินทางกลับ ระหว่างทางเย่เหวินยังคงถามไถ่ถึงสถานการณ์ของยอดเขาฉิงหยุนเซี่ยว เฉินบอกทุกอย่างที่เขารู้อย่างละเอียด

 

หลังจากเยาเหวินได้ยินถึงการล่มสลายของยอดเขาฉิงหยุน,บางครั้งเขาก็ถอนหายใจออกมาบางเบาเห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

 

เหมือนกับรื่นก่อนๆ เมื่อเขากลับถึงห้อง,ไม่พบตัวมู่ซินหยาแต่อย่างใด เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่านางไปที่ไหน หลังจากที่เขาชินแล้วเขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจนัก

 

“เห้!” หลังจากที่เซี่ยวเฉินอาบน้ําเสร็จ,เขาเดินผ่านเตียงของมู่ซินหยาและไปเห็นเหรียญแสดงตนยอดเขากางอวี่และเหรียญของโถงคุณความชอบที่วางไว้ใต้หมอนโดยบังเอิญ

 

นางไม่ได้นําเหรียญแสดงตนและเหรียญภารกิจติดตัวไปด้วย เซี่ยวเฉินเดินตรงไปและหยิบพวกมันขึ้นมา มันเป็นเหรียญแสดงตนยอดเขากางอวี่ของมู่ซินหยาแย่างแน่ นอน มีคําว่า “กางอวี่” อยู่ด้านหน้าและชื่อของมู่ซินหยาอยู่ข้างหลัง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 186 ห่วงโซ่วิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 186 ห่วงโซ่วิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 186 ห่วงโซ่วิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์

 

เย่เหวินกล่าวอย่างเฉยเมย “นี่คือพลังฉีอสูร มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าพลังฉีฆ่าฟันมันจะดึงเอาเจตนาฆ่าฟันในใจของเจ้าออกมา ทําให้ผู้นั้นเกิดบ้าคลั่ง”

 

เซี่ยวเฉินมองอย่างหวาดกลัวไปที่คนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ํา เขาพึมพํากับตัวเอง “พวกเขาสังหารคนไปมากมายแค่ไหนถึงได้มีพลังอสูรที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ว”

 

ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์คือกองกําลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศาลากระบีสวรรค์ พวกเขามาทําอะไรที่นี่? หรือพวกเขากําลังคุ้มกันอะไรบางอย่าง? เหตุใดเย่เหวินถึงถึงได้พาเขามา ที่นี่? เซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง

 

“แค่เพิกเฉยพวกเขาไป;เจ้าจะไม่เป็นไรตราบใดที่เจ้าไม่ข้ามฝั่งแม่น้ําไป ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อมาพักหายใจสักเล็กน้อย อย่าไปคิดมาก!” เย่เหวินขจัดความข้องใจของเซี่ยวเฉิน

 

เย่เหวินนําเซี่ยวเฉินไปที่โต๊ะหินโต๊ะหนึ่งด้านข้างริมฝั่งแม่ นําก่อนที่จะหยุดลง จากนั้นเขาก็หยิบเหล้าออกมาหนึ่งขวดและจอกเหล้าอีกสองจอก,วางลงไว้บนโต๊ะ

 

เย่เหวินเทเหล้าลงจอกและยื่นมาให้กับเซี่ยวเฉิน เย่เหวินยกขึ้นจิบก่อนที่จะพูดขึ้น “นั่งลงก่อน ให้ข้าได้ถามเจ้าเจ้าเข้าร่วมยอดฉิงหยุนตั้งแต่เมื่อใด? สถานการณ์ของยอดเขาฉิงหยุนตอนนี้เป็นเช่นไร?”

 

เซี่ยวเฉินรับจอกเหล้ามาและกระดกลงหมดในอีกเดียว มีสายลมเย็นพัดผ่านมาจากทางแม่น้ํา,ทําให้รู้สึกผ่อนคลาย เซี่ยวเฉินคาดเดาได้นานแล้วว่าเย่เหวินก็เป็นคนของยอดเขา ฉิงหยุนเช่นกัน เขาจึงไม่แปลกใจอะไรที่ถูกถามเช่นนี้

 

“ข้าเข้ามาได้เพียงสามเดือน ตอนที่ข้ามา,ทุกคนได้ทอดทิ้งยอดเขาฉิงหยุนไปหมดแล้ว มีเพียงหลิวหรูเยว่และและน้องชายของนางที่ยังอยู่” เซี่ยวเฉินตอบตามจริงโดยไม่ปิดบังอะไร “ท่านไม่รู้ถึงเรื่องพวกนี้เลย?”

 

เมื่อเย่เหวินได้ยินเช่นนั้น,เขาเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าไม่ได้ออกไปไหนมานับสิบปี ข้าได้ยินถึงสถานการณ์ของพวกเขามาเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อข้าเห็นว่ามีคนจากยอดเขาฉิงหยุนรับงานเฝ้ายามในครั้งนี้ ข้าจึงขอให้เจ้ามาอยู่ในการดูแลของข้า”

 

ไม่ได้ออกไปไหนนับสิบปี เป็นไปได้ว่าเยู่เหวินติดอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปี?

 

ช่างไม่น่าเชื่อ,เซี่ยวเฉินมาที่นี่เพียงหนึ่งอาทิตย์, และเขาก็แทบจะทนอยู่ไม่ได้ เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าจะอยู่ที่นี่เป็นสิบปีได้อย่างไร

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าตกใจ “ที่พวกเรามาอยู่ที่ชั้นนี้ก็เป็นความคิดของท่าน?”

 

เย่เหวินยิ้ม “ถูกต้อง เจ้าควรจะขอบคุณข้า หากไม่ใช่เพราะข้า,เจ้าอาจจะถูกส่งไปที่ชั้นยี่สิบ มันลึกกว่า และสภาพแวดล้อมก็เลวร้ายยิ่งกว่า”

 

ไม่น่าแปลกที่เซี่ยวเฉินจะรู้สึกว่างานของพวกเขาช่างดรีย บง่าย ที่พวกเขาปกติไม่ค่อยจะมีอะไรทํานอกจากลาดตะ เวน มันเป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง

 

“ใช่แล้วเท่านพบซากศพกลายพันธุ์ทั้งสองร่างนั้นหรือยัง?” ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้เป็นโอกาสดี,เขาสามารถได้รับการชี้แจงจากเย่เหวิน

 

“พวกเราพบร่องรอยบางอย่างแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ควรถามถึงมันมากเกินไป” เย่เหวินไม่ได้ตอบคําถามของเซี่ยวเฉินตรงๆ จากนั้นเขาก็ถามต่อ “จากที่เจ้าพูดมา อาจารย์ของเจ้าต้องเป็นหลิวหรูเยว่ ใช่หรือไม่?”

 

มองเห็นเซี่ยวเฉินพยักหน้า,เยู่เหวินยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาพึมพํา “นางยังไม่ได้ยอมแพ้?”

 

“บั้ม 1”

 

ในจังหวะนั้นเอง,เกิดเสียงดังกึกก้องมาจากฝั่งตรงข้าม เซี่ยวเฉินมองไปตามทิศทางนั้นและพบว่ามันมีหินก้อนใหญ่ ที่กําลังสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องท่ามกลางพื้นที่ว่างตรงข้ามฝั่งแม่น้ํา

 

พลังมหาศาลสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถ้ํา หินดินนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากเพดาน

 

เซี่ยวเฉินได้เห็นหินก้อนนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจมันมากหลังจากนั้น แต่เดิมเขาคิดว่ามันเป็นเพียง ก้อนหินธรรมดา ถึงอย่างไร มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่จะพบก้อนหินที่ใต้พื้นดิน

 

อย่างไรก็ตาม ในใจังหวะนี้ ห่วงโซ่เส้นหนาก็ปรากฏขึ้นรอบๆของก้อนหินขนาดมหึมา มีกระบี่ปักลงไปในพื้นดินในทิศทั้งแปดของก้อนหิน

 

ห่วงโซ่หนาพันรอบก้อนหินและเชื่อมโยงกับตัวกระบี่ ก้อนหินขนาดใหญ่สั่นสะเทือนไม่หยุดราวกับว่ามันพร้อมที่จะบินหนีออกไปได้ทุกเวลา อย่างไรก็ตาม,กระบี่ทั้งแปดเล่มไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย

 

บางครั้งมีแสงเรืองออกมาจากตัวกระบี่แสงเรืองไหลไป ตามห่วงโซ่และเคลื่อนไปรอบหินก้อนมหึมา ก้อนหินที่กําลังจะเคลื่อนไปจากพื้นถูกกดลงไปในทันที

 

“บี้ม!”

 

หลังจากที่ก้อนหินถูกกดลงไป,มันก็ลอยขึ้นมาอีกครั้ง ทําให้ห่วงโซ่สั่นไหวไม่หยุด มันดูราวกับว่ามีปีศาจถูกปิดผนึกไว้ในก้อนหิน

 

มีเสียงคํารามอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากข้างในมันดังกึกก้องไปทั่วถ้ําที่กว้างใหญ่

 

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่กระบี่ทั้งแปดและห่วงโซ่ เขาแน่ใจว่าเขาไม่เคยพบเห็นพวกมันมาก่อน หากเขาเห็น,เขาคงไม่เมินเฉยก้อนหินขนาดใหญ่นั้นไป

 

เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออก อย่างไรก็ตาม,ในพื้นที่ที่เขาสํารวจ,เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เป็นวัตถุ นอกจากหินก้อนมหึมานั้นเขาไม่สามารถสัมผัส ได้ถึงห่วงโซ่และกระบี่

 

เกิดอะไรขึ้น? ข้าก็มองดูมันอยู่? เซี่ยวเฉินคิดอย่างงุนงง,ข้าสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน,แต่ทําไมข้ารู้สึกถึงมันด้วยสัมผัสวิญญาณของข้าไม่ได้

 

เดี๋ยวก่อน,มันไม่ถูกต้อง กระบี่ทั้งแปดนั้นไม่ใช่วัตถุ พวกมันคือห่วงโซวิญญาณและดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นก่อนความตาย,เซี่ยวเฉินคิดอย่างตกตะลึง

 

เซี่ยวเฉินในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันถูกบันทึกอยู่ ในหนังสือโบราณบางเล่มว่าก่อนที่ปราชญ์จะตกตายลง,พวกเขาสามารถผสานการบ่มเพาะพลังของพวกเขาเข้ากับจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาและเปลี่ยนให้มันเป็นดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซวิญญาณ

 

ศัตรประเภทใดที่ต้องใช้ถึงแปดปราชญ์เพื่อเปลี่ยนไปเป็นดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซ่วิญญาณในการปราบมัน? อะไรที่น่ากลัวถึงเพียงนั้น?

 

“มีอะไรอยู่ข้างใน?” เซี่ยวเฉินถามเย่เหวิน

 

เย่เหวินมองไปและพูดขึ้น “ราชันย์มารอสูรจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ราชันย์มารอสูรต้องการเส้นโลหิตวิญญาณ จากศาลากระบี่สวของพวกเรา ท้ายที่สุด,แปดผู้อาวุโสสูงสุดได้ผนึกเขาไว้”

 

พวกเขาสามารถปราบราชันย์จากเผ่ามารลงได้,เซี่ยวเฉินคิดอย่างตกตะลึง เช่นนั้น,เผ่ามารก็มีตัวตนอยู่ในโลกนี้

 

เผ่ามารและปีศาจมีความแตกต่างกัน;พวกมันมีตัวตนอยู่ในทวีปเทียนหวี่ตั้งแต่ยุคโบราณ

 

ตามตํานาน,มีนับหลายพันเผ่าพันธุ์ระหว่างยุคก่อนหน้าของยุคโบราณ มนุษย์เป็นเพียงหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ,เผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายในสงครามร้อยเผ่า

 

ต่อมาในยุคโบราณ,เผ่ามนุษย์ครอบครองตําแหน่งที่โดดเด่น เผ่าพันธุ์อื่นถูกทําลายและแตกหนีไป ดังนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์จึงได้แพร่ขยายไปทั่วทวีปเทียนหวี่

 

นอกจากนั้น หลังจากการโจมตีจากปีศาจไม่กี่ครั้ง,เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอพวกนั้นได้จางหายไปจากประวัติศาสตร์โดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม,เผ่ามารมีตัวตนที่พิเศษพวกมันอยู่รอดมาได้นับพันปี พวกมันสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของปีศาจและไม่ถูกทําลายลง

 

มีข่าวลือว่ายังมีเผ่ามารอยู่มากมายในดินแดนรกร้างของทวีป จากที่เห็นในวันนี้ ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นจริง

 

บูม!”

 

เกิดเสียงระเบิดดัง,ซ้อนทับกับเสียงระเบิดก่อนหน้า,ดึงกึกก้องไปในถ้ําที่กว้างใหญ่ มือที่มีขนได้ขยายออกมาจากให้ก้อนหินขนาดมหึมา

 

พลังพลุ่งพล่านไหลออกมาจากด้านใต้และแผ่ขยายไปทั่ว ถ้ําทําให้ทุกคนรู้สึกหลาดกลัว เผชิญหน้ากับกระแสพลังอันไร้ขอบเขต,พวกเขารู้สึกราวกับเป็นมดปลวก

 

มีกรงเล็บแหลมคมอยู่บนนิ้วทั้งห้าของมือขนาดมหึ มา,ส่องแสงเย็นเฉียบออกมา พวกมันมุ่งหน้าตรงไปที่หนึ่งในกระบี่ที่อยู่บนพื้น มันคว้าจับกระบี่ในทันที

 

เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนมังกรฟ้าในร่างของเขารู้สึกว่าถูกคุกคามและปลดปล่อยพลังกดดันบางเบาออกมา พลังนี้สามารถสยายกระแสพลังที่พรั่งพล่านออกไปอย่างง่ายดาย

 

เซี่ยวเฉินพึมพํา “มันพยายามจะทําอะไร? มันผ่านมากว่าพันปี,ทําไมเขาถึงยังได้มีพลังน่ากลัวเช่นนี้?”

 

“ทุกๆเดือนประมาณสองสามวัน,มันจะหงุดหงิดมากขึ้น ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซวิญญาณไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ นอกจากนั้นยังมีเหล่าค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

 

เมื่อเย่เหวินเห็นว่าเซี่ยวเฉินวิตกกังวล

 

เขาก็รีบอธิบายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

 

“ฟิว!”

 

แน่นอนเป็นไปตามที่เย่เหวินกล่าวในทันทีที่กรงเล็บยักษ์ สัมผัสกับด้ามกระบี่,ห่วงโซวิญญาณก็แตกแสงสายฟ้าออก มา ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดเรืองแสงรุ่งโรจน์ขึ้นมาเช่ นกัน

 

“อ่า!” มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านใต้ก้อนหินข นาดมหึมา ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์และห่วงโซ่วิญญาณโจมตี ใส่จิตของมันโดยตรง,มันไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ไม่ว่าร่าง กายของมันจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด

 

“ปัง!”

 

ผู้บ่มเพาะพลังจากร่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ตะโกนอย่างเย็นชา ร่างของเขาวูบไหวในอากาศ:เขากระโดดขึ้นไปบนหินก้อนมหึมาและกระทืบลงไปอย่างหนัก

 

ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดหมุนวนอย่างรวดเร็ว,หมุนวนห่วงโซ่วิญญาณอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใต้

 

ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงร้องโหยหวนหยุดลง ดวงจิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดและห่วงโซ่วิญญาณจางหายไปถ้ําห้วนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

 

เย่เฉินยิ้มขึ้นและยิ้มไปที่เซี่ยวเฉิน “ไปกันเถอะ การแสดงจบลงแล้ว และพวกเราก็ได้พักหายใจแล้ว มันก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไร,ใช่หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า,แต่เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ลืมอะไรไป ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้เขาถามขึ้น “รอก่อน,ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าทําไมพวกเราไม่สังหารหนอนสูบวิญญาณพวกนั้น!”

 

เยาเหวินยิ้มขึ้น “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่สามารถฆ่าพวกมันได้เจ้า แค่ไม่อาจฆ่าพวกมันเยอะเกินไป หากเส้นโลหิตวิญญาณของเทือกเขาหลิงหยุนไม่มีหนอนสูบวิญญาณพวกนี้มันควรจะเดือดแห้งไป, เมื่อเวลาผ่านไปหมื่นปี”

 

“หลังจากที่หนอนสูบวิญญาณกินแร่ดิบหินวิญญาณเข้าไป,แก่นกลางที่พวกมันสร้างขึ้นมาเป็นสิ่งบํารุงที่ดีที่สุด สําหรับต้นกําเนิดเส้นโลหิตวิญญาณ หากเจ้าฆ่าพวกมันทั้งหมด,เส้นโลหิตวิญญาณก็จะเหือดแห้งไป”

 

ต้นกําเนิดเส้นโลหิตวิญญาณคือสิ่งที่ผลิตแร่ดิบหินวิญญาณออกมา หากเส้นโลหิตวิญญาณเดือดแห้งไปเหมืองวิญญาณแห่งนี้ก็ไม่สามารถผลิตหินวิญญาณได้อีกต่อไป

 

เซี่ยวเฉินสามารถเข้าใจถึงหลักการนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่บํารุงต้นกําเนิดเส้นโลหิตวิญญาณ จะเป็นแก่นกลางของหนอนสูบวิญญาณ “มันไม่ถูกต้อง,ทําไมท่านถึงได้กล่าวว่าหนอนสูบวิญญาณเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหมืองวิญญาณ?”

 

เยาเหวินอธิบาย “เราไม่อาจมีพวกมันมากเกินไปได้เช่นกัน หากพวกมันกินแร่ดิบวิญญาณไปจนหมด แล้วพวกเราจะมาขุดหาอะไร? นั้นคือเหตุผลว่าทําไมพวกเราต้องรักษาส มดุลของพวกมันเอาไว้ในบางครั้ง,พวกเราก็ต้องฆ่าตัดจํานวนของพวกมัน”

 

“ข้าบอกไปว่าเจ้ามีเหตุผลที่จะฆ่าหนอนสูบวิญญาณ แต่ถึงอย่างไร,เจ้าไม่สามารถฆ่าพวกมันมากเกินไป”

 

พวกเขาทั้งสองเดินทางกลับ ระหว่างทางเย่เหวินยังคงถามไถ่ถึงสถานการณ์ของยอดเขาฉิงหยุนเซี่ยว เฉินบอกทุกอย่างที่เขารู้อย่างละเอียด

 

หลังจากเยาเหวินได้ยินถึงการล่มสลายของยอดเขาฉิงหยุน,บางครั้งเขาก็ถอนหายใจออกมาบางเบาเห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

 

เหมือนกับรื่นก่อนๆ เมื่อเขากลับถึงห้อง,ไม่พบตัวมู่ซินหยาแต่อย่างใด เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่านางไปที่ไหน หลังจากที่เขาชินแล้วเขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจนัก

 

“เห้!” หลังจากที่เซี่ยวเฉินอาบน้ําเสร็จ,เขาเดินผ่านเตียงของมู่ซินหยาและไปเห็นเหรียญแสดงตนยอดเขากางอวี่และเหรียญของโถงคุณความชอบที่วางไว้ใต้หมอนโดยบังเอิญ

 

นางไม่ได้นําเหรียญแสดงตนและเหรียญภารกิจติดตัวไปด้วย เซี่ยวเฉินเดินตรงไปและหยิบพวกมันขึ้นมา มันเป็นเหรียญแสดงตนยอดเขากางอวี่ของมู่ซินหยาแย่างแน่ นอน มีคําว่า “กางอวี่” อยู่ด้านหน้าและชื่อของมู่ซินหยาอยู่ข้างหลัง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+